มือขวาของหลิงหยุนขยับอีกครั้งและเขากำลังชักกระบี่โลหิตแดนใต้ออกจากฝักอย่างช้าๆ ถึงเวลาที่เขาต้องชักกระบี่ออกจากฝักเสียที..
และทันทีที่มือขวาของหลิงหยุนขยับเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็หันไปมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วต่างคนต่างก็กระโดดถอยหลังออกไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้!
นั่นเพราะร่างไร้ศรีษะของกัวเสี่ยวเทียนแห่งสำนักดาบสวรรค์ที่กองอยู่กับพื้นนั้นเป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของหลิงหยุนได้เป็นอย่างดี!
นอกเหนือจากหลวงจีนของวัดเส้าหลินและนักพรตจากบู๊ตึ๊งแล้ว ยอดฝีมือคนอื่นๆ ที่ขึ้นมาถึงยอดเขานั้น จนป่านนี้ยังไม่มีใครพูดอะไร หรือลงมือทำสิ่งใดเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนยังคงยืนนิ่ง.. อย่าว่าแต่จะเป็นฝ่ายลงมือจู่โจมหลิงหยุนเลย แม้แต่จะพูดกับหลิงหยุนก็ดูเหมือนจะไม่กล้าด้วยซ้ำไป..
กัวเสี่ยวเทียนนั้นนับว่าเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งคนหนึ่งแม้กระทั่งยอดฝีมือบางคนที่อยู่บนยอดเขาหลงเหมินเวลานี้ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ในขั้นใหนแล้ว แต่ต่อให้โง่เขลาสักเพียงใดก็น่าจะพอคาดเดาได้ว่า กัวเสี่ยวเทียนนั้นไม่น่าจะต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-8 อย่างแน่นอน!
ก่อนหน้านี้หลิงหยุนเผชิญหน้ากับศิษย์สำนักดาบสวรรค์ทั้งห้าคนพร้อมกันแต่เขากลับสามารถสังหารกัวเสี่ยวเทียนได้ในเวลาไม่นานเช่นนี้ นั่นย่อมหมายความว่าหลิงหยุนควรจะต้องอยู่ในขั้นที่เหนือกว่ากัวเสี่ยวเทียนไม่ใช่หรือ
เวลานี้บนยอดเขาหลงเหมิน..มียอดฝีมือมารวมตัวกันมากกว่าสี่สิบคน และไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-8 นั้นมีมากน้อยเพียงใด
แต่ที่แน่ๆยอดฝีมือในที่นี้ล้วนไม่มีใครอยู่ต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-3 เลยสักคน แต่ละคนกว่าจะฝึกฝนมาจนถึงขั้นนี้ได้นั้น ต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของตนเองก็ว่าได้! ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการมาตายด้วยน้ำมือของหลิงหยุน..
แม้ว่าฝ่ายของหลิงหยุนจะมีอยู่กันเพียงแค่สองคน..แต่ฝ่ายตรงข้ามที่มียอดฝีมือจำนวนมากกว่านั้น กลับไม่มีผู้ใดกล้าที่จะลงมือกับหลิงหยุนก่อน!
และเวลานี้ดูเหมือนจะมีเพียงหลวงจีนเจี๋วยหยวนแห่งเส้าหลินนักพรตชงซวีแห่งบู๊ตึ๊ง และมือกระบี่แห่งสำนักกระบี่คุนหลุนหลี่เคิ่นวู๋เท่านั้น ที่กล้าจะต่อปากต่อคำ และยืนเผชิญหน้ากับหลิงหยุนเช่นนี้..
จิตใจของมนุษย์ล้วนเป็นเช่นนี้!
ทันทีที่เห็นหลิงหยุนค่อยๆชักกระบี่ออกจากฝัก.. ยอดฝีมือที่อยู่ทางด้านขวามือของหลิงหยุน ต่างก็พากันกระโดดถอยหลังหนีทันที และด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ยอดฝีมือหลายคนต่างก็พากันดึงอาวุธประจำตัวของตนเองออกมากันจ้าละหวั่น และเวลานี้ทุกคนก็อยู่ในท่าเตรียมพร้อมป้องกันตัวเองเต็มที่!
