ตอนที่ 42
เพียงแค่พูดถึงบ้านมีสุวรรณ์ สีหน้าของฐิติพรก็เปลี่ยน ไป เธอมองไปยังธามนิธิอย่างขาดความมั่นใจ กลัวว่าเขา จะมีความคิดอย่างอื่น ไม่กล้าบอกเรื่องจริงกับเขา
“พวกเขาเป็นห่วงลูก เลยแวะมาดู”
ธามนิธิเปิดโปงคำโกหกของฐิติพรทันที “สิ่งที่แม่คุยกับ พวกเขาในวันนี้ ผมได้ยินหมดแล้วครับ”
ฐิติพรอึ้งกับคำพูดนี้ ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความ หวาดระแวง “ธามนิธิ..”
แต่เดิมเธอไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้เขารู้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะ ได้ยินหมดแล้ว
คำพูดที่ผู้หญิงบ้านมีสุวรรณ์คนนั้นพูดในวันนี้ ขนาดฐิติพร ได้ยินแล้วยังรับไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงธามนิธิว่าจะรู้สึก ยังไง
มิน่าล่ะ เขาถึงอารมณ์ไม่ดี
ธามนิธิรู้ว่าคุณแม่เป็นห่วงเขา “ผมไม่เป็นไรครับ”
โกรธ เขาเคยโกรธไปแล้ว
และเมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แล้ว
ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเขาได้รับบาดเจ็บ ก็คงต้องแต่งงานกับ ผู้หญิงอย่าง นลิน มีสุวรรณ์ จริงๆ คิดๆไปแล้ว เรื่องนี้น่า กลัวมากกว่าอีก
หลังจากได้ยินว่าเขาไม่เป็นไร ฐิติพรจึงวางใจขึ้นมา “ลูกคิดได้ก็ดีแล้ว ตอนนี้แม่จะให้คนไปจัดเตรียมเรื่องงาน แต่งงานของลูกกับปาณีนะ”
นลินจะแต่งงานหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะธา มนิธิกับปาณีก็อยู่ด้วยกันแล้ว
สิ่งที่ทำให้พวกเขาโกรธจริงๆคือพฤติกรรมของบ้านมีสุวรรณ์ต่างหาก
พอพูดถึงเรื่องแต่งงาน ฐิติพรก็มองไปยังปาณี “วัน แต่งงานถูกกำหนดไว้เป็นเดือนตุลาคม ก็ใกล้เข้ามาแล้ว ปาณี ไว้มีเวลานัดพ่อแม่หนูให้แม่เจอหน่อยนะ”
บ้านวิสิทธิ์เวชให้ความสำคัญกับขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นอย่างมาก มักจะรู้สึกว่าในการสู่ขอปาณี ต้องทำตามขั้น ตอนทั้งหมด เธอจะต้องจัดงานแต่งให้ยิ่งใหญ่มากกว่าที่เคย วางแผนไว้ ถึงจะระบายความโกรธแค้นนี้ได้
ได้ยินฐิติพรอยากเจอพ่อแม่ของตัวเอง ปาณีอึ้งไปชั่วขณะ “แต่ว่าพวกเขา…”
จนถึงตอนนี้ เธอยังไม่เคยบอกพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
ฐิติพรพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไหนๆหนูก็จะแต่งเข้ามาบ้านนี้ แล้ว แม่กับพ่อของธามนิธิก็ต้องเจอพ่อแม่หนูเป็นธรรมดา ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะคิดว่าบ้านเราไม่มีมารยาทนะ”
ปาณีตอบว่า “ไม่ต้องยุ่งยากก็ได้ค่ะ พ่อแม่หนูเป็นคนธรรมดามาก”
เธอเป็นเพียงคนที่ถูกลากตัวมาเป็นเจ้าสาวกะทันหัน เพียง เพราะอยากเรียนต่อ ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องแนะนำพ่อแม่ ให้ครอบครัวของธามนิธิรู้จัก
ฐิติพรยิ้มตอบว่า “ไม่ว่าจะธรรมดาแค่ไหนก็เป็นพ่อแม่ของ หนูวางใจเถอะ ขนบธรรมเนียมที่ควรทำ พวกเราก็จะทำ ตามขั้นตอนทั้งหมด หนูเป็นลูกสะใภ้ของเราในอนาคต เรา จะปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมต่อหนูได้ยังไงกัน!”
ปาณีก้มหน้าลง ไม่รู้เลยจริงๆว่า จะบอกเรื่องนี้กับคุณ พ่อคุณแม่ยังไง
เธอแอบมองไปยังธามนิธิ หวังว่าคุณอาจะช่วยเธอได้ ปรากฏว่าธามนิธิก็กำลังมองเธออยู่เหมือนกัน และเขาก็รู้ สถานการณ์ของ ครอบครัวเธอดี
เขาจึงเปิดปากพูดกับฐิติพรว่า “แม่เตรียมงานไปก่อนเลย ครับ ผมปรึกษากับปาณีก่อน แล้วค่อยนัดเวลาอีกทีครับ”
” ปาณีมองไปยังธามนิธิอย่างไม่อยากเชื่อสายตาคุณอาตกลงแล้ว!
เธอคิดว่าเขาจะช่วยเธอปฏิเสธสักอีก
หลังจากรับประทานอาหาร ปาณีและธามนิธิก็ไปยังห้อง โถงที่อยู่ชั้นหนึ่ง เธอมองไปยังธามนิธิ พร้อมกับพูดว่า “คุณ อา คุณจะให้พ่อแม่หนูเจอกับพ่อแม่ของคุณจริงหรอคะ?”
ธามนิธิบอกว่า “ก็เป็นเรื่องที่สมควรนิ!”
“แต่คุณไวยาตย์ก็เคยเจอแม่หนู เขารู้ดีว่าแม่หนู เป็นยังไง ….ครั้งนี้ที่หนูหนีออกมา แม่หนูก็โกรธมากอยู่ แล้ว หนูกลัวเมื่อถึงเวลานั้นจะทำให้ทุกคนลำบากใจกัน” ปาณีมองไวยาตย์ขณะที่เธอพูด หวังให้ไวยาตย์ช่วยเธอ เกลี้ยกล่อมหน่อย
คุณอากับครอบครัวของคุณอายังไม่เคยเจอแม่ของเธอ ไม่รู้นิสัยของแม่เธอ แต่ว่า ไวยาตย์เคยเจอมาก่อน
ไวยาตย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่มองไปยัง ธามนิธิ