“ไอ้เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น…มันเป็นผู้ใดในใต้หล้ากันแน่!? ไฉนมันถึงมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองติดตัวได้!?”
ทั้งเจิ้งหงอี้กับหวังหงตกตะลึงกับเรื่องดังกล่าวจริงๆ
“เจิ้งหงอี้…เจ้าว่าต้วนหลิงเทียนนั่น มันจะเป็นจอมราชันอมตะกลับชาติมาเกิดรึเปล่า แล้วอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองที่ว่า…ก็เป็นของที่มันเอาไปซ่อนไว้ตั้งแต่ชาติที่แล้ว”
หวังหงส่งบอกเจิ้งหงอี้ถึงข้อสันนิษฐานของนาง ขณะเดียวกันก็อยากรับทราบความคิดเห็นของเจิ้งหงอี้
“อาจเป็นได้”
เจิ้งหงอี้คิดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว!
“น่าเสียดายที่พลังฝึกปรือของพวกเราอ่อนด้อยเกินไป…หาไม่แล้วตราบใดที่เราฆ่ามันได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันมีก็จะกลายเป็นของพวกเรา!”
หวังหงกล่าว
“ข้าคงไม่มีโอกาสได้ของมันแน่นอน แต่หวังหง…สำหรับเจ้ายังมีโอกาส!”
เจิ้งหงอี้กล่าว
“ข้า? มีโอกาสหรือ?”
หวังหงตกใจ
“ตราบใดที่อาวุโสใหญ่เต็มใจลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันมีก็ต้องตกอยู่ในมือผู้อาวุโสใหญ่ ถึงตอนนั้นเจ้าที่เป็นแก้วตาดวงใจของผู้อาวุโสใหญ่ ยังกลัวจะไม่ได้สมบัติต้วนหลิงเทียนอีกหรือ?”
เสียงของเจิ้งหงอี้เต็มไปด้วยการชี้นำยวนยั่ว…
…
ต้วนหลิงเทียนกลับมาถึงลานฝึกบนเกาะส่วนตัวเล็กๆได้ไม่นาน เขาก็ได้รับข้อความจากซุนเหลียงเผิงประมุขนิกาอมตะเป้าผู่
“ต้วนหลิงเทียนแม้ครั้งนี้นักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือดจะลงมือพลาดไป…แต่ตามกฏขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดแล้ว พวกมันไม่เพียงแต่จะลดค่าจ้างลงครึ่งหนึ่ง แต่พวกมันยังจะส่งนักฆ่าคนใหม่มาปฏิบัติภารกิจลอบสังหารเจ้าต่อ!”
“ดังนั้นวันหน้าเป็นการดีเสียกว่าที่เจ้าจักไม่ออกไปจากนิกายอมตะเป้าผู่…และหากเจ้ามีเรื่องจำเป็นต้องออกไปไหนจริงๆ ก็ต้องแจ้งข้าก่อน ข้าจักได้ส่งคนไปติดตามคุ้มครองเจ้าได้”
กล่าวถึงกลางประโยคน้ำเสียงของซุนเหลียงเผิงก็ฟังดูเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่ามันหวั่นใจ กลัวนักฆ่ากะโหลกเลือดจะล่อต้วนหลิงเทียนออกไปฆ่าอีกรอบ
“ขอบคุณประมุข”
แม้ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้ดีว่าองค์กรกะโหลกเลือดไม่มีทางเลิกราไปในลักษณะนี้ และต้องส่งนักฆ่าคนใหม่มา แต่ก็ยังคงขอบคุณซุนเหลียงเผิงที่กล่าวเตือน
ตอนที่เขาไปหอตำรา ไม่เพียงเขาจะได้รู้ข้อมูลคร่าวๆขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเท่านั้น เขายังรู้กฏและขั้นตอนการปฏิบัติงานของพวกมันด้วย
‘หลังฆ่านักฆ่ากะโหลกเลือดนั่นไป พลังของข้าก็พร่องไปบางส่วน…ตอนนี้ระดับพลังที่เหลืออยู่ในร่างข้า เทียบได้กับขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศเท่านั้น’
‘อย่างไรก็ตาม แม้ระดับพลังข้าจะเทียบได้กับราชาอมตะ 10 ทิศ แต่ข้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏน้อยเกินไป…ต่อให้นักฆ่าหน้าใหม่ที่จะมาถึงเป็นแค่ราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ แต่ถ้ามันเข้าใจความลึกซึ้งแห่งกฏพอๆกับนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดนั่น ถ้าไม่ใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน ข้าก็คงสู้มันไม่ได้’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