“ช้าก่อน!”
นักพรตชงซวีเห็นหลิงหยุนกำลังชักกระบี่ออกมาจากฝักเช่นนั้นจึงรีบร้องตะโกนห้ามไว้ทันที!
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยและจ้องมองอย่างใกล้จะหมดความอดทน แต่ก็หยุดการดึงกระบี่ออกจากฝักไว้เพียงเท่านั้น..
และนั่นทำให้ยอดฝีมือที่ยืนอยู่ทางด้านขวามือของหลิงหยุนถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลายคนถึงกับกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก และรับรู้ได้ถึงเหงื่อเย็นที่ผุดออกมาตามใบหน้าและร่างกาย พวกเขาต่างก็รับรู้ได้ถึงลมเย็นยะเยือกที่กำลังสัมผัสแผ่นหลังของตนเอง..
“เจ้านี่ช่างน่าสนใจยิ่งนัก!”
นักพรตชางซวีร้องบอกหลิงหยุนพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นนักพรตชางซวีจ้องมองราวกับว่าหลิงหยุนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้คือมนุษย์ต่างดาว หลังจากนั้นจึงยิ้มออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“สำนักบู๊ตึ๊งมุ่งมั่นศึกษาหลักปรัชญาสูงสุดแห่งเต๋า(ไท่จี๋) และสนใจเพียงแค่เรื่องการฝึกฝนอบรมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติเท่านั้น น้อยนักที่จะได้เห็นนักพรตจากสำนักบู๊ตึ๊งเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องทางโลก..”
และทันทีที่นักพรตซงซวีพูดจบ..ยอดฝีมือทั้งสี่จากเขาหลงหู่ต่างก็ยิ้มออกมาอย่างเหยียดหยัน..
จากนั้น..นักพรตซงซวีก็ถามหลิงหยุนว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดครั้งนี้พวกเราบู๊ตึ๊งจึงต้องเดินทางมาที่จิงฉู”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมถามกลับไปว่า“พวกเจ้ามาเพราะเรื่องของพู่กันจักรพรรดิ และสมุดจักรพรรดิไม่ใช่รึ”
นักพรตชงซวีได้แต่ยิ้มออกมาเมื่อเห็นหลิงหยุนพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้แล้วจึงตอบกลับไปว่า
“จะพูดเช่นนั้นก็ได้..แต่ก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียวนัก!”
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับถามขึ้นว่า“ไม่ทราบว่านักพรตต้องการพูดอะไรกันแน่!”
ชงซวียิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะพูดขึ้นว่า“ข้าขอถามเจ้าตามตรง.. เจ้าคือผู้ครอบครองพู่กันจักรพรรดิกับสมุดจักรพรรดิหรือไม่”
หลิงหยุนตอบกลับอย่างไม่ลังเล“ไม่ใช่ข้า! และตัวข้าเองก็ไม่รู้ด้วยว่าพู่กันจักรพรรดิกับสมุดจักรพรรดิบ้าบอที่พวกเจ้าพูดถึงนั้น มันคืออะไรกันแน่”
ของสองสิ่งนี้นำมาซึ่งความตาย..มีหรือที่หลิงหยุนจะยอมรับ!
แต่หลิงหยุนกลับคิดไม่ถึงว่านักพรตผู้มีใจหมกมุ่นอยู่กับพู่กันจักรพรรดิและสมุดจักรพรรดิผู้นี้ จะยอมพยักหน้าเชื่อคำพูดของเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้..
จากนั้นนักพรตชงซวีก็ถามต่อว่า“เวลานี้ในยุทธภพต่างก็ร่ำลือกันว่าเจ้าคือผู้ที่ครอบครองหม้อเสินหนง.. เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่ หากเป็นความจริง.. เจ้าพอจะนำออกมาให้พวกเราชมได้หรือไม่?”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า‘พูดไปพูดมา.. ดูเหมือนนักพรตบู๊ตึ๊งผู้นี้ คงจะต้องการหม้อเสินหนงของข้านี่เอง!’
