ป้าหยูไม่เคยแต่งงานมาก่อน แต่เรื่องของสามีภรรยาก็พอรู้อยู่ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะบ้าได้ถึงขั้นนี้
ทุกสายตาก็หันไปมองตาม จงจิ่งห้าวก็เหมือนกัน “คุณได้รับบาดเจ็บหรอ? เจ็บตรงไหน?”
หลินซินเหยียนยังไม่ทันได้พูด ป้าหยูก็แย่งพูดขึ้นมาก่อน “เธออาบน้ำแล้วลื่นล้ม บนเอวมีรอยเขียวช้ำ ตอนที่เธอกินข้าว เสื้อยับขึ้นไป ป้าก็เลยเห็น ถ้าหากป้าไม่เห็นเข้า เธอก็คงไม่พูดมันออกมาแน่”
“เร่งด่วนรึเปล่า ไปตรวจที่โรงพยาบาลมั้ย?”เฉิงยู่ซิ่วพูดอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร”หลินซินเหยียนพยายามใช้เสียงปกติ พูดกับเฉิงยู่ซิ่ว
ขณะนั้นเอง เธออยากที่จะมุดดินหนีเหลือเกิน ไม่อยากเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้น
จงจิ่งห้าวใช้ความคิด เมื่อคืนวานนี้เธอลื่นล้ม?
เขาไม่รู้ได้ยังไง?
“เราไปกันเถอะ สายแล้วนะ”หลินซินเหยียนสวมเสื้อให้หลินซีเฉิน ตั้งใจข้ามประเด็นของทุกคน
สายตาของจงจิ่งห้าวจ้องมองไปยังเอวของเธอ ขนตาสั่นไหว เหมือนจะพอรู้สาเหตุแล้ว
เฉิงยู่ซิ่วยังคงเป็นห่วง พุ่งไปข้างๆเธอ ถามเบาๆว่า “ไม่เป็นไรจริงนะ?”
หลิยซินเหยียนไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ตอบโดยอยู่ในท่าใส่รองเท้าให้ลูกชาย “ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ”
เฉิงยู่ซิ่วมองออกว่าหลินซินเหยียนไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก
แต่ป้าหยูตาไม่มีแววสักนิด มองไม่ออกว่าหลินซินเหยียนพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องนี้อยู่ตลอด เลยถามขึ้นมาอีก “ห้องอาบน้ำด้านบน ไม่ได้ทำที่กันลื่นใช่มั้ยคะ ถ้าไม่ได้ทำไม่ได้นะคะ จะลื่นล้มเอาได้ง่าย”
“ทำแล้วล่ะ”เฉิงยู่ซิ่วตอบ แถมยังเป็นวัสดุกันลื่นอย่างดีอีกด้วย ตามหลักแล้วไม่มีทางลื่นล้มได้ หลินซินเหยียนล้มน่าจะเป็นเหตุสุดวิสัย
เฉิงยู่ซิ่วไม่ได้คิดไปในทางอื่น
ป้าหยูยังไม่หายแคลงใจ ถ้าทำที่กันลื่นแล้วจริง แล้วทำไมยังล้มได้อีกล่ะ?
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”จงฉีเฟิงเอ่ยขึ้นมา
ทุกคนทยอยสวมเสื้อโค้ทแล้วเดินออกจากบ้านไป ด้านนอกลมพัดแรง เหยียบลงบนพื้นหิมะ มีเสียงดังตึกตึก
หลินลุ่ยซีก็ไม่ได้ให้หลินซินเหยียนอุ้มแล้ว อยู่ในอ้อมแขนของจงจิ่นห้าวอย่างเชื่อฟัง
อาจจะเป็นเพราะถูกหิมะคลุมอยู่ ทั้งๆที่ฟ้ามืดลงไปแล้ว แต่ก็ยังคงสว่างอยู่เหมือนเดิม
รถยนต์หลายคันค่อยๆขับออกจากวิลล่า
ถนนสีขาว ถูกยางรถยนต์ทับจนเป็นรอย
จงฉีเฟิงเป็นคนจองสถานที่ ห้องส่วนตัวขนาดใหญ่พอที่บรรจุได้20กว่าคน ที่ผ่านมาจงจิ่งห้าวไม่ได้กลับมาฉลองปีใหม่ คนขับรถและคนใช้ในบ้านก็จะมาร่วมโต๊ะ คนที่อยู่ในบ้านทุกวัน กับคนในครอบครัวมันไม่เหมือนกัน
อีกอย่างแบบนั้นดูจะคึกคักมากขึ้น
ปีนี้ จงฉีเฟิงดีใจมาก เขาเองก็จำไม่ค่อยได้ ว่าไม่ได้ฉลองวันสิ้นปีกับจงจิ่งห้าวด้วยกันมานานแค่ไหนแล้ว