ความลึกซึ้งของกฏนั้น ส่งผลต่อพลังความแข็งแกร่งไม่ใช่เล่นๆเลยทีเดียว กระทั่งทำให้สามารถสู่ข้ามขั้นพลังได้หลายขั้นไม่ยาก
‘ข้าต้องรีบทำความเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมของกฏแห่งไฟให้ได้โดยเร็วที่สุด…ด้วยความลึกซึ้ง 2ประการ อย่างน้อยๆด้วยพลังที่ข้ามีอยู่ตอนนี้ ขอเพียงองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดไม่ส่งนักฆ่าที่ทรงพลังมากมาจริงๆ อย่างน้อยข้าก็พอจะป้องกันตัวได้’
พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มทำความเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมของกฏแห่งไฟโดยมีเพลิงเทพโกลาหลช่วยเหลือทันที ยังตั้งใจถึงที่สุด ทำให้ความเข้าใจเขาก้าวหน้าไปเร็วมาก
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนทุ่มจิตสมาธิทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟอยู่นั้น
ฟุ่บ!
ณ บริเวณชายขอบเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว ปรากฏร่างในชุดคลุมลมดำหนึ่งเหินทะยานตัดฟ้ามาด้วยความเร็วสูงล้ำ
ร่างสีดำพุ่งทะลวงกลีบเมฆมาไม่ทันไร ก็ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรียบร้อย
“ไม่ทราบจริงๆว่าทางองค์กรคิดอะไรอยู่กันแน่…ถึงขั้นต้องส่งข้ามาลงมือด้วยตัวเองแบบนี้ นี่จะไม่ระวังเกินเหตุไปหน่อยรึไง?”
“กับอีแค่ผู้ที่ถือครองด่านพลังราชาอมตะ 10 ทิศเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน 2 ประการ…ขอแค่สุ่มเลือกนักฆ่าราชาอมตะ 4 รูปมาสักคน ก็สมควรฆ่ามันได้ง่ายๆ!”
ร่างสีดำเมื่อเหินเข้าเขตของคฤหาสน์เฉวียนโยวมาแล้ว มันก็เหินร่างข้ามฟ้ามุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งนิกายอมตะเป้าผู่ด้วยความเร็วสูง
และฟังจากเสียงพึมพำขณะมันเดินทาง ตัวตนของมันก็ถูกเปิดเผยให้ทราบ
นักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือด!
นักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือดนั้น ไม่ต้องกล่าวถึงขอบเขตราชาอมตะ 4 รูปเลย แม้จะเป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ แต่ความลึกซึ้งที่เข้าใจ ก็เหนือล้ำสุดที่ราชาอมตะขั้นเดียวกันในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวจะทาบติด
เรียกว่าสำหรับราชาอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแค่ 2 ประการ…ไม่ใช่เรื่องยากที่นักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 4 รูปจะฆ่าให้ตาย! กระทั่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ก็สามารถรับมือได้!
“เป้าหมายบัดซบที่ลำบากให้ข้าต้องถ่อมาไกลถึงสถานที่บ้านนอกหลังเขานี่…หากเจ้าไม่เข้าใจความลึกซึงถึง 4 ประการ เจ้าได้ตายแน่!”
ฟังจากเสียงบ่นขณะเดินทางของร่างในชุดคลุมลมดำที่เหินตัดฟ้ามาว่องไวแล้ว เห็นได้ชัดว่ามันมีความมั่นใจในตัวเองสูงลิบ
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เลย
ว่าเพื่อที่จะฆ่าเขาให้ตาย คราวนี้องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดได้ส่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6ผสานมา!
