วิวาห์ร้อน รักหวานซึ้ง – ตอนที่ 105

ตอนที่ 105

ตอนที่ 105
ปาณี “……”
จริมน่ารำคาญมากจริงๆ สามารถเข้าใจได้ที่คุณอาจะโกรธ แต่ว่า ทำไมเธอพลอยโดยโกรธไปด้วยล่ะ?
ปาณีเดินตามเข้าไป และนั่งลงข้างๆธามนิธิที่เย็นชามาก ธามนิธิไม่ได้สนใจเธอ เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณเป็นอะไรหรอคะ?”
“โกรธ” ใบหน้าของธามนิธิเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง
“จริมน่ารำคาญมากก็จริง แต่ว่า หนูก็เป็นผู้บริสุทธิ์นะคะ!” ทำไมจู่ๆต้องมาโกรธเธอด้วยล่ะ?
ธามนิธิมองสายตาที่น้อยใจของปาณีแวบหนึ่ง จึงพูดเหตุผลที่ทำให้ตัวเองโกรธออกมาสักที “ทำไมไม่บอกฉันเรื่องที่ไปกินข้าวกับเขา?”
ปาณีบอกว่า “ก็ครั้งที่แล้วที่ไปเจอน้องชายไงคะ หนูไม่รู้ว่าแม่หนูนัดเขามาด้วย……”
พูดถึงตรงนี้ ปาณีก็บ่นอย่างเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาว่า “เขาเป็นคนสั่งกับข้าวแท้ๆ แต่สุดท้ายเขาก็หนีกลับไปโดยไม่เช็คบิลเลย หนูยังต้องใช้เงินที่คุณอาให้ไปเช็คบิลอีก”
เวลาที่บ่น สายตาของปาณีจ้องหน้าธามนิธิตลอดเวลา พอเห็นแววตาของเขาไม่ค่อยเย็นชาขนาดนั้นแล้ว จึงสรุปความว่า “หนูก็แค่รู้สึกว่าคนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องบอกคุณอา ฟังแล้วแสลงหูเปล่าๆ”
ธามนิธิจ้องมองปาณี เวลาที่เธออธิบาย ในแววตามีความจนปัญญาเล็กน้อย มองออกได้ว่า การที่ทานข้าวกับจริม ไม่ได้ทำให้เธอมีความทรงจำที่น่าประทับใจเลย
บวกกับท่าทีที่เธอมีต่อจริมในวันนี้ ก็บ่งบอกเรื่องนี้ให้รู้แล้ว
ธามนิธิพูดว่า “ครั้งหน้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก อย่าลืมบอกฉันล่ะ”
เขาเกลียดคนระเกะระกะที่เข้าออกในชีวิตเธอ โดยเฉพาะคนอย่างจริม ไม่อยากเห็นเขาปรากฏตัวในโลกของปาณีตลอดไป
และยิ่งไปกว่านั้น ไม่คาดคิดเลยว่าคนอย่างนั้นจะเคยดูตัวกับปาณีด้วย?
เธอพยักหน้าตอบ “ค่ะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
ธามนิธิถึงจะถอนหายใจอย่างโล่งอกด้วยความพึงพอใจ ยื่นมือออกไปหยิบเมนูขึ้นมา “กินข้าวกันเถอะ!”
เขาก็แค่พูดแบบปกติไม่กี่คำ แต่ปาณีกลับรู้สึกตื่นเต้นเหมือนกับว่าตัวเองถูกรุ่นพี่ในโรงเรียนด่าไปยกใหญ่
มิน่าล่ะ จริมที่หน้าด้านขนาดนั้น พอเจอธามนิธิโมโหยังตกใจกลัวจนเผ่นไปเลย
ปาณีพิงธามนิธิไว้ ใบหน้าของเธอแนบอยู่บนแขนของเขา มองไปยังเมนูอาหาร รูปภาพอาหารในนั้นทำไมเธอน้ำลายไหล พอถึงสถานที่ทานข้าว เธอก็กลายเป็นนักกินทันที มักรู้สึกว่าอร่อยไปซะทุกอย่าง
“อยากกินอะไร?” ธามนิธิมองดูท่าทางของปาณี อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม
ปาณีตอบว่า “ได้หมดค่ะ คุณอาตัดสินใจเลย หนูไม่เลือกกินอยู่แล้วค่ะ”
ขอเพียงแค่เป็นของกิน เธอก็รู้สึกอร่อยหมดเลย
ธามนิธิสั่งอาหารจนเสร็จ และวางเมนูกลับไปตามเดิม ใบหน้าของปาณียังคงพิงเขาอยู่
เมื่อก่อนเขาไม่ชอบให้คนอื่นพิงตัวเอง แต่ตอนนี้ถูกเธอพิงแบบนี้ กลับไม่มีความรู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย กลับชอบที่เธอเข้าใกล้แบบนี้มากกว่า
เพราะเรื่องฝนสิริเมื่อวานนี้ จึงทำให้อารมณ์ของปาณีแย่มาตลอด จนถึงวันนี้
หลังจากที่เจอพ่อแม่ของธามนิธิแล้ว และตอนนี้ก็มานั่งอยู่ตรงนี้ เธอถึงจะผ่อนคลายลงบ้าง
ธามนิธิเห็นเธอหาว อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ง่วงแล้วหรอ?”
“เมื่อคืนหลับไม่สนิทค่ะ” เธอหลับไม่สนิทเลยตลอดคืน แม้ว่าจะหลับไปก็จริง แต่ว่าอย่างมากหนึ่งชั่วโมงก็ตื่นแล้ว
ปาณียังคงพิงธามนิธิอยู่ จู่ๆก็นึกถึงเรื่องแต่งงานขึ้นมา “วันแต่งงาน ยังคงเป็นวันที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ไหมคะ?”
ธามนิธิบอกว่า “ใช่สิ”
ปาณีถามว่า “แล้วเรื่องทะเบียนบ้านจะทำยังไงคะ? ยังอยู่ที่แม่หนูอยู่เลย”
ปาณีหดหู่เล็กน้อย ถ้าหากเธอแต่งงานกับธามนิธิก็ต้องใช้ทะเบียนบ้านแน่ๆ ถึงเวลานั้น เธอก็ต้องกลับไปเอากับฝนสิริอยู่ดี

ตอนที่ 104
มองไปยังธามนิธิอีกครั้ง เสื้อผ้าบนตัวเขามองไม่เห็นแม้แต่โลโก้ ไม่รู้ว่าไปซื้อของโนเนมมาจากไหน ก็ยิ่งดูถูกธามนิธิเข้าไปอีก
จริมเก็บมือที่ยื่นเข้ามา ไม่ได้สนใจธามนิธิอีกต่อไป แต่กลับจ้องมองปาณี พูดจาแปลกๆว่า “เธอเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่รู้เรื่องอะไร อยากให้คนที่ระเกะระกะที่ไหนก็ไม่รู้มาหลอกเอาล่ะ”
“คนที่ระเกะระกะ?” ปาณีมองไปยังจริม ในสายตาของเธอ จริมก็คือคนที่ ‘ระเกะระกะ’ คนหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แล้วพูดว่า “คุณพูดถึงตัวเองหรอคะ?”
“เธอ……” จริมโกรธเล็กน้อย แม่ของเธอเป็นคนเมืองชลธี ครอบครัวของปาณีก็เป็นคนเมืองชลธีเช่นกัน แม้เขากับปาณีจะไม่ได้ลงเอยกัน ก็ยังฝืนพูดได้ว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน!
จริมพูดด้วยความโกรธว่า “ผู้หญิงที่ไม่เคยเรียนหนังสือนี่น่ากลัวจริงๆเลย มีเวลาไปมั่วกับผู้ชายแบบนี้ ฉันขอเตือนให้เธออ่านหนังสือเยอะๆจะดีกว่านะ!”
“อ้อ” ปาณีตอบไปอย่างหมั่นไส้ นึกถึงพี่ชายคนนี้จบมาจากโครงการ 985 ไม่กล้าหาเรื่องจ้า
เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับจริม มีคำพูดอยู่ว่า สามารถโต้เถียงหรือแสดงความคิดเห็นซึ่งกันและกันได้สำหรับคนที่มีความเห็นคล้ายคลึงกัน แต่อย่าไปสนใจหรือถือสาคนโง่เลย
เขาโง่ขนาดนี้ เธอไม่ถือสาเขาหรอก ไม่อย่างนั้นตัวเองก็จะพลอยโง่ไปด้วยน่ะสิ?
ปาณีพูดกับธามนิธิว่า “คุณอา เราไปทานข้าวกันเถอะค่ะ!”
ไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าบนตัวของจริม
ธามนิธิกลับไม่ขยับตัวเลย มองไปทางจริมด้วยสายตาที่หยิ่งและเย็นชา “นายกับปาณีของฉันสนิทกันมากหรอ?”
เขาเน้นที่คำว่า ‘ของฉัน’ เป็นพิเศษ ปาณีเป็นคนของเขาต่างหาก
จริมยังคงโมโหอยู่ กลัวว่าจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับครอบครัวของปาณี “ไม่ได้สนิทกันมากเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ก็แค่เคยทานข้าวมื้อเดียว”
“ถ้าอย่างนี้แล้ว นายมีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์มั่วๆต่อหน้าเธอ” แววตาของธามนิธิไม่เป็นมิตรอย่างมาก เมื่อกี้เขาแค่นั่งนิ่งๆอยู่ตรงนั้น แต่ตอนนี้รังสีอำมหิตกลับแผ่ขยายไปทั่ว
จริมไม่พอใจธามนิธิตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จึงพูดจาโจมตีปาณี และถือโอกาสประชด เหน็บแนมธามนิธิไปด้วย
ในเวลานี้ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของธามนิธิแล้ว แต่เดิมเขาอยากเถียงกลับ แต่พอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นสายตาของธามนิธิแล้ว กลับทำให้เขาอึ้งไปสักพัก
ทั้งๆที่คนๆนี้นั่งอยู่บนรถเข็น แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จริมถึงเกิดภาพหลอนว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นมีตำแหน่งสูงกว่าเขา
ความรู้สึกแบบนี้ เขาเคยมีมาก่อนหน้านี้ ตอนที่บริษัทต้อนรับผู้บริหารใหญ่ท่านหนึ่ง แต่ว่า ธามนิธิดูไปแล้วอายุยังน้อยอยู่เลย คงไม่ใช่หรอกมั้ง?
แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จริมก็ไม่สามารถเถียงออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียว โดนธามนิธิด่าฟรีๆ
แฟนของเธอเห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว รีบดึงแขนของจริม “เรากลับกันเถอะค่ะ!”
เธอมักรู้สึกว่า ธามนิธิคนนี้ ไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ……
หลังออกจากร้านอาหารแล้ว จริมถึงได้สติกลับมา
ไม่คาดคิดเลยว่าถูกคนอื่นว่าเพียงประโยคเดียว จะทำให้เขาตกใจมากขนาดนี้?
แฟนที่อยู่ข้างๆเขาอุทานออกมาว่า “เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลย!”
แม้ว่าธามนิธิจะนั่งรถเข็น แต่ว่าหน้าตาเขาดีมาก ถ้าหากเขาลุกขึ้นยืนได้ ไม่รู้ว่าจะหล่อขนาดไหน
ไม่เพียงแต่เท่านี้ ไวยาตย์ที่เป็นลูกมือของเขาก็หล่อกว่าจริมไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
คำพูดของแฟนสาว สำหรับจริมแล้ว เปรียบเสมือนน้ำมันที่ราดลงไปในไฟที่กำลังลุกไหม้
แต่เพราะเพิ่งรู้จักกันไม่กี่วัน เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมากนัก
……
หลังจากที่จริมออกไปแล้ว ปาณีถึงจะมองธามนิธิที่กำลังโมโหแวบหนึ่ง พูดอย่างเอาอกเอาใจว่า “คุณอา เราไปกินข้าวกันเถอะ?”
ธามนิธิมองปาณีที่กำลังจะเข้ามาจับมือตัวเองแวบหนึ่ง ไม่ได้สนใจเธอแต่อย่างใด ส่งสัญญาณให้ไวยาตย์เข็นเขาเข้าไปในร้านอาหาร

ตอนที่ 103
ปาณีไม่ได้ตอบอะไร รู้สึกว่าเธอกับจริมจะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นนะ?
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆจริมถามว่า “คนนี้ใครคะ?”
“รู้จักกันจากการนัดดูตัวเมื่อก่อนน่ะ” จริมโอบไหล่แฟนสาวไว้ พร้อมกับพูดกับปาณีว่า “นี่แฟนผม”
“ไม่เลวนะ สวยดีค่ะ” หน้าตาเหมือนกันซะด้วยสิ
จริมรู้สึกพึงพอใจมากที่ปาณีชม
เพราะถึงยังตอนนั้นปาณีก็ทำให้เขาเสียหน้ามาก
ตอนนี้ เขาดูถูกเธอด้วยซ้ำ!
จริมจ้องหน้าปาณี “มาทานข้าวที่นี่คนเดียวหรอ?”
“มากับสามีค่ะ” ปาณีมองไปยังธามนิธิกับไวยาตย์แวบหนึ่ง พอทั้งสองคนได้ยินคนอื่นเรียกเธอก็หยุดรอตรงนั้นด้วย
“สามีเธอ?” นึกถึงครั้งก่อนที่ปาณีเคยพูดว่าเธอแต่งงานแล้ว! จริมรีบมองไปยังทั้งสองคน มีความอยากรู้อยากเห็นว่าสามีเธอคือใคร
เห็นไวยาตย์และธามนิธิอยู่ด้วยกัน
ตอนแรกที่เห็นไวยาตย์ เขาเกือบคิดว่าเป็นไวยาตย์สักอีก ยังอึ้งไปสักพัก แม้ไวยาตย์จะไม่ดูดีเท่าธามนิธิ แต่ก็ดูสุขุมดี และยังรูปร่างสูงใหญ่อีกด้วย
เมื่อเทียบกันแล้ว จริมที่สูง 170 ซม. พอดี กลับดูตัวเตี้ยไปเลย
แต่ว่า วินาทีต่อมา ก็เห็นปาณีเดินไปข้างๆธามนิธิ
ธามนิธิถามว่า “ใคร?”
ปาณีจึงแนะนำจริมให้เขารู้จัก “ก่อนหน้านี้แม่หนูอยากให้หนูแต่งงาน จึงหาเขามาเป็นคู่ครองให้หนู”
เธอไม่ได้ปิดบังคุณอา เรื่องแบบนี้ ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องปกปิดไว้
ธามนิธิมองไปยังจริม รู้สึกไม่ค่อยสบายไปทั้งตัวเลย ไม่คิดเลยว่าฝนสิริอยากให้ปาณีแต่งงานกับคนแบบนี้?
ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย รู้สึกสงสารปาณีจากก้นลึกของหัวใจ
จริมมองดูการโต้ตอบของธามนิธิกับปาณี พบว่า ‘สามี’ ที่ปาณีพูดถึงคือธามนิธิที่นั่งอยู่บนรถเข็นต่างหาก เขารู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าคนที่พูดถึงไม่ใช่ไวยาตย์
เขาเทียบกับไวยาตย์ไม่ได้ แต่ว่า ก็คงดีกว่าธามนิธิมั้ง?
ไม่คาดคิดเลยว่าปาณีจะปฏิเสธเขาเพียงเพราะผู้ชายแบบนี้?
เขาแทบจะหัวเราะจนฟันร่วงเลยทีเดียว
เขามองดูธามนิธิ หัวเราะแล้วพูดว่า “สวัสดีครับ ก่อนหน้านี้เคยได้ยินปาณีพูดถึงคุณ วันนี้ได้เจอคุณสักทีนะครับ”
พูดไปก็พลางยื่นมือออกไปหาธามนิธิด้วย
จริมเป็นคนที่ทำงานอยู่ในแวดวงธุรกิจ เวลาอยู่ต่อหน้าผู้บริหารก็จะมีท่าทางที่นอบน้อมมาก
แต่ในตอนนี้ เขายื่นมือออกไปหาธามนิธิ กลับไม่ได้เคารพเขามากขนาดนั้น ถึงขั้นแฝงความชิวและการดูถูกไว้ในนี้ด้วย
ดวงตาที่ดำสนิทของธามนิธิ มองไปยังชายเบื้องหน้าอย่างเย็นชา
เขาชินแล้วกับคนที่เป็นนกสองคน สุภาษิตกล่าวไว้ว่า พบคนให้พูดภาษาคน พบผีให้พูดภาษาผี พบคนประเภทใด ก็ใช้วาจาประเภทนั้นกับเขา
แม้ว่าจริมจะไม่พูดอะไรเลย ธามนิธิก็ยังคงสัมผัสได้ถึงการเหยียดหยามของอีกฝ่าย
ธามนิธิมองจริมด้วยหางตาแวบหนึ่ง ไม่ได้ยื่นมือออกไปแต่อย่างใด
แน่นอนว่า อย่าว่าแต่จับมือเลย ถ้าเกิดเจอในสถานการณ์ที่เป็นทางการ คน
อย่างจริม ไม่มีโอกาสที่จะเจอเขาด้วยซ้ำ
ความเย็นชาของธามนิธิ ทำให้สถานการณ์ตรงหน้าอึดอัดเล็กน้อย
จริมยื่นมือค้างไว้กลางอากาศสักพัก จึงเก็บมือเข้ามาอย่างเสียหน้า
ในใจเขาโกรธเล็กน้อย โดยเฉพาะการที่แฟนเขาก็อยู่ตรงนี้ ไอ้คนพิการคนนี้ไม่ไว้หน้าเกินไปแล้ว
หึ ตอนเขาทำงานก็เคยเจอผู้บริหารมากมาย แต่ไม่เคยเห็นใครที่หยิ่งยโสเหมือนธามนิธิอย่างนี้เลย
สายตาของปาณีก็งั้นๆนี่ ไม่รู้ไปเจอคนไร้มารยาทแบบนี้มาจากไหน?
และแน่นอนว่าจากความสัมพันธ์ของธามนิธิกับปาณีแล้ว เขาไม่ทางคิดถึงฐานะของธามนิธิในทางที่ดีเลย
วันนี้จริมสวมชุดของ Burberry ทั้งตัว เพราะว่าเพิ่งคบกับแฟนคนนี้ เลยอยากจะอวดตัวเองต่อหน้าแฟนนิดหน่อย จึงใช้เงินเดือนเขาทั้งเดือนในการซื้อชุดนี้ มักรู้สึกว่าตัวเองหล่อกว่าปกติไม่น้อย

ตอนที่ 102
ถ้าเกิดเวทัสมาโวยวายกับเธอ และไม่สนใจเธออีกต่อไป แล้วเธอจะทำอย่างไร?
เธอกัดฟันแล้วส่งไปอีกหนึ่งข้อความว่า “เวทัส นายอย่าเพื่งใจร้อนนะ ฉันจะคิดหาวิธีกับนายเอง เพื่อให้เขากลับมาคบกับนายอีกครั้ง เป็นยังไง?”
แน่นอนว่านี่เป็นวิธีที่จะทำให้เวทัสไม่เกลียดเธอก็เท่านั้นเอง เธอไม่มีทางที่จะช่วยให้เวทัสคืนดีกับปาณีเด็ดขาด!
หลังจากที่เวทัสเห็นข้อความนี้ เขาก็ตอบข้อความเธอจริงๆ “เธอทำได้หรอ?”
ตอนนี้ปาณีเกลียดติรยาจะตาย ทำให้เขาสงสัยในคำพูดของเธอ
ติรยาตอบว่า “ฉันลองดูละกัน ดีกว่านายคิดหาวิธีเองใช่ไหมล่ะ?”
มีอะไรที่น่าโมโหไปมากกว่าการที่คนที่เราชอบไปจีบแฟนเก่าของเขาไหม?
แต่ว่า ติรยากลัวมากที่เวทัสจะไม่สนใจเธออีก
เวทัสตอบว่า “ช่างเถอะ เขาไม่สนใจเธอหรอก”
ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างติรยากับปาณีแย่ขนาดนี้ เขาคาดหวังในตัวเธอ สู้คาดหวังตัวเองจะดีกว่า
ติรยาตอบว่า “ปาณีเป็นคนใจอ่อน ก่อนหน้านี้ความพันธ์ของฉันกับเขาดีขนาดนี้ ขอเพียงฉันไปคุยกับเขาดีๆ ไม่มีทางที่เขาจะไม่สนใจฉันหรอก ถึงเวลานั้นฉันค่อยเกลี้ยกล่อมเธอ นายว่ายังไง?”
หลังจากพูดประโยคนี้จบ ติรยาแทบอยากจะกัดฟันตัวเองให้หักไปเลย
เธอรอมานานขนาดนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะหาโอกาสทำให้ทั้งสองคนเลิกกันได้ ตอนนี้ไม่เพียงแต่ไม่ได้เป็นแฟนของเวทัสเท่านั้น ยังต้องแสร้งทำเป็นที่ปรึกษาเรื่องความรักของเขาอีก ช่วยจีบปาณีให้เขา?
เวทัสตอบกลับไปว่า อืม ถือว่ายอมรับข้อเสนอของเธอชั่วคราว
……
“คุณธามนิธิคะ พวกคุณจะอยู่ทานมื้อเย็นด้วยไหมคะ?” ปาณีกับธามนิธิยังอยู่ในห้องรับแขก แม่บ้านที่รับผิดชอบในการทำอาหารเดินออกมาถาม
ธามนิธิตอบว่า “ไม่ต้องครับ เดี๋ยวผมพาปาณีออกไปทานข้างนอก”
“ถ้าอย่างนั้นน้าจะไม่เตรียมอาหารของพวกคุณแล้วนะคะ” แม่บ้านมองปาณีแวบหนึ่ง ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
ธามนิธิตอบไปว่า “ครับ”
หลังจากที่แม่บ้านเดินออกไปแล้ว ปาณีก็มองไปยังธามนิธิ ถามว่า “คืนนี้จะออกไปทานข้าวข้างนอกหรอคะ?”
“ได้ข่าวว่ามีร้านอาหารร้านหนึ่งไม่เลวเลยทีเดียว เหมาะกับนักกินอย่างเธอพอดี” หลังจากที่รู้ว่าปาณีกินเก่งมาก ธามนิธิก็จะใส่ใจร้านอาหารดีๆเป็นพิเศษ
ปาณีตอบว่า “หนูไม่ได้กินเก่งขนาดนั้นสักหน่อย”
เธอเปล่าสักหน่อย?
ธามนิธิมองเธอแวบหนึ่ง พูดอย่างรักใคร่เอาใจว่า “ไปเตรียมตัวสิ เราออกไปข้างนอกกัน”
“ค่ะ”
ปาณีขึ้นไปเก็บของบนห้องอย่างรวดเร็ว
ร้านอาหารนี้ธามนิธิให้ไวยาตย์เป็นคนไปหา ไม่ถือว่าเป็นร้านอาหารระดับห้าดาว แต่ว่ารสชาติอาหารที่นี่ดีมาก
“ปาณี!”
ไวยาตย์เดินเข็นธามนิธิอยู่ข้างหน้า ปาณีเดินตามหลังไปติดๆ พอเดินไปถึงระเบียบของร้านอาหาร จู่ๆก็มีคนเรียกเธอไว้

เธอหันหลังกลับไป ไม่คาดคิดเลยว่าจะเจอกับจริมที่เคยไปดูตัวก่อนหน้านี้ วันนี้จริมแต่งตัวดูดีกว่าครั้งก่อนเยอะ ข้างกายเขาก็มีผู้หญิงอีกคน ดูๆไปแล้วเหมือนจะเป็นแฟนกัน
หลังจากครั้งก่อนที่ถูกปาณีปฏิเสธไป แม่ของจริมก็หาคู่ดูตัวให้เขาอีกคน ผู้หญิงคนนี้แม้จะสวยไม่เท่าปาณี และไม่ได้อายุน้อยเหมือนปาณีด้วย แต่ก็ดูสุภาพเรียบร้อยดี
จริมพาแฟนของเขาเดินเข้ามาหาปาณีอย่างรวดเร็ว จากคนโสด กลายเป็นคนที่มีคู่แล้ว เขารู้สึกว่าทำให้ตัวเองยืนอย่างเชิดหน้าชูตาได้ไม่น้อย
โดยเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าปาณีแล้ว ยิ่งรู้สึกลืมตาอ้าปากมากขึ้น
เธอไม่ชอบเขา?
เขาก็ไม่สนใจผู้หญิงที่ไม่ได้เรียนแม้แต่มหาวิทยาลัยอย่างเธอหรอก!
“เธอมาทำอะไรที่นี่?” ในน้ำเสียงของจริม เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม

ตอนที่ 101
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเวทัสนั้นไม่ได้จืดชืดหรือร้อนแรงอะไรเลย มักรู้สึกว่าเวทัสไม่ได้กระตือรือร้นมากนัก ติรยาจึงหวังว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเวทัสนั้นชัดเจนโดยเร็ว
เพราะถึงยังไงเธอก็อายุ 18 ปีแล้ว ไม่ใช่เด็กๆแล้ว
เวทัสนั่งอยู่ในห้อง ยังไม่ทันหายเหนื่อย แดดแรงจนผิวหนังเขาแทบไหม้แล้วลอกออกมาเป็นชิ้นๆ ใบหน้าก็รู้สึกแสบร้อนไปหมด แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจมากกว่า คือปฏิกิริยาของปาณี
ในเวลานี้เองก็เห็นข้อความที่ติรยาส่งมาพอดี
“เธอไปเองเถอะ ฉันไม่ไปแล้ว” เขาถือมือถือด้วยมือข้างเดียว นิ้วมือที่เรียวยาวนั้นพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
ตอนนี้เขารู้สึกหงุดหงิดมาก ไม่มีอารมณ์ที่จะออกไปเที่ยว
ครั้งก่อนที่ติรยาเห็นเขาอารมณ์ไม่ดี อยากชวนเขาออกไปเที่ยว เขาก็นึกถึงเมืองต้าหลี่ที่ปาณีเคยพูดถึงก่อนหน้านั้น จึงพูดสถานที่นี้ออกไปโดยไม่ทันคิด นี่จึงเป็นที่มาของการเดินทางในครั้งนี้
แต่ในตอนนี้ เขาไม่มีความคิดนี้แล้ว
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เหี้ยมาก ถ้าหากหลังจากที่เธอเลิกกับปาณีแล้ว ปาณีมีชีวิตที่ไม่ดี และไม่ปรากฏตัวอยู่ข้างๆน้าชายของเขา เวทัสจะไม่หันหลังมองเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ในตอนนี้ เธอยิ่งไม่สนใจเขามากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งรับไม่ได้ และนับวันก็ยิ่งเสียใจที่ตอนนั้นเป็นฝ่ายบอกเลิกเธอไป
แม้กระทั่งติรยาที่ทำให้เขากับปาณีเลิกกัน เขายังรู้สึกต่อต้านเล็กน้อย
……
“เธอไปเองเถอะ ฉันไม่ไปแล้ว”
ติรยาจ้องมองข้อความบนหน้าจอมือถือ ใช้เวลาสักพักถึงจะดึงสติตัวเองกลับมาได้
เธอเพิ่งไปอวดปาณีเสร็จ ก็โดนเวทัสตบหน้าแบบนี้แล้วหรอ?
นี่เขาเป็นอะไรไปเนี่ย? ก่อนหน้านี้ยังดีอยู่เลย
ติรยาร้อนรนจนแทบเป็นบ้า แต่ก็ไม่กล้าแสดงท่าทางหงุดหงิด จึงต้องแสร้งทำเป็นถามอย่างเป็นห่วงว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอ?”
“ฉันเสียใจ!” เพราะเขามองติรยาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ดังนั้น หลายๆเรื่อง เวทัสก็จะบอกกับเธอ
เพราะเธอคือคนที่เข้าใจสถานการณ์ของเขากับปาณีมากที่สุดในโลกใบนี้
“เสียใจ?” ติรยาไม่เข้าใจ
เวทัสตอบว่า “เสียใจที่เลิกกับปาณีไป ฉันอยากกลับไปคบกับเขา”
ในขณะที่เวทัสพูดคำพูดพวกนี้ เขาไม่ได้คิดถึงจุดยืนของติรยาเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เลิกกับปาณี เขากับติรยาสนิทสนมกันมากก็จริง แต่ในสายตาของเขา ติรยาเหมือนเพื่อนมากกว่า ปาณีต่างหากที่เป็นคนที่ทำให้หัวใจของเขาทุกข์ทรมาน
ติรยาจับโทรศัพท์มือถือไว้ ไม่กล้าเชื่อข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอ : เขาอยากกลับไปคบกับปาณี?
ครั้งก่อนที่ขอคืนดี ปาณีทำกับเขาขนาดนั้น เขายังอยากกลับไปคบกับปาณีอีกหรอ?
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เวทัสในสายตาของติรยา เป็นบุคคลที่ไม่อาจเอื้อมถึง
เธอระมัดระวังในทุกๆเรื่อง เพราะกลัวว่าจะขัดใจเขา ทำให้เขาไม่พอใจ
คิดไม่ถึงเลยว่า หลังจากที่ปาณีทำกับเขาอย่างนั้น เขากลับยังมีความคิดที่อยากกลับไปคบกับปาณีอีก
ติรยาโมโหจนเหวี่ยงมือถือออกไป ทำให้มือถือไปตกอยู่ในซอกระหว่างเตียงนอนกับผนังห้อง
ดังนั้น ที่เธอพยายามมาทั้งหมด ทำไปเพื่ออะไรกัน?
เพื่อที่จะให้เวทัสเข้าใจว่าเขาชอบปาณีมากแค่ไหนหรอ?
ติรยาโมโหไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ ถึงจะไปเก็บมือถือออกมาจากใต้เตียง
เธอบังคับให้ตัวเองใจเย็นลง พูดกับเวทัสว่า “แต่ว่า ตอนนี้เขาคบกับน้าชายของนายแล้วนะ เขาไม่ได้ชอบนาย ไม่ใช่หรอ?”
เธอหวังว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมเวทัสได้ ให้เขาวางปาณีลงสักที แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ เวทัสไม่ได้ตอบข้อความของเธอ
ติรยารออย่างทุกข์ทรมานตั้งนาน ที่ปาณีเลิกกับเวทัส สามารถพูดได้เลยว่าเป็นความผิดของเธอ

ตอนที่ 100
แม้ว่าฝนสิริจะไม่ตกลง แต่เรื่องแต่งงานคือความตั้งใจของธามนิธิ ก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป และแน่นอนว่าจันวิภาก็ยังคงรับผิดชอบดูแลจัดการเรื่องนี้ต่อ
เวทัสมองไปยังแม่ที่ลำเอียงอย่างมากของเขา “แม่ สรุปแล้วผมเป็นลูกชายแม่ หรือเขาเป็นลูกสาวแม่กันแน่เนี่ย?”
ปกติเธอไม่ได้เป็นทำตัวเป็นเด็กอย่างนี้ วันนี้กลับอดไม่ได้ที่จะคัดค้าน
จันวิภาตอบโดยไม่ได้มองเขาด้วยซ้ำ “ถ้าแม่จะมีลูกสาว แล้วเกี่ยวอะไรกับลูกล่ะจ้ะ?”
จันวิภาอยากได้ลูกสาวมาตลอด แต่ว่า พ่อของเวทัสไม่เห็นด้วย เขารู้สึกว่ามีลูกชายคนหนึ่งแล้ว ยังมีลูกสาวอีกคนเป็นการสิ้นเปลืองพลังงาน
และยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่จันวิภาคลอดเวทัสนั้น เทคโนโลยีด้านการแพทย์ไม่ได้ก้าวหน้าเหมือนตอนนี้ ตอนนั้นประสบปัญหาคลอดยาก เกือบเอาชีวิตไม่รอด พ่อของเวทัสจึงจำเรื่องนี้ฝังใจ ไม่ยอมให้ภรรยารับความเสี่ยงแบบนี้อีก
ดังนั้น ในบ้านจึงมีเวทัสเป็นลูกคนเดียว พลังกายและใจทั้งหมดของสามีภรรยาคู่นี้ก็ใช้ไปกับลูกคนนี้
เวทัสเห็นความสนใจทั้งหมดของแม่เธออยู่บนตัวปาณี จึงเดินออกไปอย่างโมโห
ปาณีมองเวทัสด้วยหางตาแวบหนึ่ง เห็นเขาเป็นแบบนี้ ไม่สงสารเขาเลยแม้แต่น้อย
ปาณีกับจันวิภาเลือกแหวนแต่งงานจนเสร็จ แหวงวงนี้ขายความคิดสร้างสรรค์ ต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนของฝ่ายชาย ทั้งชีวิตนี้สามารถสั่งทำได้แค่วงเดียวเท่านั้น
หลายครั้งที่จันวิภาดูเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่อีกหลายๆครั้งก็คนเป็นที่ใช้ความรู้สึก ชอบสิ่งของโรแมนติกพวกนี้ ดังนั้น จึงเลือกแหวนวงนี้ในบรรดาแบรนด์ทั้งหมด
……
หลังเลือกแหวนแต่งงานเสร็จ ปาณีก็นั่งอยู่บนโซฟา กำลังมองหน้าจอมือถืออยู่
ติรยาได้ส่งข้อความมาให้เธอ ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่โดนจันวิภาว่ากล่าวตักเตือนไป หลายวันนี้ติรยาก็ไม่ออกมากระโดดโลดเต้นเลย
เวลานี้กลับส่งข้อความมา ปาณีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เธอเปิดอ่านข้อความ ติรยาส่งมาว่า : “สุดสัปดาห์นี้ฉันกับเวทัสจะไปเที่ยวเมืองต้าหลี่”
ยังแนบตั๋วเครื่องบินมาด้วย
เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ทั้ง 3 คนยังเป็นเพื่อนกัน พวกเขานัดกันว่าถ้ามีโอกาสจะออกไปเที่ยวด้วยกัน แต่ว่าในตอนนี้ มีเพียงเขากับเวทัส……
เรื่องครั้งก่อนทำให้ติรยารู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นน้าของเวทัส เธอจึงไม่กล้ามีปัญหาด้วย
สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ มีเพียงใช้เรื่องพวกนี้ยั่วโมโหปาณีเท่านั้น
เพราะยังไงทั้ง 3 คนก็คบกันมาตั้งนาน ติรยารู้จักปาณีดีมาก เป็นไปไม่ได้ที่ในใจของปาณีจะไม่มีเวทัสอยู่เลย
ดังนั้น เธอจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองมีความสุขมากกว่าปาณี มีเพียงอย่างนี้ เธอถึงจะสบายใจมากขึ้น
“ยินดีด้วย” ปาณีพิมพ์สามคำนี้ตอบกลับไป
ไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่าติรยารู้จักเธอมากจริงๆ เห็นสิ่งพวกนี้แล้ว เธอรู้สึก
เศร้าเล็กน้อย ไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอยังไม่ลืมเวทัส แต่เป็นเพราะว่า…..
ถ้าหากไม่มีเธอตั้งแต่แรก ติรยาก็จะไม่มีทางคบกับเวทัส
แต่ในตอนนี้ ติรยาเหยียบเธอเพื่อขึ้นไปยังจุดที่เธอต้องการแล้ว กลับมาอวดเธอต่างๆนาๆ คิดๆแล้ว เป็นเรื่องที่ทำให้คนรำคาญมากจริงๆ
แต่ว่า เธอก็ไม่สามารถห้ามเวทัสคบกับติรยานี่!
ติรยายิ้มมุมปาก “เธอก็ไม่เลวเลยนิ! เพราะยังไงเธอก็มีคุณอาธามนิธิอยู่แล้ว ขอให้เธอมีความสุขในการแต่งงานนะ”
ประโยคนี้ของติรยา เห็นได้ชัดเลยว่ามีความประชดแอบแฝงมาด้วย
ไม่ว่าธามนิธิจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ยังคงเป็นชายพิการอยู่วันยังค่ำ ไม่ใช่คนที่มีอำนาจในการทหารที่มีอำนาจสั่งการเรียกลมเรียกฝนได้เหมือนเมื่อก่อน
ส่วนเขากับเวทัสนั้น อนาคตยังอีกยาวไกล ไร้ขีดจำกัด
หลังจากที่ติรยาอวดปาณีจนเสร็จ ก็ส่งข้อความไปให้เวทัสว่า : “ฉันจองตั๋วเครื่องบินไปเมืองต้าหลี่แล้วนะ เช้าวันเสาร์ นายจะไปสนามบินโดยตรงเลย หรือว่าให้ฉันไปค้างที่บ้านนายก่อนวันเดินทาง แล้วเราค่อยไปพร้อมกัน?”

ตอนที่ 99

ถ้าหากว่าเวทัสโดนทำโทษเพราะด่าปาณีจริงๆก็ช่างเถอะ แต่นี่ปาณีใส่ร้ายเขาชัดๆ

ไวยาตย์ทนมองต่อไปไม่ได้เล็กน้อย

สายตาของธามนิธิตกอยู่บนตัวของปาณี “เธอว่ายังไง?”

ปาณีอดไม่ได้ที่จะแอบมองไวยาตย์แวบหนึ่ง พบว่าไวยาตย์ ก็กำลังมองตัวเองอยู่เช่นกัน เป็นความจริงที่บทลงโทษของ ธามนิธินี้หนักไปหน่อย และยิ่งไปกว่านั้น เวทัสก็วิ่งไป 10 กว่า รอบแล้ว

เธอตอบว่า “หนูรู้สึกว่าที่คุณไวยาตย์พูดก็มีเหตุผลนะคะ ตอนนี้ร้อนมากเกินไปแล้วค่ะ”

ธามนิธิพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ให้เขาพักเถอะ”

ก็แค่อยากให้บทลงโทษกับเขานิดหน่อย ไม่ได้อยากทำโทษ

เขาจนตาย
โยนเรื่องปาทิ้งไปก่อน เวทัสก็ยังคงเป็นหลานชายเขา ตลอดเวลา ธามนิธิก็ไม่ใช่คนที่ไร้ความรู้สึกขนาดนั้น

ไวยาตย์พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมไปหาเขาก่อนนะครับ

เขาออกไปจากตีกอย่างรวดเร็ว และบอกกับเวทัสถึงเจตนา ของธามนิธิ “คุณธามนิธิฝากบอกคุณว่าไม่ต้องวิ่งแล้วครับ

“ไม่ใช่ 20 รอบหรอกหรอ? ผมยังวิ่งไม่ครบ” เวทัสพูดอย่าง โกรธเคือง มองไปยังทิศทางที่ปาณีอยู่แวบหนึ่ง

แววตาของเขาเย็นชามาก เขาจะจดจำวันนี้ไว้

ไวยาตย์พูดว่า “คุณชายฌายิน…….…..”

ไม่จําเป็นต้องงอนผู้หญิงอย่างปาณีเลยนี่!

ไวยาตย์รู้สึกว่า แม้ว่าเวทัสจะวิ่งจนขาหัก ปาณีก็ไม่มีทาง

ชายตามองอยู่ดี

ผลปรากฏว่า เวทัสไม่รอเขาพูดจนจบ วิ่งต่อทันที

เวทัสฝืนวิ่งจนครบ 20 รอบ สมรรถภาพทางกายของเขาไม่เลวเลยทีเดียว คิดไม่ถึงว่าทำจนสำเร็จ เกินความคาดหมาย

คนอื่นอย่างมาก

ไวยาดเยืนดูอยู่ข้างๆอย่างเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าเขา จะเกิดเรื่อง ไม่สามารถรายงานกับจัน ภาได้

ในห้องรับแขกแอร์เย็นฉ่ำ ปาณีกับธามนิธิก็ลงมาแล้ว ปาณี กำลังเล่นมือถืออยู่ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เขาวิ่งเลยแม้แต่น้อย

เขาเดินเข้ามา ยืนอยู่ตรงหน้าถามนิธิ “ผมวิ่งครบแล้วครับ

รามนิธิเงยหน้าขึ้นมองเวทัลแวบหนึ่ง “ไม่เลวนี่ ดูเหมือนช่วง ที่ฉันไม่ได้ฝึกนาย นายก็ยังคงออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา

สามารถวิ่งจนครบ 20 รอบได้ เกินความคาดหมายของธา มา เล็กน้อย

เวสยิ้มมุมปาก มองไปยังปาณีแวบหนึ่ง พบว่าสายตาของ ไม่คาดจากหน้าจอมือถือเลยแม้แต่น้อย ไม่มีท่าทีที่จะ

มองเขาเลยแม้แต่นิดเดียว!
นี่เธอไม่สงสารเขาแม้แต่นิดเดียวเลยหรอ ?

เวทีสโมโหมาก เมื่อครู่ที่เขายืนหยัดวิ่งจนครบก็เพราะ บันดาลโทสะเธอ

ก็เพื่อที่จะกลับมาดูท่าทางที่เสียใจภายหลังของปาณี แต่ว่า เขากลับไม่ได้เห็นภาพนั้น

ท่าทางเย็นชาไม่ใส่ใจของเธอ ไม่เพียงแต่ทำให้เขาโกรธ เท่านั้น แต่เขายังมีความรู้สึกเหมือนอกหักอีก?

ขณะที่จันวิภาเดินออกมา ก็พบกับเวทัสที่ท่าทางเหนื่อยล้า อ่อนเพลียมาก เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับพูดว่า “ลูกรัก ลูกเป็น อะไรเนี่ย ทำให้ถึงทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพแบบนี้”

เหงื่อออกทั้งตัว เสื้อผ้าก็เชือกปอนไปหมด ดูไปแล้วทำให้ คนรู้สึกปวดใจมาก

ธามนิธิก็ไม่ได้กลัวอะไร พูดว่า “ไม่ได้เทรนเขานานไปหน่อย เมื่อกี้เลยให้เขาไปวิ่งสักพัก

น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่งมาก จนไวยาตย์ที่ยืนอยู่ข้างๆเกือบ ทนไม่ไหว แทบอยากฟ้องว่า 20 รอบต่างหาก วิ่งสักพักที่ไหน

กัน?
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น คงเป็นลมเป็นแล้งไปตั้งนานแล้ว?

จันวิภาเชื่อธามนิธิจนถึงขีดสุด ในเมื่อเขาเป็นคนเทรนเวทีส เอง ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

เห็นเวทัสที่เหงื่อเต็มตัว กลับรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย “รีบไปอาบ

น้ำสิ สกปรกจะตาย”

เวทัสหมดคำพูด นี่แม่แท้ของเขาหรอเนี่ย!

จันวิภาก็ไม่ได้สนใจเขาต่อ นั่งลงข้างๆปาณี พูดว่า “ปาณี ลองดูแหวนแต่งงานวงนี้สิ รู้สึกยังไงบ้าง?

ตอนที่ 98

ธามนิธิจ้องหน้าเวทัสอย่างเข้มขรึม อย่างกับเชื่อคำพูดเมื่อ

ครู่ของปาณี “ใช่ไหม?

“เปล่าครับ” เวทัสอธิบายอย่างยากลำบาก

ในใจโมโหปาณีจนแทบจะเป็นบ้าแล้ว

ธามนิธิพูดว่า “ตั้งแต่ฉันป่วย ไม่ได้ฝึกนายนานเลย วันนี้ว่าง พอดี ไปวิ่ง 20 รอบค่อยกลับมา

“อะไรนะครับ?” เวทัสมองธามนิธิอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

ไวยาตย์ก็รู้สึกเกินความคาดหมายเล็กน้อย “คุณธามนิธิครับ ตอนนี้ร้อนขนาดนี้ วิ่ง 20 รอบอันตรายมากเลยนะครับ”

“ใครใช้ให้เขารู้จักเคารพผู้อาวุโสกว่าล่ะ?” ธามนิธิมองไปยัง เวทีส แววตาเต็มไปด้วยความเข้มงวด

ไวยาตย์รู้สึกว่า เขามองธามนิธิไม่ออกเลยว่ากำลังคิดอะไร

อยู่
ทั้งๆที่ปาณีโกหก แต่ว่า ธามนิธิไม่เพียงแต่ไม่เปิดโปงปาณี เท่านั้น ยังช่วยคนเลวก่อกรรมชั่วอีก แบบนี้ไม่แฟร์กับเวทัสมา กเกินไปหรือเปล่า?

สายตาของเวทัสตกอยู่บนตัวของปาณี ปาณีกลับแค่ก้มหน้า ก้มตา นิ้วมือยังม้วนปลายผมเล่นอย่างผู้บริสุทธิ์

นี่โทษเธอไม่ได้นะ

ถ้าหากเขาแค่ว่าเธอก็ช่างเถอะ แต่นี่มาว่าคุณอาด้วย เธอจะ

ไม่ให้เขาโดนทำโทษได้ยังไงกัน

ธามนิธิมองสายตาเวทัสที่ไม่พอใจแวบหนึ่ง “ยังไม่รีบไป

อีก?”

เวทัสจึงออกไปอย่างรวดเร็ว

ในชั้นสอง ปาณีนั่งยองๆอยู่ข้างขาของธามนิธิ ช่วยนวดขาทั้ง สองข้างให้เขาอยู่ มองดูเวทัสที่กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งอย่างเป็นระ

ยะๆ
แดดแรงมาก และไม่มีแอร์ อย่าพูดถึงวิ่งเลย แค่ยืนอยู่ก็ เหมือนโดนไฟเผาทั้งตัว

เส้นผมและเสื้อผ้าของเวทีสเปียกปอนไปหมด แต่เพราะว่า เป็นคําสั่งของธามนิธิ เขาจึงไม่กล้าขัดขืน จึงทําได้แต่ยืนหยัด วิ่งต่อไป

ปาณีเห็นเขาเป็นแบบนี้ ไม่ได้สงสารเขาแต่อย่างใด แต่กลับ แอบสะใจมากกว่า

มีตาหามีแววไม่ แค่ติรยาพูดไม่กี่คำก็ถูกหลอกซะแล้ว โง่จะ

ตาย!

ยังช่วยติรยามารังแกเธออีก ได้ทีขี่แพะไล่ ต่ำช้าไร้ยางอาย!

โจมตีเธอก็ช่างเถอะ นี่มาโจมตีแม้กระทั่งน้าชายแท้ๆของตัว

เองอีก สมควรถูกสั่งสอน

ปาณีกำลังแอบสะใจอยู่ในใจ ทันใดนั้นธามนิธิก็เรียกเธอ

“ปาณี”
เธอเงยหน้าขึ้นมองธามนิธิแวบหนึ่ง “คุณอา

เห็นเพียงนัยน์ตาที่ลึกซึ้งคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออยู่ สายตา เขาดูซับซ้อนมาก

ปาณีอึ้งไปสักพัก ก้มหัวลง ไม่ค่อยกล้าสบตาเขาสักเท่าไหร่

“ทําไมหรอคะ?”

ทำไมคุณอาถึงมองเธอแบบนี้?

ไม่ใช่ว่ามองออกว่าเธอโกหกใช่ไหม?

จริงๆแล้วปาณีมีความร้อนตัวเล็กน้อย เธอเป็นคนที่ซื่อตรงมา โดยตลอด และไม่ชอบทำเรื่องแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคิด

เกมโกงวางแผนแบบนี้

กลัวว่าธามนิธิจะจับได้

ถ้าหากคุณอารู้ เขาจะเกลียดเธอไหม?

ทํายังไงดี?

เธอเสียใจเล็กน้อยที่ทำแบบนี้ลงไป
มือของธามนิธิวางอยู่บนหัวเธอ ท่าทางอ่อนโยนมาก ร่างกายของปาณีสั่นเล็กน้อย

ธามนิธิจ้องมองเธอ ดูออกว่าเธอกินปูนร้อนท้อง อดไม่ได้ที่ จะหัวเราะออกมา

เมื่อกี้ตอนอยู่ต่อหน้าเขา ยังเสดงได้ดีอยู่เลย นี่คือทนไม่ไหว

แล้วหรอ?

มองดูเธอเป็นแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเขากลับรู้สึกว่าเธอทำตัว

น่ารัก

ถ้าเปลี่ยนเป็นติรยา คิดวางแผนเล่ห์เหลี่ยม แค่คิดก็รู้สึก

รังเกียจแล้ว

แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นปาณี…….. เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กลับไม่มี

ความรังเกียจเลยแม้แต่นิดเดียว

แม้ว่าคนที่เธอจัดการจะเป็นเวทัสก็ตาม……

ปาณีรู้สึกว่าถูกธามนิธิจ้องมองตลอดเวลา มีความรู้สึกอยาก หนีไปเล็กน้อย “คุณอา อยากดื่มน้ำไหมคะ?”ตามหาไม่ได้อยากดื่มน้ำ ฉันไม่หว

เวลาเข้ามาจากข้างนอกมายืนอยู่ข้างธา มนิธิ คุณชายธรรม ตอนนี้ข้างนอกร้อนถึง 38 องศา ถ้ายัง ให้วิ่งแบบนี้ ไม่ถูกชายมายันจะทนไม่ไหวเอานะครับ

ตอนที่ 97

แค่ว่า ในขณะที่เขายอมก้มหัวเพื่อขอเธอคืนดี คิดไม่ถึงว่า

เธอจะปฏิเสธเขา

และยังมีตอนนี้ ที่เธอพูดจาอย่างเย็นชากับเขา

อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามรถยอมรับเรื่องนี้ได้เลย

ดังนั้น แม้เขาจะเป็นฝ่ายบอกเลิกเอง แต่ทุกครั้งที่เห็นปาณี เย็นชากับเขาอย่างนี้ เขาก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี

หลังจากที่ปาณีได้ยินในสิ่งที่เวทัสพูด อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ออกมา เขาหลงตัวเองมากขนาดไหนเนี่ย ถึงจะมีความคิด แบบนี้ได้

ปาณีพูดว่า “ฉันแค่คิดว่า ตอนนั้นฉันตาบอดขนาดไหนถึง หลงรักนาย

“ปาณี!” เวทัสรู้สึกหมดคำพูด นับวันเธอจะมากเกินไปแล้วนะ
ปาณียิ้มมุมปาก “ทำไม ฉันพูดผิดไปหรอ? ก่อนหน้านี้ฉัน เห็นรูปถ่ายนายจากคุณอา รูปถ่ายนายตั้งแต่เล็กจนโตเขามี หมด สามารถดูออกได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกนายดีมาก เขารักนายมากขนาดนี้ แต่ตอนนี้ เกิดเรื่องโชคร้ายแบบนี้ขึ้น นายกลับมายืนพูดคำพูดพวกนี้ที่นี่ เวทัส นายยังมีศีลธรรมบ้าง ไหม?”

คนอื่นก็ช่างเขาเถอะ เขาไม่ได้สนิทกับธามนิธิอะไร

แต่ว่า เวทัสไม่เหมือนกัน เขาเป็นหลานแท้ๆของธามนิธิ พูด คําพูดพวกนี้ในเวลานี้ ไม่มีน้ำใจอันเอื้ออารีเลยหรอ?

ไวยาตย์เข็นธามนิธิเข้ามาจากข้างนอก มีโซนต้นไม้กั้นอยู่ ได้ยินพวกเขาสองคนกําลังสนทนากันอยู่พอดี

ธามนิธิส่งสัญญาณให้ไวยาตย์หยุดเดิน ไวยาตย์ได้ยินปาณี พูดคำพูดเหล่านี้ เกินความคาดหมายของเขาเล็กน้อย

ยังถือว่ามีศีลธรรมอยู่

สําหรับเวทัส……

แดดแรงมาก ใบหน้าของเขามีเหงื่อออกจางๆ กำลังจ้องมอง

ปาณี สีหน้ามีความซับซ้อนมาก
ถูกปาณีว่าอย่างนี้ เขารู้สึกเสียหน้ามาก แต่ว่า ในวินาทีนี้ กลับหาคำพูดมาตอบกลับเธอไม่ได้

อึ้งไปหลายวินาที เวทัสถึงจะดึงสติตัวเองกลับมาได้ พูดกับ ปาณีว่า “ฉันบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงมายุ่งเรื่องเธอ! นางผู้หญิงไม่รู้ จักที่ต่ำที่สูง!”

เขาอยากบีบคอเธอให้ตายจริงๆ

หรือว่า ในสายตาของปาณี เขาไม่ได้สำคัญขนาดนี้เลยหรอ ถึงไม่สนใจความรู้สึกของเขาเลย?

เขาให้โอกาสเธอขนาดนี้ ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจสักที?

ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นเธอ เขาจะพูดคำพูดพวกนี้ออกมาได้ยัง

ไง?

เขาก็แค่หวังว่าเธอจะไปจากน้าชายของเขาก็แค่นั้นเอง

เวทีสเพิ่งจะพูดจบ ปาณียังไม่ทันได้พูดอะไรเลย ไวยาตย์ก็

เข็นธามนิธิเดินเข้ามา

ทั้งสองคนก็หยุดสนทนาหัวข้อนี้
“คุณน้า” เมื่อเห็นธามนิธิ เวทัสก็ก้มหัวลง พูดอย่างมีมารยาท

ไม่ว่าลับหลังจะว่าธามนิธิอย่างไร แต่อยู่ต่อหน้าแล้ว เขา กลับไม่กล้าพูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

ธามนิธิมองไปยังทั้งสองคน “อากาศร้อนขนาดนี้ พวกเธอมา คุยอะไรกันที่นี่”

เวทีสมองปาณีแวบหนึ่ง ไม่กล้าพูดอะไร

ปาณีวิ่งไปยืนอยู่ข้างธามนิธิ จู่ๆก็พูดอย่างน้อยใจว่า

“เขา…..เขาด่าหนู!

พูดอย่างกับเป็นเรื่องจริง อย่างกับเวทัสค่าเธอจริงๆ แทบจะ หลั่งน้ำตาออกมาเลยทีเดียว

เวทัสทำสีหน้าอึ้งมาก .…………….

แม่ง เขาด่าเธอตอนไหนเนี่ย?

ไวยาตย์ก็มองปาณีแวบหนึ่ง คำสนทนาของทั้งสองคน พวก เขาได้ยินหมดแล้ว เธอปั้นน้ำเป็นตัวแบบนี้ ทำเกินไปหน่อยไหม?

เป็นสไตล์ของผู้หญิงร้ายลึกฉบับดั้งเดิมเลยทีเดียว!

ธามนิธิมองไปยังเวทัส พูดว่า “เวทัสก็ด่าคนเป็นด้วยหรอ?”

“ก็เมื่อกี้ไงคะ” ปาณีพูด “เขาพูดจาไม่น่าฟังเลย ยังบอกอีกว่า หนูไม่คู่ควรที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้……..บอกว่าจะไล่หนูออกไป

คุณอา…….

ปาณีจ้องมองธามนิธิอย่างน่าสงสาร ผู้หญิงดัดจริตที่ยุให้รำ นําให้รั่วอย่างซึ่งๆหน้า

เวทัสกัดฟันแน่น แม่ง! นี่เป็นครั้งแรกที่เขามีแรงกระตุ้นอยาก

จะต่อยคน

ตอนที่ 96

ฉันชอบ เป็นประโยชน์ที่ดีมาก

เวทีสยังคงยืนอยู่ข้างเธอ ช่วงเวลานี้เขาไม่ได้คิดเดินจากไป เขามองไปยังเธอ เมื่อก่อนเธอเป็นเพื่อนที่นั่งโต๊ะเดียวกัน เจอ กันทุกวัน เขาเลยไม่ได้รู้สึกว่าเธอสวยอะไร

แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เวลาที่จะได้เจอเธอน้อยมาก กลับพบ

ว่า นับวันปานจะยิ่งสวยขึ้น

เวทัสหยุดความคิดของตัวเอง ปกติเธอไม่ใช่คนที่มองผิวเผิน แบบนี้ จึงคุยธุระกับเขา ได้ข่าวว่าเมื่อวานแม่เธออาละวาด ยกใหญ่?

เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านนี้ รู้เรื่องพวก

นี้จึงไม่แปลกอะไร

ปาณีตอบอย่างใจเย็นว่า “คุณตาคุณยายของนายยังไม่โกรธ ฉันเลย ทำไม นายจะมาถามหาความรับผิดชอบของฉันแล้ว

หรอ?
ตอนนี้ปาณีไม่มีความรู้สึกดีๆต่อเวทัส

มักรู้สึกว่าเวทัสก็เหมือนกับติรยา เป็นประเภทที่หาเรื่องเธอ

ทุกรั้งที่มีโอกาส

เวทัสพูดว่า “ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น แต่ว่า เห็นแก่ความรู้สึก ดีๆที่ผ่านมา อยากจะเตือนเธอหน่อย”

“เตือน?” ปาณีรู้สึกน่าขำ “ปากสุนัขจะคายงาช้างออกมาได้

หรอ?”

เวทัสทำหน้าบึ้ง “เธอจะพูดดีๆไม่ได้เลยรึไง?”

เขาคิดว่าวันนี้ตัวเองเกรงใจมากแล้ว

เธอกลับไม่เป็นมิตรขนาดนี้ ไม่มีมารยาทพื้นฐานเลย?

ปาณีตอบหีไปคำหนึ่ง มองไปยังดอกไม้ใบหญ้าต่างๆ ไม่

อยากสนใจเขาอีก

เวทัสพูดว่า “เธอไม่อยากรู้เลยรึไงว่าทำไมแม่เธอทำอย่าง

นั้นแล้ว พวกเขายังเต็มใจให้อภัยเธออีก?”
“ฉันไม่รู้”

เพราะว่าตอนนี้น้าชายลุกไม่ได้ และไม่สามารถมีลูกได้ ดัง นั้น ขอเพียงมีคนที่ยอมแต่งงานกับเขา ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะ เป็นยังไง คุณตาคุณยายก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่า เธอรู้ไหม ว่าการที่มีลูกไม่ได้นั้นมีแนวคิดอย่างไร? หมายความว่าแค่เธอ แต่งเข้ามาในบ้านหลังนี้ เธอก็จะต้องเป็นม่ายไปตลอดชีวิต ทั้งที่มีสามี นลินเป็นคู่หมั้นของเขา พวกเขาสองคนหมั้นกันมา นานขนาดนั้น ยังหลบหนีไม่ยอมแต่งงานเลย ก็มีเพียงคนโง่ แบบเธอนี้แหละ ถึงยอมทำเรื่องโง่ๆแบบนี้

โดยเฉพาะปาณีที่ยังรู้สึกว่าตัวเองเป็นหนูตกถังข้าวสารอีก

แม้ว่าน้าจะดีกับเธอมาก แต่ว่า ไม่ว่าจะมองมุมไหน เธอก็เป็น คนที่เสียเปรียบอยู่ดี ดังนั้น เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเตือนเธอ

เพราะถึงยังไงเขาก็ยังมีความรู้สึกดีๆกับปาณีอยู่ แม้ว่าจะเป็น ตอนนี้ก็ตาม ลำดับความสำคัญของเธอก็มากกว่าติรยา

ดวงตาของปาณี แต่เดิมที่จ้องมองแต่เงาของเขา หลังจากได้ ยินเวทัสพูดแล้ว จึงเงยหน้าขึ้น มองไปยังเวทีส

เวทัสพูดว่า “ไม่ต้องขอบใจฉันหรอก เพราะถึงยังไงก็เป็น เพื่อนที่นั่งโต๊ะเดียวกัน
ปาณีหัวเราะแบบหนึ่ง “นายรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันกำลังคิดอะไร

อยู่?”

“คิดอะไรอยู่? คิดว่าฉันทำไปเพื่อที่จะให้เธอกลับมายืนอยู่ ข้างฉันถึงพูดกับเธอแบบนี้หรอ เธอวางใจได้ ฉันไม่ได้สนใจ

เธอแล้ว”

ถึงแม้ว่าจะสนใจ เขาก็ไม่อยากคบกับเธออีก

ครั้งที่แล้วเคยให้โอกาสเธอไปแล้ว แต่เธอไม่รักษาไว้เอง

เขาไม่ใช่คนที่จะเกลี้ยกล่อมง่ายขนาดนั้น!

แต่ว่า ถ้าหากเธอร้องไห้มาขอร้องเขา เขาอาจจะพิจารณา

ใหม่ก็ได้….……

ก่อนหน้าที่จะรู้จักกับปาณี เวทัสเป็นคนที่ไม่เคยเจออุปสรรค

ใดๆเลย

แม่ของเขาเป็นกรรมการบริหาร พ่อเป็นนักธุรกิจที่ประสบ ความสำเร็จไร้ที่เปรียบ สำหรับน้าชายและคุณตาคุณยายยิ่งไม่

ต้องพูดถึง ทั้งครอบครัวไม่มีใครเป็นคนธรรมดาเลย
และเขาก็ถูกตามใจตั้งแต่เกิด

ผลการเรียนก็ดีมาโดยตลอด และยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เหมือน คนอื่นที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอ่านหนังสือ เกมก็เล่นต่อไป แต่ทุกครั้งที่สอบกลับได้คะแนนดีทุกครั้ง

แต่ปาณี เป็นอุปสรรคอันแรกที่เขาพบเจอในชีวิต

เป็นครั้งแรกที่เขามีแฟนเป็นครั้งแรกที่เขาชอบใครคนหนึ่ง แต่คนๆนั้นกลับหลบหน้าเขาตลอดเวลา แม้ว่าจะผ่านการ พิสูจน์แล้วว่าเป็นการเข้าใจผิดก็ตาม

ตอนที่ 95

ปาณีหันหน้ากลับไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย มองเขา แวบหนึ่ง พูดว่า “คุณตื่นแล้วหรอคะ? หนูนอนไม่หลับ แล้วก็ หิวนิดหน่อย ก็เลยอยากตื่นมาทำอาหารสักหน่อย

ปาณีก็หลับไม่สนิทเหมือนกัน เธอฝันร้าย ฝันว่าแม่เธอมาหา เธอถึงบ้าน จากนั้นก็ลากเธอกลับบ้าน ฝันว่าคนในบ้านวิสิทธิ์ เวชก็จะไล่เธอออกเพราะเรื่องของแม่เธอเหมือนกัน

เธอรู้สึกหวาดระแวงมาก………

ตื่นมาแล้วพบว่าเวลายังเช้าอยู่ แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นมา

ทําอาหารเช้า คุณอาคมมาจะได้ทานได้เลย

ธามบิธีมองไปยังปาณี แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามากระ ทบหน้าเธอ ทำให้มองไปแล้วตัวเธอสว่างไสวเป็นพิเศษ

เธอนำอาหารไปตั้งไว้บนโต๊ะ พูดกับถามนิธิว่า “คุณอา ทาน ข้าวเถอะค่ะ อ้อ ใช่แล้ว คุณยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเลย รอหนู แปบนะคะ.…………
จากนั้นเธอก็เข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เปิดน้ำใส่กาละมัง

แล้วยกออกมา

เธอเอาผ้าขนหนูชุบน้ำและบิดให้หมาด ยื่นไปให้กับเขา

ธามนิธิจ้องมองปาณี ไม่ได้รับผ้าเช็ดหน้าที่เธอยื่นมา แต่กลับ

จับมือเธอไว้

ปาณีอึ้งไปสักพัก มองไปยังธามนิธิ ยิ้มพูดว่า “ให้คุณเช็ด

หน้า มาจับมือหนูทำไมคะ?”

“เรื่องพวกนี้มีคนอื่นทำอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?” เขาจับมือของเธอ

ไว้

นิ้วมือของปาณีเรียวยาวมาก แต่ฝ่ามือหยาบหน่อย เป็นร่อง

รอยจากการทํางานหนัก

“หนูตื่นเช้าไม่มีไรทำค่ะ” ปาณีพูดว่า “วันๆเอาแต่นั่งกิน นอนกิน โยนเรื่องทั้งหมดให้แม่บ้านทำก็ไม่ดีค่ะ”

ไม่ทำอะไรเลย แล้วให้ธามนิธิเลี้ยงเธอไปวันๆ ปาณีกลับรู้สึก

ไม่สบายใจมากกว่า
ทุกครั้งที่คิดถึงเธอไม่สามารถพึ่งพิงได้แม้แต่พ่อแม่ของตัว

เอง เธอก็ไม่กล้าพึ่งพาใครอีก

ธามนิธิมองปาณีแวบหนึ่ง พบว่าบนใบหน้าของเธอ มีความ สุขุมและความเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่เป็นส่วนหนึ่งของอายุเธอ แม้ว่า ทุกวันนี้ครอบครัววิสิทธิ์เวชจะดูแลเธอเป็นอย่างดี ก็ไม่ได้ ทำให้เธอหลงระเริง ยังคงยืนหยัดที่จะออกไปทํางาน

เธอ เป็นหญิงสาวที่ไม่มีความรู้สึกปลอดภัยเลย!

หลังจากทานอาหารเช้าที่บ้านเสร็จ พวกเขาก็ไปยังบ้านวิ

สิทธิ์เวช

ปาณีเคยคิดถึงท่าทีที่คุณพ่อคุณแม่ของธามนิธิที่จะมีต่อเธอ

——เกลียดชัง รังเกียจ เย็นชา

แต่ว่า ในขณะที่เธอกับธามนิธิก้าวเข้าไปในห้องรับแขก ทุก

อย่างยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย

“คุณหนูปาณีมาแล้วหรอคะ?” น้าลำมุงยิ้มต้อนรับ
รู้ว่าปา พวกเขาจะมาในวันนี้ น้ามงเลยไม่ได้ไปทำอาหาร

ให้กับธามนิธิและปาณี

พ่อแม่ของธามนิธินั่งอยู่บนโซฟาทั้งคู่ ทั้งสองคนกำลัง สนทนาอะไรกันอยู่ หลังจากได้ยินน้าลำลุงพูด ก็เงยหน้าขึ้น มองไปยังปาณี “นั่งสิ

แววตาเป็นมิตรมาก ไม่มีความหมายที่โกรธหรือโทษปาณี

เลย

ปาณีที่กังวลมาตลอดทั้งคืนก็วางใจลง

หลังรับประทานอาหาร ปาณีออกไปเดินเล่นในสวน อยากไป เดินสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อย แต่กลับพบกับเวทัส

หลังจากที่เขาไปส่งติรยาในวันนั้น ปาณีก็ไม่เจอเขาอีกเลย

เขาดัดผมสั้นแล้ว แต่ก็ยังคงดูหล่อเหลาเหมือนเดิม ปาณี มองไปยังเขา ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกว่า เมื่อก่อนตอนธามนิธิ อายุเท่านี้ก็คงหน้าตาแบบนี้สินะ?

สะอาด ไส แล้วยังมีความเย็นชาหน่อยๆที่ไม่สามารถบรรยาย

ออกมาได้
เพราะถึงยังไงก็เป็นคนระดับเดือนของโรงเรียน

เห็นเวทสเดินเข้ามา ปาณีจึงเงยหน้า แกล้งทำเหมือนกำลัง ชมวิวอยู่ มองไม่เห็นเขาแต่อย่างใด

เขาเดินมาหยุดอยู่ข้างเธอ “แดดแรงขนาดนี้ เธอมาทำอะไร

ที่นี่?”

– ปาณีมองเขาแวบหนึ่ง ไม่ง่ายเลยที่จะได้ยินเขาคุย กับตัวเองอย่างสงบนิ่งแบบนี้ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ทำท่าทาง

อยากจะค่อยเธอ

ปาณีตอบว่า “ฉันชอบ

ตอนที่ 94

ธามนิธิมองไปยังสีหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอ ท่าทางกลับแน่ว

แน่มาก “ออกไปเถอะ!

ธามนิธิในเวลานี้ดูเย็นชามาก

ปาณียังคงไม่ค่อยวางใจนัก “คุณทำคนเดียวได้หรอคะ?”

ธามนิธิมองเธอแวบหนึ่ง “ฉันสามารถดูแลตัวเองได้”

เริ่มตั้งแต่ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นในทุกๆเรื่อง

ตอนนี้เพียงแค่เรื่องอาบน้ำ เขาสามารถทำเองได้แล้ว

กำลังของคนนั้นไร้ขีดจำกัด…….

สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือ ถ้าให้ปาณีถอดกางเกงเขาออก เขา

คิดภาพนั้นไม่ออกจริงๆ

โดยเฉพาะเขาในตอนนี้ที่ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้แล้ว

ถ้ายังขืนปล่อยเธอไว้ในนี้ เขาไม่รับประกันว่าจะยังอยู่นิ่งได้โดยไม่ล่วงเกินอะไรเธอเลย

เพราะถึงยังไงเขาก็ยังเป็นชายบริสุทธิ์ จะพลาดด้วยน้ำมือ ของเธอง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง?

ปาณีเห็นว่าเขาอยากให้เธอออกไปจริงๆ จึงเอาของที่เขา ต้องใช้วางไว้ข้างๆ พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูออกไปแล้วนะคะ

“อืม”

ปาณีเดินออกไปช่วยจัดเตียงให้กับธามนิธิ คิดถึงสิ่งที่ตัวเอง

ทำไปเมื่อครู่ ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา

เธอไม่เพียงแต่ช่วยคุณอาอาบน้ำเท่านั้น ยังอยากจะถอด

กางเกงเขาอีก?

โอ้แม่เจ้า นี่เป็นเธอจริงๆหรอเนี่ย?

ขายหน้าจะตายแล้ว!

ในเวลาชั่วพริบตา ความกล้าในใจนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่อง รอย ปาณีไม่รู้เลยว่าความกล้าของตัวเองหายไปไหนทันที

ทันใดแบบนี้
ตอนนี้ธามนิธิออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ แล้ว ก็เห็นปาณีนอนกอดหมอนอยู่บนเตียงที่จัดเรียบร้อยแล้ว กำลังเสียใจภายหลังหลังจากที่ตัวเองทำเรื่องหน้าอายเมื่อครู่

ไป

เขานั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง มองไปยังปาณี “เธอทำอะไรล่ะ?”

ปาณีรีบลุกขึ้นหลังจากได้ยินเสียง พบว่าเธอห้ามตัวเองไม่ได้ ในระยะเวลาหนึ่ง จึงปล่อยตัวทำตามอำเภอใจไป

เธอมองไปยังธามนิธิ “คุณอา อาบเสร็จแล้วหรอคะ?”

“อั้ม”

ธามนิธิมองเธออย่างสงบแวบหนึ่ง ในสายตายังหลงเหลือ

ความเร่าร้อนอยู่

ทั้งทั้งที่แค่แกล้งเธอ แค่อยากรู้ว่าเธอสามารถทำได้ถึงระดับ ไหน แต่ผลปรากฏว่า เขาต่างหากที่ถูกยั่วจนหยุดตัวเองไว้ไม่

ได้ สมควรตายจริงๆ
ธามนิธิรู้สึกหัวเสีย เขามองไปยังปาณี พูดอย่างเป็นชาว่า

“ดึกมากแล้ว เธอไปพักผ่อนเถอะ!”

“หนูช่วยคุณดีกว่าค่ะ” ปาณีเดินเข้าไป ยื่นมือออกไปกำลังจะ เข้าใกล้ธามนิธิ แต่ก็ถูกมือของเขาจับไว้สักก่อน ไม่ให้โอกาส เธอเข้าใกล้เขาอีก

มิเช่นนั้น คืนนี้เขาไม่ต้องนอนแล้วแน่ๆ

ปาณีมองไปยังท่าทางของเขาที่จู่ๆก็กลัวตัวเองเข้าใกล้ ถาม ว่า “คุณอา คุณคงไม่ได้ ………อายใช่ไหมคะ?

คำพูดนี้ทำให้ธามนิธิโมโหเล็กน้อย อาย เขาจะอายไป

ทำไม? ล้อเล่นรึไง?

เขาจ้องหน้าปาณี “ฉันบอกให้เธอออกไป

น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นเข้มขรึมทันที

ปากลับรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่กินปูนร้อมท้องมากกว่า เธอพูด

ว่า “งั้นหนูไปนอนก่อนนะคะ

เห็นเธอยอมออกไปสักที ธามนิธิพบว่าตัวเองกลับถอนหายใจอย่างโล่งอก

ปาณีออกไปจากห้องพร้อมกับปิดประตูลง เธอยังไม่ลืมที่จะ ยื่นหัวเข้ามาในซอกของประตู มองไปยังธามนิธิ “คุณอา ฝันดี นะคะ”

เธอพูดไปด้วยพร้อมกับส่งรอยยิ้มที่เป็นท่าประจำตัวไปให้

เขาด้วย เป็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรมาก

ในสมองของธามนิธิ ทันใดนั้นก็มีตัวหนังสือลอยขึ้นมาสาม

คำ : นางปีศาจ!

ยังเป็นประเภทที่เป็นปีศาจแมวถือแส้ด้วย!

ก็เพราะว่าเธอโชคดี พบเจอกับชายที่ซื่อตรงและดีขนาดนี้ ไม่อย่างนั้น… เจอคนอื่น เธอถูกเขากลืนกินไปตั้งนานละ

เช้าวันรุ่งขึ้น สามนิธิที่แทบจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืนก็ตื่นมาแต่ในขณะที่เขาตื่นนอน ก็พบว่าปาณีตื่นก่อนแล้ว เธอสวมผ้ากัน

เปื้อน กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว ตั้งใจมาก

“ทำไมตื่นเช้าจัง?” ธามนิธิรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ตอนที่ 93

ธามนิธิมองไปยังปาณี เขายอมรับว่าเขารู้สึกอยากแกล้ง อยากลองดูเหมือนกันว่าคนขี้อายอย่างเธอจะทำได้ถึงระดับ

ไหน?

เขาพยักหน้า “ดี

ปาณียื่นมือออกไป ปลดกระดุมบนเสื้อเชิ้ตของเขาออก สำหรับเธอแล้ว ธามนิธิในตอนนี้ไม่มีภัยอันตรายต่อเธอ

เลย เพราะว่าข้างล่างของเขานั้นใช้การไม่ได้ ไม่สามารถทำ เหมือนชายอื่นได้ เธอรู้สึกว่าเธอสามารถปฏิบัติกับเขาเฉกเช่น คนเป็นเพศเดียวกันได้

แต่ว่า รัศมีออร่ารอบตัวของธามนิธิแข็งแกร่งมาก พอจะถอด เสื้อผ้าให้เขาจริงๆ เธอยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

เธอเข้าใกล้เขา ระยะห่างระหว่างเธอกับเขาใกล้กันมาก เธอ ปลดกระดุมเขาอย่างระมัดระวัง ลมหายใจเบาๆ ส่งผ่านระยะ ห่างอันใกล้ชิดไปถึงหูเขา
เมืองชยุตเป็นเมืองที่ฟื้นฟูสภาพผิวคนได้ดีมาก หญิงสาวใน

เมืองนี้ ส่วนใหญ่ผิวพรรณจะขาวใสมาก ปาณีเป็นประเภทที่ ขาวกว่าชาวบ้าน ผิวพรรณดีเหมือนผิวของเด็กน้อย

แสงไฟในห้องอาบน้ำ เป็นแสงที่สว่างมาก สามารถส่อง คนจนทะลุปรุโปร่งได้

ธามนิธิมองไปยังปาณี ดวงตานั้นดูลึกซึ้งมากขึ้น

ปาณียังคงจดจ่อกับการปลดกระดุมให้เขา ไม่ได้สังเกตเลย ว่าด้านหน้าของเธอจะมีภัยอันตรายอะไร ความสนใจของเธอ อยู่บนตัวของธามนิธิ แม้ว่าจะรักษาตัวมาเกือบปี แต่ร่างกาย ของเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบมากนัก กล้ามเนื้อบนตัวของเขาก็ ยังอยู่…

มองไปยังซิกแพคของเขา ปาณีแปลกใจเล็กน้อย คิดภาพ ออกเลยว่าเมื่อก่อนธามนิธิหุ่นดีแค่ไหน

หุ่นดีขนาดนี้ กลับต้องประสบเหตุการณ์เช่นนี้ ถึงขั้นไม่ สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้อีก สงสารเขาจริงๆ!

ความรู้สึกเสียดายในใจ ปาณีนำผ้าขนหนูชุบน้ำ แล้วนำมา

ใกล้เขา
เธอเช็ดตัวท่อนบนให้เขาจนเสร็จ เพื่อหลีกเลี่ยงความตื่น

เต้นแล้ว เธอบอกว่าตัวเองว่า ให้มองเขาเป็นเหมือนรูปปั้นรูป หนึ่ง…

อย่างไรก็ตาม สำหรับรูปปั้นที่ชื่อธามนิธิแล้ว เขารู้สึกว่า ร่างกายของเขากลับไม่ฟังเขาเลย

เขาไม่พูดไม่ได้ว่า ฝีมือปาณีที่ช่วยเช็ดตัวให้คนอื่นนี้ ยังขาด

ประสบการณ์อีกเยอะ

เธอไม่กล้าออกแรง สำหรับเขาแล้ว เหมือนเธอกำลังจั๊กจี้เขา อยู่ กำลังอ่อยเขา และเขาก็ต้องอดทนอย่างยากลำบาก

เขาไม่ใช่รูปปั้น แต่กลับเป็นชายที่มีเลือดมีเนื้อต่างหาก…….

ปาณีเช็ดตัวท่อนบนของเขาจนเสร็จ กำลังล้างผ้าขนหนูและ คิดไตร่ตรองถึงปัญหาอันใหญ่หลวงที่ตามมาว่า ควรเช็ดตัว

ท่อนล่างของเขาด้วยไหม?

เพราะถึงยังไงเธอเป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาเอง ทำไปครึ่ง

ทางแล้วหนี แบบนี้ไม่ค่อยดีนัก

ดังนั้น เธอจำเป็นต้องยืนหยัดต่อไป
เธอวางผ้าเช็ดตัวเอง เดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าของสามนิธิ พูด ว่า “หนูช่วยเช็คข้างล่างนะคะ ต้องถอดกางเกงออกก่อน

เธอพูดประโยคนี้ แต่ธามนิธิได้ยินแล้วกลับรู้สึกหงิดๆ

ยัยเด็กคนนี้ นี่เธอจงใจอ่อยเขาใช่ไหม?

ปาณีเห็นว่าธามนิธิไม่ได้พูดอะไร ก็ถือว่าเขาตกลง ยื่นมือไป เพื่อจะถอดกางเกงให้เขา

เมื่อก่อนปาณีเคยเห็นร่างกายของน้องข้างๆบ้านที่อายุ 3 ขวบ นอกจากนั้นก็ไม่เคยเห็นร่างกายของชายคนอื่นอีกเลย เมื่อคิดถึงอีกสักครู่เธอก็จะได้เห็นของลับของคุณอาแล้ว นอก จะความตื่นเต้นแล้ว เธอยังรู้สึก…..รอคอยอย่างประหลาดใจ หรอเนี่ย?

คนเราเกิดมา ทุกคนล้วนมีความตื่นอยู่แล้ว ใครใช้ให้เธอเป็น คนที่อยากรู้อยากเห็นล่ะ

มือที่ร้ายกาจของปาณีเพิ่งจะยื่นออกไป ยังไม่ทันได้ถอด กางเกงของเขา ก็ถูกมือคู่ใหญ่ของเขาจับไว้ซะก่อน
ธามนิธิมองไปยังผู้หญิงที่อยากถอดกางเกงของเขาใจจะ

ขาด “ฉันทำเอง”

“……” ปาณีที่ถูกปฏิเสธอึ้งไปสักพัก มองไปยังธามนิธิ “ให้ หนูช่วยไม่ดีหรอคะ?”

เขาทำเองไม่สะดวก เธอก็แค่อยากช่วยเขา

แค่กๆ….. แม้จะถือโอกาสนี้ในการแอบดูก็ตาม แต่นี่ก็ไม่ใช้ เป้าหมายที่แท้จริงของเธอนะ

ตอนที่ 92

ถ้าหากขาเธอหัก ไม่มีทางที่จะลุกขึ้นเดินได้อีกตลอดชีวิต และยังต้องเผชิญกับการที่คู่หมั้นหนีไป ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ พวกนี้

เธอจะทำอย่างไร?

เพียงแค่คิดเรื่องพวกนี้ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองอาจจะเป็นบ้าได้

อยากพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ” ธามนิธิมองไปยังท่าทางที่กลืน

ไม่เข้าคายไม่ออกของเธอ พูดออกไปตรงๆ

“ไม่มีอะไรค่ะ ทานข้าวกันดีกว่า!” ปาณีคีบอาหารให้เธอ “คุณ ลองทานไก่ผัดพริกอันนี้สิคะ ลองดูว่าอร่อยไหม?”

ธามนิธิทานไปนิดหน่อย “อั้ม”

“ดื่มซุปอีกหน่อยนะคะ” เธอหยิบถ้วยแล้วตักน้ำซุปให้เขา

ดูแลเขาเป็นอย่างดี

มักรู้สึกว่า มีเพียงทำแบบนี้เท่านั้น ถึงจะเติมเต็มความรู้สึกผิดในใจได้เล็กน้อย แม้เธอจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

หลังรับประทานอาหาร ปาณีก็เก็บล้างถ้วยชามให้เรียบร้อย กลับไปบนห้องพร้อมกับธามนิธิ

ธามนิธิมองไปยังปาณี “ดึกแล้ว เธอไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ วันนี้คงเหนื่อยมากแล้วเหมือนกัน

แม้พวกเขาจะนอนห้องเดียวกันตอนอยู่ในบ้านวิสิทธิ์เวช แต่ ตอนอยู่ที่นี่ พวกเขาแยกห้องกันนอน และต่างคนก็ต่างมีห้อง เป็นของตัวเอง

ทั้งสองคนเป็นคนที่โสดมานานหลายปี จู่ๆให้มาอยู่ห้อง เดียวกัน อย่าพูดว่าปาณีไม่ชินเลย เพราะแม้แต่ธามนิธิเองก็ ไม่ชินเหมือนกัน

เพราะถึงอย่างไร เขาก็เป็นคนที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวตลอด

ปาณีพูดว่า “คุณอาคะ หนูช่วยอาบน้ำตัวให้คุณนะคะ

ธามนิธิมองไปยังปาณี คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า เขาเธอจะพูดความเห็นนี้ออกมา

ช่วยอาบน้ำถูตัวให้เขา?

เขายังคงจ้องมองปาณี “เธอมานี่”

ปาณีขยับเข้าใกล้อย่างเชื่อฟัง มือที่อบอุ่นของธามนิธิวางอยู่ บนหัวเธอ พูดประชดว่า “สมองเธอฝ่อแล้วรึไง?”

..” ปาณีพูดว่า “หนูแค่อยากช่วยคุณ ทำไมถึงกลายเป็น

สมองฝ่อล่ะคะ?”

“เธอเป็นสาวเป็นนาง ฉันจะให้เธอช่วยอาบน้ำถูตัวให้ฉัน?” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อาย แต่เขาก็อายนะ

ปกติเรื่องอาบน้ำแต่งตัว ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของไวยาตย์

ปาณีกลับตอบอย่างจริงจัง “หนูไม่ได้เป็นสาวเป็นนางสัก หน่อย! หนูเป็นภรรยาของคุณต่างหาก คุณยังมองหนูเป็นคน อื่นคนไกลหรอคะ?”

เขาเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าเธอเป็นภรรยาของเขา อย่ามองเขาเป็นคนอื่นคนไกล?

แต่ว่า เขากลับไม่เคยให้ตัวเองช่วยทำเรื่องพวกนี้เลย

เมื่อก่อนปาณีขี้อาย ก็ไม่กล้าที่จะทำเรื่องแบบนี้

แต่เธอคิดๆแล้ว ในเมื่อตัวเองก็เป็นภรรยาของธามนิธิแล้ว ก็ ต้องทำตัวให้คุ้นชินกับตำแหน่งนี้ ต้องช่วยเขาทำอะไรบ้างสิ!

เรื่องอื่นๆ เธอทำได้ไม่ดี และยังทำไม่เป็น แต่ว่า เธอ

สามารถดูแลเรื่องอาหารการกินและชีวิตการเป็นอยู่ของเขาได้

ธามนิธิจ้องมองปาณี ในสายตาของเธอสามารถดูออกได้ว่า

เธอตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้ว

ดูเหมือนว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ โจมตีเธอไม่น้อยเลยที

เดียว!

แม้ว่าเขาได้พยายามจนสุดความสามารถที่จะปลอบใจเธอ แล้ว เพราะว่าเป็นเรื่องของคุณแม่เธอ จึงทำให้เธอยังคงรู้สึก ผิดอยู่
ธามนิธิไม่ได้รับปฏิเสธ ขมวดคิ้วถามว่า “เธอมั่นใจนะว่าจะ ช่วยฉัน? ฉันเป็นผู้ชายน

เขาอยากรู้เล็กน้อยว่า ทำไมเธอถึงมีความกล้ามากขนาด

นิ้ว

“ไม่เป็นไรค่ะ” ปากพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “หนูไปเอาเสื้อผ้าก่อน

นะคะ

เธอไปหยิบชุดนอนมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

ธามนิธิมองไปยังเธอที่กำลังหาเสื้อผ้าของเขาในห้องแต่งตัว มองไปยังท่าทางที่ยุ่งวุ่นวายของเธอมีความรู้สึกอย่างหนึ่งที่

ไม่สามารถพูดออกได้

ปากหยิบชุดนอนของรามอ เสื้อผ้าให้เขา จากนั้นก็เป็นเขา ช่างรวดเร็ว เธอยืน ห้องน้ำ

“คุณรอแบบหนึ่งนะคะ หนูไปเปิดน้ำ ย่างก่อน

ปาหยุดรถเข็นของถามนิดไว้นั่งหนึ่งของห้อง จากนั้นก็ไป เปิดน้ำ
เป็นครั้งแรกที่เธอทำสิ่งนี้ มีความยุ่งวุ่นวายเล็กน้อย เธอปรับ อุณหภูมิของน้ำ และเตรียมผ้าขนหนูไว้อย่างรวดเร็ว เธอเดิน เข้ามาใกล้ ใช้นิ้วปัดจมูกของตัวเองเพื่อซ่อนความตื่นเต้นของ ตัวเองไว้ “หนูช่วยถอดเสื้อผ้าให้ไหมคะ?”

ตอนที่ 91

ธามนิธิถามว่า “เกิดเรื่องอะไรรึเปล่า?”

ปาณีถอนหายใจ “แม่หนูเองค่ะ เธอเอาเรื่องที่หนูแต่งงานกับ คุณไปบอกอาของหนู เพื่อให้อาของหนูมาเกลี้ยกล่อมหนู

ไม่เพียงแต่เท่านี้ ฝนสิริยังโทรหาญาติพี่น้องทุกคนเธอ

สามารถติดต่อได้ในตอนนี้

ในเวลานี้ ฝนสิริบอกกับญาติๆของเธอดังนี้ “ครอบครัวนั้น

มากเกินไปจริงๆ พวกเขาเห็นว่าปาณีหลอกง่าย ก็เลยจะหลอก ปาณีไป ไม่ว่าอย่างไร ฉันก็จะไม่ตกลงเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม คำพูดที่พูดออกจากปากของเธอ ทำให้รา มนิธิกลายเป็นคนเลวที่ทั้งจนและทั้งพิการ แล้วยังจะหลอก ลูกสาวของเธอไปอีก

และปาณีก็กลายเป็นคนโง่ไร้เดียงสาที่ถูกหลอก

ดังนั้น เธอกระตุ้นให้ญาติพี่น้องทุกคนมาเกลี้ยกล่อมปาณี
ในตอนกลางคืน ปาณีทำกับข้าว และยกอาหารออกมาจาก

ในครัว เธอก็ได้รับสายอีก

นี่เป็นสายที่ 5 ที่เธอได้รับตั้งแต่บ่ายวันนี้แล้ว

เธอก็ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเรื่องแบบนี้ แม่ไปเอาความกล้ามา

จากไหน ถึงป่าวประกาศให้โลกรู้เช่นนี้

มองดูท่าทางของเธอที่ขมวดคิ้วขณะถือมือถือไว้นั้น ธามนิธิ

จึงถามว่า “เป็นสายที่แม่เธอให้คนอื่นโทรมาอีกแล้วหรอ?”

“อืม” ปาณีนั่งลงพร้อมกับปิดเครื่องโทรศัพท์มือถือ เธอเอา ถ้วยชามวางไว้ตรงหน้าของธามนิธิ วันนี้ว่างพอดี จึงใช้เวลา ว่างในการโชว์เสน่ห์ปลายจวักของตัวเองสักหน่อย “ทานข้าว

เถอะค่ะ! ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอกค่ะ”

ตอนนี้ปาณียังคงโกรธเคืองฝนสิริอยู่

แม้ว่าจะเป็นแม่ของเธอก็ตาม
สิ่งที่ฝนสิริทำในวันนี้ มันมากเกินไปจริงๆ มากถึงขั้นที่ปาณีไม่

อยากอภัยเธอ

ธามนิธิยื่นมือออกไป หยิบตะเกียบขึ้นมา “อร่อยจังเลย

ฝีมือการทําอาหารของปาณีบอกไม่ได้ว่าดีเลิศ แต่ว่า ถูกปาก ธามนิธิมากเลยแหละ

ปาณีมองไปยังท่าทางของธามนิธิที่กำลังทานข้าว เหมือน เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เลย และแน่นอนว่าภายใน ใจของเธอกระวนกระวายมาก “คุณพ่อคุณแม่เป็นยังไงบ้าง คะ?”

ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ปาณียังไม่กล้าถามคำถามนี้เลย

ธามนิธิตอบว่า “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปเยี่ยมพวก

เขา”

.……….. ปาณีถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เธอเสียใจมาก ตลอดช่วง เวลาที่เธออยู่ในบ้านวิสิทธิ์เวชนี้ เธอรู้ดีว่าธามนิธิมีผลกระทบ ต่อบ้านวิสิทธิ์เวชมากแค่ไหน

คนทั้งครอบครัวชอบเธอ ไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอปฏิบัติตัวดีแค่

ไหน และยิ่งไม่ได้เป็นเพราะเธอโดยเก่มาะไรแต่เป็นเพราะธามนิธิต่างหาก

เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเขาต้องผิดหวังในตัวเธอมากแน่ๆเลย

ใช่ไหม?

ธามนิธิเพิ่งกินไปได้สองคำ กลับพบว่านักกินอย่างปาณีไม่ได้ ขยับตัวเลย ปกติเมื่อถึงเวลาทานข้าว เธอจะตั้งใจทานมากๆ แต่วันนี้ เธอแอบขี้เกียจแล้วหรือไง?

ธามนิธิอยากพูดอะไรบางอย่างเพื่อปลอบใจเธอมาก แต่พอ เปิดปากพูดแล้ว กลับกลายเป็นคำพูดที่เข้มงวดทันที “ฉันไม่ ชอบคนที่ไม่ตั้งใจทานข้าว รีบกินสิ”

เป็นคำพูดของทหารเก่าชัดๆ เหมือนคำพูดที่พูดเอาใจผู้หญิง

ที่ไหนกัน?

“หนูไม่หิวค่ะ” ตอนนี้ปาณีไม่มีความอยากอาหารเลย

ธามนิธิก็รู้ดีแก่ใจว่าปาณีกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ เขาคีบอาหาร ให้เธอ ใบหน้ายังคงสีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆไว้ แต่ว่าน้ำเสียง ของเขาดีขึ้นมาก “อย่าคิดอะไรไร้สาระพวกนั้น พ่อแม่ไม่ได้ อ่อนแอขนาดนั้น”

เมื่อเทียบกับที่เขาขาหักก่อนหน้านี้ ทกอย่างที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ก็เหมือนเป็นเรื่องเด็กๆไปแล้ว

ปาณีมองไปยังท่าทางที่สงบนิ่งของธามนิธิ “คุณอา

เธอรู้สึกหนักใจมากๆ

ธามนิธิถามว่า “อะไรล่ะ?

เขาไม่ค่อยชินกับท่าทางแบบนี้ของเธอมากนัก

หญิงสาวในวัยของเธอ ควรจะร่าเริงมากกว่านี้ เหมือนปกติที่ เธอมักจะเป็น

ดวงตากลมใสของปาณีต้องมองไปยังถามนิธิ มองดูท่าทางที่ เข้าใจของเขา คิดไม่ออกเลยจริงๆว่า เขาทำตัวสงบนิ่งขนาดนี้ ได้อย่างไร

ตอนที่ 90

อาพูดในสายว่า “วันนี้พ่อแม่ของเธอมาบ้านอา”

ปาณีขมวดคิ้ว “เขาไม่ได้กลับบ้านหรอคะ?”

ยังคิดว่าไวยาตย์ส่งพ่อแม่เธอกลับบ้านแล้วสักอีก

อาพูดว่า “เขาให้อาเกลี้ยกล่อมเธอหน่อย เธอก็ไม่ได้เป็น เด็กๆแล้วนะ เชื่อฟังหน่อย ไม่ง่ายเลยที่พ่อแม่เธอเลี้ยงดูเธอ โตมาขนาดนี้”

ปาณีไม่คิดเลยว่า แม่จะไปหาอาที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานเพื่อ เกลี้ยกล่อมเธอ “แม่พูดอะไรเกี่ยวกับหนูให้อาฟังบ้างคะ?”

“ก็ไม่ได้พูดอะไร ฉันก็กลัวว่าเธอจะคิดไม่ได้ ปาณี อาเป็นคน ที่เคยผ่านมาแล้ว เธอก็รู้สภาพของอาเขยของเธอดี ถ้าเธอ เป็นเหมือนอา อีกหน่อยจะทำยังไงดี?” เมื่อก่อนฐานะทางบ้าน ของอาดีมาก อาเขยก็มีการงานที่มั่นคง รายเดือนแต่ละเดือน ก็ไม่เลวเลยทีเดียว หลายๆครั้งอายังเคยช่วยเหลือครอบครัว เธอด้วยซ้ำ
หลังจากนั้น อาเขยก็เกิดเรื่อง นอนอยู่บนเดียงมาสิบปีแล้ว สิบปีที่ผ่านมากอาต้องเลี้ยงลูกทั้งสองคน และยังต้องออกไป ทำงานอีก ข้างบนก็มีคนแก่อยู่ ใช้ชีวิตอย่างยากล้าบากมาก

ถูกญาติพี่น้องดูถูกมาไม่น้อย แม้กระทั่งฝนสิริ บางครั้งก็รู้สึก ว่าภาระของบ้านอานั้นหนักมาก ไม่อยากไปมาหาสู่กับเธอเท่า ไหร่

ในแต่ละวันของอานั้น ใช้ชีวิตอย่างยากล้าบากจริงๆ

แต่ว่า ปาณีคิดไม่ถึงเลยว่า เพื่อที่จะหยุดยั้งให้เธอคบกับธา มนิธิแล้ว แม่ถึงขั้นวิ่งไปหาอาเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอเลยหรอ?

ปาณิพูดว่า “หนูทราบค่ะว่าไม่ง่ายเลยที่อาจะผ่านเรื่องพวก นี้มา ในใจหนูรู้ดีค่ะ สำหรับแม่หนูแล้วอาไม่ต้องไปสนใจเขา หรอกค่ะ! หลายปีที่ผ่านมาเขาทำอะไรไว้กับอาบ้าง อาลืมแล้ว WSDA?”

ท่าทีที่แม่มีต่ออานั้น ปาณีไม่เห็นด้วยมาโดยตลอด

เสียตาย เธอยังเป็นนักเรียนอยู่ ไม่มีความสามารถที่จะหาเงิน ได้ และไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออาได้เลย
แต่ทีนี้ ฝนสิริรู้ดีว่าอาเป็นคนใจอ่อน ถึงกล้าไปบ้านอา ก็มี เพียงอาเท่านั้นที่จะยอมสนใจแม่อยู่

อาเกลี้ยกล่อมเธอผ่านทางมือถือว่า “อาไม่ได้เป็นห่วงแม่ ของเธอ แต่เป็นห่วงเธอต่างหาก แม่เธอก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงเป็นแม่ของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องจงใจ หาเรื่องตัวเองเพียงเพราะโกรธแม่เธอ ใช่ไหมล่ะ?”

ปาณีเดินถือมือถือไปยืนอยู่ตรงหน้าต่าง พูดอย่างจริงจังว่า “อาคะ อย่าฟังแม่หนูพูดไร้สาระ คุณอาเขาเป็นคนที่ดีมาก เขา เก่งมากเลยค่ะ ดีกับหนูมากๆด้วย แม่หนูต่างหากที่ทำเกินไป พูดจาไม่น่าฟังขนาดนั้นต่อหน้าคนอื่น ต่อจากนี้หนูไม่อยาก สนใจเขาแล้ว อาไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ หนูจะใช้ชีวิตอย่างดี เลยค่ะ”

ธามนิธิอยู่ข้าง ได้ยินปาณีชมเขาอย่างกับเป็นวีรบุรุษ..

ในใจของเธอ เขาดีขนาดนั้นเลยหรอ?

ธามนิธิก่อนจะได้รับบาดเจ็บนั้น ใช้ชีวิตเป็นคนชั้นสูงมาโดย ตลอด ถูกคนอื่นชมจนชินแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ

แต่ว่า หลังจากที่เขาได้รับอุบัติเหตุ โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไป เขาที่ยิ่งใหญ่มาโดยตลอด ก็กลายเป็นคนที่อ่อนไหวมาก
แต่ทีนี้ ฝนสิริรู้ดีว่าอาเป็นคนใจอ่อน ถึงกล้าไปบ้านอา ก็มี เพียงอาเท่านั้นที่จะยอมสนใจแม่อยู่

อาเกลี้ยกล่อมเธอผ่านทางมือถือว่า “อาไม่ได้เป็นห่วงแม่ ของเธอ แต่เป็นห่วงเธอต่างหาก แม่เธอก็เป็นแบบนี้แหละ แต่ ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังคงเป็นแม่ของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องจงใจ หาเรื่องตัวเองเพียงเพราะโกรธแม่เธอ ใช่ไหมล่ะ?”

ปาณีเดินถือมือถือไปยืนอยู่ตรงหน้าต่าง พูดอย่างจริงจังว่า “อาคะ อย่าฟังแม่หนูพูดไร้สาระ คุณอาเขาเป็นคนที่ดีมาก เขา เก่งมากเลยค่ะ ดีกับหนูมากๆด้วย แม่หนูต่างหากที่ทำเกินไป พูดจาไม่น่าฟังขนาดนั้นต่อหน้าคนอื่น ต่อจากนี้หนูไม่อยาก สนใจเขาแล้ว อาไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ หนูจะใช้ชีวิตอย่างดี เลยค่ะ”

ธามนิธิอยู่ข้าง ได้ยินปาณีชมเขาอย่างกับเป็นวีรบุรุษ..

ในใจของเธอ เขาดีขนาดนั้นเลยหรอ?

ธามนิธิก่อนจะได้รับบาดเจ็บนั้น ใช้ชีวิตเป็นคนชั้นสูงมาโดย ตลอด ถูกคนอื่นชมจนชินแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ

แต่ว่า หลังจากที่เขาได้รับอุบัติเหตุ โลกทั้งใบก็เปลี่ยนไป เขาที่ยิ่งใหญ่มาโดยตลอด ก็กลายเป็นคนที่อ่อนไหวมาก
ได้ยินปาณีชมเขา ในใจก็มีความสุขเล็กน้อย ริมฝีปากก็อมยิ้ม

ถ้าไม่สังเกตดีๆจะดูไม่ออกเลย

ปาณียังคุยคุยโทรศัพท์อยู่กับอา ไม่ได้สังเกตเลยว่าธามนิธิ อยู่ตรงนั้น

เธอเดินเขาไปใกล้ผนังห้องที่เป็นกระจก แสงแดดสาดส่อง เข้ามาจากภายนอก ตกอยู่บนตัวของเธอ

อาพูดในสายว่า “เธอรู้ดีแก่ใจก็ดี”

“ถ้าอย่างนั้นหนูวางก่อนนะคะ” ปาณีเสียใจเล็กน้อย สภาพ ของอาในตอนนี้ เธอกลับช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย

เธอหันกลับมา พบว่าธามนิธิอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ออกมาตั้งแต่เมื่อ ไหร่ ทำให้ตกใจเป็นอย่างมาก “คุณอา ทำไมคุณไม่พูดไม่จา เลยล่ะคะ? นั่งเงียบอย่างนั้น หนูตกใจแทบแย่”

“เห็นเธอกำลังคุยโทรศัพท์อยู่เลยไม่อยากรบกวน” ธามนิธิ มองไปยังเธอ ใบหน้าที่แสนจะดีใจที่ได้รับดอกไม้ในเมื่อครู่นี้ หลังจากที่ได้รับสายแล้ว ก็กลายเป็นใบหน้าที่รู้สึกหดหู่มาก ขึ้น

ตอนที่ 89

ความทรงจำเหล่านี้ ทำให้อารมณ์ของเธอเศร้าขึ้นมา

ทันใดนั้น ธามนิธิก็พูดว่า “จอดรถ”

ปาณีรีบดึงสติตัวเองกลับมา มองไปยังธามนิธิ “คุณอา เป็น

อะไรรึเปล่าคะ?”

ไม่ได้ตกลงกันว่าจะกลับบ้านหรอกหรอ? นี่ยังไม่ถึงบ้านเลย เขาก็ให้คนขับรถจอดรถซะแล้ว

“ช่วยไปซื้อดอกไม้ให้ฉันช่อหนึ่ง” ธามนิธิกล่าว

“ซื้อดอกไม้ปราณีเพิ่งจะสังเกตว่า ตอนนี้รถกำลังจอดอยู่ หน้าร้านดอกไม้

เธอถามว่า “คุณอา คุณจะซื้อดอกไม้เพื่อเตรียมส่งให้คนอื่น หรอคะ?”

“อั้ม” ธามนิธิทำสีหน้าจริงจัง “รีบไปสิ”
ปาณีพูดว่า “อยากซื้อแบบไหนคะ?”

“เธอลองดูว่าชอบอันไหนก็อันนั้นแหละ”

ปาณีถามว่า “ส่งให้เพื่อนหรอคะ?”

เพราะถึงยังไงดอกไม้ก็ซื้อมั่วชั่วไม่ได้ ต้องดูว่าส่งให้กับใคร

ธามนิธิตอบว่า “ส่งให้กับคนที่สำคัญมากคนหนึ่ง”

ปาณีเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรกว่า ธามนิธิยังมีคนสำคัญที่ถึงขั้น อยากส่งดอกไม้ให้ด้วย

เธอเป็นคนเชื่อฟังมาโดยตลอด เรื่องที่คุณอามอบหมายให้ ก็ ต้องทำจนสุดสามารถ พนักงานในร้านได้แนะนำดอกไม้ที่สด ที่สุดในร้านให้เธอ ปาณีถือช่อดอกไม่กลับมา เกือบจะบังเธอ ไปครึ่งตัวแล้ว

“คุณอา เป็นยังไงบ้างคะ?” ปาณีนั่งอยู่ข้าง ถามอย่างกับ กำลังโชว์ของมีค่า

ธามนิธิมองไปยังแววตาที่ไร้เดียงสาของเธอ พูดว่า “เธอรู้สึกว่าสวยไหม?

“หนูรู้สึกว่าสวยมากเลยค่ะ! ก็ไม่รู้ว่าใครจะโชคดีขนาดนี้ ที่จะ

ได้รับดอกไม้จากคุณอา

นี่เป็นครั้งแรกที่ปาณีถือช่อดอกไม้ไว้ในมือ แม้ว่าจะไม่ได้ มอบให้เธอ แต่เธอก็มีความอิจฉาเล็กน้อย

ธามนิธิตอบว่า “มอบให้เธอ

“จู่ๆปาณีก็รู้สึกว่ามือที่กำลังถือช่อดอกไม้อยู่นั้นอ่อน แรง ไม่ใช่มั้งคะ?”

ให้เธอไปซื้อดอกไม้ แล้วก็มอบให้เธอเอง?

เพราะว่าช่วยเขาซื้อ ราคาของดอกไม้ช่อนี้จึงไม่ถูกเลย

ปาณีพูดว่า “นี่ให้หนูมันจะสิ้นเปลืองไปนะคะ!”

ร้อย่างนี้ซื้อช่อที่ถูกๆก็ดี?

ธามนิธิยื่นมือออกไป ลูบหัวของเธอเบาๆ ในสายตาของเธอ ฉันเป็นคนที่ไม่มีปัญญาซื้อดอกไม้ให้ภรรยาของตัวเองเลยหรอ?”

น้ำเสียงของเขานุ่มนวลมาก โดยเฉพาะ คำว่าภรรยาสองคำนี้ ฟังไปแล้วเป็นทางการอย่างมาก

นี่เป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่ง ถูกปกป้อง ความรู้สึกเหมือน ถูกประคองไว้ด้วยทั้งสองมือ

ปาณีอดไม่ได้ที่จะก้มหัวลง มองดูดอกไม้เบื้องหน้า รู้สึกว่า หัวใจดวงน้อยๆของตัวเองเต็มไปด้วยฟองที่มีความสุข “ถ้า อย่างนั้น หนูรับไว้แล้วนะคะ?”

ธามนิธิมองไปยังเธอ แม้เธอจะรู้สึกว่ามันสิ้นเปลือง แต่ก็ชอบ

มากจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ปาณีได้รับช่อดอกไม้ สายตาเต็มไป ด้วยความอ่อนโยน

รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนจากสาวที่แข็งแกร่งเป็นเจ้าหญิงในทุก นาที

ตอนบ่าย ขณะที่ธามนิธินั่งรถเข็นออกมา ก็เห็นปาณีนั่งอยู่ใน ห้องรับแขกคนเดียว กำลังถ่ายรูปกับดอกไม้ช่อนั้นอยู่ ไม่รู้ว่า เปลี่ยนมุมไปแล้วเยอะแค่ไหน
ปากก็อบยิ้มอยู่ตลอดเวลา เหมือน… คนโง่คนหนึ่ง

ธามนิธิไม่ได้รบกวนเธอ เพียงแต่นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง มองดูเธอ

อย่างเงียบๆ

เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่รู้จักปาณี ในเวลาที่เขาเบื่อหน่อย เขาก็ ชอบที่เหม่อจะอยู่คนเดียว

แต่ในตอนนี้ เขาชอบที่จะมองเธอแบบนี้มากกว่า สังเกตเธอ รู้สึกว่ามันน่าสนใจมาก

เธอเหมือนเด็กน้อย ที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจสำหรับ โลกใบนี้

ปาณีถ่ายรูปไปหลายภาพ ขณะที่กำลังจมอยู่ในนั้น จู่ๆก็มีคน

โทรศัพท์มาหาเธอ

ปราณีรับสาย พบว่าอาผู้หญิงของเธอโทรมา “ปาณี

หลังจากได้ยินเสียงของอา ปาณีรู้สึกเกินความคาดหมายเล็ก น้อย “คุณอาโทรหาหนูได้ยังไงคะ?”

อาคนี้ดีกับปาณีมาก เพียงแต่ว่า ฐานะทางบ้านของเธอไม่ค่อยดีนัก แล้วยังมีเรื่องบาดหมางกับฝนสิริเล็กน้อย ดังนั้น สองสามปีที่ผ่านมานี้ ทั้งสองครอบครัวไม่ได้ไปมาหาสู่กันเลย

ตอนที่ 88

เขาทนต่อการถูกหักหลังไม่ได้!

คำพูดที่เย็นชาของเขา ทำให้ปาณีขวัญเสียไปสักพัก ปาณี คิดไม่ถึงเลยว่า ในเวลาแบบนี้ ธามนิธิยังอยากให้เธอเป็น

ภรรยาของเขาอีกหรอ?

ทั้งๆที่คำพูดของแม่ในวันนี้รุนแรงขนาดนั้น

เปลี่ยนเป็นคนอื่น คงจะไม่สนใจเธอตั้งนานละ คงไล่เธอออก จากบ้านไปแล้ว?

ปาณีจ้องมองยังธามนิธิ “แม่หนูพูดแบบนั้น คุณไม่โกรธเลย

หรอคะ?”

ธามนิธิมองไปยังท่าทางที่ไม่มั่นใจของปาณี นี่เธอกลัวว่าเขา จะโกรธเธอเพราะเรื่องของแม่สินะ?

ดวงตาดำสนิทของเขามองไปยังปาณี “อย่าคิดมาก เรื่องของ แม่เธอ ฉันไม่โทษว่าเป็นความผิดของเธอหรอก”
ปาณียังคงก้มหน้าลง คำปลอบใจของธามนิธิ ไม่ได้ช่วยให้ อารมณ์ของเธอดีขึ้นเลย “แต่ว่า พ่อแม่ของคุณล่ะ? แล้วยังมี พี่สาวอีก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนคุณ ไม่โกรธหนู หนูก็ ยังคงรู้สึกผิดต่อเขาอยู่ดี”

ถ้าหากเลือกเกิดได้ มันจะดีมากแค่ไหน?

ปาณีไม่ได้คาดหวังว่าพ่อแม่ของตัวเองจะต้องรวยขนาด ไหน และไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะเป็นทายาทเศรษฐีด้วย ความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดของเธอก็คือ หวังว่าพ่อแม่ของเธอ จะเหมือนพ่อแม่ของคนอื่น : ในตอนที่เธอไม่อยากเรียนต่อ พวกเขาก็จะบังคับเธอไปเรียน เป็นห่วงอนาคตของเธอ.. ไม่ใช่ว่าเหมือนกับตอนนี้ รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิง เรียนไปก็ไม่มี อนาคตจะให้เธอแต่งงานให้ได้

ธามนิธิมองไปยังท่าทางที่รู้สึกผิดของปาณี รู้ว่าเธอเป็นคนที่ มีความรับผิดชอบ แม้ว่าคนอื่นจะไม่กล่าวโทษเธอ แต่เธอก็ยัง คงรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้ด้วย

เขายื่นนิ้วมือออกไป จิ้มลงบนหน้าผากเธอเบาๆ “รู้สึกผิดมาก ขนาดนั้นจริงๆหรอ?”

“อิ้ม” ปาณีพยักหน้า
ไม่เพียงแต่รู้สึกผิดเท่านั้น แต่เธอรู้สึกผิดจนจะตายอยู่แล้ว

ต่างหาก!

สีหน้าของธามนิธิจริงจังมาก “รู้สึกว่าตัวเองทำผิดต่อฉันมาก

เลยหรอ?”

“อึมอึม”

มองดูท่าทางที่พยักหน้าของเธอ ธามนิธิพูดว่า “งั้นจูบฉัน หน่อย! จูบที่หนึ่ง แล้วฉันจะให้อภัยเธอ”

ทั้งๆที่สถานการณ์ร้ายแรงและน่าเศร้าขนาดนี้ จู่เขาก็พูด ประโยคนี้ออกมา ปาณีไม่รู้ว่าควรจะตอบเขายังไง

“คุณอา คุณจริงจังหน่อยสิ ไม่ต้องล้อเล่นแบบนี้ดีไหมคะ?”

ธามนิธิพูดว่า “ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับเธอนะ”

ท่าทางจริงจังของเธอ เปรียบเสมือนกำลังสนทนาหัวข้อที่ เครียดตึงมาก ไม่ได้ล้อเล่นเลยจริงๆ
ปาณีมองดูใบหน้าด้านข้างที่ได้รูปของเขา “ไม่ได้ล้อเล่นแล้ว ยังให้ฉันจูบคุณอีก?”

“ก็โดนแม่เธอพูดแทงใจดำนิดหน่อย ต้องให้เธอจูบถึงจะ หาย” นานๆที่ถึงจะมีเวลาที่ธามนิธิอ้อนแบบนี้ ปาณีอดไม่ได้ที่ จะสงสัยว่าตัวเองดูผิดไปหรือเปล่า

เธอมองหน้าธามนิธิ ลังเลไปชั่วขณะ จึงหอมแก้มเขาไปที่ หนึ่ง “แบบนี้ได้รึยังคะ?”

ธามนิธิยิ้มพร้อมส่งกระเป๋าดังให้เธอ ไปเช็คบิลส์ เรากลับ

บ้านกัน

“ค่ะ”

ปาณีหยิบกระเป๋าดังออกไปเช็คบิลอย่างรวดเร็ว

ถูกธามนิธิแกล้งสักหน่อย เธอกลับรู้สึกว่าไม่ได้กดดันมาก ขนาดนั้นแล้ว

ทั้งสองคนออกมาจากร้านสุกี้ คนขับรถของบ้านวิสิทธิ์เวชส่ง พวกเขากลับไป
ปกติสุดสัปดาห์พวกเขาจะค้างที่บ้านวิสิทธิ์เวช แต่ว่าในวันนี้ ธามนิธิให้คนขับรถส่งพวกเขากลับไปยังบ้านที่เขากับปาณีอยู่

โดยตรงเลย

บนรถ ปาณีมองออกไปยังแสงแดดที่สาดส่องนอกหน้าต่าง อดไม่ได้ที่จะเหม่อลอยเล็กน้อย

หลังจากที่เกิดเรื่องในวันนี้ เธอมีแรงกระตุ้นที่อยากจะตัดขาด ความสัมพันธ์กับฝนสิริเลย

แต่ว่า สิ่งที่ลอยเข้ามาในสมองของเธอ กลับเป็นความทรงจำ

ตั้งแต่เด็กจนโตของเขา…

เธอกับนภันต์ ก็เป็นลูกที่พ่อแม่เลี้ยงดูมา ถ้าหากไม่มีพวกเขา เธอก็ไม่สามารถโตมาได้ขนาดนี้

ตอนที่ 87

ความพาลอย่างไม่มีเหตุผลของฝนสิริ ใช้กับเขาไม่ได้เลย

เรื่องทานข้าวในวันนี้ เขาเป็นคนตกลงเอง ดังนั้น ไม่ว่า ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็จะรับผิดชอบเอง

เห็นเขายืนยันที่จะให้ปาณีอยู่ต่อ ฝนสิริก็จะเดินมาดึงปาณี ออกไป แต่ถูกไวยาตย์ห้ามไว้สักก่อน “คุณน้าครับ คุณธา มนิธิให้เกียรติคุณแล้วนะครับ เพราะเห็นว่าคุณเป็นคุณแม่ ของคุณปาณี หวังว่าคุณจะเข้าใจสถานการณ์ด้วยนะครับ”

เขาไม่ใช่ธามนิธิ หากทำให้โมโหแล้ว เขาจะไม่เกรงใจ ฝนสิริแน่นอน

ไวยาตย์เป็นคนร่างสูงใหญ่ สีหน้าก็เข้มขรึมมาก ยืนอยู่ ต่อหน้าฝนสิริ รังสีอันแข็งแกร่งแผ่ขยายไปทั่ว ฝนสิริจอง หน้าเขา พบว่าไวยาตย์คนนี้ไม่ธรรมดา หาเรื่องไม่ง่ายนัก จึงจำใจกลับไปหลังจากที่ฝนสิริกลับไปแล้ว ภายในห้องอาหารเงียบสงบ

ฐิติพรยืนขึ้น “พวกเราก็กลับกันเถอะ”

เรื่องในวันนี้ทำให้เธอเสียใจแล้วจริงๆ

เมื่อก่อนมีแต่คนอื่นที่มาขอแต่งงานกับลูกชายเธอ แต่ใน ตอนนี้ นลินหนีไปแล้วก็ช่างเถอะ… แม้กระทั่งคนอย่าง ฝนสิริยังมาชักสีหน้าใส่เธออีก

จันวิภามองไปยังสภาพของฐิติพรที่เป็นแบบนี้ จึงรีบลุก ขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ธามนิธิ พวกพี่กลับไปกันก่อนนะ นายก็อยู่ จัดการเรื่องที่นี่หน่อย”

เได้”

ธามนิธิเป็นคนที่สงบมากที่สุด เหมือนคนที่ฝนสิริโจมตี

ไม่ใช่เขาอย่างนั้น
จันวิภาออกจากร้านอาหารไปพร้อมกับพ่อแม่ของธามนิธิ ในห้องอาหารเหลือเพียงปาณีกับธามนิธิสองคน

ธามนิธิมองไปยังปาณีที่นั่งกัมหน้าก้มตาและตัวยังสั่นอยู่ ตลอดเวลา ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของเธอเบาๆ

เขาลูบหัวเธอไปมา ถามอย่างอ่อนโยนว่า “เธอร้องไห้ ทำไม?”

ตอนนี้อารมณ์ของปาณีไม่ดีมากๆ ความรู้สึกผิดและการ โทษตัวเองกลืนกินใจของเธอ “หนูรู้สึกผิดต่อคุณ และรู้สึก ผิดต่อทุกคน.”

ตอนที่พ่อแม่ของธามนิธิออกไป ดูไปแล้วเหมือนไม่สบาย

ใจมากๆ

แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่สามารถที่จะยินดีกับเรื่องนี้

ได้เลย!

คำพูดของฝนสิริเหล่านั้น แม้แต่ปาณีที่เป็นลูกสาวฟังแล้ว

ยังรับไม่ได้เลย แล้วพวกเขาจะรับได้อย่างไร?
ในเวลา ปาilแรงกรยตุนที่อยากหนี้ออกไปให้ร้แล้ว์ รอดตาย ช้า

เธอมองหน้าธามนิธิแวบหนึ่ง พูดว่า “คุณอา..”

“ทำไมสะ” ธามนิธิกำลังจ้องมองปาณีอยู่ เห็นเธอรู้สึก ผิดขนาดนี้ เขาก็รู้สึกปวดใจไปด้วย

เรื่องในวันนี้ไม่ได้โทษเธอเลย เรื่องที่อยากเจอฝนสิริเป็น

ความคิดของเขาเอง ปาณีก็ได้เดือนเขาตั้งแต่แรกแล้ว

แต่ว่า ธามนิธิไม่ได้เสียใจภายหลังเลย

ถ้าไม่เป็นเพราะเขาเห็นกับตาตัวเอง เขาก็คงยังไม่ สามารถเข้าใจได้ว่าแม่ของปาณีเป็นคนอย่างไร ตอนนี้ได้ เห็นกับตาตัวเองแล้ว เขาไม่เพียงแต่ไม่โทษเธอเลย และ ยิ่งไปกว่านั้น ยังเห็นใจเธอมากกว่าเดิมอีก

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น มีแม่ที่เป็นแบบนั้น อาจจะเป็นบ้าไป แล้วก็ได้?

เวลาแบบนี้ ยิ่งทำให้เขาอยากจะปกป้องเธอ
ปาณี ก้มหน้า พูดด้วยจิตใจกระสับกระส่ายว่า “หรือไม่ เรื่องแต่งงานเราช่างเถอะค่ะ!”

หลังจากที่เธอพูดประโยคนี้ไป ก็รู้สึกได้ถึงธามนิธิเย็นชา ในทันทีทันใด

เขามองไปยังปาณี พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรเลย “เธอ.. เสียใจภายหลังแล้วใช่ไหม?”

แน่นอนว่าปาณีไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น

เธอมองไปยังธามนิธิ “หนูดีใจมากที่ได้รู้จักกับคุณ มัน เป็นความโชคดีของหนู แต่ว่า คุณดีกับหนูขนาดนี้ หนูไม่ อยากให้คุณได้รับความไม่เป็นธรรมเพราะหนูจริงๆ”

ปาณีไม่มีความมั่นใจที่จะเกลี้ยกล่อมแม่ตัวเองได้เลย คน เราก็ไม่สามารถที่จะเลือกเกิดได้

ไม่ว่าจะมองจากจุดไหน เธอก็รู้สึกว่า ตัวเองไม่มี คุณสมบัติที่จะเป็นภรรยาของธามนิธิเลย

ธามนิธิมองเธออย่างจริงจัง น้ำเสียงเย็นชามาก “ฉัน เกลียดคนที่ทำแล้วมาเสียใจภายหลัง”
(ขายแลนดสัญญาไปแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าหากปาณีผิด สัญญาอีก เขาคงเกลียดเธอแน่ๆ

ชามไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นนางฟ้าหรือเทพ และเขาก็ ไม่ได้ใจอย่างที่ปาณีคิดด้วย

ตอนที่ 86

เธอจะไม่เอาคนพิการอย่างนี้ ไม่เด็ดขาด!

“แม่” เห็นแม่ว่าคุณอาแบบนี้ ปาณีไม่พอใจ “แม่พูดเกินไป แล้วนะ!”

ประเด็นที่สำคัญคือ ครอบครัวของคุณอาได้ยินแล้วจะคิด ยังไงเนี่ย?

แต่เดิมที่คุณอาเป็นแบบนี้ คนในบ้านก็เสียใจมากอยู่แล้ว แม่ยังมาพูดแบบนี้อีก ปาณีรู้สึกว่าตัวเองขายหน้ามาก ไม่มี หน้ามายืนอยู่ที่ตรงนี้

“นี่ฉันก็หวังดีกับเธอไม่ใช่รึไง?” ฝนสิริมองไปยังปาณี พูด อย่างอุปมาว่าเข้มงวดกับเธอก็หวังที่จะให้เธอดีขึ้น “ฉัน โชคดีที่มาในวันนี้ ถ้าหากฉันไม่มาก็คงจะไม่รู้ว่าแกจะหา คนแบบนี้! ตาบอดไปแล้วจริงๆ”

ไวยาตย์เดินเข้ามาจากข้างนอก เพราะได้ยินเสียงถก เถียงกันข้างใน
ก่อนหน้านี้ที่ชามนิธิจะพบกับฝนสิรินั้น เขาก็ลังเลใจ แต่ ไม่สามารถเอาชนะความยืนหยัดหนักแน่นของธามนิธิได้ ตอนนี้ได้ยินฝนสิริพูดเช่นนี้ คำพูดที่เจาะจงมาที่คุณธามนิธิ ทุกคำ เขาแทบจะโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้ว

ปาณีก็จะอึดอัดตายอยู่แล้ว!

อาหารมื้อนี้ เลิกรากันอย่างไม่พอใจ

ได้ยินฝนสิริว่าร้ายธามนิธิอย่างนี้ พ่อแม่ของธามนิธินั้นก็ ไม่มีความอยากอาหารแล้ว

และฝนสิริ ก็คงไม่อยากทานอาหารมื้อนี้เช่นกัน

เพิ่งวางถ้วยลง ฝนสิริก็ลุกขึ้นจับแขนปาณีไว้ “แกกลับไป กับฉัน!”

ก่อนหน้านี้ที่ปาณีหนีออกจากบ้าน ฝนสิริก็ไม่ได้เห็นด้วย ที่เธอออกไป ตอนนี้มีโอกาส เธอก็ต้องลากเธอกลับบ้านอยู่ แล้ว และไม่ใช่ว่าให้เธออยู่ที่นี่มีความสัมผัสกับผู้ชายที่ทั้ง จนและทั้งพิการอีก

ปาณีไม่อยากไปกับแม่ แต่ว่า มองไปยังคนอื่นๆ เธอก็แค่อยากจะให้แม่เธอออกไปจากที่นี่ไวๆ เพื่อหลีกเลี่ยง การพูดจาทำร้ายทุกคนอีก

เธอพูดเสียงเบาว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูพาพ่อแม่กลับบ้าน ก่อนนะคะ”

ในใจมีความสิ้นหวังเล็กน้อย

กลับไปครั้งนี้ ก็ไม่รู้ว่าในหลังจากนี้จะได้กลับมาอีกไหม?

เธออาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก และอาจจะไม่ได้เรียนต่อ

อีกเช่นกัน

เธออาจจะต้องใช้ชีวิตตามที่แม่ของเธอต้องการ!

ปาณียืนขึ้น กะว่าจะกลับไปพร้อมกับฝนสิริ แต่กลับมีมือ หนึ่งดึงเธอนั่งที่ดังเดิม

เธออึ้งไปสักพัก มองไปยังธามนิธิ ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง จึงตั้งใจพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลายว่า “คุณอา หนูแค่ ส่งพวกเขากลับไปเองค่ะ”

ธามนิธิมองไปยังเธอ เขาดูออกว่า ปาณีไม่ได้อยากกลับ ไป ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่า เธอไม่อยากกลับไปยังบ้าน หลังนั้นอีก และก็ดูออกด้วยว่า ที่เธอตัดสินใจจะกลับไปกับ ฝนสิริในตอนนี้ ก็เพื่อไว้หน้าเขา

เขาพูดด้วยเสียงนึ่งว่า “เธออยู่นี่ ให้ไวยาตย์ส่งพวกเขา กลับบ้านเอง”

“แต่ว่า..”

“ปาณี แกยังไม่ไปอีก?” ฝนสิริเดินไปถึงหน้าประตูแล้ว เห็นปาณียังนั่งอยู่ตรงนั้น เร่งเธออย่างน่ารำคาญ

ไวยาตย์” ธามนิธิเปิดปาก หลังจากที่ไวยาตย์ได้ยินเสียง ก็รีบเดินเข้ามา “คุณธามนิธิครับ”

“ขับรถส่งคุณอาคุณน้ากลับบ้าน”

ไวยาตย์มองไปยังฝนสิริและพ่อของปาณีแวบหนึ่ง คิดถึง สิ่งที่ฝนสิริโจมตีธามนิธิขนาดนั้น ธามนิธิยังเกรงใจพวกเขาอีก

“ครับ”

เขาตอบตกลง พูดกลับพ่อแม่ของปาณีว่า “คุณอาคุณน้า ไปเถอะครับ ผมจะส่งพวกคุณกลับไปเองครับ”

ฝนสิริยังคงจ้องมองปาณี “ปาณี แกจะไปหรือไม่ไป?”

ปาณีได้ยินเสียงของแม่ มองไปยังธามนิธิแวบหนึ่ง “คุณ อา หนู.”

“ธามนิธิ ให้ปาณีกลับไปกับแม่ของเธอเถอะ” ฐิติพรจน ปัญญา ฝนสิริพูดจาไม่น่าฟังขนาดนั้น พูดออกมาได้แม้ กระทั่งว่าพวกเขาหลอกปาณีมา ฝืนให้ปาณีอยู่ต่อจะทำให้ ทุกคนลำบากใจมากขึ้นเท่านั้น

ธามนิธิยืนหยัดมาก “ถ้าหากปาณีจะกลับบ้าน ผมจะกลับ ไปกับเธอเอง ตอนนี้เธอไม่อยากกลับบ้าน ดังนั้น คุณอา คุณน้ากลับไปก่อนเถอะครับ!”

ตอนที่ 85

“หนูตัดสินใจแล้วค่ะ” ตอนนี้ปาณีมีความเสียใจภายหลัง เล็กน้อย ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็จะไม่รับปากพาแม่มาแต่แรก “วันนี้ที่เรียกแม่มาที่นี่ เพียงแค่จะปรึกษาหารือเรื่องงาน แต่งเท่านั้น”

ถึงแม้ว่าแม่จะไม่ตกลง ปาณีก็ยังคงยืนหยัดหนักแน่น

เธอกับธามนิธิเซ็นสัญญาการแต่งงานกัน คุณอาเคยบอก ว่าจะให้เธอเรียนมหาลัย และยิ่งไปกว่านั้น ยังให้เธอเป็น เจ้าสาวของเขาอีกด้วย

เพียงแค่เธอยอมแพ้ ถ้าอย่างนั้น เรื่องที่เธอจะเรียนต่อก็ หมดหวังแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น วันแต่งงานได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ถ้าหากเธอ ผิดคำพูดในตอนนี้ คุณอาก็ต้องขายหน้าน่ะสิ?

ฝนสิริจองหน้าปาณี “เธอโตแล้วจริงๆ ปีกแข็งแล้วสินะ ถึง ไม่เห็นแม่อยู่ในสายตาแบบนี้”
เธอจะโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้ว!

เลี้ยงลูกสาวโตมาคนหนึ่ง ไม่เชื่อฟังเลยแม้แต่น้อย

ปาณีไม่รู้จะเถียงกับเธอยังไง ทะเลาะกันที่นี่ก็ขายหน้า เหมือนกัน

ดังนั้น เธอจึงไม่อยากให้แม่เธอมาตั้งแต่แรก

ต่อหน้าทุกคนในบ้านวิสิทธิ์เวช ทำให้ทุกคนทำตัวไม่ถูก แบบนี้

ฐิติพรพูดว่า “คุณอย่าตำหนิปาณีเลยค่ะ ธามนิธิของเราก็ ตั้งใจที่จะขอเธอแต่งงานจริงๆ เธอแต่งงานเข้ามา พวกเรา ทุกคนก็จะดีกับเธอมาก เปรียบเสมือนเธอเป็นลูกสาวของ เราคนหนึ่ง”

“ดีค่ะ?” ฝนสิริพูดอย่างแปลกประหลาด “มันแน่อยู่แล้วค่ะ เธอเป็นเด็กผู้หญิง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พวกคุณก็คงเอาใจ เธอ ไม่เช่นนั้น ใครจะไปแต่งงานกับคน…ในบ้านของ คุณ” พิการ สองคำนี้ เธอไม่ได้พูดออกมา แต่ความหมายก็ ชัดเจนมาก
ปาณีตัวแข็งที่อ ธามนิธิก็นั่งอยู่ข้างๆ แม่ไม่กลัวคำพูด ของแม่จะทำร้ายเขาเลยหรอ

ฝนสิริไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย เธอตบโต๊ะแล้วพูดว่า “ไม่ ว่ายังไง เรื่องแต่งงาน ฉันไม่ตกลง ดิฉันไม่ได้เป็นเด็กอายุ สิบกว่าปี ไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น! ถ้าหากพวกคุณยัง ยืนยันจะแต่งงานกับเธอ ดิฉันก็จะไปฟ้องพวกคุณ! ลูกสาว ของดิฉันเพิ่งจะอายุ 18 ยังไม่ถึงวัยที่จะแต่งงาน

เห็นแม่ยืนหยัดในคำพูดขนาดนั้น ปาณีพูดวา “คนที่อยาก ให้หนูแต่งงานไม่ใช่แม่รีไง? อาทิตย์ก่อนยังให้หนูไปดูตัว อยู่เลย คนที่บอกว่าหนูอายุ 20 แล้วคือใครกัน”

ตอนนี้เธอกลับพูดแบบนี้

ปาณีทนต่ออีกไม่ได้จริงๆ

แม่ก็แค่ไม่พอใจในธามนิธิ!

ตัวเองไม่ได้ฟังแม่ที่จะแต่งงานกับจริม ดังนั้น เธอก็เลย

ตั้งใจมาสร้างปัญหาที่นี่
“แกหยุดพูดไปเลยนะ” ฝนสิริจ้องหน้าปาณีที่แฉเธอ “นี่ แกยังไม่ทันแต่งงาน? ก็หนีไปอยู่บ้านคนอื่นแล้ว! ปาณี แก ไม่ได้กลับบ้านนานแค่ไหนแล้ว? เธอเป็นลูกผู้หญิง ไม่อาย เลยรึไง?”

“หนู….” ทั้งที่ไม่ได้เป็นห่วงเธอเลยแม้แต่น้อย กลับ แสร้งทำเป็นคนที่เป็นห่วงเธอมาก ปาณีไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

ธามนิธิที่นั่งอยู่ข้างๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไรเลยนั้น จู่ๆก็ ยื่นมือออกไป กุมมือของปาณีไว้ พูดว่า “วันแต่งงานถูก กำหนดไว้เป็นเดือนตุลาคมครับ เป็นเดือนที่ปาณีอายุครบ 20 ปีพอดี เรื่องทุกอย่างพวกเราจะจัดการเองครับ ถึงเวลา นั้น คุณอากับคุณน้าแค่มาร่วมงานแต่งงานก็พอแล้วครับ”

ไม่เหมือนน้ำเสียงที่ฐิติพรคุยด้วย เขาเผด็จการมาก เป็นการแจ้งเตือนชัดๆ ไม่ได้ปรึกษาอะไรเลย

ฝนสิริมองไปยังธามนิธิแวบหนึ่ง เห็นเขานั่งอยู่บนรถเข็น แต่กลับไม่เห็นเธออยู่ในสายตาเลย “เธอบอกกำหนดก็คือ กำหนดหรอ? ฉันต่างหากที่เป็นแม่ของเธอ ฉันไม่ตกลง นายยังแข็งข้อที่จะสู่ขอเธอรึไง?”

ตอนที่ 84

จันวิภากำลังให้คนมาเสิร์ฟน้ำชาให้

มองไปแล้วทุกอย่างยังคงสงบดี ปาณีก็รู้สึกโล่งใจ

ที่นั่งของปาณีอยู่ระหว่างธามนิธิและฝนสิริ เธอนั่งลง และมองไปยังธามนิธิ แม้เธอจะพยายามทำตัวให้นิ่ง แต่ สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เธอตื่นเต้นมาก ยังดีที่มีคุณอาอยู่ เห็นเขา เธอก็รู้สึกสบายใจ

ฝนสิริดื่มชา ถือว่าผ่านด่านแรก เห็นคนนั่งจนครบแล้ว แต่ กลับไม่เห็นไวยาตย์ อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เขาไม่มาหรอ

คะ?”

“เขา?”

ฐิติพรไม่เข้าใจว่าฝนสิริหมายถึงใคร มากันครอบทั้งสอง ครอบครัวแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้ขาดใคร?

ฝนสิริมองไปยังปาณี ปาณีจึงเข้าใจในสิ่งที่เธอพูด”คนที่แม่หนูหมายถึงน่าจะเป็นคุณไวยาตย์ค่ะ

จันวิภาหัวเราะตอบว่า “ก่อนหน้านี้คุณน้าเคยเจอไวยาตย์

หรอคะ?”

เคยเจอครั้งหนึ่ง ” หลังจากที่ปาณีอธิบายเสร็จ ก็พูดกับ ฝนสิริว่า “แม่คะ คนที่หนูแต่งงานด้วยไม่ใช่ไวยาตย์ค่ะ คือ เขา”

ปาณีชี้ไปยังธามนิธิ

การเข้าใจผิดของแม่นี้ ทำให้ปาณีอึดอัดเล็กน้อย

“เขา?” หลังจากได้ยินที่ปาณีพูด ฝนสิริถึงกับขมวดคิ้ว

แต่เดิมเธอคิดว่าคนที่ปาณีแต่งงานด้วยคือไวยาตย์ ไวยา ตย์คนนั้น ดูไปแล้วยังพอดูได้หน่อย ถ้าหากฐานะครอบครัว ดีอีกนิดหนึ่ง เธอก็คงจะฝืนใจยอมรับได้

แต่ว่า.. เธอไม่คาดคิดเลยว่า ปาณีจะแต่งงานกับคนที่ นั่งอยู่บนรถเข็น.. พิการ?ความจริงนี้ เธอรับไม่ได้

ถ้าหากให้คนอื่นรู้ว่าลูกสาวแต่งงานกับคนที่นั่งรถเข็น เธอ จะเชิดหน้าชูตาได้ยังไงเนี่ย?

และยิ่งไปกว่านั้น คนทั้งครอบครัวก็แต่งตัวธรรมดามาก ดู ไปก็ไม่เหมือนครอบครัวคนรวย เมื่อเปรียบกับแม่ของจริม ที่แบรนด์เนมทั้งตัวแล้ว ไม่ใช่คนที่อยู่ระดับเดียวกันเลย ถึงเวลานั้นเธอไม่เพียงแต่ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรเลย ยัง

ต้องมาช่วยเหลือพวกเขาอีก!

พอคิดถึงจุดนี้ ฝนสิริก็ไม่สบายใจแล้ว

จันวิภาพูดว่า “เราสั่งอาหารกันก่อนนะคะ คุณอากับคุณน้า มีอะไรที่ไม่ทานไหมคะ?”

ฝนสิริไม่ได้พูดอะไร ปาณีตอบแทนพวกเขาว่า “ไม่ค่ะ สั่ง

แบบปกติได้เลยค่ะ”

เธอมองฝนสิริแวบหนึ่ง พูดเสียงเบาว่า “แม่”

คนอื่นคุยกับเธอ เธอก็ไม่ตอบ แบบนี้มีมารยาทไหมเนี่ย?
เมื่อเทียบกับสองแม่ลูกบ้านแก้วใสแล้ว ท่าทีของคนใน ครอบครัวบ้านวิสิทธิ์เวชดีจนเทียบไม่ได้เลย แม่ยังแสดง ปฏิกิริยาแบบนี้ออกมา ปาณีก็ไม่รู้ว่าเธออยากจะทำอะไร

จันวิภากำลังสั่งอาหาร

ฐิติพรมองไปยังฝน สิริ พูดอย่างมีมารยาทว่า ปาณีเป็น เด็กดี พวกเราก็พึงพอใจในตัวเธอมากวันนี้ที่เชิญท่านทั้ง สองคนมา ก็เพื่อที่จะปรึกษาเรื่องงานแต่งงานค่ะ

ท่าทางที่มีมารยาทของฐิติพร ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็คง ไม่กล้าโมโหโวยวาย

แต่ฝนสิริตันไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย แต่งงาน? ฉันไม่

ตกลง

ฐิติพรอึ้งไปสักพัก จึงถามว่า”ทำไมหรอคะ? ความ สัมพันธ์ของเด็กทั้งสองคนดีมาก

ช่วงนี้ ธามนิธิดีกับปาณีมากแค่ไหน ทุกคนเห็นกับตาอยู่

แล้ว
เธอยังไม่เคยเห็นลูกชายตัวเองปกป้องผู้หญิงคนหนึ่ง ตลอดเวลาขนาดนี้ นลินยังไม่มีสวัสดิการเช่นนี้เลย

ฝนสิริมองธามนิธิแวบหนึ่ง ไม่พอใจกับสภาพของธามนิธิ และไม่พอใจกับฐานะครอบครัวของบ้านวิสิทธิ์เวชดต้วย

แต่เธอก็ไม่สะดวกที่จะพูดว่า ก็ลูกเธอพิการ เพียงแต่ บอกว่า ปาณีของเราเพิ่งจะอายุ 18 เองค่ะ ดิฉันยังไม่ อยากให้เธอแต่งงาน

ปาณี ..*

ก่อนหน้านี้ คนที่อยากให้เธอแต่งงานกับจริมจนแทบจะ

ขาดใจคือใครกัน?

ไม่ใช่แม่แท้ๆของเธอคนนี้หรอกหรอ?

ไม่คิดเลยว่าตอนนี้กลับเอาเรื่องอายุมาอ้าง

ปาณีตอบว่า “หนูจะ 20 แล้วนะคะ”
“20 อะไรกัน? เธออายุเท่าไหร่ฉันจะไม่รู้รึไง?” บทบาท ของฝนสิริกับปาณีสลับกันอย่างกะทันหัน “แต่อย่างไร ก็ตาม งานแต่งงานครั้งนี้ ฉันจะไม่ตกลงแน่นอน”

ตอนที่ 83

วันนี้เป็นวันที่นัดทานข้าวกับพ่อแม่ของธามนิธิ ดังนั้น ปาณีจึงตื่นแต่เช้า ก็เพื่อที่จะไปรับพวกเขา

ปาณีนอนไม่หลับทั้งคืนเพราะเรื่องที่พ่อแม่จะมาทานข้าว กับพ่อแม่ของธามนิธิ

ฝนสิริจ้องปาณีแวบหนึ่ง แค่คิดถึงเรื่องที่ปาณีประชดแม่ โดยการไปแต่งงานกับคนอื่น ในใจฝนสิริก็โมโหมาก

ความโกรธนี้แพ้ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งก็ยังไม่หายเลย

มองไปยังท่าทางที่ไม่ค่อยเป็นมิตรของฝนสิริแวบหนึ่ง ปาณีพูดอย่างเอาใจว่า “คนในครอบครัวของเขาดีมาก อีก เดี๋ยวพอแม่เจอเขาแล้ว ขอให้ท่าทีของแม่ดีหน่อยได้ไหม คะ?”

ปาณีกลัวว่าแม่จะไม่ไว้หน้าจริงๆ เดี๋ยวคนที่ทำตัวไม่ถูก ไม่เพียงแต่มีคนในบ้านวิสิทธิ์เวชเท่านั้น แต่รวมถึงเธอด้วย
ฝนสิริไม่ได้รับน้ำใจของเธอเลย “ปันเลี้ยงเธอมานาน ขนาดนี้มี่ไม่ทันไรเธอก็พูดแทนคนอื่นแล้วใช่ไหม?

ปาณีตอบว่า วันนั้นท่าทีที่แม่อยู่ต่อหน้าครอบครัวบ้าน แก้วใสก็ดีไม่ใช่หรอคะ?

จริมกับแม่ของเขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตูมิภา ครอบครัวของตัวเองเล็กน้อย แม่ยังมีท่

ปาณีคิดว่า ชัยพรกับริดิพรเป็นคนที่อบอุ่นมาก ให้แม่ดีกับ

เขาหน่อย ไม่ยากมั้ง?

ฝนสิริมองปาณีด้วยความโกรธ “แกสังกล้าพูดเรื่องในวัน นั้นอีก! แกไม่ลองคิดดูว่าวันนั้นแกทำอะไรไว้กับฉันบ้าง”

ใช่ค่ะ วันนั้นหนูทำตัวไม่ดี ไม่ควรทำให้แม่ขายหน้าต่อ หน้าคนในบ้านแก้วใส แต่แม่ลองคิดดูนะล้าหากว่าวันนั้น หนูไม่พูดให้มันชัดเจน กลับไปแม่ก็ตกลงเขาไป หนูก็อยู่ กับคนอื่นที่นี่แล้ว แม่จะไม่ขายหน้าแม่กว่าหรอคะ?
ตอนนี้ต้องกับความช่วยเหลือจากเธอ ปาณีก็ไม่กล้าแข็ง

ข้อกับเธอมากนัก

* ฝนสิริจ้องหน้าปาณีแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไรต่อ

ช่างเถอะไหนๆก็มากันแล้ว

ออกจากสถานีรถไฟฟ้ารามนิธิก็โทรมาหาเธอ “พวกเขา มาถึงรียัง?

ปาณีตอบว่า “ถึงแล้วค่ะ พวกเราจะรีบเข้าไปค่ะ”

ร้านที่นัดทานข้าวเป็นร้านสุกี้ร้านหนึ่งจันวิภาเป็นคน จัดการเรื่องสถานที่จันวิภาใส่ใจเรื่องนี้มากรู้ว่าฐานะ ครอบครัวของปาณีไม่ค่อยดีนัก กลัวว่าหากไปร้านอาหาร ห้าดาวหรือร้านอาหารยุโรปจะทำให้พ่อแม่ของปาณีไม่ชิ้น นัก ดังนั้น ก็เลยตั้งใจเลือกที่นี่โดยเฉพาะ

ปาณีเพิ่งถึงหน้าร้าน ก็เห็นจันวิภายืนรออยู่ พี่คะ”
จันวิภายิ้ม สายตาของเธอตกอยู่บนตัวของฐิติพรแล้วพ่อ ของปาณี พูดอย่างกระตือรือร้นว่า “นี่คงเป็นคุณอากับคุณ น้าใช่ไหมคะ มาไกลขนาดนี้ ลำบากมากเลยนะคะ”

วันนี้จันวิภาแต่งตัวไม่โอ้อวดเลย ชุดเดรสสีดำ สุภาพและ

เป็นทางการ

ฝนสิริมองไปยังจันวิภาแวบหนึ่ง ตอบตกลงไปโดยที่ไม่ กระตือรือร้นมากนัก

จันวิภาไม่ได้ถือสาอะไร เธอเดินนำหน้าพาพวกเขาเข้าไป ยังห้องที่จองไว้

ปาณีมองหน้าฝนสิริแวบหนึ่ง พูดเสียงเบาว่า “แม่.. แม่ เป็นมิตรหน่อยได้ไหม? ทำอย่างกับเขาติดหนี้ตัวเองอย่าง

นั้น”

จันวิภาพาครอบครัวของปาณีเข้ามาในห้อง พูดว่า”พ่อ แม่ พวกเขามาถึงแล้วค่ะ

ชัยพรและฐิติพรรีบลุกขึ้นต้อนรับ ท่าที่ของฐิติพรดีมากๆ ไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย กลัวว่าพ่อแม่ของปาณีจะอึดอัด แล้วมีความเห็นในใจ

เธอยิ้มพูดว่า รับนั่งเถอะค่ะ มาไกลขนาดนี้ ลำบากพวก คุณแล้วค่ะ

ท่าทีดีกว่าฝนสิริที่เอาใจสองแม่ลูกของบ้านแก้วตาเสีย

อีก

ฝนสิรินับจำนวนคนในห้อง เห็นชัยพร ฐิติพร แล้วก็… ธามนิธิที่นั่งอยู่บนรถเข็น

ธามนิธิพูดว่า “สวัสดีครับคุณอาคุณน้า

ฝนสิริไม่เคยเจอธามนิธิ คิดมาตลอดว่าคนที่หลอกปาณี ไปคือไวยาตย์ จึงไม่ได้ใส่ใจธามนิธิ

เธอตอบว่า “ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น”
จากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับคุณพ่อของปาณี

ตอนที่ 82

ตอนที่ปาณีลงไปชั้นล่างหลังจากอาบน้ำแล้ว ธามนิธิก็ ทำงานเสร็จแล้วเช่นกัน กำลังนั่งพูดคุยกับจันวิภาอยู่ใน ห้องรับแขก

จันวิภาพดว่า “เมื่อวานเวทัสกลับมา พี่ได้คุยกับเขาแล้ว บอกให้เขาเลิกคบกับติรยาซะ เขาดันไม่ฟัง นายว่าเขา ทำไมหัวดื้อขนาดนี้เนี่ย? ทั้งที่ก่อนหน้านี้พี่พูดอะไรเขาก็ จะฟัง”

ธามนิธิพูดด้วยท่าทางนิ่งมาก “เขาไม่ใช่เด็กๆแล้ว คงมี ความคิดเป็นของตัวเอง”

“แต่ว่า เขาคบกับติรยา ในอนาคตก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพบเจอ กัน พี่กลัวว่าปาณีจะไม่พอใจเอา” จันวิภาถอนหายใจ “นาย ว่าลูกฉันตั้งใจที่จะตั้งแง่กับปาณีเปล่า เมื่อก่อนเขาไม่ได้ เป็นแบบนี้เลยนะ ทำไมเขาถึงไม่ชอบปาณีขนาดนี้ล่ะ”

คำพูดของจันวิภา ทำให้ธามนิธินึ่งไปสักพัก
เขาเผยหน้าขึ้น เห็นว่าปาณีกำลังยืนอยู่บนบันได

เธออาบน้ำเสร็จแล้ว และสวมใส่เสื้อยืดหลวมๆ ผมยัง

เปียกอยู่ หลังเห็นสภาพเช่นนี้ ธามนิธิก็ขมวดด้วอย่างเป็น นิสัย ทำไมเดินลงมาทั้งที่ยังไม่เป้าผมสะ

“ก็อากาศร้อนมากไงคะ เดี๋ยวก็แห้งค่ะ” ปาณีเด็นลมา ทักทายกับจันวิภา จากนั้นก็เดินมานั่งข้างๆธามนิธิ

เมื่อครู่เพิ่งได้ยินพวกเขาคุยกันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง

เธอกับเวทัส ปาณีรู้สึกกินปูนร้อนท้องเล็กน้อย

ที่กับคุณอาดีกับเธอขนาดนี้ ถ้าหากพวกเขารู้เรื่องความ สัมพันธ์ระหว่างเธอกับเวทัสก่อนหน้านี้ จะเกลียดเธอไหม?

ดีที่อยู่ต่อหน้าปาณีจันวิภาก็ไม่ได้คิดจะคุยเรื่องของติร ยากับเวทัสต่อ ยิ้มพูดว่า “พี่ไปทำธุระของตัวเองกอนนะ ไม่รบกวนสองสามีภรรยาหนุ่มสาวคู่นี้ละ

สองสามีภรรยา สามคำนี้ ทำให้ปาณีเซินอายเล็กน้อย ตอนที่ได้สติกลับมา บ้าสามุงก็นำผ้าเช็ดตัวมาให้ตามคำสั่งของธามนิธิแล้ว

ธามนิธิรับผ้าขนหนูมา มองไปยังเส้นผมที่เปียกปอนของ ปาณี “มานี่สิ”

ปาณีรู้ว่าเขาอยากเช็ดผมให้เธอ เกรงใจที่จะให้เขาลงมือ เอง “หนูเช็ดเองดีกว่าค่ะ!”

สายตาของเขาเต็มไปด้วยเธอ และไม่ได้ส่งผ้าเช็ดตัวให้ เธอด้วย

เธอจึงต้องย้ายกันของเธอไปใกล้เขามากขึ้น ท่าทางของ ธามนิธิเหมือนกำลังกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้เธอ มือของคุณอามีแรงมาก แต่ท่าทางของเขากับอบอุ่น

ปาณีพูดว่า “จะแห้งแล้วจริงๆนะคะ”

“ในห้องเย็น”

เปิดแอร์ไว้ ทำให้คนเป็นหวัดได้ง่ายปาณีค้านว่า “หนูอ่อนแอขนาดนั้นที่ไหนกัน?”

“ก่อนหน้านี้ที่ป่วยเธอลืมแล้วรึไง?”

“คุณอาเข้มงวดมากจริงๆ” กินไอศกรีมเขาก็จะห้าม เล่น มือถือก็ห้าม ผมเปียกเขาก็จะยุ่ง

“หรอ?” ธามนิธิเริ่มลากเสียงยาว “นี่ก็เริ่มรังเกียจฉันแล้ว

หรอ?”

ปาณีหัวเราะ ไม่ได้รังเกียจสักหน่อย”

ธามนิธิเช็ดผมให้เธอเสร็จ เอาผ้าเช็ดตัววางอยู่ข้างๆ พูด อย่างจริงจังกับปาณีว่า “ฉันค่อนข้างจะเป็นคนที่เผด็จการ อาจจะไม่ตามใจเธอตลอดเวลา ถ้าหากเธอไม่เชื่อฟัง ฉันก็ อาจจะโกรธ ดังนั้น หวังว่าเธอจะรีบๆทำตัวให้ชินนะ”

“เผด็จการจริงๆค่ะ!” ปาณีกระพริบตาปริบๆ มองไปยังธา มนิธิ เอาหัวไปชนกับแผ่นอกของเขาครั้งหนึ่ง “แต่หนูชอบ แบบนี้มากจะทำยังไงดีล่ะคะ?”

ที่ไม่ให้เธอทานไอศกรีมก็เพราะว่ากลัวเธอจะปวดท้อง ไม่ให้เธอเล่นมือถือเพราะกลัวสายตาเธอจะเสีย ไม่ ให้อยู่ทั้งที่ผมเปียกเพราะกลัวเธอจะเป็นหวัด…

ถ้าหากเป็นการเผด็จการแบบนี้ แม้ว่าจะเผด็จการมากกว่า

นี้อีกนิดหน่อย ปาณีก็เต็มใจ

ในวันเสาร์ ช่วงเช้าฝนตกเล็กน้อย อากาศไม่ได้ร้อนขนาด นั้น ปาณียืนอยู่หน้าประตูสถานีรถไฟฟ้า เห็นฝนสิริและพ่อ ของปาณีเดินออกมาจากด้านใน เธอรีบเข้าไปต้อนรับ พ่อ

แม่

ตอนที่ 81

คุยกันไว้แล้วว่าจะเลี้ยงข้าวนภันต์ แม้จะแพงไปหน่อย ก็ตาม แต่ปกติเธอทำงานพาร์ทไทม์ก็มีการเก็บออมเงินไว้ นิดหน่อยอยู่แล้ว

“สวัสดีค่ะ ทั้งหมด 899 หยวนค่ะ” พนักงานส่งบิลให้กับ ปาณี ปาณีขมวดคิ้ว นี่มันแพงเกินไปแล้วนะ!

เธอจำได้ว่าในการะเป๋าดังเธอมีแค่ 500 หยวนเท่านั้น แต่ เดิมคิดว่าเพียงพอแล้วสักอีก คาดไม่ถึงเลยว่า…

ในกระเป๋าตังวีแชทยังเหลืออีกนิดหน่อย ก็ไม่รู้ว่าจะพอ

ไหม

ปาณีเปิดกระเป๋าตังของตัวเอง กลับพบว่าในกระเป๋าตัง มีเงินสดเพิ่มขึ้น ไม่รู้มีตั้งแต่เมื่อไหร่ ซ้อนเอาไว้อย่างเป็น ระเบียบ เธออึ้งไปสักพัก

ตอนเธอตื่นนอนในตอนเช้า ธามนิธิก็ออกไปแล้ว ได้ยินว่า จะต้องไปหาหมอ เธอก็ไม่ได้เจอเขา
นี่คือ…

เขาเอาไว้ให้ก่อนออกไปจากบ้าน?

ปกติเขาจะไม่ห้ามที่เธอทำงาน และไม่ได้ให้เงินเธอโดย

ไม่จำเป็นด้วย

เขาให้เกียรติเธอมาก รู้ว่าเธอชอบเอาชะนะ เขาปกป้อง แม้กระทั่งความนับถือตัวเองของเธอไว้

แต่ว่า ได้ยินว่าเธอจะเลี้ยงข้าวน้องชายตัวเอง กลัวเธอจะ ขายหน้า ดังนั้น เลยเอาเงินบางส่วนไว้ให้เธอก่อนออกจาก

บ้าน

สำหรับการเผชิญกับท่าทีที่อบอุ่นเช่นนี้ ดวงตาของปาณี แดงเล็กน้อย ธามนิธิทำอะไรจะไม่เคยปรึกษาเธอเลย แต่ตอนนี้เธอพบว่า เขาสามารถหว่านเสน่ห์เธอได้อย่าง ง่ายดาย

เขาไม่ค่อยเหมือนคนที่เธอเคยรู้จักมาก่อนหน้านี้ปาณีส่งนภันต์และฝนสิริไปยังสถานีรถไฟฟ้า จากนั้นจึง ค่อยกลับบ้าน

ธามนิธิกลับมาบ้านแล้ว หลังจากที่หาหมอเสร็จ กำลังนั่ง ดูงานในโน้ตบุ๊คบนโต๊ะสีขาว และวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ เธอยังไม่ทันวางกระเป๋าลงก็เดินเข้าไปหาเขา จากนั้นก็ กอดเขาจากด้านหลัง และเอาคางวางไว้บนบ่าของเขา

ธามนิธิอึ้งไปสักพัก สามารถสัมผัสได้ว่าเธอเหมือนแมว น้อยที่นอนอยู่บนบ่าเขา

เขาจ้องโน้ตบุ๊คอย่างจริงจัง พูดด้วยน้ำเสียงจืดชีดว่า “อย่าเพิ่งรบกวนฉัน กำลังทำงานอยู่!”

“ก็จะกวนอย่างนี้แหละ” ปาณีกอดเขาไว้ไม่ได้ปล่อยมือ ออก ยังคงพิงบ่าเขาไว้

ธามนิธิหยุดทำงาน ปกติเธอไม่เป็นแบบนี้ นี่คือ… ได้รับ ความไม่เป็นธรรม?

เขาถามอย่างเป็นห่วง “ใครรังแกเธอ? น้องชายหรอ?”
ไปล่าค่ะ ” thลีรู้สึกอบอุ่นใจมาก ระหว่างทางกลับบ้าน เธอมองออกไมยังดีกต่างๆที่ผสมผสานกลมกลืนกันอย่าง ลงตัว ทั้งสมองมีเพียงใบหน้าของเขา

เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่ง ในโลกของเธอ จะได้ พบเจอกับคนอย่างธามนิธิ

เขาดีมากเหมือนดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้า แต่ก็ยังคง รู้สึกอยู่ใกล้ชิดกันมาก

เธอพิงไหล่ของธามนิชิไร้เนื้อผ้าของเสื้อเช็ดละเอียด มาก ทำให้ใจเธอรู้สึกเรียบง่ายไปด้วย “แต่คิดถึงคุณค่ะ

แม้ธามนิธิจะใจแข็งเหมือนเหล็กก็ตาม ในเวลานี้ก็ต้องใจ dอน หลังจากที่ได้ยินคำพูดของปาณี

เขาพูดว่า ให้เธอกอดห้านาที”

เขาไม่ชอบให้ใครมารบกวนในขณะที่เขาตั้งใจทำงานอยู่ ห้านาทีถือว่าเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว

ปาณีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เธอเงยหน้าชั้น มองไปยังใบหน้าด้านข้างของเขา สีหน้าของเขาจริงจังมาก แต่ใจ เธอกลับรู้สึกหวานมาก อบอุ่นมาก “วันนี้หนูเจอแม่มาค่ะ นัดทานข้าวกับแม่วันเสาร์หน้า ได้ไหมคะ? ”

ธามนิธิตอบว่า ได้ส”

วันเสาร์ว่างกันทุกคน

เขาเงยหน้าขึ้น จับมือข้างหนึ่งของปาณีไว้ “แม่เธอไม่ได้ ทำให้เธอลำบากใจใช้ไหม?

ไม่ค่ะปาณีพูดว่า “เขาเป็นแม่ของหนู หนูจัดการได้ค่ะ”

แม้จะได้ยินเธอพูดแบบนี้ แต่ธามนิธิก็ยังคงรู้สึกไม่ค่อย

วางใจเท่าไหร่

ปาณีก็ไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องอะไรรู้ว่าดอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่ “หนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ ไม่รบกวนคุณทำงานแล้วค่ะ ข้าง นอกร้อนมาก เหงื่อออกเต็มเลย

ธามนิธิมองดูแผ่นหลังของปาณีที่วิ่งขึ้นไปชั้นบนโดยไม่ ได้ใช้ลิฟท์

ตอนที่ 80

แต่เดิมฝนสิริคิดว่าแค่เอาเรื่องเรียนต่อมาขู่ปาณีก็ได้แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะใช้ไม่ได้ผลอีก เธอจ้องหน้าปาณี จู่ๆก็นึกขึ้น ได้ว่า “เพราะผู้ชายคนนั้นใช่ไหม แกถึงปฏิเสธ?”

ปาณีรู้ว่าคนที่แม่พูดถึงคือไวยาตย์ เพราะว่าแม่ยังไม่เคย เจอธามนิธิ ไม่ใช่”

ฝนสิริตอบว่า “ไม่ใช่เขา แล้วเป็นเพราะอะไร…”

ปาณีพูดขัดขึ้นมา “จริมคนนั้นดีในสายตาของแม่ขนาดนั้น เลยหรอ?”

“รายได้แต่ละเดือนของเขาสูงขนาดนั้น ฐานะทางบ้านก็ ดี ถือโคมไฟไปหาที่อื่นยังหาแบบนี้ไม่เจอเลย ฉันดูออกว่า เขาชอบแก..” ฝนสิริไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ไป

ถ้าปาณีแต่งงานกับคนที่หน้าที่การงานดี พูดออกไปไม่รู้ จะภาคภูมิใจแค่ไหน
ปาณีถอนหายใจอย่างอึดอัด บางครั้ง ไม่เพียงแต่รู้สึก โมโหเท่านั้น แต่กลับรู้สึกสิ้นหวังต่างหาก แม่ของเธอเป็น มนุษย์ป่าตามแบบฉบับตั้งเดิม ปกติก็คลุกคลีแต่กับคนพวก นี้

ปาณีก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะให้เธอมีวิสัยทัศน์อะไรเลย

แต่ว่า วันนี้เธอไม่ได้มาเพื่อที่จะทะเลาะกับแม่ “หนู แต่งงานแล้ว พ่อแม่ของเขาอยากเจอแม่ แม่ลองดูละกันว่า ว่างตอนไหน”

“พี่ พี่แต่งงานแล้วจริงๆหรอ?” นภันต์พูดอย่างไม่อยากจะ เชื่อ

ปาณีมองไปยังฝนสิริที่กำลังย่อยข่าวสารเพื่อยอมรับ ความจริงแวบหนึ่ง ไม่ว่าแม่จะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ก็ตาม นี่ก็คือความจริง “ก็แม่อยากให้พี่แต่งงานไม่ใช่หรอ? พี่แต่งงานแล้วแม่ก็จะดีใจ”

“นางลูกไม่รักดี! อยากให้ฉันบ้าตายใช่ไหม?” ฝนสิริไม่มี สติตั้งแต่หลังจากที่ได้ยินแล้ว

เห็นฝ่ามือของเธอกำลังจะร่วงหล่นลงมา ปาณีเลยจับข้อมือของเธอ ห้ามเธอไว้ “แม่ หนูโตขนาดนี้แล้ว แม่ไม่ ควรจะตีหนูอีกแล้ว”

ตอนเด็กๆ ที่แม่ดีเธอเป็นเพราะว่าเธอทำผิด

แต่ในตอนนี้ เธอมีความสามารถในการแยกแยะว่าสิ่งไหน ผิดสิ่งไหนถูก ชีวิตของแม่ไม่ได้ประสบความสำเร็จ ถึงขั้น พ่ายแพ้ด้วยซ้ำ ดังนั้น หนทางจากนี้ไป เธอจะเดินด้วยตัว เอง จะไม่ให้พ่อแม่มีผลต่อเธออีก

ฝนสิริมองไปยังปาณี ไม่รู้เป็นเพราะอะไร พบว่าเธอ แข็งแกร่งขึ้นมาก

ปาณีปล่อยมือแม่ของเธอ พูดว่า “นั่งลงสิ เราคุยกันดีๆ”

เธอไม่ใช่เด็กหญิงที่ให้แม่บงการอีกต่อไป

ที่นั่งอยู่ตรงนี้ในเวลานี้ เธอสามารถครอบครองตัวเองใน การเป็นฝ่ายรุกได้

ฝนสิรินั่งลง มองไปยังปาณี พูดด้วยความโมโหว่า “เธอ ปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม ถึงแต่งงานโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน?”

ปาณีหลีกเลี่ยงที่จะทะเลาะกับแม่ พูดเพียงจุดประสงค์ที่ ตัวเองมาในวันนี้ “พ่อแม่ของเขาอยากเจอพ่อกับแม่ อยาก ชวนพ่อกับแม่ทานข้าว แม่ลองดูว่าสะดวกตอนไหนก็นัด เวลามาเลย”

“อยากให้เราไป? ไม่มีทางปาณีทำให้เธอขายหน้าในวัน นี้ เธอก็อยากให้ปาณีไม่เป็นสุขเช่นกัน

ปาณีมองฝนสิริด้วยสายตานิ่งๆ “ถ้าไม่ไป งั้นเอาอย่างนี้ หนูก็จะกลับไปบอกเขาแบบนี้”

แทนที่จะเกลี้ยกล่อมแม่อยู่ที่นี่ สู้เธอกลับไปปรึกษากับ คุณอาจะดีกว่า ให้คุณอาลองเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเขาดู

ฝนสิริมองปาณีที่น่ากลัวอย่างเงียบๆ เห็นว่าท่าทีของเธอ ไม่มีกระทบอะไรต่อปาณีเลย จึงรู้สึกเสียใจภายหลังนิด หน่อย ฉันไป

ถ้าคุณสมบัติไม่ดีเท่าจริม เธอจะไม่ยอมเด็ดขาด!
“ถ้าอย่างนั้นก็วันเสาร์หน้าละกัน พวกเขาว่าง แม่ว่ายัง

ไง?”

ฝนสิริไม่ได้พูดอะไร แสดงว่าตอบตกลงแล้ว

นภันต์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามแม่ว่า “แม่ พวกเขาสั่งอาหารไว้ ยังไม่ได้เช็คบิลก็กลับไปแล้ว ที่นี้ใครจะจ่ายเงินล่ะ!”

จริมสั่งอาหารไม่น้อยเลย เต็มโต๊ะขนาดนี้ แพงแน่ๆ

“ไม่มีเงิน!” ฝนสิริโกรธมาก

ปาณีให้พนักงานเอาบิลมาให้ “หนูจ่ายเอง!”

ตอนที่ 79

กระตือรือร้นขนาดนี้?

ดูท่าทางแล้ว ถ้าหากวันนี้ปาณีไม่อยู่ด้วย แม่คงตบโต๊ะ ตกลงไปแล้ว?

ฝนสิริจ้องหน้าปาณีแวบหนึ่ง “อยู่ต่อหน้าทุกคน พูดจาให้ มันดีๆหน่อยได้ไหม?”

“หนูพูดจาดีๆนะคะ” ปาณีมองจริมแวบหนึ่งอายุเขามากก ว่าธามนิธิอีก ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าอยู่จนอายุ 30 แล้วยัง เป็นสภาพแบบนี้ มีอะไรให้ภาคภูมิใจขนาดนั้น

อายุ 30 ปี คนที่ประสบความสำเร็จและพยายามมากกว่า เขามีเยอะแยะ!

“หนูมีสามีแล้วค่ะ”

คำพูดนี้ของปราณี เปรียบเสมือนฟ้าผ่า ทำให้ทุกคน ”

เงียบลง
ฝนสิริมองหน้าปาณี แทบอยากจะตบหน้าเธอสัก 2-3 ที เพื่อให้เธอตื่น “พูดไร้สาระอะไรของเธอ?”

“หนูไม่ได้พูดไร้สาระ ก็แม่อยากให้หนูแต่งงานนักไม่ใช่ หรอ? หนูก็เลยแต่งงานไง แต่ว่า ไม่ได้แต่งกับเขาแค่นั้น เอง” ปาณีมองจริมแวบหนึ่ง “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ ทำให้รู้สึกตลกขบขันกับเรื่องนี้ หนูเป็นคนที่ขี้เกียจมาก ไม่ต้องการทำงานบ้าน และไม่อยากเลี้ยงลูกอยู่บ้านด้วย ดังนั้น พวกคุณไปหาคนอื่นเถอะค่ะ”

ปาณีพูดตรงมาก เธอรู้ว่า ถ้าหากเธอไม่พูดให้ชัดเจนแจ่ม แจ้ง แม่เธอก็จะไม่มีวันตายใจ

จริมกระวนกระวายเล็กน้อย ไม่มีเวลาทำตัวเป็นสุภาพ บุรุษอีกต่อไป “ก่อนหน้านี้แม่เธอตกลงซะดิบดี ตอนนี้กลับ เป็นแบบนี้ พวกเธอเป็นพวกต้มตุ้นรึไง?”