แต่หลิงหยุนก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าตนเองมีหม้อเสินหนงอยู่ในมือจริงๆเพราะเขาเองก็เคยใช้หม้อเสินหนงทุบบ้านของเถียนป๋อเตาต่อหน้าผู้คนมากมายมาแล้ว อีกทั้งในเวลานั้นสื่อต่างๆ ก็ได้ถ่ายรูปและคลิปไว้มากมาย
และต่อให้สำนักบู๊ตึ๊งไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องทางโลกจริงด้วยความสามารถของบู๊ตึ๊ง ย่อมต้องสืบหาข่าวคราวเรื่องนี้ได้ไม่ยาก..
หลิงหยุนจึงไม่ปฏิเสธและไม่คิดที่จะปฏิเสธด้วย..
หลิงหยุนยิ้มจนเห็นฟันขาวเรียงรายสวยงามแล้วจึงพูดขึ้นว่า “หม้อเสินหนงงั้นรึ เป็นความจริง! เพียงแต่ว่า..”
หลิงหยุนก้มหน้าลงมองมือทั้งสองข้างของตนเองจากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นพูดกับชงซวีว่า “หม้อเสินหนงทั้งใหญ่ และหนักเช่นนั้น เจ้าคิดว่าข้าจะแบกไปใหนต่อใหนด้วยงั้นรึ”
นักพรตชงซวีได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนแล้วก็เอาแต่หัวเราะออกมาพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนนิ่งไม่พูดไม่จา..
หลิงหยุนฟังแล้วรู้สึกไม่พอใจนักจึงได้ร้องตะโกนถามขึ้นว่า “เจ้าหัวเราะเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน”
นักพรตชงซวีเอาแต่ยิ้มก่อนจะพูดแก้เก้อไปว่า “ไม่มีอะไร.. ข้าก็แค่อยากจะได้เห็นกับตาสักครั้ง!”
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมตอบกลับไปว่า“แล้วถ้าข้าตอบว่าไม่ล่ะ..”
ชงซวีจ้องมองหลิงหยุนนิ่งพร้อมกับตอบยิ้มๆ“ข้าแค่ต้องการขอดู.. ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น..”
หลิงหยุนครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงตอบกลับไปว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเราค่อยเจรจาเรื่องนี้กันวันหลัง.. ไม่ใช่คืนนี้!”
นักพรตชงซวียิ้มสดใสพร้อมพูดขึ้นว่า“ดี!”
จากนั้นเขาก็พูดอะไรอีกไม่กี่คำแล้วจึงหันหลังให้หลิงหยุน แล้วเดินกลับไปที่เดิมทันที!
และสำนักบู๊ตึ๊งก็วางมือไปอีกราย..
และนั่นทำให้เหล่ายอดฝีมือที่เหลือบนเขาหลงเหมินได้แต่ยืนงุนงง..
เส้าหลินวางมือ..บู๊ตึ๊งเองก็เช่นกัน! เช่นนั้นแล้วเหล่ายอดฝีมือมากมายจะมารวมกันที่นี่เพื่ออะไร มาร่วมรับประทานอาหารกันอย่างนั้นหรือ?
“นักพรตชงซวี..เจ้าช่างไร้ยางอายนัก! บู๊ตึ๊งทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้เป็นด้วยรึ!”
จู่ๆก็มีเสียงร้องตะโกนอย่างเดือดดาลดังออกมา และเสียงนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่ดังมาจากหนึ่งในยอดฝีมือจากเขาหลงหู่นามว่าชางซง..