นักฆ่าระดับราชาอมตะ 6 ผสานขององค์กรกะโหลกเลือดนั้น พลังฝีมือของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นำขุมกำลังระดับ 7 ทั่วๆไปเลย!
ด้วยเหตุนี้มันจึงบ่นมาตลอดทางด้วยความไม่พอใจ ที่ทางองค์กรมอบภารกิจให้มันลงมือ เพราะมันรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างเป็นการลงแรงเกินเหตุนัก!
หนึ่งเดือนต่อมา
ในหุบเขาอันเป็นสถานที่พักอาศัยของเหล่าศิษย์ฝ่ายในนิกายอมตะเป้าผู่ ปรากฏร่างชายหนุ่มเดินออกมาจากบ้านลานของศิษย์ฝ่ายในหลังหนึ่ง
และทันทีที่มันก้าวออกมาจากบ้าน ศิษย์ฝ่ายในที่สังเกตเห็นมัน ก็เร่งทักทายมันด้วยน้ำเสียงเคารพทันที
“ศิษย์พี่เจิ้ง!”
“ศิษย์พี่เจิ้ง!”
…
ศิษย์ฝ่ายในที่พึ่งเดินออกมาจากบ้านไม่ใช่ใครที่ไหน มันก็คือ เจิ้งหงอี้ ศิษย์สายตรงลำดับที่ 3 ของประมุขนิกายอมตะเป้าผู่นั่นเอง
‘แค่เดือนเดียวนักฆ่าคนใหม่ของกะโหลกเลือดก็เดินทางมาถึงแล้วงั้นหรือ…ดูเหมือนจะเร็วกว่านักฆ่าคนก่อนหลายเดือนทีเดียว’
‘ท่าทางด่านพลังฝึกปรือของนักฆ่าคนใหม่ที่ทางกะโหลกเลือดส่งมา จะร้ายกาจกว่าคนเก่ามาก’
‘แต่ก็สมควรเป็นเช่นนี้…เพราะสุดท้ายข้าก็ได้แจ้งเฉินหลีไปแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนได้ใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองฆ่านักฆ่าราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด ไม่ใช่ยันต์อมตะใดๆ ทำให้ระดับพลังของมันที่หลงเหลือในร่างต้องอยู่ในขอบเขตราชาอมตะขั้นสูงๆแน่ เผลอๆจะเป็นขั้น 10 ด้วยซ้ำ!’
‘อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้เลยที่ทางกะโหลกเลือดจะส่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศมา…เพราะอย่างไรเสียพลังที่ต้วนหลิงเทียนถือครองอยู่ตอนนี้ใช้ไปส่วนก็หายไปอีกส่วน แม้จะทรงพลังทัดเทียมกับราชาอมตะ 10 ทิศ แต่ความลึกซึ้งที่มันเข้าใจก็นับว่าอ่อนด้อยนัก แค่ 2 ประการเท่านั้น แถมหนึ่งในนั้นก็คือความหมายแห่งกฏอีกด้วย…’
‘คิดจะฆ่ามัน ขอเพียงองค์กรกะโหลกโลหิตส่งนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 4 รูปมาก็น่าจะพอ…เพราะท้ายที่สุดแล้วต่อให้เป็นแค่นักฆ่าระดับราชาอมตะ 4รูป แต่ความลึกซึ้งที่เข้าใจก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาจารย์ข้าผู้เป็นประมุขนิกายอมตะเป้าผู่แห่งนี้ด้วยซ้ำ’
‘และการที่มันใช้เวลาแค่เดือนเดียวก็เดินทางมาถึงที่นี่ได้…อย่างน้อยๆนักฆ่าคนใหม่ที่องค์กรกะโหลกเลือดส่งมาก็ต้องเป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ขึ้นไปแน่นอน’
ในขณะออกจากหุบเขาที่พัก สองตาเจิ้งหงอี้ก็ทอประกายวูบวาบด้วยความตื่นเต้นไม่หยุด และก่อนจะออกจากหุบเขาไป มันยังไม่ลืมจะหันไปมองเกาะลอยเกาะหนึ่งบนฟ้าเหนือหุบเขา มุมปากเริ่มปรากฏรอยยิ้มอันเยียบเย็นออกมา
‘ต้วนหลิงเทียน เจ้ายังเหลือเวลาหายใจได้อีกไม่นานนักหรอก…เว้นเสียแต่เจ้าจักเป็นเต่าหัวหดหลบอยู่ในนิกาย หาไม่แล้วขอเพียงเจ้ากล้าออกนอกนิกายเมื่อไหร่ เจ้าได้ตายอนาถแน่!’