คนกลุ่มหนึ่งทยอยเข้ามานั่งประจำที่ พนักงานเดินเข้ามาถามว่าให้ตั้งโต๊ะได้เลยหรือไม่
จงฉีเฟิงยังไม่ทันเอ่ยปากพูด หลินลุ่ยซีก็แย่งพูดก่อน “ตั้งเถอะค่ะ หนูหิวแล้ว”
ยังไงก็เป็นแค่เด็ก พนักงานยิ้มแล้วหันไปมองความเห็นจากจงฉีเฟิง
จงฉีเฟิงโบกมือขึ้น “เอาตามที่หลานสาวผมบอก”
พนักงานตอบรับทราบ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป ใช้เวลาไม่นานนัก พนักงานก็ทยอยเดินตามกันเข้ามา วางอาหารอร่อยหลากหลายจนเต็มจานหมุนบนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่
หลินลุ่ยซีแทบจะน้ำลายไหล “ว้าว หอมจังเลย หนูจะกิน”
เธออดใจไม่ไหวอยากจะชิมแล้ว
“ก่อนที่จะกินกัน ผมขอพูดสักสองสามประโยค”จงฉีเฟิงเอ่ยขึ้นมากะทันหัน เขาให้เฉิงยู่ซิ่วนำของที่เขาเตรียมไว้เอาออกมา
“หกปีก่อน ผมไม่รู้ ว่าผมมีหลานสาวกับหลานชาย เลยไม่ได้ดูแลพวกเขาเลย ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก แน่นอน นี่ต้องขอบคุณหลินซินเหยียนที่ให้กำเนิดและเลี้ยงพวกเขามาจนโต”
จงฉีเฟิงส่งสัญญาณให้พนักงานรินเหล้า พนักงานรู้งานอย่างมาก ถือกาเหล้าในมือ เดินไปที่ข้างหลินซินเหยียน รินให้เธอจนเต็มจอก
“จอกแรก ผมดื่มแด่คุณ”จงฉีเฟิงยกจอกเหล้าขึ้น
หลินซินเหยียนรู้สึกลำบากใจ เธอกำจอกเหล้าสองมืนแน่นแล้วลุกยืนขึ้น “คุณคิดมากเกินไปแล้วค่ะ ทั้งหมดนั้นฉันไม่เคยบ่นเลย ฉันเต็มใจทำ เหล้าของคุณ ฉันไม่กล้ารับหรอกค่ะ ฉันเป็นผู้น้อย ควรจะเป็นฉันดื่มแก่คุณค่ะ”
หลินซินเหยียนชนแก้วก่อนเพื่อแสดงความเคารพ ยกเหล้าขาวดื่มหมดในรวดเดียว แสบคอจัง ในคอรู้สึกแสบร้อนไปหมด
เธอเอามือปิดปาก “ฉันดื่มเหล้าไม่เก่งน่ะค่ะ”
จงจิ่งห้าวตักอาหารให้เธอ “กินอะไรลองท้องก่อน”
จงฉีเฟิงโบกมือให้เธอนั่งลง
หลินซินเหยียนตักอาหารที่จงจิ่งห้าวตักให้เธอเข้าปาก เคี้ยวสักหน่อยแล้วกลืนลงไป
จงฉีเฟิงรู้สึกอารมณ์ดีมาก รู้สึกพอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มาก เพราะเธอทำให้จงจิ่งห้าวยอมกลับมาบ้าน และให้กำเนิดลูกที่น่ารักสองคนแก่ตระกูลจง
เขาหยิบซองเอกสารสองซองจากในมือเฉิงยู่ซิ่ว “นี่เป็นหุ้นในบริษัทของฉัน ฉันแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้เสี่ยวซี อีกส่วนหนึ่งให้เสี่ยวลุ่ย”
บริษัทยกให้จงจิ่งห้าวดูแล หุ้นในมือที่เขามีอยู่ ตอนนี้เขายกให้เด็กทั้งสองคนแล้ว
หลินซินเหยียนลุกขึ้นอีกครั้ง “พวกเขายังเด็ก รับของที่สำคัญขนาดนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
จงฉีเฟิงไม่ยอมให้ปฏิเสธง่ายๆ “ผมเอาให้เด็กทั้งสองคน เอกสารผมก็เซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พวกเขายังเด็ก เธอช่วยเก็บไว้แทนพวกเขาหน่อยแล้วกัน”
จงฉีเฟิงยื่นซองเอกสารให้หลินซินเหยียน หลินซินเหยียนไม่กล้ารับไว้จริงๆ “นี่…”