แต่เดิมคิดว่าเธอเป็นสะใภ้ของเขาแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ ฝนสิริกิรับสินสอดทองหมั้นแล้วด้วย ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะ กลายเป็นแบบนี้..

ปาณีพูดว่า “คนที่ตกลงคือแม่ ไม่ใช่ฉันนี้”
“ปาณี!” ฝนสิริโมโหจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว

เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าปาณีจะพูดเรื่องไร้สาระเหล่า นี้ออกมา

เธอรีบพูดกับจริมว่า “เธอยังไม่ได้แต่งงาน เธอจะแต่งงาน ได้ยังไงล่ะ! พวกคุณอย่าเชื่อเธอนะคะ”

“วันนี้พวกเรากลับก่อนเถอะ!” คุณนายบ้านแก้วใสยีืนขึ้น เธอเป็นคนหยิ่งยโส เห็นว่าปาณีไม่มีใจ และไม่อยากบังคับ เธอด้วย

ผู้หญิงแบบนี้ เธอยังไม่เห็นหัวด้วยซ้ำ!

ฝนสิริเห็นสถานการณ์แบบนี้ จึงไม่เหมาะที่จะรั้งให้พวก เขาอยู่ต่อ จึงออกไปส่งที่หน้าประตูร้าน

จริมเดินตามหลังแม่ของเขา “แม่จะกลับไปแบบนี้ได้ยัง

ไง?”

“ไม่กลับแล้วอยู่ต่อให้เขาชักสีหน้ารีไง! เดี๋ยวกลับไปแม่ จะหาสาวสวยๆให้ ทำเป็นไม่ชอบลูก พวกเราต่างหากที่ไม่

ชอบเธอ!”
“ปกติคนที่แม่หาให้หน้าตาดูได้ที่ไหนกัน” จริมรู้สึกหมด คำพูด ปาณีเป็นคนที่เขาถูกใจมากที่สุดในบรรดาสาวๆที่แม่ เลือกมา

“แต่เขาไม่ชอบลูก!”

คุณนายบ้านแก้วใสดึงลูกชายตัวเองขึ้นรถไป

“ปาณี!” หลังจากที่ส่งเขาไปแล้ว ฝนสิริกลับเข้าไปยังร้าน อาหาร จ้องหน้าปาณีที่นั่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาของเธอแทบ จะพ่นไฟออกมา “อยากให้ฉันบ้าตายรึไง? ฉันอุตส่าห์หวัง ดีทำทุกอย่างเพื่อนเธอ เกลี้ยกล่อมพวกเขาอย่างดี แต่เธอ กลับทำให้คนอื่นโกรธจนหนีกลับไปแบบนี้หรอ?”

“เพื่อหนูหรอ?” ปาณีหัวเราะ “คนอื่นเขาจะหาแม่บ้าน ไม่ใช่หาเมีย แม่อยากโยนหนูเข้าไปในบึงไฟขนาดนี้เลย หรอ?”

แม้ว่าปาณีจะไม่ยอมแต่ง แต่เหมือนเธอได้เห็นสภาพตัว เองหลังจากที่แต่งงานไปบ้านแก้วใสแล้ว

เลี้ยงลูก ทำงานบ้าน แล้วยังต้องขยันอีก?
นี่ไม่ใช่คนใช้รีไง?

นกันต์ที่นั่งอยู่ข้างๆกินอย่างเอร็ดอร่อย “แม่ พี่ไม่อยาก แต่ง แม่ก็ไม่ต้องบังคับให้พี่แต่งแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น ผม ว่านะ จริมคนนั้นก็ไม่ได้ดีอะไรหรอก

แต่คิดว่าต้องเรียกเขาว่าพี่เขย เขาก็รู้สึกทนไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องพูดถึงปาณีเลย

นายไม่ต้องพูดแทนเธอ” ฝนสิริยังคงจ้องหน้าปาณี “ฉัน บอกแกนะ ปาณี วันนี้ที่แกทำแบบนี้ อย่ามาว่าฉันไม่ให้แก เรียนต่อนะ

“ก็แม่ไม่อยากให้หนูเรียนต่ออยู่แล้วไม่ใช่หรอ?” แม่พูด ต่อหน้าแม่ลูกบ้านแก้วใสเองว่าผลการเรียนเธอไม่ดี แล้ว อย่างนี้จะให้เธอเรียนต่อได้ยังไง?

ตอนที่ 78

จริมหัวเราะชอบใจ “ก็ยังดีครับ เงินเดือนของผมถ้ารวม เงินอุดหนุนก็ได้เดือนละ 7-8 พันหยวนเองครับ เทียบกับ พวกที่ทำธุรกิจส่วนตัวไม่ได้หรอก..”

แม้ปากจะพูดจาถ่อมตัว แต่ในความเป็นจริง มองไปแล้ว เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาพึงพอใจต่อรายได้ของตัวเองเป็น อย่างมาก

และยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ฐานะทางบ้านของปาณีดี เงินเดือน ของเขาหนึ่งเดือนมากกว่ารายได้ของทั้งครอบครัวปาณี รวมกันอีก

หลังจากที่ฝนสิริได้ยินในสิ่งที่จริมพูด ตาเป็นประกายมาก

ไม่เลวเลยจริงๆ”

จู่ก็รู้สึกว่าตัวเองเจอลูกเขยที่ร่ำรวยซะแล้ว

จริมถูกฝนสิริชมจนดีใจมาก รู้สึกว่าสามรถคุยเรื่องนี้ได้

แล้ว มองไปยังปาณี พูดว่า “ปาณีไม่ได้เรียนมหาลัยก็ไม่

เป็นไร เพราะไหนๆอีกหน่อยก็ต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้านอยู่แล้ว ทำงานบ้านอะไรไป เป็นแม่บ้านเต็มตัวดึกว่า! งาน

ผ่อนคลายอีกด้วย….”

ปาณีกรอกตามองบน

พูดเอย่างกับว่าการเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ทำงานบ้าน เป็นแม่ บ้านเต็มตัวเป็นพระกรุณาอย่างหนึ่ง

ความมั่นใจในสายตาของจริม ทำให้ปาณีรู้สึกเอื้อมระอา

เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิดของเขา ปาณีจึงรีบพูดให้ ชัดเจน “คุณหาคนอื่นเถอะค่ะ! หนูจบแค่มัธยมปลาย ไม่ เคยเรียนมหาลัย ฐานะทางบ้านคุณดีขนาดนี้ หนูมิอาจ เอื้อมถึงค่ะ”

ไม่เป็นไร ขอเพียงเธอขยันหน่อยตอนอยู่บ้าน เพียงแค่ ทำสิ่งต่างๆมากขึ้น ผมไม่รังเกียจหรอก”

ปาณีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว พบว่าชายคนนี้ไม่เข้าใน สถานการณ์อะไรเลย เธอพูดชัดเจนขนาดนี้ เขายังไม่เข้าใจอีก?

แต่ฝนสิริดันช่วยจริมแก้ไขสถานการณ์ซะงั้น “ปาณีของ เราไม่มีข้อดีอย่างอื่นหรอกจ๊ะ เว้นแต่เป็นคนขยันมาก ตอน เรียนหนังสือเธอยังทำงานหาค่าขนมเองเลย เก่งมากๆจะ”

คุณนายบ้านแก้วใสมองปาณีแวบหนึ่ง ได้ยินว่าเธอขยันก็ เบาใจลง ในความเป็นจริงเธอไม่เห็นปาณีอยู่ในสายตาเลย ฐานะครอบครัวแย่ขนาดนี้ แม้แต่มหาลัยก็ไม่เคยเรียน แต่ ว่าลูกชายของเธอก็อายุ 30 แล้ว

ตอนนี้หวังแค่เพียงหาผู้หญิงให้เขาแต่งงานซะ

และยิ่งไปกว่านั้น ดูท่าทางของจริมจะชอบผู้หญิงคนนี้ไม่

น้อย

ปาณีขยัน ก็คงดึกว่าแต่งงานกับผู้หญิงที่ขี้คร้านขี้เกียจ วันๆไม่ทำอะไรเลย!

ปาณีมองไปยังแม่ตัวเองที่แทบอยากจะจับคู่ตัวเองกับ จริมทันที หมดคำพูดจริงๆ…
มีแม่คอยใส่ไข่ใส่นมอยู่ข้างๆ มิน่าล่ะฝ่ายตรงถึงเชือ ขนาดนี้

ปาณีพูดออกไปตรงๆว่า “หนูไม่ชอบคนที่อายุมากกว่าหนู มากๆค่ะ เพราะพูดจากันไม่รู้เรื่อง ความคิดเห็นไม่ตรงกัน”

คุณนายบ้านแก้วใสไม่พอใจเล็กน้อย พูดอย่างใส่อารมณ์ ว่า “นี่เธอรังเกียจที่จริมของเราอายุมากหรอเนี่ย!”

เธอยังไม่ได้รังเกียจที่ครอบครัวปาณีจน ไม่คาดคิดว่า

ปาณีกลับรังเกียจลูกชายเธอซะงั้น

“อายุมากที่ไหนกัน?” ฝนสิริจ้องหน้าปาณี ไม่ชอบที่เธอ พูดจาไร้สาระ “จริมก็แค่อายุ 30 เอง ไม่ได้อายุมากอะไร”

“30 ปี?” นภันต์มองจริมอย่างประหลาดใจ “ผมนึกว่าคุณ อายุ 40 แล้วซะอีก!”

เขาไม่ได้มีเจตนาเป็นศัตรู เพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น
ฝนสิริเกือบเป็นลมที่เห็นลูกๆของตัวเองเข้ากันเป็นปีเป็น

ขลุ่ย

สองคนนี้ตั้งใจจะก่อกวนใช่ไหม?

ฝนสิริพูดว่า “คนที่อายุมากหน่อยจะรักใคร่ทะนุถนอมเมีย มาก อายุ 30 ก็ไม่ได้มากอะไร เป็นวัยกำลังหนุ่มแน่น และ ยิ่งไปกว่านั้น มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี การงานก็มันคง อีกด้วย”

เห็นได้ชัดเลยว่าเธอถูกใจจริมมากจริงๆ

คุณนายบ้านแก้วใสเห็นแก่หน้าฝนสิริ จึงไม่คิดเล็กคิด น้อยกับปาณี แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าปาณีมีความคิดตื้นเขินมาก “เด็กสมัยนี้ก็ชอบแต่หนุ่มน้อยหน้าตาดี

ฝนสิริตอบว่า “อายุยังน้อยไงคะ ไม่เหมือนยุคเราที่เลือก

คนที่หนักแน่นและเชื่อถือได้”

สำหรับเธอแล้ว จริมเหมาะสมกับเงื่อนไขนี้มากๆ

ปาณีมองหน้าฝนสิริ “แม่ นี่แม่อยากให้หนูแต่งงาน? หรือ

แม่อยากแต่งเองกันแน่?”

ตอนที่ 77

ปาณีนั่งเงียบ

ฝนสิริรู้สึกว่าเธอไม่มีมารยาทมาก จ้องหน้าปาณีก่อน แล้วจึงพูดกับคุณนายบ้านแก้วตาว่า “เด็กไม่มีมารยาท อย่า ถือสาเลยนะคะ”

ไม่เป็นไรครับคุณน้า” จริมยิ้มและมองไปทางปาณี ท่าทางกระตือรือร้นเชียว “เพิ่งเจอกันครั้งแรก ผู้หญิงคง อาย เข้าใจได้ครับ”

ได้ยินเขาเรียกว่าน้า นภันต์อดไม่ได้ที่จะขนลุก เขารู้สึกว่า คนๆนี้เรียกแม่ตัวเองว่าพี่สาวยังได้เลย

ฝนสิริรู้ว่าปาณีไม่พอใจ จึงไม่กล้าเข้มงวดกับเธอมากนัก

หลังจากที่ทุกคนนั่งลง จริมก็มองไปทางปาณี

เขาเคยเห็นรูปถ่ายของปาณีมาก่อน ก็รู้สึกว่าหน้าตาปาณีไม่เลวเลยทีเดียว ไม่คิดเลยว่าปาณีจะเป็นคนประเภท ที่ไม่ขึ้นกล้องด้วย ตัวจริงเธอสวยกว่าในรูปถ่ายตั้งเยอะ

เพราะว่าอายุยังไม่ถึง 20 ปี เป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวสวย

ที่สุดพอดี

“ปาณี ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้เธอไม่สบาย ร่างกายเธอดีขึ้นรี

ยัง?”

ปาณีมองจริมแวบหนึ่ง ได้ยินเขาเรียกตัวเองว่าปาณี รู้สึก ไม่สบายไปทั้งตัว

เธอกับเขาสนิทกันขนาดนี้เลยหรอ?

กลัวว่าปาณีจะพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกมา ฝนสิริจึงรีบ แก้ไขสถานการณ์ พูดว่า “ดีแล้วจ้ะ หายดีแล้ว”

ครั้งก่อนปาณีหนีไป เธอหมดทางเลือกจึงต้องพูดออกไป แบบนั้น

ปาณีมองดูปฏิกิริยาของแม่ รู้ว่าเรื่องที่โกหกว่าเธอป่วย เป็นสิ่งที่แม่บอกไปเอง
“พวกเราสั่งอาหารกันก่อนนะครับ!” จริมเอาเมนูขึ้นมา “ปาณีอยากกินอะไรหรอครับ?”

ท่าทางที่เป็นสุภาพบุรุษของเขา ปาณีไม่ได้ตอบอะไร

แม้เธอจะเป็นนักกิน แต่ตอนนี้กลับไม่มีความอยากใดๆ

เลย

ฝนสิริพูดว่า “ตามสบายเลยค่ะ! พวกเราทานได้หมด ไม่ ได้เลือกมาก”

“ถ้าอย่างนั้นผมตัดสินใจเองแล้วนะครับ?”จริมยิ้ม สั่ง อาหารอย่างรวดเร็ว

แม่ของจริมพูดอยู่ข้างๆว่า “ปีนี้ปาณีอายุเท่าไหร่แล้ว?”

“20 แล้วค่ะ” ฝนสิริตอบ

ปาณีนั่งดื่มน้ำอย่างเงียบๆ หลังจากที่ได้ยินในสิ่งที่แม่พูด เพราะขี้เกียจเถียง
คุณนายบ้านแก้วใสพูดอีกว่า “ไม่ได้เรียนมหาลัยหรอ?

เห็นได้ชัดเลยว่าเธอรู้สึกรังเกียจนิดหน่อย

คนที่เอาหน้าอย่างฝนสิริ ก็ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเธอ อยากให้ปาณีแต่งงาน จึงไม่ให้เธอเรียนต่อ รีบพูดว่า “ผล การเรียนของเธอไม่ดี ไม่อยากเรียนต่อน่ะ”

” ปาณีมองหน้าแม่แวบหนึ่ง ไม่รู้เลยว่าควรจะพูด

อะไร

“จริมบ้านเราจบจากโครงการ 985 เชียวนะ ในตำแหน่ง งานตอนนี้ มีผู้หญิงมาชอบเขาเยอะแยะเลยล่ะ!” คุณนาย บ้านแก้วใสพูดอย่างภาคภูมิใจ

แม้ฝนสิริจะไม่รู้ว่าโครงการ 985 คืออะไร แต่กลับทำตัว เป็นหน้าม้า “เก่งจังเลยค่ะ! ถ้าหากว่าปาณีของเราเก่งขนาด นี้ก็คงจะดี”

ปาณีทนดูอีกต่อไปไม่ไหวจริงๆ ที่เธอสอบติดไม่ได้อยู่ใน

โครงการ 985 รีไง?
เสียดาย แม่ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลย

ที่ชมจริมก็เพื่อที่จะเลียแข้งเลียขาเท่านั้น

มองดูท่าทางของแม่ เหมือนจะถูกใจจริมคนนี้ไม่น้อย?

ปาณีที่เงียบมาตั้งนานทนไม่ได้อีกต่อไป เปิดปากพูดว่า “พูดตามหลักความจริงแล้ว คุณสมบัติดีขนาดนี้ แล้วยังมีผู้ หญิงให้เลือกแต่งงานมากขนาดนี้ น่าจะแต่งงานไปตั้งนาน แล้วนะคะ! ทำไมยังมาพบปะดูตัวอีกคะ?”

คุณนายบ้านแก้วใส อึ้ง รู้สึกว่าปาณีมักอยากจะเถียง เสมอ? คำพูดนี้ทำให้เธอเสียหน้ามาก

จริมพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้มั่วแต่ยุ่งอยู่กับงาน เลย ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้”

“ถ้าอย่างงนั้นงานคุณยุ่งมากเลยใช่ไหมคะ?”

“ไม่ยุ่งแล้ว ในตำแหน่งงานนี้ เริ่มทำงาน 9 โมงเช้าและ เลิกงานตอน 5 โมงเย็นของทุกวัน หยุดเสาร์-อาทิตย์ด้วย นะ”
ฝนสิริตอบว่า “ตำแหน่งหน้าที่การงานไม่เลวที่เดียว การงานมั่นคง เงินเดือนก็ดี! ฉันได้ยินพวกเขาพูดว่าหยุด ทำงานเสาร์-อาทิตย์แล้วยังได้ 4 พันกว่าหยวนเชียว!”

ฝนสิริทำงานในร้านสุกี้ชาบู ในเดือนหนึ่งมีวันหยุดแค่ 2 วันเท่านั้น ช่วงที่ยุ่งๆก็ไม่ได้หยุดเลยแม้แต่วันเดียว เงิน เดือนก็ได้แค่พันกว่าหยวนเอง ดังนั้น สำหรับเธอแล้ว คนที่ ได้เงินเดือน 4 พันหยวนถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

ตอนที่ 76

เธอมองแม่แวบหนึ่ง ปกติคนขี้งกขนาดนั้น ไม่คาดคิดเลย ว่าแค่มากินข้าวกับนภันต์ ทำไมถึงต้องเลือกร้านอาหารที่ แพงขนาดนี้

เธอกำลังอยากจะถามคำถามนี้ มือถือของฝนสิริก็ดังขึ้น มี คนโทรเข้ามา ฝนสิริรับสาย “ใช่ค่ะ ที่นี่แหละค่ะ”

ฝนสิริยังอุตส่าห์ออกไปต้อนรับที่หน้าประตูอย่าง กระตือรือร้น

ปาณีถามนภันต์อย่างไม่เข้าใจ “นี่มันอะไรกัน?”

นภันต์พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “ก็ครั้งก่อนพี่ไม่ได้กินข้าวกับ คนในบ้านแก้วใสไม่ใช่หรอ? แม่บอกไปว่าพี่ป่วย ดังนั้น พวกเขาก็นัดใหม่ในวันนี้”

“นภันต์ นายขายฉัน?” ปาณีหมดคำพูด

เมื่อครู่เห็นแม่พูดอย่างจริงใจ เธอคิดว่าแม่จะคิดทบทวนสำนึกแล้ว และรู้สึกผิดต่อเธอ แต่ที่ไหนได้ นมัน หลอกลวงชัดๆ!

จงใจให้นภันต์นัดเธอออกมา ที่แท้ก็เป็นการนัดดูตัวของ เธอหรอกหรอ?

เห็นท่าทางโมโหของปาณีแล้ว นภันต์พูดว่า “พี่ ผมไม่มี ทางเลือก แม่บอกว่า ถ้าผมไม่นัดพี่ออกมา ก็จะไม่ให้เงิน ผมใช้อีก ผมไม่เหมือนพี่สักหน่อยที่หาเงินเองได้ ถ้าหาก แม่ไม่ให้ แล้วผมจะทำยังไง? พี่ก็แค่ทนหน่อย กินข้าว มื้อเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอก ถ้าหากพี่ไม่ยอม พวกเขาจะ บังคับพี่ได้ยังไงล่ะ?”

ปาณีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา นี่คือแม่แท้ๆ? น้องชาย แท้ๆหรอ?

เธอวางเมนูลง ยืนขึ้นเตรียมตัวจะไป แต่ถูกนภันต์ดึงไว้ “พี่ข้าวมื้อเดียวเอง กินเสร็จค่อยไปนะ ดีไหม? พี่คงจะไม่ ทำให้แม่ขาดความน่าเชื่อต่อหน้าคนอื่นใช่ไหม?”

เขาใช้แม้กระทั่งวิธีอ้อน
ปาณีพูดประชดว่า “ตอนนายเรียนไม่เห็นจะเห็นใจพวก เขาอย่างนี้นี่”

ตอนนี้กลับแสร้งทำเป็นกตัญญู

นภันต์พูดอย่างขาดความมั่นใจว่า “ผมก็โตเป็นนี่ครับ!”

“โตแล้วก็เลยหลอกฉันเหมือนพ่อแม่?”

“ที่ผมทำไปก็เพราะหวังดีกับพี่นะ พี่คงไม่หวังที่จะทำ สงครามเย็นกับพ่อแม่ต่อไปใช่ไหม? อีกไม่นานก็จะเปิด เทอมแล้ว ถึงเวลานั้นพี่จะไม่ไปเรียนจริงๆหรอ? ก็ยัง ต้องให้พ่อแม่เอาเงินให้อยู่ดี?” นภันต์วิเคราะห์อย่างคนมี เหตุผล ในบางครั้ง เขาก็คิดเพื่อปาณีจริงๆ

ปาณีมองไปยังเขา “พ่อแม่ไม่มีทางเอาเงินให้พี่เรียน หรอก และพวกเขาก็จะไม่มีทางที่จะให้นายดรอปเรียน”

แม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ต้องการแล้ว แต่ว่า สำหรับปาณีแล้ว ไม่ง่ายเลยที่จะผ่านเรื่องนี้ไป

สิ่งที่พ่อแม่ลำเอียง เป็นปมในใจของเธอ
แม้เธอจะเป็นลูกสาว แต่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวก เขานะ วิธีปฏิบัติต่างกันขนาดนี้เลยหรอ?

นภันต์พูดว่า “ให้สิ เพราะยังไงผมก็จะไม่เรียน ผมเรียนไป ก็เสียเงินเปล่าๆ ขอแค่ผมไม่เรียน แม่ก็จะเอาเงินออกมา”

ปาณีมองหน้านภันต์ ไม่ได้เตรียมตัวจะออกไปอีก ไม่ใช่ เป็นเพราะว่าเธอเชื่อว่าพ่อแม่จะให้เธอเรียนต่อ แต่เป็น เพราะว่าเธอไม่สะดวกที่จะทำสงครามเย็นกับฝนสิริอีกต่อ

ไป

ควรจะให้คำตอบกับทางบ้านวิสิทธิ์เวชได้แล้ว!

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอมาในวันนี้

เร็วมาก ฝนสิริก็พาคนบ้านแก้วใสเดินเข้ามา

“นั่งสิคะ! นี่ลูกสาวของดิฉันค่ะ ปาณี นี่ก็ลูกชายของ ดิฉัน นภันต์ค่ะ” ฝนสิริต้อนรับแม่ลูกบ้านแก้วใสอย่าง กระตือรือร้น

ปาณีกับนภันต์ไม่ได้พูดอะไร ปาณีไม่อยากแสดงท่าทีที่กระดือรือร้น กลัวว่าคนอื่นจะคิดว่าเธอมีใจให้ และนภันต์ ก็ถูกมองข้ามอย่างไม่มีตัวตน

จริมคนนี้ดูจากการแต่งตัวก็น่าจะอายุ 40 แล้ว เป็นคนที่จะ มาดูตัวที่แม่หาให้จริงๆหรอเนี่ย?

ฝนสิริเห็นลูกๆทั้งสองคนนั่งนิ่ง พูดว่า “ยังไม่รีบทักทาย

คุณน้าอีก?”

“สวัสดีครับคุณน้า ” นภันต์ทักทาย

ตอนที่ 75

“ได้สิ” ไหนๆก็ต้องนัดพ่อแม่เพื่อพบกับครอบครัวของธา มนิธิอยู่ดี สู้แอบสืบจากนภันต์ก่อนดีกว่า

นภันต์พูดว่า “ถ้างั้นเดี๋ยวผมส่งที่อยู่ไปให้นะ”

“อิ้ม”

ปาณีนอนลงบนเตียง มือถือวางไว้อีกฝั่งหนึ่ง เวลาที่อยู่ กับธามนิธิ เขาจะไม่ค่อยชอบให้เล่นมือถือนัก นานๆเข้า ทุกครั้งที่เขาอยู่ด้วย เธอก็จะวางมือถือไว้

เธอนอนหนุนหมอน จู่ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น เธอรีบลุก

ขึ้นไปเอามามือถือมา

การกระทำของเธอดึงดูดความสนใจจากธามนิธิ

ธามนิธิอดไม่ได้ที่จะมองเธอแวบหนึ่ง “ใครส่งข้อความมา?”

ปาณีเห็นแผนที่ที่นภันต์ส่งมาไม่ได้ไกลจากที่นี่มากนัก

“น้องชายหนู สองสามวันนี้มาเข้าร่วมการแข่งขัน ให้หนู เลี้ยงข้าวเขาพรุ่งนี้” ปาณีมองไปยังธามนิธิ “คุณอา พรุ่งนี้ หนูอยากออกไปหน่อย ได้ไหมคะ?”

เพื่อที่จะไม่ให้คุณอาเป็นห่วง ดังนั้น เธอจะบอกเขาก่อน ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน

ธามนิธิมองไปยังท่าทางที่เป็นเด็กดีของเธอ พยักหน้า ตอบ “อิม

“หนูถือโอกาสไปสืบปฏิกิริยาของพ่อแม่สักหน่อย”

ตอนมาที่เมืองชยุตก็ตรงกับช่วงที่ฝนสิรินัดบ้านแก้วใส เพื่อพบปะหาคู่ให้เธอ พ่อแม่โทรหาเธอหลายสาย ปาณีจึง ทำการบล็อกทั้งสองคน หลังจากนั้นถึงจะเงียบสงบหน่อย

และเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าตอนนี้พ่อแม่จะคิดยังไง ในใจเธอกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก

ธามนิธิลูบหัวเธอเบาๆ “ก็ดี มีปัญหาอะไรก็โทรฉันนะ”

ปาณียิ้มตอบ “ค่ะ”

ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เวลาอยู่ใกล้เขา มักทำให้เธอรู้สึก ปลอดภัย

เมื่อก่อนรู้สึกว่าต้องเผชิญกับทุกสิ่งด้วยตัวเอง ไม่มีอำ นาจใดๆ และไม่มีคนที่สามารถให้พึ่งพิงได้ แต่ในตอนนี้ มี เขาเป็นโล่กำบังแบบนี้ ก็เหมือนได้ครอบครองโลกทั้งใบ แม้แต่ฟ้าจะถล่มทลายก็ไม่กลัว

เมื่อเวลาเที่ยงของวันถัดมา ตอนที่ปาณีไปถึงร้านอาหาร พบว่านภันต์ถึงก่อนแล้ว

แต่เดิมเธอคิดว่า อย่างมากก็แค่เจอเพื่อนในทีมของ นภันต์ ผลปรากฏว่า ไม่ได้เจอเพื่อนของนภันต์ แต่กลับเจอ แม่ของเธอเอง
พอเห็นฝนสิริ ปาณีก็ขมวดคิ้ว อยากหมุนตัวแล้วหันหลง เดินออกไปเลย แต่ว่า เมื่อคิดถึงเรื่องของบ้านวิสิทธิ์เวช เธอจึงจำใจต้องอยู่ต่อ

แต่ว่า ในใจของเธอก็ยังคงโมโห ไม่คิดเลยว่านภันต์จะ หลอกเธอ!

เธอจ้องหน้านภันต์ตาเขม่น “นายบอกว่ามาเข้าร่วมการ แข่งขันไม่ใช่รึไง?”

นภันต์ตอบอย่างคนอ่อนแอว่า “ใช่ แข่งเสร็จตั้งแต่เมื่อ วานแล้ว”

“ถ้างั้นแม่มาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?” พบเจอกะทันหันแบบนี้ ปาณีตั้งตัวไม่ทัน

นภันต์ตอบว่า “พี่ พี่ก็อย่าโกรธแม่อีกเลยนะ ช่วงนี้แม่ อยากหาโอกาสเจอพี่ตลอดเวลา พี่ไม่รับสายแบบนี้ แม่ก็ จนปัญญา”

ฝนสิรินั่งมองปาณีอยู่ข้างๆ พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ปาณี ก่อนหน้านี้แม่ผิดเอง ไม่ควรจะดุลูก และไม่ควรที่จะดีลูก ด้วย ลูกกลับบ้านกับแม่ ดีไหม? หลายวันที่ลูกไม่อยู่นี้ แม่กับพ่อของลูกเป็นห่วงลูกจนนอนไม่หลับสักคืน กลัวว่าลูกอยู่ข้างนอกจะโดนคนอื่นหลอกเอา”

ต้องรู้ว่าตอนนั้นเธอออกไปพร้อมกับไวยาตย์

ไม่ง่ายเลยที่เลี้ยงลูกสาวมาจนโต แต่หนีออกไปกับผู้ชาย คนอื่นแบบนี้ ฝนสิริจะไม่เป็นห่วงได้ยังไง?

เรื่องราวก็ได้ผ่านไปครึ่งเดือนกว่าแล้ว ปาณีเห็นท่าทาง ของแม่ที่จริงใจอย่างนี้ คิดว่ายังไงก็เป็นแม่แท้ๆของเธอ บุญคุณที่คลอดเธอเลี้ยงดูเธอมา ทำให้ตัวเองใจอ่อนไปชั่ว ขณะ

ปาณีนั่งลง พบว่าฝนสิริและนภันต์จองโต๊ะที่ใหญ่มาก

เธอหยิบเมนูอาหารขึ้นมา ราคาอาหารแต่ละอย่างแพงที่

เดียวเชียว

ตอนที่ 74

ธามนิธิลูบหัวเธอเบาๆ พูดด้วยความรักใคร่เอาใจใส่ว่า “คราวหน้าถ้าพี่ให้เธอทำอะไรอีก เธอก็อย่าไปฟังเขาล่ะ เขาก็หาเรื่องใส่ตัวอยู่อย่างนั้น ก็ไม่รู้ว่าไปเอาตำหรับยามา จากไหน หลอกคนทั้งนั้น”

“หลอกคนหรอคะ?” ปาณีไม่ค่อยจะเชื่อ เห็นพี่สาวจริงจัง ขนาดนั้น เธอก็คิดว่าจะเชื่อถือได้ซะอีก

ธามนิธิพูดอย่างเอาจริงเอาจังว่า “แน่นอนสิ! ฉันกินจนจะ อ้วกแล้ว ไม่เห็นผลเลยแม้แต่น้อย.. ถ้าครั้งหน้าเธอเอา มาอีก เธอก็กินแทนฉันเลยละกัน!”

พอได้ยินว่ากินยา ปาณีก็รีบสายหัว “. ขมขนาดนั้น หนู

ไม่อยากกิน”

แม้เธอจะเป็นนักกิน แต่กลัวขมมาก โดยเฉพาะยาจีน

มองไปทางเธอที่ทำท่าทางกลัวขนาดนั้น ธามนิธิหัวเราะ ออกมา พูดอย่างตัดพ้อว่า “งั้นเธอยังเต็มใจให้ฉันกินอีก? เสียดายที่ฉันเอ็นดูเธอขนาดนี้จริงๆ!”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ปาณีรู้สึกว่าตัวเองใจร้าย จริงๆ พูดว่า “ก็ได้ คราวหน้าหนูจะไม่เอามาแล้วค่ะ”

ธามนิธิถึงจะพยักหน้าอย่างพอใจ ส่งถ้วยยาให้เธอ “เอา ถ้วยลงไป คืนให้พี่”

จันวิภายังรอข่าวดีอยู่ข้างล่าง เห็นปาณีเดินลงมา จึงรีบ ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? เขาดื่มไหม?”

“ไม่ค่ะ” ปาณีสายหัว “คุณอาบอกว่ายานี้ไม่ได้ผล คราว

หลังไม่ต้องต้มให้เขาอีก”

“เขายังไม่ทันได้กินเลยรู้ได้ไงว่ายาไม่ได้ผล? เธอไม่ได้ เกลี้ยกล่อมเขาเลยรึไง?” จันวิภาขมวดคิ้ว แต่เดิมคิดว่า ปาณีเป็นคนเอาไปให้จะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้ซะอีก!

ปาณีตอบว่า “หนูเกลี้ยกล่อมแล้วค่ะ แต่คุณอาไม่ฟัง”

ไม่เพียงแต่ไม่ฟังเท่านั้น ยังดูเธอชุดใหญ่อีกด้วย

แม้จะไม่อยากล่วงเกินจันวิภา แต่เขายิ่งไม่อยากทำให้ คุณอาไม่พอใจ
จันวิภาพูดว่า “เขาคนนี้หัวแข็งจริงๆเลย”

ปาณีอดไม่ได้ที่จะเข้าข้าง “ยาขมเกินไปค่ะ แค่ดมหนูยัง

ไม่ไหวเลย หนูว่าอย่าให้คุณอากินเลยนะคะ”

“ฉันก็ทำเพื่อหวังดีต่อเขาไม่ใช่หรอ?” จันวิภารู้สึกว่าการ ทุ่มเทของตัวเองสูญเปล่า “ถ้าเขาไม่ดีขึ้น พวกเธอก็จะไม่ เอาลูกแล้วรึไง เธอไม่ถือสาแต่พ่อแม่ถือสานะ”

กลับมาสู่หัวข้อนี้อีกแล้ว….

ปาณีตอบว่า “หนูอายุยังน้อยค่ะ ไม่รีบร้อนค่ะ”

เธอยังไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยเลย มีลูกตอนนี้คงไม่ใช่มั้ง!

จันวิภามองไปยังท่าทางที่จริงจังของปาณี ยิ้มพูดว่า “โอเค เธอไปพักก่อนละกัน! เดี๋ยวฉันจะลองคิดหาวิธีอื่นดู”

“วิธีอื่น?” ปาณีรู้สึกว่ามีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าวิธีที่พี่คิดออกมาถึงไม่ ค่อยดีกับเธอนักล่ะ?

จันวิภามองดูเวลา “ถึงเวลาฉันค่อยบอกเธอนะวันนี้ฉัน ต้องกลับแล้ว ลูกชายฉันส่งติรยากลับบ้านจนถึงตอนนี้ยัง ไม่กลับมาเลย ไม่รู้ว่าไปทำอะไรถึงนานขนาดนั้น ฉันต้อง ไปตามหาเขาสักหน่อย!”

หลังจากได้ยินติรยากับเวทัส ปาณีก็ไม่ได้พูดอะไร

เพียงแต่ไม่คิดเลยว่า เวทัสจะดีกับติรยาขนาดนี้ ถึงขั้นรู้ แล้วว่าติรยาใส่ร้ายเธอ เขาก็ยังจะคบกับติรยาต่อ?

ปาณีกลับไปถึงชั้นบน ไวยาตย์กับธามนิธิกำลังคุยเรื่อง งานกันอยู่ เสียงเรียกเข้ามือถือของเธอดังขึ้น กลัวว่าจะ รบกวนพวกเขา ดังนั้นจึงเข้าไปรับสายในห้องน้ำ

“พี่ พรุ่งนี้ว่างไหม? เราไปกินข้าวกัน!” สายจากนภันต์ แม้จะมีความเห็นต่อพ่อแม่ แต่ว่า นภันต์ก็ดีกับเธอมาก
ท่าทีของปาณีก็ดี “นายอยู่ในเมืองชยุตหรอ?”

“อั้ม ทีมของเรามีการแข่งขันออนไลน์”

“แข่งเสร็จแล้วหรอ?”

“อย่าพูดถึงมันเลย แพ้ตั้งแต่รอบที่ 2 แล้ว” นภันต์พูด “พี่ จะไม่เลี้ยงข้าวเป็นการปลอบใจน้องชายสุดที่รักของพี่ หน่อยหรอ? เราไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ”

ตอนที่ 73

“คุณอา ดื่มยาค่ะ” ปราณีขมวดคิ้วหลังจากที่ได้กลิ่นยา

ตอนเด็กพ่อแม่ก็ให้เธอดื่มยาจีนตอนเธอไม่สบาย ตอนนี้ กลายเป็นเงามืดในใจของเธอไปแล้ว แค่เพียงได้กลิ่นนี้ก็ ไม่ไหวแล้ว

ธามนิธิมองไปยังปาณี ได้กลิ่นยามาแต่ไกล “ยาอะไร?”

“พี่ให้หนูเอามาให้คุณ” ปาณีมองไปยังธามนิธิอย่างคนทำ

ผิด

” พอได้ยินว่าเป็นจันวิภา ธามนิธิก็ขมวดคิ้ว “เอาออก

ไป!”

เขารู้ว่าปาณีจะไม่หลอกเขา แต่จันวิภาอ่ะไม่แน่

นั่นเป็นพี่สาวของเขานะ พี่สาวแท้ๆ! วันๆใส่ใจแต่เรื่องไม่

เป็นเรื่อง
“แต่ว่า พี่บอกหนูให้เกลี้ยกล่อมคุณให้ดื่มยานี้”

เธอโดนจันวิภาบังคับจนต้องตกลง ถ้าหากทำได้ไม้ดี มัก รู้สึกว่าไม่รู้จะไปรายงานยังไง

ธามนิธิมองปาณีแวบหนึ่ง “เขาได้บอกเธอรีเปล่าว่าเป็นยา

อะไร?”

“พี่บอกว่าเป็นยาที่ดื่มแล้วจะทำให้มีลูกได้…..” ปาณีพูด เสียงเบามาก

จันวิภาพูดออกมาง่ายมาก แต่เมื่อเธอเป็นคนพูดกลับรู้สึก ยากมากที่จะเอ่ยปาก..

ธามนิธิหมดคำพูด เป็นไปตามคาด!

เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้

ธามนิธิพูดด้วยเสียงต่ำทุ่ม “เธอเอามานี่”

ไม่คาดคิดเลยว่าคุณอาจะเปลี่ยนความคิดหลังจากที่เขา

ได้ยิน ปาณีรีบนำยาไปให้ เห็นเพียงเขารับยาไปจากนั้น… ก็เทลงไปในถังขยะที่อยู่ข้างๆ.. นั่นเป็นน้ำ

พักน้ำแรงของจันวิภาเลยนะ

..” ปาณีรู้สึกเสียดาย “นี่เป็นยาที่พี่ต้มเองเลยนะ เขา

ต้มมาทั้งวัน”

ถ้าเกิดพี่รู้ว่ายาถูก เททิ้ง แล้วจะรอดหรอนี่?

มองดูท่าทางของเธอที่อธิบายแทนจันวิภา ธามนิธิดึงเธอ เข้ามากอดอย่างเผด็จการ เขามองหน้าเธอ ถามคำถามที่ เหมือนจะล้อเล่นแต่ก็ไม่ได้ล้อเล่น “ทำไม ปาณีอยากมีลูก แล้วหรอ?”

“ไม่… ไม่ใช่” ปาณีพูดว่าความลำบากใจ “หนูก็ แค่….ทำไปเพื่อหวังดีกับคุณ!”

ถ้าไม่เป็นเพราะคุณอา เธอหรือจะทำเรื่องแบบนี้

“หวังดีกับฉัน” สายตาของธามนิธิแฝงไปด้วยความหมาย

อื่น

คนน่ารักของเขา ไม่คาดคิดว่าจะสงสัยความสามารถด้าน นั้นของเขา? เขาจะพิสูจน์ตัวเองยังไงดี?
ในวินาทีนี้ ร่างกายของธามนิธิแข็งดึงขึ้นมา

ก่อนหน้านี้เขาได้รับบาดเจ็บจริง คุณหมอก็เคยพูดแล้ว ว่าอาจจะมีผลกระทบต่อความสามารถในการมีบุตร แต่ เมื่ออยู่ต่อหน้าปาณีแล้ว เขามั่นใจได้ว่าเขาไม่มีปัญหาเลย แม้แต่น้อย

ปาณีไม่รู้ว่าไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงพูดกับธามนิธิ ว่า หนูรู้ว่าเรื่องแบบนี้ยากที่จะเอ่ยปาก แต่ว่า ก็ต้องเผชิญ หน้าและมองในด้านบวก แบบนี้ถึงจะดีขึ้น คุณว่าไหมคะ?”

แม้ยาจะถูกเททิ้งแล้ว แต่ในครัวยังมีอีก ปาณีไม่ยอมแพ้

ง่าย ๆ

แต่ว่า หลังจากที่ธามนิธิได้ยินเธอพูด ถึงกับมีอาการหน้า ดำหน้าแดงขึ้นมา

เวลาที่เขาไม่พูดไม่จา ทำให้คนรอบข้างรู้สึกกลัวเล็กน้อย ปาณีถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณอา คุณโกรธหรอคะ? หนูหวังดีจริงๆนะคะ พี่ก็เหมือนกัน เขาเพียงแค่เป็นห่วง คุณ..๐ อับ!
ธามนิธิปิดปากของเธออย่างเผด็จการ

ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ ที่จูบเธอเบาๆแล้วก็ปล่อย แต่กลับ เลือกวิธีที่จูบอย่างดุเดือด…

บรรยากาศที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนเพศชายรายล้อมรอบๆ ตัวเธอ จูบนี้ดำเนินต่อไปอีกนาน ปาณีรู้สึกว่าตัวเองจูบจน จะหายใจไม่ออกแล้ว ธามนิธิปล่อยเธอ จ้องหน้าปาณีที่ กำลังสูดลมหายใจ “รู้ตัวว่าทำผิดรีไง?”

“หนูทำผิดตรงไหนคะ?” ปาณีถามด้วยความงง ดังนั้นคุณ

อาจึงลงโทษเธอ?

แต่ว่า เธอทำอะไรผิดล่ะ?

ธามนิธิ “.”

เขาจ้องหน้าปาณี พบว่าเธออายุยังน้อย และยังไร้เดียงสา

มาก สิ่งที่คิดก็ไม่มากนักและเพราะเป็นแบบนี้ เขาจึงไม่อยากทำให้เธอตกใจ

ตอนที่ 72

ธามนิธิจ้องมองเด็กโง่อย่างปาณี พูดด้วยน้ำเสียงอ่อน หวานว่า “ใครบอกว่าเชื่อเขาล่ะ?”

“ก็ที่คุณเรียกเขามา ไม่ได้เป็นเพราะว่าจะให้เขามาเป็น พยานเอาผิดหนูรีไง?”

ถ้าเกิดไม่ได้เป็นเพราะว่าเธอฉีกหน้ากากติรยาได้ทันเวลา ไม่แน่… คุณอาอาจจะเชื่อติรยาแล้วจริงๆได้

ธามนิธิมองดูท่าทางที่ต่อว่าของเธอ อึ้งไปสักพัก จาก นั้นก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนั้นอบอุ่นมาก เหมือน แสงแดดในฤดูหนาวที่สาดส่องเข้าไปในเบื้องลึกของหัวใจ “ฉันโง่ขนาดนั้นเลยรึไง?”

“หรือว่าไม่ใช่ล่ะคะ?” ปาณิมองด้วยความโกรธเคือง

“ก็ไม่ใช่น่ะสิ ถ้าฉันไม่เรียกเขามา แล้วจะให้บทเรียนกับ เขาได้ยังไง? หลังจากนี้ตอนอยู่ข้างนอก เขาก็จะยังหา เรื่องเธอเหมือนเดิม”
“อ๋อ..” หลังจากที่ฟังธามนิธิอธิบาย ปาณีก็เข้าใจสักที “เพราะฉะนั้น ที่คุณเรียกเขามาก็ทำเพื่อหนู?”

ธามนิธิยื่นนิ้วมือออกมาแตะจมูกเธอ “มองเกมไม่ออก แล้วยังจะโมโหอีกนะ!”

ทุกการกระทำของปาณีในวันนี้ก็หนีไม่พันสายตาของเขา

ธามนิธิรู้ดีแก่ใจ เขารู้ว่าปาณีเข้าใจเขาผิด

หลังจากรู้เหตุผลที่เรียกกิยามา ท่าทีของปาณีจึงอ่อนลง “ก็หนูกลัวไม่ใช่หรอ?”

“กลัวติรยา?”

“กลัวคุณอาที่ดีกับหนูขนาดนี้ เพราะเขาแล้วจะไม่ยอม เชื่อหนูอีก” ปาณีสูดหายใจเข้าลึกๆ ในน้ำเสียงมีความหดหู เล็กน้อย หนูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป เหมือนกับรู้สึกว่า คุณอาเป็นของหนู เชื่อหนูได้เพียงคนเดียว ถ้าหากคุณเชื่อ คนอื่น หนูจะ…เสียใจมาก”

ที่เธอร้องไห้ในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพราะว่าดิรยาใส่ร้ายเธอ แต่เป็นเพราะว่าธามนิธิต่างหาก

จู่ๆเธอก็คิดว่า ถ้าหากธามนิธิก็เหมือนเวทัส ไม่เชื่อในสิ่ง ที่เธอพูด ถ้าอย่างนั้น เธอจะทำยังไงดี?

ท่าทางอย่างนี้ของปาณี ทำให้ธามนิธิรู้สึกใจอ่อน เขา ยื่นมือออกไป ลูบหัวของเธอเบาๆ “เงยหน้าขึ้น ให้ฉันจับ หน่อย”

“หะ?” นี่มันเปลี่ยนเรื่องเร็วไปนะ ปาณียังไม่ทันตั้งตัว ขณะที่เงยหน้าขึ้น ธามนิธิก็หอมแก้มเธอแล้ว

เขามองหน้าเธอ พูดว่า “อย่าคิดเรื่องไร้สาระพวกนั้น ฉัน ยังไม่ถึงขั้นที่จะไม่เชื่อภรรยาของตัวเองเพียงเพราะคำพูด ของคนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย”

ปาณีเป็นคนที่เขาเลือก ดังนั้น เขาจะรับผิดชอบในการ ตัดสินใจของตัวเอง และจะเชื่อเธอด้วย

ความเอาอกเอาใจของเขา ทำให้ใจของปาณีรู้สึกอบอุ่น ขึ้นมา เธอมองหน้าธามนิธิ พร้อมกับพูดว่า “คุณอา ทำไม คุณถึงดีกับหนูขนาดนี้คะ?”
“อาจเป็นเพราะว่าเธอโง่มั้ง!”

จันวิภาออกมา เห็นว่าทั้งสองคนกำลังจู่จี้กันอยู่ จึงรีบถอย

กลับเข้าไป

นานๆจะเห็นน้องชายตัวเองเอาใจคนอื่นอย่างนี้ เธอต้อง พยายามเข้า แบบนี้พ่อแม่จะได้อุ้มหลานไวๆ

ในตอนกลางคืน ธามนิธินั่งอยู่บนรถเข็น บนตักมีผ้าห่ม คลุมอยู่ ปาณีเป็นคนนำผ้ามาคลุมให้เขาเอง

แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่ในห้องแอร์ เธอกลัวว่าขาของเขาจะ

เย็น

ปาณีอยู่ในครัว จันวิภาส่งยาให้กับเธอ “เอานี่ไป แล้วให้

ธามนิธิดื่มซะ”

“พี่แน่ใจนะคะ?” กลิ่นของยาจีน แค่ปาณีดมก็รู้สึกไม่ไหวแล้ว

“ขมเป็นยาไง! เขาเป็นลูกผู้ชายจะกลัวขมได้ยังไงกัน? นี่ เป็นยาที่ฉันได้รับจากแพทย์แผนจีนที่ฝีมือการแพทย์ดี เลิศเลยนะ ได้ยินมาว่าผลลัพธ์ดีมาก..”จันวิภาพูดด้วย ท่าทางจริงจังมาก “รีบไปสิ จำไว้ว่าต้องเกลี้ยกล่อมเขาให้ ดื่มทั้งหมดนะ”

“หนู….ลองดูละกัน!” สิ่งที่ตอบตกลงแล้ว ก็จะมาเสียใจ ภายหลังไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นผลดีต่อคุณอา!

พอคิดเช่นนี้ ปาณีก็ยกถาดที่มียาขึ้นไปบนห้อง

ตอนที่ 71

ไม่เช่นนั้น เพียงแค่เธอคิดก็รู้สึกอึดอัดแล้ว

จันวิภาได้ยินคำตอบของปาณี ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ดู เหมือนว่าร่างกายของเขายังไม่ดีขึ้นสินะ ไม่ได้การละ ฉัน ต้องไปต้มยาให้เขา…..”

ถ้าเกิดว่าธามนิธิยังเป็นแบบนี้ต่อไป มีลูกไม่ได้ พ่อแม่คง

กังวลแทบแย่

ตั้งแต่เขาเกิดเรื่อง จันวิภาพี่สาวคนนี้ ก็ไม่มีเวลาไหนเลย

ที่ไม่เป็นห่วงเขา

ปาณีมองไปยังจันวิภา ไม่รู้จะพูดต่ออย่างไร

จ่าจันวิภาก็จ้องมองปาณีอย่างจริงจัง “ปาณี เรื่องอาของ เธอ เธอรู้เรื่องทั้งหมดแล้วใช่ไหม?”

เพราะได้ฟังคลิปเสียงเมื่อครู่ พบว่าปาณีรู้เรื่องทั้งหมด แล้ว เธอจึงตัดสินใจคุยกับปาณีสักหน่อย
“ค่ะ” ปาณีรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องที่ธามนิธิได้รับบาดเจ็บ

จันวิภาพูดว่า “ก่อนหน้านี้ธามนิธิได้รับบาดเจ็บตอนเข้า กรม ดังนั้น… เรื่องมีลูกอาจจะยากนิดหน่อย”

“หนูทราบค่ะ”

จันวิภาจ้องหน้าปาณี ลองใจเธอว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอคงไม่ รังเกียจเขาเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?”

” คำพูดของจันวิภา ทำให้ปาณีอึ้งไปชั่วขณะ “จะเป็น ไปได้ยังไงคะ? คุณดีกับหนูขนาดนี้ เขาก็ไม่ได้อยากให้มัน เป็นแบบนี้สักหน่อย”

ได้ยินปาณีพูดเช่นนี้จันวิภาก็เบาใจ ก้อนหินอันหนักหน่วง ในใจวางลงได้สักที “เธอพูดแบบนี้ พี่ก็วางใจแล้ว”

กลัวมากที่ปาณีจะกลายเป็นนลินคนที่สอง หนีไปเพราะ เรื่องนี้อีก

จันวิภาพูดว่า “อ้อ ใช่แล้ว พี่มีเรื่องอยากให้เธอช่วย

หน่อย”
“ช่วย?” ปาณีไม่เข้าใจความหมายที่เธอพูด

ตัวเองอยู่ในบ้านวิสิทธิ์เวชนี้ ไม่เคยช่วยอะไรได้เลย

“ธามนิธิไม่ค่อยฟังพี่เท่าไหร่ แต่พี่พบว่าเวลาเธอพูดอะไร เขามักจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ดังนั้น เดี๋ยวพอพี่ต้มยา เสร็จแล้ว เธอช่วยเอายานี้ไปให้เขาหน่อย แล้วก็อย่าลืม เกลี้ยกล่อมเขาดื่มยานี้ด้วยล่ะ”

เกลี้ยกล่อมคุณอาดื่มยา?

ภารกิจนี้เหมือนจะค่อนข้างยากนะ

จันวิภาพดว่า “เธอให้เขาร่วมมือในการรักษาตัวให้หาย ก็ มีผลดีกับเธอด้วยเหมือนกัน เธอว่าใช่ไหม?”

ผลดี?

ปาณีรู้สึกว่าขึ้นรถผิดคันโดยไม่ได้ตั้งใจ
คำถามติดเรทขนาดนี้ ทำให้ปาณีเคอะเขินเป็นอย่าง

มาก

เธอออกมาหลังจากที่พูดคุยกับจันวิภาเสร็จแล้ว แก้ม แดงๆของเธอ ไม่ได้หนักใจเหมือนก่อนหน้านี้ เธอนั่งลง ข้างๆธามนิธิ

ธามนิธิมองไปยังเธอ “พี่เรียกเธอไปทำอะไร?”

ไม่ ไม่มีอะไรค่ะ” ปาณีไม่กล้าพอที่จะคุยหัวข้อนี้กับธา มนิธิต่อ

ไม่ได้พูดอะไรที่ไร้สาระกับเธอใช่ไหม?” ปฏิกิริยาของ ปาณีทำให้ธามนิธิเต็มไปด้วยความสงสัย

ปาณี “.”

มักรู้สึกว่าสัญชาตญาณของคุณอา แม่นกว่าสัมผัสที่ 6 ของผู้หญิงอีก

ในเวลานี้ พ่อแม่ของธามนิธิไม่อยู่ในห้องรับแขกแล้ว เหลือเพียงเธอกับธามนิธิเท่านั้น ธามนิธิมองไปยังปาณีที่

ไม่ได้ตอบอะไร พูดว่า “มานี่”
ปาณีเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง พบว่าสีหน้าของเขา

จริงจังมาก

แม้ในใจของเธอจะไม่พอใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ขยับเข้าใกล้ เธอถูกธามนิธิดึงเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขน น้ำเสียงที่ทุ่ม ต่ำของเขาดังอยู่ข้างหูเธอ “โกรธฉันหรอ?”

ไม่มีคะ…” ปาณีเศร้าเล็กน้อย ไม่พูดไม่ได้เลยว่าขณะ ที่เธอเจอติรยา เป็นเรื่องจริงที่ว่าเธอถือสาเรื่องนี้มาก

ธามนิธิใช้ดวงตาดำสนิทของเขาจ้องหน้าเธอ “พูดความ

จริง”

“ปาณีแอบมองธามนิธิแวบหนึ่ง มองไปจากมุมจาก เขาหล่อมากจนแทบร้องขอชีวิต

เธอพยักหน้าเล็กน้อย พูดเสียงเบาว่า “ทำไมพวกคุณถึง

เชื่อคำพูดของติรยา แต่ไม่เชื่อหนู?”

ตอนที่ 70

ไม่ต้องขอบคุณพี่หรอก” จันวิภากล่าว “จะขอบคุณ ก็ ขอบคุณเขาสิ!

เธอมองธามนิธิแวบหนึ่ง เพราะว่าเขาเชื่อใจปาณี ดังนั้น พวกเขาจึงเชื่อใจตามไปด้วย

สายตาของปาณีตกอยู่บนตัวของธามนิธิ แต่ไม่ได้ ขอบคุณเขาแต่อย่างใด

เขาเรียกติรยามา แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เชื่อใจเธอ ถ้าหาก พี่สาวไม่ได้ยืนอยู่ข้างเธอ ถ้าหากว่าเธอไม่ได้อัดเสียงไว้ ไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองจะเป็นอย่างไรบ้าง!

คิดถึงจุดนี้ ปาณีก็โกรธ ดังนั้น เขาจึงไม่สนใจคุณอาแล้ว

เดินออกไปเลย..

ธามนิธิ “.

ปาณีเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำ มองไปยังตัวเองในกระจก มีแรงกระตุ้นที่อยากร้องไห้สักยกใหญ่ แม้ว่าจะ เป็นกระต่ายตื่นตูมไปเองก็ตาม แต่ว่า แผนการของติรยา นั้นเกิดขึ้นบ่อยมากจนยากที่จะป้องกัน บวกกับการหนุน หลังของเวทัส ปาณีรู้สึกเสียใจมากจริงๆ

โดยเฉพาะสองคนนั้น เคยเป็นคนที่สำคัญมากในใจเธอ การหักหลังซ้ำๆนี้ สำหรับเธอแล้ว คือการโจมตีอย่างหนัก

“ปาณี มานี่หน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”

ปาณีเพิ่งออกจากห้องน้ำ ก็ถูกจันวิภาเรียกตัวไป

ปาณีนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็เดินตามจันวิภาเข้าไปในห้อง

อาหาร

จันวิภานั่งลงบนโต๊ะอาหาร ปาณีเดินมาพร้อมกับถามว่า

“พี่หาหนูมีธุระอะไรหรอคะ?”
แม้ตอนอยู่ในบ้านจันวิภาจะเป็นคนอ่อนโยนมาก แต่ก็เต็ม ไปด้วยพลังของหญิงแกร่งที่สั่งสมมาจากการทำงานมา หลายปี

ชวนเธอคุยเป็นการส่วนตัว ปาณียังมีความตื่นเต้นเล็กน้อย

คงไม่ใช่เรื่องเมื่อครู่ยังไม่จบใช่ไหม?

จันวิภาหัวเราะที่เห็นปาณีตื่นเต้นขนาดนี้ “นั่งสิ ไม่ต้อง ตื่นเต้นขนาดนั้น ที่เรียกเธอมาไม่ได้จะดูด่าอะไร”

ต้องรู้ว่าปกติอยู่บ้านเธอจะคงภาพพจน์ที่อ่อนโยนมาก แต่วันนี้กลับเป็นคนเข้มขรึมต่อหน้าติรยาขึ้นมา

น่าเกลียดชังจริงๆ เป็นเพราะธามนิธิคนเดียว ถึงขั้นเอา เรื่องแบบนี้ให้เธอจัดการ ทำลายภาพพจน์อ่อนโยนของ

เธอหมด

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ” ปาณีรู้สึกโล่งใจ เธอนั่งลง

จันวิภาให้แม่บ้านนำของว่างมาให้เธอ “ทานสิ ซื้อมาให้

เธอโดยเฉพาะ”
“แบบนี้ไม่เกรงใจแย่หรอคะ?” ปาณีเซ็ง แม้เธอจะเป็นนัก กิน แต่เธอก็ไม่ได้เป็นหมูนะ!

เธอรู้สึกว่า ทันทีที่กลับถึงบ้านวิสิทธิ์เวช พวกเขาก็เลี้ยงดู เธออย่างกับเธอเป็นหมูน้อยตัวหนึ่ง

จันวิภายิ้ม “จะเกรงใจทำไม”

เธอหยิบขนมขึ้นมาทานเองหนึ่งชิ้น “อร่อยจริงๆนะ ลอง

ชิมดู”

” ปาณีจึงต้องหยิบขนมขึ้นมาชิมดู

สำหรับปาณีแล้ว ข้อดีของบ้านวิสิทธิ์เวชก็คือ มีของที่ ทานยังไงก็ไม่หมด

จันวิภาเห็นปาณีที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย จึงฉวยโอกาส ถามว่า “ปาณี เธอกับธามนิธิ มีอะไรอย่างนั้นกันไหม?”

“อย่างนั้น?” ปาณีมองจันวิภาอย่างไม่เข้าใจ “คืออะไร

คะ?”
จันวิภาเห็นว่าเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่ตัวเองใบ้ จึงรีบร้อนพูด ว่า “ก็คือ.. ความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาที่มีลูกได้ไง”

ปาณีที่กำลังทานขนมอยู่ พอได้ยินประโยคนี้ถึงกับ สำลักออกมา “แค่กๆ….

แม่เจ้า ทำไมจู่ๆถึงถามคำถามนี้เนี่ย?

ฉันยังเป็นเด็กอยู่เลยนะ!

จันวิภาลูบหลังเธอเบาๆ “จะตกใจทำไม มีก็มี ไม่มีก็ไม่มีสิ เธอบอกกความจริงกับฉัน”

สำหรับร่างกายของธามนิธินั้น จันวิภาเป็นกังวลอย่างมาก ในเมื่อคุยกับธามนิธิไม่รู้เรื่อง ก็ลงมือกับปาณีซะเลย

เห็นท่าทางของเธอจริงจังขนาดนั้น ปาณีก็ทำได้แค่เติม

เต็มความอยากรู้อยากเห็นของเธอ “ไม่มีค่ะ”

แม้ปาณีจะรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นผลดีต่อคุณอา แต่ว่า การที่ คุณอาไม่แตะต้องเธอ เธอกลับรู้สึกสบายใจมากกว่า

ตอนที่ 69

ติรยาพูดอย่างน้อยใจว่า “คุณน้า หนูเปล่านะคะ..

“เธอเปล่าหรอ?” จันวิภาหัวร้องเสียงแข็ง “เมื่อกี้เธอยัง พูดอยู่หยกๆว่าปาณีอ่อยเวทัสไม่ใช่หรอ?”

“นั่นเป็นเพราะว่า จริงๆแล้วปาณี..

“จริงๆแล้วอะไร?”จันวิภาจองติรยาอย่างเข้มงวด ทำให้ติ รยาพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว

อย่าพูดถึงเรื่องพวกนี้ที่เธอแถขึ้นมาเอง ถึงแม้ทั้งหมด จะเป็นเรื่องจริง เพื่อรักษาหน้าของบ้านวิสิทธิ์เวชแล้ว ไม่มี ใครที่จะยอมรับเรื่องนี้

พวกเขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดที่จะปกป้องปาณีไว้

ติรยาพบว่าคุยกับจันวิภาไม่รู้เรื่อง จึงมองไปทางธามนิธิ

“คุณอาธามนิธิ….”
ธามนิธิเรียกเธอมา แสดงว่าคงเชื่อคำพูดของเธอแล้ว ดัง นั้น เธอหวังว่าในตอนนี้ธามนิธิจะช่วยเธอพูดบ้าง

แต่ว่า หลังจากที่มองไปทางธามนิธิแล้ว ดิรยากลับพบว่า บนตัวเขามีความเย็นชาที่มากกว่าอีก

ธามนิธิมองไปทางติรยา แววตาที่เย็นชาคู่นั้น เหมือน

กำลังดูตัวตลกอยู่

วินาทีนี้ติรยาถึงเข้าใจว่า การที่เขาเชิญเธอมาในวันนี้ นั่น เป็นเพราะว่าจะคิดบัญชีกับเธอต่างหาก?

เธอก้มหน้าลงอย่างยอมจำนน “หนูเข้าใจผิดไปเองค่ะ!”

ถ้าหากถึงเวลานี้แล้วยังไม่รู้จักก้มหัวอีก ก็แสดงว่าเธอโง่ เกินไปแล้ว

เสียดายที่แขไม่ได้โง่ขนาดนั้น

เมื่อเห็นแบบนี้ จันวิภาก็โล่งอกไปหน่อย เธอพูดอย่าง เย็นชากับติรยาว่า “วันนี้เธอกลับไปก่อนเถอะ! เราอยู่พร้อม หน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว คงไม่ชวนเธออยู่ทานข้าวด้วย”

ความหมายในคำนี้ชัดเจนมาก จันวิภาไม่ได้มองเธอเป็น คนในครอบครัว

ติรยายังอยากพูดอะไรต่อ แต่เวทัสยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ฉัน ส่งเธอกลับไป”

ใครให้ติรยาเป็นแฟนเขาล่ะ?

ถึงเวลานี้ เขายังไม่ลืมที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้ติรยาอีก

มองดูสองคนนี้ ปาณียิ้มมุมปากอย่างเหน็บแนม ช่าง

เหมาะสมกันจริงๆนะคู่นี้!

ติรยาเห็นเช่นนี้ ก็รีบเดินตามฝีเท้าของเวทัส ออกจากบ้าน

ไป

แดดแรงมาก ข้างนอกก็ร้อนมาก ติรยาที่เดินตามหลัง เวทัส ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกน้อยใจ ยังขาดแค่ไม่ได้ปิดหน้าปิดตา ร้องไห้เท่านั้น
เวทัสหยุดอยู่ข้างรถ มองไปยังติรยา พูดว่า “รูปพวกนั้น เธอเป็นคนถ่ายแล้วส่งให้น้าหรอ?”

ติรยาไม่คิดว่าถึงเวลานี้แล้วเขายังจะสืบสวนเรื่องนี้อีก เธอมองไปยังแววตาเย็นชาคู่นั้น กลัวว่าเขาจะกล่าวโทษ เธอ จึงทำได้เพียงข้ออ้างแก้ตัวว่า “ฉัน.. ฉันทำไป ก็เพื่อนายนะตั้งแต่ปาณีเข้ามาอยู่ในบ้านนาย ฉันรู้สึกได้ เลยว่านายไม่มีความสุขเลยสักวัน ต้องให้นายเรียกเธอว่า น้าสะใภ้อีก นายก็เรียกไม่ออกมาใช่ไหมล่ะ! ฉันทำแบบนี้ ก็แค่อยากไล่เธอออกจากบ้านแทนนายเท่านั้นเอง!”

เวทัสมองหน้าติรยา แต่เดิมยังรู้สึกโกรธเคืองที่เธอคิด อยากทำร้ายปาณี แต่… หลังจากที่ได้ยินเธออธิบายแล้ว กลับใจอ่อนอีกครั้ง

“ขึ้นรถ ฉันส่งเธอกลับบ้านเอง”

เห็นว่าเขาเชื่อคำพูดของตัวเอง ติรยาจึงรู้สึกเบาใจ

ขอเพียงแค่เวทัสยังเชื่อใจเธอก็พอแล้ว!
ในห้องรับแขก ปาณีมองไปยังจันวิภา “พี่”

การดำเนินของเรื่องนี้ เกินความคาดหมายของปาณีเล็ก น้อย

ไม่ว่ายังไงเธอก็คิดไม่ถึงเลยว่า สุดท้ายแล้วคนที่ซวย กลับเป็นติรยาเอง

จันวิภารู้ว่าเธอเสียใจ จึงปลอบใจว่า “ปาณี อย่าใส่ใจเลย

นะ กลับไปฉันจะสั่งสอนเวทัสดีๆ นับวันจะยิ่งไปกันใหญ่

ละ”

แม้ว่าจะมีความเห็นต่อปาณีมากแค่ไหน ก็ไม่ควรรวมหัว กับติรยามาใส่ร้ายปาณีแบบนี้

“รูปพวกนั้น..” ปาณีมองไปยังมือถือของจันวิภาแวบ หนึ่ง

จันวิภาหยิบมือถือขึ้นมา ลบรูปพวกนั้นทั้ง ยิ้มพูดกับปาณี ว่า “ตอนนี้ดีขึ้นรึยัง?”
สำหรับการแก้ไขปัญหาที่หยาบแบบนี้ ปาณีไม่รู้ว่าควรจะ พูดอะไรดี “ขอบคุณค่ะพี่”

ตอนที่ 68

หลังจากที่ค่าติรยาเสร็จ ปาณีมองไปยังธามนิธิ แล้วพู คกับธามนิธิว่า “ดิรยาไม่ใช่คนดีแน่นอนค่ะ เธอแสดงละคร เก่งมาก และมีลูกไม้มากมาย คุณอาดีกับหนูมาก ดังนั้น แม้ หนูต้องออกจากบ้านวิสิทธิ์เวช ก็หวังว่าคุณอาจะรู้ธาตุแท้ ของเธอ”

สุดท้ายปาณีมองธามนิธิแวบหนึ่ง นึกถึงการที่เขาเชื่อดิร ยา ทำให้เธอเสียใจมาก

แต่ว่า คิดๆไปแล้ว เธอกับคุณอาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาดีกับเธอมาก แค่ นี้เธอก็พอใจมากแล้ว นี่ก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะตอบแทน เขาได้

น้ำเสียงของปาณี ทำให้บรรยากาศเศร้าเล็กน้อย จันวิภา ที่นั่งอยู่ข้างๆไม่สามารถทนดูอีกต่อไปได้ พูดอย่างปกป้อง เธอว่า “ปาณี พูดโง่ๆอะไรกัน ใครจะให้เธอจากไปล่ะ?”

คำพูดของจันวิภา ทำให้ปาณีที่กำลังเสียใจหลั่งน้ำตาออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “พวกคุณเรียกกิยามาก็เพราะว่า เชื่อในสิ่งที่เธอพูดไม่ใช่หรอคะ?”

ถูกติรยาใส่ร้าย เธอเพียงแค่รู้สึกโกรธเท่านั้น แต่ถูกคนที่ ไว้ใจสงสัยต่างหากที่ทำให้เธอเสียใจ

จันวิภาพูดว่า “ไม่ใช่ เธอเข้าใจผิดแล้ว?”

“เข้าใจผิด?” ปาณีไม่เข้าใจ

จันวิภาก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย เพียงแต่มองไปยังติ รยาที่นั่งอยู่อีกฝั่ง “เธอใช้ได้เลยนะ! แสร้งทำเป็นเด็กดีต่อ หน้าพวกเราทุกคน แต่ลับหลังกลับว่าน้าชายเขาแบบนี้”

ติรยาแก้ตัวว่า “คุณน้า หนูไม่ได้ทำนะคะ. ปาณีต่าง

หาก…”

“หรือคำพูดเหล่านั้นเธอไม่ได้พูด คิดว่าพวกเราฟังเสียง เธอไม่ออกรึไง?” จันวิภาจ้องหน้าติรยา รู้สึกมองบน ไม่ หลงเหลือความรู้สึกดีๆต่อเธอ

ติรยาหมดคำพูด เมื่อกี้เธอให้ร้ายปาณีมาครึ่งค่อนวันแต่ผลปรากฏว่า ปาณีใช้แค่ไฟล์อัดเสียงก็ชนะเธอแล้ว

ทำไมตอนนี้เธอถึงเป็นคนที่ถูกไต่สวนความผิดด้วยล่ะ?

ปาณียืนอยู่ข้างๆ มองดูติรยาอย่างเย็นชา เธอก็อยากรู้ เหมือนกันว่า ผู้หญิงที่เผยธาตุแท้ออกมาแล้วในตอนนี้จะ ยังแถอะไรได้อีก

ติรยาพูดอย่างน้อยใจว่า “ใช่ค่ะ หนูยอมรับ วันนั้นที่อยู่ ต่อหน้าเพื่อนๆ เพื่อที่จะยั่วโมโหปาณี หนูได้พูดในสิ่งที่ไม่ ควรพูด ได้ล่วงละเมิดคุณอาธามนิธิไป แต่ว่า… นั่นก็เป็น เพราะว่าหนูโกรธมาก หนูเห็นปาณีเป็นเพื่อน แต่เธอกลับ มาอ่อยแฟนของหนู….”

ในเวลานี้ ติรยาทำได้แต่จับเรื่องนี้ไว้ไม่ปล่อย

“พอได้แล้ว” จันวิภาขัดเธอ “ยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าท่าไปกัน ใหญ่!”

ปาณีมองจันวิภาแวบหนึ่ง เห็นเพียงจันวิภาที่อ่อนโยนใน เวลาปกตินั้น วินาทีนี้กลับเข้มขรึมมากบ้านนั้นเธอมีบริษัท 10 กว่าแห่ง เวลาด่าคนขึ้นมาถึงมี ประสบการณ์ขนาดนี้

แม้แต่ปาณีเองก็ยังรู้สึกอึ้งที่เห็นภาพเบื้องหน้า นับประสา อะไรกับติรยาที่ไม่ได้ติดต่อพบเจอกับจันวิภามากนัก

ตอนที่ 67

ในทางตรงกันข้าม คลับยอมรับในสิ่งที่ด้วยาพูดตัวย ท่าทางคลุมเครือ

เขาทำแบบนี้ คนอื่นต้องมั่นใจแน่ๆว่าเธอเคยพูด!

ปาณีมองไปยังทั้งสองคนที่รวมหัวกันใส่ร้ายเธอ อดไม่ ได้ที่จะหัวเราะออกมา “รวมหัวกันใส่ร้ายฉันแบบนี้ พวกเธอ แน่จริงๆนะ

ครั้งหนึ่ง เวทัสเคยเป็นแฟนของเธอ ติรยาก็เคยเป็นเพื่อน รักของเธอ เวลาเลิกเรียน พวกเขามักใช้เวลาส่วนใหญ่ใน การเล่นด้วยกัน ทบทวนบทเรียนด้วยกัน

ช่วงเวลานั้น สวยและงดงามมาก

แต่ในตอนนี้…

ความรู้สึกโดยเอาเปรียบอย่างใหญ่หลวงเต็มล้นหัวใจเธอ เธอคิดว่า ตอนอยู่หน้าบ้านของติรยา เธอเคยมีประสบการณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่คิดเลยว่ามีเรื่องที่มากกว่า

นั้นอีก

สองคนนี้หน้าไม่อายจริงๆ!

แต่ธามนิธิดันเรียกติรยามาเอง เรื่องนี้ คุณอาก็คงรู้แต่แรก

แล้วสินะ?

ปาณีมองไปยังธามนิธิแวบหนึ่ง จู่ๆดวงตาของเธอก็เริ่ม

แดง

ไม่คิดเลยว่า แม้แต่คุณอาก็สงสัยเธอ

นัยน์ตาที่เจ็บปวดของเธอ ทำให้ธามนิธิอึ้งไปสักพัก

ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้คิดไปไกลถึงไหนแล้ว

กำลังจะพูดอะไร แต่ปาณีก็หันหน้าหนีซะก่อน

ติรยามองไปยังปาณีที่โมโหจนแทบจะร้องไห้ ไม่มีความ รู้สึกผิดใดๆ ยังพูดอีกว่า “ปาณี เธอพูดว่าฉันใส่ร้ายเธอก็ ช่างเถอะ แต่เวทัสเขาจะใส่ร้ายเธอได้ยังไงเพราะยังไงแล้ว เธอก็เป็นน้าสะใภ้ของเขา เธอเคยพูด อย่างนั้นเองแท้ๆ.. เธอไม่ชอบคุณอาธามนิธิ ที่เธอคบ กับเขาก็เพื่อเงิน เธอยังพูดอีกว่า ขอเพียงเวทัสยอมคบกับ เธอ เธอจะไปจากคุณอาธามนิธิทันที. คุณอาธามนิธิดี กับเธอขนาดนี้ เธอไม่รักษาไว้ไม่ว่า แต่เมื่อก่อนเราเคยเป็น เพื่อนกันนะ! เธอมาเป็นมือที่สามได้ยังไงกัน?”

นี่เป็นโอกาสที่จะไล่ปาณีออกจากบ้านวิสิทธิ์เวช ติรยาใส่ นมใส่ไข่อย่างเต็มที่ เวลาที่พูด เธอยังจะเช็ดน้ำตาไม่หยุด เหมือนกับว่าเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกทำร้าย

ปาณีได้ยินคำพูดไร้สาระของติรยา ก็หัวเราะออกมา “ใช่ พวกเธอพูดถูก เธอสองคนรวมหัวกันใส่ร้ายฉัน ฉันไม่มี ปัญญาหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองใดๆ? ก็ได้แค่เกลียดตัวเองที่ คบเพื่อนผิดคนเท่านั้น”

มองดูปาณีที่ถึงแม้จะมีร้อยปากก็ไม่สามารถแก้ตัวได้ ติร ยามีความสะใจมาก จริงๆแล้วเธอก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่า เวทัสจะช่วยเธอพูด

นี่มันเสียงของติรยาชัดๆ หลังฟังการสนทนานี้ ติรยาก็อึ้ง ไปสักพัก… ไม่คิดเลยว่าในงานเลี้ยงวันนั้น ปาณีได้อัด เสียงของเธอไว้!
สีหน้าของเธอเริ่มซีดเผือด จ้องหน้าปาณี พูดอย่างโมโห ว่า “ปาณี เธอใส่ร้ายฉัน!”

“นี่เป็นการใส่ร้ายหรอ?” ปาณีพูดอย่างใจเย็น “ถ้าเทียบ กับรูปถ่ายที่บิดเบือนข้อมูลแล้วดึงเพียงบางส่วนมาขยาย ความของเธอแล้ว นี่เป็นหลักฐานของแท้และสมน้ำสมเนื้อ กว่านะ ถ้าหากเธอรู้สึกว่ามันยังไม่พอ ฉันคิดว่าน่าจะเชิญ เพื่อนคนอื่นๆมาเป็นพยานได้ ติรยา ถ้าหากไม่มีอันนี้ ใคร จะไปคิดว่าท่าทางเป็นคนดีของเธอที่นี่ ปากก็เรียกว่าคุณ อาธามนิธิ แต่ลับหลังทำตัวอีกแบบหนึ่ง”

ตั้งแต่ติรยา @ ตัวเองในกลุ่ม ปาณีก็รู้สึกได้ว่าแขจะทำ อะไรบางอย่าง ดังนั้น ในวันนั้นเธอจึงระมัดระวังตัวอยู่ ตลอดเวลา

ถือโอกาสที่กำลังเล่นมือถืออยู่ อัดเสียงของดิรยาไว้

ถ้าหากติรยาไม่ใส่ร้ายเธอในวันนี้ ปาณีก็ไม่เคยคิดจะเปิด มันออกมา แต่ในเมื่อติรยาทำเกินไปขนาดนี้ ถึงแม้ว่าตัว เองไม่สามารถอยู่ในบ้านวิสิทธิ์เวชต่อได้ ก็จะไม่ยอมให้ติร ยาแสร้งทำเป็นคนดีอีกต่อไปเหมือนกัน
สถานะของธามนิธิในบ้านหลังนี้ละไว้ในฐานที่เข้าใจได้

และบทสนทนาของติรยานี้ ทุกคำพูดล้วนดูถูกและเหยียบ หยามคุณอา เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่า ต่อจากนี้ทุกคนจะ เชื่อติรยาอีกไหม?

ตอนที่ 66

แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หลีกเลี่ยงการมีความสัมพันธ์ที่ไม่ ชัดเจนกับเขาได้ ถึงเวลานั้นข่าวแพร่ออกไป ไม่เพียงแต่ ทำให้เธอขายหน้าเท่านั้น ศักดิ์ศรีของธามนิธิก็จะไม่มีด้วย เช่นกัน

ปาณีกับธามนิธิเพิ่งจะนั่งลงในห้องรับแขก ติรยาก็มาถึง แม่บ้านเป็นคนพาเธอเข้ามา

ติรยาเป็นแฟนของเวทัส ปาณีจึงไม่รู้สึกแปลกที่เธอ ปรากฏตัวที่นี่

แต่ว่า เวทัสกลับทำหน้าอึ้ง : พักนี้เขาไม่ได้นัดติรยาเลยนี่!

แม่บ้านเดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “คุณหนูติรยามาแล้วค่ะ”

ทุกคนในห้องรับแขกก็มองติรยาอย่างพร้อมเพรียงกัน ติร ยาเดินเข้าไปทักทายอย่างมีมารยาท “คุณตา คุณยาย คุณ อาธามนิธิ..”
เธอมองไปทางธามนิธิด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกเป็นเกียรติ อย่างมากที่ธามนิธิเชิญเธอมา เพราะฉะนั้น รอบยิ้มบน ใบหน้าจึงสดใสขนาดนี้

ปาณีไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่แอบประเมินติรยา รู้สึกว่าวัน นี้ดิรยาไม่เหมือนเดิม เธอไปเจอเรื่องดีๆอะไรมาอย่างนั้น หรอ?

“นั่งสิ!” คนที่พูดคือฐิติพรที่ใจกว้างและวางตัวดีมาก

ฐิติพรมองไปยังติรยา ไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่าดิรยาเป็นคน มีมารยาท ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาหรือวางตัวก็เหมาะสม

แต่ติรยาคนนี้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ชอบเธอคนนี้ไม่ได้เลย

ติรยานั่งลงที่ว่างข้างๆเวทัส วันนี้เธอมีความมั่นใจมาก หลังจากนั่งลงก็หันไปยิ้มให้กับเวทัส

เวทัสไม่คิดเลยว่าจู่ๆติรยาก็วิ่งมาที่บ้าน ไม่คาดคิดเลย

จริงๆ
และยิ่งไปกว่านั้นคือ ธามนิธิเป็นคนเชิญมา ในใจมีลาง สังหรณ์ที่ไม่ดีมากนัก

หลังจากที่ติรยานั่งลง จันวิภาก็เดินออกมาจากห้อง

อาหาร

พอเห็นติรยา จันวิภาก็พูดว่า “มาแล้วหรอ!”

“คุณน้า” ติรยายังคงยิ้มต่อไป

ท่าทางที่แสร้งทำเป็นชื่อของเธอ ทำให้ปาณีรู้สึก รังเกียจ… อยากจะฉีกหน้ากากเธอออกจริงๆ

จันวิภาเดินมา แต่เดิมเธอนั่งข้างเวทัส ตอนนี้ที่นั่งตรงนั้น

โดนแย่งไปแล้ว จึงไปนั่งข้างๆปาณีแทน

ติรยารู้สึกว่าสายตาของทุกคนในบ้านตกอยู่บนตัวเธอ เธอยิ้มและนั่งตัวตรง

จันวิภาถามว่า “รู้ไหมว่าทำไมวันนี้ถึงเรียกเธอมา?”

“ไม่….ไม่ทราบค่ะ” แม้จะรู้ แต่ติรยาก็แสร้งทำท่าทางใสชื่อบริสุทธิ์

จันวิภายิ้มพร้อมกับหยิบมือถือออกมา เปิดอัลบั้มรูป วาง ไว้บนโต๊ะ “อันนี้เธอคงรู้ใช่ไหม?”

เพราะว่าสีหน้าของจันวิภาจริงจังมาก ปาณีจึงอดไม่ได้ที่ จะมองไปยังรูปนั้น ไม่มองยังดี พอเห็นภาพนั้นเธอถึงขั้น ตกใจ…

นี่มันวันที่ไปทานข้าวไม่ใช่หรอ?

ในรูปถ่าย เธอกับเวทัสยืนคุยกันอยู่ที่ระเบียงหน้าห้องน้ำ แต่ว่า ทำไมรูปนี้ถึงอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?

ใจปาณีเต้นตุบๆตับๆไม่หยุด และมองไปยังคนในบ้าน ไม่รู้ว่าสีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าเครียดตึงตั้งแต่ ตอนไหน

ปฏิกิริยาแรกของเธอ บ่งบอกว่าเป็นฝีมือของกริยา…

พวกเขาอุตส่าห์เรียกติรยามา ก็เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้อง

กับติรยาสินะ?
ดังนั้น รูปนี้กิยาเป็นคนถ่าย?

ผู้หญิงสารเลว..

หลังจากเวทัสเห็นรูปนี้ เขาก็นั่งขมวดคิ้วอยู่ตรงนั้น จิตใต้สำนึกทำให้เขามองไปยังปาณีแวบหนึ่ง

ติรยามองรูปถ่าย แสดงท่าทางตกใจ ไม่คิดเลยว่าธามนิธิ

ไม่เพียงแต่ดูรูปนี้คนเดียว?