ระหว่างบู๊ตึ๊งกับหลิงหยุนนั้นไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกันและยอดฝีมือจากเขาหลงหู่เองก็ยังไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับหลิงหยุนเช่นกัน!…ไอรีนโนเวล
เมื่อชงซวีก้าวออกมานั้นแทนที่จะทวงถามความยุติธรรมให้กับเหล่าชาวยุทธ แต่กลับมาพูดจาต่อรองเรื่องหม้อเสินหนงกับหลิงหยุนอย่างไร้ยางอายเช่นนี้ มีหรือที่ชางซงจะไม่ขุ่นเคือง
บู๊ตึ๊งมาที่นี่เพื่อหม้อเสินหนงและที่พวกเขาลงจากเขาหลงหู่มาที่นี่ ก็ไม่ใช่เพื่อหม้อเสินหนงเช่นกันอย่างนั้นรึ พวกเขาต่างก็สนใจ และให้ความสำคัญกับหม้อเสินหนงไม่แพ้บู๊ตึ๊ง..
เมื่อถูกกล่าวหาว่าไร้ยางอายเช่นนี้ศิษย์สำนักบู๊ตึ๊งถึงกับชักกระบี่ยาวออกมาพร้อมกับหันไปเผชิญหน้ายอดฝีมือจากเขาหลงหู่ด้วยความเดือดดาล..
นักพรตชงซวีกระแอมเบาๆก่อนจะโบกมือขึ้นห้ามปรามพร้อมกับสั่งให้เก็บอาวุธ จากนั้นจึงหันไปพูดกับเทียนซือ (ผู้เผยแพร่จากสวรรค์) ทั้งสี่จากเขาหลงหู่
“อย่ามีเรื่องกันจะดีกว่า..”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า..น่าสนุกไม่น้อยทีเดียว!
ดูเหมือนว่าเหล่านักพรตเต๋าจากสำนักต่างๆนั้นต่างก็ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนัก อย่างน้อยเวลานี้นักพรตจากสำนักบู๊ตึ๊งกับเหล่าเทียนซือจากเขาหลงหู่ก็ดูเหมือนจะขัดแย้งกัน..
แม้ทั้งสองฝ่ายจะฝึกตนตามแนวทางเต๋าแต่ดูเหมือนบู๊ตึ๊งเลือกที่จะฝึกตนเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ และไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก แต่เทียนซือจากเขาหลงหู่นั้นดูเหมือนจะมุ่งข้องเกี่ยวกับโลก และให้ความสำคัญกับการปราบมาร..
แม้ว่าสี่ยอดฝีมือจากเขาหลงหู่จะขุ่นเคืองในการกระทำของนักพรตชงซวีเป็นอย่างมากแต่พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะบู๊ตึ๊งมีถึงเจ็ดคน ส่วนพวกเขามีกันเพียงแค่สี่คน อีกทั้งยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะประมือกับคนของบู๊ตึ๊งได้ จึงได้แต่นิ่งเงียบไป..
ชางซงนั้นแม้จะโกรธนักพรตชงซวีมากแต่ก็ไม่กล้าที่จะฉีกหน้าอีกฝ่าย ในที่สุดจึงหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า
“นี่..มารน้อย! ต่อให้เส้าหลินกับบู๊ตึ๊งวางมือไม่ยุ่งเกี่ยวกับเจ้า แต่เจ้าก็อย่าหวังได้มีชีวิตลงจากเขาหลงเหมินนี้ไปได้!”
หลิงหยุนแทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีหลิงหยุนได้ฟื้นฟูกำลังจนกลับสู่สภาพสมบูรณ์สูงสุดแล้ว หลิงหยุนจ้องมองชางซงด้วยสีหน้าเย้ยหยันพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ข้าอยู่นี่แล้ว..และกำลังรอรับมือเจ้าอยู่!”
“หลิงหยุน..เจ้ามารน้อย! เจ้าอย่าได้ยะโสโอหังเพราะคิดว่าตนเองมีกระบี่โลหิตแดนใต้อยู่ในมือ..”
แต่จู่ๆหลิวซุ่ยเฟิงที่เห็นทั้งเส้าหลินและบู๊ตึ๊งต่างก็ตั้งใจจะวางมือจากหลิงหยุน จึงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และรีบร้องตะโกนออกไปว่า
“ไต้ซือเจี๋วยหยวนนักพรตชงซวี.. พวกท่านอย่าได้ถูกมารน้อยตนนี้หลอกเอา มันไม่ได้มีเพียงกระบี่โลหิตแดนใต้เท่านั้น แต่ยังมีวิชาดูดลมปราณอีกด้วย..”