เจิ้งหงอี้ลอบหัวเราะเยาะในใจ
เกาะลอยที่เจิ้งหงอี้มองอยู่ แน่นอนว่าเป็นเกาะส่วนตัวอันมีบ้านลานที่ต้วนหลิงเทียนอาศัยอยู่นั่นเอง
ที่ไฉนมันเดินทางออกจากที่พักศิษย์ฝ่ายในแบบนี้ ก็เพราะเฉินหลีได้แจ้งมาว่า นักฆ่าคนใหม่ขององค์กรกะโหลกเลือดได้มาถึงแล้ว เจิ้งหงอี้ก็เลือกจะออกไปพบอีกฝ่าตามลำพังโดยไม่ได้แจ้งหวังหงแต่อย่างไร
และก็เป็นเช่นเดียวกับครั้งก่อน เฉินหลีได้แจ้งเจิ้งหงอี้มาว่าอีกฝ่ารอคอยอยู่ที่ไหน จะได้ไปแลกลูกแก้ววิญญาณเพื่อใช้ติดต่อคอยประสานในนอก
คราวที่แล้วที่มันพาหวังหงไปด้วย เนื่องเพราะนางคิดจะจ่ายมัดจำครึ่งหนึ่ง
ครั้งนี้เมื่อไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่ม เจิ้งหงอี้ย่อมไม่คิดจะแจ้งหวังหงเป็นธรรมดา
“ผู้อาวุโส”
ภายในหุบเขาอันห่างไกลทั้งไร้แสงตะวันส่องถึง เจิ้งหงอี้ที่มุ่งหน้าฝ่าความมืดมาถึงจุดหนึ่ง ก็ประสานมือคารวะทักทายนักฆ่าผู้มาใหม่ขององค์กรกะโหลกเลือด แม้ที่ทางจะมืดแต่เจิ้งหงอี้ก็ยังเห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลายคนที่มีรูปร่างสมส่วนคนหนึ่ง
ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็สวมใส่ชุดคลุมลมดำ บริเวณอกปักสัญลักษณ์กะโหลกไขว้ขององค์กรกะโหลกเลือดเอาไว้ตามปกติ อย่างไรก็ตามแววตาของอีกฝ่ายช่างเย็นชาเหลือเกิน เจิ้งหงอี้พอสบกับสายตาเย็นชาของอีกฝ่าย หนังศีรษะของมันพลันบังเกิดอาการชาด้านทันที
“หลังจากนี้ข้าจะพยายามหาวิธีล่อเป้าหมายออกมา…แน่นอนว่าหากตัวเจ้ามีวิธีล่อเป้าหมายให้ออกมาได้ องค์กรกะโหลกเลือดเราย่อมไม่คิดเอาเปรียบเจ้า และจักมอบโอสถ ‘จวินจี่’ ให้เจ้า 10 ขวด”
ชายวัยกลางคนเหลือบมองเจิ้งหงอี้ พลางเอ่ยออกเสียงเรียบ
ถึงแม้ด้วยพลังฝีมือของมัน ทั้งนิกายอมตะเป้าผู่สมควรมีซุนเหลียงเผิงคนเดียวเท่านั้นที่พอจะประมือกับมันได้ไหว และไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะฆ่ามันได้แน่
เรียกว่าต่อให้มันบุกเข้าไปเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนคานิกายอมตะเป้าผู่อย่างอุกอาจ มันก็สมควรมีพลังมากพอจะเข้าไปและถอนตัวกลับออกมาได้ไม่ยากเย็น!