เวทัสมองไปยังปาณีแวบหนึ่ง สิ่งที่ติรยาทำ เป็นสิ่งที่เขา

ไม่คาดคิดมาก่อน

แต่ว่า ในจุดยืนของเขา เขาไม่เคยที่จะอยากให้ปาณีมา เป็นน้าสะใภ้ของเขาอยู่แล้ว จึงพูดว่า “ผมไม่รู้เรื่อง”

เขาไม่ได้อธิบายแทนปาณีเลย

ตอนที่ 65

เธอพูดด้วยความจริงใจ ไม่เหมือนคนที่ทำผิดแล้วกินปูน

ร้อนท้อง

ในตอนนี้ปาณีก็ได้คิดไตร่ตรองดีแล้ว เธอกับเวทัสไม่ได้มี ความสัมพันธ์ใดๆอยู่แล้ว

ที่เธอไม่พูดเพราะกลัวว่าคนในบ้านวิสิทธิ์เวชจะเข้าใจผิด แต่คุณอาเป็นคนที่ควรค่าแก่การเชื่อใจ ถึงแม้จะบอกเขาก็ ไม่เป็นไร

ไวยาตย์จ้องมองปาณี แต่เดิมคิดว่าเธอจะโกหกต่อไป เรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่าเธอจะพูดออกมาง่ายๆแบบนี้

ธามนิธิมองเธออย่างอ่อนโยน ไม่หรอก”

ปาณียืนขึ้น “ถ้างั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะคะ เหนื่อยมาก เลย! อยากนอนไวๆ!”

ประจำเดือนของเธอยังไม่หมด ออกไปตั้งแต่บ่ายแล้วเหนื่อยจริงๆเลย!

ขณะที่เธออาบน้ำอยู่ ไวยาตย์มองไปยังธามนิธิที่นั่งอยู่ใน ห้องรับแขก “คุณธามนิธิครับ เรื่องนี้ คุณจะปล่อยผ่านไป แบบนี้หรอครับ?”

ไม่ถามปาณีเลยแม้แต่น้อย แค่ปาณีอ้อนหน่อย เขาก็เชื่อ

แล้ว

ธามนิธิมองไปยังรูปถ่ายในมือถือ “จะปล่อยผ่านไปแบบนี้

ได้ยังไง?”

นี่ เป็นครั้งที่สองแล้ว!

ติรยาส่งข้อความมาครั้งแล้วครั้งเล่า อยากทำลายความ สัมพันธ์ระหว่างเขากับปาณีอย่างนี้ เรื่องแบบนี้จะปล่อย ผ่านไปได้ยังไง?

แม้ปาณีจะไม่พูด แต่ธามนิธิก็พอจะจินตนาการได้คร่าวๆ ว่าติรยาแสดงบทบาทอะไรในชีวิตของเธอ
ไวยาตย์มองหน้าธามนิธิ ถามว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณจะ จัดการกับปาณีอย่างไรครับ?”

“จัดการ?” ธามนิธิมองหน้าไวยาตย์ “ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าจะ

จัดการเธอ?”

“แต่ว่า….”วันนี้เขายังโกรธมากหลังจากได้รับรูปถ่าย

แท้ๆ

ไวยาตย์หมดคำพูด พบว่าตัวเองไม่เข้าใจธามนิธิเลย!

ติรยาอาบน้ำไปก็คิดถึงจุดจบอันน่าเศร้าของปาณีหลัง กลับบ้านไปด้วย เธอดีใจจนฮัมเพลงออกมา

หลังอาบน้ำออกมา ก็ได้รับสายจากบ้านวิสิทธิ์เวช “คุณติร ยาใช่ไหมคะ?”

“ใช่ค่ะ”

“สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่บ้านของบ้านวิสิทธิ์เวช ไม่ทราบว่าวันเสาร์นี้คุณว่างไหมคะ

ร่างค่ะ”

วันนี้เป็นวันเสาร์ เกือบทุกคนใในบ้านิสิทธิ์เบชก็อยู่ในบ้าน จันวิภากีพาเวทัสมาที่บ้าน ปาณีก็กลับมาที่บ้านกับชามนิธิ เช่นกัน

ถึงหน้าประตู ปาณีเพิ่งคิดได้ว่าครั้งที่แล้วฐู้ติพรพูดถึง เรื่องที่อยากนัดเจอพ่อแม่ของเธอ มีความกังรลแล็กหน้อย จึงถามธามนิธิว่า “คุณอา หนูยังไม่ได้คุยกับฟอแม่แลย Sง เดี๋ยวพวกเขาจะไม่ถามหนูใช่ไหมคะ”

หลายวันที่ผ่านมา ปาณีคิดถึงเรื่องนี้ตลอดแวลา เพียงแต่ ว่า…. เธอยังเตรียมใจไม่พร้อม

ถ้าหากอีกเดี๋ยวฐิติพรถามขึ้นมาก็จะคิดว่าแระไม่ได้ใส่ใจ

อีก!

ธามนิธิมองท่าทีที่เป็นกังวลของเธอ พูดว่า “ไม่เป็นไร หรอก แต่ว่า… เธอตั้งใจจะบอกพ่อแม่ของเธอเมื่อไหร่?”

“หนู.” พอพูดถึงเรื่องนี้ ปาณีก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย เธอไม่มีความคิดเลยแม้แต่น้อย “หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”

“งั้นก็อาทิตย์หน้าละกัน สุดสัปดาห์ทุกคนคงมีเวลาว่างๆ เธอก็โทรถามพ่อแม่ดู” ให้เธอลังเลไปมาแบบนี้ไม่รู้จะ ตัดสินใจได้เมื่อไหร่ ธามนิธิเลยตัดสินใจแทนเธอซะเลย

ปาณีมองหน้าเขา อยากจะพูดอะไรต่อ แต่กลับพบว่าเถียง ไปก็ไม่ได้อะไร เพราะไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องพบคนใน ครอบครัวอยู่ดี เธอจึงพยักหน้า ได้ค่ะ!”

เข้าไปในห้องรับแขก พบว่าอยู่กันครบทุกคน

เห็นว่าปาณีกับธามนิธิกลับมา ฐิติพรยิ้มต้อนรับด้วยความ อบอุ่น “ปาณี พวกเธอกลับมาแล้ว!”

“พ่อ แม่….หลังจากปาณีทักทายพ่อแม่ของธามนิธิ สายตาก็เหลือบไปเห็นเวทัส

เห็นเพียงเวทัสนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเย็นชา เหมือนกับว่านลงไปเห็นปานี ปานี้ก็ไม่ได้สนใจเขาอะไร

หลังจากเรื่องราวในครั้งก่อน ปาณีเดาว่าเวทัสก็คงจะไม่ สนใจแอสเช่นกัน

ตอนที่ 64

คิดถึงภาพที่ได้รับเมื่อครู่ ไม่คาดคิดว่าเธอจะยื้อยุดฉุด กระชากอยู่กับเวทัส ไวยาตย์โมโหมาก

เธอไม่เคยเห็นหัวคุณธามนิธิจริงๆเลยใช่ไหม?

ปาณีเอารองเท้าออกมาจากตู้เก็บรองเท้า เปลี่ยนรองเท้า ที่ใช้ใส่ในบ้าน มองไปยังไวยาตย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดว่า “คุณ ไวยาตย์ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

โดนคุณอาด่าจนไม่กล้าพูด?

เขาทำอะไรผิดไปหรอ?

ไวยาตย์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จ้องหน้าปาณีเท่านั้น สิ่ง ที่ปาณีเห็นจากดวงตาของเขาคือความเย็นชาและความต่อ ต้าน

ธามนิธิบอกว่าเขามีเรื่องครุ่นคิดในใจ ดูเหมือนจะยังไม่ดี

สินะ!ปาณีก็ไม่ได้ถามอะไร เธอไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักสถานการณ์

เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขก เห็นธามนิธินั่งอยู่ตรงนั้น เขายังสวมชุดที่เป็นทางการอยู่ สีหน้าเข้มขรึม บรรยากาศ ภายในห้องรับแขกไม่ค่อยปกตินัก

“คุณอา หนูกลับมาแล้ว!” ปาณีเดินเข้าไป วางกระเป๋าลง สายตาของเธอไปตกอยู่บนตัวธามนิธิ

ปกติเธอจะพูดคุยและหัวเราะกับธามนิธิ แต่ในเวลาที่ เขาโมโห ก็จะระมัดระวังตัวหน่อย อย่างไรก็ตาม แม้จะ เป็นเช่นนี้ แต่ปาณีก็รู้สึกว่า การสื่อสาร ถึงจะเป็นวิธีแก้ไข ปัญหาที่ดีที่สุด

เธอเดินเข้าใกล้ธามนิธิ นั่งยองๆลงข้างๆขาของเขา พูด อย่างเอาอกเอาใจว่า “ที่คุณโกรธ ไม่ได้เป็นเพราะหนูกลับ ดึกเกินไปใช่ไหมคะ?”

ธามนิธิมองไปยังปาณีที่ทำท่าเหมือนหมาปั๊ก ไม่ได้พูด

อะไร

ปาณีกุมมือของเขาไว้ เขย่าไปมา “หม? คุณไม่พูดไม่จาแบบนี้ แล้วหนูจะรู้ได้ยังไงคะว่าเคุณโดรรaะsang

ไวยาตย์ที่ยืนอยู่อีกฝั่ง จ้องมองปาณิอย่างป็นชา aยู่ข้าง นอกมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับผู้ชาเยตนอื่นเสเสัยมาา บ้านก็แกลังทำตัวเป็นเด็กดี คุณธามโธิจะเสมใจแรอเก็แiaก แล้ว!

เธอคิดว่าคนทั้งโลกใบนี้เป็นคนไม่ชีไม่?

ถึงให้เธอหลอกจนหัวหมุนได้

ผลปรากฏว่า วินาทีต่อมา ธามนิธิก็ยกมีอขั้นขี้หัวปาเนี ไปมา “ไหนบอกว่าจะกลับมาทันทีไง เธอกเลีบมาช้าแล้ว

ไวยาตย์ “.”

คุณธามนิธิ เกียรติของคุณหายไปไหน?

ทั้งที่เห็นภาพที่ดิรยาส่งมาแล้วแท้ๆ แสดง ปาณีไม่ใช่คนดีอะไร คุณคงไม่หลับหูหลับตา ใช่ไหม?
“ร้านอาหารอยู่ไกลไปหน่อยค่ะ” ปาณีพูด “อีกอย่าง หุ่นูก็ ต้องนั่งรถไฟใต้ดินกลับมา ระยะทางจากสถานีก็ห่างจากที่ นี่ หนูต้องเดินกลับมานะคะ”

ปาณีพูดไป ก็ฟุบลงบนขาเขาซะเลย “เหนื่อยจะตาย รู้ง้ให้ คุณไวยาตย์ไปรับก็ดี”

ธามนิธิมองไปยังปาณีที่อ่อนโยนเหมือนแมวน้อย เขาไม่รู้ ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงอยากจะตามใจเธอขนาดนี้ “ครั้งหน้า ให้ไวยาตย์ไปรับเธอ ไม่ต้องกลับมาคนเดียวดึกๆ ฉันไม่ วางใจ”

แม้นิสัยของเธอจะเหมือนเด็กผู้ชาย ไม่เกรงกลัวอะไรเลย แต่ในสายตาของเขาแล้ว เธอก็คือเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เป็น คนผู้หญิงที่เขาอยากจะปกป้อง

ปาณีตอบว่า “ค่ะ”

“เรื่องที่จะไปงานเลี้ยงรุ่น ทำไมไม่บอกฉันก่อนล่ะ?” นิ้ว

มือของธามนิธิลูบผมของเธอเบาๆ

ปาณีตอบว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เลยไม่ได้บอกคุณค่ะ จริงๆหนูก็เพิ่งจะตัดสินใจไปเมื่อวาน! อ้อ ใช่แล้วค่ะเวทัสกับคีรยาก็ไปด้วย”

ธามนิธิกับไวยาตย์อึ้งไปสักพัก ไม่คาดคิดว่าเธอจะพูดถึง เวทัส

“เวทัสก็ไปหรอ?” คนที่ถามคือไวยาดย์ เขาคิดไม่ถึงว่า ปาณีจะพูดเรื่องนี้ออกมา

เธอควรจะปิดเอาไว้ไม่ใช่หรอ?

หลังจากได้ยินน้ำเสียงที่ประหลาดใจของไวยาดย์ ปาณี จึงเงยหน้าขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเอง เคยบอกไปว่าไม่รู้จักเวทัสก่อนหน้านี้

ปาณีจ้องหน้าธาม นิธิ พูดว่า “คุณอาจริงๆแล้ว … หนูกับ เวทัสเป็นเพื่อนห้องเดียวกันค่ะ ก่อนหน้านี้ที่บ้านวิสิทธิ์เวช หนูไม่ได้พูดต่อหน้าพี่สาว เป็นเพราะว่าหนูอึดอัดเล็กน้อย ที่จาก็มาเป็นน้าสะใภ้ของเขา หนูบอกคุณตอนนี้ คุณจะไม่ ว่าหนูโกหกใช่ไหม?”

ตอนที่ 63

“นายยังจะคาดหวังให้ฉันพูดอะไรที่น่าฟังอีกหรอ?” ปาณี มองเขาด้วยสีหน้าล้อเล่น ในสายตาของเธอไม่หลงเหลือ เยื่อใยที่มีต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

“ปาณี เธอรู้ไหมว่าฉันกำลังให้โอกาสเธอ?” เวทัสโกรธ เนื่องจากความละอายและขุ่นเคืองเล็กน้อย คำพูดของ ปาณีทำให้เขาเสียหน้ามาก

ปาณียิ้ม แต่เดิมเธอยังเสียใจอยู่เลย

โดนเวทัสหยอกแบบนี้ รู้สึกน่าสนใจขึ้นมาหน่อย “ถ้า อย่างนั้นฉันต้องขอบคุณที่นายทิ้งฉันไป และมาขอคืนดีกับ ฉันตอนนี้?”

“เธออย่าคิดว่าฉันจะมาขอคืนดีเป็นครั้งที่สอง!” สำหรับ เขานั้น ที่ยอมก้มหัวให้เธอในวัน นี้ ถือเป็นขีดจำกัดของเขา

แล้ว

ไม่คิดเลยว่าเธอไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณ แต่ยังพูดจาไม่น่า ฟังอีก ทำให้เขาโมโหจนแทบจะเป็นบ้า
“ฉันไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว” ปาณีมองเวทัสอย่างเย็นชา

ไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงคิดว่าตัวเองยัง อาลัยอาวรณ์เขาอยู่

เวทัสมองท่าทางของเธอ ไม่มีหน้าที่จะอยู่ต่อ จึงเดินจาก ไปด้วยความโกรธ

ติรยาที่หลบอยู่ภายนอก เห็นการทะเลาะถกเถียงกันของ ทั้งสองอย่างชัดเจน

พูดตามความจริง ในตอนที่เวทัสของคืนดี เธอโมโหจน

แทบจะเป็นบ้า

เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?

แม้เมื่อก่อนเขากับปาณีจะคบกัน แต่ตอนนี้คนที่คบกับเขา คือเธอ ติรยา เขาไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตาขนาดนี้เลย

หรอ?
ดีที่ป่าณีให้หน้าแล้วยังไม่เอาหน้าอีก ดูจากสถานการณ์ แล้ว คาดเดาว่าต่อไปเวทัสคงไม่สนใจเธออีก

ตรยามองดูรูปในมือถือที่แอบถ่ายไว้ ดูจากมุมนี้แล้ว ปาเนี และเวกัสอยู่ใกล้กันมาก ดูเหมือนทั้งสองคนจะใกล้ชิด สนิทสนมกันมาก

เธอยิ้มมุมปาก รอคอยเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ชา มนิธิเห็นรูปพวกนี้ และหลังจากนั้น ก็กดส่งออกไป

ข้างล่างยังมีข้อความที่เขียนไว้ว่า : “คุณอาธามนิธิ คุณ ดูปาณีสิคะ เธอเป็นแบบนี้อีกแล้ว เธอบอกว่าเธอชอบเวที สมาก ที่ทนอยู่กับคุณอาเป็นเพราะว่าโดนแม่ขังคับ ขอ เพียงเวทัสยอมคบกับเธอ เธอจะไปจากคุณทันที…

หลังจากส่งข้อความเสร็จ ติรยาก็ยิ้มมุมปาก เธอไม่เชื่อว่า ปาณียังจะอยู่ในบ้านวิสิทธิ์เวชอย่างสุขสบายได้อีก

เพียงแค่ธามนิธิไม่สนใจปาณี ปาณีก็จะไม่ปรากฏตัวต่อ หน้าเธอและเวทัสอีก!
ถึงเวลานั้นเธอก็จะกลายเป็นยาจกเหมือนเดิม!

และยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ว่าธามนิธินิสัยไม่ดีเป็นอย่างมาก เธอชักจะอยากรู้แล้วสินะว่าจุดจบของปาณีจะเป็นยังไง

หลังจากเห็นเวทัสเดินออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา ติรยาจึง รีบเก็บมือถือ และเดินตามเขาออกไป

ปาณีกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย หลังจากออกจากร้านอาหาร ก็ตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใกล้ที่สุด ซื้อตั๋วและนั่ง รถกลับบ้าน

“คุณหนูปราณี กลับมาสักทีนะคะ!” ปาณีเพิ่งถึงหน้าบ้าน ก็ เห็นลำมุงที่เตรียมตัวจะกลับไปยังบ้านวิสิทธิ์เวชเดินออก มาจากข้างใน สีหน้าของเธอเครียดเล็กน้อย

“สวัสดีค่ะคุณน้า!” มองไปยังสีหน้าที่เคร่งเครียดของเธอ

“เกิดเรื่องอะไรหรอคะ?”

“วันนี้คุณชายธามนิธิอารมณ์ไม่ค่อยดีค่ะ เดี๋ยวคุณหนูเข้าไปแล้วระวังหน่อยนะคะ” ถ้าหากถามว่าคนในบ้านนี้ เอไอะไรมากที่สุด คำตอบก็คงจะเป็นกลัวธามนิธิโมโห

ดาพูดของลามุง ทำให้ปาณีสับสนเล็กน้อย ตอนคุณอา โทรหาเธอยังเดีๆอยู่เลย

เธอไม่ได้คิดอะไรมาก พูดกับลำมุงว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณ กลับดีๆนะละ ระหว่างทางระวังตัวด้วยนะคะ

บวิสิทธิ์เวชในเวลานี้ของทุกวัน

ซัมซุงพูดว่า รีบเข้าไปเถอะค่ะ”

“หนูไปส่ง “ปาณีส่งแม่บ้านกลับไปแล้วจึงจะเข้าบ้าน เธอไม่ได้พกกุญแจติดตัวจึงเคาะประตูบ้าน ไวยาตย์เป็น คนมาเปิดประตูตัวยสีหน้าเข้มขรึม และเขาก็ไม่ได้ทักทาย

เมื่อเห็นป่าณี

ตอนที่ 62

ในเวลานี้ เพื่อนๆหลายคนก็กลับไปแล้ว

เวทัสเดินออกมาจากร้านอาหาร เตรียมตัวจะกลับเหมือน กัน แต่ถูกติรยาเรียกซะก่อน “เวทัส”

เขาหยุดเดิน มองไปยังติรยา น้ำเสียงเย็นชามาก “วันนี้ฉัน ติดธุระ ไม่สะดวกไปส่งเธอ”

เขาอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

ติรยาพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่ใช่ฉันนะ ปาณีต่างหากที่มี เรื่องจะหานาย เธอเกรงใจที่จะต้องบอกนายเลยให้ฉันมา

พูดแทน”

ได้ยินว่าปาณี เวทัสก็อึ้งไปสักพัก เธอรู้สึกผิดต่อปาณีแต่แรกแล้ว เมื่อตอนกลางคืน ได้ยินบทสนทนาของเธอกับ ครูตนัสแล้ว ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่

เขารู้สึกว่า ตัวเองไม่เคยรู้จักปาณีอย่างแท้จริงเลย

เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอต้องเผชิญกับเรื่องราว มากมายขนาดนี้

พอได้ยินว่าเธอกำลังตามหาตัวเอง เขาก็ไม่ได้สนใจว่า พวกเขาจะเลิกกันแล้ว “เขาอยู่ไหน?”

“ในห้องน้ำ”

ติรยาสนใจการเคลื่อนไหวของปาณีตลอด ก็เพื่อที่จะรอ เวลานี้!

เวทัสกลับไปยังร้านอาหาร เดินไปทางไปห้องน้ำ เพิ่งถึง หน้าประตู ก็เห็นปาณีเดินออกมาจากข้างใน ตาของเธอ แดงก่ำ เหมือนคนเพิ่งร้องไห้

แต่เดิมปาณีคิดว่าทุกคนกลับไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเวที สยังอยู่ และเขายังเห็นตัวเองในสภาพนี้อีก รู้สึกขายหน้า เล็กน้อยเขาคงมาเข้าห้องน้ำมั้ง

เธอหลีกทางไปอีกฝั่งหนึ่ง เพื่อเว้นทางเดินให้เขา แต่ กลับพบว่าเวทัสมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ

ปาณีอึ้งไปสักพัก พูดอย่างเย็นชาว่า ” นายทำอะไร?”

เขาคงไม่ได้มาหาเธอใช่ไหม?

เมื่อก่อนเขายังรำคาญทุกครั้งที่เห็นหน้าเธอ ตอนนี้กลับ เดินมาหาเธอเอง?

ติรยาล่ะ?

ทำอะไรอยู่ถึงไม่เฝ้าแฟนของตัวเองไว้?

เวทัสถามว่า “เธอหาฉันหรอ?”

เขามองไปยังดวงตาที่แดงกำของปาณี แววตาเต็มไปด้วย

ความห่วงใย

ปาณีรู้สึกตลก “ฉันหานาย? ฉันไม่ได้มีธุระอะไรกับนายแล้วจะหานายทำไม?”

อยากมาหาเรื่องเธอ ก็ไม่ต้องโยนความรับผิดชอบมา

ทั้งหมดก็ได้มั้ง?

“หลีกไป ฉันจะกลับบ้านแล้ว” ปาณีไม่ชอบที่เขามาขวาง ทางเธอแบบนี้

เวทัสมองดูปาณี แต่ก่อนตอนที่พวกเขาคบกัน ปาณีอ่อน โยนกับเขามาก แต่ในตอนนี้ เธอรู้สึกเบื่อหน่ายด้วยซ้ำที่ ต้องเห็นหน้าเขา

เขาจับไหล่ของปาณีไว้ หยุดไม่ได้เธอจากไป น้ำเสียง ของเขาอ่อนโยนมากกว่าปกติมากๆ “เรากลับมาคบกัน เถอะนะ!”

ปาณีอึ้งไปสักพัก เงยหน้าขึ้นมองเวทัส

เขาพูดอะไรเนี่ย? กลับมาคบกันใหม่? พูดเป็นเล่นไปได้

ปาณีมองไปยังเวทัสที่ทำตัวจริงจังอยู่ตรงหน้า คิดถึงก่อน หน้านี้ที่เขายังสัญญาว่าจะไล่เธอออกจากบ้านวิสิทธิ์เวช แต่ตอนนี้กลับบอกว่าจะคบกับเธอ “เวทัส นายบ้า ไปแล้วรึไง?”

“ฉันจริงจังนะ” เปิดปากขอเธอคืนดี เวทัสวางศักดิ์ศรีของ

ตัวเองลง

แต่เดิมเขาคิดว่าปาณีไม่ชอบเขา ตัวเองก็ไม่ต้องไปรั้งเธอ ไว้ ผู้หญิงบนโลกมีเยอะแยะมากมาย

แต่แล้ว… ความเย็นชาของปาณี ก็ทำให้เขาเข้าใจว่า หากเขาไม่พยายาม เธอก็จะยิ่งออกห่างจากเขามากขึ้น

ปาณีเห็นท่าทางแน่วแน่ของเขา รู้สึกน่าขำ เขาคิดว่าตัว เองเป็นปรมาจารย์ด้านความรัก?

“เวทัส ฉันก็จริงจังเหมือนกัน ฉันไม่มีนิสัยที่กลับไปกิน หญ้าเก่า สำหรับสิ่งของที่ติรยาเคยเล่นแล้ว ฉันไม่สนใจ”

ปาณีเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรไปแล้ว จะไม่เปลี่ยนใจเด็ด

ขาด!

ไม่ว่าเมื่อก่อนเธอจะดีกับเวทัสมากแค่ไหน แต่ในตอนนี้ เธaได้ผิดหวังกับความสัมพันธ์นี้มากแล้ว

เธอไม่ใช่คนที่จะทำร้ายตัวเอง และไม่มีอารมณ์ที่จะมา

เวทัสหมดคำพูดสำหรับคำพูดของเธอ “ปาณี เธอจำเป็น ต้องพูดแรงขนาดนี้เลยหรอ? ”

ถึงชั้นพูดว่าเขาเป็นสิ่งของที่ดิรยาเคยเล่น

ตอนที่ 61

“ครูตนัส ทำไมชมแต่เขาสองคนล่ะคะ!” มะลิที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ผลการสอบของกิยาก็ไม่เลวเลยไม่ใช่หรอคะ?”

ติรยา เวทัส และปาณีก็สอบติดมหาวิทยาลัยชยุตเหมือน กัน ในชั้นเรียนของพวกเขา ก็มีเพียงพวกเขา 3 คนเท่านั้น ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยชยุตได้

คำพูดของเธอ ทำให้ทุกคนหันความสนใจไปที่ติรยา

ครูตนัสนิ่งไปสักพัก มองไปยังติรยา ยิ้มพูดว่า “ติรยาก็ สอบได้ดีเหมือนกัน”

แต่ว่า ท่าทีที่เขามีต่อติรยา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าไม่ได้มี ความกระตือรือรันและอบอุ่นขนาดนั้น

ติรยาที่ยืนอยู่อีกฝั่ง สีหน้าเริ่มดูไม่ค่อยดี

มะลิควงแขนของติรยา รู้สึกถึงความลำเอียงเล็กน้อย”ทำไมครูดนัสถึงเป็นแบบนี้เนี่ย? ใช่แล้ว ติรยา เธอสอบได้ กี่คะแนนหรอ?”

” ติรยาไม่ได้ตอบ

ปกติผลการเรียนของเธอก็ไม่ได้แย่นะ และปาณีก็ติวให้ เธอบ่อยๆ ดังนั้น จึงสอบได้ลำดับต้นๆของชั้นเรียนมาโดย ตลอด เพียงแต่ว่า….ในการสอบที่สำคัญครั้งนี้ เพราะ ความตื่นเต้น เธอจึงสอบได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร และเธอก็ ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครมาก่อน

แต่เดิมเธอคิดว่า ไม่ว่ายังไง เธอก็สอบติดแล้ว คะแนน สอบไม่ได้สำคัญอะไร

ถูกมะลิถามแบบนี้ เลยรู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย

ตอนนี้เธอรู้สึกมะลิน่ารำคาญมาก แทบอยากจะตัดความ สัมพันธ์กับเธอ ณ ตอนนี้เลย

ตอนรับประทานอาหาร ปาณีนั่งติดกับครูตนัส พอครูตนัส ได้ยินว่าเธอจะไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยต่อแล้ว จึงแนะแนวเธอตลอดเวลาที่นั่งด้วยกัน ไม่ง่ายเลยนะที่สอน ติดมหาวิทยาลัยชยุต อย่าโง่ล่ะ ถึงเธอจะไปทำงานตอน นี้ ก็หาเงินได้เพียงเล็กน้อย อาจทำให้ฐานะทางบ้านเธอดี ขึ้น แต่ว่า อนาคตเธอดับเลยนะ อีกหน่อยเธอจะเสียใจภาย หลัง

“หนูทราบค่ะ” ปาณีรู้เรืองพวกนี้อยู่แล้ว เธอบอกกับครู ตนัสว่า “หนูจะยืนหยัดต่อไปค่ะ”

จริงๆแล้ว ปาณีรู้สำนึกเรื่องนี้แต่แรกแล้ว แต่พอเห็นเวลา ที่ครูมนัสเป็นห่วงตัวเองขนาดนี้ ปาณีก็ยังคงตื้นตันใจ และ มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะสนับสนุนเธอขนาดนี้

ไม่ใช่เป็นเหมือนแม่เธอทั้งหมด ที่ไม่อยากให้เธอเรียน

ต่อใจจะขาด

เวทัสนั่งอยู่ข้างๆ ที่นั่งของเขาก็ใกล้กับครูตนัสมากเช่น กัน ดังนั้น เขาได้ยินการสนทนาของทั้งสองคนอย่างชัดเจน ดวงตาเขาเศร้าเล็กน้อย

คำพูดที่ให้กำลังใจของครูตนัส ทำให้ปาณีอารมณ์อ่อน ไหวเล็กน้อย หลังรับประทานอาหาร ในเวลาที่ครูตนัส กำลังพูดคุยกับเพื่อนคนอื่นๆ เธอก็ขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ

ในบางเวลาเธอรู้สึกตัวเองเข้มแข็งมาก สามารถเผชิญทุก ปัญหาได้

แต่ในบางเวลา ก็รู้สึกว่าตัวเองเปราะบางมาก..

เหมือนในตอนนี้ คำพูดของครูตนัส ทำให้เธอคิดถึงสภาพ การเป็นอยู่ของตัวเองในตอนนี้

เพียงแค่ทำให้ตัวเองสามารถเรียนต่อได้ เธอก็ได้ใช้พละ กำลังทั้งหมดของเธอแล้ว

น้ำตาทำให้โลกในดวงของเธอเลือนราง เธออดทนมา ครึ่งค่อนวันที่จะไม่ให้น้ำตาของตัวเองไหลออกมา แต่ว่า ดวงตาของเธอก็แดงก่ำ

ในเวลานี้เอง เสียงเรียกเข้ามือถือของเธอก็ดังขึ้น ปาณี หยิบมือถือออกมาดู พบว่าเป็นธามนิธิที่โทรมา เธอปรับ อารมณ์และรับสาย “คุณอา”

“อยู่ไหน? ไปทำงานอีกแล้วหรอ?” น้ำเสียงของธามนิธิ อบอุ่นมาก และแฝงไปด้วยความเป็นห่วงปาณีมองดูเวลา พบว่าใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว

ไปล่าค่ะ วันนี้มีงานเลี้ยงรุ่นค่ะ”

สันให้ไวยาตย์ไปรับเธอนะ”

เขาไม่ค่อยวางใจที่เธออยู่ข้างนอกในตอนกลางคืน

ไม่ต้องแล้วค่ะ พวกหนูทานข้าวเสร็จแล้ว ถ้ารอคุณไวยา ตมารับ หนูต้องรออีกนานเลย หนูจะกลับตอนนี้แล้วค่ะ”

โลเด” ธามนิธิไม่ได้ฝันใจเธอ

หลังวางสาย ปาณีก็ล้างหน้าล้างตา

ตอนที่ 60

สีหน้ากินปูนร้อนท้องของติรยานี้ เหมือนคนมีเหตุผล เพียงพอที่สามารถพูดได้อย่างเต็มที่ที่โดนแย่งแฟน ไปที่ไหนกัน แต่กลับเหมือนคนที่ทำอะไรบางอย่างผิด มากกว่า

ปาณีไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยเธอไปง่ายๆอย่างนี้อยู่แล้ว ตัว เองถูกกล่าวหามาตั้งนาน ตอนนี้ เพียงแค่ต้องการคำ อธิบายเท่านั้น

เธอจ้องหน้าติรยา พูดว่า “ในเมื่อทุกคนก็อยู่ที่นี่ ถ้า อย่างนั้นเธอลองพูดละกัน ว่าฉันเคยแย่งแฟนเธอไปร เปล่า?”

ติรยาตัวแข็งที่อ เห็นเพื่อนทุกคนกำลังมองมาที่เธอ

แต่เดิมเธอแย่งเวทัสไป รู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด กลัว คนอื่นจะว่าเธอ เธอถึงตั้งใจใส่ร้ายปาณี เพื่อให้ทุกคน รู้สึกว่าปาณีต่างหากที่เป็นคนเลว
แต่ว่า ในตอนนี้ เวทัสก็อยู่ที่นี่ เธอไม่สามารถที่จะลืมดา พูดคำบอดได้ “ไม่เคย”

พอพูดถึงประโยชน์นี้ ดิรยาก็กำหมัดไว้แน่น วันนี้ที่เรียก ปาณีมาที่นี่ แต่เดิมเธอมีแผนอื่น แต่ว่าปาณีก็ทำลาย แผนที่เธอวางไว้

และยิ่งไปกว่านั้น ตัวเองยังถูกปาณีบังคับให้แก้ตัวให้ เธออีก จะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

ปาณียิ้มพร้อมกับพูดว่า “ทุกคนก็ได้ยินแล้วนะ พวกเธอ ไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด แต่นี่กิยาเป็นคนพูดเอง พวกเธอ คงเชื่อแล้วสินะ!”

“แต่ว่า….มะลิเป็นเพื่อนสนิทของกิยา พอเห็นติร ยาพูดแบบนี้ รู้สึกไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก “ก็ครั้งก่อนเธอ เป็นคนบอกฉันเองนิว่าปราณีแย่งเวทัสไป!”

เพราะว่าติรยาเป็นคนพูดเอง มะลิถึงป่าวประกาศกับ เพื่อนๆไปทั่ว เพื่อเป็นการช่วยติรยาที่ได้รับความไม่เป็น

ธรรม
แต่ตอนนี้ติรยากลับพูดแบบนี้ มะลิจึงไม่เข้าใจเลย

ติรยาหมดคำพูดสำหรับเพื่อนที่มีสมองหมูคนนี้ เธอ เลือกที่จะบอกกับมะลิก็เพราะรู้ว่ามะลิเป็นคนปากมาก เพียงแค่บอกมะลิ ก็เท่ากับบอกทุกคนแล้ว

แต่ไม่คิดเลยว่า มะลิจะพูดออกมาต่อหน้าทุกคนแบบนี้

ส้มโอหัวเราะ มองไปยังติรยา “เพื่อนจำ เธอมีจิตใจที่ไม่ ค่อยดีงามมากนัก! เธอกับปาณีไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกัน หรอกหรอ?”

“ฉันไม่เคยพูด” ต่อหน้าคนเยอะแยะขนาดนี้ ติรยาไม่ ยอมรับอยู่แล้ว

เธอมองมะลิแวบหนึ่ง ไม่อยากสนใจยัยโง่คนนี้อีก!

ปาณีที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่เดิมคิดวิธีถอดหน้ากากติรยาเอา ไว้แล้ว ถ้าหากเธอยังพูดจาเหลวไหลอีก แต่ไม่คิดเลยว่า ติรยาจะยอมรับออกมาง่ายขนาดนี้
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็รู้สึกดีใจมากเมื่อเห็นติรยา ขายหน้า

เวทัสมองติรยาแวบหนึ่ง และไม่ได้พูดอะไร

เพราะไม่นานเขาก็ถูกเพื่อนผู้ชายเรียกตัวไป ดูๆไป เหมือนเขาจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

ติรยารู้ว่าเขากำลังโกรธ จึงไม่กล้าไปรบกวนเขา จำใจ นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

ถือโอกาสที่ครูตนัสยังมาไม่ถึง ปาณีจึงแวะไปเข้า ห้องน้ำ ก็เจอกับส้มโอที่อยู่ตรงนั้นพอดี เธอเดินเข้าไป หา พร้อมกับยิ้มให้สัมโอและพูดว่า “ขอบใจนะ”

“ขอบใจเรื่องอะไรกัน?” สัมโอพูด “ฉันแค่ไม่ชอบผู้หญิง อย่างกินเฉยๆ ต่อหน้าอีกแบบหนึ่ง ลับหลังก็อีกแบบ หนึ่ง”

เธอก็เคยโดนติรยาใส่ร้าย ดังนั้น จึงไม่พอใจติรยามา นานแล้ว
ปาณี “ไม่ว่ายังไงก็ขอบใจเธอมากๆนะ

ติรยาคิดว่าการแสดงของเธอดีจนไว้ที่ดี แต่ในความเป็น จริง เธอสามารถหลอกคนอื่นได้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง นั่นไม่ได้หมายความว่าจะหลอกคนอื่นไปได้ตลอดชีวิต

ปาณีล้างมือและเช็ดมือให้สะอาด เดินกลับไปที่โด้ะ อาหารพร้อมกันสัมโอ ครูดนัสก็มาถึงแล้ว พอเห็นปาณี ก็ รีบกวักมือเรียกเธอ “ปาณี”

“ครูดนัส” ปาณีเดินเข้าไปหาอย่างเรียบร้อย ครูดนัสดิ์ กับเธอมากๆ เป็นคุณครูที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอมา ในหลายปีที่ผ่านมา

ครูพนัสสวมแว่นตาไว้ รูปร่างสูงผอม เขาตบบ่าเวทัสที่ ยืนอยู่ข้างๆ และยิ้มให้กับปาณีพร้อมกับพูดว่า “เธอสอง คนทำข้อสอบได้ดีมาก ไม่ทำให้ครูผิดหวังเลยจริงๆ”

ตอนที่ 59

ส้มโอหัวเราะ ในตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอ ใจติรยา “พวกเธอคงไม่ได้ลืมไปใช่ไหม ตอนอยู่ใน โรงเรียน ปาณีต่างหากที่เป็นแฟนของเวทัส”

ปาณีอึ้งเล็กน้อย ไม่เห็นเลยว่าหลังจากที่โดนติรยาแบน ขนาดนั้น ยังจะมีคนที่ช่วยเธอพูดอีก ไม่ใช่ไปยืนอยู่ฝั่งติ รยาหมดเหมือนคนไม่มีสมอง

สายตาของเพื่อนๆตกอยู่บนตัวของปาณี

มะลิที่สนิทสนมกับติรยาพูดขึ้นว่า “แต่ว่าปาณีก็เลิกกับ เวทัสแล้วไม่ใช่หรอ? อีกทั้งปาณีก็แต่งงานแล้ว ติรยายัง จะคบกับเวทัสไม่ได้อีกหรอ?”

ส้มโอมองบนพร้อมกับพูดว่า “ถ้าเธอจะมีแฟน เธอจะหา แฟนเก่าของเพื่อนสนิทหรอ?”

คำพูดของสัมโอ ทำให้เมษาตัวแข็งที่อ ก็เป็น เรื่องจริงที่ว่าไม่มีใครที่จะเอาแฟนเก่าของเพื่อนสนิทมาเป็นแฟน

นอกจากว่าเขาคนนั้นไม่เคยมองอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิท

เลย

“แต่ว่า ทำไมฉันถึงได้ยินมาว่า แต่เดิมเวทัสชอบติรยา อยู่แล้ว แต่โดนปาณีแย่งไปล่ะ?” ผู้หญิงที่นั่งข้างๆปาณี พูดขัดคำพูดของส้ม โอ

ช่วงนี้ทุกคนกำลังลือเรื่องนี้อยู่ ไม่เพียงแต่เท่านี้ เว็บ บอร์ดของโรงเรียนก็มีคนกำลังพูดคุยถึงเรื่องนี้เหมือน กัน อีกทั้งยังถูกโหวตเป็นประเด็นยอดฮิตอีกด้วย

สามคนกลายเป็นเสือ ข่าวลือเมื่อถูกพูดออกไปแบบ ปากต่อปากมากเข้าๆ ก็สามารถทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้ รับข้อมูลด้านอื่นเข้าใจผิด ว่าเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง เหล่านั้นเป็นความจริง

ส้มโอพูดว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมติรยาถึงยังเป็น เพื่อนกับปาณีอีกล่ะ เมื่อก่อนตอนอยู่ในโรงเรียน ความ สัมพันธ์ของทั้งสองคนดีมาก พวกเธอไม่รู้เลยไง?”

เธอไม่เหมือนกับทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ สำหรับข่าวลือ เหล่านั้น เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่เชื่อ

ปาณีรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย ปกติเธอก็ไม่ได้มี ปฏิสัมพันธ์กับส้มโอมากนัก คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะช่วย ตัวเองพูดขนาดนี้ เมื่อเทียบกันแล้ว ติรยาที่เธอคิดว่าเป็น เพื่อนที่ดีมาโดยตลอด กลับใส่ร้ายเธอทั้งต่อหน้าและลับ หลัง

หลังจากที่ทุกคนได้ยินคำพูดของส้มโอแล้ว ต่างพากัน มองมาทางปาณี “ปาณี เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่? เธอ ช่วยอธิบายหน่อยสิ!”

ปาณีมองไปยังติรยาและเวทัสที่กำลังเดินเข้ามา ยิ้ม แล้วพูดว่า “ฉันพูดแล้วไม่มีประโยชน์อะไร สู้ลองถามเวทั สจะดีกว่าไหม?”

ทุกคนมองไปยังปาณี ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะให้เวทัส

เป็นคนอธิบาย?
“เวทัส” ปาณีเปิดปากพูด

เวทัสหยุดเดินแล้วมองไปยังเธอ ไม่คิดเลยว่าปาณีที่ เมินเขาตลอดเวลา จะเป็นฝ่ายคุยกับเขาก่อน

เขามองไปยังเธอ ไม่เข้าใจว่าปาณีกำลังจะทำอะไร

ปาณีเผยรอยยิ้มออกมา “แฟนนายไปป่าวประกาศข้าง นอกว่า แต่เดิมตอนที่นายคบกับฉัน คนที่นายชอบเป็น เธอต่างหาก ฉันเป็นคนแย่งนายมา เป็นแบบนี้ใช่ไหม?”

ติรยาสร้างข่าวลือนี้ขึ้นมา แต่เวทัสกลับไม่รู้เรื่องอะไร

แน่นอนว่า ดิรยามั่นใจว่าเวทัสจะไม่รู้เรื่อง แม้ปาณีจะ ออกมาอธิบายก็ไม่มีใครเชื่อ เธอถึงกล้าปล่อยข่าวลือ แบบนี้

หลังฟังคำพูดของปาณี เวทัสมองติรยาแวบหนึ่ง แวว

ตาเข้มขรึมมาก
คนที่เขาชอบตั้งแต่แรกก็คือปาณี ถ้าไม่เป็นเพราะว่าติ รยาเป็นเพื่อนสนิทของปาณี ไม่มีทางที่เขาจะสนิทสนม กับเธอด้วย

ถึงแม้ในภายหลังจะดัดสินใจคบกับติรยาก็ตาม แต่นั่นก็ เป็นเพราะเขาเข้าใจผิดว่าปาณีไม่ได้ชอบเขา หลบหน้า

เขาตลอด จึงเกิด เรื่องพวกนี้ขึ้น

ตรยาโม้ต่อหน้าคนอื่นได้ แต่กลับไม่กล้าพูดแบบนี้ต่อ หน้าเวทัส เพราะมีแต่จะทำลายภาพพจน์เธอในใจของ เวทัสเท่านั้น

เธอรีบอธิบายว่า “ปาณี เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะ เรื่องพวก นี้คนอื่นลือออกมากันเอง ฉันไม่ได้เป็นคนพูดนะ”

ไม่ใช่เธอหรอ?” ปาณีจ้องหน้าติรยา “ฉันเห็นทุกคน เชื่อขนาดนี้ นึกว่าเธอเป็นคนปล่อยข่าวสักอีก! นี่เข้าใจ เธอผิดไปหรอกหรอ ถ้าอย่างนั้นต้องขอโทษด้วยนะ”

ตอนที่ 58

เธอหยิบมือถือออกมา เล่นมือถือโดยไม่ได้สนใจใคร และไม่อยากเข้าร่วมหัวข้อสนทนานี้

ติรยาพูดว่า “ฉันเคยเจอนะ ยังไงซะก็เป็นคนที่รวย มาก ใช่ไหมปาณี? เธอสุขสบายแล้ว แม่เธอหาผู้ชาย ครอบครัวดีๆให้เธอแต่งงาน ที่นี้เธอก็ไม่ต้องลำบาก ทำงานอีก แล้วก็ไม่ต้องเรียนต่ออีกด้วย! กลับไปบ้านเป็น คุณนายสวยๆ ฉันยังรู้สึกอิจฉาเธอเลยนะเนี่ย เพียงแต่ ว่า..”

ติรยาตั้งใจหยุดพูดเพื่อให้ทุกคนคาใจ

“เพียงแต่ว่าอะไรล่ะ?” เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเร่งเธอ

ติรยาจึงพูดต่อว่า “ก็แค่อายุมากไปหน่อย อีกอย่าง เขา เคลื่อนตัวไม่ค่อยสะดวก… และยิ่งไปกว่านั้น เหมือนจะ ไม่สามารถมีลูกได้เลยนะ! แต่ก็นะ ดูแลลูกเป็นเรื่องยุ่ง ยากลำบาก.. ไม่มีลูกเลยยังจะง่ายกว่า”
ติรยาตั้งใจทำน้ำเสียงอิจฉา แต่ในความเป็นจริงเธอ อยากเหยียบปาณีให้มิด

การที่เธอพรรณนาออกมาเช่นนี้ ทำให้ทุกคนคิดภาพว่า เป็นเสียที่ทั้งแก่และทั้งขี้เหร่

ที่แท้วันนี้ที่ปาณีแต่งตัวดีขนาดนี้ ก็เป็นเพราะแต่งงาน กับเสี่ยหรอกหรอ!

ปาณีมองไปยังติรยาผู้หญิงดราม่าคนนี้ ไม่เข้าใจเลย จริงๆว่าทำไมถึงแสดงละครเก่งขนาดนี้

หลังจากที่ทุกคนได้ยินสิ่งที่ดิรยาพูด แม้จะไม่ได้พูด อะไรออกมา แต่ในใจกลับมีความคิดต่างๆนาๆ

ในเวลานี้เอง เวทัสก็เดินเข้ามาจากข้างนอก

ตอนเวทัสเรียนอยู่ เขาเป็นถึงเดือนโรงเรียนเชียวนะ มีผู้ หญิงชอบเขาไม่น้อย

ในขณะนี้ พอเห็นเขาเดินเข้ามา ความสนใจของทุกคน

ก็ตกอยู่บนตัวของเขา
“นั่นเวทัสนี โอ้แม่เจ้า! หล่อจังเลย! หล่อจนฉันจะตั้ง ครรภ์แล้วเนี่ย”

“เอ๊ะ ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนปาณีคบกับเวทัสอยู่ไม่ใช่ หรอ?” จู่ๆก็มีคนทักขึ้นมา

คิดๆไปแล้วปาณีเป็นแฟนของเวทัส แต่สุดท้ายกลับ แต่งงานกับตาเฒ่าคนหนึ่ง…. สงสัยสมองเธอฝ่อไป แล้วแน่ๆ

เวทัสไม่ได้เดินไปหาพวกผู้ชาย แต่กลับเดินมายืนอยู่

ด้านหลังของปาณี

ตาของปาณีจ้องมองมือถือตลอดเวลาราวกับว่าไม่รู้สึก

ตัวว่าเวทัสกำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอ

ทุกคนมองเวทัสอย่างประหลาดใจ

มีคนทักทายกับเขา “เดือนโรงเรียน!”

“ไงเพื่อน….
ตอนอยู่ในโรงเรียนเวทัสทั้งเรียนเก่ง ทั้งเย็นชา มีคน มากมายที่ไม่กล้าเข้าใกล้เขามากนัก ปาณีเป็นเพื่อนร่วม โต๊ะของเขา ถือว่าได้ประโยชน์จากความใกล้ชิดนั้นไป

เขายืนอยู่ด้านหลังปาณี เห็นเธอไม่สนใจเขาเลย รู้สึก เซ็งเล็กน้อย

สายตาของเขาไปตกอยู่บนตัวของติรยา “ฉันมีเรื่อง ต้องคุยกับเธอ”

หลังพูดจบประโยคนี้ เขาก็หมุนตัวออกไปเลย

“ว้าว!” พวกผู้หญิงมองไปยังติรยาและร้องออกมาอย่าง ตื่นเต้น ติรยาลุกขึ้นด้วยความเขินอาย นิ้วกระเป๋าใบเล็ก ของเธอ “งั้นฉันออกไปแปบหนึ่งนะ”

หลังจากนั้น ก็เดินออกไปหาเวทัสท่ามกลางสายตาที่

อิจฉาของทุกคน

เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆปาณีพูดว่า “ตายจริง! น่าอิจฉาติรยา มากเลย บ้านรวยไม่พอ หน้ายังสวยอีก แถมแฟนยังหล่อขนาดนี้”

ปาณีมองไปยังท่าทางตื่นเต้นของกินแวบหนึ่ง รู้สึก เสียดสีเป็นอย่างมาก บ้านรวย หน้าตาก็ดี แต่แย่งแฟน ของคนอื่น?

แม้ปาณีในตอนนี้จะไม่ได้สนใจเวทัสแล้ว แต่พอเห็น ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้ว ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจเป็น ธรรมดา

เธอยอมให้เวทัสคบกับหมูตัวหนึ่งยังดีกว่าไปคบกับดิร

ยาซะอีก

ทันใดนั้นก็มีคนหัวเราะเยาะออกมา

“มีไรน่าอิจฉาหรอ? ถ้าพวกเธอมีปัญญาแย่งแฟนเพื่อน สนิทของตัวเอง ก็จะอุ้มเดือนโรงเรียนกลับไปได้เหมือน กัน!”

ปาณีเงยหน้าขึ้น มองออกไป พบว่าเป็นส้มโอที่ทักทาย กับเธอเมื่อครู่
ผู้หญิงทุกคนมองไปยังส้ม โอ “แย่งแฟนเพื่อนอะไร

กัน”

ตอนที่ 57

ปาณีผลักประตูกระจกเข้าไป พบว่าเพื่อนๆมากันสิบกว่า คนแล้ว แต่เพื่อนผู้ชายไม่เยอะเท่าไหร่ ประมาณ 3-4 คน กำลังนั่งดี ROV กันอยู่

ส่วนเพื่อนผู้หญิงทุกคนล้อมรอบติรยาไว้ชื่นชมการ แสดงของเธออยู่

“เอ๊ะ นั่นปาณีนิ” กำลังนินทาเธออยู่ ปาณีก็ปรากฏตัวขึ้น สายตาของเพื่อนผู้หญิงทุกคนก็มองมาที่เธอ

เพียงแต่ว่า ตอนที่เห็นปาณี ทุกคนก็อึ้งไปพักใหญ่

ชุดที่ปาณีใส่ในวันนี้ เป็นชุดที่จันวิภาซื้อให้เมื่อวาน ดัน ไปเหมือนกับเดรสของติรยาในวันนี้ ไม่เพียงแต่เป็น แบรนด์เดียวกัน แต่ยังเป็นรุ่นเดียวกันอีกด้วย

ปาณีสูงกว่าติรยานิดหน่อย หุ่นดีกว่า ผอมกว่า… ชุด เดียวกัน แต่พอเธอใส่แล้วกลับดูสง่ามากกว่าติรยาอีก
ปกติปาณีจะแต่งตัวธรรมดา ทุกคนจึงไม่ได้สนใจเธอ มากนัก เลยรู้สึกว่าติรยาสวยกว่า แต่พอเทียบกันแล้ว ถึง พบว่าแท้จริงแล้วปาณีดูสวยกว่า?

ใส่ชุดซ้ำกันไม่เป็นไร แต่ใครขี้เหร่กว่าก็ชวยไป

และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกี้พวกเขากำลังสนทนาเรื่องฐานะ ครอบครัวของปาณี ติรยาบอกว่าครอบครัวของปาณี ยากจนมาก แต่ตอนนี้ ปาณีกลับใส่ชุดที่มีราคาแพงขนาด นี้ นี่มันกำลังตบหน้าติรยาชัดๆ

แม้กระทั่งเพื่อนผู้ชายที่กำลังดี ROV อยู่ก็ยังอดไม่ได้ที่ จะหันกลับมามอง พวกเขายกย่องให้กริยาเป็นคนที่สวย เหมือนเทพธิดามาโดยตลอด แต่ไม่คิดเลยว่า เพียงแค่ ปาณีหันมาแต่งตัวก็จะสวยขนาดนี้

ตัวปาณีเองก็พบว่าเดรสของตัวเองนั้นซ้ำกับดิรยา ร้ อย่างนี้ไม่ใส่ตั้งแต่แรกจะดีกว่า แต่ในเมื่อมาแล้ว เธอก็ ไม่สามารถที่จะวิ่งกลับไปเปลี่ยนอีกชุดหนึ่ง

เมื่อเห็นทุกคนกำลังจ้องตัวเองอยู่ เธอจึงหัวเราะแล้ว พูดว่า “ฉันไม่ได้มาสายใช่เปล่า?”
ไม่เลยๆ ครูตนัสยังไม่มาเลย!” เวลานัดทานข้าวคือ 6 โมงเย็น ทุกคนกลัวรถจะติด เพราะฉะนั้นจึงมาก่อนเวลา

สัมโอเดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “มานั่งนี่สิ! ที่นี่ยังว่าง

อยู่”

วันนี้ภายในร้านมีเพียงพวกเขา เพราะจองเหมาร้านล่วง หน้าแล้ว เพราะฉะนั้น ที่นั่งเยอะมาก

ติรยานั่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองปาณี โมโหจนจะพ่นควัน อยู่แล้ว

วันนั้นที่ไปบ้านวิสิทธิ์เวช ปาณียังแต่งตัวธรรมดาอยู่เลย ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะแต่งตัวแบบนี้

เธอตั้งใจที่จะแต่งตัวเหมือนฉัน เพื่อที่จะให้ฉันขายหน้า

น่ะสิ!

นี่มันมากเกินไปแล้วนะ!

ปาณีเดินเข้ามานั่ง ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า”เมื่อกี้คุยอะไรกันอยู่หรอ บรรยากาศคึกคักเชียว?”

ทำเหมือนเธอไม่ได้ยินอะไรเลย

แน่นอนว่า สิ่งที่ควรได้ยิน เธอก็ได้ยินทั้งหมด และก็รู้ ด้วยว่าผู้หญิงที่ชื่อติรยาคนนี้ใส่ร้ายป้ายสีเธอลับหลัง อย่างไรบ้าง

คำถามของปาณี ทำให้ทุกคนยิ้มอย่างอึดอัด และไม่ สามารถสนทนาหัวข้อเมื่อกี้นี้ต่อ ต่อหน้าของปาณีได้

ติรยามองไปยังปาณี ยิ้มแล้วพูดว่า “ปาณี เธอบอกว่า จะดูแลสามีอยู่ที่บ้าน ไม่มาแล้วไม่ใช่หรอ? ที่จริงแล้ว เมื่อวานฉันไม่น่าชวนเธอมาเลย เธอคิดดูนะ เธอไม่เรียน ต่อแล้ว และยังวิ่งแจ้นมาให้ครูตนัสเห็นหน้าอีก ครูเขาจะ เสียใจขนาดไหนเนี่ย!”

” ไม่เพียงแต่ย้ำเรื่องที่ตัวเองไม่เรียนต่อ แถมยัง ย้ำเรื่องสามีอีก

ร้ายกาจมากจริงๆ!
และแน่นอนว่า พอทุกคนได้ยินคำว่าสามี ก็มองปาณี อย่างประหลาดใจ “ปาณี เธอแต่งงานแล้วหรอ? ไม่คาด คิดเลยว่าเธอจะมีสามีแล้ว?”

โอ้มาย ก้อด!

พวกเขาเพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย ไม่เคยคิดเรื่องสามีอยู่

แล้ว

พวกเขาจึงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นสำหรับ เรื่องนี้ แทบอยากจะสืบเรื่องของปาณีให้ทะลุปรุโปร่งไป

เลย

ปาณีมองแขแวบหนึ่ง “เรื่องนี้ติรยารู้ดีกว่าฉันอีก”

นี่เป็นเรื่องที่เธอเปิดประเด็นก่อนไม่ใช่หรอ?

ปาณีก็อยากรู้เหมือนกันว่าติรยาจะอธิบายเรื่องนี้ยังไง

ตอนที่ 56

คนที่นอกใจเป็นเขามาโดยตลอด เธอไม่มีอะไรที่ต้อง

ขอโทษเขา

เวทัสดูรูปภาพเหล่านั้น ติรยาชวนเขาออกไป โดยส่วน ใหญ่ก็ชวนในนามของปาณี ในบางครั้งก็เป็นการนัดเจอ กันของกลุ่มเพื่อนในโรงเรียน ไม่ได้มีเพียงเขาสองคน เท่านั้น แต่ทำไมในมุมกล้องของแขถึงกลายเป็นการเดท กันของเขาสองคนล่ะ

“รูปพวกนี้ เป็นการเข้าใจผิด” ติรยาเป็นคนโพสต์ ทั้งหมดโดยที่ปิดบังเขาไว้

“เข้าใจผิดหรอ?” ปาณีหัวเราะ “จะเป็นการเข้าใจผิดได้ ยังไงล่ะ? วันเสาร์ที่ผ่านมา นายก็พาเขามาพบเจอผู้ใหญ่ แล้วไม่ใช่หรอ นายคิดว่าฉันโง่รึไง?”

“ปาณี…” เวทัสจ้องมองเธออยากจะอธิบาย

ปาณีทำสีหน้าเย็นชา พูดน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวว่า “นายไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว คำพูดของนายในเวลานี้ ฉันไม่ เชื่อแม้แต่คำเดียว”

หลังพูดจบ เธอวางมือถือลง ทานบะหมีของตัวเองต่อ

เวทัสมองท่าทางเย็นชาของเธอ คิดถึงวันนั้นที่อยู่บ้าน ของติรยา เขาก็ปฏิบัติกับเธออย่างนี้เหมือนกัน ปาณีก็ แค่ทำท่าทีเหมือนเขาในตอนนั้น ตั้งใจจะประชดเขา!

ลำมุงเดินเข้ามาจากข้างนอก กลัวว่าทั้งสองคนจะ ทะเลาะกัน แต่มองไปแล้ว เวทัสนั่งอยู่ตรงนั้น ปาณีก็นั่ง ทานบะหมี่ของตัวเองอยู่ จึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

และมองไปยังเวทัสอีกครั้ง พบว่าเขาไม่ได้ท่าทีเย่อ หยิ่งหรือถือตัวเหมือนตอนที่ตัวเองออกไป ลำมุงรู้สึก อัศจรรย์เล็กน้อย นี่ปาณีทำอะไรลงไป? ถึงจัดการเวทัส ให้เป็นแบบนี้ได้?
“บะหมี่อร่อยไหมจะ?” ลำมุงถาม

ปาณีพยักหน้า “อร่อยมากค่ะ”

เวทัสนั่งอยู่ตรงนั้น บะหมี่ก็ทานไม่หมด ดวงตาสีกาแฟ คู่นั้นกำลังจ้องมองปาณี

ลำมุงเห็นเขาไม่ทานแล้ว จึงเก็บถ้วนชามของเขาออก

ไป

ในเวลาห้าโมงเย็นกว่าๆ เพื่อนๆที่มาร่วมฉลองงานวัน เกิดของครูตนัสก็เดินเข้ามาในร้านอาหารเป็นคู่สองคน

สามคน

ติรยานั่งอยู่บนเก้าอี้ ถูกเพื่อนๆล้อมรอบไว้ “ติรยา ชุด ของเธอสวยจังเลย แพงมากเลยใช่ไหม? แม่เธอไม่ เสียดายเลยนะ อะไรที่แพงๆก็ซื้อให้เธอหมด ไม่เหมือน แม่ฉัน ซื้อโจทย์แบบฝึกหัดมาให้ฉันทำตลอด ผลสอบ ครั้งนี้ไม่ดี เรียกฉันไปล้างจานตลอดเลย”
“ก็ยังดีนะ แค่สองหมื่นกว่าเอง”

“สองหมื่นกว่ายังไม่แพงอีกหรอ! บ้านเธอรวยจริงๆ

เลย”

ติรยาหัวเราะชอบใจ เธอรู้ว่า แม้ฐานะทางบ้านของเธอ ไม่ได้ถือว่ารวยมาก แต่เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมห้องแล้ว เพื่อนผู้หญิงที่รวยกว่าเธอก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“อ้อ ใช่แล้ว ทำไมปาณีไม่มาพร้อมกับพวกเธอล่ะ? ได้ ข่าวมาว่าฐานะทางบ้านของเขายากจนมาก เขาไม่ได้ วางแผนที่จะเรียนต่อ แต่เตรียมตัวจะแต่งงานแล้ว ข่าวนี้ เป็นเรื่องจริงรึเปล่า?” แน่นอนว่าติรยาเป็นคนปล่อยข่าว พวกนี้เอง

แม้การเรียนของเธอจะสู้ปาณีไม่ได้ แต่นอกเหนือจากนี้ เธอก็เหนือกว่าปาณีเล็กน้อย

เพราะถึงอย่างไรเธอก็เกิดและเติบโตในเมือง แต่ปาณี

เป็นเด็กที่มาจากชนบท
ติรยาตอบว่า “อั้ม ฉันก็เกลี้ยกล่อมเขาหลายรอบแล้วนะ แต่เขาไม่ฟังเลย เขาอยากออกเรือนไวๆน่ะ”

“เขาคิดยังไงของเขาเนี่ย? ผลการเรียนดีขนาดนี้แต่ไม่ อยากเรียนต่อ! สมองฝ่อไปแล้วหรือไง!”

“คนเราทุกคนมีความคิดต่างกันนิ!” ติรยาลูบผมตัวเอง อย่างสง่างาม ทำเหมือนตัวเองเป็นหญิงสาวผู้เลอโฉม ไม่มีทางที่เธอจะนินทาปาณีเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นหรอก “ฐานะทางบ้านของเขายากจนมากจริงๆ ได้ข่าวมาว่าแม่ ของเขาทำงานอยู่ในร้านสุกี้หม้อไฟ พ่อของเขาทำงาน ขนอิฐอยู่ในไซต์งานก่อสร้าง”

“จริงหรอเนี่ย….ทุกคนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่าง มาก เพราะคนที่สามารถเข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยม ชญตว์ของเมืองชยุตได้ ฐานะครอบครัวก็ไม่ได้แย่ขนาด นั้น “ติรยา เธอใจดีจังเลยนะ บ้านเธอรวยขนาดนี้ แล้ว เธอยังมองเขาเป็นเพื่อนรักอีก”

ติรยาอมยิ้ม เธอชอบที่จะให้คนอื่นชื่นชมเธอแบบนี้

ปาณีเพิ่งจะถึงหน้าประตู ก็ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้ว เหมือนทุกครั้งที่มีการนัดรวมตัวกัน ก็จะ กลายเป็นงานแสดงส่วนตัวของกริยา

เธอสามารถเล่นคนอื่นจนหัวหมุนได้ รู้สึกว่าเธอจะเก่ง

มากเลยทีเดียว

ตอนที่ 55

เธอรู้สึกว่า ตัวเองควรจะคิดบัญชีเรื่องที่เลิกกันกับเขา ดีๆสักหน่อยแล้ว เพื่อที่ว่าเขาจะไม่ทำตัวได้คืบจะเอาศอก อย่างนี้อีก

สีหน้าของเวทัสเย็นชามาก “มีอะไรต้องคุยกันอีก? ตอน นี้เธอก็เป็นน้าสะใภ้ของฉันแล้ว เธอคิดว่าระหว่างเรายังมี เรื่องอะไรที่ต้องคุยกันอีกหรอ?”

ปาณีจ้องหน้าเธอแล้วพูดว่า “พวกเราเลิกกันแล้ว นายคง ไม่ลืมนะ! ที่บ้านของติรยา นายเป็นคนพูดเอง และก็เป็น นายที่เป็นฝ่ายบอกเลิกเอง ในเมื่อเราเลิกกันแล้ว เรื่องของ ฉัน เกี่ยวอะไรกับนายอีก? ฉันมาที่บ้านวิสิทธิ์เวช ก็เหมือน จะไม่ได้ทำอะไรนายเลยนะ!”

เวทัสอึ้งไปสักพัก คิดถึงตอนที่เลิกกัน เป็นความจริงที่ว่า เขาเป็นฝ่ายบอกเลิกก่อน แต่ว่า คนที่ทำผิดต่อเขาคือปาณี ต่างหาก “เธอคบกับน้าชายฉันตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรอ ได้ยินฉันบอกเลิกเธอ คงดีใจมากเลยล่ะสิ? อย่าพูดเหมือน กับฉันเป็นคนทิ้งเธอ!”
“แล้วมันไม่จริงรีไง?” ปาณีมองไปยังเขา “นายอยู่กับติรยา ตลอดเวลา ถึงขั้นไปเจอพ่อแม่ของอีกฝ่ายแล้ว น้าสิริพรก็ ปฏิบัติกับนายเหมือนนายเป็นลูกเขยคนหนึ่ง และก่อนหน้า นั้น เราเลิกกันแล้วหรอ?”

เธอไม่เข้าใจจริงๆ คนที่นอกใจคือเวทัสต่างหาก เขาไป เอาจุดยืนมาจากไหนที่จะโยนความผิดทั้งหมดมาให้เธอ

เวทัสหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา และไม่ได้ยอมรับความ ผิดของตัวเองใดๆ “เธอเคยทำหน้าที่เป็นแฟนที่ดีไหม? หลบ หน้าฉันอยู่ทุกวัน จะให้ฉันนั่งรอเธออย่างโง่ๆรีไง? ปาณี เธอไม่ได้สำคัญขนาดนั้น! เธอไม่รักฉัน ฉันก็ไม่ได้พิศวาส เธอ! บนโลกใบนี้ ไม่ได้มีผู้หญิงแค่เธอคนเดียว”

คำพูดของเขาเหล่านี้ ทำให้ปาณีหัวเราะ เธอก็เคยคิดว่า ตัวเองสำคัญกับเขามาก แต่ในตอนนี้ เธอก็ได้รู้ความจริง

เขาก็แค่คบเล่นๆ เธอไม่ได้สำคัญอะไร

ปาณีตอบว่า “ใช่สิ! ในที่สุด นายก็แค่หาข้ออ้างให้กับการ นอกใจของตัวเอง จากนั้นก็โยนความผิดทั้งหมดมาให้กับ ฉัน?”
การหัวเราะของปาณี ทำให้เวทัสรู้สึกไม่สบายใจ “เธอ แอบคบกับน้าชายก่อนต่างหาก!”

ครั้งที่แล้วเธอเป็นคนยอมรับเอง เพราะฉะนั้น เธอเป็น คนนอกใจเขา

เขาไม่ผิดสักหน่อย!

ปาณีมองไปยังเด็กอนุบาลที่ถูกติรยาจูงไป “ติรยาพูดกับ นายว่าบ้านฉันจนมากเลยใช่ไหม?”

เวทัส “แล้วยังไง?”

“ถ้าอย่างนั้นนายรู้ไหมว่าเวลาที่ฉันไม่ได้อยู่กับนายฉัน ทำงานอยู่ตลอดเวลา? แม้กระทั่งเวลาที่อยู่ในโรงเรียน ขอ แค่มีเวลา ฉันก็จะไปทำงาน ที่ฉันไม่บอกนาย ก็เพราะว่าไม่ อยากขายหน้าต่อหน้านาย ไม่อยากให้นายดูถูก แต่ไม่เคย คิดเลยว่าจะเป็นการเว้นช่องว่างให้ติรยา และยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่เคยคิดเลยว่านายจะเชื่อเขา”

ถ้าหากในตอนนั้น เขาเชื่อใจเธอมากกว่านี้สักหน่อย มี ปัญหาขึ้นมาก็เป็นฝ่ายพูดคุยสื่อสารกับเธอก่อน ไม่ใช่ว่าคบกับติรยาก่อนที่ทั้งสองคนจะเลิกกัน ระหว่างพวกเขาก็ คงไม่เป็นแบบนี้

เวทัสมองไปยังปาณี สีหน้าเขาบึ้งตึง

ปาณีหยิบมือถือออกมาต่อหน้าเขา เป็นรูปภาพที่เธอเก็บ รวบรวมไว้ในหลายวันที่ผ่านมา

ข้างในเป็นรูปถ่ายของเวทัสกับติรยาหลังปิดเทอมทั้งหมด ติรยาเป็นคนขี้อวด เพราะฉะนั้น ทุกครั้งที่ออกไปเดทกับ เวทัส รูปที่ถ่ายเอาไว้เธอก็จะโพสต์ลงบนโซเชียลทั้งหมด

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะไม่อยากให้ปาณีรู้ จึงไม่ได้โพสต์ไว้ ใน QQ เมื่อเร็วๆนี้ปาณีไปหารูปพวกนี้มาจาก Weibo ของติ รยา

ปาณีมองดูรูปพวกนั้น รู้สึกประชดประชันมาก พวกเขา สิถึงจะเป็นคู่รักกัน! และเธอ ก็เป็นเพียงคนโง่ที่ถูกกะลา ครอบไว้

เธอส่งรูปที่แคปไว้ทั้งหมดเข้าไปในมือถือของเวทัส
“หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัย พวกนายอยู่ด้วยกันแทบจะ ตลอดเวลา เวทัส ระหว่างเรา ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายผิด ฉัน หวังว่านายจะรู้อยู่แก่ใจนะ”

ตอนที่ 54

ปาณีมองไปยังเวทัสที่กำลังนั่งกินบะหมี่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ขณะที่เขากำลังทานบะหมี่นั้นเงียบมาก ไม่ส่งเสียงใดๆ ถ้า ไม่สังเกตก็จะเหมือนไม่มีคนอยู่

เมื่อวานเขาไม่อยู่ เพิ่งจะมาวันนี้ล่ะสิ?

บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อยอย่างไม่มีเหตุผล ปาณีก็ไม่ได้ ชวนคุยใดๆ

รู้ซึ้งถึงเธอกำลังมองตัวเองอยู่ เวทัสจึงเงยหน้าขึ้น จอง หน้าเธออย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน “เธอมองฉันทำไม?”

น้ำเสียงของเขาไม่เป็นมิตรอย่างมาก ลำมุงกล้วว่าทั้งสอง คนจะผิดใจกันอีก จึงรีบปลอบใจว่า “คุณชายเวทัส ต้องมี มารยาทนะคะ คุณหนูปาณีเธอเป็นน้าสะใภ้ ถ้าเกิดคุณตา คุณยายและน้าชายรู้เรื่องเข้า จะโดนด่าอีกนะคะ”

“น้าสะใภ้?” เวทัสหัวเราะ “น้าลองถามเธอดู ถ้าผมเรียกเธอกล้าขานรับรึเปล่า?”

อยู่ต่อหน้าลำมุง เวทัสไม่ได้กังวลอะไรมากมาย

ลำมุงมองไปยังปาณี เห้อ ทั้งสองคนก็อายุยังน้อย ไม่รู้จะ ทำยังไงจริงๆ

มองดูท่าทางที่กำลังโกรธของเวทัส ปาณีรู้สึกตลกเล็ก น้อย ถึงแม้ตัวเองจะคบกับธามนิธิ ก็ไม่ได้ไปขัดขวางเรื่อง อะไรของเขามั้ง?

เขากลับทำตัวเหมือนผู้ถูกกระทำ

ปาณีมองไปยังเขา พูดว่า “นายลองเรียกดูสิ ทำไมฉันถึง ไม่กล้าขานรับล่ะ?”

และแน่นอน เธอรู้ดีว่าเวทัสจะไม่มีทางเรียกเธอแบบนั้น

แค่ในตอนนี้ เพียงแค่เขานึกถึงตัวเองต้องเรียกเธอว่าน้า สะใภ้ ประเมินได้เลยว่าคงโมโหจนจะกระอักเลือด!
และเป็นไปตามคาด เวทัสได้รับคำท้าทายจากเธอ

เขาเงยหน้าขึ้น จ้องหน้าปาณี แววตาเย็นชามาก แทบ อยากจะจับเธอถลกหนังกลืนกินเลยทีเดียว

ลำมุงยืนมองอยู่ข้างๆอย่างอกสั่นขวัญแขวน

ปาณีไม่ได้สนใจเขา นั่งทานบะหมี่ของตัวเองต่อ จู่ๆเวทัสก็ วางตะเกียบลงและยืนขึ้น เดินไปยืนอยู่ด้านหน้าปาณี

“เวทัส!” มองท่าทางของเขาที่กำลังจะต่อยคน ลำมุงตกใจ จนทำอะไรไม่ถูก

ถ้าหากเขาต่อยปาณีจริงๆจะทำยังไงเนี่ย?

ธามนิธิกลับมาแล้วจะโกรธขนาดไหน?

“นายรบกวนการทานอาหารของฉันแล้ว” เห็นเขายืนบังอยู่ ด้านหน้าเหมือนกำแพง ปาณีจึงเตือนด้วยความหวังดี

มองไปแล้วปาณีสงบนิ่งมาก และไม่ได้เกรงกลัวเวทัสใดๆ

เธอรู้จักเวทัสดี แม้เขาจะดูโกรธมากแค่ไหน แต่เขาไม่มี ทางลงมือเด็ดขาด

เวทัสจ้องหน้าเธอ “เธอรู้ไหมว่าหลายวันที่ผ่านมาฉันคิดยัง ไง? เธอรู้ไหมว่าฉันจะรู้สึกยังไง?”

ปาณีมองไปยังลำมุงที่ยืนอยู่ข้างๆที่พร้อมจะเข้ามาห้าม ศึกตลอดเวลา แล้วพูดว่า “คุณน้าออกไปก่อนได้ไหมคะ หนู มีเรื่องจะคุยกับเขาหน่อย”

บางคำพูด ไม่สะดวกที่จะให้ลำมุงได้ยิน

แม่บ้านเห็นสถานการณ์ตรงหน้าน่ากลัวเล็กน้อย “แต่ว่า น้ากลัวว่า..”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วางใจได้! หนูเป็นถึงน้าสะใภ้ของเขา เชียวนะ น้าคิดว่าเวทัสเป็นคนที่จะต่อยตีผู้อาวุโสกว่าหรอ คะ?” เขาเป็นเด็กดีมากเวลาอยู่ที่บ้าน เวลาธามนิธิพูด เขา ไม่กล้าแม้แต่จะตดด้วยซ้ำ
ลำมุงมองไปยังเวทัส ก็จริงที่ว่าเขาไม่กล้าต่อยตีผู้อาวุโส กว่า แต่ว่า เขาก็ไม่ได้มองปาณีเป็นผู้อาวุโสกว่านิ!

แม้จะเป็นแบบนี้ แต่เพราะคำขอของปาณี ลำมุงจึงเดิน ออกไป

หลังจากเธอเดินออกไป ปาณีก็มองไปยังเวทัส แววตาของ เขาที่จ้องมองตัวเองอยู่นั้น ใส่เปลวไฟที่สามารถกลืนกินคน เพราะความโมโหไว้

ปาณีพูดอย่างใจเย็นว่า “นายนั่งลงสิ”

“ทำไมล่ะ เธอก็กลัวว่าพวกเขาจะรู้เรื่องของเราสองคนใช่ ไหม?”

เขาคิดว่าเธอจะไม่กลัวสักอีก!

เธอก็ถือโอกาสที่คนในบ้านไม่รู้เรื่อง จึงทำตัวแบบนี้ต่อ หน้าเขาได้

“นั่งลง!” ปาณีพูดด้วยความเย็นชา น้ำเสียงเหมือนกำลังออกคำสั่ง

เวทัส

ผ่านไปสองวินาที เขาเดินไปนั่งที่ของตัวเองตามเดินอย่าง

ว่านอนสอนง่าย

ปาณีพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรให้นายโกรธข นาดนี้ สู้ตอนนี้เรามาเปิดใจคุยกันจะดีกว่า”

ตอนที่ 53

หลังปาณีพูดจบ ธามนิธิก็ออกมาจากข้างในพอดี เขาสวม ใส่เสื้อเชิ้ตหลวมๆ นั่งอยู่บนรถเข็น มองไปยังทั้งสองคนที่ กำลังยืนคุยกันอยู่ เปิดปากพูดเสียงเบาว่า “ไวยาตย์”

น้ำเสียงเรียบนิ่งมาก แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่กำลังกดขี่ อีกฝ่ายอยู่

ไวยาตย์รีบเดินไปหาเขา “คุณธามนิธิ”

ธามนิธิพูดว่า “ปาณี เธอไปก่อน พวกเรามีเรื่องที่ต้องคุย กันนิดหน่อย”

“ค่ะ”

ปาณีเป็นคนที่รู้กาลเทศะมาโดยตลอด และไม่ได้มีความ อยากรู้อยากเห็นเลยว่าพวกเขากำลังจะคุยเรื่องอะไรกัน

แต่ว่า ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เธอรู้สึกอยู่ตลอดเวลาเลยว่าวันนี้ธามนิธิกับไวยาตย์จริงจังเป็นพิเศษ

คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรที่เธอไม่รู้สินะ?

หลังจากเห็นว่าปาณีเดินไปแล้ว ไวยาตย์มองไปยังธามนิธิ “คุณธามนิธิครับ คุณไม่ได้คุยเรื่องนั้นกับปาณีหรอครับ?”

“เรื่องอะไร?”

“เรื่องที่ติรยาพูด” ไวยาตย์พูดว่า “ไม่ว่ายังไง คุณก็น่าจะ ถามหน่อยนะครับ!”

“ฉันลืมแล้ว” ธามนิธิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

ไวยาตย์ “.”

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาลืมได้ยังไงกัน?
ไวยาตย์พูดอย่างจนปัญญาว่า “ผมว่าคุณไม่ได้ใส่ใจเรื่อง นี้ด้วยซ้ำ”

“เรื่องที่ไม่สำคัญ จำเป็นต้องเก็บไว้ในใจด้วยหรอ?”

“ทำไมจะไม่สำคัญล่ะครับ” ไวยาตย์ร้อนใจมาก “ถ้าเกิด ว่าปาณีเป็นอย่างที่ติรยาพูด คุณไม่กลัวว่าเธอจะเป็นนลิน คนต่อไปหรอครับ”

ธามนิธิจ้องหน้าไวยาตย์ นัยน์ตาที่เรียบนิ่งดำสนิทคู่นั้น จู่ๆก็แฝงไปด้วยความเย็นชา

ถึงขั้นเอาปาณีไปเปรียบเทียบกับนลินเลยหรอ?

ธามนิธิไม่ได้พูดอะไร และแล้ว ไวยาตย์ก็รู้สึกได้ถึงความ ไม่พอใจของเขา

ไวยาตย์ก้มหน้าลง พูดด้วยความใจเย็นว่า “ผมแค่เป็นห่วง คุณ ตอนแรกที่คุณจะแต่งงานกับปาณีก็ประมาทมากแล้ว พวกเราไม่รู้เลยว่าเธอเป็นคนอย่างไร คุณก็ตัดสินใจอย่าง ประมาทแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น นายรู้จักติรยาดีแล้วหรอ?” ธามนิธิมองไปยัง ไวยาตย์ “คำพูดที่เขาพูด นายถึงเชื่อขนาดนี้ ? นายไม่กลัว ว่าจะโดนเขาหลอกใช้รีไง?”

ไม่ว่าปาณีจะเป็นคนแบบไหน เขาจะใช้ดวงตาของตัวเอง

มอง

ไม่ใช่ว่าสงสัยปาณีเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของติรยา

เช้าวันจันทร์ เมืองชยุตฝนตกหนักมาก ปาณีตื่นขึ้นมาก็ พบว่าธามนิธิกับไวยาตย์ได้ออกไปแล้ว

แต่เดิมพวกเขาตั้งใจจะพักที่นี่เฉพาะวันเสาร์และวัน อาทิตย์ แต่ว่าเมื่อคืนอยู่ดึกเกินไปเลยไม่ได้กลับ จึงนอนพัก ที่นี่อีกหนึ่งคืน

เสียงของลำมุงดังมาจากหน้าห้อง “คุณหนูปาณี น้าทำ อาหารเช้าไว้ให้แล้วค่ะ คุณหนูตื่นมาทานก่อนแล้วค่อยนอน ต่อดีไหมคะ”
ปาณีตอบไปว่า “ค่ะ”

เป็นเพราะว่าประจำเดือนมา เธอจึงตื่นสายกว่าปกติ

เธอมองดูนาฬิกา เกือบจะ 10 โมงเช้าแล้ว เธอรีบล้างหน้า แปรงฟันแล้วออกมาจากห้องนอน พอถึงห้องอาหารด้าน ล่าง ก็เห็น เวทัสนั่งอยู่คนเดียว ล่ามุงกำลังดูแลเขาในการ ทานอาหารเช้า “เกลือพอไหมคะ?”

เวทัสพยักหน้า

ปาณีไม่รู้ว่าเขามาได้ยังไง ในห้องอาหารมีเพียงเขากับลำ มุ่ง เธอยืนอยู่หน้าประตู กำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่ ลำพุงก็เห็นเธอสักก่อน “คุณหนูปาณี รีบมานั่งสิคะ เตรียม อาหารเช้าไว้ให้คุณหนูแล้วค่ะ”

ปาณีจึงนั่งลง

อาหารเช้าคือบะหมี่ของเมืองชยุต เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ ของเมืองชยุต คนในท้องที่มักจะทานในตอนเช้า
โต๊ะอาหารใหญ่มาก ปกติคนเยอะ แต่ในเวลานี้ มีเพียงเธอ กับเวทัส ปาณีจึงถามว่า “พวกเขาไม่อยู่เลยหรอคะ?”

ลำมุงตอบว่า “วันนี้เป็นวันจันทร์ ทุกคนไปทำงานแล้วค่ะ ในบ้านก็เหลือเพียงคุณหนูกับคุณชายเวทัสค่ะ”

เวทัสมาหลังจากที่พวกเขาไปแล้ว ในบ้านตอนนี้ มีเพียง เขาและปาณีที่หยุดเพราะปิดเทอม

ตอนที่ 52

ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างนี้จะกินให้เยอะๆเลย ก่อนที่คุณอาจะ นึกขึ้นได้

“เธอยังเป็นเด็กดีไง? กินเยอะแล้วสุดท้ายคนที่ไม่สบายก็ เป็นตัวเธอเอง” เขาลูบหัวเธอเป็นการปลอบใจ พูดกับแม่ บ้านว่า “เก็บไว้ให้เธอก่อน”

“ค่ะ” แม่บ้านรีบเก็บไอศกรีมไป

ปาณีจ้องหน้าธามนิธิ ในตามีความแค้นมหาศาล มองดู ของที่ตัวเองชอบแต่กลับกินไม่ได้เป็นอะไรที่ทรมานมาก!

ธามนิธิเห็นสีหน้าท่าทางของเธอ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออก มา “นี่ยังมีของหวานอีกไม่ใช่หรือไง?”

ยังดีนะที่ของหวานมีอุณหภูมิปกติ

ปาณีแย่งช้อนมาจากมือของธามนิธิ ทานของหวานที่แม่บ้านทำไว้ให้อร่อยมาก

หวานจนตาหยีเลยทีเดียว

แม่เจ้า มีความสุขมากจริงๆ!

ไวยาตย์เดินเข้ามาจากข้างนอก มองดูภาพที่อยู่เบื้อง หน้า : ปาณีกำลังทานของหวาน ธามนิธินั่งมองเธออยู่ข้างๆ แววตาเต็มไปด้วยความรักเอาใจใส่

แต่เดิมเขาคิดว่า ธามนิธิไปหาปาณี เพื่อที่จะคุยเรื่องนั้น กับเธอสักอีก

แต่ปรากฏว่า…

ทำไมคุณธามนิธิของเขาถูกปาณีนางจิ้งจอกหว่านเสน่ห์ อีกแล้วล่ะ?

ลืมเรื่องสำคัญได้ไปได้ยังไง!