“อะไรนะ!”
“ห๊ะ..นั่นมัน!”
เมื่อได้ยินชื่อวิชาดูดลมปราณทุกคนในที่นั้นต่างก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง สีหน้าบ่งบอกถึงความหวาดผวา มีเพียงศิษย์สำนักกระบี่คุนหลุนกับสำนักดาบสวรรค์เท่านั้นที่ยังคงนิ่งเฉย..
แม้แต่หลวงจีนเจี๋วยหยวนแหงเส้าหลินและนักพรตชงซวีแห่งบู๊ตึ๊งเอง ก็ยังถึงกับนิ่งอึ้งไป ทั้งคู่หันไปมองหน้ากัน และต่างก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา..
“ช่างทำเสียงดังรบกวนข้านัก!”
หลิงหยุนเดือดดาลอย่างมากเขาใช้มังกรพรางร่างขั้นสุดทิ้งเงาไว้ในตำแหน่งเดิม แต่ร่างจริงไปยืนตรงหน้าของหลิวซุ่ยเฟิง..
ใบหน้าของหลิวซุ่ยเฟิงเต็มไปด้วยความหวาดผวาและพยายามที่จะหลบหนี แต่มีหรือที่จะสามารถหลบหลิงหยุนได้..
ร่างของหลิงหยุนวิ่งอ้อมหลังของเหล่ายอดฝีมือไปยืนอยู่ตรงหน้าหลิวซุ่ยเฟิงจากนั้นจึงยื่นมือซ้ายของตนเองเข้าไปคว้าคอของหลิวซุ่ยเฟิงไว้ และกลับไปยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมภายในชั่วพริบตา!
ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนว่าร่างของหลิงหยุนไม่ได้ขยับเขยื้อนไปใหนด้วยซ้ำไป..แต่ร่างของหลิวซุ่ยเฟิงกลับถูกหลิงหยุนกำเข้าที่ลำคอ และยกลอยขึ้นจากพื้น..
ตูม!ตามมาด้วยเสียงหลิงหยุนยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่ร่างของหลิวซุ่ยเฟิง และไม่เพียงเท่านั้น.. เขายังยกมือขึ้นชกเข้าที่ใบหน้าของหลิวซุ่ยเฟิงอีกหนึ่งครั้ง..
“อ๊าก..”
เสียงกรีดร้องของหลิวซุ่ยเฟิงดังขึ้นและจมูกของเขาก็ถูกหมัดอันทรงพลังของหลิงหยุนชกเข้าจนยุบหายลงไป และปากทั้งปากก็ยุบหายเข้าไปด้วยเช่นกัน เวลานี้ใบหน้าของหลิวซุ่ยเฟิงพังยับเยิน และมีเลือดไหลกลบอยู่เต็มไปหมด..
ไม่เพียงเท่านั้น..หลิงหยุนยังชกเข้าไปที่ท้องของหลิวซุ่ยเฟิงอีกหนึ่งหมัด และเพียงแค่หมัดเดียวของหลิงหยุน ก็ทำให้หลิวซซุ่ยเฟิงถึงกับหมดฤทธิ์เดชในทันที
และแล้ว..หลิวซุ่ยเฟิงก็สูญเสียทักษะทั้งหมดของตนเอง!
ปัง!
หลิงหยุนโยนร่างที่หมดสภาพไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งของหลิวซุ่ยเฟิงลงไปกับพื้นเขาจ้องมองหลิวซุ่ยเฟิงที่แม้อยากจะร้องก็ร้องไม่ออกนั้นด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย..
“ยังมีอะไรเกี่ยวกับข้าที่เจ้าอยากจะพูดอีกหรือไม่”
Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 974 : บู๊ตึ๊งกับหม้อเสินหนง!
บทที่ 974 : บู๊ตึ๊งกับหม้อเสินหนง!
Posted by ? Views, Released on ตุลาคม 22, 2021
, Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..