หากทว่ามันไม่กล้าทำแบบนั้น
เพราะถึงแม้นิกายอมตะเป้าผู่ที่เป็นขุมกำลังระดับ 7จะไม่ได้อยู่ในสายตาของมัน แต่อย่างไรก็มีสัมพันธ์กับคฤหาสน์เฉวียนโยว หากมันบุกเข้าไปฆ่าคนอย่างอุกอาจจริง ย่อมไม่ต่างอะไรจากไม่เห็นคฤหาสน์เฉวียนโยวอยู่ในสายตา
ถึงตอนนั้นต่อให้มันเลือกจะปกปิดตัวเอง ไม่เผยตัวว่าเป็นนักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือด และฆ่าต้วนหลิงเทียนได้จริงๆ แต่เกรงว่าคงยากจะหนีออกนอกเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวพ้น
เพราะ 3 นิกาย 2 ตระกูลที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยตรง ล้วนแล้วแต่มีค่ายกลที่ทางคฤหาสน์เฉวียนโยวส่งปรมาจารย์ค่ายกลอมตะมาจัดตั้งไว้เป็นพิเศษ เรียกว่าทันทีที่มันเข้าไปด้านใน 3นิกาย 2 ตระกูล ตัวมันก็จะถูกค่ายกลตีตราประทับบางอย่างเอาไว้ และยากจะลบได้ออกในเวลาอันสั้น
ด้ายตราประทับที่ว่า ทำให้คฤหาสน์เฉวียนโยวสามารถตามรอยมาถึงมันได้โดยง่าย
ถึงตอนนั้นคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่พ้นต้องส่งตัวตนระดับบผู้ตรวจการออกมาไล่ล่าสังหารมัน ทันทีที่ถูกอีกฝ่ายพบตัว เกรงว่ามันคงหนีไม่พ้นความตาย!
ดังนั้นมันทำได้แค่เฝ้ารอให้ต้วนหลิงเทียนออกจากนิกายอมตะเป้าผู่ เพื่อให้ดำเนินการสังหารโดยสะดวก
“โอสถจวินจี่ 10 ขวด!?”
ได้ยินวาจาดังกล่าวของชายวัยกลางคน สองตาเจิ้งหงอี้ก็ทอประกายสว่างจ้าทันที
โอสถจวินจี่นั้น เป็นโอสถอมตะที่ผู้ฝึกตนขอบเขตขุนนางอมตะใช้บ่มเพาะพลัง และก็มีคุณสมบัติคล้ายๆโอสถหลัวเทียนที่ตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะนิยมใช้ หากแต่มันมีมูลค่าเหนือกว่าโอสถหลัวเทียนมาก และเป็นโอสถอมตะระดับขุนนาง
ต่อให้ตัวมันจะเป็นศิษย์สายตรงลำดับที่ 3 ของประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ แต่มันจะได้รับโอสถจวินจี่ก็ต่อเมื่อใกล้ทะลวงด่านพลังแล้วเท่านั้น
แต่ตอนนี้มันกลับมีโอกาสได้รับโอสถจวินจี่ถึง 10ขวด!
ในระนาบเทวโลก โอสถขวดหนึ่งนั้นปกติแล้วจะบรรจุเม็ดยาเอาไว้ 10 เม็ด ซึ่งนี่เป็นมาตรฐานสากล
จึงกล่าวได้ว่าโอสถจวินจี่ 10 ขวด ก็หมายถึงโอสถจวินจี่ 100 เม็ด!
หลังจากแลกลูกแก้ววิญญาณเพื่อใช้ติดต่อกับชายวัยกลางคนแล้ว เจิ้งหงอี้ก็เร่งรุดกลับนิกายอมตะเป้าผู่ทันที
ระหว่างเดินทางกลับนิกายยอมตะเป้าผู่ เรียกว่าในใจของเจิ้งหงอี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอันยยากระงับ เพราะโอสถจวินจี่ 10 ขวดช่างเป็นอะไรที่ยั่วยวนใจของมันเหลือเกิน!
‘ทำอย่างไร ข้าถึงจะล่อเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นให้มันออกจากนิกายได้…’