ปาณีเห็นเขาเดินเข้ามา ทักทายอย่างมีมารยาท “คุณไวยาตย์”

ไวยาตย์มองไปยังปาณี ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองไป ยังธามนิธิแล้วพูดว่า “คุณธามนิธิครับ”

“มีธุระอะไรค่อยคุยกับทีหลัง!” ธามนิธิรู้ว่าเขาจจะพูดอะไร

ไวยาตย์จึงยืนอยู่ข้างๆ ตาทั้งคู่ของเขาจ้องปาณีอย่างไม่

วางตา

เห็นในตาของปาณีมีแต่เรื่องกินแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะ หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา : ปาณีถือเป็นคนที่หวังสูงมาก เธอคงไม่คิดหรอกนะว่าคุณธามนิธิจะยังไม่รู้เรื่องของเธอ?

แต่ก่อนยังโกหกว่าเธอกับเวทัสไม่สนิทกันอีก

ไม่น่าล่ะ เวทัสถึงเกลียดเธอขนาดนี้

ในตอนนี้ แม้แต่เขาก็เริ่มเกลียดปาณีซะแล้ว
ปาณีหยิบช้อนของธามนิธิมา ตักของหวานป้อนให้เขา “คุณอา ลองทานดูสิคะ อร่อยมาก!”

ธามนิธิมองของหวานที่เธอป้อนให้ แม้จะไม่ได้ชอบทาน มาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจเธอ เขากินแต่โดยดี

“อร่อยใช่ไหมคะ?” ปาณีพูด “อร่อยมากจริงๆ ครั้งหน้าหนู ก็อยากฝึกทำของหวานกับคุณน้าสักหน่อย”

ไวยาตย์มองไปยังท่าทางที่กำลังอ่อยธามนิธิของเธออยู่ แทบอยากจะวิ่งเข้าไปฉีกหน้ากากเธอออก

แล้วมองไปยังธามนิธิ เหมือนเขาจะเพลิดเพลินกับการ เอาอกเอาใจของปาณีเป็นอย่างมาก

ไวยาตย์ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!

คุณธามนิธิของเธอไม่น่าจะเป็นคนที่ถูกล่อลวงได้ง่าย ขนาดนี้ เมื่อก่อนมีผู้หญิงมาเสนอตัวให้เขามากมาย แต่เขา ไม่เคยสนใจใครเลย
ทำไมถึงเป็นปาณีล่ะที่ทำให้เขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้นแบบนี้?

หลังจากรับประทานอาหารเย็น ไวยาตย์ยืนอยู่หน้าห้อง อาหาร ปาณีเดินออกมาจากห้องอาหาร เห็นเขายืนอยู่ จึง เดินเข้าไปทัก

ไวยาตย์อึ้งไปสักพัก มองไปยังปาณี “มีธุระ?”

ปาณียิ้มพูดว่า “หนูทำอะไรผิดหรอคะ?”

ตั้งแต่ไวยาตย์ปรากฏตัวในวันนี้ ปาณีก็รู้สึกถึงความผิด ปกติ เธอทักทายไวยาตย์ ไวยาตย์ก็ไม่ได้ตอบเธอ

เธอคาดเดาว่าอาจเป็นเพราะตัวเองทำอะไรไม่ดี จึงทำให้ ไวยาตย์ไม่พอใจ ดังนั้น จึงอยากถามให้แน่ใจ

เพราะถึงอย่างไร ไวยาตย์ก็ดีกับเธอไม่น้อย ปาณีไม่ อยากทำให้ใครไม่พอใจอย่างไร้เหตุผล

ไวยาตย์มองไปยังท่าทางผู้บริสุทธิ์ของเธอ แสดงได้ไม่เลวเลยนิ!

เขามองไปยังปาณี “จำคำพูดที่ฉันเคยบอกเธอตอนที่เธอ เพิ่งมาได้ใช่ไหม?”

“ค่ะ” แม้คำพูดที่เขาเคยพูดจะเยอะมาก แต่ปาณีก็จำได้ เกือบทั้งหมด เธอมองไปยังไวยาตย์ “ทำไมหรอคะ?”

ไวยาตย์พูดอย่างจริงจังว่า “ถ้าเธอกล้าทำผิดต่อคุณธา มนิธิ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่ๆ”

ปาณีหัวเราะ “หนูจะทำผิดต่อคุณอาได้ยังไงคะ? คุณอาดี กับหนูขนาดนี้ ทำไมหนูต้องทำร้ายเขาด้วยล่ะคะ?”

ตอนที่ 51

ธามนิธิมองไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของ เธอใสสะอาดมาก

“ตื่นได้แล้ว! แม่บ้านทำของว่างไว้ให้เธอแล้ว”

“จริงหรอคะ? ทำอะไรไว้คะ?” ปาณีรู้สึกมีแรงขึ้นมาทันที เธอลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นรีบคว้าเสื้อผ้าวิ่งเข้าไปใน ห้องน้ำ เธอทำ ธุระส่วนตัวนิดหน่อยและถือโอกาสเปลี่ยน เสื้อผ้าเลย

การกระทำของเธอคล่องแคล่วว่องไวมาก ไม่ถึงห้านาทีก็ เสร็จหมดทุกอย่าง จากนั้นเธอก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำ

เป็นนักกินตัวยงจริงๆ!

เพียงแค่ได้ยินว่ากิน ราวกับไม่เอาแม้กระทั่งชีวิตตัวเอง

ปาณีลงไปชั้นล่างพร้อมกับธามนิธิ ลำมุงพูดว่า “คุณหนูปาณี เร็วๆค่ะ รีบมาดูว่าน้าทำอะไรไว้ให้คุณหนู?”

มีของหวานที่แม่บ้านลงมือทำเอง และยังมีไอศกรีมอีกด้วย จันวิภาทานไปแล้ว ปาณีนั่งลงพร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณค่ะ คุณน้า”

จันวิภามองดูท่าทางของเธอที่น้ำลายไหลซะก่อน ทั้งที่ยัง ไม่ทันได้กินเลย “เธอนี่เป็นนักกินจริงๆเลยนะ!”

“ช่วยไม่ได้ ก็หนูอยู่ในวัยกำลังโตไม่ใช่หรอคะ?” ปาณี นำถ้วยของธามนิธิมา และวางไว้ตรงหน้าเขา จากนั้นก็เอา ช้อนให้เขาด้วย “คุณอา”

“เธอกินเลย!” ธามนิธิไม่ค่อยชอบทานของพวกนี้เท่าไหร่

เขาไม่ใช่หญิงสาวอายุสิบกว่าปีอย่างเธอสักหน่อย

ปาณีพูดว่า “ทานหน่อยสิคะ! อากาศร้อน ทานแล้วจะได้

เย็นๆ”

เมืองชยุตเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอากาศร้อนเหมือนอยู่ในเตาไฟเชียวล่ะ แม้ภายในบ้านจะมีแอร์ แต่อย่างไรก็ตาม ใน ช่วงฤดูร้อน แบบนี้ แม้ร่างกายจะไม่ร้อน แต่ก็สามารถทำให้ เราใจร้อนหรือหงุดหงิดได้ ทานไอศกรีมหวานๆเย็นๆใน เวลานี้ ไม่รู้จะมีความสุข มากขนาดไหน

ธามนิธิตอบว่า “วางไว้ก่อน”

สายตาของเขาตกอยู่บนตัวของปาณี ไม่มีทางเลยที่จะ เชื่อมเธอและคนที่ติรยาพรรณนาถึงให้เป็นคนเดียวกันได้

ปาณีถือซ้อน และเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย “ไอศกรีมอันนี้ อร่อยจังเลย!”

ไอศกรีมฮาเก้นดาส ข้างนอกขายแพงมาก สิบกว่าหยวน ได้เล็กนิดเดียว

เมื่อก่อนปาณีเคยกินครั้งหนึ่ง อร่อยจนพูดไม่ออกเลย แหละ ไม่คิดเลยว่าจะได้กินที่นี่อีก

ช่วงเวลาในพริบตานี้รู้สึกได้ถึงความสุขที่เอ่อล้นออกมา!
“ถ้าอย่างนั้นก็ทานเยอะๆเลยนะคะ” ลำมุงยิ้มแล้วพูดว่า “รู้ ว่าคุณหนูต้องชอบแน่ๆ วันนี้คุณนายเลยให้คนส่งมาสองถัง คุณหนูทานได้อีกนานเลยค่ะ!”

“เยี่ยมขนาดนี้เลยหรอคะเนี่ย?” สองถัง ปาณีนึกภาพไม่ ออก “อยู่ไหนคะ? หนูขอดูหน่อย”

เธอลุกขึ้นเดินตามลำมุงเข้าไปในครัวโดยเร็ว

มองดูลักษณะท่าทางของเธอแล้ว ทำให้จันวิภาหัวเราะ ออกมา “ปาณีของนายนี่ชอบกินจริงๆ! ไม่เหมือนลูกชาย ของฉัน ทุกครั้งที่ให้กินของดี เขายังจะเลือกมากอีก”

สำหรับคนอย่างพวกเขาที่คลอดออกมาแล้วไม่เคยขาด อะไรเลย คนที่ซื้อไอศกรีมที่เป็นถังเป็นถัง ไม่มีทางที่จะ เข้าใจความสุขของปาณีได้

มองดูท่าทางของปาณีแล้ว กลับทำให้รู้สึกน่าสนใจ มากกว่า

ปาณีเห็นไอศกรีมสองถังด้วยตาของตัวเอง แทบไม่อยาก จะเชื่อเลย “นี่ต้องกินนานขนาดไหนคะเนี่ย? และต้องแพงมากแน่ๆเลย!”

ลำมุงยิ้มด้วยความเอ็นดู แต่ไม่ได้พูดอะไร

ปาณีกลับไปนั่งที่ของตัวเองตามเดิม หยิบช้อนแล้วนั่งทาน ไอศกรีมของตัวเองต่อ ธามนิธิมองเห็นสภาพนี้แล้ว อดไม่ ได้ที่จะพูดว่า “เธอมั่นใจนะว่าจะทานเยอะขนาดนี้”

“ให้หนูอีก10ชุด หนูก็ยังไหว” เธอพูดด้วยความภาค ภูมิใจ

ธามนิธิแย่งช้อนมาจากมือเธออย่างคนที่ได้เปรียบกว่า “ฉันกลัวว่าเธอจะปวดท้องตอนกลางคืนแล้วนอนไม่หลับ

อีก”

ลำมุงเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ปาณีกำลังอยู่ในช่วงเวลา พิเศษ ใช่ๆๆ! ผู้หญิงในช่วงเวลาสองสามวันนี้ต้องทานของ เย็นน้อยหน่อย ถ้าคุณชายไม่พูดขึ้นมาน้าก็ลืมสนิทเลย คุณหนู ทานน้อยๆหน่อยนะคะ เดี๋ยวน้าเก็บไว้ให้ รอหาย ดีแล้วค่อยมาทานต่อ”
“ปาณีมองไปยังธามนิธิอย่างน่าสงสาร “แต่หนูเพิ่ง

กินไปสองคำเองนะ!”

ตอนที่ 50

ไวยาตย์ยืนมองเขาอยู่ข้างๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังโกรธ หรือไม่ ได้โกรธ

ถ้าพูดว่าโกรธก็เป็นเรื่องปกติ เพราะตอนที่ปาณีกลับมาที่ บ้าน ก็บอกว่าไม่รู้จักเวทัสต่อหน้าทุกคนในบ้าน จุดที่โกหก หลอกลวงนี้ ถือว่าเธอทำไม่ถูก

อย่างไรก็ตาม การที่ปาณีไม่พูดออกมา แน่นอนเธอก็มี จุดยืนของตัวเอง

เธอก็คงไม่สามารถกลับมาแล้วบอกทุกคนได้ว่าเวทัสเป็น แฟนเก่าของเธอนิ!

ไวยาตย์ปริปากพูดว่า “ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาก็คบ กันเล่นแบบเด็กๆ ใครล่ะจะไม่เคยมีช่วงชีวิตวัยรุ่น? คุณก็ อย่าใส่ใจมากเลยครับ”

ในเวลานี้ มือถือของธามนิธิก็ดังขึ้น เป็นเสียงเตือนของข้อความเข้า ข้างในมีข้อความที่เขียนไว้ว่า :

คุณอาธามนิธิ สวัสดีค่ะ หนูคือติรยา แฟนของเวทัสค่ะ

ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หนูทำให้คุณโกรธตอนอยู่ที่บ้าน ของคุณเมื่อวานนี้

ความจริงแล้ว หนูไม่เคยคิดเลยค่ะ ว่าจะเจอปาณีที่บ้าน ของคุณเมื่อวานนี้ เมื่อก่อนปาณีเป็นเพื่อนสนิทของหนูค่ะ เธอรู้ทั้งรู้ว่าเวทัสเป็นแฟนของหนู ยังถือโอกาสที่นั่งโต๊ะ เดียวกันกับเขาอ่อยเขาบ่อยๆ หลังจากที่หนูรู้เรื่องนี้ หนูก็ เลยไม่ค่อยไปมาหาสู่กับเธออีก ไม่คิดเลยค่ะว่าจะเจอเธอที่ บ้านของคุณ!

ครอบครัวของปาณียากจนมาก เพราะฉะนั้น ปกติคนไหน รวย เธอก็จะชอบคนนั้น เพียงแต่ว่า คุณเป็นน้าของเวทัส หนูทนไม่ได้จริงๆที่เธอมาหลอกคุณอย่างนี้! หนูจึงรวบรวม ความกล้าเพื่อบอกคุณเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

ถ้าหากคุณไม่ถือสาอะไร ก็ถือซะว่าหนูไม่เคยพูดค่ะ

เธอได้เบอร์โทรมาจากเวทัส เพราะเธอบอกว่าอยากขอโทษธามนิธิ เวทัสจึงให้เธอมา

ธามนิธิมองไปยังข้อความในมือถือแล้วยิ้มมุมปาก

ไวยาตย์มองไปยังเขา แม้เขาจะยิ้มออกมา แต่ทำไมรอย ยิ้มนั้นทำให้คนอื่นรู้สึกแปลกๆล่ะ?

เขาจึงถามว่า “คุณธามนิธิ มีเรื่องอะไรหรอครับ?”

“นายลองดูเองสิ” ธามนิธิโยนมือถือไปให้เขา

ไวยาตย์รับมอถือมา จ้องไปยังมือถือและอ่านข้อความ ที่ติรยาส่งมาให้ในใจหนึ่งรอบ สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็น เข้มขรึมทันที “ถ้าเกิดปาณีเป็นคนอย่างนี้จริงๆ ผมรู้สึกว่า คุณธามนิธิควรจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานกับเธออย่าง จริงจังอีกครั้งนะครับ”

ในความเป็นจริง จนถึงเวลานี้แล้ว ไวยาตย์ก็ยังไม่เข้าใจ ว่าทำไมธามนิธิกับปาณีถึงคบกันได้

วันนั้นที่เขาถูกธามนิธิเรียกไปทำสัญญาการแต่งงานก็เกินความคาดหมายมาก

ปาณีก็เป็นแค่เด็กที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร เป็นแค่คนใช้ที่มา ทำงานในบ้าน ปกติก็ไม่ค่อยได้พบเจอกับธามนิธิอยู่แล้ว

นึกถึงวันนั้น ที่เธอช่วยธามนิธิทำแผล แค่ในชั่วงระยะเวลา สั้นๆ ก็ทำให้ธามนิธิตัดสินใจขอเธอแต่งงานได้ ไวยาตย์ อดไม่ได้ที่จะนับถือความสามารถของเธอจริงๆ

ดูไม่ออกเลยว่า ปาณีมีวิธีการอันเฉียบขาดที่ไม่ธรรมดา จริงๆ

แม้แต่ธามนิธิที่ว่าจัดการยากแล้วยังถูกเธอหลอกได้

ธามนิธิไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่มองไปยังไวยาตย์ที่โกรธ เป็นฟืนเป็นไฟ

ไวยาตย์ยิ่งคิดยิ่งโมโห พูดว่า “คุณไม่รู้ว่าผู้หญิงสมัยนี้ ไม่ เหมือนกับผู้หญิงยุคที่เรายังเรียนอยู่ อายุแค่นี้ไม่ตั้งใจเรียน แต่ละคนหยิ่งยโสมากกว่าอีกคนอีก ยอมเป็นมือที่สาม แต่งงานกับคนรวยก็เยอะแยะครับ”
ปาณีนอนอยู่บนเตียง เล่นมือถือสักพัก หลังจากนั้นก็หลับ ไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็ตื่นขึ้นมา ขณะที่เธอตื่น เธอเห็นธา มนิธินั่งอยู่ข้างๆ กำลังมองมาที่เธอ

ปาณีขยี้ตาเบาๆ มองไปยังเขา “คุณอา มาตั้งแต่เมื่อไหร่ คะ หนูไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”

“มาแล้วสักพัก” เขายังคงมองปาณีด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง แต่ปกติเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ปาณีจึงไม่รู้สึกแปลกอะไร

ปาณีใส่เสื้อยืดของธามนิธิ นอนหนุนหมอนอยู่บนเตียง มองดูเขาอย่างอ่อนโยน “คุณคงไม่ได้นั่งเฝ้าหนูอยู่ตรงนี้ตล อดมั้งคะ!”

ตอนที่ 49

ปาณีนอนอยู่บนเตียง เห็นธามนิธิยังไม่กลับมาสักที จึง หยิบมือถือออกมาเล่นสักพัก

พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของครูประจำชั้น ในกลุ่มแชทของ ห้องเรียนกำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องที่จะจัดวันเกิดให้ คุณครู ปาณีนึกถึงครูประจำชั้นของเธอที่ดีกับเธอมาก

รู้ว่าครอบครัวของปาณียากจน เขาก็มักจะช่วยเหลือปาณี เสมอ บางครั้งก็เรียกปาณีไปพบที่ห้องพักครู ไปช่วยเก็บ เศษกระดาษที่ไม่ใช้แล้ว จากนั้นให้ปาณีนำกระดาษพวก นั้นไปขาย เพื่อที่จะได้มีค่าขนม

แม้ว่าจะเป็นจำนวนที่ไม่เยอะ แต่นี่เป็นการช่วยเหลือของ ครูอย่างหนึ่ง

และยิ่งไปกว่านั้น ครูตนัสก็ยังให้กำลังใจเธอบ่อยๆ บอก เธอว่า การเรียนเป็นทางออกเดียวของเธอ ไม่ว่าฐานะ ครอบครัวจะยากลำบากเพียงใด ก็อย่ายอมแพ้
บุคคลนี้มีผลกระทบต่อเธออย่างมาก

ปาณีกำลังลังเลว่าเธอจะไปร่วมงานด้วยหรือไม่ ทันใดนั้น ติรยาก็แอดถึงเธอในกลุ่มว่า “ปาณี ตอนนี้เธอยังอยู่ใน เมืองชยุตใช่ไหม? ครูตนัสดีกับเธอขนาดนี้ เธอจะไม่มาร่วม งานหรอ?”

ปาณีหมดคำพูด ไปร่วมงานวันเกิดของครูตนัสเป็นเรื่อง ที่สมควร แต่การที่ติรยาแอดเธอขนาดนี้ หมายความว่า อย่างไร?

เขาอยากทำเรื่องไม่ดีอะไรอีก?

เพราะว่าการแอดของติรยา ทำให้หลายๆคนเลยพูดถึง ปาณีไปด้วย”ใช่สิ ปาณี เธอจะไม่มาได้ยังไง! เธอเป็นถึง คณะกรรมการการเรียนรู้ของห้องเราเชียวนะ!”

ในเวลาแบบนี้ ปาณีก็ไม่สามารถแกล้งตายได้ เธอจึงตอบ ไปว่า “ฉันไปอยู่แล้ว”

โอกาสที่ทุกคนจะนัดเจอกันในอนาคตน้อยลงทุกที ไป เยี่ยมครูตนัสในตอนนี้ เป็นเรื่องที่เธอควรจะทำ
พอเห็นคำตอบของปาณี ติรยาจึงยิ้มมุมปาก ส่งแชทหา เวทัสที่กำลังเล่นเกมอยู่ว่า “พรุ่งนี้วันเกิดของครูตนัส นาย จะมาไหม?”

“ไม่ไป” หลายวันนี้เวทัสอารมณ์เสียมาก โดย เฉพาะ ….ท่าทีของปาณีเมื่อครู่ ทำให้เขาหงุดหงิดมากยิ่ง ขึ้น ขึ้น

ติรยาจึงพูดว่า “เมื่อกี้ปาณีตอบแล้วว่าจะไป นายยังไม่ไป อีกหรอ?”

” เวทัสคาดไม่ถึงเล็กน้อย จึงเปลี่ยนใจว่า “ฉันไป”

ติรยาเห็นเขากลับคำพูดเพราะปาณีไวขนาดนี้ ดวงตา เศร้าเล็กน้อย ก็รู้อยู่แล้วว่าเวทัสยังใส่ใจปาณีอยู่ แค่คิดถึง จุดนี้ เธอก็โมโหมาก

เธอสู้ปาณีไม่ได้ตรงไหน?

นอกจากปาณีเรียนเก่งอย่างเดียวแล้ว มีจุดไหนที่เธอ เทียบไม่ได้บ้าง?
โดยเพาะตอนนี้ปาณีก็แต่งงานกับธามนิธิแล้ว เวทัสยัง ใส่ใจเธอขนาดนี้ แค่คิดก็ทำให้คนไม่พอใจ

อย่างไรก็ตาม พออยู่ต่อหน้าเวทัสแล้ว ติรยาก็ไม่สะดวกที่ จะพูดอะไร

ในห้องทำงาน ไวยาตย์ยืนอยู่ต่อหน้าของธามนิธิ “คุณ ธามนิธิครับ เรื่องในโรงเรียนของปาณีที่คุณให้ผมสืบก่อน หน้านี้ ผมสืบได้ความมาแล้วครับ เธอเคยมีแฟนจริงๆ และ ยิ่งไปกว่านั้น.. คนๆนั้น คุณก็รู้จักครับ”

ขณะที่พูดคำพูดพวกนี้ ไวยาตย์รู้สึกกลัวเล็กน้อย กลัวว่า ธามนิธิจะไม่สบายใจ

แต่เรื่องแบบนี้ เขาก็ไม่สามารถช่วยปิดเอาไว้ได้ ให้เขารู้ เร็วๆจะดีกว่า!

ดีกว่าวันไหนเกิดเรื่องขึ้นมา แล้วมาโกรธเขาภายหลัง
ธามนิธิไม่ได้พูดอะไร คนที่เขารู้จัก และยังเคยคบกับ ปาณี ดูไปดูมา คนที่คิดได้ก็คงมีแค่คนเดียวสินะ

ไวยาตย์บอกว่า”เมื่อก่อนตอนเธอยังเรียนอยู่ในโรงเรียน เธอกับคุณชายเวทัสนั่งโต๊ะเดียวกัน ความสัมพันธ์ของทั้ง สองคนดีมากครับ เพราะฉะนั้นเขาเคยคบกัน แต่ตอนนี้พวก เขาเลิกกันแล้วครับ”

ถึงยังไงเวทัสก็เคยพาติรยามาที่บ้านแล้ว ดูเหมือนจะไม่มี อะไรเกี่ยวข้องกับปาณีอีก

ธามนิธิไม่ได้ตอบอะไร เหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง อยู่ในใจ บรรยากาศในห้องอึดอัดมากผิดปกติ

ตอนที่ 48

โดยปกติมักจะปวดแค่วันแรก แม้วันนี้จะยังรู้สึกไม่ค่อย สบายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นเดินไม่ได้

ธามนิธิพูดว่า “งั้นก็ดีแล้ว! ข้าวก็ทานเสร็จแล้ว ผลไม้ก็ ทานแล้ว จะไปนอนพักในห้องหน่อยไหม?”

“แล้วคุณล่ะ?” ปาณีมองดูธามนิธิ ความตั้งใจจริงของเธอ คืออยากถามว่าคุณอาจะทำอะไรต่อคะ แต่ผลที่ได้หลังจาก ถามคำถามนี้ไปกลับรู้สึกตงิดๆ

ธามนิธิจ้องมองปาณี มีความไม่คาดคิดเล็กน้อย “ทำไม อยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนหรอ?”

พูดตามความจริง ปาณีในเวลานี้ แทบอยากจะกัด ลิ้นตัวเองให้ขาด

เธอพูดว่า “เปล่านิคะ! หนูก็แค่จะถามว่าบ่ายนี้คุณอยาก อะไร?”
“ไม่ทำอะไรอยู่เป็นเพื่อนเธอไง”

ปาณีปิดประตูลงหลังจากที่เข็นธามนิธิกลับไปในห้อง จู่ๆก็ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา

เธอมองไปยังธามนิธิ “นอนกลางวันแสกๆแบบนี้จะดีหรอ

คะ?”

“หมอบอกว่า อาการของเธอต้องพักผ่อนเยอะๆ”

“หนูไม่ได้ป่วยสักหน่อย” ปาณีก้มหน้าลง รู้สึกตื่นเต้นมาก ไม่รู้ว่าจะเอามือวางไว้ไหนดี

เธอไม่มีความคิดเห็นใดๆที่ตัวเองนอนกลางวัน แต่การที่มี คุณอาอยู่ข้างๆแบบนี้รู้สึกทำตัวไม่ถูก

ธามนิธิมองไปยังเธอ”ไม่นอนหรอ? หรือว่า อยากให้ฉัน อุ้มเธอไปนอนบนเตียง?
ไม่ ไม่ต้องค่ะ” เธอมีมือมีเท้าเดินไปเองได้ ธามนิธิ เคลื่อนตัวไม่สะดวก ถ้าขอความช่วยเหลือจากเขามันเข้า ท่าที่ไหนกัน

ปาณีไปเปลี่ยนเป็น ชุดนอน ” โดยเร็ว และนอนอยู่บนเตียง

ธามนิธิยื่นมือออกไปห่มผ้าให้เธอ ระยะห่างระหว่างเขา และเธอใกล้มาก แค่เพียงเข้าก้มหัวลงก็แทบจะจูบเธอได้ แล้ว

ปาณีมองเขาแวบหนึ่ง พูดอย่างขาดความมั่นใจว่า “หนู…. หนูนอนก่อนนะคะ!”

“อิ่ม”

เธอหลับตาลงอย่างตื่นเต้น ธามนิธิที่มองเธออยู่อย่างนั้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ทำยังไงดี? ยิ่งเธอเป็นแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เขาอยากแกล้งเธอ มากขึ้น!
ถึงแม้ว่าปาณิจะหลับตาและมองไม่เห็นอะไร แต่เมื่อธา มนิธิก้มหน้าลง ทันทีที่ริมฝีปากของเขาเข้าใกล้กับใบหน้า ของเธอ เธอก็สะดุ้งลืมตาขึ้นมา

เธอมองไปยังธามนิธิ แต่ธามนิธิกลับไม่ยอมหลบสายตา เลย ยังคงรักษาระยะห่างที่เก้อเขินนี้ไว้ มองเธออย่างไม่ สะทกสะท้าน

ทำให้เธอยิ่งเคอะเขินมากขึ้น!

จ้องหน้าเขา แม้แต่หายใจยังไม่กล้าหายใจแรงเลย มี เพียงดวงตาที่กลมโตคู่นั้นที่จ้องมองธามนิธิ

“นอนสิ!” ธามนิธิพูดโดยระยะห่างที่แทบจะติดกันอยู่แล้ว

ปาณีตอบว่า “หนูนอนไม่หลับ”

เขาทำแบบนี้ เธอจะหลับลงได้ยังไง!

ธามนิธิขยับริมฝีปาก “ไม่ใช่ว่าเธอให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อน หรอกหรอ?”
” ปาณีสาบานได้เลยว่าเธอไม่เคยพูดคำพูดพวกนี้ เขาเป็นคนเข้าใจผิดแท้ๆ

เธอมองหน้าธามนิธิ รวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า “คุณอา คุณเป็นสุภาพบุรุษ จะไม่จูบหนูใช่ไหมคะ?”

“สุภาพบุรุษ?” ธามนิธิจ้องมองเธอ “ใครบอกเธอหรอ?”

” เดิมทีปาณีคิดว่า หากเธอพูดแบบนี้ เขาก็จะตอบ ตามน้ำไป ที่ไหนได้ เขากลับไม่สนใจใยดีรักษาหน้าตาเลย

แสดงว่าตั้งใจจะจูบเธอ?

ปาณีคิดฟุ้งซ่านในใจ ยังดีนะที่ธามนิธิเป็นหมัน ไม่อย่าง นั้น ถึงเวลานั้นเขาให้เธอมีลูกให้ จะทำตัวไม่ถูกขนาดไหน เนี่ย?

ขณะที่ปาณีกำลังรอธามนิธิจูบเธอ เสียงเคาะประตูห้องก็ ดังขึ้น
ธามนิธิไปเปิดประตู

ปาณีแอบลืมตาขึ้นมา เห็นไวยาตย์กำลังคุยกับธามนิธิ หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็ออกไปและปิดประตูลง เธอถึงโล่ง ใจขึ้นมา

ตอนที่ 47

เมื่อคืนเธอไม่ได้ลงมากินข้าว ไม่ได้เป็นเพราะว่าจะต้มเขา หรอกหรอ?

โดนว่ากล่าวตักเตือนในหลายครั้งนี้ เวทัสโยนความผิด ทั้งหมดให้กับเธอ

ปาณีหัวเราะหลังจากฟังคำถามของเขา “ฟ้องแล้วนายจะ ทำอะไรได้?”

เธอดูออกว่า เวทัสทำอะไรธามนิธิไม่ได้ มิเช่นนั้น จาก นิสัยของเวทัสแล้ว คงไม่อดทนอดกลั้นมานานขนาดนี้

เมื่อก่อนตอนอยู่โรงเรียน เขาไม่เคยโดนใครเอาเปรียบ

เลย

หลังจากเวทัสได้ยินเธอพูด ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ปาณี นอกจากจะฟ้องแล้ว เธอทำอะไรเป็นบ้าง? ถ้าแน่จริงก็ จัดการเรื่องของเราสองคนเองสิ ไม่ต้องลากน้าเข้ามา
เกี่ยวข้อง”

ปาณีหัวเราะออกมา “อยากใช้วิธีการกระตุ้นเพื่อให้ฉันทำ ตามที่นายบอกหรอ? ไม่ได้ผลกับฉันหรอก! ฉันจะลากน้า นายเข้ามาเกี่ยวด้วย นายจะทำอะไรได้?”

หลังจากพูดประโยคนี้แล้ว ปาณียังเลียนเสียงหัวเราะของ ผู้หญิงที่ร้ายกาจอีกด้วย

เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ก่อนหน้านี้เธอยังเสียใจเรื่อง ที่เวทัสคบกับติรยาอยู่เลย แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่า ตัวเอง ก็ไม่ได้สนใจเวทัสมากขนาดนั้น

ถึงขั้นที่หลังจากได้ยินเขาพูดแล้ว มีแรงกระตุ้นที่อยากจะ ตีเขาให้ตายไปเลย

แต่เรื่องของความรู้สึกก็คงเป็นแบบนี้แหละ!

ตอนรักกันจะทำอะไรก็ได้ แต่พอหมดความรู้สึกแล้ว ต่าง ฝ่ายก็ต่างรังเกียจกัน
เปรียบเสมือนท่าทีที่เวทัสมีต่อเขาในตอนนี้

ในบางครั้ง เมื่อคิดถึงชื่อเวทัสแล้ว เธอก็ยากที่จะ จินตนาการว่าพวกเขาเคยคบกัน

เวทัสหัวเราะอย่างเย็นชา “ปาณี เธอคิดว่าน้าฉันจะชอบ เธอหรอ? เธอผิดไปแล้ว! คู่หมั้นของเขาคือนลิน เธอก็เป็น ได้แค่ตัวสำรอง! ถ้านลินไม่จากไป เธอคิดว่าจะตกมาถึง เธอหรอ?”

ปาณีตอบว่า “ฉันต้องรู้สิ! เพราะฉะนั้น รอให้นลินกลับมา แล้ว ฉันต้องขอบคุณเขาดีๆสักหน่อย”

แต่เดิมเวทัสเวลาแค่อยากยั่วโมโหเธอ แต่ได้ยินปาณีพูด แบบนี้แล้ว เขาถึงกับหมดคำพูด

เธอหน้าด้านเกินไปแล้วมั้ง!

แบบนี้ยังจะไม่ถือสาอะไรเลยหรอ?

เขารู้สึกว่าเมื่อก่อนตัวเองประเมินปาณีต่ำไป เธอหน้าไม่อายอย่างที่ติรยาพูดไว้จริงๆด้วย

“ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ต้องมีสักวันที่เธออยากร้องไห้แต่ก็มีที่ให้ เธอร้อง”

ปาณีกำมือถือไว้แน่น ฟังเสียงที่เยาะเย้ยของเวทัส แล้ว พูดว่า “ถ้าไม่มีธุระอะไร ฉันวางละ”

เขาโทรมาเพื่อด่าเธอโดยเฉพาะ คงด่าจนพอแล้วสินะ!

ปาณีเพิ่งจะพูดจบ เวทัสก็แย่งตัดสายไปก่อนเธอแล้ว

เธอมองดูมือถือที่ถูกตัดสายไป ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรเลย จริงๆ

คนที่บอกเลิกก็เป็นเขา คนที่เข้าใจเธอผิดก็เป็นเขา!

เธอไม่คิดบัญชีกับเขาก็ดีเท่าไหร่แล้ว ตั้งแต่ที่ตัวเองเข้า มาในบ้านหลังนี้ เขาก็หาเรื่องเธอมาตลอด ทำเหมือนกับตัว เองเคยติดหนี้เขาหลายล้านอย่างนั้นแหละ
คนเราไร้ยางอายถึงเพียงนี้ ถือว่าปาณีได้เปิดตารู้จักโลก นี้มากขึ้น

ธามนิธิมองไปยังปาณีที่กลับมานั่งที่เดิม สังเกตอารมณ์ ของเธอได้ชัดเจน “ใครโทรมาหรอ? ถึงโกรธขนาดนี้? คนที่ บ้านหรอ?”

“ไม่ใช่ค่ะ คนที่เกลียดคนหนึ่ง” ปาณีวางมือถือลง แล้วดื่ม น้ำลงไป

โกรธจริงๆ!

ตอนนี้เธอเริ่มจะสงสัยชีวิตของตัวเอง ตัวเองในอดีต ไม่รู้ ว่าตาบอดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงไปคบกับแฟนของ เพื่อนสนิทได้?

เธอยื่นมือออกไปรับลิ้นจี่ที่แม่บ้านเพิ่งส่งเข้ามาให้เริ่ม ปอกเปลือกกิน ไม่นานเปลือกที่ปอกก็กองเป็นภูเขา

หลังจากทานจนอิ่มแล้ว ถึงจะระงับความโกรธในใจได้ ชั่วคราว
ธามนิธิมองไปยังปาณีที่ไม่พูดไม่จา รอเธอได้สติกลับมา จึงจะถามเธอว่า “วันนี้ยังปวดท้องอยู่ไหม?”

ปาณีอึ้งไปสักพัก คิดถึงความใกล้ชิดในเมื่อคืน ไอแห้งๆ ออกมา “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”

ตอนที่ 46

นอกจากเหตุผลนี้แล้ว เธอก็คิดอะไรไม่ออกอีก

แต่

ไม่คาดคิดเลยว่าน้องชายของเธอคนนี้จะหวั่นไหวกับผู้

หญิงเป็นด้วย?

ไม่กล้าคิด?

ไม่นานมากนัก ปาณีที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ลงมา

เธอเดินเข้ามา จันวิภามองไปยังปาณีที่เพิ่งเปลี่ยนชุดมา เนื้อผ้าของชุดนี้และผลลัพธ์ที่ใส่ออกมาไม่เลวเลยทีเดียว ปาณีที่สวมใส่ชุดนี้ ทำให้บุคลิกของเธอดูไม่เหมือนเดิม

จันวิภารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอมองไปยังธามนิธิยิ้มพูดว่า “โอเค ถือว่าน้องชายฉันมีสายตาที่เฉียบแหลม”

ธามนิธิจ้องมองปาณีไม่วางตา แต่ไม่พูดอะไร

ปาณีรู้สึกอึดอัดที่ถูกทั้งสองคนจ้องมอง จึงถามว่า “พวกพี่ คุยอะไรกันอยู่หรอคะ?”

“ไม่มีอะไรจะ” จันวิภายืนขึ้น พูดว่า “รีบมานั่งนี่สิ! พวกเธอ ไปก่อน พี่จะไปทักทายแม่ก่อน ได้ข่าวว่าวันนี้แม่จะ คุยกันไป เครียดตายแล้ว”

ประเด็นหลักที่จันวิภามาในวันนี้ก็เพื่อที่จะปลอมใจฐิติพร

นลินเป็นคนที่เธอแนะนำมา ไม่ว่าตอนนี้จะเกิดเรื่องอะไร คุณแม่ก็จะโยนความรับผิดชอบนี้ให้เธอไม่มากก็น้อย จัน วิภาเองก็หมดทางเลือกสำหรับเรื่องนี้

หลังจากที่จันวิภาออกไปแล้ว ปาณีมายืนอยู่ตรงหน้าธา มนิธิ ถามว่า “สวยไหมคะ?”

ธามนิธิมองดูเธอ ผิวเธอขาวมาก ปกติเห็นเธอใส่แต่เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้น ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นใส่กระโปรง รู้สึก สวยและมีเสน่ห์ไม่น้อย

ในความเป็นจริง คนที่ใส่กระโปรงมีเยอะแยะ แต่เขารู้สึก ว่า ปาณีใส่กระโปรงแล้วดูสวยมาก

ช่วยไม่ได้ ใครให้มีผู้หญิงสวยในโลกนี้เยอะแยะ แต่ธา มนิธิกลับมีภรรยาคนเดียวล่ะ?

พอเห็นว่าธามนิธิไม่พูดอะไร ปาณีจึงเดินไปนั่ง พูดด้วยน้ำ เสียงผิดหวังเล็กน้อยว่า “ไม่สวยหรอคะ?”

” ธามนิธิมองไปยังใบหน้าของเธอ

ปาณีบ่นว่า “ถึงจะไม่สวย คุณก็น่าจะชมหนูหน่อยนะคะ! คุณเป็นอย่างนี้เดี๋ยวสาวๆจะรังเกียจเอานะคะ!”

ธามนิธิยังคงจ้องมองปาณี “รังเกียจฉันแล้วหรอ?”

ปาณียิ้มมุมปาก “ไม่ใช่ค่ะ หนูจะรังเกียจคุณอาได้ยังไง คะ? คุณอาดีขนาดนี้”
ธามนิธิพูด “มานี่สิ”

“ทำไมคะ?” ปาณีระแวงเล็กน้อย รู้สึกว่าภาพเบื้องหน้า

คุ้นๆ

เขาคงจะไม่จูบเธออีกใช่ไหม!

วันนี้ในห้องนอน เขาก็เป็นแบบนี้

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแบบนั้น ปาณีก็เดินเข้าไปใกล้เขา

ธามนิธิเคลื่อนตัวไม่สะดวก เพราะฉะนั้น ขอแค่เขาเปิด ปากพูด ปาณีก็จะทำตาม

เธอเข้าใกล้ธามนิธิ และได้ยินธามนิธิพูดว่า “หลับตาลง”

ปาณีปิดตาลงอย่างว่าง่าย “.

คุณจะทำอะไรหรอคะ?”

ไม่มีรอยจูบที่คาดหมายไว้ มีเพียงมือเขาที่วางอยู่บนหัว เธอพร้อมกับขยี้เบาๆ “ขี้เหร่จะตาย!”
ขณะที่ปาณีกำลังสนทนากับธามนิธิ มือถือก็ดังขึ้น

เธอพูดว่า “หนูรับโทรศัพท์ก่อนนะคะ”

หลังจากที่เอามือถือออกมาสายตาของปาณีก็มองไปยัง หน้าจอ เห็นเบอร์โทรศัพท์ที่คุ้นเคย ทำให้เธออึ้งไปสักพัก

เธอยืนขึ้น เดินไปมุมหนึ่งของห้อง กดรับสาย น้ำเสียงของ เธอเย็นชามาก “มีธุระอะไร?”

เวทัสนั่งอยู่บนโซฟา เขาโทรมาเพื่อจะเช็คว่าปาณียังโกรธ อยู่หรือเปล่า

เมื่อวานเธอโกรธจนไม่ลงมากินข้าวเลยไม่ใช่หรอ?

เขาถามว่า “ยังโกรธอยู่หรอ?”

ก็ยังคงเหมือนเมื่อก่อน ทุกครั้งที่พวกเขาทะเลาะกัน น้ำ เสียงที่เขาโทรมาขอเธอคืนดีก็จะเป็นแบบนี้
แสงแดดยามบ่ายส่องเข้ามาทางกระจกใส ปาณีมองไปยัง ลวดลายของกระเบื้องบนพื้น เหม่อเล็กน้อย

เธอดึงสติตัวเองกลับมา พูดว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย”

เวทัสพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “ถือโอกาสที่ฉันไม่ อยู่ เธอก็ฟ้องน้าชายฉันอีกแล้วล่ะสิ?”

ตอนที่ 45

จันวิภาอึ้งไปหลายวินาที ยื่นมือออกไป วางไว้บนหัวของ เวทัส “ป่วยจนปัญญาอ่อนเลยหรอเนี่ย?พูดไร้สาระอะไร? ตอนลูกยังเด็กอยู่ ลูกชอบน้ามากเลยนะ!”

จันวิภาเดาว่าเขาคงไม่พอใจที่ธามนิธิตักเตือนก่อนหน้านี้ “อย่าคิดมาก รู้ไหม? ไม่ทันละ แมต้องไปละ! ลูกพักผ่อนอยู่ บ้านดีๆล่ะ อย่าจ้องมือถือนานนะ มันไม่ดีต่อสายตา”

เวทัส

เขารู้สึกว่าแม่ของเขาเข้าข้างคนนอกมากๆ

เมื่อถึงบ้านวิสิทธิ์ เวช จันวิภาก็เดินเข้าไปในบ้าน เห็นปาณี กับธามนิธิกำลังพูดคุยกันอยู่ ปาณีมองไปยังธามนิธิ
“คุณอา แน่ใจหรอว่าจะให้หนูเป็นเจ้าสาวของคุณ?”

เมื่อนึกถึงต้องพบคุณพ่อคุณแม่ ปาณียิ่งรู้สึกว่าเธอ ประเมินความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธามนิธิต่ำไป

แต่เดิมเธอคิดว่า รอจนถึงคุณอาไม่ต้องการเธอแล้ว เธอก็ จะไปได้

แต่ว่า..

ในตอนนี้ เรื่องราวไม่ง่ายอย่างนั้นแล้วสิ

ธามนิธิตอบว่า “เวลาอะไรแล้ว เธอยังถามคำถามนี้อีก?”

“คุณก็รู้อยู่แล้วว่าที่หนูแต่งกับคุณก็เพื่อเงิน ….. คุณไม่รู้ สึกไม่สบายใจหรอคะ?”

ถ้าหากคนอื่นคบกับตัวเองเพื่อเงิน ปาณีคิดว่าเธอคงไม่ ยอมแน่ๆ!

ธามนิธิพูดว่า “ไม่สบายใจอะไรกัน ในเมื่อฉันมีเงินอย่างนี้ตลอดอยู่แล้ว ไม่ให้เธออดอยากหรอก และไม่มีทางที่จะไม่

ให้เธอเรียนมหาลัยด้วย พอใจรึยัง?”

” ปาณีเบ้ปาก

โอเค เธอยอมแพ้!

เธอพยักหน้า “พอแล้วค่ะ พอแล้วค่ะ!”

เธอเป็นคนชอบกิน ขอแค่มีกิน และได้เรียนก็พอแล้ว

จันวิภาเดินเข้ามาจากข้างนอก มีแม่บ้านเดินตามหลังของ เธอมา ช่วยเธอยกถุงจากการช้อปปิ้ง ข้างในเป็นเสื้อผ้า ของปาณีทั้งหมด

เธอนั่งลง แล้วมองหน้าธามนิธิ “ใช้ได้นะ! เพื่อภรรยาคน สวยแล้วถึงขั้นใช้งานพี่สาวตัวเอง”

ในบ้านหลังนี้ ก็มีแต่ธามนิธิเท่านั้นที่กล้าใช้เธออย่างนี้

“สวัสดีค่ะพี่สาว” ปาณีทักทาย
จันวิภาให้แม่บ้านนำถุงมาให้เธอ “นี่เป็นเสื้อผ้าของเธอ ทั้งหมด เอาไปลองใส่ดูสิ”

ปาณีมองไปยังกองนั้น ทำตาโตเพราะความตกใจ “เยอะ ขนาดนี้เลยหรอคะ?”

“เยอะที่ไหนกัน?” จันวิภา พูด “ฉันก็เลือกซื้อไปงั้นๆแหละ กลัวซื้อเยอะแล้วเธอจะไม่ชอบใจ เธอก็ใส่ๆไปก่อนละกัน นะ”

” ปาณีรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถเข้าใจโลกของคนรวย

ได้

ปกติแค่เธอซื้อเสื้อผ้าชุดเดียวก็ต้องคิดนานมาก ซื้อที เดียวเยอะขนาดนี้สิ้นเปลืองจริงๆ

ปาณีมองธามนิธิแวบหนึ่ง “คุณอา หนูไปเปลี่ยนชุดก่อน นะคะ”

“ไปสิ!” ธามนิธิมองปาณีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรัก และความเอาอกเอาใจ
ของเยอะมาก แม่บ้านกลัวว่าปาณีจะยกไปคนเดียวไม่ หมด เลยช่วยเอาของไปไว้ในห้องเธอ

จันวิภานั่งมองธามนิธิอยู่บนเก้าอี้ “ได้ยินมาว่าคนในบ้านมี สุวรรณ์มาถอนหมั้น นายไม่โกรธเลยหรอ?”

เธอกังวลเป็นอย่างมาก!

ไม่คิดเลยว่าธามนิธิจะนิ่งขนาดนี้

“โกรธ?” ธามนิธิยกแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม เป็นภาพ ที่มองไปแล้วสบายตาจริงๆ “ทิ้ง งาในมือไป แต่กลับเก็บ แตงโมได้ ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ?”

จันวิภา

” ”

แตงโมนี่หมายถึงปาณี?

แม้ว่าความสัมพันธ์ของปาณีและธามนิธิจะไม่เลว แต่เมื่อ มองโดยภาพรวมแล้ว ไม่ว่าจะเป็นฐานะครอบครัวหรือด้าน อื่นๆ ปาณีก็เทียบกับนลินไม่ได้เลย
นลินสามารถเป็นคู่หมั้นของธามนิธิได้ เธอต้องมี คุณสมบัติบางอย่างที่โดดเด่นกว่าคนอื่นอยู่แล้ว

แต่ไม่คิดเลยว่า ในสายตาของธามนิธิ ปาณีจะมีน้ำหนัก มากกว่า ถึงขั้นสำคัญกว่านลินมากขนาดนี้?

จันวิภาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ความรักทำให้โลก กลายเป็นสีชมพูสินะ?”

ตอนที่ 44

คนอื่นคงไม่คิดว่าเธอประสาทหรอกนะ!

เธอพูดอย่างปวดหัวว่า “เสื้อซักแล้วค่ะ แต่ยังไม่แห้ง!”

ในบ้านก็ไม่มีเสื้อของใครที่เธอจะใส่ได้

ธามนิธิพูดว่า “ให้ไวยาตย์พาเธอไปซื้อสองสามชุด”

เสื้อผ้าของปาณีไม่เยอะอยู่แล้ว ก็มีแค่ไม่กี่ตัว เธอก็วนใส่ ซ้ำๆ

สำหรับผู้ชายที่แทบจะไม่เคยซื้อเสื้อผ้าเองเลย ปกติธา มนิธิก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว

นี่เพิ่งจะนึกขึ้นได้

ปาณีตอบว่า “แต่ว่า…. หนูก็คงใส่ชุดแบบนี้ออกไปไม่ได้ มั้งคะ!”
ธามนิธิมองไปยังสภาพของเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความ อบอุ่น เขาโทรหาจันวิภา

หลังจากที่จันวิภาได้ยินเรื่องราวที่บ้านมีสุวรรณ์มาถอน หมั้นก็กำลังจะออกมาพอดี และได้รับสายจากธามนิธิให้ เธอเอาเสื้อผ้ามา ให้ปาณีด้วย

เธอตอบไปว่า “ได้”

เวทัสนั่งอยู่บนโซฟาในบ้าน กำลังเล่นมือถืออยู่

“กลอนหนึ่งกลอน เหล้าหนึ่งจอก เพลงหนึ่งบทเพลง ดาบ หนึ่งเล่ม..” ฟังเสียงเพลงที่ดังออกมาจากมือถือ จันวิภารู้ เลยว่าเขากำลังเล่นเกมความรุ่งโรจน์ของผู้ชนะอยู่

ตอนนี้เขาจบมัธยมปลายแล้ว จะเล่นเกม จันวิภาก็ไม่ได้ ว่าอะไร ยิ่งไปกว่านั้น เธอมักจะรู้สึกว่าช่วงนี้ลูกชายสุดที่รัก ของเธอมีเรื่องไม่สบายใจ

โดยเฉพาะเมื่อคืน ถึงขั้นไม่สบายเลยทีเดียว ตอนนี้สีหน้า ยังไม่ค่อยดีนัก
เธอเดินเข้าไป พร้อมกับพูดว่า “ลูกรัก ลูกพักผ่อนอยู่บ้าน ดีๆล่ะ วันนี้แม่จะไปบ้านคุณยาย ไม่พาลูกไปแล้วนะ!”

เวทัสที่กำลังจ้องมองมือถืออยู่ หลังจากได้ยินคำพูดของ จันวิภา ก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ

ใจจันวิภาตกลงไปอยู่ตาตุ่ม รู้สึกว่าในตอนนี้ลูกชายของ ตัวเองน่าสงสารเล็กน้อย เธอมองไปยังเขา “สองสามวันนี้ แม่โหดกับลูกมากไปหรือเปล่า ด่าลูกจนไม่สบายใจเลย? แม่ไม่ได้ประสงค์ร้ายนะ เพียงแต่หวังว่าลูกจะไม่เป็นศัตรู กับปาณี น้านลินคนนั้น แม่เป็นคนแนะนำให้น้าชายเราเอง หลังจากที่น้าของลูกเกิดเรื่อง เขาก็ทิ้งน้าไป แม่รู้สึกผิดต่อ น้ามาโดยตลอด ลูกเข้าใจแม่ ใช่ไหม?”

ตั้งแต่เล็กจนโต เธอก็ตามใจเวทัสมาก มีเพียงแต่สองสาม วันนี้ที่เข้มงวดกับเขาไปหน่อย

เวทัสก้มหน้า มองไปยังมือถือ เปิดปากพูดว่า “แม่ไม่กลัว ว่าวันหนึ่งปาณีจะเหมือนกับนลินหรอครับ? แม่สนับสนุน พวกเขาขนาดนี้ ผมจะดูว่าเมื่อถึงเวลานั้นแล้วแม่จะทำยัง ไง”
คำพูดของเวทัส ทำให้จันวิภาเอะใจ เธอมองไปยังเวทัส รู้ ว่านิสัยของลูกชายตัวเองไม่ได้เลวร้ายอะไร

หลายวันที่ผ่านมาที่ปฏิบัติต่อปาณีอย่างนั้นก็รู้สึก ประหลาดใจอยู่แล้ว “ลูกไปรู้อะไรมาหรือเปล่า?”

เธอนึกขึ้นได้ว่าปาณีกับเวทัสเรียนโรงเรียนเดียวกัน “เมื่อ ก่อนตอนอยู่โรงเรียนเธอเคยมีประวัติอะไรหรือเปล่า ลูกรู้ ใช่ไหม?”

สำหรับปาณีแล้ว ครอบครัวเขาไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ เป็น เพราะว่าธามนิธิชอบ เพราะฉะนั้น ทุกคนในครอบครัวจึง สนับสนุน

แต่ว่า ไม่ว่ายังไงจันวิภาก็รักลูกชายตัวเองมากกว่า

เวทัสก้มหน้า มองไปยังเกมที่กำลังเล่นอยู่ ID: Star

ดวงดาวปาณีดวงนั้นเคยเป็นของเขา!

แต่เสียดาย บนหัวเขามีธามนิธิอยู่ เวทัสไม่มีความกล้ามากพอ จึงทำได้แต่ห้ามตัวเองไว้ “ไม่รู้ครับ”

เขารู้จักนิสัยของน้าชายดี พูดออกไป ไม่เพียงแต่ตัวเอง ไม่ได้ประโยชน์ใดๆ ยังมีโอกาสที่ตัวเองจะยับเยินด้วยซ้ำ

สิ่งที่เขาจะทำได้ ก็คือให้ปาณีไปจากธามนิธิด้วยตัวเอง

จันวิภาถอนหายใจ “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว แม่คิดว่าลูกไปรู้ เรื่องภายในอะไรมาสักอีก! ถึงเวลานั้นแม่ก็ไม่รู้ว่าควรจะ บอกน้าหรือไม่”

เวทัสมองไปยังจันวิภา จึงถามว่า “แม่ ถ้าเกิดวันหนึ่ง แม่ ต้องเลือกระหว่างน้ากับผม แม่จะเลือกใคร?”

ตอนที่ 43

เรื่องที่เขาเคยไปบ้านปาณีก่อนหน้านี้ หลังจากกลับ มาก็ได้รายงานเรื่องนี้กับธามนิธิแล้ว ธามนิธิก็ทราบ สถานการณ์ดี

ในเมื่อธามนิธิตัดสินใจอย่างนี้แล้ว เขาก็มีวิธีรับมือของ

เขาเอง

ธามนิธิพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะช้าหรือ เร็วก็ต้องเจอพ่อแม่เธออยู่ดี เมื่อถึงเวลานั้นก็นัดทุกคนมา ทานข้าวพร้อมกัน เขาไม่ทำอะไรเธอหรอก ถึงแม่เขาจะ โกรธเธอจริงๆ ก็ยังมีฉันอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

ปาณีตอบว่า “แต่ว่า….”

เธอมักรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่

แต่เดิมเป็นเรื่องภายในครอบครัวของตนเอง ก็ละอายใจ มากแล้ว นี่ยังลากคุณอาเข้ามาเกี่ยวข้องอีก
แม้ในตอนแรกธามนิธิจะให้เธอมาเป็นเจ้าสาวของเขา บอกว่าต้องการความช่วยเหลือจากเธอ แต่ปาณีกลับรู้สึก ว่า ตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เลย กลับหาเรื่องปวดหัวมาให้ธา มนิธิอีก

ไวยาตย์มองดูปาณีที่กำลังลังเล จึงพูดว่า “มีคุณธามนิธิ อยู่ ทุกอย่างจะเรียบร้อยครับ คุณก็เชื่อคุณธามนิธิสักครั้ง เถอะครับ!”

แม้แต่ไวยาตย์ก็พูดแบบนี้แล้ว ปาณีก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก

ครั้งก่อนที่หนีออกมา เธอยังคิดว่าจะยังไม่กลับไปเจอคุณ พ่อคุณแม่ชั่วคราว แต่ผลที่ออกมาคือ…..

เธอรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมา!

ธามนิธิจ้องมองปาณี เงยหน้าขึ้นพูดกับไวยาตย์ว่า “นาย ไปทำธุระของนายก่อน ถ้าฉันมีธุระจะเรียกนายอีกที”

“ครับ”
มองดูไวยาตย์ที่เดินออกไปแล้ว แถมยังปิดประตูอีก ปาณี แอบมองไปยังธามนิธิ ทันใดนั้นก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นใน ห้องนอนวันนี้

แม้ว่าธามนิธิจะจูบเธอ แต่ภายหลังมาคิดๆดูแล้ว เป็นเรื่อง ที่เธอเริ่มขึ้นก่อน

รู้สึกขายหน้าจริงๆ!

เธอลุกขึ้นยืน กำลังเตรียมตัวจะหนี..

เพิ่งก้าวไปไม่ถึงสองก้าว ก็ได้ยินเสียงของธามนิธิเรียก อย่างเข้มงวดว่า “กลับมา”

อยากหนี?

ไม่มีทาง!

ปาณีกลับมานั่งที่ตามเดิม หาข้ออ้างว่า “หนูแค่รู้สึกคอแห้ง อยากจะไปดื่มน้ำหน่อย”
ไม่กี่นาทีต่อมา ลำมุงยกน้ำเข้ามาจากข้างนอกวางอยู่ตรง หน้าทั้งสองคน แล้วเดินออกไป

ปาณีนั่งอยู่ที่นั่งของตัวเอง มองแก้วน้ำที่วางอยู่ตรงหน้า เธอก้มหน้าเข้าไว้ ตื่นเต้นยิ่งกว่าโดนคุณครูเรียกให้ตอบ คำถามอีก

ธามนิธิมองไปยังเธอที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับตัวเอง จึง ถามว่า “ฉันกินคนรีไง?”

ปาณีมองไปยังธามนิธิ ส่ายหัวอย่างว่านอนสอนง่าย

“แล้วทำไมต้องหลบหน้าฉันด้วย? แม้แต่มองหน้ายังไม่ กล้ามองเลย?” ธามนิธิจ้องมองเธอตลอด ทำให้เธอรู้สึกว่า เธอไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้

ปาณีแตะจมูกตัวเองเบาๆ “คือว่า….เพราะว่า… คุณ หล่อเกินไปค่ะ!”
“ธามนิธิขมวดคิ้ว นี่คือคำตอบอะไร?

ปาณีอธิบายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “หล่อเกินไปจนหนูไม่ กล้ามองหน้าคุณ หนูตื่นเต้…. ใครให้คุณจูบหนูกะทันหัน ล่ะคะ”

แต่เดิม เธอยังรู้สึกเป็นกันเองอยู่เลยเมื่อยู่ต่อหน้าเขา

ด้วยบุญบารมีของเขา ทีนี้ก็ดีแล้วสิ!

ตอนนี้ขอเพียงเธออยู่กับธามนิธิสองต่อสอง หัวใจของเธอ ก็ไม่ฟังคำสั่งของเธอเลย

หลังจากธามนิธิได้ยินคำพูดของปาณี ก็ไม่รู้ว่าควร

ร้องไห้หรือหัวเราะดี

เมียคนนี้ หน้าบางจริงๆเลย!

แต่เขามองออกได้ว่าเธอกำลังอายมากจริงๆ

ปาณีในตอนนี้ยังสวมชุดนอนอยู่ ถ้าจะให้บอกว่าใส่ชุดนอน ควรบอกว่าใส่เสื้อยืดของธามนิธิจะดีกว่า ทันทีที่เธอ ใส่เสื้อก็ยาวถึง เข่าเธอ เหมือนกับกำลังใส่กระโปรง สะดวก สบายมาก

นี่เป็นเพราะว่าเธอไม่มีชุดเปลี่ยนจึงยืมเขาเมื่อวานนี้ ธามนิธิยังคงจ้องมองปาณี “ทำไมยังใส่เสื้อของฉันไว้ อีก?”

รูปร่างผอมเบาขนาดนี้ สวมใส่เสื้อเขา ทำให้ดึงดูดคนมอง กระทำความผิดเป็นอย่างยิ่ง

เขาหวนคิดถึงรสชาติที่จูบกับเธอในวันนี้ สวยงามและ หอมหวานมาก ทำให้คนอาลัยอาวรณ์ อดไม่ได้ที่จะจูบอีก ครั้ง

ปาณีมองไปยังเสื้อของตัวเอง ถึงจะรู้ว่าตัวเองกำลังสวม เสื้อของเขา และยังทานข้าวกับทุกคนด้วยชุดนี้หรอเนี่ย

ตอนที่ 42

เพียงแค่พูดถึงบ้านมีสุวรรณ์ สีหน้าของฐิติพรก็เปลี่ยน ไป เธอมองไปยังธามนิธิอย่างขาดความมั่นใจ กลัวว่าเขา จะมีความคิดอย่างอื่น ไม่กล้าบอกเรื่องจริงกับเขา

“พวกเขาเป็นห่วงลูก เลยแวะมาดู”

ธามนิธิเปิดโปงคำโกหกของฐิติพรทันที “สิ่งที่แม่คุยกับ พวกเขาในวันนี้ ผมได้ยินหมดแล้วครับ”

ฐิติพรอึ้งกับคำพูดนี้ ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความ หวาดระแวง “ธามนิธิ..”

แต่เดิมเธอไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้เขารู้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะ ได้ยินหมดแล้ว

คำพูดที่ผู้หญิงบ้านมีสุวรรณ์คนนั้นพูดในวันนี้ ขนาดฐิติพร ได้ยินแล้วยังรับไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงธามนิธิว่าจะรู้สึก ยังไง
มิน่าล่ะ เขาถึงอารมณ์ไม่ดี

ธามนิธิรู้ว่าคุณแม่เป็นห่วงเขา “ผมไม่เป็นไรครับ”

โกรธ เขาเคยโกรธไปแล้ว

และเมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แล้ว

ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ก็คงต้องแต่งงานกับ ผู้หญิงอย่าง นลิน มีสุวรรณ์ จริงๆ คิดๆไปแล้ว เรื่องนี้น่า กลัวมากกว่าอีก

หลังจากได้ยินว่าเขาไม่เป็นไร ฐิติพรจึงวางใจขึ้นมา “ลูกคิดได้ก็ดีแล้ว ตอนนี้แม่จะให้คนไปจัดเตรียมเรื่องงาน แต่งงานของลูกกับปาณีนะ”

นลินจะแต่งงานหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะธา มนิธิกับปาณีก็อยู่ด้วยกันแล้ว

สิ่งที่ทำให้พวกเขาโกรธจริงๆคือพฤติกรรมของบ้านมีสุวรรณ์ต่างหาก

พอพูดถึงเรื่องแต่งงาน ฐิติพรก็มองไปยังปาณี “วัน แต่งงานถูกกำหนดไว้เป็นเดือนตุลาคม ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ปาณี ไว้มีเวลานัดพ่อแม่หนูให้แม่เจอหน่อยนะ”

บ้านวิสิทธิ์เวชให้ความสำคัญกับขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นอย่างมาก มักจะรู้สึกว่าในการสู่ขอปาณี ต้องทำตามขั้น ตอนทั้งหมด เธอจะต้องจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่มากกว่าที่เคย วางแผนไว้ ถึงจะระบายความโกรธแค้นนี้ได้

ได้ยินฐิติพรอยากเจอพ่อแม่ของตัวเอง ปาณีอึ้งไปชั่วขณะ “แต่ว่าพวกเขา…”

จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่เคยบอกพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

ฐิติพรพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไหนๆหนูก็จะแต่งเข้ามาบ้านนี้ แล้ว แม่กับพ่อของธามนิธิก็ต้องเจอพ่อแม่หนูเป็นธรรมดา ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะคิดว่าบ้านเราไม่มีมารยาทนะ”

ปาณีตอบว่า “ไม่ต้องยุ่งยากก็ได้ค่ะ พ่อแม่หนูเป็นคนธรรมดามาก”

เธอเป็นเพียงคนที่ถูกลากตัวมาเป็นเจ้าสาวกะทันหัน เพียง เพราะอยากเรียนต่อ ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องแนะนำพ่อแม่ ให้ครอบครัวของธามนิธิรู้จัก

ฐิติพรยิ้มตอบว่า “ไม่ว่าจะธรรมดาแค่ไหนก็เป็นพ่อแม่ของ หนูวางใจเถอะ ขนบธรรมเนียมที่ควรทำ พวกเราก็จะทำ ตามขั้นตอนทั้งหมด หนูเป็นลูกสะใภ้ของเราในอนาคต เรา จะปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมต่อหนูได้ยังไงกัน!”

ปาณีก้มหน้าลง ไม่รู้เลยจริงๆว่า จะบอกเรื่องนี้กับคุณ พ่อคุณแม่ยังไง

เธอแอบมองไปยังธามนิธิ หวังว่าคุณอาจะช่วยเธอได้ ปรากฏว่าธามนิธิก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน และเขาก็รู้ สถานการณ์ของ ครอบครัวเธอดี

เขาจึงเปิดปากพูดกับฐิติพรว่า “แม่เตรียมงานไปก่อนเลย ครับ ผมปรึกษากับปาณีก่อน แล้วค่อยนัดเวลาอีกทีครับ”

” ปาณีมองไปยังธามนิธิอย่างไม่อยากเชื่อสายตาคุณอาตกลงแล้ว!

เธอคิดว่าเขาจะช่วยเธอปฏิเสธสักอีก

หลังจากรับประทานอาหาร ปาณีและธามนิธิก็ไปยังห้อง โถงที่อยู่ชั้นหนึ่ง เธอมองไปยังธามนิธิ พร้อมกับพูดว่า “คุณ อา คุณจะให้พ่อแม่หนูเจอกับพ่อแม่ของคุณจริงหรอคะ?”

ธามนิธิบอกว่า “ก็เป็นเรื่องที่สมควรนิ!”

“แต่คุณไวยาตย์ก็เคยเจอแม่หนู เขารู้ดีว่าแม่หนู เป็นยังไง ….ครั้งนี้ที่หนูหนีออกมา แม่หนูก็โกรธมากอยู่ แล้ว หนูกลัวเมื่อถึงเวลานั้นจะทำให้ทุกคนลำบากใจกัน” ปาณีมองไวยาตย์ขณะที่เธอพูด หวังให้ไวยาตย์ช่วยเธอ เกลี้ยกล่อมหน่อย

คุณอากับครอบครัวของคุณอายังไม่เคยเจอแม่ของเธอ ไม่รู้นิสัยของแม่เธอ แต่ว่า ไวยาตย์เคยเจอมาก่อน

ไวยาตย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่มองไปยัง ธามนิธิ

ตอนที่ 41

ธามนิธิปล่อยปาณีออก นัยน์ตาดำสนิทจ้องมองไปยังเธอ

ปาณีอายจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี รู้สึกใบหน้าร้อน ผ่าว หัวใจเต้นแรง ตุบๆตับๆ

พูดจาติดๆขัดๆ “หนะ หนู.. หนูออกไปดูคุณไวยาตย์ ก่อนนะคะ”

หลังพูดจบก็รีบหนีออกจากอ้อมแขนของธามนิธิ..

ไวยาตย์ยืนรออยู่หน้าประตูอย่างกระวนกระวาย ยิ่งปาณี เข้าไปนานมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น กลัวว่า ปาณีจะพูดอะไรไม่เข้าหู ทำให้ธามนิธิจะโมโหมากยิ่งขึ้น

จู่ๆประตูก็ถูกเปิดออก ปาณีเดินออกมาจากข้างใน

ไวยาตย์ถามปาณีด้วยสายตาว่า “ไม่เป็นไรใช่ไหม?”ปาณีใช้ฝ่ามือตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติ เพราะยังรู้สึก มีนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อกี้เธอมัวแต่สับสน มัวแต่กระดากกระเดื่อง แล้วก็วิ่ง ออกมาเลย จึงลืมสังเกตไปว่าธามนิธิยังโกรธอยู่หรือเปล่า? หรือจะหายโกรธแล้วนะ?

ไวยาตย์เห็นปาณีไม่พูดอะไร ใจเขากระวนกระวายมาก

ขึ้น “ผมบอกแล้วไงครับว่าไม่ให้เข้าไป คุณยืนยันจะเข้าไป ให้ได้ ที่นี้ดีหรือยัง!”

พอเห็นสภาพเธอเป็นแบบนี้ รู้ได้เลยว่าง้อคุณธามนิธิไม่ สำเร็จ คงโดนด่าจนพูดไม่ออกเลยล่ะสิ

“เข้ามา”

เสียงของธามนิธิส่งออกมาจากในห้อง ไวยาตย์ไม่ว่าง สนใจปาณีต่อ รีบวิ่งเข้าไปในห้อง มองไปยังธามนิธิที่นั่งอยู่ ริมหน้าต่าง “คุณธามนิธิครับ คุณนายจะเข้ามา ผมรั้งยังไง ก็รั้งไม่หยุด คุณนายเธอหวังดี คุณก็อย่าโกรธเธอเลยนะ ครับ!”
“ฉันหิวแล้ว”

ธามนิธิพูดขัดไวยาตย์ขึ้นมา

ไวยาตย์อึ้งเล็กน้อย หลังจากได้สติจึงพูดว่า “ครับ ถ้า อย่างนั้นเราลงไปทานข้าวตอนนี้นะครับ!”

ขอเพียงแค่ธามนิธิยอมทานข้าว ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี

ดูเหมือนว่า.. เขาจะเข้าใจปาณีผิดไปเองสินะ? ปาณีเก ลี้ยกล่อมธามนิธิสำเร็จแล้ว?

ในห้องอาหาร ปาณีนั่งทานข้าวอยู่เงียบๆ ธามนิธิที่นั่งอยู่ ข้างๆก็ไม่ได้พูดอะไร ปกติเวลาที่ทั้งสองคนทานข้าวจะมี ปฏิกิริยาโต้ตอบกัน ธามนิธิเอาใจเธอซะขนาดนั้น แต่ใน วันนี้ ทั้งสองคนกลับไม่พูดไม่จาสักคำ

แต่เดิมเขาคิดว่า การที่ธามนิธิยอมลงมาทานข้าว เป็นผล

งานของปาณี
แต่พอเห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว ยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจ มากยิ่งขึ้น

ปาณีนั่งทานข้าวอย่างเงียบๆ ในสมองฉายภาพจูบเมื่อครู่ นี้ขึ้นมาไม่หยุด พอคิดถึงภาพนั้นแล้ว ใบหน้าของเธอก็ร้อน ขึ้นมาอีก

ทำให้เธอไม่กล้าเงยหน้ามองธามนิธิ

ฐิติพรมองไปยังทั้งสองคน รู้สึกว่าทั้งคู่ไม่ค่อยปกติเหมือน กัน นึกถึงเรื่องที่ตัวเองให้ปาณีไปตามธามนิธิลงมาทานข้าว ปรากฏว่าธามนิธิลงมาแล้ว แต่ทั้งสองคนกลับไม่พูดอะไร กันเลย

เธอจึงเปิดปากพูดกับธามนิธิว่า “ลูกทะเลาะกับปาณี หรอ?”

ธามนิธิมองไปยังปาณีที่นั่งอยู่ข้างๆแวบหนึ่ง “ไม่นิครับ”

“ยังบอกว่าไม่อีก!” ฐิติพรพูด “ลูกคิดว่าแม่ตาบอดรึไง?”
เห็นได้ชัดเลยว่าฐิติพรไม่เชื่อ

ปาณีจึงพูดว่า “ไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆค่ะ”

ฐิติพรเห็นว่าปาณีไม่เพียงแต่ไม่ฟ้องเท่านั้น แต่ยังช่วย ธามนิธิอธิบายอีก จึงพูดว่า “ดูซิ ปาณีเป็นเด็กดีแค่ไหน ยัง ช่วยลูกพูดอีก!”

ปาณี ” ”

เธอแอบมองธามนิธิแวบหนึ่ง สายตาของเธอไปตกอยู่บน ริมฝีปากนั้น รูปปากของเขา เป็นรูปปากที่น่ามองที่สุดเท่าที่ ปาณีเคยเห็นมา

ตายละ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองหื่นเล็กน้อย ไม่กล้า คิดต่อไปไกล จึงตั้งใจทานอาหารของตัวเองต่อ

ธามนิธิเห็นเธอไม่พูดไม่จา จึงยื่นมือออกไปคืบกับข้าวที่ ปกติเธอชอบทาน วางไว้บนถ้วยของเธอ เพื่อแสดงให้เห็น ว่าทั้งสองคนไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ
“ขอบคุณค่ะคุณอา” มองไปยังปีกไก่ที่วางอยู่ในถ้วย ปาณี พูดขอบคุณ เธอชอบทานเนื้อสัตว์มากๆ

พอเห็นว่าทั้งสองคนคุยกันแล้ว ฐิติพรจึงยอมเชื่อว่าทั้ง สองคนไม่ได้ทะเลาะกัน

ฐิติพรเพิ่งจะเบาใจ ธามนิธิก็ถามว่า “ได้ยินมาว่าวันนี้บ้าน มีสุวรรณ์มาที่นี่หรอครับ”

ตอนที่ 40

เขาไม่มีแนวคิดเกี่ยวกับคู่ชีวิตของตัวเองในเมื่อคนในบ้าน จึงพอใจเขาเลยตกลงตามนั้น

แต่ไม่คิดเลยว่า..

ถ้ารู้ว่าจะมีวันนี้ในตอนนั้นก็ควรจะอยู่ห่างๆผู้หญิงคนนี้ให้ มากๆยิ่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

แววตาของธามนิธิเต็มไปด้วยความแค้นทุกครั้งที่เขาเป็น แบบนี้คนใกล้ตัวอย่างไวยาตย์ก็จะอยู่ห่างๆเขาเอาไว้ไม่ กล้าเข้าใกล้เขาเพราะว่าสภาพของเขาในตอนนี้ทำให้คน รอบข้างตกใจกลัวมากจริงๆ

และแน่นอนว่ามีผู้หญิงบางคนที่ไม่กลัวตายหลังจากที่โดน เขาไล่ออกไปแล้วไม่เพียงแต่ไม่ออกไปแต่กลับเข้าใกล้เขา มากยิ่งขึ้น

ขณะที่ธามนิธิกำลังจะอาละวาดด้วยความโมโหมือคู่หนึ่งก็กอดเขาจากด้านหลังอย่างสนิทสนม!

คางของเธอวางอยู่บนบ่าที่กว้างใหญ่ของเขาเบาๆ ใบหน้า ที่อ่อนนุ่มของเธอแนบอยู่บนแก้มที่ทั้งเย็นและแข็งของเขา

เมื่อก่อนปาณีแค่จับมือเขาก็ตื่นเต้นจะแย่แล้วเข้าไปกอด

เขาเองแบบนี้เป็นครั้งที่เธอต้องใช้ความกล้ามากที่สุด กลัวเขาจะโกรธแล้วหันกลับมาต่อยหน้าเธอเธอกลัวการ

ถูกต่อยตีมากที่สุด

ปาณีกอดธามนิธิไว้แน่นแอบมองไปยังใบหน้าที่เย็นชา หน้าตาเขาดูดีมากปาณีจ้องมองเขาอย่างไม่วางตาไม่รู้ไป เอาความกล้ามาจากไหนเธอจึงหอมแก้มเขาไป

ธามนิธิที่จะระเบิดออกมาด้วยความโมโหกลับถูกระงับไว้ ชั่วคราว

เขาถามว่า”เธอทำอะไร?”

เขาไม่ชอบให้ใครมาง้อและไม่ชอบให้ใครมาปลอบใจแม้
คนๆนั้นจะเป็นปาณีเขาก็รังเกียจเหมือนกันหากมาปลอบใจ เขาในเวลานี้

แต่ว่าเธอไม่พูดเลยแม้แต่คำเดียวจู่ๆก็เข้ามาหอมเขา!

ปาณีมองไปยังใบหน้าด้านข้างของเขายิ้มพูดว่า “ดีใจ”

ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเธอและใบหน้า ที่เย็นชาของเขาเกิดข้อเปรียบเทียบกันอย่างชัดเจน

ธามนิธิขมวดคิ้วไม่คาดคิดว่าเธอจะบอกว่าดีใจ?

มองดูเขาที่กำลังโมโหเธอดีใจขนาดนั้นเลยหรอ?

แต่ทว่าเธอไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อปาณีกอดเขาไว้ แน่นซบลงบนบ่าของเขาพร้อมกับพูดว่า”ถ้ามีโอกาสได้ เจอคู่หมั้นของคุณอาคนนั้นหนูต้องขอบคุณเขาดีๆอย่าง แน่นอน!”

ธามนิธิทำสีหน้าเย็นชาและครุ่นคิด”ขอบคุณเขา?”
เขาคิดว่าเธอเข้ามาเพื่อจะง้อเขาแต่ปรากฏว่าเธอมาเพื่อ งอนเขา?

ปาณีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนข้างหูเขาว่า”คุณอาหล่อ ขนาดนี้แถมยังรวยอีกแล้วยังดีกับหนูขนาดนี้เถ้าไม่ใช่ เพราะว่าเขาจากไปจะตกมาถึงหนูได้ยังไงกัน?”

ธามนิธิ”.”

ทั้งๆที่กำลังโมโหอยู่แต่…แต่คำพูดของปาณีเมื่อครู่ทำให้ เขาสบายใจขึ้นมาไม่น้อย

เหมือนจะไม่ได้อึดอัดใจขนาดนั้นแล้ว

“มานี่!”

เขาเอ่ยปากพูด

ปาณีปล่อยมือออกแล้วเดินไปอยู่ข้างหน้าเขามองธามนิธิ ด้วยสายตาลึกซึ้ง
เธอรู้สึกกลัวนิดหน่อยไม่ได้ประจบเขาไม่ดีใช่ไหมเขาไม่ เพียงแต่ไม่หายโกรธแต่ยังโกรธมากกว่าเดิมอีกหรือเปล่า?

มิน่าล่ะไวยาตย์ถึงบอกว่าเขาง้อยากมาก

ปาณีได้แต่ถอนหายใจในใจรอโดนเขาด่าอย่างเชื่อฟัง เธอคิดว่าหากธามนิธิโมโหแล้วด่าเธอสักยกหนึ่งเขาก็น่าจะ สบายใจขึ้น

แต่กลับเห็นเขายื่นมือออกมาจับแขนของเธอไว้ออกแรง ดึงเธอเข้ามานั่งบนตักทั้งตัวของเธอก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขน ของเขา

การเสียหลักกะทันหันทำให้ปาณีสับสนไปสักพักตอนที่ เธอดึงสติตัวเองกลับมาได้จูบที่ร้อนแรงก็ได้ปิดปากของ เธอไว้แล้ว

เธอตั้งตัวไม่ทันหัวของปาณีถูกเขาล็อกไว้เธอรู้สึกได้ถึง ริมฝีปากที่ทั้งร้อนแรงและอ่อนนุ่ม

ใจของเธอเหมือนถูกบางสิ่งบางอย่างกระชากความรู้สึกที่ทำให้ชาไปทั้งตัวเอ่อล้นออกมาจากใจ

นี่เป็นจูบแรกของปาณีที่มาอย่างกะทันหันเล็กน้อยเธอกำ มือไว้แน่นเพราะความตื่นเต้น

จูบนี้ยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายวินาที….

ตอนที่ 39

ไม่รู้ว่าธามนิธิทำอะไรไว้ในชาติปางก่อนถึงต้องเผชิญกับ

ครอบครัวมีสุวรรณ์

ปาณีพูดว่า”หนูไปอยู่เป็นเพื่อนเขาได้ไหมคะ?”

ไวยาตย์ตอบว่า”ถ้าคุณเข้าไปแล้วพูดอะไรผิดขึ้นมาเขา จะยิ่งโมโหเข้าไปอีก”

ในฐานะผู้ชายไวยาตย์สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของ ธามนิธิในตอนนี้

ปาณีได้ยินไวยาตย์พูดเช่นนี้แล้วไม่มีทางเลือกจำใจต้อง ลงไปข้างล่าง

ตอนเธอลงไปข้างล่างคู่สามีภรรยาบ้านมีสุวรรณ์ถูกฐิติพร ไล่ออกไปแล้ว

ในห้องอาหารฐิติพรมองไปยังปาณีที่ลงมาคนเดียวถาม
ว่า”ธามนิธิล่ะ?เขาไม่มากินข้าวหรอ?”

ฐิติพรคิดอย่างไร้เดียงสาว่าธามนิธิจะไม่รู้เรื่องที่บ้านมีสุ วรรณ์มาถอนหมั้นในวันนี้

ปาณีนึกถึงธามนิธิที่ยังไม่ออกจากห้องจนถึงต่อนนี้ตอบ

ว่า”คุณอาอารมณ์ไม่ค่อยดีค่ะ”

“เขาเป็นอะไรหรอ?”ฐิติพรนั่งลงมองไปยังปาณีพูด ว่า”ปาณีหนูแต่งงานเข้ามาในบ้านหลังนี้พวกเราไม่มีคำขอ อื่นใดเลยหวังเพียงแต่เธอจะดีกับธามนิธิให้มากๆเข้าใจ ไหม?”

“หนูจะดีกับเขาให้มากๆค่ะ”ปาณีพยักหน้าตอบ

ฐิติพรพูดว่า”ไปเรียกเขาลงมากินอาหารหน่อยสิโอารมณ์ เขาไม่ค่อยดีหนูก็ไปง้อเขาหน่อย”

เธอมองออกว่าธามนิธิดีกับปาณีเป็นพิเศษแต่ในเวลานี้ก็ คงมีเพียงปาณีเท่านั้นที่จะง้อเขาได้
ปาณีลุกขึ้นหลังจากที่ได้ยินคำพูดของฐิติพร

ไวยาตย์ได้ยินว่าเธอจะเข้าไปหาธามนิธิจึงห้ามเธอเอา ไว้”ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรอครับว่าให้ลงไปข้างล่าง?คุณ เข้าไปในตอนนี้จะยิ่งทำให้คุณธามนิธิไม่พอใจ”

เวลาที่ธามนิธิโมโหข้อห้ามที่สำคัญที่สุดคือห้ามใคร

รบกวน

“หนูแค่อยากเข้าไปคุยกับเขา”

ไวยาตย์เห็นสีหน้าที่จริงจังของปาณีก็ยังคงไม่ค่อยไว้ใจ เธอ”คุณยังรู้จักคุณธามนิธิไม่ดีพอถ้าเข้าไปตอนนี้จะยิ่ง ทำให้เขาโมโห”

ปาณีตอบว่า”ถ้าเขาโมโหก็ให้เขาด่าฉันละกัน!ไม่แน่เมื่อ เขาด่าเสร็จแล้วจะสบายใจขึ้น”

ไม่อย่างนั้นจะทำอะไรได้อีก?
ปาณีมองไปยังไวยาตย์”คุณเข้าใจเขาแต่ทุกครั้งคุณก็ ปล่อยให้เขาอารมณ์เสียอยู่คนเดียว?”

ไวยาตย์”.

เขาเถียงเธอไม่ไหวจึงปล่อยให้เธอเข้าไป

ปาณีผลักประตูห้องเข้าไปเห็นธามนิธินั่งอยู่ริมหน้าต่างตา จ้องมองออกไปข้างนอกไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ท่าทางของเขาเช่นนี้ทำให้ปาณีนึกถึงวันที่เจอเขาครั้งแรก ในคฤหาสน์ที่เมืองชลธีเขาก็นั่งอยู่ริมหน้าต่างแบบนี้เหมือน กัน

วันนั้นเธอไม่ได้เข้าไปไวยาตย์ให้เธอกลับไปสักก่อน

ปาณีในเวลานั้นไม่เข้าใจธามนิธิและไม่รู้ว่าเขาเสียใจ เพราะเรื่องอะไรแต่ตอนนี้เธอรู้แล้ว
เธอเดินเข้าไปหาธามนิธิขณะที่เข้าใกล้เขารู้สึกว่าหัวใจ ของตัวเองเต้นแรงมาก

ไม่ยอมรับไม่ได้เลยว่าเวลาที่เขาโมโหบรรยากาศรอบๆตัว จะตึงเครียดมากมิน่าล่ะไวยาตย์ถึงไม่ให้เธอเข้ามา

ไวยาตย์คงโดนมาไม่น้อย!