“ทำไม รังเกียจที่มันน้อยไปหรือไง?”จงฉีเฟิงแกล้งทำเป็นโกรธ นี่เป็นหุ้นครึ่งหนึ่งของว่านเซิ่งกรุ๊ปเลยนะ ล่อใจเธอไม่ได้เลยสักนิด
จงฉีเฟิงพยักหน้าเงียบๆในใจ คนที่อยู่เคียงข้างจงจิ่งห้าว แล้วสามารถคุมตัวเองได้ ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งล่อใจ แบบนี้ เขาก็วางใจได้หมดแล้ว
“ไม่ใช่ค่ะ แต่แค่เด็กทั้งสองยังเด็กอยู่ ยังไม่ต้องการของพวกนี้ น้ำใจของคุณฉันเข้าใจดีค่ะ แล้วก็รับไว้ด้วยใจแล้วค่ะ สิ่งนี้สำหรับพวกเขามันมากเกินไป ฉันไม่สามารถตัดสินใจแทนพวกเขาได้หรอกค่ะ”หลินซินเหยียนยังคงไม่กล้ารับไว้ ครึ่งหนึ่งของว่านเซิ่งกรุ๊ปเลยนะ
เธอรับเอาไว้ ครึ่งหนึ่งของว่านเซิ่งกรุ๊ปก็เป็นของเด็กทั้งสองคนแล้ว พูดถึงเด็กทั้งสองคน พวกเขาพึ่งจะ6ขวบ เกรงว่าจะยังไม่รู้ว่านี่คืออะไร เธอเป็นผู้ปกครองมีสิทธิ์เก็บรักษามันไว้แทนเด็กทั้งสองคน
เพราะแบบนี้ เธอถึงไม่กล้ารับไว้
หากว่าเด็กทั้งสองคนโตขึ้น แล้วเขาให้ เธอจะไม่รั้งเอาไว้เลย ยังไงพวกเขาก็เป็นสายเลือดตระกูลจง
จงจิ่งห้าวรับไว้แทนหลินซินเหยียน ธูปตระกูลจงไม่ได้งอกงามอะไร รุ่นของจงฉีเฟิงมีกันแค่สองคนพี่น้อง จงฉีเฟิงมีพี่ชายคนหนึ่ง แต่ว่าตอนอายุสิบกว่าขวบก็ไม่มีแล้ว ตามรอยก่อนหน้าขึ้นไปอีก ก็คือรุ่นพ่อของจงฉีเฟิง ก็มีกันแค่สองคนพี่น้อง พ่อของจงฉีเฟิงเป็นนายใหญ่ นายอันดับสองก็คืออาของจงฉีเฟิง ไม่เก่งด้านธุรกิจ สองบริษัทที่เปิดให้เขาต่างก็ต้องปิดตัวลง
ต่อมาเขาก็รู้ว่าตัวเองไม่เหมาะสม เลยไม่ทำแล้ว หุ้นว่านเซิ่งกรุ๊ปในมือ ก็แค่แบ่งเงิน แต่ไม่ได้ทำงาน
หลังจากนั้นเขาก็มีลูกชายคนหนึ่ง ก็เป็นรุ่นเดียวกับจงฉีเฟิงนี่แหละ ตามสายเลือด ก็สามารถแบ่งหุ้นว่านเซิ่งกรุ๊ปครึ่งหนึ่งได้
แต่ว่า เขาดันมีลูกไม่ได้ สเปิร์มไม่แข็งแรง เพื่อรักษาโรคนี้หมดเงินไปเป็นจำนวนมาก ไปรักษาหลายที่ ต่อมาก็รักษาไม่หาย อายุน้อยกว่าจงฉีเฟิงไม่กี่ปี ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แต่เพราะสภาพร่างกายของตนเองเลยค่อนข้างรู้สึกแปลกแยก แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยไปมาหาสู่กับจงฉีเฟิง
ในมือเขายังมีหุ้นอยู่อีก20%
ส่วนที่เหลืออยู่ในมือจงฉีเฟิง50% และในมือจงจิ่งห้าว30%
หุ้น20%ที่กระจายอยู่ด้านนอก แทบจะไม่มีประโยชน์อะไร ประโยชน์เพียงอย่างเดียวก็คือทรัพย์สินถูกแบ่งออก20% กำไรทุกปีของบริษัทก็แบ่งออก20%เช่นกัน โอนเข้าบัญชีของเขา
ถึงแม้จะไม่มีทายาท แต่ชีวิตนี้ก็ถือว่าไม่เสียเปล่า ตอนหนุ่มก็มีสง่าราศี ตอนนี้ถึงจะไม่หนุ่มแล้ว แต่มีเงินอยู่ในมือ จะทำอะไรก็ได้
จงจิ่งห้าวตักอาหารให้หลินซินเหยียน “วางใจเก็บไว้เถอะ”
หลินซินเหยียนพูดอุบอิบเบาๆ“ไม่กลัวฉันแย่งตำแหน่งคุณไปหรือไง?”
เธอพูดเสียงเบามาก แต่จงจิ่งห้าวก็ยังได้ยิน เขาเขยิบเข้าไปใกล้ๆ ใช้น้ำเสียงที่เธอสามารถได้ยินแค่คนเดียว พูดข้างหูเธอว่า “ให้คุณหมดเลย ตัวผมก็ให้คุณ”