ประสาทสัมผัสของธามนิธิที่เคยเป็นทหารไวมากไม่ต้อง รอให้ปาณีพูดก่อนก็ได้ยินเขาพูดแล้วว่า”ออกไป”

ไม่อ่อนโยนกับเธอเหมือนก่อนหน้านี้เขาพูดกับเธออย่าง เย็นชาเพื่อที่จะไล่เธอออกไป

เขาเกลียดที่มีคนมาปลอบใจในเวลานี้ที่สุด!ทำให้เขารู้สึก เหมือนโดนประชดเหน็บแนมมากยิ่งขึ้น!

สายตาของธามนิธิยังคงมองออกไปข้างนอกแววตาของ เขาเย็นชามากเขามักจะคิดถึงตอนที่ตัวเองปกติดีตอนนั้น นลินดีกับเขามากแค่ไหนเหมือนเขาเป็นพระเจ้าที่เธอต้อง คอยเอาอกเอาใจตลอดเวลา
ไม่ว่าเขาจะยุ่งสักแค่ไหนแม้กระทั่งเขาจะได้กลับมาแค่ ปีละครั้งก็ไม่หวั่นเธอยังคงรอเขาด้วยความเต็มใจและยัง หมั้นกับเขาอีกด้วย

ตอนที่ 38

การกระทำของนลินมีสุวรรณ์เปรียบเสมือนราดน้ำมัน เข้าไปในไฟหิมะที่ปกคลุมหนาอยู่แล้วยังไม่พอยังมี

น้ำค้างแข็งเกาะเพิ่มเข้าไปอีก

ชลธีแสดงสีหน้ารู้สึกผิด”ต้องขอโทษจริงๆครับธามนิธิ เกิดอุบัติเหตุพวกเราก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากเพียงแต่ ว่า..นลิ้นของเราอายุยังน้อยอยากไปเรียนต่อที่ต่าง ประเทศเธอไปในครั้งนี้อาจจะใช้เวลา5-6ปีสินสอดทอง หมั้นที่ได้มาก่อนหน้านี้ทางเรายินดีจะคืนเป็นสองเท่าแบบ นี้จะดีกับเราทั้งสองฝ่ายเป็นความผิดของทางเราครับพวก เราต้องขอโทษธามนิธิด้วยแต่เรามีนลินลูกสาวคนเดียว ตามใจเธอจนเสียคน!ตอนนี้เธอไปต่างประเทศแล้วเราก็ไม่ สามารถนำตัวเธอกลับมาได้ใช่ไหมล่ะครับ?”

แม้ปากจะบอกว่าขอโทษแต่ความตั้งใจที่จะถอนหมั้นแน่ว แน่มาก

ยอมที่จะจ่ายคืนสินสอดทองหมั้นสองเท่าก็จะไม่ยอมให้ ลูกเขาคนเดียวของเขาแต่งงานกับธามนิธิ
เพราะเขามั่นใจว่าบ้านวิสิทธิ์เวชทำอะไรกับนลินที่ไปต่าง ประเทศแล้วไม่ได้อยู่ดี

ธามนิธิเป็นหมันถ้าเกิดว่านลินแต่งงานกับเขาไม่สามารถมี ลูกได้ในอนาคตบ้านเขาก็ไม่มีทายาทแล้วสิ!

เพราะฉะนั้นยอมที่จะผิดใจกับบ้านวิสิทธิ์ เวชก็จะไม่ยอม ให้ลูกสาวของพวกเขาต้องรับชะตากรรมแบบนี้

ฐิติพรมองไปยังใบหน้าที่จอมปลอมของชลธีอดไม่ได้ที่จะ หัวเราะออกมา”เพราะฉะนั้นที่คุณมาในวันนี้ก็เพื่อที่จะถอน หมั้นใช่ไหมคะ?”

นลินหนีไปแล้วก็ช่างเถอะพวกเขาก็ไม่ได้ไปหาเรื่องอะไร ไม่คิดเลยว่าบ้านมีสุวรรณ์กลับมาถอนหมั้นซะเอง

ชลธีนั่งอึดอัดอยู่ตรงนั้นไม่ได้ตอบอะไร

สุดท้ายทัดพรเป็นคนเอ่ยปากพูดว่า”เมื่อก่อนธามนิธิปกติ ดีทุกอย่างนลินแต่งงานกับเขาพวกเราก็ดีใจมากแต่สภาพ ของเขาตอนนี้….คงไม่สามารถให้นลินของพวกเรามา ปรนนิบัติดูแลเขาไปตลอดชีวิตใช่ไหมล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นเราได้ยินมาว่าเขายากที่จะมีทายาทได้ถ้าหากว่าเราให้ นลินแต่งงานกับเขาก็คงเป็นเหมือนแม่ม่ายนะสิแค่แต่งงาน กันในนามแต่ไม่มีความสัมพันธ์แบบคู่สามีภรรยาใดๆเราก็ เป็นพ่อแม่คนเหมือนกันพวกคุณก็ต้องคิดเผื่อนลินลูกสาว ของเราด้วยใช่ไหมล่ะคะ?”

เธอเป็นผู้หญิงไม่เหมือนชลธีที่กลัวเสียหน้าอยากพูดอะไร ก็พูดออกไปตรงๆ

ปาณีที่เป็นผู้เฝ้าดูอยู่นอกประตูได้ยินคำพูดพวกนี้ยังรู้สึก โกรธเคืองเลย

คนในปัจจุบันชัดเจนเกินไปหรือเปล่า?

ตอนคุณอาปกติดีพวกเขาก็อยากให้ลูกสาวแต่งงานมา บ้านนี้

แต่พอตอนนี้คุณอาเกิดอุบัติเหตุพวกเขาก็อยากถอนหมั้น

ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดจาน่าเกลียดขนาดนี้อีก…เป็นม่าย เอยมีลูกไม่ได้เอย!
ถ้าคุณอามาได้ยินคำพูดพวกนี้จะเสียใจขนาดไหน?

ดีนะที่คุณอาไม่อยู่!

ปาณีเพิ่งมีความคิดนี้ลอยขึ้นมาก็รู้สึกได้ถึงความเย็น รอบๆบริเวณเธอเธอหันหน้ากลับไปถึงพบว่าธามนิธิและไว ยาตย์อยู่ข้างหลังเธอแล้วไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

สีหน้าของทั้งสองคนขรึมมากธามนิธิแสดงสีหน้าเย็นชา

ไม่พูดไม่จาสักคำ

ดูจากสีหน้าของพวกเขาแล้วรู้ได้เลยว่าพวกเขาได้ยินใน สิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้ทั้งหมด

ปาณีพูดว่า”คุณอา”

ธามนิธิมองเธอแวบหนึ่งไม่ได้พูดอะไรและให้ไวยาตย์เข็น เขาออกไป

ปาณีเห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้วก็กระดากกระเดื่องที่จะฟัง ต่อเธอจึงรีบเดินตามพวกเขาไป
“คุณอา..”

เธออยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เห็นไวยาตย์ได้ส่ง สายตาให้เธอว่าไม่ควรพูดในตอนนี้ปาณีจึงปิดปากเงียบไว้

ไวยาตย์และธามนิธิเข้าไปในห้องทิ้งให้ปาณีรออยู่ข้าง นอกคนเดียวเธอไม่กล้าที่จะเดินไปไหนจึงรออยู่ตรงนั้นรอ ไปประมาณ5นาทีไวยาตย์ก็ออกมา

“คุณอาไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”ปาณีคิดว่าหากเธอเจอ สถานการณ์แบบธามนิธิได้ยินคำพูดที่คนในบ้านมีสุวรรณ์ พูดอย่างนั้นต้องเสียใจมากแน่ๆ

ไวยาตย์ตอบว่า”คุณลงไปนั่งเล่นข้างล่างก่อนให้เขาอยู่ คนเดียวสักพัก”

ไวยาตย์แทบจะหมดคำพูดไม่ง่ายเลยที่จะเห็นสภาพจิตใจ ของธามนิธิที่ดีขึ้นคนในบ้านมีสุวรรณ์กลับเอามีดมาแทงซ้ำ

อีก

ตอนที่ 37

เธอไม่สามารถปฏิเสธได้อีก”ใช่ค่ะว่าแต่….ทำไมคุณถึง ไม่ชอบเธอล่ะ?วันนี้ตอนทานข้าวคุณยังตั้งใจไม่ไว้หน้าเธอ

อีก”

ถ้าพูดตามหลักการธามนิธิและติรยาไม่มีอะไรบาดหมาง กันแต่วันนี้ธามนิธิยังโมโหใส่เธอต่อหน้าทุกคน

ธามนิธิมองไปยังปาณีนัยน์ตาของเขาดำสนิทให้ความ รู้สึกถึงความจริงใจของเขา”เพราะเธอไม่ชอบเขา”

ปาณีรู้สึกว่าตัวเองถูกคำพูดของธามนิธิหว่านเสน่ห์ซะแล้ว

เพราะว่าเธอไม่ชอบติรยาเพราะฉะนั้นคุณอาเลยไม่ชอบติ รยาไปด้วยถึงขั้นไม่ไว้หน้าเธอเลย
ทั้งที่ฟังแล้วเหมือนพฤติกรรมของเด็กๆแต่ว่าในมุมมอง ของปาณีคุณอาเท่ระเบิดเลยทีเดียว

“คุณอาหนูมีความสุขมากเลยค่ะที่ได้แต่งงานกับ คุณ!”ปาณีกอดแขนของเขาอย่างตื้นตันใจ

จู่ๆเธอก็พุ่งเข้ามากลิ่นหอมอ่อนๆที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ

ทำให้ธามนิธิตัวแข็งไปชั่วครู่รู้สึกว่าหลังจากที่ตัวเองคุย กับจันวิภาแล้วสวิตช์ในใจขอเขาถูกเปิด

ปาณีในสายตาของเขาไม่ได้เป็นเด็กน้อยกะโหลกกะลา อีกต่อไปแต่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

ปาณีกอดแขนของธามนิธิไว้พูดด้วยความไม่สบายใจเล็ก น้อย”ยังไม่เคยมีใครดีกับหนูแบบนี้เลย!คุณดีกับหนูขนาดนี้ อีกหน่อยหนูจะทำยังไงคะ?”

“จะทำยังไงคืออะไร?”ธามนิธิพูดด้วยความไม่เข้าใจ

ปาณีตอบว่า”หนูจะชินที่มีคุณอยู่คุณไม่กลัวว่าหนูจะตัวติดคุณตลอดเวลาหรอคะ?”

“แค่เธอชอบก็พอ”

“งั้นตกลงแล้วนะคะหนูจะตามตื้อคุณไปตลอดชีวิตเลยถึง แม้ว่าคุณจะไล่หนูหนูก็ไม่ไปแล้วนะ!”

ปาณีกอดแขนเขาเอาไว้พูดหยอกล้อกับเขา

ดวงตาที่ดำสนิทของธามนิธิมองไปยังปาณีนึกถึงนลินที่ หนีการแต่งงานรู้สึกประชดเหน็บแนมเล็กน้อย

ระยะห่างของคนเราทำไมมันแตกต่างกันขนาดนี้?

เขายื่นมือลูบหัวของปาณี”ง่วงรึยัง?”

“นิดหน่อย”

“รีบนอนเถอะ!”

ปาณีนอนอยู่บนเตียงเธอถอนหายใจพร้อมกับพูดว่า”ปวดท้องอีกแล้วหนูนอนไม่หลับ”

เพิ่งจะพูดจบก็รู้สึกว่าธามนิธิกำลังกอดเธอไว้

แขนของเขามีแรงมากทั้งตัวของเธอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขน ของเขาฝ่ามือของเขาวางอยู่บนท้องน้อยของเธือ

เวลาเป็นประจำเดือนท้องน้อยจะเย็นและรู้สึกปวดแต่มือ ของเขาอบอุ่นมากเลยบรรเทาอาการปวดได้

นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองคนใกล้ชิดกันขนาดนี้ปาณีไม่กล้า พูดอะไรทั้งนั้น

ตอนเช้าปาณีสวมชุดนอนเดินออกมาจากห้องเธอไม่ได้ เอาเสื้อผ้ากลับมาด้วยเสื้อที่ใส่เมื่อวานซักตากแล้วแต่ยังไม่ แห้งเธอจึงใส่ได้แค่ชุดนอน

เธอลงไปข้างล่างพบว่ามีแขกมาที่บ้านชัยพรและฐิติพรก็ อยู่ด้วย
แขกที่มาเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่งอายุใกล้เคียงกับพ่อแม่ของ ธาม นิธิ

พวกเขาเหมือนกำลังคุยเรื่องที่ซีเรียสกันมากปาณีเลยไม่ ได้เดินเข้าไป

เสียงคุยกันของพวกเขาส่งออกมาจากห้องรับแขก”ที่เรา มาในวันนี้หลักๆเป็นเรื่องของงานแต่งงานระหว่างนลินกับ ธามนิธิ”

“เรื่องแต่งงาน?”คนที่พูดตอบคือฐิติพรเธอเงยหน้าขึ้น มองไปยังชายร่างอ้วนท้วมที่กำลังพูดน้ำเสียงเธอเย็นชา มาก”ตั้งแต่ธามนิธิเกิดเรื่องจนถึงตอนนี้นลินไม่เคยแวะมา เลยแม้แต่ครั้งเดียวตอนนี้คุณมาคุยเรื่องแต่งงานกับดิฉัน?”

เธอมักจะนึกถึงนลินที่ชอบแวะมาที่บ้านบ่อยๆเรียกคุณ พ่อคุณแม่อย่างเอาอกเอาใจเรียกอย่างกับเป็นสะใภ้ของ บ้านนี้แล้ว

พวกเขาก็ดีกับนลินมากเพราะยังไงก็จะเป็นลูกสะใภ้ของ บ้านนี้ในไม่ช้า
แต่ไม่เคยคิดเลยว่าลูกสะใภ้คนนี้หลังจากที่ธามนิธิเกิด อุบัติเหตุก็หายสาบสูญไปเลย

แต่เดิมเรื่องที่ธามนิธิได้รับบาดเจ็บก็โจมตีคนในบ้านวิ

สิทธิ์เวชไม่น้อย

ตอนที่ 36

หลังจากทานข้าวเสร็จธามนิธิก็ให้เธอนอนพักต่อ

เขามองดูใบหน้าของเธอ”เจ็บแบบนี้ทุกครั้งเลยหรอ?”

นี่เป็นครั้งแรกที่ปาณีคุยเรื่องนี้กับผู้ชายแต่สีหน้าของคุณ อาก็จริงจังมากเธอพยักหน้าตอบว่า”อืม”

“เดี๋ยวหาหมอมาดูอาการหน่อยละกัน”

“น่าขายหน้าจริงๆ!” ถ้าให้เธอหาหมอปาณียอมที่จะทน ความเจ็บปวดนี้ไว้ดีกว่า

ธามนิธิบอก”หาหมอแล้วมันน่าขายหน้าที่ไหนกัน”

เป็นเด็กจริงๆเลยนะ

“ไม่เป็นไรค่ะ”ปาณีพูด”พวกเขาบอกว่ารอแต่งงานมีลูก แล้วก็จะหายปวดไปเอง”
อุบส์!

ปาณีเสียใจมากที่พูดคำนี้ออกไป

เธอกัดริมฝีปากตัวเองแทบอยากจะตบปากตัวเองสองสาม

ที่

เธอพูดอะไรออกไปเนี่ย!

เธอแอบมองธามนิธิแวบหนึ่งหวังว่าเขาจะไม่ได้ยินในสิ่งที่ เธอพูดออกไปเมื่อครู่

ปรากฏว่าเขากำลังมองเธออยู่ยิ่งไปกว่านั้นเขาได้ยินที่เธอ พูดทุกคำ”อยากมีลูกหรอ?เธอยังเด็กเกินไป”

ปาณีอึ้งเธอแค่พูดผิดทำไมกลายเป็นว่าเธออยากมีลูกให้ เขาแล้วล่ะ

เธออธิบายว่า “หนูไม่ได้หมายความอย่างนั้นค่ะ…

เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว!
ธามนิธิยิ้ม”ฉันเข้าใจ”

แต่ปาณีรู้สึกว่ายิ่งทำให้เขาเข้าใจผิดไปกันใหญ่?

ปาณีนอนพักอยู่บนเตียงสักพักแล้วค่อยไปอาบน้ำหลัง จากกลับมาเธอก็นอนไม่หลับซะแล้ว

เธอนอนเล่นมือถืออย่างมีความสุขในทุกๆคืนต้องเล่นมือ ถือก่อนนอนถึงจะหลับฝันดี

มือหนึ่งยื่นเข้ามาหยิบมือถือไปจากมือของเธอ”ไม่ต้องเล่น แล้วนอนเช้าๆหน่อย”

ธามนิธิเป็นคนที่ขรึมมากปกติเขาจะไม่คุยqqและไม่ ดูWeChatเขาใช้เวลาอ่านหนังสือมากกว่าการเล่นมือถือจุด นี้ปาณีแตกต่างกับเขาอย่างสิ้นเชิง

ปาณีชื่นชมเขาเล็กน้อย

เห็นมือถือตัวเองโดนยึดไปเธอรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย “นอน ไม่หลับ”
เวลาที่เธอนอนจะไม่ชอบให้มีคนอยู่ข้างๆ

ที่ผ่านมาพวกเขาแยกห้องนอนกันมาโดยตลอดแต่พอมา อยู่ที่นี่เธอกับธามนิธิจำเป็นต้องอยู่ห้องเดียวกันนอนเตียง เดียวกัน

ธามนิธิเอามือถือเธอวางไว้อีกมุมหนึ่งตัดความหวังของ ปาณิอย่างสิ้นเชิง “นอนไม่หลับก็นั่งพูดคุยกับฉันหน่อย”

เขาเหมือนกับเป็นผู้อาวุโสกว่าพูดคำไหนคำนั้นปาณีต้อง ฟังเขาทุกอย่าง

ปาณีตอบว่า”หนูไม่รู้ว่าจะคุยอะไร”

เขาไม่ชอบคนส่งเสียงดังไม่ใช่หรอ?

ทุกครั้งที่อยู่กับเขาไวยาตย์ก็จะเตือนเธอตลอดว่าให้พูด น้อยๆหน่อยอย่ารบกวนธามนิธิ

ปาณีจำคำสอนของไวยาตย์ไว้ตลอด
ธามนิธิมองไปยังปาณี”งั้นฉันจะเป็นคนเปิดประเด็นก่อน ละกัน”

เขารู้สึกรำคาญเมื่อต้องคุยกับคนอื่นแต่สำหรับเธอเขามี ความสุขไม่น้อย

“ดีค่ะ”

“เธอกับแฟนของเวทัสเคยมีเรื่องอะไรกัน?”

คำถามนี้ทำให้คนฟังไม่ทันตั้งตัวปาณีพูดอย่างไม่ เข้าใจ”ทำไมถามคำถามนี้ล่ะคะ?”

ธามนิธิบอกว่า”เขาบอกว่าเป็นเพื่อนเธอแต่ฉันรู้สึกว่า ไม่ใช่”

ปาณีนึกถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับติรยา”เมื่อก่อนเรา เป็นเพื่อนกันค่ะแต่ตอนนี้….”

ตอนนี้เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องที่ติรยาทำกับเธอไว้
“เขาหักหลังเธอ?”ธามนิธิพูดต่อประโยคของเธอ

ปาณีมองไปยังธามนิธิพบว่าผู้ชายคนนี้ฉลาดจนน่ากลัว ทั้งที่รู้ทุกอย่างกลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เธอถามเขาว่า”คุณรู้ได้ ยังไงคะ?”

“เธอเคยพูดก่อนหน้านี้”

ปาณีไม่คิดเลยว่าการที่ธามนิธิเจอติรยาเพียงครั้งเดียวก็ เดาออกเลยว่าคนที่หักหลักเธอคือติรยา

ตอนที่35

ถ้าหากเขาไม่กลับมาเธอต้องทนอยู่อย่างนี้ทั้งคืนหรอก หรอ?

ปาณีมองไปยังธามนิธิที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอใบ้ ให้”คือ….หนูเป็นประจำเดือนค่ะ”

หลังพูดประโยคนี้เธอแทบอยากจะเอาผ้าห่มมาปิดหน้าไว้

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอคุยเรื่องนี้กับผู้ชายและยิ่งไปกว่านั้นไว ยาตย์ก็อยู่ที่นี่ด้วย

ยังดีที่ไวยาตย์เป็นคนเข้าใจง่ายเขาจึงรีบพูดว่า”พอดีผม ลืมของไว้ข้างล่างผมลงไปเอาก่อนนะครับ”

หลังจากที่ปาณีได้ยินเสียงปิดประตูจึงเงยหน้าขึ้นมองธา มนิธิปรากฏว่าเขายังคงสีหน้าจริงจังเหมือนเดิมจ้องมองเธอ

ไม่หยุด
เธอขมวดคิ้ว”คุณมองหน้าฉันแบบนี้ทำไมคะ?เป็นเพราะ คุณคนเดียวเลยทำให้หนูเสียหน้าต่อหน้าคุณไวยาตย์”

เธอเอาผ้าห่มปิดหน้านอนลงไปตามเดิม

มือหนึ่งยื่นออกมาจับมือของเธอไว้อย่างอบอุ่นเพราะว่า เป็นประจำเดือนมือของเธอจึงเย็นมากมือที่อบอุ่นของเขา กุมมือเธอไว้”ตอนแรกยังคิดว่าเป็นเพราะทะเลาะกับเวทัส เลยไม่ลงไปกินข้าวซะอีก!”

“เป็นไปได้ไงคะ?”ปาณีปฏิเสธทันควันมองหน้าเธอ มนิธิ”พวกเขาเป็นคนพูดหรอคะ?พวกเขาก็คิดว่าเป็นแบบ นี้?หนูไร้สาระขนาดนั้นเลยหรอคะ?”

ธามนิธิมองปาณีพร้อมกับพูดว่า “เธอกับเวทัสไม่ได้ ทะเลาะกันหรอกหรอ?”

ถ้าไม่ได้ทะเลาะกันแม่คงไม่พูดแบบนี้

ที่จริงแล้วทั้งสองคนต้องมีความขัดแย้งกันแน่นอน
“เถียงกันสองสามคำ”ปาณีตอบ”ไม่ถือว่าทะเลาะกันหรอก

ค่ะ”

“แปลกจริงๆ”ธามนิธิพูด”ปกติเวทัสไม่ใช่คนที่ไม่เชื่อฟัง เลยนะนิสัยของเธอก็ไม่เลวทำไมเธอสองคนถึงเข้ากันไม่ ได้ล่ะ?”

แม้ว่าครั้งก่อนจะว่ากล่าวตักเตือนเวทัสไปแต่ถึงยังไงเวท์ สก็เป็นลูกชายของพี่สาวเขาบางครั้งเขายุ่งมากเกินไปก็ไม่ ดี

คำพูดของธามนิธิทำให้ปาณีรู้สึกกินปูนร้อนท้องขึ้นมา

เธอมองธามนิธิสักครู่แล้วพูดว่า”สงสัยเกิดมาไม่ถูกโฉลก กันมั้งคะ!คุณอาเพิ่งกลับมาหรอคะ?กินข้าวยังคะ?”

“ยังเลยกลัวเธอโมโหเลยขึ้นมาดูเธอก่อน”

“คุณไปกินข้าวเถอะค่ะ!หนูนอนพักสักพักคงหาย”ปาณี นอนลงบนหมอนที่นุ่มนิ่มไม่คุ้นชินที่จะเป็นภาระให้เขา
ธามนิธิพูดว่า”เธอนอนพักก่อนนะ

หลังจากนั้นเขาก็ออกไปจากห้อง

ปาณีหลับตาลงเธออยากนอนพักสักหน่อยแต่ไม่นานนัก ธามนิธิก็กลับมา

“ปาณี”

ปาณีลืมตามองไปยังเขา คุณไปทานข้าวแล้วไม่ใช่หรอ คะ?ทานเสร็จไวขนาดนี้เลยหรอคะ?”

“นี่คือน้ำตาลทรายแดงต้ม ธามนิธิยื่นถ้วยไปให้เธอ”แม่ บ้านบอกว่าดื่มอันนี้แล้วจะดีขึ้น

ปาณีรีบรับถ้วยจากมือเขามายังไม่ทันดื่มก็คิดอะไรบาง อย่างขึ้นได้เธอมองธามนิธิอย่างระมัดระวัง คุณบอกแม่ บ้านแล้ว?”

“อิ่ม
ปาณีรู้สึกอายอย่างเห็นได้ชัด “เรื่องเล็กน้อยเองคุณทำ อย่างนี้หนูก็เกรงใจแย่สิคะ”

แค่ประจำเดือนมาก็ป่าวประกาศไปทั้งบ้าน

ยิ่งคิดก็ยิ่งขายหน้า

ธามนิธิพูดว่า”ร่างกายไม่สบายทิ้งไว้ไม่สนใจได้ยังไง!เธอ ดื่มก่อนฉันให้คนส่งของกินขึ้นมาด้วยเธอดูซิว่าอยากกิน อะไร”

หลังจากที่เขาพูดจบแม่บ้านก็ส่งอาหารมาให้พอดี

แต่เดิมปาณีไม่อยากอาหารแต่พอเห็นอาหารเหล่านี้แล้วก็ รู้สึกหิวเล็กน้อย

เธอลุกขึ้นจากเตียงนั่งสวมชุดนอนอยู่ข้างๆ โต๊ะอาหารกิน อาหารไปเล็กน้อย

ตอนที่34

หลังจากเห็นปาณีเดินจากไปฐิติพรก็เดินเข้ามามองเวทั สด้วยความระแวง”หลานรังแกปาณีอีกแล้วใช่ไหม?เมื่อกี้ เธอยังนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้ดีๆทำไมหลานมาปั๊บเธอก็ไป เลย?”

เวทัส”.

เขามองคุณยายที่ลำเอียง”ทำไมมองผมเป็นคนรังแกเธอ

ล่ะครับเธอต่างหากที่รังแกผม!”

“เธอจะรังแกหลานได้ยังไง?ถึงแม้ว่าจะรังแกหลานจริงๆ หลานก็ต้องทนหลานก็รู้สถานการณ์ของน้าตอนนี้ถ้า เขาโมโหแล้วออกจากบ้านไปยายจะมาหาหลานเป็นคน แรก”พอพูดถึงท้ายประโยคคำพูดของคุณยายแฝงด้วย ความเศร้าใจเล็กน้อย

ตั้งแต่ที่ธามนิธิเกิดเรื่องอารมณ์ของทุกคนในบ้านก็ไม่ ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับสถานการณ์ของน้าแล้วเขาก็แค่เสีย ปาณีไปดูเหมือนจะไม่ได้แย่มากนัก
เวทัสมองดูปฏิกิริยาของคุณยายแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ

ในกลางคืนธามนิธิและไวยาตย์กลับดึกหน่อยตอนที่เขา กลับถึงบ้านฐิติพรและคนอื่นๆก็กำลังทานข้าวเย็นกันอยู่แต่ ปาณีไม่อยู่

เขาถามว่า”ปาณีล่ะ?”

ฐิติพรตอบว่า “เมื่อตอนเย็นเหมือนเธอกับเวทัสจะมีเรื่องไม่ พอใจกันนิดหน่อยแม่ให้คนไปตามเธอมาทานข้าวเธอก็ไม่ ลงมา”

ธามนิธิมองไปยังเวทัสที่นั่งอยู่ข้างๆ”ทำไมนายก่อเรื่องอีก แล้วหรอ?”

“ผมเปล่าครับ”เวทัสอธิบายว่า “ผมไม่ได้รังแกเธอจริงๆ อย่าโทษผมไปสักทุกเรื่องเลยได้ไหมครับ?”

ปาณีไม่ลงมากินข้าวเองเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?

เมื่อคิดถึงจุดนี้เวทัสก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมา
เขารู้สึกว่าตั้งแต่ปาณีมาที่บ้านก็ทำตัวเป็นศัตรูกับเขา ตลอดเหมือนอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้เขายังไม่ได้ทำ อะไรเธอเลยเธอก็โกรธซะแล้ว

เป็นผู้หญิงที่เจ้าวางแผนจริงๆ

ทำตามความต้องการของตัวเองโดยอาศัยความเอาอก เอาใจของคนในบ้าน

ยิ่งเธอเป็นแบบนี้เขาก็ยิ่งไม่ยอมให้เธออยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ เช่นนั้นเขาจะยังได้อยู่ในบ้านนี้อย่างสงบสุขอีกไหม?

ธามนิธิก็ไม่ได้รับร้อนตำหนิเวทัส” ผมขึ้นไปดูเธอก่อน

ไวยาตย์เข็นธามนิธิออกไปฐิติพรเห็นเขาออกไปโดยที่ยัง ไม่ได้กินข้าวพูดว่า”ลูกไม่กินข้าวหรอ?”

ขาเขาไม่ค่อยสะดวกไปๆมาๆคงลำบากน่าดู

“ให้คนส่งขึ้นมาบนห้องเลยครับ
ธามนิธิถูกไวยาตย์เข็นเข้าไปในห้อง

ปาณีนอนอยู่บนเตียงเหงื่อออกทั้งตัวเธอกอดหมอนไว้ แน่นอดทนต่อความเจ็บปวดไว้

เกือบหลับแล้วแท้ๆไวยาตย์ก็เข็นธามนิธิเข้ามา

รถเข็นของธามนิธิหยุดอยู่ข้างเตียงมองไปยังปาณีที่นอน อยู่บนเตียง”ปาณี”

หลังจากที่ปาณีได้ยินเสียงเธอก็เอาหมอนออกแล้วมองไป ยังธามนิธิที่เพิ่งเข้ามา”คุณอากลับมาแล้วหรอคะ?”

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”ธามนิธิมองไปยังเธอที่เหงื่อท่วม ตัวเส้นผมก็เปียกไปหมด”เป็นไข้หรอ?”

“ไม่….ไม่ค่ะ”ปาณีพูดว่า”แค่เรื่องเล็กน้อยค่ะ”

“เรียกหมอมาดูอาการหน่อยไหม?”แต่เดิมคิดว่าเธอ ทะเลาะกับเวทัสจึงไม่ได้ลงไปทานข้าวคิดไม่ถึงเลยว่าเธอ จะป่วย
ปาณีมองไปยังคุณอาที่ทำสีหน้าจริงจังไม่รู้ว่าควรพูดยัง ไงดีเธอจึงบอกว่า”หนูไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ….ก็แค่…”

เธอเป็นประจำเดือนวันแรกของทุกๆเดือนเธอจะเจ็บปวด ทรมานแบบนี้แหละ

จำได้ว่ามีครั้งหนึ่งประจำเดือนเธอมาขณะซื้อของอยู่ที่ ตลาดเดินไปไม่ถึง10นาทีเธอเกือบเป็นลมอยู่ข้างทางไม่ สามารถกลับบ้านได้

ตอนบ่ายหลังจากที่เธอกลับมาห้องก็ปวดท้องน้อยมา จนถึงตอนนี้นอนอยู่บนเตียงแต่ก็ไม่หลับเหงื่อออกตลอด เวลาเพราะเหตุนี้เธอเลยไม่ได้ลงไปกินข้าวไม่เช่นนั้นจาก นิสัยความตะกละของเธอแล้วมีหรอที่จะไม่ลงไปกินข้าว เพียงเพราะทะเลาะกับเวทัส?

“ก็แค่อะไร?”ธามนิธิมองเธอ”ไม่สบายตรงไหนเธอก็ต้อง พูดออกมาฉันถึงจะรู้ก็เคยบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือไงว่าไม่ สบายก็ต้องไปหาหมอ?ทำไมโตขนาดนี้แล้วยังไม่รู้จักดูแล ตัวเองอีก?”

ตอนที่33

“ที่เธอคบกับน้าชายฉันก็เพราะเงินไม่ใช่รีไง?”เวทัสมอง เธอด้วยความโมโห”เธอต้องการเงินฉันก็ให้เธอได้ใขอแค่ เธอไปจากเขาซะเงินพวกนี้ก็จะเป็นของเธอ”

เวลานี้ปาณีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขอทานและเขาก็เป็นผู้ เสียสละที่อยู่สูงส่ง

เธอเงยหน้าขึ้นมองไปยังเวทัสรู้สึกขัดหูขัดตาอย่าง มาก”ใครเป็นคนบอกนาย?”

จู่ๆเขาก็เอาเงินมาให้เธอ

“ติรยาเป็นคนบอก”เวทัสมองหน้าเธอ”เขาบอกว่าวันนั้นที่ เธอไปบ้านเขาเพราะจะยืมเงิน…”

ในสมองของปาณีได้ฉายภาพที่อยู่หน้าบ้านติรยาในวันนั้น ขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ
คำพูดของเวทัสทำให้เธอคิดถึงเวลานั้นเวลาที่เธอไม่หลง เหลือศักดิ์ศรีของตัวเองเลย

เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเวทัส”เขายังพูดอะไรอีก?”

“เขาบอกว่าที่เธอคบกับน้าชายฉันก็เพราะเงิน!เธอไม่เคย รักน้าชายฉันเลย!”เมื่อเทียบกับคำพูดของปาณีที่บอกว่า เธอคบกับธามนิธิเพราะว่าเธอชอบธามนิธิเวทัสยินดีจะเชื่อ คำพูดของติรยามากกว่า

เขายอมที่จะเชื่อว่าปาณีคบกับธามนิธิเพราะเงิน

ปาณีหัวเราะ”เพราะฉะนั้นนายเลยเชื่อคำพูดของเขาแล้ว เอาเงินฟาดหน้าไล่ฉันไป?”

เธอมองไปยังบัตรเครดิตที่ถูกโยนลงบนโต๊ะรู้สึกถูก เหน็บแนมเป็นอย่างยิ่ง

ไม่ว่าติรยาจะพูดอะไรเขาก็เชื่อหมดแต่กลับไม่เคยเชื่อ เธอเลย
เวทัสจ้องมองปาณีอย่างเยาะเย้ย “หรือว่าไม่ใช่ละ?เธอ อย่าบอกนะว่าระหว่างเธอกับน้าฉันคือรักแท้ฉันไม่เชื่อ

คนที่ปาณิชอบควรจะเป็นเขาเคือเขา

เขาไม่เชื่อว่าการที่คบกันมาตั้งนานในใจของปาณิจะไม่มี เขาอยู่เลยแม้แต่น้อย

สำหรับปาณีแล้วคำพูดของเวทัสคือการดูถูกเหยียดหยาม

รู้สึกเจ็บปวดเหมือนตัวเองโดนถอดเสื้อออกจนหมดแล้ว ทิ้งไว้กลางถนนให้คนย่ำยี

เธอคิดว่าคงเป็นเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเวลาอยู่ต่อหน้า เวทัสแล้วเธอกลัวเสียหน้ามาก!

ทั้งๆที่ครอบครัวเธอยากจนมากแต่กลับไม่ให้เขารู้

ทั้งๆที่ไม่มีเงินแต่ในทุกเทศกาลเธอก็จะพยายามทำงาน เก็บเงินเพื่อที่จะซื้อของขวัญให้กับเขา
ตลอดเวลาที่คบกับเขาไม่ว่าเธอจะยากลำบากสักแค่ไหน เธอก็ไม่เคยคิดจะยืมเงินกับเขาเลย

เธอดื้อรั้นขนาดนี้ก็แค่อยากรักษาศักดิ์ของตัวเองไว้ตอน อยู่ต่อหน้าคนที่ชอบเท่านั้นเอง

แต่ในตอนนี้ในสายตาของเขาเธอกลายเป็นผู้หญิงที่ยอม ละทิ้งทุกอย่างเพื่อเงิน

แม้จะบอกว่าเธอรักเงินก็ดูเหมือนจะพูดไม่ผิดแต่ก็ไม่ อยากให้เขามาดูถูกขนาดนี้

เธอพูดกับเวทัสว่า “ติรยาพูดอะไรนายก็เชื่ออย่างนั้น!นาย คิดดูดีๆเราคบกันมาตั้งนานฉันเคยเอาเงินของนายแม้แต่ บาทเดียวไหม?เวทัสฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเมื่อก่อนฉัน ชอบนายได้ยังไงกัน!นายนี่เป็นหมูดีๆนี่เอง!”

เธอโง่มามากแล้วไม่คิดว่าเวทัสจะโง่กว่าเธออีกถูกติรยา หลอกมาจนถึงตอนนี้ยังเชื่ออย่างสุดใจอีก

สีหน้าของเวทัสที่ถูกปาณีด่าว่าเป็นหมูนั้นดูไม่ได้เลย”ถ้า อย่างนั้นที่เธอไปบ้านติรยาก็ไม่ได้ไปยืมเงินเขาปรักปรำเธอล่ะสิ?”

*.”ปาณิตอบว่า ฉันไปยืมเงินแล้วจะทำไม?ฉัน ขาดแคลนเงินแล้วจะทำไม?นายวางใจได้เลยแม้ว่าฉันต้อง อดตายฉันก็ไม่มีวันเอาเงินของนายแม้แต่บาทเดียว”

ปาณีมองบัตรเครดิตที่วางอยู่บนโต๊ะแวบเดียวรู้สึกว่าตัว เองกับผู้ชายคนนี้ไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก

เขาถูกติรยาล้างสมองจนหมดแล้วคำอธิบายของเธอไม่มี ความหมายใดๆสำหรับเขาเลย

เขายังเป็นเวทัสที่เธอรู้จักที่ไหนกันเป็นสุนัขที่ติรยาเลี้ยง มายังเข้าท่ากว่า!

เธอไม่อยากอยู่ในห้องเดียวกับเขาอีกจึงผลักเวทัสออก แล้วเดินจากไปเวทัสอยากยื่นมือออกไปขวางเธอไว้แต่ฐิติ พรก็เดินเข้ามาพอดี

ตอนที่32

เห็นได้ชัดเลยว่าเธอกำลังต่อว่าติรยาที่ไม่มีกาลเทศะตัว เองเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาแท้ๆพูดไปสองสามประโยคก็ ร้องไห้สักแล้วอย่างนี้มันเข้าท่าที่ไหนกัน?

ติรยามองแผ่นหลังของจันวิภาที่เดินจากไปเธอกำหมัดไว้ แน่นแต่เดิมเธอแค่อยากแกล้งปาณีสักหน่อยไม่คิดเลยว่า สุดท้ายจะวกกลับมาทำร้ายตัวเอง

เมื่อถึงหน้าบ้านแล้วติรยาจ้องมองเวทัส”นายจะเข้าไปนั่ง ในบ้านสักหน่อยไหม?”

“ไม่ต้อง”เวทัสทำสีหน้าจริงจังช่วงนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี เท่าไหร่

ก่อนหน้านี้ก็โดนธามนิธิบังคับให้ขอโทษปาณีแค่นี้เขาก็ เบื่อจะแย่อยู่แล้วเพิ่งคบกับติรยาได้สักพักติรยาก็เปิดปาก พูดว่าอยากไปที่บ้านเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
แต่ดันเกิดเรื่องในวันนี้ขึ้นอีกทำให้เขายิ่งอารมณ์ไม่ดี เข้าไปใหญ่

ติรยามองไปทำทางที่เย็นชาของเขาพูดว่า”เวทัสนาย โกรธฉันอยู่ใช่เปล่า?ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นำของเธอไม่ พอใจเลยนะ

ไม่เกี่ยวกับเธอ”

“ปาณีกลายเป็นน้าสะใภ้ของนายได้ยังไงกันบ้านของ เธออยู่ในชนบทพ่อแม่ก็ทำอาชีพรับจ้างทั่วไปแล้วเธอมา แต่งงานเป็นสะใภ้ของบ้านนายได้ยังไงกันคิดไม่ออกเลย จริง” คำพูดที่อดกลั้นมาตั้งแต่ตอนอยู่ในบ้านวิสิทธิ์เวชติร ยาเพิ่งพูดออกมาตอนนี้

เวทัสมองไปยังติรยา”ฉันไม่รู้

“จริงๆแล้วฉันมีเรื่องๆหนึ่งที่ยังไม่มีโอกาสได้บอกนายแต่ ว่าวันนี้เห็นปางนี้อยู่ที่บ้านนายแล้วคิดว่าควรเตือนนายให้รู้ จะดีกว่าติรยาท้าท่าคิดไตรตรองและทำสีหน้าจริงจัง

“เรื่องอะไร?””ครอบครัวของปาณีจนมากครั้งก่อนที่เธอไปบ้านฉันก็ เพื่อยืมเงินกับแม่ฉันที่เธอคบกับน้าชายนายเป็นไปได้ค่อน ข้างสูงเลยว่าเพื่อเงินนายต้องให้น้าชายนายระวังหน่อยนะ อย่าโดนเธอหลอกล่ะ!”

“เวทัสมองไปยังติรยา”จริงหรอ?”

ปาณีไม่เหมือนคนที่จะหลอกเงินใครเลยนะ

“จริงสิ”ติรยาพูดอย่างมั่นใจ”ฉันจะโกหกนายเพื่ออะไร กัน?นายคิดดูนะนายดีกับเธอขนาดนั้นเธอยังไม่ชอบนาย เลยแล้วจะไปชอบน้าชายนายได้ยังไงกันน้าชายนายอายุ มากกว่าเธอแล้วยังพิการอีกถ้าไม่ใช่เพื่อเงินแล้วจะทำเพื่อ อะไร?”

เวทัสจ้องมองติรยาแวบหนึ่ง “ฉันจะกลับบ้านแล้ว”

ติรยามองท่าทางที่จริงจังของเขาเดาได้ว่าเขาน่าจะเชื่อใน สิ่งที่เธอพูดออกไป

“ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าบ้านก่อนนะมีอะไรค่อยติดต่อกันทาง มือถือนะ”
ติรยายื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยออกมองดูใบหน้าด้าน ข้างอันหล่อเหลาของเวทัสเขาหล่อจริงๆนะเนี่ย

เธอยื่นหน้าเข้าไปจะหอมแก้มของเขาปรากฏว่าเธอเพิ่ง ยื่นหน้าเข้าไปก็โดนเวทัสเอามือขวางไว้

เขามองเธอแวบหนึ่งแววตาของเขาเย็นชามาก

ติรยาที่ถูกเขาปฏิเสธรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยเธอยิ้มแล้วพูด ว่า”ฉันเข้าบ้านก่อนนะ”

เธอเปิดประตูรถลงไปยืนอยู่หน้าบ้านมองดูเวทัสที่ขับรถ ออกไป

วันนี้แดดแรงมากแต่ในใจของเธอกลับหนาวเหน็บยิ่งนัก

ฉันสู้ปาณีไม่ได้ตรงไหน?

เธอมีสิทธิ์อะไรทำไมเวทัสถึงคบกับเธอได้แต่กลับไม่ยอม ชอบฉัน?
แม้จะคบกันในนามแต่เวทัสก็ไม่เคยมองเธอในฐานะแฟน

จริงๆเลย

เมื่อคิดถึงจุดนี้ในใจของเธอก็เกลียดปาณีมากยิ่งขึ้น!

ตอนบ่ายธามนิธิมีธุระต้องออกไปข้างนอกกับไวยาตย์ ปาณีนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขกคนเดียว

เวทัสเดินเข้ามาในบ้านยืนอยู่ตรงหน้าเธอพร้อมกับใบ เครดิตหนึ่งใบที่ถูกโยนลงตรงหน้าเธอ

เธอเงยหน้าขึ้นมองมองไปยังใบหน้าที่จริงจังของเขาแล้ว มองไปยังบัตรเครดิตใบนั้นไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร พูดด้วยความหวังดีว่า”นายบังแสงหมดแล้ว”

“เธอไม่ได้ต้องการเงินหรอกหรอ?ฉันให้เธอไปจากน้าชาย ฉันซะ!”

ปาณีพลิกหนังสือในมืออ่านต่อยังคงพูดด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่งว่า”ฉันไม่เข้าใจว่านายกำลังพูดเรื่องอะไร”

ตอนที่31

“ให้เธอช่วยสอนการบ้านอยู่บ่อยๆ?”ธามนิธิเงยหน้าขึ้น มองติรยาพูดหน้าตายว่า”ผลการเรียนของเธอแย่มากเลย หรอ?”

“.”แต่เดิมติยาแค่อยากชมปาณีเพื่อแสดงให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ของเธอกับปาณีดีมาก

หลังธามนิธิพูดประโยคนี้ออกมาทำให้เงียบไปหลายนาที เลยทีเดียว

ปาณีมองไปยังธามนิธิคุณอาไม่ไว้หน้าติรยาเลยหรอเนี่ย?

ใบหน้าอันงดงามของติรยาแข็งที่อเธอฝืนยิ้มและพูด ว่า”ยังพอใช้ได้ค่ะเพียงแต่ว่าไม่ดีเท่าปาณีแค่นั้นเองปาณี ทั้งสวยทั้งฉลาดผู้ชายในโรงเรียนชอบเธอเยอะแยะเลย ค่ะ!”
ปาณีที่กำลังทานข้าวเกือบกัดโดนลิ้นตัวเอง ติรยาแค่ แกล้งชมเธอแต่ใจจริงอยากบอกว่ามีผู้ชายชอบเธอเยอะ มากกว่าสินะ?

ในความเป็นจริงมีคนชอบเธอเยอะที่ไหนกัน?

ปาณีได้กลิ่นของการยุให้รำตำให้รั่วให้เธอกับธามนิธิ ผิดใจกัน

เธอมองไปยังติรยาพร้อมกับพูดว่า”เยอะที่ไหนกัน?ก็มีแค่ คนเดียวเท่านั้นแต่ภายหลังเธอบอกว่าชอบเขาฉันก็หลีก ทางให้เธอแล้วไม่ใช่หรอ?”

หลังพูดจบปาณีมองไปทางเวทัสแวบหนึ่ง

พูดจาแฝงนัยเย้ยหยันถากถางใครๆก็เป็น!

ปาณีหัวเราะเบาๆพร้อมกับทานอาหารต่อ

ติรยาที่นั่งอยู่ตรงนั้นสีหน้าซีดจาง “เธออย่าพูดเหมือนกับ โดนฉันแย่งไปสิฉันไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอก”
แม้ในความเป็นจริงเธอจะเป็นคนแย่งเวทัสไปแต่ต่อหน้า เวทัสแล้วเธอแสดงเป็นเพื่อนสาวที่แสนดีของปาณีมาโดย ตลอด

ปาณีพูดว่า”เธอถ่อมตัวเกินไปแล้วเรื่องแย่งของของคนอื่น เธอถนัดมากเลยไม่ใช่หรอ?”

ปาณีไม่คิดจะไว้หน้าติรยาอยู่แล้วและไม่สนด้วยว่าตัวเอง กำลังอยู่ต่อหน้าคนในบ้านวิสิทธิ์ เวชจึงไม่มีความปรานีใดๆ

แต่ติรยากลับไม่เหมือนกันเธอพยายามรักษาภาพลักษณ์ การเป็นกุลสตรีของเธอไว้

เธอรู้ว่าตัวเองเถียงปาณีไม่ไหวจึงแสร้งทำสีหน้าน้อยใจ เหมือนถูกเอาเปรียบตาเธอแดงก่ำเธอพูดพร้อมกับปัดน้ำตา ว่า”ปาณีฉันเห็นเธอเป็นเพื่อนมาโดยตลอดเลยนะทำไมเธอ ถึงว่าฉันแบบนี้ล่ะ?เมื่อกี้ฉันยังชมเธออยู่เลยนะ”

เธอตั้งใจแสดงท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจหวังให้ทุกคนเห็นอก เห็นใจเธอเพราะเห็นว่าเธออ่อนแอกว่า
ปาณีเบื่อไม่นี้ที่สุด

ในใจของปาณีเหลือบมองดูเธออย่างเหยียดหยามแวบ หนึ่งก่อนที่จะยิ้มตอบเธอว่า “ชมฉันหรอ?ขอโทษทีนะเมื่อกี้ ฉันฟังไม่ออกว่าเธอกำลังชมฉันฉันคิดว่าเธอตั้งใจอยากให้ คุณอาเข้าใจผิดว่าฉันเป็นผู้หญิงที่มั่วกับผู้ชายในโรงเรียน ไปทั่วสักอีก!ถ้าหากว่าฉันพูดแรงเกินไปก็ขอโทษด้วยนะ”

ปาณีขอโทษออกไปอย่างจริงใจ!อย่างน้อยเธอในสายตา ของทุกคนได้ขอโทษออกไปอย่างจริงใจ

บวกกับทุกคนเข้าข้างปาณีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงไม่มีใคร ว่าเธอเรื่องที่ทำให้ติรยาร้องไห้ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนกลับรู้สึก ว่าติรยาเป็นคนหน้าซื่อใจคด

ธามนิธิวางถ้วยลง” ผมกินเสร็จแล้ว”

ฐิติพรมองดูเขาอย่างเป็นห่วง”ทำไมไม่กินแล้วล่ะเพิ่งกิน ไปนิดเดียวเอง”

เธออุตส่าห์ลงมือทำอาหารเองเพื่อหวังว่าธามนิธิจะได้กิน เยอะหน่อย
“ไม่มีอารมณ์กิน”ธามนิธิเหลือบมองติรยาแวบหนึ่งแล้วพูด ว่า”ต่อไปนี้ถ้ามีคนจะมาที่บ้านก็ไม่ต้องโทรเรียกผมมาที่นี่”

ประโยคนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเขามุ่งเป้าไปยังติรยา

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เขาไม่พอใจซะแล้ว

หลังธามนิธิพูดเสร็จก็หันไปบอกกับปาณีว่า”ปาณีพาฉัน กลับไปพัก”

“ได้ค่ะ”ปาณีรีบลุกขึ้นเข็นธามนิธิออกไปจากห้องอาหาร

หลังจากที่ธามนิธิไปแล้วบรรยากาศภายในห้องอาหารก็ อึดอัดขึ้นมา

จันวิภามองไปยังติรยาผู้เป็นต้นเหตุในการก่อเรื่องครั้งนี้ แทบไม่อยากจะพูดกับเธอ

เธอบอกกับเวทัสว่า “ลูกรักกินข้าวเสร็จก็พาแฟนไปส่งที่ บ้านนะ!น้าชายลูกกลับมาแล้วต่อไปก็อย่าพาใครกลับมาบ้านมั่วชั่วล่ะถ้าเจอคนไม่มีกาลเทศะเดี่ยวจะทำให้เขา โกรธเอาได้

ตอนที่30

ตอนแรกเธอคิดว่าในเมื่อปาณีไม่ได้เรียนต่อมหาลัยแล้วก็ จะกลับเมืองชลธีแล้วจะไม่มาปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอกับเวทั สอีกแต่ตอนนี้….

ปาณีนั่งอยู่ข้างๆธามนิธิทุกคนในบ้านดูแลเธออย่าง ทะนุถนอมถ้าหากฉันแต่งงานกับเวทัสในอนาคตก็ต้องเรียก เธอว่าน้าสะใภ้ตลอดไปสิ?

เมื่อคิดถึงจุดนี้ติรยารู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว

ปาณิขอตัวไปห้องน้ำสักครู่ตอนเธอกลับมาเห็นติรยาขวาง เธออยู่ตรงประตูห้อง

ติรยามองปาณีอย่างจริงจังปาณีรู้ว่าติรยาต้องไม่พอใจ มากๆเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาที่บ้านแต่ก็ไม่เป็นที่ สนใจของทุกคนเธอต้องไม่พอใจอยู่แล้ว

ปาณีไม่ได้พูดคุยกับติรยาเขาแค่อยากกลับไปนั่งที่แต่ติรยากลับขวางเธอเอาไว้

เธอมองติรยาอย่างนิ่งเงียบ”เธอก็รู้ว่าที่นี่เป็นที่ไหนคงจะ ไม่ได้อยากตบตีกับฉันที่นี่หรอกนะ?”

ติรยาเป็นคนที่เอาหน้ามากเธอกลัวเสียหน้ามากกว่าปาณี เสียอีกเป็นเพราะจุดนี้ปาณีจึงไม่ได้เกรงกลัวเธอเลย

ติรยาเก็บมือที่กำลังขวางปาณิกลับมามองหน้าปาณีน้ำ เสียงไพเราะขึ้นมาเล็กน้อย”เธอไปคบกับน้าของเวทัสตอน ไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่องล่ะ?”

“เธอเป็นคนแนะนำให้ฉันเองไม่ใช่หรอว่าให้เชื่อฟังแม่แล้ว แต่งงานไปซะ?และเขาก็เป็นคนที่แม่ฉันให้แต่งงานด้วยพอ ดีคิดๆแล้วฉันต้องขอบใจเธอนะเนี่ย!”

แต่งงานกับคุณอาแต่เดิมก็เพื่อแลกกับค่าเทอมสามารถ เห็นสีหน้าของติรยาที่ดูไม่ได้เลยถือเป็นความโชคดีที่คิดไม่ ถึงเลยทีเดียว

ติรยาทำตาโต”เป็นไปไม่ได้แม่เธอจะรู้จักคนในบ้านวิ สิทธิ์เวชได้ยังไงกัน?”
ครอบครัวของปาณีเป็นยังไงตีรยารู้ดีกว่าใครว่าเขาไม่มี ทางที่จะรู้จักหรือมีความสัมพันธ์ใดๆ กับบ้านวิสิทธิ์เวชได้

แม้ว่ารามนิธิในตอนนี้จะนั่งรถเข็นติรยาก็ไม่รู้สึกว่าปาณี จะคู่ควรกับธามนิธิ

ปราณียิ้มตอบฉันก็บอกเธอไปแล้วอยากเชื่อหรือไม่อยาก เชื่อก็เรื่องของเธอ

หลังพูดจบเธอก็เดินออกไปเลยไม่ได้คุยไร้สาระกับติรยา

กลับไปถึงห้องอาหารทุกคนยังคงรับประทานอาหารกันอยู่ ปาณีนั่งลงข้างๆธามนิธิ

รามนิธิคืบอาหารให้กับเธอ”อันนี้ที่เธอชอบเก็บไว้ให้เธอ

นะ

ทุกคนกำลังพูดคุยกันเลยไม่มีใครสนใจท่าทางเล็กๆน้อยๆ ของรามนิธิทุกคนรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นธามนิธิเอาใจ ปาณิโนตอนแรกแต่ตอนนี้ทุกคนชินแล้ว
เวทัสที่กำลังกินข้าวเห็นภาพเบื้องหน้าแล้วรู้สึกทิ่มแทงใจ

มาก

ไม่นานติรยาก็กลับมาเธอเอาผมทัดหูนั่งลงข้างๆเวทัสอ ย่างสง่า

มองไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างๆธามนิธิปาณีที่ว่านอนสอนง่าย อย่างกับสัตว์เลี้ยงติรยาหัวเราะเบาๆ “อิจฉาคุณอารามนิธิ จังเลยนะคะความสัมพันธ์ระหว่างคุณอากับปาณีดีขนาดนี้”

ปาณีอึ้งไปสักพักไม่รู้เป็นเพราะอะไรทุกครั้งที่ติรยาพูดใน ใจของเธอจะมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นรู้สึกว่าติร ยาจะขุดหลุมให้เธอ

เธอเงยหน้าขึ้นมองติรยาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร

ธามนิธิที่นั่งอยู่ข้างๆมองดูปฏิกิริยาของปาณีอย่างเงียบๆ รู้สึกว่าทุกครั้งที่ติรยาพูดปาณีจะเต็มไปด้วยความระวังตัว

เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้วติรยากับปาณีไม่เพียงแต่ไม่ เหมือนเป็นเพื่อนกันยังมีโอกาสที่จะเป็นศัตรูกันอีกด้วย!
จู่ๆเขาก็คิดถึงเมื่อหลายวันก่อนปาณีถามเธอทั้งน้ำตาว่า เคยมีคนหักหลังหรือเปล่า…

จันวิภาพูดอยู่ข้างๆพูดว่า”ใช่สิเมื่อก่อนนะคิดไม่ถึงเลยว่า ธามนิธิของเราจะห่วงเมียขนาดนี้”

ติรยายิ้มตอบว่า “คงเป็นเพราะว่าปาณีโดดเด่นค่ะ!ตอนที่ ปาณีเรียนอยู่ที่โรงเรียนผลการเรียนของเธอดีมากหนูยัง ให้เธอช่วยสอนการบ้านให้หนูอยู่บ่อยๆ!”

ตอนที่29

ฝ่ามือของเขาอบอุ่นมากปาณีจับมือของเขาไว้”หนูไม่ต้อง ทำอะไรเลยจริงหรอคะ?”

“เชื่อฟังฉันก็พอ”

“อิ้ม”

เมื่อถึงเวลาทานข้าวแล้วปาณีและธามนิธิถึงลงมาจากห้อง

เธอเป็นธามนิธิเข้าไปในห้องอาหารนั่งลงข้างๆติรยาก็เข้า มากับเวทัสเช่นกัน

ต่อหน้าทุกคนในบ้านวิสิทธิ์ เวชติรยาพยายามแสดงด้านที่ อ่อนโยนของเธอทักทายกับธามนิธิว่า”สวัสดีค่ะคุณอา”
ธามนิธิตอบรับอย่างเย็นชา

เขาหยิบผ้าเช็ดมืออุ่นๆที่วางอยู่บนโต๊ะกำลังช่วยปาณีเช็ด มือภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ติรยามึนงงเธอรู้ว่าธามนิธิเป็น อาของเวทัสแต่ว่าปาณีกับเขาก็ใกล้ชิดเกินไปหน่อยไหม?

ทำตัวเหมือนกับคู่รักเลย

คนที่ถูกมองข้ามอย่างติรยายิ้มแล้วพูดคุยกับธามนิธิ ว่า”หนูชื่อติรยาค่ะเป็นเพื่อนร่วมห้องของปาณีตอนอยู่ที่ โรงเรียนเรายังเป็นเพื่อนสนิทกันอีกด้วยค่ะ”

พอได้ยินว่าเป็นเพื่อนของปาณีธามนิธิจึงเงยหน้าขึ้นแล้ว มองติรยาแวบหนึ่ง “เพื่อนสนิท?”

ติรยาตอบว่า “ใช่ค่ะเมื่อก่อนปาณียังไปบ้านหนูบ่อยๆใช่ ไหมปาณี?”

เธอพูดไปแล้วเปลี่ยนเรื่องวนกลับมาหาปาณี
ปาณีมองสีหน้าของติรยาที่บานอย่างกับดอกไม้ไม่ยอมรับ ไม่ได้เลยว่าติรยามีใบหน้าที่เป็นมิตรมากบวกกับการแสดง

ที่ยอดเยี่ยมของเธอทำให้ทุกคนรู้สึกว่าเธอเป็นคนดี

เมื่อก่อนปาณีก็โดนเธอหลอกแบบนี้

ตอนนั้นติรยาดีกับเธอมากๆปาณียังคิดว่าตัวเองเจอคนรู้ ใจแต่พอดูตอนนี้แล้วเธอในสายตาของติรยานั้นเป็นเพียง เครื่องมือที่ใช้เข้าใกล้เวทัสเท่านั้น

และตอนนี้เธอพยายามที่จะตีสนิทกับฉัน80%ก็เป็นเพราะ เป้าหมายนี้สินะ

ปาณิตอบว่า “ใช่เมื่อก่อนเราเป็นเพื่อนกัน

รามนิธิมองไปยังปาณีสักครู่พบว่าขณะที่กำลังพูด ประโยคนี้เธออึดอัดมากไม่เหมือนท่าที่ควรมีในการพูด คุยกับเพื่อน

เขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
แต่ฐิติพรเห็นเวทัสที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆพูดว่า”ได้ข่าวว่าก่อน หน้านี้ที่โรงแรมเธอไล่ปาณีออก?”

เวทัส”.”

หลายวันที่ผ่านมาเขาโดนบ่นทุกวันไม่คิดว่าเวลานี้ยังจะ เอาเรื่องนี้ออกมาอบรมสั่งสอนต่อ

ขาไม่ได้พูดอะไร

ฐิติพรจึงพูดว่า”ก็พูดอยู่ตลอดว่าคนในครอบครัวเดียวกัน ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันแต่ดูเธอสิ…..รังแกคนในบ้าน ตัวเองนี่มันใช่เรื่องหรอ?”

“ครับผมสำนึกผิดแล้วครับ”เวทัสถูกบ่นจนรู้สึกเบื่อได้แต่ ยอมรับผิด”วันนั้นคุณอาให้ผมขอโทษแล้วครับพวกท่านจะ ให้ผมทำยังไงอีก”

ติรยาที่นั่งอยู่ข้างๆมือกำลังถือตะเกียบอยู่ไม่อยากเชื่อกับ สิ่งที่ตัวเองได้ยินพวกเขาถึงกับให้เวทัสขอโทษปาณี?
เพียงเพราะเรื่องที่ไล่ปาณีออก?

เพราะอะไร?

พวกเขาเป็นคนในครอบครัวของเวทัสแต่ทำไมดูเหมือน พวกเขาจะปกป้องปาณีมากกว่า

ติรยารู้สึกว่าตัวเองถูกปรับทัศนคติใหม่

ฐิติพรพูดว่า “ตอนนี้ปาณีเป็นน้าสะใภ้ของหลานไม่ว่า หลานจะไม่เห็นด้วยยังไงเขาก็มีศักดิ์เป็นผู้อาวุโสกว่า!ต่อ ไปอย่ารังแกเธออีกได้ยินแล้วใช่ไหม?”

น้าสะใภ้สามคำนี้ทำให้คนที่ฟังรู้สึกแสบหูมาก

เวทัสมองไปทางปาณีแวบหนึ่งทุกครั้งที่ได้ยินสามคำนี้เขา รู้สึกว่าตัวเองเจ็บปวดเหมือนโดนหนามที่มแทง

ปาณีที่นั่งอยู่ข้างๆธามนิธินั่งทานอาหารอย่างเงียบๆไม่ได้ พูดอะไรทั้งนั้น
ในตอนนี้ติรยาถึงจะเข้าใจสถานการณ์ว่าเป็นยังไงปาณี กลายเป็นน้าสะใภ้ของเวทัส!

ตอนที่ 28

แม้จะมีผนังกั้นอยู่แต่ปาณีก็สามารถคิดภาพสีหน้าที่เส แสร้งทำตัวไร้เดียงสาดุจดอกไม้ของติรยาได้

เมื่อก่อนตอนที่ทั้งสองคนยังเป็นเพื่อนกันในบางครั้งก็จะ มีความขัดแย้งกันทะเลาะกันบ้างแต่ในทุกๆครั้งเพียงแค่ติร ยายอมก้มหัวให้เธอหน่อยทำตัวน่าสงสารนิดหนึ่งปาณีก็จะ ให้อภัยเธอเสมอ

เธอคงไม่คิดใช่ไหมว่าฉันจะง้อง่ายเหมือนเมื่อก่อน!

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ทุกการกระทำของติรยาทำให้เธอรู้สึก โกรธเคืองจนถึงขีดสุดแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่แย่งเวทัสไปหรือเป็นเรื่องที่ใส่ร้ายเธอ ต่อหน้าบาร์นี่เรื่องแต่ละเรื่องนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่าติรยา จะไม่มีทางมองเธอเป็นเพื่อนเด็ดขาด

ในเมื่อไม่ใช่เพื่อนกันเธอมีคุณสมบัติอะไรที่จะให้ฉันให้
อภัยเธอแบบเพื่อน?

นิ้วมืออันเรียวยาวของปาณีพิมพ์ข้อความลงไปสองสาม คำ”เพื่อนที่แย่งแฟนของเพื่อนหรอ?”

“ปาณี “ธามนิธิเรียกปาณีที่กำลังคุยแชทอย่างเมามัน “ดื่ม

น้ำ”

ปาณีรีบวางมือถือลงไปรินน้ำให้กับธามนิธิธามนิธิเห็นเธอ ตั้งใจคุยแชทขนาดนั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังมือถือของ เธอเลยเห็นเข้ากับประโยคสุดท้ายที่ปาณีส่งออกไป

“แฟน?”

เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางปาณี

เธอมีแฟนหรอ?

ปาณีรินน้ำมาให้กับเขา “คุณอาน้ำค่ะ”
ธามนิธิยื่นมือออกไปรับแก้วน้ำมามือของเขาเรียวยาวและ สวยมากนี่เป็นมือคู่ที่สวยที่สุดที่เธอเคยเจอมา

ปาณียืนอยู่ข้างๆชื่นชมเขาที่กำลังดื่มน้ำภาพที่เห็นสวยจน ต้องร้องขอชีวิต

เขาดื่มน้ำเสร็จก็ยื่นแก้วน้ำไปให้เธอ

ปาณีเอาแก้วไปเก็บไว้ที่เดิมแล้วกลับมานั่งบนโซฟา เตรียมจะคุยแชทกับติรยาต่อเธอไม่ถนัดเรื่องการทะเลาะ ต่อหน้าเถียงไม่ไหวในไลน์จะยังเถียงไม่ไหวอีกรีไง?

แต่ปรากฏว่ากันเธอเพิ่งลงถึงโซฟาก็ได้ยินเสียงของธา มนิธิถามว่า”เมื่อก่อนเธอมีแฟนหรอ?”

-“ปาณีกำลังถกเถียงเรื่องนี้กับติรยาคิดไม่ถึงว่าธา มนิธิจะถามคำถามนี้กะทันหันร้อนตัวอย่างบอกไม่ถูกเธอ มองไปยังธามนิธิปรากฏว่าเขาก็มองมาที่เธอเหมือนกันแวว ตาเขาอ่อนโยนมากเหมือนคนที่ถามคำถามนี้เฉยๆ

ปาณีตอบว่า “ทำไมจู่ๆคุณอาถึงถามเรื่องนี้คะ?”
“อยากรู้”

“ไม่มีค่ะ “หลังพูดจบปาณีเสียใจเล็กน้อยที่พูดออกไป อย่างนั้นเหมือนเธอไม่ควรโกหกแต่ว่า ….ตอนนี้เธอ แต่งงานกับคุณอาแล้วถ้าคุณอารู้เรื่องนี้เข้าเขาคงไม่พอใจ แน่ๆ

แม้เขาจะไม่ใช่คนขี้หึงแต่ถ้าเขาหึงขึ้นมา …..จะทำยังไง?

แล้วถ้ารู้ว่าคนๆนั้นคือเวทัส….

ดังนั้นไม่พูดจะดีที่สุด

ธามนิธิมองตาของเธอ”ไม่มีจริงๆหรอ?”

“ไม่มีจริงๆค่ะ”สายตาของปาณีไปตกอยู่บนจานผลไม้ที่ธา มนิธิกินไปนิดเดียวเปลี่ยนเรื่องคุยว่า”อันนี้คุณไม่กินแล้วใช่ ไหมคะ?งั้นหนูกินนะ!”

เธอคุยไปสักพักรู้สึกหิวอีกแล้ว
ธามนิธิมองไปยังนักกินคนนี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะพร้อมกับ พูดว่า”เธอกินเลย”

“อร่อยจังเลย”ปาณีกินไปหนึ่งชิ้นจากนั้นก็ป้อนให้ธามนิธิ อีกหนึ่งชิ้น”เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างล่างแม่ให้หนูกินไปเยอะเลย คุณอาคนในบ้านของอาดีกับหนูจังเลย!”

นอกจากเวทัสทุกคนก็เป็นมิตรกับเธอมาก

ปาณีคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าเธอเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งที่ สองแท้ๆพวกเขาจะไม่หาเรื่องเธอแม้แต่น้อยเลยหรอ?

ธามนิธิพูดว่า”พวกเขาชอบเธอมาก”

ปาณีไม่เข้าใจ”เพราะอะไรคะ?”

“อาจเป็นเพราะว่าเธอน่ารักมั้ง!”ธามนิธิยื่นมือออกไปขยี้ หัวเธอเล่นๆ “คนอื่นเขาดีกับเธอเธอยังจะวิเคราะห์อีกว่า ทำไม?”

ตอนที่27

“ปาณี”จันวิภายิ้มทักทายก่อนที่จะลงไปข้างล่าง

“คุณอาหนูเอาผลไม้มาให้” ปาณีเดินเข้าไปในห้องเห็นธา มนิธินั่งอยู่ตรงนั้น

ธามนิธิบอกว่า”เธอกินสิ”

“หนูกินอิ่มแล้วเมื่อกี้หนูนั่งกินอยู่ข้างล่าง”

ธามนิธิเงยหน้าขึ้นมองไปยังปาณี

ปาณีแต่งตัวชิวมากๆเสื้อยืดกับกระโปรงสั้นเสื้อผ้าของ เธอไม่แพงเลยสั่งซื้อมาจากเถาเป่าแต่หุ่นเธอเรียวสูงและ ผอมมากจึงทำให้เธอดูดีขนาดนี้

ธามนิธิเห็นเธอเป็นเด็กมาตลอดเลยไม่เคยคิดจะล่วงเกิน

เธอ
จากเมื่อกี้ที่จันวิภาบ่นเขามาครึ่งวันเขาถึงกับปรับทัศนคติ ใหม่มองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

ตอนไม่คิดยังดีแต่พอคิดแล้วบริเวณท้องน้อยก็แน่นตึงขึ้น

มา

ปาณียืนอยู่ตรงหน้าเขามือหนึ่งถือจานผลไม้อีกมือหนึ่งก็ ถือส้อมไว้เธอเอาผลไม้ป้อนให้เขา”คุณอาหนูป้อนให้”

เธอยื่นมือออกไประยะห่างของทั้งสองคนใกล้ชิดกันมาก ภาพวิวในตาของธามนิธิตอนนี้เหลือเพียงเส้นไหปลาร้า ที่ชัดเจนของเธอและ ..มองลงไปอีกนิดดูเหมือนเป็น บริเวณที่นุ่มนิ่ม….

“ฉันกินเอง” เขาหยิบผลไม้มาจากมือเธอด้วยสีหน้าของ เขาจริงจังมาก

ปาณีเห็นเขาเกรงใจกับตัวเองขนาดนี้หัวเราะแล้วพูด ว่า”ก่อนหน้านี้ใครเป็นคนพูดคะว่าหนูเป็นภรรยาของคุณละ ให้หนูไม่ต้องเกรงใจอย่าเห็นคุณอาเป็นคนอื่นคนไกล?”
เด็กคนนี้!

เมื่อก่อนเวลาอยู่ต่อหน้าเขายังรู้สึกตื่นเต้นอยู่แท้ๆเดี๋ยวนี้ นับวันยิ่งกล้าเข้าไปใหญ่

ถึงขั้นกล้าหว่านเสน่ห์เขาเชียวหรอ

ธามนิธิกินผลไม้อยู่คนเดียวปาณีวิ่งไปนั่งบนโซฟาที่อยู่ ข้างๆเพิ่งหยิบมือถือขึ้นมาก็เห็นมีการแจ้งเตือนคำขอเพิ่ม เพื่อนใหม่:เด็กน้อยของเจ๋อเจ๋อได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนกับคุณ

ปาณีตกใจไปชั่วครู่ก็ได้สติกลับมานี่คือ… .ชื่อใหม่ของตร

ยา

เธอป่วยทำไง?

จู่ๆมาขอเป็นเพื่อนทำไม?

ปาณีขมวดคิ้วอย่างรู้สึกประหลาดใจนึกถึงปฏิกิริยาของติ รยาเมื่อครู่ตอนอยู่ข้างล่างแล้วจึงกดยอมรับคำขอของเธอไป

เธออยากจะดูว่าติรยาอยากทำอะไรกันแน่

แต่เดิมติรยาก็มีท่าทีที่จะลองใจปาณีดูว่ายังสนใจเธออยู่ ไหม?

คิดไม่ถึงว่าปาณีกดยอมรับเธอเป็นเพื่อน

ปาณีเป็นคนไม่คิดอะไรมากจะสืบอะไรจากเธอไม่ยาก

พอคิดถึงข้อนี้ติรยาจึงพิมพ์ข้อความส่งไปว่า”ปาณีเรื่องที่ ผ่านมาขอโทษด้วยนะ”

ปาณีมองไปยังคำว่าขอโทษที่เพิ่งส่งมาอดไม่ได้ที่จะ หัวเราะออกมา

ติรยาน่าจะป่วยจริงๆสินะ?

เธอคงคิดว่าเรื่องระหว่างเธอสองคนแค่คำว่าขอโทษก็จะ แก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด
จากการที่ปาณีรู้จักติรยานั้นเดาได้เลยว่าติรยากำลัง ลองใจเธออยู่

ปาณีพิมพ์ตอบไปว่า “มีธุระอะไร?”

“ไม่มีอะไรฉันแค่อยากถามว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง?”

เวทัสไม่ได้เล่าให้เธอฟังเธอจึงต้องมาถามปาณี

ปาณีมองดูคำถามนี้ติรยาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นดูเหมือนเวท์ สจะไม่ได้บอกเธอสินะ?

ไม่เช่นนั้นติรยาคงไม่มาถามเธอด้วยตัวเอง

ปาณีตอบว่า”ก็ลองไปถามเวทัสดูสิ!เธอพูดเองไม่ใช่หรอ ว่าเธอกับเขาเป็นคนที่อยู่ในโลกใบเดียวกันฉันคิดว่าเธอรู้ ทุกอย่างสักอีก”

เมื่อก่อนที่เล่าเรื่องทุกเรื่องให้ติรยาฟังนั่นเป็นเพราะว่าเห็น เธอเป็นเพื่อน
และในตอนนี้ปาณีไม่ได้โง่ขนาดนั้น

ติรยาพูดว่า”เวนิสเคยพาเธอกลับมาหรอ?ทำไมเมื่อก่อน เธอไม่เคยบอกเรื่องนี้กับฉัน?”

ติรยาพิมพ์ประโยคคำถามไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

ปาณีหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ได้”เธอเป็นใคร?ทำไม ฉันจะต้องบอกเธอด้วย?”

ติรยาเงียบไปสักพักจึงจะพิมพ์ข้อความตอบ”ปาณีเราเป็น เพื่อนกันไม่ใช่หรอ?เราเป็นเพื่อนกันมานานขนาดนี้เพราะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็จะไม่สนใจฉันเลยหรอ?”

ตอนที่ 26

“อร่อยมากค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นให้แม่บ้านปอกเพิ่มอีกหน่อยนะ”ฐิติพรพูดจบ ก็เรียกแม่บ้านล่ามุงให้เอามาเพิ่ม

ปาณีมองไปยังจานผลไม้แล้วพูดว่า”พวกเธอไม่กินหรอ?”

มีเธอเพียงคนเดียวที่กำลังกินอยู่

“หนูกินสิ”ฐิติพรพูด”หนูชอบก็กินเยอะๆหน่อยนะ”

เวทัสไม่ค่อยชอบกินผลไม้สำหรับติรยาฐิติพรไม่อยาก สนใจมากนักสำหรับเธอแล้วติรยาและเวทัสอายุยังน้อยทั้ง สองคนจะได้อยู่ด้วยกันไหมนั้นยังไวเกินที่จะพูดเรื่องนี้!

ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้เรื่องที่เวทัสรังแกปาณีฐิติพรยัง โกรธอยู่เลย
แต่เดิมก็จะลืมเรื่องนี้ไปแล้วแต่ตอนนี้ปาณีปรากฏอยู่ตรง หน้าทำให้เธอนึกขึ้นมาได้อีก

เพราะฉะนั้นเธอไม่อยากสนใจเวทัสและแฟนของเขามาก เท่าไหร่

ติรยาที่นั่งอยู่ข้างๆแทบไม่อยากจะเชื่อวันนี้เธอมาที่นี่เป็น ครั้งแรกแท้ๆคิดไม่ถึงเลยว่าคุณยายของเวทัสจะไม่สนใจ เธอเลยความสนใจทั้งหมดของเธอตกอยู่บนตัวปาณี

หลังจากกินผลไม้ไปจนพอแล้วปาณีก็พูดขึ้นว่า”หนูเอาไป ให้คุณอากินหน่อยดีกว่า”

“ดีเลยเอาไปสิ”ปาณีสามารถคิดถึงธามนิธิอยู่ตลอดเวลา ทำให้ฐิติพรตื้นตันใจมาก

เธอคาดหวังกับธามนิธิไม่สูงจะหาภรรยาสักคนก็ขอแค่ เป็นคนที่เป็นห่วงเขาอยู่ตลอดเวลาก็พอ

หลังจากที่ปาณีเดินไปแล้วฐิติพรค่อยหันไปทางติรยาแล้ว พูดว่า”กินสิจ๊ะ”ใครจะยังมีอารมณ์มากินของเหลือจากปาณี?

ติรยายิ้มตอบว่า”ไม่แล้วค่ะ”

ฐิติพรก็ไม่ได้สนใจพวกเขาไปทำงานของตัวเองต่อ

ติรยาทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วจึงถามเวทัสว่า”เมื่อก่อน ปาณีเคยมาที่นี่หรอ?”

“เคยมา”

“ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่อง?”ตอนที่ปาณีคบกับเวทัสไม่ว่าเรื่อง อะไรเธอก็จะเล่าให้ฟังทั้งหมด

ถ้าหากปาณีเคยมาที่บ้านของเวทัสเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ บอกเธอ

นอกจากว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังทั้งสองคนเลิกกัน….

เวทัสมองตรยาอย่างเบื่อหน่าย”พวกเธอเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่หรอ?เธอมาถามฉันทำไม?”
เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าปาณีไปคบกับน้าชายของเขาได้ ยังไง!

ติรยาเหมือนโดนตบหน้าเรื่องที่เธอกับปาณีแตกคอกันเธอ ไม่กล้าที่จะบอกให้เวทัสรู้เวทัสเลยคิดว่าทั้งสองคนยังเป็น เพื่อนกันอยู่

แต่ในความเป็นจริงหลังจากที่รู้ธาตุแท้ของติรยาแล้วปาณี ลบติรยาออกจากผู้ติดต่อในน์ด้วยซ้ำ

จันวิภาอยู่ในห้องของธามนิธิ”นายจะไม่ให้หมอดูอาการ หน่อยหรอ?ที่แม่หาหมอคนนี้มาให้นายเพราะเป็นหมอ เฉพาะทางที่รักษาจุดนั้นเลยนะเธอลองคิดดูถ้าไม่ทำเพื่อ ปาณีก็น่าจะทำเพื่อตัวเองหน่อยนะ!นี่เป็นเรื่องใหญ่ของ ชีวิตเชียวนะ”

ธามนิธิจ้องหน้าจันวิภาแววตาดูซับซ้อนมาก

จันวิภาพูดว่า”นายจ้องหน้าฉันทำไม?ที่ฉันทำไปก็เพราะ หวังดีกับนายนะนายไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่เป็นห่วงนายมากแค่ไหนนายเองก็ห้ามท้อใช้ไหม?”

“ออกไป” ในที่สุดธามนิธิก็พูดสองคำนี้ออกไปอย่างเย็นชา

“ธามนิธิ!”จันวิภาอยากเกลี้ยกล่อมเขาต่อ”นายต้องหัด มองเรื่องนี้ในแง่ดีถ้านายไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันนายก็จะ ไม่มีวันดีขึ้นรู้ไหม?ทำไมนลินถึงจากไปก็เพราะว่าเธอรู้ว่า นายทำไม่ได้ไง!ตอนนี้ปาณียังไม่รู้ถ้าเธอรู้แล้ว…

“จะไปหรือไม่ไป?”ธามนิธิมองเธออย่างจริงจังจันวิภาอึ้ง ไปสักพักเพราะถึงอย่างไรเธอก็ยังกลัวเขาเล็กน้อยพูด ว่า”ช่างเถอะฉันไปก็ได้!”

เห้อเธอพูดไปตั้งครึ่งวันก็ไม่เห็นว่าธามนิธิจะฟัง

ก็ใช่ผู้ชายนะจะมีสักกี่คนที่ยอมรับได้ว่าตัวเองไม่มีน้ำยา

จันวิภาเดินออกมาจากห้องก็เจอกับปาณีพอดี
ปาณีถือจานผลไม้ไว้ทักทายกับจันวิภาว่า“พี่คะ”

ตอนที่ 25

นาทีแรกที่เห็นปาณีเดินเข้ามาติรยาก็คงคิดโดย สัญชาตญาณว่าปาณีมาหาเวทัส

แต่เนื่องจากเขาทั้งสองคนเลิกกันแล้วปาณียังมาหาถึงที่นี่ อีกหน้าด้านเกินไปรึป่าว?

ตอนแรกปาณีไม่อยากสนใจติรยาเลยแม้แต่น้อยแต่เห็น ท่าทางที่ตื่นกลัวของเธอแล้วรู้สึกน่าขำมาก

ติรยาคงไม่ได้คิดว่าเธอมาหาเวทัสสินะ?

ปาณีตอบว่า”ที่นี่คือที่ไหนหรอ?”

“ที่นี่คือบ้านวิสิทธิ์เวช!ไม่ใช่ที่ที่คนอย่างเธอสมควรมาเธอ เลิกกับเวทัสแล้ววิ่งแจ้นมาถึงที่นี่ทำไมกัน?ปาณีดูฐานะของ บ้านเธอสิเธอคิดว่าคนบ้านนี้เขาจะสนใจเธอหรือไง?”

แม้ติรยาจะไม่รู้สึกว่าปาณีจะเป็นภัยอันตรายต่อเธอแต่เธอกลัวว่าการโผล่มาของปาณีจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆขึ้น

คำพูดของติรยาทำให้ปาณีหัวเราะออกมา”เธอมาที่นี่ได้ แล้วทำไมฉันจะมาที่นี่ไม่ได้ล่ะ?”

“ฉันเป็นแฟนของเวทัสเธอล่ะ?”ติรยาพูดต่อว่า”เธอ ทำให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยได้ไหม?ยังตื้ออยู่อย่างนี้จะมี ประโยชน์อะไร?ครั้งที่แล้วที่เขาไล่เธอออกเธอยังไม่เข้าใจ

อีกหรอว่าหมายความว่าอะไร?”

มองไปยังติรยาที่อยากไล่เธอกลับไปอย่างอดใจรอไม่ไหว ปาณีรู้สึกน่าขำมาก” หมายความว่าอะไรหรอ?”

“เขากับเธอไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันอีกแล้วก็เพื่อให้เธอ ตายใจไง!”

ปาณีมองไปยังเวทัสที่นั่งอยู่ตรงนั้นแวบหนึ่งเบ้ปากเล็ก น้อย

ติรยากลอกตาไปมา”เธอคงไม่ได้มายืมเงินใช่ไหม?”
“ใช่สิฉันมายืมเงิน” ปาณีพูด “ฉันไม่สามารถไปเรียนได้ก็ ต้องหาทางยืมเงินสิสมมติว่าเวทัสยืมเงินให้ฉันแล้วล่ะ?”

“เธอฝันกลางวันไปเถอะเขาไม่มีทางยืมเงินให้เธอหรอก ถ้าเธอฉลาดก็รีบไสหัวไปซะเดี๋ยวคนในบ้านเขามาเธอจะ ได้ไม่ต้องขายหน้า” ในสายตาของติรยาปาณีเป็นคนที่ไม่ เคยเข้าสังคมไม่รู้เรื่องอะไรเลยมีแต่จะทำให้คนในบ้านวิ สิทธิ์เวชรังเกียจ

ปาณีไม่ได้พูดอะไร

ในเวลานี้เองฐิติพรก็เดินออกมาเห็นติรยาและปาณียืนอยู่ ด้วยกันจึงพูดว่า”ปาณีมาแล้วหรอลูกนั่งสิยืนอยู่ทำไมกัน!”

พอเห็นเธอและติรยายืนอยู่ใกล้ชิดกันมากฐิติพรเลยถาม ว่า”พวกหนูรู้จักกันหรอจะ?”

ติรยาที่อยากให้ปาณีไปให้พ้นๆหน้าเมื่อครู่นี้ตัวแข็งไป หมดไม่คิดเลยว่าคุณยายของเวทัสจะสนิทกับปาณีขนาด

นี้?
หรือว่าในขณะที่ตัวเองไม่รู้ตัวเวนิสเคยพาปาณีกลับมา บ้านแล้ว?

มองไปยังร่างที่ยืนแข็งที่อของติรยาสีหน้าท่าทางที่ไม่รู้ อะไรเลยปาณีจึงหัวเราะแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาแล้วพูด

ว่า”เราเรียนโรงเรียนเดียวกันค่ะ”

ฐิติพรพยักหน้ารับรู้”เป็นอย่างนี้นี่เองมากินผลไม้หน่อยสิ”

เป็นเพราะธามนิธิฐิติพรจึงเอ็นดูปาณีเป็นพิเศษ

ผลไม้ที่เพิ่งปอกเสร็จยังไม่ทันให้เวทัสกินเลยก็ให้ปาณีกิน ก่อนแล้ว

ปาณีรับมาพร้อมกับพูดว่า”ขอบคุณค่ะ”

ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ติรยาสงสัยมาก

เธอเดินกลับไปแล้วนั่งลงข้างๆเวทัส
รู้สึกว่าปาณีเหมือนเจ้าหญิงที่ถูกเอาใจทุกอย่าง

แม้วันนี้เธอจะมาที่นี่เป็นครั้งแรกแต่คนในบ้านวิสิทธิ์ เวชก็ ไม่ได้ต้อนรับเธออย่างอบอุ่นเช่นนี้

เธอรู้ว่าบ้านวิสิทธิ์เวชมีฐานะทางสังคมมากในเมืองชยุ ตนี้การที่สามารถพูดคุยกับคนในบ้านนี้ได้ติรยารู้สึกเป็น เกียรติอย่างยิ่งไม่กล้าคิดว่าจะได้รับการปฏิบัติที่ดูแลใจใส่ แบบนี้

แต่ว่า ….เพราะอะไรทำไมปาณีถึงได้?

ในเวลาที่ปาณีกินแคนตาลูปเพียงชิ้นเดียวแต่สีหน้าของติ รยาเปลี่ยนไปแล้วหลายรอบ

ปาณีเป็นคนชอบกินเพราะฉะนั้นเวลาดูเธอกินจะมีความ สุขมากเห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อยฐิติพรถามเธออย่าง เอ็นดูว่า”อร่อยไหมจะ?”

ตอนที่ 24

แต่ไม่เป็นไรในเมื่อสามารถมาเจอครอบครัวของเขาได้ก็ แสดงว่าขาของเธอนั้นได้ก้าวเข้ามายังบ้านวิสิทธิ์เวชแล้ว ข้างหนึ่งติรยารู้สึกดีใจมาก

ติรยาเพิ่งนั่งลงไปไม่นานไวยาตย์ก็เข็นรถเข็นของธามนิธิ

เข้ามา

พอเห็นพวกเขาฐิติพรก็รีบเดินไปต้อนรับ”กลับมาแล้วหรอ จะ?”

“แม่”ธามนิธิกล่าวทักทาย

“ทำไมไม่เห็นปาณีล่ะ?”พอเห็นธามนิธิกลับมาคนเดียวฐิติ พรก็รู้สึกเป็นห่วง

คงไม่ใช่เพราะเรื่องของเวทัสวันนั้นทำให้เธอไม่กล้ามาที่นี่ อีก?
ไวยาตย์อธิบายว่า “คุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกครับเดี่ยวก็ เข้ามาครับ”

ธามนิธิเห็นติรยาที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “ที่บ้านมีแขกหรอ?”

“อ้อนั่นเป็นแฟนของเวทัสน่ะเพิ่งมาบ้านเราเป็นครั้ง แรก”ฐิติพรแนะนำด้วยรอยยิ้ม

ติรยารีบยืนขึ้นพูดอย่างเรียบร้อยว่า”สวัสดีค่ะคุณอา”

ธามนิธิแทบจะไม่มองเธอเลย”ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายขึ้นไป พักผ่อนก่อนนะครับ”

เขาไม่ชอบพบคนแปลกหน้าเท่าไหร่

โดยเฉพาะหลังเกิดอุบัติเหตุก็ยิ่งเป็นเช่นนั้น

ติรยารู้สึกเสียหน้าอึดอัดเล็กน้อยทุกคนก็ไม่ได้สนใจเธอ ความสนใจของทุกคนไปตกอยู่บนตัวของธามนิธิ
ฐิติพรพูดว่า”ถ้าอย่างนั้นก็ไปพักเถอะวันนี้แม่นัดหมอมา พอดีเลยเดี๋ยวให้เขาแวะไปดูลูกหน่อย”

ไวยาตย์เป็นธามนิธิออกไปจันวิภาเลยเดินตามไปด้วยเธอ รู้สึกได้ว่าธามนิธิยังโมโหอยู่สองสามวันนี้โทรหาเขาแต่เขา ก็ไม่อยากรับสาย

ลูกชายทำความผิดไว้เธอก็ต้องไปชดใช้กับที่สิ่งที่เกิดขึ้น

ปาณียังคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกเพราะว่านกันต์โทรหา เธอ”พี่พี่อยู่ที่ไหนอ่ะ?จะกลับมาเมื่อไหร่?”

“ยังไม่กลับไปชั่วคราว

“พี่กลับมาดูหน่อยเหอะ!แม่ตามหาพี่ไปทั่วเลย”

“ครั้งก่อนแม่ไปเจอคนตระกูลแก้วใสมาไม่ใช่หรอคน ตระกูลแก้วใสว่ายังไงบ้าง?”วันนั้นฝนสิริโทรหาเธอหลาย สายแต่ปาณีก็ไม่ได้รับสายเลย
“พอไม่เจอพี่แม่ก็เลยถอดใจแต่ตอนนี้แม่เป็นห่วงพี่นะกลัว ว่าพี่อยู่ข้างนอกจะเจอปัญหาพี่ผมว่าพี่มาเจอแม่หน่อยดี ไหม?”

“ปาณีไม่ได้พูดอะไร

ฝนสิริลำเอียงเป็นเรื่องจริงแต่เรื่องที่เลี้ยงดูเธอมาหลายปี ก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน

พอได้ยินว่าแม่เป็นห่วงเธอปาณีเลยใจอ่อนเล็กน้อย

“ถ้าพี่ไม่ไว้ใจแม่ก็ให้ผมไปเยี่ยมพี่หน่อย!พอได้เจอกันแล้ว พวกเราก็จะวางใจไม่ใช่หรือไง?ยังไงพี่ก็เป็นพี่สาวของผม”

นภันต์ก็ยังคงดีกับปาณีเหมือนเดิม

เรื่องนี้ปาณีรู้อยู่แก่ใจ

“ไว้ว่างๆค่อยคุยกันและกัน!ตอนนี้พี่มีธุระ”
“งั้นก็ได้ !ไว้พี่ว่างเมื่อไหร่ผมค่อยไปหาพี่”

หลังจากที่ปาณีคุยโทรศัพท์เสร็จก็เดินเข้าไปข้างในธา มนิธิไม่อยู่แต่กลับเห็นเวทัสและติรยานั่งอยู่ตรงนั้น

ติรยากำลังปอกผลไม้หลังปอกเสร็จก็ยื่นให้เวทัส”อ้ะนาย กินสิ”

ดูจากท่าทางของทั้งสองคนแล้วปาณีมั่นใจได้เลยว่าเขา ทั้งสองคนคบกันนานแล้ว

นานกว่าเวลาที่เธอเลิกกับเวทัสแน่นอน

เธอไม่อยากยอมรับแต่ไม่ยอมรับก็คงไม่ได้เธอถูกหักหลัง

ในเวลาที่เธอคิดว่าเวทัสเป็นแฟนของตัวเองเวทัสก็เคยไป ที่บ้านของติรยาแล้วคุณทัตดายังดูแลเขาเหมือนลูกเขยอีก
และในตอนนี้ติรยาก็มาบ้านของเวทัสนี้หมายความว่ายัง ไงชัดเจนขนาดนี้ทุกคนคงรู้ดี

ในห้องรับแขกมีแค่ติรยากับเวทัสคุณชัยพรและคุณฐิติพร ก็กำลังยุ่งกับงานของตัวเองอยู่

ติรยายืนขึ้นด้วยความตกใจหลังจากที่เห็นปาณีเดินเข้า มา”ปาณี?”

ปาณีมองไปยังติรยาแต่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร

ติรยาเดินเข้าไปหาด้วยความตกใจ”เธอมาทำอะไรที่นี่ ?ที่ นี่เป็นที่ๆเธอควรมาหรือไง?เธอรู้ไหมว่าที่นี่คือที่ไหน?”

ตอนที่23

แม่บ้านลำมุงตอบว่า”น่าจะไม่นะคะเห็นคุณหนูก็ทำตัว เหมือนก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์กับคุณชายธามนิธิก็ดีมาก ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว!”จันวิภารู้สึกโล่งใจชั่วคราว”ถ้าเกิด เรื่องอะไรขึ้นมาฉันต้องเป็นคนบาปแน่ๆ”

ถ้าเกิดความเอาแต่ใจของเวทัสทำให้สองคนนี้เลิกกันเธอ จะมองหน้าธามนิธิยังไง

พอนึกถึงลูกชายที่ไม่เอาไหนของเธอคนนี้จันวิภาก็รู้สึก ปวดหัว

วันเสาร์ธามนิธิพาปาณีกลับไปยังบ้านวิสิทธิ์ เวชเพราะเขา ได้ตกลงกับแม่ของเขาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะพาปาณีกลับ ไปพักที่บ้านสอวัน
บนรถปาณีมองไปยังธามนิธิ”คุณอาก่อนหน้านี้….เรื่อง ที่คุณอาสั่งสอนเวทัสไปคนที่บ้านคงจะไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม คะ?”

“ทำไมล่ะ?”ธามนิธิไม่ได้รู้สึกว่าการที่เขาสั่งสอนเวทัสนั้น จะผิดอะไร

ปาณีพูดว่า”คุณว่าเขาเพราะหนูหนูกลัวว่าคุณพ่อคุณแม่ แล้วก็พี่สาวคุณจะโกรธหนูเอา”

แม้ว่าเธอจะแต่งงานกับธามนิธิแล้วคุณพ่อคุณแม่ของธา มนิธิก็เหมือนจะดีกับเธอมากแต่ปาณีก็ยังรู้สึกว่าตำแหน่ง ของเธอนั้นเทียบกับเวทัสไม่ได้เลย!

ธามนิธิเห็นสีหน้าที่กังวลของเธอจึงพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่ฉัน ทำเองไม่เกี่ยวกับเธอไม่ต้องกลัว”

“ถ้าเกิดพวกเขาคิดว่าหนูเป็นคนพาคุณเลวจะทำยังไง

คะ?”

“เธอพาฉันเลว?”ธามนิธิมองเธออย่างไม่เข้าใจ
ปาณีตอบว่า “ในละครก็ไม่ได้แสดงกันอย่างนี้หรอคะ?ปกติ เวลาผู้ชายทำผิดพวกเขาก็จะคิดว่าเป็นความผิดของผู้หญิง ผู้หญิงก็เหมือนนางจิ้งจอกที่ทำให้ลูกชายตัวเองทำตัวไม่ ดีแล้วหลังจากนั้นก็จะเริ่มเกลียดผู้หญิงคนนั้นไง!”

ปาณีได้จินตนาการนิยายน้ำเน่าของการต่อสู้ระวัง ครอบครัวคนรวยไว้แล้ว

“ฮ่าๆๆๆๆ”เสียงหัวเราะที่ส่งเสียงออกมานั้นเป็นของไวยา ตย์ที่กำลังขับรถอยู่ไวยาตย์มองมาทางปาณีผ่านกระจก หลัง”จินตนาการของเธอล้ำเลิศจริงๆ!”

“ทำไมหนูรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของคุณไม่เป็นมิตรเลย คะ?”ปาณีมองไปยังไวยาตย์รู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนเยาะ เย้ยฉันกำลังพูดความจริงต่างหากล่ะ

เวทัสเป็นหลานแท้ๆของพ่อแม่ธามนิธินะพวกเขาจะไม่รัก เขาได้ยังไง?

“ตลกมากไหม?”ธามนิธิมองไปทางไวยาตย์
ดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

กล้าดียังไงมาหัวเราะคนของฉัน?

ไวยาตย์มองเห็นความไม่เป็นมิตรในสายตาของธามนิธิ เขาจึงหยุดหัวเราะทันทีพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า”ไม่….ไม่ ครับเรื่องพวกนี้จริงๆแล้วก็อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ

ไม่กล้าหาเรื่อง!ไม่กล้ารบกวนครับ!

เขารู้สึกว่าตัวเองทำงานกับธามนิธิมาตั้งหลายปีแต่เอา จริงๆแล้วเหมือนยังไม่รู้จักเขาเลยใครจะไปคิดว่าคนที่เมื่อ ก่อนเวลาเห็นผู้หญิงแล้วแทบจะไม่อยากมองหน้าด้วยซ้ำ แต่เวลาเอาใจเมียขึ้นมาจะเป็นถึงระดับนี้

เขาก็แค่ล้อเล่นเฉยๆยังจะมุ่งเป้ามาหาเขาอีก

ปาณีมองไปยังไวยาตย์ที่กลัวขึ้นมาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ออกมาแล้วมองไปทางธามนิธิเขาสัมผัสได้ว่าคุณอาคนนี้ ตามใจเขาจังเลย
ในห้องรับแขกของบ้านวิสิทธิ์ เวชวันนี้มีแขกมาที่บ้านไม่ น้อยติรยาสวมชุดเดรสสีชมพูแลดูเป็นหญิงสาวที่น่ารัก เรียบร้อย คุณตาคะนี่เป็นของขวัญที่ให้คุณตาค่ะคุณยาย นี่ของคุณยายค่ะละนี่ก็เป็นของคุณน้า!”

ของขวัญชิ้นสุดท้ายถูกมอบให้กับจันวิภา

ของขวัญที่เธอมอบให้จันวิภานั้นเป็นเครื่องสำอางที่ซื้อมา จากต่างประเทศราคาเกือบแสนเชียวนะหาซื้อในประเทศ ได้ยากมาก

สำหรับแม่สามีในอนาคตแล้วเธอก็คงต้องเอาใจดีๆหน่อย

“ขอบใจจะ”จันวิภายิ้มให้กับเธอ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้ยินว่าลูกชายคบผู้หญิงในโรงเรียน เป็นแฟนวันนี้ได้เจอสักที่แลดูเป็นผู้หญิงเรียบร้อยมี มารยาทและมีความกระตือรือร้นจึงไม่มีอะไรให้จันวิภาจู้จี้ จุกจิก
หลังจากที่มอบของขวัญเสร็จติรยาก็เดินไปนั่งข้างๆเวทัส เธอมองไปยังเวทัสแวบหนึ่งหลายวันที่ผ่านมาเขาดูไม่ค่อย มีความสุขไม่รู้เป็นเพราะอะไรติรยาเคยถามเขาแต่เขาก็ไม่

ได้บอกอะไรกับเธอ

ตอนที่ 22

การกระทำที่กะทันหันนี้ทำให้ปาณีอึ้งไปสักพักนี…คุณไว ยาตย์และแม่บ้านก็นั่งอยู่ตรงนี้นะ!

คุณอานี่ใจกล้าจริงๆ!

ธามนิธิมองไปยังเธอแล้วพูดว่า”เรื่องการทำกับข้าวแบบ นี้ถือเป็นงานอดิเรกก็พอไม่ต้องทำทุกวันหรอกมือที่สวย ขนาดนี้เอามาทำกับข้าวก็เสียดายแย่”

นิ้วมือของปาณีเรียวยาวไม่เหมือนมือที่ใช้ทำงานหนักแต่ เขาก็รู้ว่าเธอทำงานหนักมาไม่น้อย

เด็กที่อายุเท่าเธอส่วนใหญ่คนในบ้านก็จะดูแลอย่างกับไข่ ในหิน!

แต่เธอไม่เหมือนคนอื่น

ยิ่งเธอเจอเรื่องแย่ๆมามากเท่าไหร่เขาก็อยากดีกับเธอให้มากเท่านั้น

ปาณีหัวเราะชอบใจในคำพูดของธามนิธิเธอพูดว่า”ไม่ เป็นไรค่ะทำกับข้าวไม่เหนื่อยสักหน่อย”

แม่บ้านพูดว่า”หนูนาลูกสาวของน้าอายุโตกว่าคุณหนูอีก แต่ยังทำกับข้าวไม่เป็นเลย”

“ความถนัดของทุกคนไม่เหมือนกันไงคะหนูก็แค่ทำ กับข้าวเป็นเรื่องเดียวค่ะ”เธออยากใช้อาหารมื้อนี้เป็นคำ ขอบคุณที่ธามนิธิช่วยเธอจัดการเรื่องในวันนี้

ปาณีเป็นคนง่ายๆใครที่ดีกับเธอเธอก็จะจดจำไว้แล้ว ตอบแทนเขาคนนั้นร้อยเท่าพันเท่า

เมื่อก่อนเธอก็ดีกับติรยาแบบนี้เหมือนกันเพราะคิดว่าติร ยาดีกับเธอมากแต่ในตอนนี้…

ความจริงแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นตาบอดมาโดยตลอด

แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังเป็นเธอเหมือนเดิม
เธอจะรักษาทุกๆคนที่ดีกับเธอไว้

หลังรับประทานอาหารปาณีอยากล้างถ้วยชามให้ เรียบร้อยแต่แม่บ้านไม่ยอมและให้เธอไปพักผ่อน

แม่บ้านล้างถ้วยเสร็จถึงจะกลับไปบ้านวิสิทธิ์เวช

พรุ่งนี้เช้าจึงจะมาใหม่!

เมื่อแม่บ้านกลับไปถึงบ้านวิสิทธิ์ เวชจันวิภาและพ่อแม่ของ ธามนิธิก็อยู่ในบ้านพอเห็นเธอกลับมาฐิติพรจึงเรียกตัวเธอ ไปทันที

“ทางลูกธามเป็นยังไงบ้าง?”ฐิติพรถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง พวกเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วได้ข่าวว่าเวทัสมุ่งเป้าไป ยังปาณีจึงไล่เธอออก

จันวิภามาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้เหมือนกัน

เธอก็ปวดหัวมากสำหรับลูกชายคนนี้
พวกเขาให้แม่บ้านลำมุงไปดูแลธามนิธิทุกวันในขณะ เดียวกันก็ให้ดูลาดลาวว่าทางธามนิธิเป็นอย่างไรบ้างเพราะ ฉะนั้นเกือบทุกวันที่แม่บ้านลำมุงกลับมาพวกเขาก็จะดึงเธอ มาถามเกี่ยวกับเรื่องราวของธามนิธิ

แม่บ้านลำมุงพูดว่า “สะใภ้ของคุณชายคนนี้ใช้ได้เลยที เดียวคืนนี้เธอเป็นคนทำกับข้าวเองด้วยฝีมือใช้ได้เลยค่ะ!”

“จริงหรอ!เธอยังทำกับข้าวเป็นด้วย?”แววตาของฐิติพร เป็นประกายคิดไม่ถึงจริงๆ

พวกเขาทุกคนเคยเจอปาณีก่อนหน้านี้แล้วก็เป็นเด็กผู้ หญิงอายุราวๆกับเวทัสจุดที่ทำกับข้าวเป็นนี้หายากจริงๆ

ขณะที่แม่บ้านลำมุงพูดถึงปาณีนั้นท่าทางของเธอดูตื่น เต้นมาก”แค่ทำกับข้าวเป็นที่ไหนล่ะคะยังทำได้อร่อยอีก ด้วยเป็นอาหารขึ้นชื่อของเมืองชลธีเลยค่ะคุณชายธามยัง ชมเลยว่าอร่อย!”

ธามนิธิเป็นคนที่ไม่ค่อยชมคนอื่นและไม่ใช่คนที่ชื่นชอบ เรื่องอาหารการกินอีกด้วยเลยยากที่จะให้เขาชมใคร
แต่วันนี้เขากลับชมว่าปาณีทำกับข้าวอร่อย

จันวิภาจึงพูดว่า”ถ้าอย่างนั้นต้องให้เธอมาโชว์ฝีมือสัก หน่อยแล้วสิ”

นลินทำกับข้าวไม่เป็นเลยลูกสาวที่ตระกูลมีสุวรรณ์เลี้ยงดู มาเป็นประเภทที่ทำอะไรไม่เป็นไรไม่ต้องซักผ้าเองไม่ต้อง ทำงานบ้านเพียงแค่จุดนี้ปาณีก็ดีกว่านลินหลายเท่า

ฐิติพรมองไปยังแม่บ้านลำมุง”ปราณีไม่ได้ไม่พอใจอะไรใช่ ไหม?”

สิ่งที่เธอกังวลมากกว่าคือกลัวว่าปาณิจะโมโหเรื่องที่เกิด ขึ้นในวันนี้ถ้าเกิดว่าเธอไม่พอใจขึ้นมาแล้วทะเลาะกับธา มนิธิจะทำอย่างไร?

ธามนิธิดูรักและทะนุถนอมเธอมากๆถ้าเกิดเธอง้อยากขึ้น มา….แล้วหนีไปธามนิธิจะทำยังไง?

ตอนที่21

เธอวางของทั้งหมดลงนั่งถอนหายใจอยู่ข้างๆธามนิธิมอง ไปยังร่างอันเหน็ดเหนื่อยของเธอเหตุผลที่บอกว่าจะไปซื้อ ของช่างเหมาะกับธรรมชาติของความตะกละของเธอจริงๆ

หลังจากพักแล้วสักครู่ปาณีบอกกับแม่บ้านที่อยู่ในครัว ว่า”น้าคะคืนนี้หนูจะทำกับข้าวเองค่ะน้าพักผ่อนเลยนะคะ!”

“คุณหนูจะทำเองหรอคะ?”แม่บ้านมองปาณีด้วยความ สงสัย

ปาณีทำสีหน้าไม่ค่อยพอใจ”หนูทำกับข้าวอร่อยจะตาย! ใช่ไหมคะคุณไวยาตย์?”

“ครับ”ก่อนที่ปาณีจะเข้าไปทำงานที่คฤหาสน์ไวยาตย์ได้ ทดสอบฝีมือการทำกับข้าวของเธอก่อนแล้วหลังผ่านการ ทดสอบจึงรับเธอเข้าทำงาน

หลังจากได้รับคำยอมรับจากไวยาตย์แม่บ้านจึงวางใจขึ้นมาเล็กน้อย

และแน่นอนในคืนนี้ขณะที่ปาณีกำลังทำกับข้าวแม่บ้านก็ อดไม่ได้ที่จะมองเธออยู่ข้างๆอย่างเป็นห่วงหากมีอะไรที่ ปาณีทำไม่ได้เขาจะได้เข้าไปช่วยทัน

ถึงยังไงปาณีก็เป็นเด็กอายุ18เด็กอายุ18จะไปทำอะไร

ได้?

แม้แม่บ้านคนนี้ถือได้ว่าเป็นแม่ครัวคนหนึ่งในบ้านวิสิทธิ์ เวชแต่ลูกสาววัย20ปีของเธอยังหุงข้าวไม่เป็นเลย

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เห็นท่าทีอันคล่องแคล่วของ ปาณีแล้วแม่บ้านถึงกับตกใจเล็กน้อย

ปาณีจัดการทุกเรื่องในครัวได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

“คุณอาทานข้าวได้แล้วค่ะ”ธามนิธิได้ยินเสียงเรียกของ ปาณีขณะที่กำลังจ้องหน้าจอคอมอยู่
เขาวางงานค้างไว้และเดินไปที่โต๊ะอาหารเขาเห็นปาณีได้ ทำกับข้าวไว้เต็มโต๊ะแม่บ้านที่ยืนอยู่ข้างๆก็ชื่นชมปาณีไม่ หยุดว่า”คุณหนูปาณีเก่งมากเลยค่ะกับข้าวพวกนี้คุณหนูทำ เองหมดเลยนะคะ”

เธออยู่ในบ้านวิสิทธิ์เวชมาตั้งหลายปีแต่ไม่เคยคิดเลยว่า ธามนิธิจะแต่งงานกับผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเช่นนี้

เพราะในปัจจุบันครอบครัวที่มีลูกสาวคนเดียวมีจำนาน มากเด็กอายุเท่าเธอที่ทำกับข้าวได้ก็ยิ่งน้อยเข้าไปอีก

ปาณีหยิบถ้วยและตะเกียบมา4ชุด “น้าคะมากินด้วยกันสิ

คะ!”

แม้แม่บ้านคนนี้จะเป็นคนใช้แต่อายุของเธอก็ใกล้เคียงกับ แม่ของปาณีปาณีจึงพูดคุยกับเธออย่างมีมารยาท

แม่บ้านตอบว่า “ไม่….ไม่ต้องค่ะพวกคุณทานเลยค่ะ!”

“นั่งลงสิคะ!”ปาณีพูด”ทานกันหลายคนคึกคักดีค่ะใช่ไหม คะคุณอา?”

ปาณีมองไปยังธามนิธิหวังว่าจะได้รับคำตกลงจากเขา
ธามนิธิตอบว่า”อืม”

เธอชอบอะไรก็ให้เธอทำแบบนั้น

แม่บ้านมองไปยังธามนิธิอย่างไม่อยากเชื่อว่าเขาจะตกลง เธอเป็นคนใช้เชียวนะ!

บ้านวิสิทธิ์เวชไม่มีธรรมเนียมที่จะให้คนใช้มากินข้าวร่วม

โต๊ะกับเจ้านายได้

ไวยาตย์จึงบอกว่า”ในเมื่อคุณนายก็พูดแล้วป้าก็มานั่งทาน ข้าวด้วยกันเลยครับ!เพราะที่นี่ไม่ใช่บ้านวิสิทธิ์เวชมีแค่ พวกเราไม่กี่คน

เมื่อแม่บ้านได้ยินไวยาตย์พูดเช่นนั้นจึงมานั่งทานข้าวด้วย

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ทานข้าวพร้อมกับธามนิธิเขาเป็น คนไม่ค่อยยิ้มและตอนนี้ก็ต้องนั่งใกล้กับเขาขนาดนี้เธอจึง รู้สึกกดดัน

ปาณีกลับนั่งกินอย่างสบายใจไม่มีความเกรงกลัวธามนิธิ ใดๆยังช่วยคืบกับข้าวให้ธามนิธิอีก”คุณอาลองอันนี้สิคะอร่อยมากๆ”

ทั้งที่เธอเคยทำกับข้าวให้เขากินตั้งแต่แรกแล้วแต่เขา กลับจำไม่ได้เลยปาณีสัญญาเลยว่าต้องปรับเปลี่ยนความ คิดที่เขามีต่อเธอใหม่ให้ได้

ธามนิธิลองชิมดูปรากฏว่ารสชาติดีจริงๆด้วย”อั้ม”

อร่อย!

ปาณีที่ได้รับคำชมจากธามนิธิยิ้มจนแทบจะมองไม่เห็นตา เลยทีเดียว”ใช่ไหมล่ะ!หนูเป็นคนมีพรสวรรค์ด้านการทำอา หารจริงๆทำกับข้าวอร่อยตั้งแต่เด็กทุกครั้งที่มีคนไปที่บ้าน ก็จะชมว่าหนูทำกับข้าวอร่อยคุณว่าหนูไปเป็นแม่ครัวเลยดี ไหมคะ?”

สิ่งที่ทำให้เธออวดตัวเองได้ก็คงมีแต่ฝีมือการทำกับข้าวนี่

แหละ

ธามนิธิเงยหน้าขึ้นมองไปยังปาณีที่ยิ้มแฉ่งยุ่งอยู่ในครัว ตั้งสองชั่วโมงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ

เขายื่นมือออกไปจับมือของเธอไว้แล้วลูบฝ่ามือของเธอ

ตอนที่20

“เธอมันใจ?”

ธามนิธิสงสัยในคำพูดของเธอ

ปาณีไม่อยากเชื่อที่ได้ยินแบบนี้”อ้าวก็เมื่อก่อนหนูก็เคย ทำให้คุณอากินไง?ตอนอยู่ที่คฤหาสน์นั้น….”

“ลืม”

“เรื่องที่เกิดขึ้นภายในสองเดือนเนี่ยนะลืมได้ไง?

ปาณีมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “คุณอาอย่าบอกนะ ว่าเมื่อก่อนคุณอาไม่รู้เลยว่าหนูเป็นใคร?”

ธามนิธิมองไปยังปาณี”อืม”

ไวยาตย์เป็นคนดูแลเรื่องการจัดหาคนใช้เขาเคยสนใจ

เรื่องพวกนี้ที่ไหนล่ะ
เขาตอบอย่างจริงจังทำปาณีเสียใจเล็กน้อยแต่ก็คิดๆแล้ว ตอนนั้นที่ยังไม่รู้จักเขาเขาก็เป็นพวกแปลกๆเหมือนกันนะ เคยเจอเขาสองสามครั้งเขาเป็นคนประเภทที่ว่าสิ่งมีชีวิต ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด

ปาณีมองไปยังธามนิธิพูดว่า”ถ้าสมมติว่าหนูไม่ได้ แต่งงานกับคุณคุณก็จะ…จำหนูไม่ได้เลยใช่ไหม?”

ธามนิธิตอบว่า”อาจจะ”

เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ปาณีก็เข้าใจแล้วที่เขาดีกับเธอนั่น เป็นเพราะว่าเธอเป็นภรรยาของเขาถ้าเปลี่ยนเป็นผู้หญิงคน อื่นแต่งงานกับเขาเขาก็คงทำดีแบบนี้เหมือนกัน

เห่อเมียของตัวเองเป็นอุดมการณ์ของเขาสินะ

ปาณีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณอาคุณเคยเจอ กับ….เรื่องที่ไม่ดีใช่ไหมคะ?”

ตลอดเวลาที่เธอกลับมากับเขาเธอรู้สึกได้ถึงคนในบ้านวิ สิทธิ์เวชทุกคนจะปฏิบัติกับเขาอย่างระมัดระวังเหมือนกลัว ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเป็นครั้งที่สอง
ในเมื่อเขาดีกับเธอมากๆดูแลเอาใจใส่ในทุกๆเรื่องของ เธอปาณีจึงคิดว่าตัวเองก็ควรทำความเข้าใจเขาสักหน่อย

ธามนิธิมองไปยังปาณี”ทำไมจู่ๆถึงถามคำถามนี้?”

“หนูก็แค่สงสัยใก็คุณบอกเองว่าหนูเป็นภรรยาของคุณ?มี อะไรก็บอกคุณได้ตลอดงั้นคุณ….จะไม่เล่าเรื่องของคุณ

ให้หนูฟังหน่อยหรอคะ?”

ธามนิธิหันหน้ามองไปยังนอกหน้าต่างไม่มีเรื่องอะไรเธอ

ไม่จำเป็นต้องรู้”

เขาเป็นลูกผู้ชายเขาเกลียดที่จะแสดงความอ่อนแอให้คน อื่นเห็นแม้แต่กับปาณีก็เช่นกัน!

“ไม่เป็นไรค่ะ”ปาณียิ้มแล้วพูดว่า”รอคุณอยากพูดเมื่อไหร่ ค่อยบอกหนูก็ได้ค่ะ”

ธามนิธิมองไปยังปาณีแต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะเขารู้สึกว่า จะไม่มีวันนั้น

ไวยาตย์ที่นั่งอยู่ข้างหน้ามองไปยังธามนิธิผ่านทางกระจกเขาถอนหายใจในใจอย่างอึดอัดเดิมเขาคิดว่าธา มนิธิดีกับปาณีขนาดนี้คงยอมเปิดใจให้กับปาณี!แต่ตอนนี้ คงไม่ใช่แบบนั้นสินะ

“คุณไวยมาตย์คะช่วยจอดข้างหน้าหน่อยนะคะหนูจะลงที่นี่ ละก็จะแวะซื้อของนิดหน่อยค่ะ”เมื่อใกล้ถึงบ้านปาณีก็เอ่ย ปากพูดกับไวยาตย์

ไวยาตย์ตอบว่า”จะซื้ออะไรหรอครับเดี๋ยวผมลงไปซื้อให้

ไม่ต้องหรอกค่ะ”ปาณีตอบ”หนูจะลงไปเดินเล่นด้วย”

แม้เธอจะเรียนที่นั่นแต่ว่าไปแล้วเธอยังไม่เคยมีเวลาไป เดินเล่นแบบจริงจังเลย

ไวยาตย์มองสีหน้าของธามนิธิเขาจึงจอดรถไว้ข้างทาง ตามที่ปาณีบอกปาณีพูดว่า”พวกคุณไม่ต้องรอหนูนะคะ เดี๋ยวหนูกลับบ้านเองได้ค่ะ”

ที่นี่อยู่ห่างจากบ้านของธามนิธิไม่ไกลเท่าไหร่

ธามนิธิกับไวยาตย์จึงกลับไปก่อน
ไวยาตย์กำลังรายงานสรุปงานให้กับธามนิธิ”มีบริษัท เล็กๆที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาได้ส่งอีเมลให้คุณครับเขาขอให้คุณ ช่วยสนับสนุนด้านการเงินให้กับบริษัทเขาผมดูประวัติของ บริษัทนี้แล้วครับเป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดยการรวมตัวเล่นๆ ของนักศึกษาหลายๆคนคุณจะดูด้วยไหมครับ?”

“เดี๋ยวเอามาให้ฉันดูหน่อยละกัน!”

ปาณีนิ้วถุงเล็กใหญ่มากมายกำลังเข้ามาในบ้านเมื่อเห็น ภาพนี้แม่บ้านจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วย”คุณหนูปาณีทำไมซื้อของ มาเยอะแยะล่ะคะ?”

“หนูเห็นว่ามันน่ากินก็เลยอดใจไม่ซื้อไม่ได้เลยเอามา ทั้งหมดนี้แหละค่ะ”มีพืชผักและผลไม้สดๆมากมายแต่มัน หนักไปหน่อยเธอเหนื่อยแทบตายที่หิ้วกลับมาเองทั้งหมด

ตอนที่ 19

“ปาณีสะดุ้งเพราะความตกใจเธอเกือบสำลักเพราะ

กำลังดื่มน้ำอยู่

เธอคิดไม่ถึงเลยว่าคุณอาจะเรียกเวทัสออกมาเพราะจะ ถามเรื่องนี้?

คุณอารู้ได้ยังไงว่าฉันทำงานพาร์ทไทม์?

แล้วรู้อีกได้ยังไงว่าเวทัสเป็นคนทำเรื่องนี้

และยิ่งไปกว่านั้นตั้งแต่เธอกลับมาถึงบ้านจนถึงตอนนี้ก็ จะ2ชั่วโมงแล้วเขายังทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนคนไม่รู้เรื่อง

เวทัสเงยหน้าขึ้นตามองไปยังปาณีเหมือนกำลังพูดว่าเธอ

เป็นคนบอกน้าใช่ไหม!

ขี้ฟ้องจริงๆเลย
เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ”ผมเองครับ”

ธามนิธิจ้องมองเวทัส”ขอโทษปาณีซะ!”

“คุณน้า!”เวทัสเงยหน้ามองไปยังธามนิธิ “ปาณีเธอ..”

“ขอโทษเธอ!”ธามนิธิพูดย้ำอีกรอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

ไม่ให้โอกาสเขาแก้ตัวใดๆ!

สีหน้าของเวทัสแข็งที่อเขามองไปยังปาณีในใจของเขา โมโหมากนี่ฉันต้องขอโทษผู้หญิงแบบนี้จริงหรอ?

เพราะอะไร?

ทำไมเธอถึงสมควรได้รับคำขอโทษจากฉัน?

“ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายขอโทษ”ธามนิธิจ้องมองเวทัส ปาณีเป็นคนที่เขาพากลับมาเขาจะไม่ให้เธอโดนรังแกหรือ โดนคนในบ้านเอาเปรียบใดๆทั้งสิ้น
ก่อนหน้านี้เวทัสก็ไม่ให้เกียรติปาณีถึงสองครั้งเขาก็ทน

แล้ว

แต่เรื่องในวันนี้เขาไม่สามารถทนได้อีก

ภายในรถนั้นเงียบสงบธามนิธิไม่ได้พูดอะไรเลยปาณี มองไปยังเขาจากการบังคับของธามนิธิทำให้เวทัสยอม ขอโทษเธอ

เพียงแค่นึกถึงสีหน้าของเวทัสที่โกธรแต่ไม่สามารถทำ อะไรได้เธอรู้สึกสะใจมาก

แต่ว่าเมื่อเห็นคนข้างๆนั่งนิ่งไม่พูดอะไรเลยทำให้ปาณี รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

มิน่าล่ะปกติไวยาตย์ถึงกลัวเขาขนาดนั้นที่แท้เวลาเขาโก ธรมันน่ากลัวอย่างนี้นี่เอง!

“คุณอา”ปาณียื่นมือออกไปจับแขนเขาอย่างระมัดระวัง

ธามนิธิตอบว่า”มีอะไร?”
“คุณไม่ได้โกธรใช่เปล่า?”น้ำเสียงของเธอหวาดกลัวเล็ก น้อยทำให้ธามนิธิหันมามองเธอแวบหนึ่ง

เขายื่นมืออกมาวางไว้ที่หัวของเธออย่างอ่อน โยน “ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เธอต้องลำบาก”

เขาไม่ได้โกธรตัวเองด้วยก็ดีแล้ว

ปาณีตอบว่า “หนูไม่ได้เป็นไรค่ะ…แต่ว่าคุณรู้ได้ยังไงคะ ว่าหนูทำงานที่โรงแรม?”

จนถึงตอนนี้เธอก็ยังคิดไม่ออกว่าเขารู้ได้ยังไง

“ฉันมีตาทิพย์รู้ได้ทุกอย่าง”ธามนิธิมองไปยังปาณีอดไม่

ได้ที่จะหัวเราะออกมา

“หนูไม่เชื่อหรอก!”ปาณีกล่าว”ถ้าคุณมีตาทิพย์หนูก็มีหู ทิพย์แล้วแหละ”

“แล้วเธอคิดว่าฉันรู้ได้ยังไงล่ะ?”

“ต้องมีคนมาบอกคุณแน่ๆ”แม้จะไม่รู้ว่าเป็นใครก็ตาม
ธามนิธิเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจของเธอจึงเบ้

ปากตอบว่า”ก็ไม่ได้โง่เนอะ!”

แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องมีคนที่โรงแรมมาบอกเขา

ไวยาตย์ได้สั่งไว้ว่าให้พวกเขาดูแลปาณีอย่างดีพอเจอ เรื่องที่ปาณีโดนไล่ออกแบบนี้พวกเขาก็ต้องรายงานทันที อยู่แล้ว

ปาณีพูดว่า”คุณจะรู้สึกว่าหนูไม่ควรไปทำงานไหมคะ?”

เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าโรงแรมนั้นเป็นธุรกิจของครอบ ครัวเวทัสเมื่อก่อนตอนพวกเขาคบกันเวทัสก็ไม่เคยบอก เธอเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

ถ้ารู้ตั้งเธอแรกเธอไม่มีทางไปทำงานที่นั่นหรอก

ธามนิธิตอบว่า”ทำมาหากินด้วยลำแข้งของตัวเองไม่ต้อง อายใคร!”

สำหรับปาณีแล้วคำพูดของธามนิธินี้เป็นกำลังใจให้เธอสู้

ต่อ
เธอยิ้มอย่างดีใจรีบอ้อนเขาว่า”คุณอาคืนนี้อยากกินอะไร คะเดี๋ยวหนูทำให้กินดีไหมนะ?”

ไหนๆวันนี้ก็ว่างอยู่แล้ว

ธามนิธิตอบ”ที่บ้านมีแม่บ้านอยู่แล้ว”

“แม่บ้านกับหนูทำไม่เหมือนกันสักหน่อยหนูทำกับข้าว

อร่อยนะจะบอกให้

ตอนที่18

หลังจากเลิกงานก่อนเวลาปกติปาณีก็กลับไปยังบ้านของ

ธามนิธิ

พอกลับถึงบ้านปืบเธอก็เคยธามนิธิกลับมาก่อนแล้ว

“คุณอาทำไมกลับมาไวจังคะ?”

เวลานี้ธามนิธิกำลังสวมใส่ชุดสูทอย่างหล่อเหลาดูก็รู้เลย

ว่าเพิ่งกลับมา

“อืม”ธามนิธิพยักหน้า”เธอออกไปช้อปปิงอีกแล้วหรอ? ทำไมไม่ช้อปต่ออีกหน่อยล่ะ?”

ปาณีแลบลิ้นอย่างเกรงใจเล็กน้อย”ช้อปปิ้งไม่สนุกเลย ค่ะ”

แม้วันนี้จะเกิดเรื่องไม่สบายใจมากมายแต่เธอไม่อยากให้ คุณอารับรู้
“โอเคงั้นเราไปกินข้าวเย็นกันดีไหม?”

“ดีค่ะ!”

พอพูดถึงเรื่องกินปาณีก็ดีใจขึ้นทันที

คุณอาคนนี้จะพาเธอไปกินของอร่อยๆทุกครั้งคนชอบกิน อย่างเธอจะไม่มีความสุขได้ยังไงกันล่ะ!

ขณะนั่งอยู่ในร้านอาหารปาณีเปิดเมนูไปมาอาหารทุก อย่างในร้านแพงมากจนเธอพูดว่า”ทำไมมันแพงอย่า งงี้เนี่ย….”

ปกติทุกครั้งที่ออกไปกินข้าวธามนิธิจะเป็นคนสั่งอาหาร เองแต่พอครั้งนี้ให้เธอเป็นคนสั่งเธอถึงจะรู้ว่าที่ผ่านมาที่ ออกมากินข้าวนอกบ้านกับคุณอาคนนี้เป็นอาหารหรูหรา ราคาแพงหมดเลย

“อยากกินอะไรก็สั่งเลยไม่ต้องมาเก็บเงินแทนฉัน หรอก”ธามนิธิหัวเราะเบาๆหลังจากที่เห็นสีหน้าลังเลของ

ปาณี

“ค่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดเช่นนี้ปาณีแทบจะมุดหน้าเข้าไปใน เมนูนั้น

เวลานี้เองเวทัสก็เดินเข้ามาจากประตูทางเข้าของร้าน อาหารพนักงานเดินเข้าไปถามว่า”คุณผู้ชายไม่ทราบว่ามาก ท่านคะ?”

“ผมกำลังหาคนครับ”

เวทัสพูดขณะที่เดินเข้าไปยังโต๊ะที่ปาณีพวกเขานั่งอยู่

พอเดินไปถึงโต๊ะอาหารเวทัสก็ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ

ปาณีคิดว่าพนักงานเดินเข้ามารับออเดอร์เธอจึงยื่นเมนู อาหารออกไปพร้อมกับพูดว่า “ฉันเอาอันนี้อันนี้ละก็อันนี้

ค่ะ..”

หลังพูดจบเธอก็เงยหน้าขึ้นมองแต่ดวงตาของเธอกลับ เห็นเวทัสที่โกรธจนหน้าดำหน้าแดง

เธออึ้งไปสักพักจึงรีบดึงเมนูกลับมา
“คุณน้า”

แม้เวทัสจะโกธรแต่เขาก็ยังคงมีมารยาทอยู่

ธามนิธิพยักหน้ารับ

เหมือนเข้าจะไม่ตกใจเลยที่เจอกับเวทัส

ปาณีนั่งอึ้งเห็นภาพตรงหน้าแล้วเหมือนสองคนนี้นัดไว้แต่ แรกแล้ว

และเป็นอย่างที่เธอคิดเวทัสก็พูดขึ้นมาว่า”คุณน้าหาผมมี ธุระอะไรหรอครับ?”

ถ้าไม่เป็นเพราะว่าธามนิธิเรียกเขามาเขาไม่อยากมานั่ง กินข้าวกับปาณีหรอก

ธามนิธิไม่ได้พูดอะไรแต่เขาใช้ผ้าเย็นเช็ดมือให้ปาณี อย่างเอาใจใส่

ตั้งแต่เล็กจนโตเวทัสไม่เคยเห็นธามนิธิปรนนิบัติใคร อย่างนี้มาก่อน
บรรยากาศอึดอัดเล็กน้อย

หลังจากที่เขาเช็ดนิ้วมือทุกนิ้วของปาณีจนสะอาดแล้วธา มนิธิจึงหยุดแล้วมองไปยังเวทัส”วันนี้ที่เรียกเธอมาเพราะ ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอ”

“คุณอาพูดเลยครับ”

ตั้งแต่เด็กเวทัสก็กลัวธามนิธิอยู่แล้วเห็นสีหน้าที่เขาพูด จริงจังอย่างนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นจนกลืนน้ำลาย

ได้ยินมาว่าวันนี้ที่โรงแรมเธอไล่ปาณีออก?”

ตอนที่17

“เธอชอบ.น้าชายของฉัน?”

คำพูดที่ไร้เยื่อใยของปาณีถึงกับทำให้เวทัสยืนอึ้ง

ปาณีพูดอย่างเย็นชาว่า”ใช่ฉันชอบเขา!”

แม้ว่าในความเป็นจริงเธอมองคุณอาคนนี้เป็นเพียงคนใน ครอบครัวแต่เมื่อเธอแต่งงานกับเขาแล้วเธอจะไม่มีวันทำ เรื่องที่จะทำให้เขาเสียใจเด็ดขาด

ส่วนเวทัสนั้นตั้งแต่วันที่เธอกลับจากบ้านของดิรยาเธอก็

ตัดสินใจว่าจะไม่ชอบเขาอีก

การยอมรับตรงๆของปาณีทำให้เวทัสรู้สึกเจ็บปวด

เธอบอกว่าเธอชอบน้าชายเขา…

งั้นก็แสดงว่าคนที่เธอชอบไม่ใช่เขา?!
นึกถึงติรยาเคยบอกเขาว่าคนที่ปาณีชอบไม่ใช่เขาที่ยอม คบกับเขาก็เป็นเพราะว่าบ้านเขารวยและเขาเป็นเดือน โรงเรียน

แต่ลับหลังเขาปาณีคบกับคนอื่นตั้งนานแล้ว

เพราะฉะนั้นผู้ชายคนนั้นก็เป็นน้าชายของฉันเองหรอ?

แม้เวทัสจะเลิกกับปาณีแล้วแต่ในใจของเขาก็เคยชอบ ปาณีจริงๆ

แต่ตอนนี้มารู้ว่าที่ผ่านมาเธอไม่เคยรักเขาเลยทุกอย่าง ที่เธอให้คือความรู้สึกจอมปลอมของเขาเจ็บปวดอย่าง ห้ามไม่ได้

“พวกเธอคบกันตั้งแต่ตอนไหน”

เขาถามออกไปอย่างเย็นชา

ปาณีรู้สึกโมโหที่เขาถามด้วยน้ำเสียงแบบนี้เลยจงใจพูด ออกไปว่า”เราคบกันตั้งนานแล้ว!คบกันตั้งแต่โรงเรียนยัง ไม่ปิดเทอมอีก!เพราะฉะนั้นฉันเลยหลบหน้าเธอมาตลอด

ไงเพราะเขาไง!”
ไม่ว่าเธอจะพูดยังไงเวทัสก็ไม่เชื่อเธออยู่แล้ว!

ถ้าจะเข้าใจผิดก็ให้เขาเข้าใจผิดจนถึงขีดสุดไปเลย!

“ปาณี!”

เวทัสไม่คิดว่าหลังจากที่ปาณีนอกใจเขาแล้วเธอยังกล้า ขึ้นเสียงกับเขาเหมือนคนไม่ผิดอีก

มือของเขากำหมัดไว้แน่นมองเห็นดวงตาของปาณีที่เต็ม ไปด้วยความโกธรเขาจึงไม่พูดอะไรอีกเปิดประตูออกไป เสียงดัง

ผู้จัดการเห็นเวทัสลากปาณีเข้าไปในห้องแต่งตัวกลัวจะ เกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นจึงรออยู่หน้าประตูตลอดเมื่อเห็นเวที สเดินออกมาด้วยความโมโหจึงรีบเข้าไปถามว่า”คุณชาย ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”

เวทัสพูดเสียงดัง “ฉันไม่อยากเจอคนคนนี้อีก!”

พูดจบก็เดินจากไปเลย
ผู้จัดการได้แต่เช็ดเหงื่อแล้วเดินไปยังห้องแต่งตัวเห็น ปาณียืนอยู่

นึกถึงสีหน้าของเวทัสเมื่อครู่เขาจึงพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ว่า”เธอไปได้แล้ว”

แม้ปาณีจะรู้ว่าเธอทำให้เวทัสไม่พอใจอาจจะทำให้ตัวเอง ไม่สามารถทำงานที่นี่ได้อีกแต่เธอไม่คิดเลยว่าจะโดนไล่ ออกไวขนาดนี้

มือของเธอกำหมัดไว้แน่น

“เวทัส!”

ตั้งแต่ติรยารู้ว่าปาณีทำงานที่นี่เธอจึงหาวิธีมาแกล้งเธอ

บ่อยๆ

วันนี้เธอก็มาที่นี่เหมือนเดิมแต่เจอกับเวทัสเข้า

“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ….”เธอเห็นเวทัสที่สวมชุดของทางโรงแรมจึงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ธุรกิจของครอบครัวฉันมาเรียนรู้งานที่นี่สักพัก”

“อ๋อ!เก่งจังเลยนะ!”ตาของติรยาเป็นประกายทันที

แต่ในใจของเธอตอนนี้กลับคิดว่าปาณีก็ทำงานที่นี่ทั้งสอง คน..จะเจอกันหรือเปล่า?

เธอรู้ว่าเวทัสยังลืมปาณีไม่ได้ถ้าทั้งสองคนเจอกันทุกวัน แล้ววันหนึ่งถ่านไฟเก่าลุกขึ้นมาจะทำยังไงความพยายาม ของเธอที่ผ่านมาก็ศูนย์เปล่าน่ะสิ?

เวทัสยิ้มเขาดึงแขนของติรยาพูดว่า”ฉันยุ่งจะตายละมี อะไรค่อยคุยกันหลังเลิกงาน”

เขาจะรีบไปดูสีหน้าของปาณีที่เพิ่งถูกไล่ออกคงสนุกน่าดู!

ตอนที่ 16

หลังจากที่ปาณีหลับแล้วธามนิธิก็ไปยังห้องอ่านหนังสือ ของตัวเอง

คอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะแสดงใบหน้าของไวยาตย์

ออกมา

“คุณธามนิธิครับเรื่องที่คุณให้ผมไปสืบผมได้ความแล้ว ครับ”

“อึม”นิ้วมืออันเรียวยาวของธามนิธิเคาะลงบนโต๊ะอย่าง เป็นจังหวะ วันนี้ปาณีไปทำอะไรมา”

ไวยาตย์ตอบว่า”เธอไปทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่โรงแรม เคยเป็นพนักงานเสิร์ฟครับ”

เคย?

นั่นเป็นโรงแรมของบ้านแสงศรีเรืองหนิ
ธามนิธิไม่ได้พูดอะไรต่อหน้าจอคอมค่อยๆดับไปเขา เคลื่อนรถเข็นไปยังห้องนอน

วันรุ่งขึ้นปาณีตื่นมาพร้อมกับพบว่าธามนิธิออกไปทำงาน แล้วเธอถอนหายใจเบาๆอย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องคิดหาข้อ อ้างตอนออกจากบ้าน

เธอมาถึงยังโรงแรมที่ทำงานอยู่หลังจากเปลี่ยนชุดเธอก็ ทำงานตามปกติ

จู่ๆเพื่อนร่วมงานของเธอก็พูดขึ้นว่า”ปาณีเธอรู้ไหมว่าวันนี้ คุณชายจะมาฝึกงานที่นี่?”

คุณชาย?

ปาณีส่ายหัวไปมาเธอแค่จะมาทำงานไม่สนใจคุณชาย ที่ไหนหรอก

ใบหน้าของเพื่อนร่วมงานดีใจเป็นพิเศษ ได้ยินมาว่า คุณชายเขาอายุพอๆกับเธอเลยนะรูปร่างทั้งสูงและหล่อ มากฉันชักจะรอไม่ไหวแล้วสิ!”

ปาณีหัวเราะเบาๆในบ้านของเธอมีคุณอาที่หล่อเหลาอยู่ทั้งคนแล้วชายคนอื่นคงไม่เข้าตาเธอหรอก

ขณะที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานก็เห็นผู้จัดการพาชาย หนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเดินเข้ามาเพื่อนร่วมงานของเธอ ดึงชายเสื้อของเธอเพื่อเรียกให้เธอดูปาณีเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเงาของคนที่คุ้นเคยกำลังเดินเข้ามา

รูปร่างที่สูงโปร่งและบุคลิกที่ดูเงียบขรึมนี้ดูแวบเดียวก็รู้ เลยว่าคนคนนี้คือเวทัส

เวทัสที่เห็นปาณีก็ตกใจเช่นกันเขาพูดอย่างประหลาดใจ ว่า”ปาณีทำไมมาอยู่ที่นี่?”

ผู้จัดการพูดว่า”คุณชายเวทัสรู้จักเธอด้วยหรอครับ?”

เวทัสเม้มริมฝีปากพูดว่า “โรงแรมนี้รับสมัครคนยังไง? ทำไมถึงรับคนแบบนี้เข้ามาทำงาน?”

ตอนแรกผู้จัดการยังคิดว่าปาณีกับเวทัสเป็นเพื่อนกัน แต่หลังจากที่ฟังคำถามนี้แล้วทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่ไหน ล่ะพูดว่าเป็นศัตรูกันยังจะดีกว่าเขาจึงเช็ดเหงื่อแล้วพูด ว่า “ช่วงนี้ทางโรงแรมขาดคนครับตอนรับสมัครเลยไม่ได้ เช็คละเอียดมากนักไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรครับ?”

เวทัสยังโกธรที่ปาณีเลิกกับตัวเองสีหน้าเขาดูไม่ดีเลย

เขาสายหัวและไม่ได้พูดอะไรต่อแต่ให้ผู้จัดการพาเขาไป ดูที่อื่นต่อ

ตลอดทั้งวันทั้งสองคนไม่ได้คุยอะไรกันเลยปาณีเห็น สีหน้าที่โมโหของเขารู้สึกไม่เข้าใจเธอเป็นฝ่ายถูกทั้งเอง เธอสิที่ต้องเป็นฝ่ายโกธรแล้วเขาจะมาโมโหเธอทำไม

เพื่อนร่วมงานที่เห็นภาพเหล่านี้อดไม่ได้ที่จะถามปาณี เพราะความอยากรู้อยากเห็นแต่ปาณีกลับตอบไปว่า”เรา เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกันที่ผ่านมาเคยทำให้เขาไม่

พอใจ”

ระหว่างพักเที่ยงปาณีกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ใน

ห้องอาหารของพนักงาน

ปาณีเพิ่งจะกินข้าวไปสักพักเวทัสก็เดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับลากเธอเข้าไปในห้องแต่งตัวและล็อคประตูห้อง

ปาณีไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรจึงตะโกนเสียงดังว่า”เวทัสนี้ นายจะทำอะไร?”

เวทัสจ้องหน้าเธอ “เธอตั้งใจหาวิธีเข้าใกล้ฉันละยังเข้า ใกล้น้าชายฉันอีกฉันสิต้องถามว่าเธอต้องการอะไรกันแน่!”

“ฉันไปตั้งใจหาวิธีเข้าใกล้นายตอนไหน??”ปาณีพูดด้วย ความโมโห

“เธอมาคบกับฉันมาทำงานในโรงแรมของบ้านฉันแล้วยัง แต่งงานกับน้าชายฉันอีกอย่าบอกนะว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่อง บังเอิญเธอคิดว่าฉันโง่รึไง?”

ติรยามักจะนินทาปาณีให้เวทัสฟังตลอดบอกว่าเธอเป็น ผู้หญิงร้ายลึกสิ่งที่คิดภายในและแสดงออกมาภายนอก ไม่เหมือนกันเมื่อเวลาผ่านไปนานเวทัสก็โดนคำพุดของ ติรยาล้างสมองปาณีในสายตาของเขาตอนนี้ก็เป็นคนเจ้า

วางแผน
เขาพูดอย่างจริงจังว่า”อยู่ห่างๆน้าชายฉัน”

น้าชายของเขาเคยโดนนลินทำร้ายมาแล้วครั้งหนึ่งเขาไม่ อยากทนเห็นน้าชายโดนปาณีทำร้ายอีก

“เพราะอะไร?นายมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?”

พวกเขาเลิกกันแล้ว!

ทำไมเธอต้องทำตามที่เขาบอกด้วย

เวทัสพูดว่า”เธอไม่ได้ชอบน้าชายฉันแล้วจะอยู่กับเขา

ทำไมเธอจะทำร้ายเขาทำไม!”

“ใครบอกนายว่าฉันไม่ชอบธามนิธิ?”

ตอนที่15

“ห้ะ?”

ปาณีไม่รู้เรื่อง

บาร์นี่คือบาร์นี่คนที่ฉันรู้จักหรอ?ฉันไปพูดตอนไหนว่า

บาร์นี่ทำศัลยกรรม?

คนที่พูดคำพูดพวกนี้คือติรยาต่างหาก!

เกี่ยวกับฉันได้ไงเนี่ย?

“คุณทักคนผิดรึเปล่าคะ?ฉันไปพูดแบบนี้ตอนไหน?”

“ยังจะแสแสร้งอีก!เธอคิดว่าทำตัวไม่รู้ไม่ชี้แล้วพวกฉันจะ ดูไม่ออกหรือไง?โรงเรียนมัธยมชญตว์มีคนอย่างเธอมันน่า ขยะแขยงจนอยากอ้วกจริงๆเก่งแต่นินทาคนอื่นลับหลัง! หน้าด้าน!”

คนที่ด่าปาณีน่าจะเป็นพวกแฟนคลับตัวโยงของบาร์นี่พวกเธอเรียนโรงเรียนเดียวกันกับปาณี

พอบาร์นี่รู้ว่าปาณีนินทาเธอเธอจึงเอาเรื่องนี้ไปบอกกับ แฟนคลับตอนนี้แฟนคลับของเธอจึงตามมาแก้แค้นแทนไอ ดอลของตัวเอง

“ฉันไม่เคยพูดจริงๆพวกเธอเข้าใจผิดแล้ว!”

“กล้าทำแล้วยังไม่กล้ารับอีกใช่ไหม?ตอนนั้นที่เธอแย่ง แฟนติรยาไปทำไมไม่รู้จักแย่งอย่างเงียบๆล่ะ?ยังดีที่เวทัส ตาสว่างเลยทิ้งเธอไป!”

“ฉันไปแย่งแฟนของจริยาตอนไหน?”ปาณีแทบจะเป็นบ้า

ปาณีนึกถึงเมื่อกลางวันเพิ่งเจอพวกติรยาไปอดไม่ได้ที่จะ คิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นฝีมือของกริยา??

“กริยาเป็นคนพูดแบบนี้ใช่ไหม?”

“เธอจะสนว่าใครเป็นคนพูดทำไมเธอมันก็แค่คนที่กล้าทำ แล้วไม่กล้ารับดีๆนี่เอง!”
ฝ่ายตรงข้ามด่าอย่างไม่หยุดปาณีไม่สามารถทนดูอีกต่อ ไปได้จึงบล็อคเธอไป

จากอารมณ์ดีๆก็ต้องมาพังเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้

เค้กที่แสนอร่อยวางอยู่ตรงหน้าแต่ตอนนี้เธอกลับกินไม่ ลงเธอใช้ซ้อมเสียบลงไปบนเค้กหลายจุดไม่ได้กินต่ออีก

เลย

ธามนิธิที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ข้างๆเห็นปาณีนั่งนิ่งไปไม่ ได้กินเค้กต่อจึงถามว่า”เค้กไม่อร่อยหรอ?”

“เปล่า….เปล่าค่ะ….”ปาณีก้มหน้าตาเธอเริ่มแดง

เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองธามนิธิเพราะกลัวว่าน้ำตาจะ

ไหลออกมา

“เป็นไรไปล่ะ?”

เห็นปาณีนั่งเครียดกุมขมับของตัวเองธามนิธิเลยรู้สึกใจไม่ดีเขาไม่เคยเห็นปาณีเป็นแบบนี้มาก่อนเกิดเรื่องอะไร

ขึ้น?”

ปาณีฟุบตัวลงบนโต๊ะพูดอย่างอึดอัดว่า”คุณอา….”

“ร้องไห้แล้วหรือ”

“ไม่ได้ร้องสักหน่อย..”

ฉันจะไม่ร้องไห้เพราะติรยาเด็ดขาด

ปาณีพูดอย่างเบื่อหน่ายว่า”คุณอาคุณเคยโดนคนหักหลัง

ไหมคะ?”

หลับพูดจบประโยครู้สึกมีแสงแวบผ่านตาของธามนิธิ

คำถามนี้ทำให้เขานึกถึงนลิน

แน่นอนว่าคนที่ฟุบอยู่บนโต๊ะอย่างปาณีจับสังเกตไม่ได้ เธอยังคงพูดต่อไปว่า”ที่แท้การโดนเพื่อนหักหลังมันเจ็บ ปวดอย่างนี้นี่เอง….”
ธามนิธิได้ยินความเศร้าในเสียงนั้นเขาเก็บประกาย แหลมคมในดวงตาไว้ปิดหนังสือในมือลงแล้วเคลื่อนรถ เข็นไปหาเธอพร้อมพูดว่า”เธอเป็นภรรยาของฉันถ้ามีเรื่อง อะไรไม่สบายใจเล่าให้ฉันฟังได้นะ”

ปาณีเงยหน้าขึ้นมองดวงตาที่แดงก่ำมองไปยังธามนิธิ

ดวงตากลมโตคู่นั้นแม้จะไม่มีน้ำตาไหลออกมาแต่น้ำตา เธอก็คลอเต็มเป้า

ธามนิธิเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกปวดใจ

“อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ….แค่มีเพื่อนคนหนึ่ง หนูเห็นเค้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดมาตลอดแต่เขาไม่ได้คิด แบบนี้ยังนินทาหนูลับหลังอีกทำให้คนอื่นเข้าใจหนูผิดไป หมด.

ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเห็นติรยาเป็นเพื่อนรักเธอก็คงไม่เจ็บ ปวดขนาดนี้

ขณะที่เธอกำลังเสียใจเธอก็ได้แต่โทษตัวเองว่าทำไม ไม่รู้ธาตุแท้ของเธอให้เร็วกว่านี้
“เป็นเพื่อนที่โรงเรียนหรอ?”

“อืม”ปาณีพยักหน้า

ธามนิธิลูบหัวเธอเบาๆพูดว่า”ถ้าจัดการไม่ได้ก็บอกฉันนะ

เดี๋ยวฉันช่วยเธอจัดการเอง”

ปาณีรู้สึกอุ่นใจ”ขอบคุณค่ะคุณอา”

ในโลกใบนี้คงมีแค่คุณอาคนนี้เท่านั้นสินะที่เป็นห่วงเธอ จริงๆ

ตอนที่14

ปาณียุ่งจนถึงดึกถึงจะเลิกงาน

หลังเลิกงานเธอไม่ได้กลับไปที่บ้านวิสิทธิ์เวชแต่ไปบ้าน อีกหลังหนึ่งของธามนิธิในเมืองชยุต

ธามนิธิกลัวว่าปาณีจะอึดอัดและไม่คุ้นชินในการอยู่บ้าน วิสิทธิ์เวชพวกเขาจึงย้ายออกไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งก่อน หน้านี้แล้ว

ทันทีที่กลับถึงบ้านปาณีเห็นไฟในบ้านเปิดไว้รู้สึกตกใจ เล็กน้อยเธอเดินเข้าไปในบ้านอย่างระมัดระวังในห้อง รับแขกมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งหันหลังให้เธออยู่บนรถ เข็นตัวเขาเอียงเล็กน้อยเหมือนคนกำลังหลับอยู่

คุณอา?

ทำไมวันนี้ถึงกลับมาได้ล่ะ?
ก่อนหน้านี้ธามนิธิยุ่งมากเลยไม่ค่อยได้กลับมาบ้านปาณี เห็นเขาไม่กลับมาจึงกล้าออกไปทำงานอย่างสบายใจ

เธอกลัวธามนิธิจะด่าที่เธอไม่อยู่บ้านจึงเดินเข้าไปอย่าง ช้าๆเห็นธามนิธิกำลังหลับอยู่บนตักของเขามีหนังสือวาง อยู่เล่มหนึ่งเปิดอ่านไปครึ่งเล่มแล้วเธอมองขึ้นไปด้านบน เห็นริมฝีปากที่เซ็กซี่ของธามนิธิและดวงตาที่ปิดสนิท

ขนตาเขายาวและงอนมาก

แม้แต่เวลานอนยังหล่อขนาดนี้

ปาณีที่นั่งยองๆมองเขาอย่างเหม่อลอย

“กลับมาแล้วหรอ?”

หลังจากได้ยินเสียงต่ำที่มีเสน่ห์ลอยมาเข้าหูเธอถึงได้สติ

ขึ้นมา”คะ..คุณอา?”

“ฉันตื่นตั้งแต่ตอนที่เธอกลับมาถึงบ้านแล้ว”ธามนิธิยิ้มยื่น มือออกไปลูบหัวของปาณีอย่างเอ็นดูไปไหนมาหรอทำไมกลับมาดึกจัง”

“ฉัน….ฉันแค่ออกไปเดินช้อปปิ้งค่ะ”

เธอกลัวว่าธามนิธิจะด่าที่ออกไปทำงานจึงโกหกออกไป

หลังจากที่เห็นเธอมีเรี่ยวแรงกระปรี้กระเปร่าแล้วธามนิธิ จึงถามเธอว่า”เธอหายดีแล้วหรอ?”

“อมๆหายดีตั้งนานแล้วค่ะ!”ปาณีตอบอย่างน่ารัก “คุณอา ทำไมไม่บอกก่อนล่ะคะว่าจะกลับมาวันนี้

ธามนิธิกลัวว่าปาณีอยู่บ้านคนเดียวแล้วจะเบื่อเขาจึงรีบ กลับมาหลังจากที่เคลียร์งานเสร็จหมดแล้วแต่ผลกลับ กลายเป็นว่าเธอต่างหากที่ไม่อยู่บ้าน

“เซอร์ไพรส์เธอไง”เขาพูดไปงั้นๆเห็นร่างปาณีที่ผอมบาง จึงถามว่า”กินข้าวมารียัง?”

ดึกขนาดนี้แล้วปาณีก็ต้องกินแล้วสิแต่จมูกเธอไวมากเธอ ได้กลิ่นเนยหอมๆตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านแล้ว
แต่ตอนนี้ธามนิธิถามคำถามนี้เธอจึงตอบไปว่า “ถึงแม้ว่า จะกินแล้วแต่หนูได้กลิ่นเนยด้วยคุณอาซื้อเค้ามาฝากใช่ ไหมคะ?”

“ฉลาดนักนะ”ธามนิธิยิ้มตอนกลับมาเขาให้ไวยาตย์แวะ ซื้อระหว่างทางกลับบ้านแล้วเอาไปแช่ไว้ในตู้เย็น”อยู่ในตู้ เย็นไปเอาสิ”

หลังจากได้ยินปาณีก็กระโดดโลดเต้นไปเอาเค้กด้วย ความดีใจ

ธามนิธิเห็นแผ่นหลังที่มีความสุขของเธอยิ้มแล้วส่ายหัว

เบาๆ

อย่างเป็นเป็นเด็กอยู่นี่

หลังจากเอาเค้กออกมาวางบนโต๊ะปาณีนั่นเค้กออกมา เป็นสี่ชิ้นเธอส่งให้ธามนิธิชิ้นหนึ่ง

“คุณอากินด้วยกันสิคะ”

“ฉันไม่กิน”
เขาไม่ชอบกินของหวานพวกนี้

“น่าเสียดายจังเลย”ปาณีเก็บเค้กกลับมา

เค้กแบล็คฟอเรสต์นี้เธออยากลองมานานมากแล้วแต่ เนื่องจากมันแพงเกินไปเธอเลยยังไม่เคยกินมาก่อน

เธอหยิบซ้อนขึ้นมานั่งกินอยู่ข้างๆอย่างเอร็ดอร่อย

มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะของปาณีสั่นเครือๆหลายครั้งปาณี หยิบขึ้นมาดูเป็นเสียงแจ้งเตือนจากQQ

มีคนแอดเขาเป็นเพื่อน

เธอไม่ได้คิดอะไรมากจึงตอบตกลงไป

ฝ่ายตรงข้ามทักแชทมาหาเธอว่า”เธอคือปาณีใช่ไหม?”

ปาณีอึ้งเล็กน้อยคนคนนี้คือใคร?รู้ชื่อจริงของเธอได้ยัง ไง?ปกติในโลกออนไลน์เธอจะตั้งชื่อไอดีว่า”เชียวมู”คนที่ เรียกชื่อจริงของเธอได้ในQQต้องเป็นคนที่รู้จักเธอแน่ๆ

“ที่เธอด่าบาร์นี่ของพวกเราว่าทำศัลยกรรมมา?”

ตอนที่13

เพียงแค่นึกถึงคนที่การเรียนดีมากอย่างปาณีละยังเป็น แฟนกับเดือนโรงเรียนอย่างเวทัสอีกแต่กลับจนมากขนาด นี้ถึงขั้นต้องมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารบาร์นี่ แสดงสีหน้าสะใจมาก

ดูๆไปชีวิตเธอก็ไม่ได้ดีเลยหนิ!

เวลานี้คนที่นั่งเงียบมานานอย่างดิรยามองบาร์นี่แวบหนึ่ง แล้วพูดว่า”ฉันได้ยินมาว่าคนในบ้านของปาณีไม่ให้เธอ เรียนต่อแล้วแถมยังให้เธอแต่งงานอีก

“แต่งงาน?? “ถึงยังไงบาร์นี่ก็เป็นเด็กมัธยมอายุ18ปีพอได้ ยินว่า”แต่งงานเธอเลยตั้งตัวไม่ทันกับข่าวนี้

“ปาณีไม่ได้อายุพอๆกับเราหรอ?ทำไมถึงรีบแต่งงานล่ะ?”

“ทำไมล่ะแต่งงานไวๆก็ดีหนิ “กริยาเอามือป้องปากตัวเอง พร้อมกับหัวเราะออกมา”ฉันได้ยินมาว่าเดี๋ยวนี้บริษัทต่างๆ มักจะจ้างคนที่แต่งงานแล้วหรือคนท้องแล้วเข้าทำงานนะเธอแต่งงานมีลูกไวขนาดนี้พอเราเรียน จบมหาลัยลูกเธอก็สามารถเดินไปซื้อซีอิ้วเองได้แล้วออก ไปหางานทำต้องได้เปรียบมากแน่ๆ”

ติรยาพูดคำพูดพวกนี้เพื่อยั่วยุปาณีแต่บาร์นี่กลับคิดว่าเธอ กำลังชื่นชมปาณีจริงๆ

“โหแย่จังพอผู้หญิงแต่งงานมีลูกแล้วก็กลายเป็นอีป้าแก่ๆ แล้วนะจะเป็นป้าแก้ตั้งแต่อายุ18เลยหรอ??เป็นฉันไม่เอา ด้วยหรอก”

ติรยาพูดพร้อมกับหัวเราะเหอะๆว่า”บาร์นี่เธอกับเขาไม่ เหมือนกันเธอเพิ่งจะอายุ18ก็เป็นเน็ตไอดอลชื่อดังแล้ว อนาคตของเธอต้องรุ่งมากแน่ๆปาณีจะมาเทียบกับเธอได้ ยังไงล่ะ?”

“ติรยาฉันไม่ได้ดีอย่างที่เธอพูดขนาดนั้นสักหน่อย”บาร์นี่ เอามือปิดหน้าตัวเองไว้อย่างรู้สึกเขินอายเธอเอากระจกขึ้น มาเติมแก้มทาลิปอีกรอบ

เห็นได้ว่าในใจของเธอเห็นด้วยกับคำพูดของติรยาอย่าง

มาก
เธอส่องกระจกไปด้วยพร้อมกับนึกขึ้นได้ว่า”ดิรยาเธอเป็น เพื่อนสนิทของปาณีไม่ใช่หรอ?ทำไมเขาทำท่าทางเย็นชา กับเธอด้วยล่ะ?”

พอสิ้นคำพูดติรยาก็ก้มหน้าก้มตาทำตัวน่าสงสาร

“เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”

ติรยาทำหน้ายิ้มอย่างขมขื่นพร้อมกับพูดว่า”ไม่มีอะไร หรอกฉันกับปาณีทะเลาะกันตั้งนานแล้วแหละ”

“ห้ะทำไมล่ะ?”

“เห้อคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจฉันอุตส่าห์เห็นปาณีเป็นเพื่อนที่ดี ที่สุดของฉันแต่ไม่คิดว่าเธอกลับเอาฉันไปนินทาลับหลัง”

“ไม่ใช่มั้งคนอย่างปาณีเนี่ยนะ??”

ปาณีดูเป็นคนที่ชื่อตรงไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้นะ!

ติรยาพูดพร้อมกับถอนหายใจว่า”เธอไม่ค่อยสนิทกับเขาเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นคนยังไง จริงๆแล้วเขายังเคยนินทาเธอลับหลังอีกด้วยนะ”

“อะไรนะ?”บาร์นี่อึ้ง”เขาว่าฉันอะไรบ้าง?”

ติรยามองใบหน้าที่เล็กเท่าฝ่ามือของบาร์นี่ทำสีหน้า ลำบากใจแล้วพูดว่า”เขาบอกว่าเธอศัลยกรรมมาจนแม่ตัว เองยังจำแทบไม่ได้เมื่อก่อนเธอขี้เหร่มากแต่ตอนนี้เธอดัง

ได้เพราะเธอศัลยกรรมมา…”

หลังจากที่บาร์นี่เข้าสู่วงการบันเทิงเธอมักจะโดนคนอื่นว่า เธอเสียๆหายๆแบบนี้ตลอด

มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเองไม่เคยศัลยกรรม ไม่เคยร้อยไหมไม่มีคนหนุนหลังไม่มีเสี่ยเลี้ยงเธอโด่งดัง ได้ขนาดนี้ทั้งหมดเป็นเพราะความพยายามของเธอเอง

พอเธอรู้ว่าปาณีว่าตัวเองแบบนี้เธอจึงโมโหมากๆ

“เขามีสิทธิ์อะไรมาว่าฉันแบบนี้?”

ติรยาปลอบใจเธอว่า”บาร์นี่พวกเรารู้ว่าเธอหน้าตาดีตั้งแต่เกิดไม่เคยไปทำศัลยกรรมอะไรหรอกเป็นเพราะ ปาณีเขาอิจฉาที่เธอสวยกว่าเลยว่าเธอแบบนี้ไงเธอยังไม่รู้ สินะเขาจะนินทาผู้หญิงคนอื่นของโรงเรียนเราอีกเยอะเลย นะ!”

บาร์นี่กำหมัดไว้แน่นด่าว่า”ปาณีนังแพศยา!”

“ไม่เพียงแต่เท่านี้นะ”ติรยาทำหน้าตาน่าสงสาร”จริงๆแล้ว ตอนแรกคนที่เวทัสชอบคือฉันถ้าไม่เป็นเพราะปาณีเข้ามา เป็นมือที่สามแย่งเวทัสไปฉันก็คงคบกับเวทัสไปตั้งนาน แล้วเธอคิดดูคนแบบนี้ฉันจะยังทนเป็นเพื่อนกับเขาได้ยังไง กัน?”

การพูดที่กลับคนถูกเป็นคนผิดนี้ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องอย่าง บาร์นี่โมโหมากยิ่งขึ้น

“แท้จริงแล้วปาณีเป็นคนแบบนี้เองหรอกหรอ!น่ากลัว จริงๆติรยาเธอต้ออยู่ห่างจากผู้หญิงคนนี้ให้มากๆนะ”

ตอนที่12

“หะ?”ปาณีไม่คิดว่าธามนิธิจะถามคำถามนี้ “คุณอาทำไม ถึงถามแบบนี้ล่ะคะ?”

ธามนิธิมองเธออย่างนิ่งๆ ไม่มีอะไรแค่เพิ่งนึกขึ้นได้

เฉยๆ”

คงคิดมากไปเองสินะ

ธามนิธิสายหัวกับความคิดของตัวเอง

ปาณีที่กำลังคิดหาข้ออ้างก็ถอนหายใจโล่งอกไปที่

ปาณีหายไข้แล้วหลังจากได้รับการดูแลอย่างดีจากคนใน บ้านวิสิทธิ์เวชหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่ธามนิธิกลับมาถึง เมืองชยุดเขาก็ยุ่งจนไม่เห็นแม้แต่เงาปาณีรู้สึกเหงาจึง ตัดสินใจหางานทำ

หลังจากที่เธอเสิร์ชหางานพาร์ทไทม์ในอินเทอร์เน็ตแล้ว เธอก็ได้งานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ที่ตั้งของร้านอาหารนี้อยู่ในย่านธุรกิจที่หรูหราเนื่องจาก การตกแต่งภายในร้านดูดีอย่างมีระดับบวกกับราคาอาหาร ที่ค่อนข้างแพงที่นี่จึงไม่ค่อยมีลูกค้ามากนักดังนั้นงานของ ปาณีจึงค่อนข้างสบายไม่เหนื่อยมาก

วันนี้ในขณะที่เธอกำลังเก็บโต๊ะหลังจากลูกค้าเช็กบิลเธอ ก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอ

“ปาณี!”

ปาณีหันกลับไปมองที่แท้ก็เป็นติรยานั่นเอง!

หลังจากวันนั้นที่ได้รับความอัปยศอดสูจากบ้านของติร ยาปาณีก็ไม่ได้ติดต่อกับติรยาอีกเลยและไม่อยากมีความ สัมพันธ์ใดๆกับติรยาอีก

มีผู้หญิงสองคนตามติรยามาด้วยคือคนที่เรียนโรงเรียน เดียวกันพวกเธอรู้จักกันหมด

เธอกัมหน้าลงไม่อยากสนใจแต่พวกเขาก็ได้เดินมาหยุด อยู่ตรงหน้าของเธอพร้อมกับพูดว่า”ปาณีเธอทำงานอยู่ที่ นี่เองหรอ?”
คนที่พูดประโยคนี้คือบาร์นี่เธอเป็นเน็ตไอดอล

สิ่งที่ทำให้ปาณีจำเธอได้ดีที่สุดคือดิรยามักจะนินทาเธอ ให้ฟังบ่อยๆบอกว่าเธอศัลยกรรมมาบ้างมีเสี่ยคอยเลี้ยงดู บ้าง

พอได้ยินเรื่องพวกนี้เยอะเข้าปาณีจึงมีอคติต่อคนคนนี้

เล็กน้อย

แต่วันนี้กลับเห็นบาร์นี่และติรยาควงแขนกันมาอย่างสนิท สนมและยืนอยู่ด้วยกันทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ติรยาไม่ได้เกลียดบาร์นี่มากหรอกหรอ?

ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นเพื่อนสนิทไปได้ล่ะ?

แม้เธอมีความสงสัยแต่ปาณีก็ไม่ได้แสดงอาการออกมา เพียงแต่พยักหน้าตอบพวกเธออย่างเย็นชาหลังจากนั้น เธอก็ยื่นเมนูไปให้พวกเธอพร้อมกับถามว่า “ต้องการสั่ง อาหารอะไรคะ?”

ติรยารับเมนูมาแววตาของเธอเต็มไปด้วยความดูหมิ่นและเยาะเย้ย

เธอตั้งใจพูดว่า”ปาณีเธอไม่ได้ทำงานอยู่ที่เมืองชลธี หรอกหรอทำไมถึงมาอยู่เมืองชยุตได้ล่ะ?ยังมาทำงานอยู่ ที่นี่อีก?”

คำพูดที่ดูเหมือนห่วงใยทำให้คนอื่นฟังไม่ออกเลยว่าทั้ง สองคนได้ทะเลาะกันจนมองหน้าไม่ติดแล้ว

ปาณีก็เพิ่งรู้ธาตุแท้ของดิรยาว่าเป็นยังไงพฤติกรรมของ เธอตอนนี้แสดงให้เห็นถึงการแสดงของเธอนั้นยอดเยี่ยม จริงๆ!ถ้าไม่เป็นเพราะว่าวันนั้นเวทัสโผล่มาปาณีก็จะไม่มี ทางรู้เลยว่าเธอเป็นคนแบบนี้

พอเธอคิดแบบนี้น้ำเสียงของเธอก็ยิ่งเย็นชามากขึ้น”ทุก ท่านไม่ทราบว่าจะสั่งอาหารอะไรคะถ้ายังไม่พร้อมอีกสัก ครู่ฉันค่อยมารับออเดอร์ค่ะ”

หลังพูดจบเธอกำลังจะหันหลังเดินออกไป

“นี่!รอก่อน!”ติรยารีบคว้าแขนเธอไว้”ปาณีอย่าเพิ่งไปสิ พวกเราก็เพิ่งเคยมาร้านอาหารนี้เป็นครั้งแรกเราก็ไม่ค่อย คุ้นเคยกับเมนูอาหารที่นี่ในร้านมีอะไรอร่อยบ้างแนะนำเราบ้างสิ?”

แม้ปาณีจะไม่พอใจที่ต้องไปสนใจพวกเธอแต่ถึงยังไงสิ่ง นี้ก็เป็นงานของเธอเธอจึงต้องแนะนำเมนูอาหารให้กับพวก ติรยาเหมือนลูกค้าคนอื่นๆ

ขณะที่เธอกำลังแนะนำเมนูของทางร้านบาร์นี่ที่นั่งอยู่ ข้างๆก็พูดขึ้นว่า”ปาณีได้ข่าวว่าเธอโดนเวทัสทั้งหรอ?”

นี่ไม่พูดยังดีแต่เธอพูดแล้วทำให้ปาณีโมโหอย่างมาก

เธอมองติรยาเห็นคนที่ยังทำตัวไม่รู้เรื่องอะไรนั่งดูเมนู

อาหารอยู่

ปาณีรู้สึกทึ่งกับความหน้าด้านของกิยาคนนี้

“ฉันกำลังถามเธอทำไมไม่ตอบ?”บาร์นี่รับไม่ได้ที่คนอื่น เมินเธอจึงรีบพูดว่า “ฉันนึกว่าบ้านเธอจะมีเงินสักอีกเห็นเป็น เพื่อนกับติรยาที่ไหนได้ต้องมาทำงานอยู่ร้านอาหารแบบนี้”

ทำงานที่นี่แล้วทำไมล่ะ?
ฉันทำงานหาเงินด้วยมือเท้าของตัวเองแล้วมันผิดตรง ไหน?

ปาณีจ้องหน้าบาร์นี่พูดอย่างจริงจังว่า”บ้านฉันไม่มีเงิน สามารถเป็นเพื่อนกับคนอย่างคุณหนูติรยาได้นั่นเป็นเพราะ ฉันโชคร้ายไปเหยียบก้อนขี้หมาเข้าและตอนนี้เป็นเวลา งานของฉันถ้าพวกคุณต้องการจะถามคำถามเกี่ยวกับเรื่อง ส่วนตัวขอโทษด้วยฉันไม่มีเวลามากพอที่จะมาถูกเถียงกับ พวกเธอ”

ครั้งนี้เธอไม่สนใจการรั้งให้เธออยู่ต่ออันจอมปลอมของติ รยาอีกหันหลังแล้วเดินจากไปบริการลูกค้าท่านอื่นต่อ

บาร์นี่พูดด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น”ฉันรู้สึกว่าปาณี ทำตัวประหลาดจริงๆฉันว่านะเวทัสทิ้งเธอไปเพราะว่าบ้าน เธอต้องจนมากแน่ๆเลย!”

ตอนที่11

เมื่อเห็นแววตาของฐิติพรที่จ้องมองมายังปาณีอย่างไม่วางตาจัน วิภาจึงนึกขึ้นได้ว่าเธอยังไม่ได้แนะนำปาณีกับท่านทั้งสองอย่างเป็น

ทางการเลย

จึงพูดว่า”แม่คะนี่ปาณีค่ะ”

ฐิติพรหัวเราะชอบใจพร้อมกับพูดว่า”หน้าตาน่ารักสดใสเชียวมิน่า

ล่ะลูกธามของเราจึงชอบขนาดนี้”

ปาณีหน้าแดงเพราะความเขินอายรีบกล่าวว่า”สวัสดีค่ะคุณป้า”

“ยังจะเรียกป้าอะไรอีกไหนๆก็แต่งงานกับลูกธามแล้วก็เรียกแม่สี”

“…”ปาณีเขินอายเล็กน้อยรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถพูดคำนี้ออก

ไปได้

เมื่อเห็นเธอมีความตื่นเต้นธามนิธิจึงยื่นมือออกไปกำมือเธอไว้พูด ด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นว่า”เรียกพ่อแม่สิ”

ปาณีรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ไหลเข้ามาในมือของเธอดั่งสายน้ำ ความตื่นเต้นก็ค่อยๆหายไป

เธอพูดอย่างเขินอายว่า”คุณพ่อคุณแม่”

“จ้า!”คุณชัยพรและคุณฐิติพรหัวเราะอย่างชอบใจ
เมื่อเรียกพ่อแม่แล้วก็ถือว่าท่านทั้งสองได้ยอมรับลูกสะใภ้คนนี้

แล้ว

บนโต๊ะอาหารคนทั้งครอบครัวพูดคุยกันอย่างสนุกสนานทั้งเรื่องที่ มีสาระและไร้สาระ

ฐิติพรมีความแปลกใจในตัวปาณีมากจึงถามเธอว่า”ปาณีลูกอายุ เท่าไหร่แล้วจะ?”

ใจจริงของปาณีอยากตอบว่า18แต่กลัวทำให้คนในบ้านวิสิทธิ์เวช นี้ตกใจเธอจึงบอกอายุตามบัตรประชาชนของเธอไป “อีกไม่กี่เดือน ก็จะครบ20ปีแล้วค่ะ”

“อายุยังน้อยอยู่เลย”ฐิติพรอมยิ้มเธอเด็กว่าลูกชายตัวเองถึง8,9ปี

เชียว

“ยังเรียนอยู่ใช่ไหมจ้ะ?”

“ใช่ค่ะกำลังจะเข้ามหาลัยค่ะ”

“แล้วสอบติดมหาลัยไหนล่ะจ้ะ?”

“มหาวิทยาลัยชยุตค่ะ”

มหาวิทยาลัยชยุต!แม้จะไม่ใช่มหาลัยที่ได้ท็อป1,2แต่นั่นก็เป็น

มหา

ลัยที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศเลยเชียวนะ
ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คนรอบข้างชอบเธอ เท่านั้นยังเป็นเด็กฉลาดหัวไวอีกด้วยสินะ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฐิติพรก็ยิ่งชอบเธอเข้าไปอีก

จันวิภาที่นั่งข้างๆได้ยินถึงขั้นทำตาเป็นประกาย “ดีจังเลยเวทัสก็ สอบเข้ามหาวิทยาลัยชยุตเหมือนกันแบบนี้ก็ดีสิเธอสองคนจะได้ ช่วยกันดูแลได้

ปาณีนั่งอึ้งไป

เธอยังจำได้ว่าตอนนั้นที่ตัดสินใจสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย ชยุตนั่นเป็นเพราะว่าเธอกับเวทัสได้สัญญากันไว้ว่าจะไปเรียนที่ มหาวิทยาลัยนี้ด้วยกัน

แต่ตอนนี้

“ละปาณีจบมัธยมที่โรงเรียนไหนจ้ะ?”

ปาณีได้สติจึงตอบว่า “หนูจบจากโรงเรียนมัธยมชญตว์ค่ะ”

“ห้ะจบจากโรงเรียนเดียวกันกับเวทัสหรอกหรองั้นหนูรู้จักกับเวทั

สไหมจ๊ะ”

ปาณีโดนถามคำถามแล้วคำถามเล่าจนเหงื่อที่เริ่มแห้งก็ไหลลงมา

อีก

เธอกับเวทัสไม่เพียงแต่รู้จักกันแต่ยังเคยคบกันอีกด้วย!
แต่เรื่องพวกนี้จะให้คนในบ้านวิสิทธิ์ เวชรู้ได้ยังไงกันล่ะ?เธอจึง ต้องโกหกออกไปอย่างระมัดระฆัง”ไม่รู้จักค่ะปกติก็ไม่ค่อยได้สนใจ เท่าไหร่

“ก็ใช่นะปาณีเป็นเด็กดีตั้งใจเรียนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ก็เป็นเรื่อง ปกติ”จันวิภาพยักหน้า”ได้ข่าวว่าตอนอยู่โรงเรียนเว

ทัสเคยคบผู้หญิงคนหนึ่งเห้อเด็กสมัยนี้แก่แดดจริงๆ”

ปาณียิ้มแห้งๆอย่าอึดอัดไม่สามารถรับคำพูดนี้ได้จริงๆ

ธามนิธิขมวดคิ้วพูดว่า “ยังไม่กินข้าวอีกหรอ?”

ความหมายโดยนัยของประโยคนี้คือกินข้าวเยอะๆแล้วอย่าพูด มากอย่าคิดหาเรื่องเมียของเขา!

จันวิภาพูดอย่างรู้ทันว่า “เห้อน้องชายโตแล้วสิพี่สาวอย่างฉันก็ยุ่ง

ไม่ได้ละเดี่ยวนี้ยังรู้จักหวงเมียตัวเองอีก”

เธอพูดจนปาณีหน้าแดงขึ้นมาอีกรอบ

หลังจากรับประทานอาหารปาณีก็ขึ้นไปชั้นบนกับธามนิธิ

หลังจากเข้าไปในห้องเธอก็รีบเอาอังเปาซองใหญ่3ซองออกจาก กระเป๋าของเธอให้กับธามนิธิ

“คุณอานี่คืออั่งเปาที่คุณพ่อคุณแม่ละก็พี่สาวให้มาหนูดูแล้วจำนวนเงินค่อนข้างมากหนูไม่เก็บไว้จะดีกว่า”

ธามนิธิมองเธอแวบหนึ่งไม่ได้รับซองมา”พวกเขาให้เธอก็รับไว้

เถอะ”

“อย่างนี้จะดีหรอคะ?”

“ไม่มีอะไรที่ไม่ดีหรอก”ธามนิธิพูด”ในเมื่อเธอก็แต่งงานกับฉันแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เธอสมควรจะได้รับ

คำพูดที่บอกว่าเธอสมควรจะได้รับหากปาณีไม่รับไว้ก็แสดงว่าเธอ ไม่ได้มองว่าเขาเป็นสามีของเธอ

ปาณีจึงรับอั่งเปานี้ไว้

ขณะที่เธอกำลังเก็บอั่งเปาเข้ากระเป๋านั้นธามนิธิถามด้วยน้ำเสียง เรียบนิ่งว่า”เธอกับเวทัสรู้จักกันใช่ไหม?”

ตอน ที่ 10

เวนัสยนlงเหมือแตนโตฟ้ามามองดูปานอย่างไม่วางตา

จันากาตบไหล่ลูกชายตัวเองพูดอย่างประหลาดใจว่า”เด็กบ้าน นิ่งอยู่ทำไม?ยังไม่รับทักทายอีก?”

เวนัสที่เพิ่งรู้สึกต้าไปทางปากพร้อมพูดว่า”อย่าบอกนะว่าเธอคือ น้าสะใภ่!”

จันวิภาตบท้ายทอยลูกชาย”นั่นปาณีน้าสะใภ้ของลูกยังจะไม่ ทักทายอีก?”

ปกติเวนัสเป็นคนที่อ่อนโยนและมีมารยาททำไมวันนี้เหมือนคนสติ ไม่ดีไม่มีมารยาทเลยไม่ว่าจันวิภาจะรักลูกชายขนาดไหนแต่เมื่ออยู่ ต่อหน้าน้องชายที่พิการคนนี้เธอก็กลายเป็นคนใจร้อนกลัวเวนัสจะ ไร้มารยาทแล้วทำให้ธามนิธิไม่สบายใจ

และจะยิ่งทำให้ปาณีรู้สึกว่าคนบ้านนี้ไม่ชอบเธอ

ถ้าทำให้ปาณีไม่พอใจแล้วหนีไปจะทำยังไง

เวนิสไม่สามารถเรียกคำว่าน้าสะใภ้ออกไปได้เขาคิดไปคิดมาจึง อ้างว่า”ดูๆไปแล้วอายุเธอน้อยกว่าผมอีก!”

ความเป็นจริงเธออายุน้อยกว่าแค่2เดือนเหอะ!

“ไม่ว่าอายุจะน้อยแค่ไหนเขาก็เป็นน้าสะใภ้ลูกเล่าดับอาวุโสในบ้านเป็นแบบนี้บอกให้เรียกน้าสะใภ้ก็เรียกซะดีๆ”

จันวิภาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้เวนิสถึงเป็นแบบนี้ไปได้ทำไมถึงไม่ ยอมทักทายน้าสะใภ้

เธอเดินเข้าไปกระซิบหูลูกชายว่า”ลูกอยากทำให้น้าของลูกโกธร

ใช่ไหม?”

เวนัสได้ยินเช่นนี้ในใจของเขากระวนกระวายมากขึ้น

เขาจึงตัดสินใจสะบัดแขนแล้วเดินออกไปเลย

จันวิภาโกธรจนหน้าชาเธอยิ้มแล้วพูดกับปาณีว่า”ปาณีจัะอย่าไป ใส่ใจเลยนะเวนัสเป็นคนขี้อายไม่ได้ตั้งใจเป็นศัตรูรูกับหนูนะเราทั้ง ครอบครัวยินดีต้อนรับหนูมากๆนะจ๊ะ”

ปาณีรู้ดีว่าทำไมเวนถึงไม่ยอมเรียกเธอว่าน้าสะใภ้เธอจึงไม่

โวยวายอะไร

เพราะว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเวนิสหากพูดออกไปทุกคน

จะอึดอัดใจมากกว่า นี้

เพราะฉะนั้นปิดเรื่องนี้ไว้จะดีกว่า

เธอพยักหน้าตอบว่า”ไม่เป็นไรค่ะพี่สาวหนูไม่ได้ถือสาอะไรค่ะ”

จันวิภาจับมือเธอด้วยความปีติยินดีว่า”ปาณีหนูช่างเป็นเด็กดี

จริงๆ”
ดีกว่านลินคนนั้นหลายเท่า!

ปาณีหน้าแดงจากความเขินอายที่ถูกชมเมื่อกี้เธอไม่คิดเลยว่า พี่สาวของธามนิธิจะใจดีขนาดนี้แม้ภายนอกจะเป็นสาวแกร่งแต่ แท้จริงแล้วใจเธอมีความเมตตามาก

ไม่มีความกดดันรังแกเหมือนในภาพที่เธอคิดไว้เลย

นี่สินะถึงเป็นคุณสมบัติของลูกคนรวยที่แท้จริง

นึกถึงคำพูดของธามนิธิที่บอกเธอว่าคนบ้านเขาเป็นมิตรมากตอน แรกเธอยังคิดว่านั่นเป็นคำปลอบใจของเขาแต่ตอนนี้ปาณีกลับเชื่อ คำพูดเหล่านั้นแล้ว

ขณะที่พวกเขาพูดคุยเรื่องจิปาถะกันคุณชัยพรและคุณฐิติพรก็น่า อาหารที่พวกท่านทำเสร็จแล้วมาวางไว้บนโต๊ะทีละจาน

มองดูพวกท่านสองคนที่ใส่ผ้ากันเปื้อนไว้เสื้อผ้าเต็มไปด้วยควัน จากการทำอาหารดูแล้วไม่เหมือนท่านประธานและคุณนายของ บริษัทข้ามชาติที่โด่งดังเลย

ปาณีเห็นภาพเช่นนี้ใจของเธอได้ลืมความตื่นเต้นเหล่านั้นไป

มองดูครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันนี้ทำให้เธอคิดถึงครอบครัว ที่แตกสลายของเธอทำให้เธออิจฉาเขายิ่งนัก

“ปาณีมานั่งนี่สิลูก”
คุณฐิติพรชวนปาณีไปนั่งบนโต๊ะอาหาร

ตั้งแต่วินาทีที่เธอเห็นหญิงสาวที่น่ารักและเรียบร้อยคนนี้เธอก็รู้สึก ประทับใจในตัวเธอ

ปาณีรีบเดินเข้าไปแต่กลับโดนธามนิธิที่อยู่ข้างๆเธอจับแขนไว้”นั่ง ข้างๆผม”

“อ่อได้ค่ะ”

ปาณีเดินไปนั่งข้างๆธามนิธิอย่างว่านอนสอนง่าย

คุณฐิติพรเห็นภาพเช่นนี้ทำให้เธอมีความสุขมากๆใบหน้าของเธอ เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุรามนิธิปฏิเสธที่จะให้คนอื่นเข้าใกล้ แม้แต่คนในครอบครัวเข้าใกล้เขาก็รู้สึกไม่พอใจ

แต่วันนี้เขากลับบอกให้ปาณีนั่งข้างๆเขาคงจะชอบเธอมากจริงๆ

ตอนที่9

เมื่อใกล้ถึงเมืองชยุตปาณีที่หลับมาตลอดทางก็ตื่นสักที

เมื่อใกล้ถึงเมืองชยุดขึ้นทุกที่ปาณีจึงรู้สึกดื่นกลัวเธอจับแขนเสื้อ ของธามนิธิพร้อมกับพูดว่า”คุณอาหนูไม่ต้องเตรียมของขวัญไปจริง หรอคะ?”

กลับไปบ้านสามีครั้งแรกไม่มีของขวัญติดไม้ติดมือดูเหมือนจะไม่

ค่อยมีมารยาทนะ

ธามนิธิลูบหัวเธอเบาๆพร้อมกับพูดว่า”ไม่ต้องลำบากหรอกเธอ กลับมาด้วยก็ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้ว”

ประโยคเดียวแต่ทำให้ปาณิหน้าแดงไม่น้อย

อีกทั้งยังช่วยคลายความกังวนตื่นเต้นของเธอลงได้

“คุณธามนิธิถึงแล้วครับ”

ไวยาตย์ที่เป็นคนขับรถพูดขึ้นมาเมื่อรถจอดอยู่หน้าคฤหาสน์แห่ง

หนึ่ง

ปาณีมองออกไปยังนอกหน้าต่างสิ่งที่เธอมองเห็นเป็นภาพที่เห็น ได้ในละครเท่านั้นคฤหาสน์ที่เก่าแก่หรูหราตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า

ของ

เธอเธอตกใจอย่างมากเธอลงจากรถตามธามนิธิเข้าไป
ปาณีมองออกไปยังนอกหน้าต่างสิ่งที่เธอมองเห็นเป็นภาพที่เห็น ได้ในละครเท่านั้นคฤหาสน์ที่เก่าแก่หรูหราตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า

ของ

เธอเธอตกใจอย่างมากเธอลงจากรถตามธามนิธิเข้าไป

จันวิภาที่รอคอยพวกเธอมาตั้งนานเมื่อรู้ว่าทั้งคู่มาถึงแล้วเธอจึงรีบ ออกไปต้อนรับ

“ธามนิธิพวกเธอมาถึงสักที”

เธอเดินมาเข็นรถเข็นของธามนิธิด้วยความใส่ใจสายตาของเธอ เหลือบไปเห็นหญิงสาวที่อยู่ข้างๆของชายหนุ่ม

พอเธอเห็นหญิงสาวในชุดเดรสยาวสีขาวยืนอยู่ตรงนั้นเส้นผมเงา ดำที่ยาวถึงเอวหน้าตาน่ารกสดใสบนใบหน้ามีความเขินอายเล็ก น้อยทำให้เธอชอบเด็กคนนี้ตั้งแต่แรกพบ

จันวิภาพด”หนูก็คือปาณีใช่ไหมจ๊ะ?”

สำหรับหญิงสาวที่ไม่รังเกียจที่น้องชายตัวเองพิการอีกทั้งยังยอม แต่งงานกับเขาจันวิภาชอบเธอมากบวกกับเธออายุใกล้เคียงกับ ลูกชายของตัวเองจันวิภามองเธอด้วยสายตาที่รักและห่วงใย

“สวัสดีคะพี่สาว”

ธามนิธิแนะนำให้ปาณีรู้จักครอบครัวของเขาอย่างคร่าวๆตั้งแต่อยู่ ในรถแล้วตอนนี้เธอเลยเรียกออกไปอย่างคุ้นเคยว่า “พี่สาว”
จันวิภายิ้มรับ”เป็นเด็กดีจริงๆ”

เพราะเธออายุมากกว่าธามนิธิถึง10ปีสำหรับเธอแล้วธามนิธิ

เปรียบเสมือนลูกชายของเธอด้วย

แต่ตอนนี้ธามนิธิต้องมาเจอเรื่องร้ายๆเหล่านี้เธอก็รู้สึกเจ็บปวดใจ

เช่นกัน

เพราะฉะนั้นการที่ปาณีหญิงสาวธรรมดาแต่งงานกับธามนิธิเธอไม่ คัดค้านใดๆขอแค่ธามนิธิมีความสุขเขาจะทำอะไรก็ได้

เธอเก็บความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้ในใจพร้อมพูดว่า “ในเมื่อกลับมา แล้วก็อย่ายืนอยู่หน้าบ้านเลยเราเข้าบ้านกันเถอะ”

หลังจากพูดจบเธอก็เดินเข็นรถเข็นเข้าบ้านไป

ปาณีเดินตามหลังไปติดๆ

พอรู้ว่าธามนิธิจะกลับมาบ้านพ่อแม่ของเขาก็แย่งกันทำกับข้าวอยู่

ในครัว

ตอนนี้มีเพียงแต่ลูกชายของจันวิภาเท่านั้นที่นั่งเล่นมือถืออยู่ใน

ห้องรับแขก

จันวิภาไปถึงก็ตะโกนเรียกลูกชายว่า “ลูกน้าของลูกกลับมาแล้วจ้ะ

มาทักทายเร็ว”
พอได้ยินคนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็เก็บมือถืออย่างว่านอนสอนง่ายเดิน มาหยุดอยู่หน้าธามนิธิแล้วพูดว่า”สวัสดีครับคุณน้า”

ปาณีที่ยืนอยู่หลังธามนิธิพอได้ยินเสียงนี้เธอถึงกับตกใจ

เธอเงยหน้าขึ้นมอง

หลังจากเห็นชัดแล้วว่าคนตรงหน้าคือใครเธอยืนอึ้ง

เวนิส?

ทำไมถึงเป็นเขาไปได้

เวนัสที่อยู่ตรงหน้าก็ยังคงเหมือนวันนั้นวันที่อยู่หน้าบ้านของติรยา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวยืนสูงสง่าอยู่ตรงนั้น

เธอมองไปทางเขาอย่างนิ่งๆไม่เคยคิดเลยว่าเวนัสจะเป็นหลาน

ชายของธามนิธิ

แต่คนที่ดูตกใจมากกว่าปาณีคือเวนิสในใจของเขารู้สึกประหลาด

ใจไม่ต่างจากเธอ

แม้ว่าจะเลิกกับปาณีอย่ากะทันหันแต่ในใจของเขาก็ยังชอบเธอ อยู่ไม่มากก็น้อย

ที่เลิกกันในตอนนั้นเป็นเพราะความโกธรที่ปาณีไม่ใส่ใจเขาแต่วัน นี้กลับเห็นเธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาจึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ทำไมเธอถึงมาโผล่ในบ้านวิสิทธิ์ เวชได้?

และยังโผล่มาพร้อมกับน้าของเขา?

หรือว่าเธอจะเป็นเจ้าสาวของน้าชายน้าสะใภ้ของเขา?!

ตอนที่8

รถมาจอดอยู่ด้านหน้าของคฤหาสน์

ก่อนปาณีจะลงจากรถเธอจัดการผมเผ้าที่ฟูของเธอเสียก่อนแล้ว

จึงค่อยตามลงไป

ในคฤหาสน์มีธามนิธิอยู่คนเดียว

ปาณีมองไปยังธามนิธิที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างเห็นแผ่นหลังที่โดดเดี่ยว นั้นเธอรู้สึกเหมือนหัวใจโดนบีบรัดแน่นคิดถึงตัวเองที่เพิ่งหนีออก มาจากบ้านจากนี้เป็นต้นไปเธอก็คงต้องโดดเดี่ยวแบบนี้เหมือนกัน ทำให้เธอรู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที

ยังดีที่เธอยังมีคุณอาคนนี้อยู่ด้วย

เธอฝืนยิ้มอย่างแห้งเดินเข้าไปแล้วพูดว่า”คุณอาฉันกลับมาแล้ว

ค่ะ”

ธามนิธิหันหน้ากลับมายิ้มให้เธอ

เขาหุบยิ้มทันทีเมื่อเห็นรอยแผลบนใบหน้าของเธอ

“หน้าของเธอไปโดนอะไรมา?”

ปาณีรีบก้มหน้าก้มตาเอามือปิดหน้าไว้”ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ….”
“โดนตบมาหรอ?”

“อืมม…”เธอพูดอย่างอึดอัดว่า”โดนแม่ตบมา”

ธามนิธิเอามือกำรถเข็นไว้แน่น

ปาณีเลยบอกว่า”แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะโดนแม่ตีเป็นเรื่องปกติมาก ตอนเด็กหนูซนมากเลยโดนตีบ่อยๆเหมือนกัน…”

เธอพยายามทำตัวเหมือนไม่ได้สนใจอะไรแต่สายตาของเธอกลับ

ทรยศเธอ

ธามนิธิพูดเสียงแข็ง”มานี่!”

ปาณีเดินเข้าไปหาธามนิธิอย่างว่านอนสอนง่ายนั่งลงอยู่ข้างๆรถ เข็นของเขาเธอเงยหน้าขึ้นมองเขาดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตากำลัง มองไปยังชายที่อยู่ตรงหน้า

ธามนิธิก้มตัวไปเช็ดน้ำตาให้เธอ”ครั้งนี้ก็แล้วไปถ้าครั้งหน้ามีคน กล้าแตะต้องเธออีกไม่ว่าจะเป็นพ่อเธอหรือแม่เธอฉันไม่มีทางปล่อย ไว้แน่ๆ”

“คุณอา….”ใจที่หนาวเย็นของปาณีรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

ไวยาตย์ที่ยืนดูอยู่ตั้งนานเดินออกจากห้องรับแขกไป

เขากลัวถ้ายังขึ้นยืนอีกต่อไปคุณธามนิธิจะด่าเขาไม่รู้กาลเทศะมา

อยู่เป็นก้างขวางคอทำไม
เขาถึงขั้นขนลุกนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคุณธามนิธิดีกับผู้หญิง ขนาดนี้

ธามนิธิที่ปกติเป็นคนเงียบๆไมพูดไม่จาแต่ในใจกลับเป็นคนที่

อบอุ่นขนาดนี้

“พรุ่งนี้กลับเมืองชยุตกับฉัน”

เมืองชยุต?นั่นเป็นบ้านเกิดของธามนิธิหนิ!

ปาณีรู้สึกตกใจเล็กน้อยธามนิธิเห็นสีหน้าของเธอพูดด้วยน้ำเสียง ที่ไม่ค่อยพอใจว่า”ทำไมไม่อยากไปกับฉันหรอ?”

“ท่ำไมจะไม่อยากไปล่ะคะฉันแค่….กลัวว่าคนอื่นจะไม่ชอบ

ฉัน..”

บ้านวิสิทธิ์เวชเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงร่ำรวยระดับประเทศถ้าฉัน กลับไปบ้านนั้นจะโดนแกล้งหรือเปล่า?

หญิงสาวที่อายุยังน้อยคนนี้ก็คงจะเคยดูละครเกี่ยวกับตระกูลที่ ร่ำรวยไม่มากก็น้อยแม่สามีในละครนั้นไม่บอกก็รู้ว่าร้ายแค่ไหน ปากกลัวว่าหากเธอไปบ้านวิสิทธิ์เวชแล้วเธอจะโดนแม่สามีรังแก ทุกวัน

ชีวิตตอนนั้นคงต้องอยู่อย่างทรมานเหมือนตายทั้งเป็น
ธามนิธิเดาออกว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่หัวเราะบอกเธอว่า”ไม่ ต้องกดดันหรอกทุกคนในครอบครัวฉันเป็นมิตรดี”

ปาณีหน้าแดงพูดด้วยเสียงเบาว่า”อิ่มงั้นฉันกลับกับคุณก็ได้”

เพราะยังไงเธอก็ได้แต่งงานกับเขาแล้วแต่งกับใครก็ต้องตามเขา คนนั้นไปสุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่าแต่งกับหมาก็เหมือนหมาแต่งกับไก่ก็ เหมือนไก่กลับเมืองชยุตก็กลับสิจะกลัวอะไร

เพราะว่าปาณียังไม่หายจากไข้ระหว่างทางกลับเมืองชยุตเธอจึง หลับตลอดทาง

ธามนิธิที่อยู่ข้างๆนอกจากต้องดูแลเธอแล้วยังต้องรับสายที่โทรมา จากบ้านวิสิทธิ์เวชไม่หยุด

พอได้ยินว่าธามนิธิจะกลับเมืองชยุตคนในบ้านวิสิทธิ์เวชก็ดีใจกัน

มาก

โดยเฉพาะหลังเกิดเรื่องกับธามนิธิคนที่บ้านก็เป็นห่วงเขามาก

“ธามนิธิถึงไหนแล้ว?”

“นี่เป็นสายที่ห้าแล้วนะ”ธามนิธิพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย พร้อมกับขมวดคิ้ว

“ก็พี่เป็นห่วงเธอไง”จันวิภาคู่สายพูดด้วยความห่วงใย”ได้ข่าวว่าจะ พาภรรยากลับมาด้วยหรอ? รีบๆพากลับมาล่ะทุกคนอยากเจอ”
“อย่าทำให้เธอตกใจกลัวก็แล้วกัน”ธามนิธิพูดพร้อมเอาปัดผมที่อยู่ ตรงแก้มของปาณีดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น

“ห่วงใยขนาดนี้ต้องเจอเธอสักหน่อยแล้ว”

จันวิภาพูดสายอีกสักครู่เธอกลัวจะทำให้ธามนิธิรำคาญเลยวาง สายไปก่อน

หูของธามนิธิได้พักสักทีหลังจากที่รับสายมาทั้งวันเขายื่นมืออกไป ตบหลังของปาณีด้วยความเบามือ

ปาณีนอนหนุนตักของเขาหลับลงอย่างง่ายดาย

ตอนที่ 7

“อย่าใสใจคำพูดของไวยาตย์เลยนะ”

ปาณีไม่ได้พูดอะไรมือที่กำผ้าห่มนั้นแน่นยิ่งขึ้นตาเริ่มแดงก่ำ

ธามนิธิเห็นดวงตาของปาณีเลยพูดว่า “อยากร้องไห้ก็ร้องออกมา เถอะอยู่ต่อหน้าฉันไม่ต้องเข้มแข็งก็ได้”

เพียงเพราะประโยคนี้ประโยคเดียวก็ทำให้ปาณีที่กลั้นน้ำตาตั้ง นานหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่ขาดสาย

“คุณอาหือๆๆๆ”

ปาณีร้องไห้นานมากร้องไห้จนสะอึกแล้วยังร้องต่อไม่หยุดธามนิธิ เห็นเธอร้องไห้หนักมากฝ่ามือของเขาค่อยๆลูบหลังของเธอแม้จะ ไม่มีคำพูดใดๆแต่ปาณีก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่มีให้ยิ่งทำให้เธอ ร้องไห้หนักเข้าไปอีก

ปาณีเป็นแค่เด็กอายุ18เป็นวัยที่สดใสไร้ความกังวลยังไม่สามารถ ควบคุมอารมณ์ของตนเองได้

ไม่มีคนปลอบใจยังดีหน่อยยิ่งมีคนปลอบใจก็ยิ่งปล่อยโฮออกมา

ธามนิธิเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็รู้สึกปวดใจ
ตอนแรกยังสงสัยว่าทำไมปาณีต้องมายืมเงินกับเขาแต่หลังจาก ได้ยินไวยาตย์เล่าเรื่องครอบครัวของเธอแล้วเขาก็เข้าใจแล้วว่าคน ที่บ้านเธอปฏิบัติกับเธออย่างไร

ตอนนี้เธอได้แต่งงานกับเขาแล้วแน่นอนว่าธามนิธิจะไม่ให้เธอต้อง ลำบากแบบนี้อีก

ไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานแค่ไหนปาณีหยุดร้องจนได้และหยิบทิชชูขึ้น

มาซับน้ำตา

เธอหลบอยู่ในผ้าห่มรู้สึกเกรงใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของธา

มนิธิ

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นอย่างหนักแบบนี้

เธอแอบมองธามนิธิแวบหนึ่งเห็นว่าเขาไม่สนใจเธอเธอจึงยิ้มออก

มาอย่างสบายใจ

หลังจากนั้นเธอก็กินยาตามที่ธามนิธิสั่งนอนลงใต้ผ้าห่มอย่าง

สบาย

เธอหลับลึกมาก

ตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นเธอนึกขึ้นได้ว่ายังมีของบางอย่างที่เธอลืมไว้ ที่บ้านเช่นพวกโทรศัพท์มือถือที่ต้องไปเอามาเธอจึงไปขอให้ไวยา

ตย์ส่งเธอกลับบ้าน
ทันที่ที่เธอก้าวเข้าบ้านฝนสิริก็ตรงดิ่งมาหาเธอชี้หน้าด่าเธออย่าง แรง “นางลูกไม่รักดีบอกให้เธอแต่งงานก็ไม่ยอมแต่งยังจะหนีตาม ผู้ชายป่าเถื่อนไปอีกไม่กลับมาบ้านทั้งคืน!เธอจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ ที่ไหนน่าขายหน้าจริงๆ”

นึกถือเมื่อวานไวยาตย์พาปาณีออกไปโดยไม่สนคำห้ามปรามของ เธอก็ยิ่งทำให้เธอโมโห

อีกไม่กี่วันปาณีก็จะต้องแต่งงานแล้วเวลาคับขันแบบนี้มาเกิดเรื่อง พวกนี้อีกฝนสิริจะไม่โกธรได้ยังไง?ถ้างานแต่งงานนี้พังเธอต้องเสีย บ้านไปตั้งสองหลังเชียวนะ!

ปาณีไม่สนใจคำดุด่าของแม่เธอเดินตรงเข้าไปในห้องของตัวเอง

ฝนสิริเดินตามหลังเธอไปพร้อมกับพูดว่า”ในเมื่ื่อวันนี้เธอกลับมา บ้านแล้วแม่ก็จะไม่โกธรเธออีกขอแค่เธออยู่ในห้องอีกไม่กี่วันก็ แต่งงานไปโดยดีแม่ก็จะถือว่าเรื่องเมื่อวานไม่เคยเกิดขึ้น….

ปาณีก้มหน้าก้มตาเก็บกระเป๋าของตัวเองต่อไม่สนใจเลยว่าแม่ของ

เธอจะพูดอะไร

พอเห็นปาณีกำลังเก็บของฝนสิริจึงรู้สึกกระวนกระวายใจจึงเข้าไป เอาเสื้อผ้าของเธอโยนลงพื้น

“อะไรอยากหนีออกจากบ้านอีกรึไง?”

“ใช่”ปาณีพูดเสียงแข็งพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเพราะความโกธร”ฉัน

จะออกไปจากบ้านหลังนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเรื่องของหนูหนู จัดการเองไม่ต้องมายุ่ง!”

“ไม่ให้ฉันยุ่ง?ฉันเลี้ยงเธอโตมาอย่างยากลำบากคาดหวังว่าเธอจะ ทำให้ฉันภูมิใจสักบ้าง!แต่ดูเธอสิไม่เคยทำให้ฉันภูมิใจแล้วตอนนี้ยัง จะทิ้งพ่อแม่ไว้หนีไปอีกจะเป็นลูกอกตัญญูใช่ไหม? เธอจะไปก็ได้! แต่เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ฉันเลี้ยงเธอโตมาก่อนแล้วค่อยไป!”

ปาณีไม่เคยคิดเลยว่าแม่จะพูดคำพูดพวกนี้ออกมาได้

ใจเธอแตกสลายอีกครั้ง

เธอรู้สึกเจ็บปวดจนไม่สามารถร้องไห้ออกมาได้

“เงิน…ฉันคืนคุณแน่ๆ!”รอให้ฉันเข้ามหาลัยก่อนฉันจะทำงานไป ด้วยเรียนไปด้วยฉันไม่เชื่อว่าจะไม่มีปัญญาคืนเงินก้อนนี้ “ส่วนเรื่อง งานแต่งถ้าอยากแต่งมากคุณก็ไปแต่งเองเลย”

หลังพูดจบเธอลากกระเป๋าเดินทางออกไปข้างนอก

“นี่แก!”ฝนสิริโมโหมากวิ่งไปดีกแขนปาณีตบหน้าเธออย่างแรงเพี้

ยะ!

ปาณียืนอึ้งเมื่อโดนตบ

ฝนสิริมีแรงเยอะมากกำลังจะลากปาณีกลับเข้าไปนกันต์ที่หลบอยู่ก็วิ่งเข้ามาดึงแม่ไว้แล้วบอกกับปาณีว่า”พี่รีบไปที่นี่

ผมจัดการเอง!”

ปาณีไม่ทันคิดอะไรลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากบ้าน

เมื่อถึงหน้าประตูก็เห็นรถของไวยาตย์จอดอยู่หน้าบ้านเธอเปิด ประตูรถขึ้นไปนั่งใจเธอยังเต้นไม่หยุด

ตอนที่6

เช้าวันต่อมาปาณีเก็บกระเป๋าเตรียมตัวย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์

กับธามนิธิ

แต่เมื่อเธอกำลังจะเปิดประตูออกไปกลับพบว่าประตูโดนล็อคจาก ภายนอกเปิดยังไงก็เปิดไม่ออก

ปาณีผลักประตูอย่างสุดกำลังปังปังปัง!

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะเปิดประตู”

มีเสียงของฝนสิริดังมาจากนอกห้องว่า”เธอคิดได้เมื่อไหร่ฉันก็จะ ปล่อยเธอออกมาเมื่อนั้นแหละ”

ปาณีกำหมัดไว้แน่นพูดด้วยความผิดหวังว่า”แม่ใหนูเป็นลูกแม่นะ แม่จะทำกับหนูแบบนี้ไม่ได้!”

“ปาณีแม่ทำเพื่อหวังดีกับลูกนะงานแต่งงานนี้ดีกับลูกแน่นอนขอ แค่ลูกยอมเชื่อฟังแม่ก็จะเปิดประตูให้”

หลังพูดจบเธอก็เดินออกไปเลยโดยไม่สนใจคำขอร้องของปาณี

ปาณีรู้สึกใจหาย

เธอไม่เคยคิดเลยว่าพ่อแม่ของเธอจะปฏิบัติกับเธอแบบนี้
ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อแม่ก็จะบอกให้เธอยอมน้องมาโดยตลอดไม่ว่า จะของกินหรือของเล่นต้องให้น้องเลือกก่อนเสมอ

แต่ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องนี้ดีมาตลอดปาณีจึงไม่คิดอะไร จนถึงตอนนี้เธอถึงเข้าใจว่าตัวเองอยู่ในครอบครัวที่หัวโบราณรัก ลูกชายมากกว่าลูกสาว

เธอพิงประตูอย่างไร้เรี่ยวแรง

ฝนสิริตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะขังเธอไว้ในห้องไม่เพียงแต่ ขังเท่านั้นแม้แต่ข้าวปลาอาหารยังไม่ให้เธอกินอีกปาณีก็ไม่อยาก หน้าด้านไปขอแม่เธอฝืนทนความหิวนอนนิ่งอยู่บนเตียงทั้งวัน

เสียงท้องร้องดังจ๊อกๆเธอกุมท้องตัวเองไว้อย่างหมดเรี่ยวแรง สมองเธอเริ่มเบลอหน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อปาณีม้วนตัวอยู่ ในผ้าห่ม

ไม่รู้ทำไมตอนนี้เธอกลับคิดถึงเวทัส

คิดถึงคนที่ตัวเองชอบคบกับเพื่อนสนิทของตัวเองหัวใจของเธอ

เจ็บปวดสุดๆ

ตาของเธอเริ่มฝ้าฟางจนหมดสติไป…

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนพอเธอตื่นมาอีกทีพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงใหญ่ที่หนานุ่มเธอมองฝ่าเพดานที่ดูดีกว่าห้องตัวเองอย่าง

ใจลอย

ที่นี่ที่ไหน?

เธอพยุงตัวลุกขึ้นนั่งมีความปวดหัวเล็กน้อยเธอหิวจนแทบไม่มี

กำลัง

เธอมองไปรอบๆไม่รู้เลยจริงๆว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออก

พอเห็นคนที่เดินเข้ามาปาณีก็อึ้งไปพักใหญ่ “คุณอา!”

คนที่เดินเข้ามาคือธามนิธิ!

ธามนิธิกำลังเคลื่อนรถเข็นตัวเองเข้ามาไวยาตย์เดินตามมาติดๆ

หลังจากเห็นปาณีตื่นแล้วคิ้วอันเข้มขมวดของธามนิธิก็คายลงเขา เคลื่อนรถเข็นตัวเองมาหยุดอยู่ตรงหน้าปาณีไวยาตย์ยื่นผ้าเช็ดตัว อุ่นมาให้เขาจากนั้นเขาก็ช่วยเช็ดมือของปาณีอย่างระมัดระวัง

ปาณีสัมผัสได้ถึงความร้อนของผ้าเช็ดตัวบนฝ่ามือทำให้เธออุ่นใจ อย่างบอกไม่ถูก

เธอพูดว่า “คุณอาอาไปรับหนูมาที่นี่หรอคะ?ขอบคุณนะคะ”

ธามนิธิพูดเสียงโหดว่า”เธอไม่สบายทำไมไม่ไปหาหมอ?”
ปาณีนั่งนิ่งเธอไม่สามารถพูดออกไปได้ว่าตัวเองโดนแม่ขังไว้ใน ห้องเลยไปหาหมอไม่ได้เธอทำตัวเหมือนไม่สนใจแล้วพูดว่า “แค่เป็น หวัดเฉยๆไม่เป็นไรหรอกค่ะเดี่ยวก็หาย”

“คนที่คิดแบบเธอจนทำให้กลายเป็นโรคร้ายแรงเยอะแยะเธอก็ อายุ18แล้วหัดดูแลตัวเองสักบ้างสิ”ธามนิธิไม่พอใจคำตอบของเธอ อย่างเห็นได้ชัดสายตาที่มองปาณีเต็มไปด้วยความไม่เห็นด้วย

ปาณีหัวเราะออกมา

เธอรู้ว่าธามนิธิดุเพราะเป็นห่วงเธอจึงอ้อนเขาว่า “ค่ะเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ”

ขณะที่กำลังพูดอยู่ท้องของเธอก็ส่งเสียงดังจ๊อกๆ

เธอหน้าแดงสุดๆไม่กล้าสบสายตาธามนิธิ

ธามนิธิไม่ได้ว่าอะไรหันไปพูดกับไวยาตย์ว่า”ไปทำอะไรมาให้เธอ

กินหน่อย

“ครับ”

ไวยาตย์เดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูลง

เขาไม่คิดว่าธามนิธิจะใส่ใจเด็กคนนี้ขนาดนี้

ตามเดิมตกลงกันไว้ว่าสองสามวันนี้จะให้เด็กคนนี้ย้ายเข้ามาแต่กลับไม่เจอวี่แววของเธอเลยเขากลัวว่าเด็กคนนี้จะหนีไปแล้วทำให้ ธามนิธิเสียใจจึงไปตามที่บ้าน

แต่สุดท้ายก็เห็นปาณีนอนเป็นไข้อยู่ในห้อง

หลังจากธามนิธิได้ยินว่าปาณีไม่สบายเขาร้อนใจมากเขาจะดูแล เธอเองโดยไม่สนเลยว่าตัวเองเคลื่อนตัวไม่สะดวก

นี่เป็นครั้งแรกที่ไวยาตย์เห็นธามนิธิเป็นห่วงผู้หญิงคนหนึ่งขนาดนี้

แม้แต่นลินก็ยังไม่เคยได้รับการดูแลอย่างนี้เลย

ไม่คิดว่าเวลาที่คุณธามนิธิเป็นห่วงภรรยาจะเป็นเช่นนี้

ไวยาตย์ยิ้มกับตัวเองถอนหายใจแล้วอดคิดไม่ได้เลยว่าเด็กคนนี้ ช่างโชคดีจริงๆ

หลังจากทานอาหารที่ไวยาตย์ส่งขึ้นมาให้แล้วปาณีลูบท้องตัวเอง

เบาๆพร้อมกับกล่าวขอบคุณ

ธามนิธิหัวเราะออกมา”เธอเป็นภรรยาของฉันเพราะฉะนั้นไม่ต้อง

เกรงใจ”

“อ่อค่ะ”ปาณีหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอายจากบ้านเธอจึงถามว่า”คุณไวยาตย์คะคุณเจอแม่ของฉันไหมคะ?”

แม่จะตกลงให้ฉันออกมาได้ยังไงกัน?

ไวยาตย์นึกถึงความทรงจำที่ไม่ดีนักพูดด้วยความลำบากใจ ว่า”แม่คุณบอกว่าจะแจ้งตำรวจ”

ปาณีรู้ว่าแม่ของเธอคงทำให้เขาลำบากใจไม่ใช่น้อยจึงก้มหน้า ขอโทษเขา “ขอโทษด้วยนะคะที่สร้างความลำบากใจให้กับคุณ”

ไวยาตย์ส่ายหัว

เขาเห็นท่าทีของแม่ที่ไม่มีความใส่ใจปาณีเลยแม่แต่น้อยอดไม่ ได้ที่จะถามว่า”คนๆนั้นเป็นแม่ของคุณจริงหรอครับ?”

ปาณีนิ่งไปดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

เธอกำผ้าห่มไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำเธอไม่รู้ว่าจะตอบ คำถามนี้ยังไง

ไวยาตย์เลยพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณพักผ่อนนะครับส่วนเรื่องอื่น

คุณ

ธามนิธิจะจัดการเอง”

เขาพูดเช่นนี้เพื่อเตือนสติปาณีเพื่อให้เธอรู้ว่าถ้าไม่มีคุณธามนิธิ เธอจะทำอะไรไม่ได้เลยคุณธามนิธิเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของเธอ
หลังจากที่พูดจบธามนิธิที่นั่งอยู่ข้างๆพูดเสียงดังว่า”ออกไป!”

“คุณธามนิธิครับ?”

ไวยาตย์นิ่งไปชั่วขณะเขาเห็นสายตาที่เย็นชาของธามนิธิเหมือน เขาจะทำให้ธามนิธิโมโหซะแล้ว

..ครับ”

ตอนที่5

“แต่ว่า…..คุณจะไม่คุยกับครอบครัวคุณก่อนหรอครับ?”

ไวยาตย์ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไงถึงให้เด็กอายุ18ปีตัดสินใจทำแบบนี้

ปาณียิ้มอย่างขมขื่น

“ไม่ต้องหรอกค่ะครอบครัวหนู..เขาตกลงอยู่แล้ว”

เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของปาณีไวยาตย์รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักและพูด ว่า”ถ้าอย่างนั้นคุณว่างวันไหนก็ย้ายเข้ามาอยู่กับคุณธามนิธิได้เลย”

“ห้ะ?”ปาณีตกใจ

นี่เพิ่งเซ็นสัญญาเสร็จก็ต้องเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้วหรอ?

ไม่ว่ายังไงปาณีก็เป็นผู้หญิงได้ยินคำพูดพวกนี้ต้องรู้สึกตกอกตกใจเป็น

ธรรมดา

“คุณคงไม่คิดหรอกใช่ไหมว่าหลังจากที่แต่งงานกับคุณธามนิธิแล้วคุณจะทำ อะไรตามใจก็ได้?”ไวยาตย์เห็นสีหน้าตกใจของเธอรู้เลยว่าเมื่อครู่ที่เซ็นสัญญา กันเธอไม่ได้คิดถึงข้อนี้เลย

“ตอนนี้คุณเป็นภรรยาของคุณธามนิธิแล้วก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบใน การดูแลบ้านวิสิทธิ์เวชนี้สืบสานวงศ์ตระกูล”ไวยาตย์พูดด้วยความจริงจัง “คุณ ปาณีต้องจริงจังกับการสมรสนี้อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล่นๆ”
ทำร้ายอีก

ปาณีตกใจเพราะคำพูดที่จริงจังของฝ่ายตรงข้าม

ก็จริงอย่างที่พูดในขณะที่เธอตกลงจะแต่งงานกับธามนิธินั้นเธอคิดถึงแต่ ผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับโดยไม่ได้คิดในมุมมองของธามนิธิเลยว่าเขา ต้องการอะไร

เวลานี้หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของไวยาตย์แล้วเธอถึงรู้ว่าตัวเองนั้นมีความคิดที่

ไร้เดียงสาแค่ไหน

เธอมีความกลัวเล็กน้อย

เพราะว่าเธอเพิ่งจะอายุแค่18ปีเองถ้าพูดในด้านจิตใจแล้วเธอเหมือนเด็กที่ยัง ไม่หย่าน้ำนม

แต่ก็ต้องมาเป็นภรรยาเป็นแม่ของคนอื่นเธอคงยังรับความจริงนี้ไม่ได้

“หนู….หนูขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ได้ไหม?”

“ไม่ได้!”

ไวยาตย์ทำสีหน้าจริงจังกะทันหัน

“คุณได้แต่งงานกับคนอย่างคุณธามนิธิถือว่าเป็นเกียรติของคุณแล้ว”

ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเกิดอุบัติเหตุนับประสาอะไรเธอจะได้แต่งงานกับขา

“หนูทราบแล้วค่ะ”
ปาณีพยักหน้า

เมื่อเรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้แล้วจะมาเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์

เมื่อฝนหยุดตกแล้วปาณีเตรียมตัวจะกลับบ้าน

ก่อนจะกลับไปเธอก็ไม่ลืมที่จะบอกลาสามีที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกับเธอ”คุณ

อาหนูกลับก่อนนะคะ”

ธามนิธิมองไปที่เธอ”มานี่สิ”

ปาณีเดินเข้าไปหาเขาอย่างงงๆธามนิธิยื่นมือออกมากุมมือของเธอไว้

ตัวเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อมีฝ่ามืออุ่นๆกุมมือเธอไว้เธออยากดึงมือออกมาแต่เมื่อ เห็นแววตาที่เศร้าโศกของธามนิธิแล้วเธอจึงไม่ขัดขืน

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันเป็นภรรยาของเขาแล้ว

ปาณียังคงไม่อยากเชื่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

เวลานี้ไวยาตย์เดินเข้ามาพร้อมกับยื่นสัญญาให้ธามนิธิธามนิธิอ่านเอกสาร อย่างคร่าวๆหลังจากนั้นก็พูดว่า”ไวยาตย์ช่วยส่งปาณีกลับบ้านด้วย”

“ครับคุณธามนิธิ”

หลังจากที่ปาณีถึงบ้านแล้วก็เจอกับนภันต์น้องชายของเธอที่เพิ่งออกไปเล่น

เกมส์กลับมา
เขาเห็นปาณีลงมาจากรถหรูพูดด้วยความประหลาดใจว่า”พี่มีเสี่ยมาส่งหรอ?”

ปาณีอึ้งกับคำพูดของน้องชายรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก

“นกันต์ถ้าแกไม่พูดก็ไม่มีใครว่าแกเป็นใบ้หรอกนะ”

เมื่อน้องชายเห็นว่าพี่สาวกำลังโมโหจึงเอามือลูบท้ายทอยตัวเองอย่างทำตัวไม่ ถูก”พี่อย่าโกธรเลยนะผมล้อเล่นเฉยๆ”

เขานึกถึงบทสนทนาของตัวเองกับแม่เมื่อกลางวันนี้ก็รู้สึกผิดต่อปาณีมากขึ้น

“พี่หิวน้ำไหมเดี่ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะ”

นภันต์วิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว

ปาณีสายหัวเบาๆยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ไปไหนมาอีก?หายหัวไปทั้งวัน!”

เพิ่งจะก้าวเข้าบ้านปาณีก็ได้ยินเสียงบ่นของแม่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอต้องก้มหน้า ก้มตายอมรับผิดอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้แค่เธอนึกถึงบนสนทนาเมื่อกลางวันแล้ว

ก็รู้สึกโมโหมาก

“หนูออกไปทำงานหาค่าเทอม!”

เธอพูดด้วยความโกธรเคือง

“ยังทำงานอะไรอีกปาณีมานี่สิแม่มีข่าวดีจะบอก”ฝนสิรินึกถึงเรื่องที่ปาณี แต่งงานไปเมื่อไหร่ก็จะได้บ้านสองหลังฟรีๆเป็นสินสอดในใจเธอแค่คิดก็มีความ

สุขมากแล้วเธอไม่สนเลยว่าน้ำเสียงของปาณีจะโกธรเคืองแค่ไหนพูดเองเออเองว่า “พ่อ ของลูกนะได้หาคู่ครองดีๆไว้ให้ลูกแล้วนะบ้านฝ่ายชายอยู่ในเมืองเขารวยมาก เลยนะลูกขอแค่ลูกแต่งงานไปลูกก็จะได้ใช้ชีวิตเป็นคุณนายอย่างสุขสบายไม่ ต้องออกไปทำงานแบบนี้อีก”

ปาณีไม่คิดเลยว่าแม่จะพูดเรื่องนี้ออกมาได้ง่ายขนาดนี้

เธอคิดว่าแม่จะลำบากใจที่ต้องพูดเรื่องนี้อาจจะหาวิธีบอกกับเธอแบบอ้อมๆแต่ เสียดายที่ไม่มีเลย

ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าในสายตาของพ่อแม่เธอก็เป็นแค่เครื่องมือที่ช่วย หาเงินเท่านั้นเอง

“แม่หนูเพิ่งจะอายุ18ปีเองนะหลังจากผ่านช่วงปิดเทอมนี้ไปหนูก็จะเข้าเรียน มหาลัย”

“18ปีอะไรกัน!เธออายุ20ปีแล้วต่างหาก!เธอดูฝ่ายข้างๆบ้านเราสิอายุเล็กกว่า เธอตั้ง1ปีเขาแต่งงานไปตั้งนานแล้วตอนนี้เลี้ยงลูกอยู่บ้านอย่างสุขสบายชีวิต เขาทุกวันนี้ดีกว่าเธออีก”ฝนสิริไม่พอใจที่ลูกสาวขัดขืน”เธอยังคิดที่จะเรียนต่อ อีกเป็นเด็กผู้หญิงจะเรียนไปทำไมเยอะแยะเรียนไปแล้วจะได้อะไร?”

“เพียงเพราะว่าหนูเป็นลูกผู้หญิงหนูจึงไม่คู่ควรที่จะได้เรียนหรอ?หนูเลยต้อง เสียสละให้น้องเรียนแทนใช่ไหม?”

แววตาของปาณีเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“หรือจะไม่ใช่ล่ะน้องเธอเพิ่งจะอายุ16เองนะไม่เรียนมหาลัยแล้วอนาคตจะทำ ไรกิน?จะซื้อบ้านยังไง?จะไปสู่ขอสะใภ้ยังไง?”ฝนสิริพูดจารุนแรงขึ้นเมื่อเห็น ว่าปาณีไม่ยอม”เธอเป็นพี่สาวยังไงทำไมไม่รู้จักเสียสละให้น้องชายซะบ้าง?ฉัน คลอดลูกแบบเธอออกมาได้ยังไงกัน!”
“ใช่หนูมันลูกอกตัญญูจะแต่งแม่ก็ไปแต่งเองเลย!”

ปาณิตะโกนออกไปด้วยความโกธรแล้ววิ่งเข้าห้องของตัวเองปิดประตูลงอย่าง

แรง

ตอนที่4

เธอรู้ว่าการพูดแบบนี้ไม่มีมารยาทแต่ณตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นคงต้องลอง

ดูสักครั้ง

“หนู….อีกหน่อยหนูจะใช้คืนคุณสองเท่าเลยค่ะ” ปาณีก้มหน้าอธิบายว่า”หนู กำลังจะเข้าเรียนมหาลัยแต่หนูไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอม…

ธามนิธิหันหน้ากลับมามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ

หญิงสาวเหมือนจะตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นมือที่กำชายเสื้อนั้นเริ่มแดดก่ำใบหน้าก็ เริ่มแดงระเรื่อ

นี่เป็นครั้งแรกที่ธามนิธิตั้งใจสังเกตหน้าตาของหญิงสาว

แม้ว่าเธอจะมาทำงานที่นี่และเขาก็เคยเจอหลายครั้งแต่เขาก็ไม่เคยใส่ใจเลย

ขนตาของหญิงสาวนั้นเรียวยาวมีความพลิ้วไหวดวงตาสีดำสนิทของเธอ ประกายสวยคล้ายดวงตาของกวางใบหน้าที่อ่อนโยนขาวผ่องนั้นเต็มไปด้วยคอ ลลาเจนดูแล้วรู้ได้เลยว่าเธออายุยังน้อย

แม้รูปร่างหน้าตาจะไม่ได้สวยเลิศเลอเพอร์เฟคแต่ก็ยังคงมีความน่ารักสดใส

ธามนิธิเม้มปากสำหรับคำขอของหญิงสาว

หากในเวลาปกติเขาต้องช่วยเหลือเธอแน่นๆแต่ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีนักเลย อยากแกล้งเธอสักหน่อย
“เราไม่ใช่ญาติและไม่ใช่เพื่อนทำไมฉันต้องช่วยเธอด้วย?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ปาณีถึงกับตัวแข็งเธอรู้ว่าตัวเองโดนปฏิเสธอีกแล้ว

เธอสุดหายใจเข้าลึกๆและไม่ได้พูดอะไรกำลังจะหันหลังเดินกลับไปธามนิธิก็ พูดขึ้นมาว่า”ฉันช่วยเธอก็ได้แต่มีข้อแม้หนึ่งอย่าง”

“ข้อแม้อะไรคะ?”

ปาณีนิ่งไป

“แต่งงานกับฉัน”

แต่งงานกับเขา?

ปาณีนึกว่าตัวเองหูฝาดไปเธอจึงถามอีกรอบว่า”อะไรนะคะคุณอา?”

“ฉันต้องการเจ้าสาวเพื่อที่จะแต่งงานกับฉัน”

ธามนิธิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

ตอนเขาพูดประโยคนี้น้ำเสียงเหมือนคนที่กำลังพูดว่าสภาพอากาศวันนี้ก็ไม่

เลวนะ

ที่ผ่านมาด้วยตำแหน่งหน้าที่ของเขาคนที่อยากแต่งงานกับเขาต่อแถวยาวเป็น หางว่าวตำแหน่งคุณนายวิสิทธิ์เวชนี้ดึงดูดคนยิ่งนัก

แม้ว่าตอนนี้เขาจะพิการหากเขาอยากหาภรรยาสักคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาอยากแกล้งปาณี ก็เท่านั้นเอง

ปาณีมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ได้โปรดปีนี้เธอเพิ่งจะอายุ18เองนะ!

แม่ว่าคุณอาคนนี้จะดูหน้าเด็กแต่เธอเคยได้ยินคนใช้คนก่อนพูดว่านายคนนี้

อายุ28ปีแล้ว

ให้ตายสิอายุมากกว่าเธอ10ปีเชียวนะ!

ฉันจะแต่งงานกับคนที่อายุมากกว่าฉันเท่าตัวได้ยังไงกัน?

ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมทั้ง2คน

ปาณีไม่พูดสักคำยืนอยู่ที่เดิมอย่างทำตัวไม่ถูก

สักพักธามนิธิที่อยู่ตรงหน้าเธอก็หัวเราะออกมา

เขาคิดในใจคนที่ยังอยู่ในวัยที่น่ารักแข็งแรงแบบปาณีจะมาซอบคนทพิการ อย่างฉันได้ยังไงกัน

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง”เธอไปเถอะ”

ต่อไปไม่ต้องมาที่นี่อีก

มองไปนอกหน้าต่างไม่รู้ฝนตกตั้งแต่เมื่อไหร่ปาณีไม่ได้พกร่มติดตัวแม้ใจจริงอยากออกไปตั้งแต่ตอนนี้แต่กลับต้องนั่งรออยู่ในบ้านเนื่องจากฝนตกหนักมาก

เธอนั่งอยู่บนโซฟามองไปทางธามนิธิอย่างห้ามตัวเองไม่ได้

พูดจากใจจริงแม้ธามนิธิจะอายุมากไปหน่อยก็จริงแต่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา มากคิ้วที่คมได้รูปดวงตาที่เป็นประกายใบหน้าที่เหมือนรูปปั้นแกะสลักคางที่ สวยได้รูปทำให้คนมองไม่สามารถละสายตาไปได้เลย

ปาณีนิ่งอยู่ตรงนั้น

เธอกำลังคิดว่าหากเธอยังไม่สามารถยืมเงินไปเรียนได้สุดท้ายก็ต้องโดนแม่ บังคับให้แต่งงานกับชายแก่อยู่ดี

ชายแก่คนนั้นไม่รู้จะขี้เหร่แค่ไหน

และเมื่อคิดถึงเรื่องที่แฟนหนุ่มเวนสทิ้งเธอไปคบกับติรยาปาณีก็ยิ่งเศร้ามาก

ขึ้น

คิดถึงอนาคตอันมืดมัวของตัวเองปาณีจึงคิดว่าถ้าอย่างนั้นก็แต่งกับคุณอาคน

นี้เลยซะดีกว่า!

ปาณียืนขึ้นเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าธามนิธิพร้อมกับพูดว่า”คุณอาถ้าหนูแต่งงาน กับคุณอาหนูจะได้เรียนต่อใช่ไหมคะ?”

ธามนิธิอึ้งกับคำพูดของหญิงสาว “เธอ..ตกลงแล้วรี?”

“หนูยอมรับข้อตกลงค่ะหนูยินดีแต่งงานกับคุณ”

ปาณีใช้พลังความกล้าที่ไม่เคยมีในทั้งชีวิตของเธอพูดคำมั่นสัญญานี้ออกไป
เมื่อไวยาตย์เอาสัญญาแต่งงานมาให้เธอเธอก็ยังคงไม่อยากเชื่อกับเรื่องที่เกิด ขึ้น

เอกสารขาวดำมากมายรอเธอไปเซ็นมือที่จับปากกานั้นมีความสั่นเล็กน้อยแต่ เธอก็ลงลายมือชื่อของตัวเองลงไปอย่างไม่ลังเล

เก็บสัญญาฉบับนี้ไว้ไวยาตย์อธิบายต่อว่า”ตอนนี้คุณเพิ่งจะอายุ18ปียังไม่ สามารถจดทะเบียนสมรสได้ต้องรออีก2ปีถึงจะทำได้”

หลังจากได้ยินประโยคนี้ปาณีก็พูดว่า”ในบัตรประชาชนของฉันอายุ20ปีแล้ว ตอนนี้ฉันสามารถไปจดทะเบียนสมรสได้ค่ะ”

ไวยาตย์ประหลาดใจเล็กน้อย”ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยครับ”

เหมือนกับว่าเธอคนนี้ถูกลิขิตมาเพื่อเป็นภรรยาของคุณธามนิธิ

เธอโชคดีอย่างมากที่ได้แต่งงานกับคุณธามนิธิ

ตอนที่3

หลังจากกลับจากบ้านคุณทัตดาปาณีนั่งรถออกไปชานเมืองเมืองชลธี

รถประจำทางจอดหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่งปาณีลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านหลัง นั้นอย่างคุ้นเคย

ที่นี่คือสถานที่ทำงานของเธอในช่วงปิดเทอมนี้เจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้เป็นชาย พิการไม่สามารถเดินได้ปาณีมาทำงานที่นี่จะ2เดือนแล้วแต่เคยเจอกับเจ้าของ บ้านไม่เกิน3ครั้ง

วันนี้ก็เหมือนปกติที่ผ่านมาเธอเข้าไปในบ้านกำลังเตรียมจะเก็บกวาดกลับ ได้ยินเสียงดัง”โครม..”ดังมาจากมุมทางเดินของบันได

ปาณีตกใจ

เงยหน้าขึ้นดูเห็นร่างชายหนุ่มนอนตัวงออยู่บนพื้นหลังด้านของชายผู้นั้นมีรถ เข็นผู้ป่วยที่เพิ่งคว่ำเมื่อกี้

ปาณีรีบวิ่งขึ้นไปเพื่อจะประคองชายผู้นั้น

แม้จะเคยเห็นหน้าไม่กี่ครั้งแต่เห็นรถเข็นนั่นเธอก็รู้ได้เลยว่าชายผู้นี้ต้องเป็น เจ้าของบ้าน

ใครจะไปคิดว่าขณะที่เธอจะเข้าไปช่วยเหลือชายคนนั้นก็พูดอย่างเย็นชา ว่า”ไม่ต้องเข้ามา”

เขาไม่ชอบคนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัว
ปาณียืนอึ้งไปสักพักมือที่จะไปประคองค้างอยู่กลางอากาศ

“คุณอาเป็นอะไรไหมคะ?”

ชายคนนั้นเห็นความเป็นห่วงในสายตาของปาณีเขาพยายามใช้มือดันกับพื้น เพื่อจะขึ้นไปนั่งบนรถเข็นแต่เนื่องจากสองขาของเขาไม่มีแรงจึงล้มไปนอนกับ พื้นอีกครั้ง

เขาต่อยขาของตัวเองอย่างแรงในสายตานั้นเต็มไปด้วยความรังเกียจ

ปาณีไม่สามารถทนมองอีกต่อไปได้เข้าไปประคองชายผู้นั้นนั่งบนรถเข็นแม้ เขาจะห้ามก็ตาม

ธามนิธิรู้สึกแค่ว่ามีกลิ่นหอมอ่อนๆแตะจมูกมืออันอ่อนนุ่มของหญิงสาวแตะ ลงบนบ่าของเขาประคองเขาขึ้นไปนั่งบนรถเข็นอย่างยากลำบากเขาอยากจะ อาละวาดแต่เมื่อเห็นรอยยิ้มอันไร้เดียงสาบนใบหน้าหญิงสาวแล้วความโกธรนั้น ก็หายไป

“คุณอาเจ็บตรงไหนไหมคะ?”

ธามนิธิใส่หน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร

ปาณีเห็นใบหน้าที่วังเวงนั่นรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเธอจึงเล่าเรื่องตลกให้

ฟังหวังว่าเขาจะมีความสุขบ้าง

ธามนิธิเม้มมุมปากแม้เขาจะไม่ได้หัวเราะออกมาแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วย

ความอบอุ่น

ไวยาตย์เห็นภาพนี้ในขณะที่เขามาถึงที่นี่พอดี
ภาพที่เห็นทำให้เขาอึ้งมาก

หลังจากที่คุณธามนิธิประสบอุบัติเหตุเขาก็ไม่เคยเห็นคุณธามนิธิที่อบอุ่นแบบ

นี้อีกเลย

“คุณไวยาตย์”

ปาณีเห็นไวยาตย์ยืนอยู่กลัวว่าไวยาตย์จะคิดว่าตัวเองกำลังอู้งานมัวแต่โม้อยู่

จึงรีบไปทำความสะอาดบ้านต่อเพราะปกติไวยาตย์เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้เธอ

ไวยาตย์เดินไปยืนอยู่หน้าธามนิธิแล้วพูดว่า”คุณธามนิธิคุณมีสุวรรณ์ไปต่าง ประเทศแล้วครับ”

นลินมีสุวรรณ์เป็นคู่หมั้นของธามนิธิหลังจากที่รู้ว่าธามนิธิเกิดอุบัติเหตุเธอก็ไม่

เคยมาหาเขาอีกเลย

ตอนนี้ใกล้ถึงวันงานแต่งงานของทั้งสองแล้วกลับได้ยินข่าวว่านลินไปเรียนต่อ ที่ต่างประเทศแล้วไวยาตย์ไม่เคยคิดเลยว่านลินจะเป็นคนแบบนี้

เขากลัวว่าธามนิธิจะเสียใจมองดูเขาด้วยความเป็นห่วง

แต่ธามนิธิกลับยิ้มเบาๆพูดว่า”ไวยาตย์ฉันในตอนนี้น่ากลัวมากเลยหรอ?”

ธามนิธิในตอนนี้สองขาไม่มีความรู้สึกใดๆต้องเพิ่งรถเข็นเวลาไหนมาไหนท่าน ประธานที่เคยทำให้เมืองชลธีสั่นสะเทือนบัดนี้กลายเป็นคนพิการไปแล้วอีกทั้ง ครึ่งชีวิตที่เหลือยังต้องให้คนอื่นมาดูแลอีก

ไวยาตย์รู้สึกหนักหน่วงใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากที่ไวยาตย์กลับไปแล้วในบ้านเหลือเพียงปาณีกับธามนิธิสองคน

ปาณีทำความสะอาดบ้านไปด้วยแต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าเธอจะยืมเงินกับคุณธา มนิธิอย่างไร?

เมื่อคิดเช่นนั้นสายตาของเธอก็ได้จ้องไปยังชายที่นั่งนิ่งอยู่บนรถเข็น

ผ่านไปแล้วครึ่งวันชายคนนี้ยังนั่งอยู่ข้างหน้าต่างมองวิวนอกหน้าต่างบานนั้น ด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกและไม่พูดอะไรเลย

ปาณีรู้สึกอึดอัดจึงเดินเข้าไปหาเขา

คำพูดที่จะขอยืมเงินกับคุณธามนิธิติดอยู่ปลายริมฝีปากแต่เธอกลับพูดไม่

ออก

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนชายคนนั้นรู้สึกได้ว่าปาณีเดินเข้ามาใกล้จึงพูด ว่า”มีธุระอะไร?”

ปาณีรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเมื่อโดนถามเธอกำซายเสื้อของตัวเองไว้แน่นพูด ด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า”คะ…คุณอาหนูขอยืมเงินกับคุณหน่อยได้ไหมคะ?”

ตอนที่2

ปาณีรู้ว่าเรื่องการยืมเงินแบบนี้ไม่สามารถบังคับใครได้ถ้าคนอื่นไม่ยอมยืมให้ เราก็ทำอะไรไม่ได้

“ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณคุณน้ามากนะคะ”

เมื่อไม่สามารถขอยืมเงินได้ปาณีจึงรู้สึกเกรงใจที่ต้องอยู่ต่อจึงเตรียมตัวจะ ออกไป

ติรยาจับมือของเพื่อนอย่างสนิทสนมแล้วพูดว่า”ปาณีอย่ากังวลไปเลยนะเดี๋ยว ฉันจะไปคุยกับแม่อีกที่ไม่แน่แม่อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”

ปาณีรู้สึกหนักใจจึงเล่าเรื่องที่เธอได้ยินวันนี้ให้ติรยาฟัง

“อะไรนะ!!แม่เธอจะได้เธอแต่งงาน?เธอเพิ่งจะอายุ18เองนะ!”

ติรยาตกใจ

ปาณียิ้มอย่างขมขื่น”เพราะแบบนี้ฉันเลยมายืมเงินกับเธอยังไงล่ะ”

“ปาณีอย่ากังวลนะทุกอย่างต้องมีทางออก..

“ยังไงก็ขอบใจเธอมากๆนะติรยา”แม้จะยืมเงินไม่ได้แต่ความเป็นห่วงของเพื่อน สาวก็ทำให้ปาณีรู้สึกอุ่นใจ

ทั้งสองเดินพูดคุยจนถึงประตูหน้าบ้านเห็นมีผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งใส่เสื้อเชิ้ตสี ขาวเดินตรงมาหาพวกเธอปาณีเงยหน้าขึ้นมองนี้คือเวทัสแฟนของเธอไม่ใช่หรอ?

เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

แม้ยังคงมีความสงสัยแต่ปาณีก็ดีใจมากที่ได้เจอเขาเพราะช่วงปิดเทอมที่ผ่าน มาทั้งสองคนต่างคนต่างทำงานเลยไม่ค่อยมีเวลาติดต่อกันเลย

“เวทัส”

เธอกวักมือให้กับเวทัสจึงไม่ได้สังเกตความรังเกียจในสายตาของเขา

เวทัสเดินเข้ามาใกล้และหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ”ปาณีโผล่หน้ามาได้สักทีนะ”

“อะไรนะ?”ปาณีไม่เข้าใจในสิ่งที่เวนัสพูดช่วงปีดเทอมที่ผ่านมาทั้งสองคนไม่ ได้เจอกันเลยปาณีคิดว่าเวทัสจะดีใจมากเมื่อเจอเธอสักอีกแต่เขากลับแสดง สีหน้าเบื่อหน่าย

“อย่าเสแสร้งอีกทีจะเลิกกันก็ควรพูดมาตรงๆ ไม่ใช่มาหลบหน้ากันแบบนี้”

“ฉันไม่ได้หลบหน้านายเลยนะ….”สองเดือนที่ผ่านมาเธอทำงานยุ่งมากหลาย ครั้งจึงปฏิเสธที่จะไปเดทกับเวนัสเพราะกลัวจะเสียหน้าเธอจึงไม่ได้บอกเหตุผล ว่ากำลังทำอะไรอยู่

เพราะแบบนี้เวนัสจึงเข้าใจผิดว่าตัวเองไม่อยากเจอเขา

ปาณีนิ่งไปแล้วรีบอธิบายว่า “ฉันไม่ได้หลบหน้านายจริงๆนะฉันมีธุระที่ต้องทำ ไม่เชื่อถามติรยาก็ได้”

เธอมองไปทางติรยาหวังว่าเพื่อนสาวจะช่วยอธิบาย
ติรยามองเธอแวบเดียวค่อยๆพูดว่า “ปาณือย่าหลอกเวนัสอีกเลยก่อนหน้านี้เธอ บอกกับฉันเองว่าอยากเลิกไม่อยากเจอเวนัสปิดเทอมที่ผ่านมาเธอเลยหลบหน้า

เขามาโดยตลอด”

ปาณีรู้สึกอึ้ง

เธอได้พูดประโยคพวกนี้ตอนไหน?

“กิยาเธอพูดอะไรของเธอเนี่ยฉันเคยพูดประโยคพวกนี้ตอนไหน?”

ติรยารู้ดีว่าเธอทำงานอยู่ทำไมเธอต้องหลอกเวนัสแบบนี้ด้วย

ปาณีมองสีหน้าอันไร้เดียงสาของติรยารู้สึกใจหายวินาทีนั้นเหมือนตัวเองไม่

เคยรู้จักติรยามาก่อน

นึกถึงความทุกข์ยากที่มายืมเงินกับคุณทัตตาเมื่อครู่และสีหน้าของติรยาที่ หลอกลวงในตอนนี้

ปาณีเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

และแน่นอนว่าเวทัสเชื่อที่ตีรยาพูดเขาพูดอย่างเย็นซาว่า”ปาณีมีอะไรจะแก้ตัว อีกไหม”

“ฉัน….”ปาณีมีคำที่อยากจะพูดมากมายแต่เหมือนทุกคำพูดนั้นติดอยู่ในคอ เธอไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว

“ถ้าอย่างนั้นก็สมความปรารถนาของเธอเราเลิกกันเถอะ”

หลังพูดจบประโยคเวทัสไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าปาณีแต่กลับเดินเข้าบ้าน

คุณทัตดาไป

คุณทัตดายืนต้อนรับที่หน้าประตูอย่างอบอุ่นเห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขา

มาบ้านนี้

ปาณีช็อกเมื่อเห็นแผ่นหลังนั้นเดินจากไป

ติรยาเปลี่ยนสีหน้าอย่างกะทันหันไม่หลงเหลือความห่วงใยใดๆพูดอย่างเยาะ เย้ยว่า”ปาณีในเมื่อเธอเลิกกับเวทัสแล้วก็อย่าตามรังควานเขาอีกเธอควรรู้ไว้ว่า เธอไม่คู่ควรกับเวนิสคนที่มีฐานะอย่างเธอก็ควรฟังแม่เธอซะแต่งงานไปมีลูกให้ ไวๆอย่างหวังสูงว่าจะได้อยู่กับเวทัสอีกเธอกับเขาและฉันเราไม่ได้อยู่บนโลก เดียวกัน!”

เมื่อพูดจบติรยาก็เดินเข้าบ้านไปอย่างหยิ่งยโส

ยังเหลือแต่ปาณีที่ยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

แม้อากาศเมื่อเข้าสู่เดือนกันยายนจะอบอ้าวเพียงแต่ในใจของเธอตอนนี้กลับ หนาวเหน็บยิ่งนัก

ตอนที่1

ฤดูร้อนของเมืองชลธีทั้งร้อนอบอ้าวและยาวนานในห้องที่ไม่มีแอร์อุดอู่เหมือน อยู่ในหม้อนึ่งอันใหญ่

ปาณีใช้พัดในมือพัดไปมาอากาศในห้องร้อนจนทนไม่ไหวเธอจึงเปิดประตูแล้ว เดินออกไป

เมื่อเดินไปถึงมุมหนึ่งของห้องรับแขกเธอได้ยินเสียงทะเลาะกัน

“แม่ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่อยากไปเรียน!แม่จะบังคับฉันทำไม!”

“เพิ่งจะอายุ16เธอก็ไม่อยากเรียนแล้วใช่ไหม?กินเกมส์ที่เล่นอยู่แทนข้าวได้รี

ไง?”

“ผมไม่ได้เล่นเกมเฉยๆสักหน่อยความฝันของผมคือเป็นนักเล่นเกมมืออาชีพ! การเรียนไม่เหมาะกับผม!”

ปาณีรู้เลยว่าน้องชายกำลังทะเลาะกับแม่เพราะว่าไม่อยากไปเรียน

เธอกำลังจะเดินหันหลังกลับแต่ได้ยินน้องชายพูดขึ้นว่า”บ้านเราจนขนาดนี้อีก เดี๋ยวพี่สาวก็จะเข้ามหาลัยแล้วบ้านเราไม่มีเงินมากพอที่จะส่งเราเรียนทั้งสอง

คนหรอก”

“เรียนมหาลัยอะไรกัน?เดี๋ยวพี่สาวเธอก็ต้องแต่งงานพ่อเธอได้หาคู่ครองที่ดีไว้ ให้แล้วขอแค่พี่สาวเธอแต่งงานไปบ้านเราก็จะสุขสบายแล้ว”“อะไรนะ?พี่สาวจะแต่งงาน?พี่สาวรู้เรื่องรียัง?”

ปาณีหยุดนิ่ง

เธอคิดว่าตัวเองคงหูฝาดไป

เธอเพิ่งจะอายุ18เองนะแม้ในบัตรประจำตัวประชาชนของเธอจะเป็นอายุ20ปี ก็ตามนั่นเป็นเพราะการวางแผนมีลูกคนที่สองกฎหมายกำหนดหากลูกคนแรก เป็นผู้หญิงสามารถมีลูกคนที่สองได้แต่อายุต้องห่างกันสี่ปีดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยง การโดนปรับพ่อแม่ของเธอจึงแจ้งเกิดอายุมากกว่าความเป็นจริงสองปี

และพ่อแม่ของเธอตอนนี้กลับอยากให้เธอรีบแต่งงาน

“พี่สาวเธอเป็นลูกผู้หญิงจะช้าหรือเร็วก็ต้องแต่งงานอยู่ดีจะเรียนไปทำไมเยอะ แยะ!อีกอย่างฝ่ายชายยินดีให้บ้านตั้งสองหลังเป็นค่าสินสอดทองหมั้นเชียวนะ”

บ้านสองหลัง?

ปาณีกำหมัดไว้แน่น

ในสายตาของแม่เธอมีค่าเทียบเท่าบ้านแค่สองหลังเองหรอ?

ตั้งแต่เล็กจนโตพ่อแม่รักน้องชายมากกว่าเสมอเมื่อก่อนเธอไม่เคยคิดน้อยใจ เลยเพราะคิดว่าน้องชายอายุยังน้อยเธอจึงรักและยอมน้องมาโดยตลอดแต่ หลังจากได้ยินที่แม่พูดเช่นนั้นแล้วจิตใจของเธอเต็มไปด้วยความโกธรเคือง

เพราะอะไรเพียงเพราะว่าฉันเกิดเป็นลูกผู้หญิงหรอฉันถึงไม่มีสิทธิ์ได้เรียน

ต่อ?

การเรียนของฉันดีกว่าน้องชายแท้ๆ!แม่ลำเอียงมาก!

ปาณีรู้ว่าตัวเองไม่สามารถทนรออีกต่อไปได้แม่ต้องไม่ส่งฉันเรียนแน่ๆถ้าอย่าง นั้นฉันก็จะกู้เงินไปเรียน

ปาณียืนอยู่หน้าบ้านเพื่อนสนิทของเธอติรยานึกถึงบทสนทนาเมื่อครู่แล้ว น้ำตาได้ไหลออกมาจากดวงตาของปาณีไม่ขาดสาย

ติรยาเปิดประตูออกมาเห็นเพื่อนสาวยืนร้องไห้จึงรีบถามว่า”ปาณีเป็นอะไร? ร้องไห้ทำไม?”

ปาณีเช็ดน้ำตาเดินตามเพื่อนสนิทเข้าไปในบ้าน

คุณทัตดา(แม่ของติรยา)เห็นปาณีเข้ามาในบ้านจึงกวักมือเรียกเธอ”ปาณีมา

นั่งนี่สิลูก”

ปาณีมีความเกรงใจเล็กน้อยแม้ว่าทุกครั้งที่มาบ้านเพื่อนคุณทัตตาก็ดีกับเธอ มาตลอดแต่ครั้งนี้เธอมาเพื่อขอยืมเงิน

นั่งลงได้ไม่นานปาณีก็พูดว่า “คุณน้าคะหนู..หนูขอยืมเงินกับคุณน้าได้ไหม

คะ?”

คุณทัตดาตกใจเล็กน้อย”ปาณีมีอะไรหรือเปล่าลูกมีปัญหาอะไรหรอจ้ะ?”

ปาณีก่าชายเนื้อตัวเองไว้แน่นมีความลำบากใจที่ต้องพูดเช่นนี้ “แม่ของ หนู…..ไม่ให้หนูเรียนมหาลัยหนู..หนูอยากขอยืมเงินกับคุณน้าอีกหน่อยหนู จะคืนคุณน้าแน่นอนค่ะคุณน้าจะคิดดอกเบี้ยก็ได้นะคะ….”เมื่อพูดจบประโยคความเงียบก็เข้าปกคลุมเป็นเวลานาน

ในขณะที่ทุกคนเงียบนั้นปาณีรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเธอก้มหน้าลงไม่กล้ามอง ดูสีหน้าของคุณทัตดา

คุณทัตดาถอนหายใจแล้วพูดว่า”ปาณีจ๊ะไม่ใช่ว่าน้าไม่อยากช่วยหนูนะแต่ช่วง นี้การเงินของบ้านน้าก็ไม่ค่อยดีนักเลยไม่สามารถเอาเงินก้อนนี้ออกมาได้….”

ใครๆก็รู้ว่าฐานะทางบ้านของปาณีไม่ดีถ้าให้ยืมเงินแล้วคงไม่ได้คืนแน่ๆ

แม้ว่าครอบครัวของคุณทัตดามีกำลังพอที่จะช่วยแต่กลับไม่มีที่ท่าว่าจะช่วย เหลือปาณีใดๆ

วิวาห์ร้อน รักหวานซึ้ง

วิวาห์ร้อน รักหวานซึ้ง

Status: Ongoing

เผชิญกับความบีบบังคับของครอบครัว การทรยศของ เพื่อนสนิท และการบอกเลิกของแฟน ปาณีเลยเลือกแต่งงา นกกับธามนิธิ ผู้ชายที่ทั้งแก่ทั้งพิการจากนั้นไป เขาเป็นที่พึ่ง ของเธอ เธอเป็นผู้รักษาจิตใจอันโดนทำลายของเขา…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท