ในห้องอาหารส่วนตัวบนชั้นสองของร้านน้ำชาตรงข้ามเรดซันเฟอร์นิเจอร์ซิตี้มีคนสี่คนยืนอยู่ที่หน้าต่างพลางจิบชาด้วยท่าทีสบายๆ สายตาของพวกเขามองลงไปที่ขั้นบันไดหน้าประตูร้านเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนน
ทั้งสี่คนนี้เป็นผู้ชายสามคนและเป็นผู้หญิงหนึ่งคนผู้ชายทั้งสามดูเหมือนจะยังอายุไม่เยอะเท่าไหร่คนที่โตสุดอายุแค่สามสิบต้นๆเท่านั้น ส่วนผู้หญิงคนนี้แม้ว่าเธอจะแต่งตัวหวานแหววทันสมัย แต่ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยริ้วรอยโดยเฉพาะเวลาที่เธอหัวเราะมันยิ่งทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามริ้วรอยได้บ่งบอกถึงอายุจริงของเธอโดยไม่ต้องคาดเดาให้เสียเวลา มันแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะอยู่ในช่วงของวัยกลางคน
อันที่จริงแล้วทั้งสี่คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นผู้หญิงวัยกลางคนคนนี้เธอเพิ่งเดินทางจากหยานจิงมาที่เจียงโจวแน่นอนว่าเธอคือเฉียวหรง ส่วนชายหนุ่มสามคนที่อยู่ข้างๆเธอเป็นพี่น้องสำนักเดียวกันกับจูหยงเต๋าและเป็นเพื่อนกับเฉียวเจียไค ชายหนุ่มคนที่อายุสามสิบต้นๆ เขาชื่อว่าเทียนกั๋วถงเป็นพี่ห้าของพวกเขา
ความขัดแย้งระหว่างจี้เฟิงและจางหย่งเฉียงทำให้กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังของทั้งสองฝ่ายตื่นตระหนก และเฉียวหรงก็ได้ข่าวทันที
ทันทีที่เธอได้ยินเรื่องความขัดแย้งระหว่างจี้เฟิงและจางหย่งเฉียงอีกทั้งจางหย่งเฉียงยังได้ระดมมือดีจำนวนมากเพื่อมาจัดการกับจี้เฟิงที่ร้านเฟอร์นิเจอร์แห่งหนึ่ง เทียนกั๋วถงก็เสนอให้เฉียงหรงมาที่เกิดเหตุทันที
เฉียวหรงรู้ได้ในทันทีว่าเทียนกั๋วถงต้องการมาดูทักษะการต่อสู้ของจี้เฟิงเพื่อตรวจสอบความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาจะมีสักกี่คนที่สามารถทำร้ายและเอาชนะจูหยงเต๋าได้ สัตว์ร้ายตัวนี้ดึงดูดความสนใจของเทียนกั๋วถงได้มากพอสมควร
แน่นอนว่าเฉียวหรงไม่ปฏิเสธข้อเสนอนี้เพราะตัวเธอเองก็อยากจะเห็นว่าสัตว์พันทางที่เกิดจากผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นมันจะมีความเก่งกาจสักแค่ไหนถึงได้ทำให้ลูกชายของเธอต้องบาดเจ็บสาหัส
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าจี้เฟิงถูกจางหย่งเฉียงฆ่าเสียตั้งแต่ที่นี่เฉียวหรงก็เหมือนจะได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ไปเต็มๆมันคือสิ่งที่เธอใฝ่ฝัน จี้เฟิงที่ถูกฆ่าโดยจางหย่งเฉียงนั้น ไม่ว่าตระกูลจี้จะหงุดหงิดหรือไม่พอใจแค่ไหนก็ไม่อาจใช้เรื่องนี้มาตำหนิตระกูลเฉียวได้ อย่างมากพวกเขาคงทำได้เพียงแค่ระบายความโกรธกับจางหย่งเฉียงและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเขา
แม้ว่าคนเหล่านี้จะเคยเป็นสมาชิกของตระกูลเฉียวแต่ใครๆก็รู้ว่าตอนนี้อำนาจของตระกูลเฉียวค่อยๆหดหายและแทบไม่มีเหลือในเจียงโจวแล้ว ดังนั้นในกรณีนี้หากไม่มีหลักฐานเพียงพอแล้วตระกูลเฉียวถูกตระกูลจี้โจมตี ตระกูลอื่นๆจะไม่เห็นด้วยเพราะนี่เป็นการกระทำที่ผิดกฎอย่างเห็นได้ชัด
ตระกูลจี้ของพวกคุณสามารถจัดการกับตระกูลเฉียวอย่างไม่สมเหตุสมผลได้ในวันนี้แล้วถ้าวันพรุ่งนี้คุณใช้ข้ออ้างเช่นเดียวกันนี้เพื่อจัดการกับตระกูลอื่นๆล่ะ
ไม่ว่าตระกูลจี้จะแข็งแกร่งสักแค่ไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะรับมือกับการโจมตีร่วมกันของตระกูลอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้เองเฉียวหรงและชายหนุ่มทั้งสามคนจึงมาที่ร้านน้ำชาแห่งนี้เพื่อมารอดูว่าจี้เฟิงจะถูกฆ่าตายด้วยมีดหรือจะถูกตีตายด้วยไม้แน่นอนว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเฉียวหรงถ้าจี้เฟิงจะถูกฆ่าตายในการทะเลาะวิวาทที่วุ่นวายนี้ แต่มันจะดีกว่ามากหากจี้เฟิงจะถูกคนนับหมื่นรุมเหยียบย่ำจนตาย!
ไอ้เด็กคนนี้มันบ้ามากแค่ดูก็รู้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ท่าทางที่ดุร้ายของพวกเขามันบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเคยผ่านเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนบางทีพวกเขาอาจจะเป็นอันธพาลมืออาชีพ! ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเขามองไปที่จี้เฟิงที่กำลังเดินลงบันไดด้วยท่าทางสบายๆและอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเย็นชา เขาคิดว่าตัวเองเป็นยอดฝีมือจริงๆหรือ
เหวินเหลียงต้องระวังตัวให้มากเพราะคนผู้นี้สามารถทำร้ายศิษย์น้องจูและศิษย์น้องคนอื่นๆได้ แสดงว่าทักษะการต่อสู้ของเขาต้องไม่ธรรมดา นี่เป็นเวลาที่เราจะต้องจับตาดูให้ดี เทียนกั๋วถงขมวดคิ้วเล็กน้อยเขามีความรู้สึกว่าฝีมือของจี้เฟิงอาจจะพอๆกันกับเขาเลยด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มที่ชื่อเหวินเหลียงดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยแต่เขาไม่กล้าที่จะหักล้างคำพูดของเทียนกั๋วถงเขาทำได้แค่หยุดพูดและยิ้มอย่างฝืนๆ
นายเทียนไอ้เด็กนี่มันเก่งมากเลยเหรอ เฉียวหรงเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและหูตาไวเพียงแค่แวบแรกที่เธอเห็นความเคร่งขรึมที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียนกั๋วถงมองไปยังจี้เฟิงเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
เทียนกั๋วถงส่ายหัวเล็กน้อยและกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่อาจทราบได้แน่ชัด แต่ข้าเชื่อว่าหากเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไปเผชิญหน้ากับอันธพาลที่มีท่าทีดุร้ายราวกับหมาป่ามากกว่า 20 ตัว เขาจะไม่มีท่าทีสงบนิ่งเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
ดูเร็ว!เขาสู้กันแล้ว! ชายหนุ่มคนหนึ่งตะโกนขึ้นและสายตาของทุกคนก็หันขวับไปที่เขาทันที
สิ่งที่พวกเขาเห็นคือมีนักเลงสองคนรูปร่างแข็งแรงวิ่งอยู่แถวหน้าด้วยใบหน้าดุร้ายพวกเขาหยิบท่อเหล็กออกมาและในเวลาเดียวกันพวกเขาก็เข้าไปต่อสู้กับจี้เฟิงทีละคน
ทันใดนั้นเท้าข้างหนึ่งของจี้เฟิงก็เหมือนจะขยับเล็กน้อยร่างกายท่อนบนของเขาเบี่ยงโยกหลบท่อเหล็กทั้งสองอันของคู่ต่อสู้ที่ฟาดเข้ามาคนละทีได้อย่างฉิวเฉียดและวินาทีต่อมาหมัดทั้งสองข้างของจี้เฟิงที่เหมือนกับค้อนสองอันอัดเข้าไปที่หน้าอกของคู่ต่อสู้ทั้งสองคนอย่างรุนแรง
ตูม!ตูม!
หมัดทั้งสองกระแทกเข้าที่หน้าอกของอันธพาลทั้งสองอย่างแรงจนเกิดเสียงที่น่าสยดสยองและน่าหวาดกลัวดังขึ้นอันธพาลทั้งสองไม่มีเวลาได้ตอบสนองกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจนถึงขั้วหัวใจและทันใดนั้นดวงตาของพวกเขาก็มืดลงและร่างทั้งร่างก็กระเด็นออกไป
จี้เฟิงยืนตัวตรงลูบหมัดของตัวเองเบาๆราวกับว่าเขาเพิ่งทำเรื่องไม่สลักสำคัญเสร็จ การแสดงออกบนใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ เขายังคงเดินลงบันไดต่อไปอย่างช้าๆ
แต่ท่าทีของบรรดาจีนมุงนั่นช่างแตกต่างดวงตาของพวกเขาเบิกโพลง ผิวหนังและหนังศีรษะตึงจนแทบจะระเบิด แม้ว่าหมัดทั้งสองจะไม่โดนพวกเขา แต่พลังที่น่ากลัวก็ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพวกเขาได้อย่างชัดเจน
ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าอันธพาลทั้งสองที่นอนอยู่บนพื้นพวกเขาแค่สลบไปหรือว่าตายไปแล้วนี่ถือว่าเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดถึงพลังหมัดทั้งสองของจี้เฟิง!
มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คนธรรมดาจะสามารถใช้หมัดเปล่าๆตอบโต้อันธพาลที่ดุร้ายสองคนที่พุ่งเข้ามาอย่างดุเดือดได้อย่างกล้าหาญจนทำให้ฝ่ายตรงข้างล้มลงในทันที
เฮือก! ไอรีนโนเวล
บนชั้นสองของร้านเฟอร์นิเจอร์ทุกคนที่เห็นฉากการต่อสู้นี้อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่พลังหมัดนั้นมันช่างน่ากลัวอะไรเช่นนี้!
ถ้าคนที่โดนหมัดทั้งสองนี้เป็นตัวเองล่ะก็…
ในเวลานี้มีใครบางคนแอบเสียใจ ถ้ารู้แต่แรกว่าเด็กหนุ่มคนนี้มันแข็งแกร่งขนาดนี้ฉันคงไม่ห้ามเพื่อนของเขาไม่ให้เปิดประตูหรอก!
ถ้าดันไปทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ไม่พอใจแล้วเขากลับมาแก้แค้นในภายหลัง พวกเขาจะเอาอะไรไปสู้
เมื่อเห็นว่าพรรคพวกของตัวเองสองคนที่เป็นคนเข้าไปเปิดศึกโดนโจมตีกลับจนกระเด็นลงไปนอนแน่นิ่งกองอยู่กับพื้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว อันธพาลที่อยู่ด้านหลังต่างพากันผงะ แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คุ้นเคยกับภาพแบบนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้ว พวกเขาชะงักกันไปเพียงครู่เดียวเท่านั้นและทันใดนั้นพวกเขาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที พวกเขาพุ่งเข้าไปหาจี้เฟิงในเวลาเดียวกัน
ครั้งนี้พวกเขาได้เรียนรู้แล้วว่าการบุกเข้าไปโจมตีเด็กหนุ่มคนนี้ทีละคนไม่ใช่เรื่องดีพวกเขาจึงพุ่งเข้าไปพร้อมๆกัน แม้ว่าหมัดทั้งสองของเขาจะทรงพลัง แต่จะสามารถใช้มันโจมตีพร้อมๆกันได้สักกี่คน
ในเมื่อไม่เหลือหมัดให้ใช้ต่อสู้กับจำนวนคนที่เหลือดังนั้นเพียงแค่อาวุธอย่างไม้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เด็กหนุ่มคนนี้ถึงแก่ความตาย!
ด้วยความคิดเช่นนี้เองอันธพาลที่เหลือต่างก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกัน พวกเขามุ่งมั่นที่จะจัดการกับจี้เฟิงอย่างดุเดือด โดยเฉพาะอันธพาลที่ถือมีดไว้ในมือ พวกเขาใช้มีดฟาดฟันไปที่จี้เฟิงอย่างเมามันเพราะไม่ว่าหมัดของเขาจะหนักสักแค่ไหนก็คงไม่อาจสู้กับอาวุธมีดอันคมกริบได้!
แต่ทันทีที่พวกเขาตัดสินใจพุ่งเข้าโจมตีจี้เฟิงพวกเขาก็รู้ทันทีว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของพวกเขานั้นผิดพลาดแค่ไหน
จี้เฟิงผู้ซึ่งเดิมทีเดินลงบันไดมาด้วยท่าทางสงบนิ่งดูเหมือนจะกลายเป็นเสือที่ลงจากภูเขาในขณะที่พวกอันธพาลเข้ามาใกล้ในระยะโจมตีพวกเขาก็รับรู้ได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงที่เปล่งออกมาจากทั่วทั้งร่างกายของจี้เฟิง
การกระทำของเขามันน่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นเพราะจี้เฟิงที่ไม่มีอาวุธใดๆกลับดูน่ากลัวยิ่งกว่ากลุ่มอันธพาลนับสิบที่มีอาวุธอยู่เต็มมือ
มือเท้าเข่าศอก…แทบทุกส่วนของร่างกายกลายเป็นอาวุธที่น่าสะพรึงกลัว
ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวของจี้เฟิงนั้นรวดเร็วและดุเดือดมากใครก็ตามที่ถูกเขาโจมตีจะไม่มีทางกลับไปในสภาพเดิมได้อย่างแน่นอน ถ้าไม่กระดูกหักก็ถูกตีจนสลบเหมือด
ปึ้ก!ปั้ก! กร๊อบ!
เสียงการกระแทกกันของหมัดและชายโครงเสียงกระดูกที่หักของฝ่ายอันธพาล เสียงการต่อสู้ยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับเม็ดฝน แต่สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดในการต่อสู้นี้คือไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง เพราะคนที่โดนโจมตีจะสลบทันทีและแม้แต่ต้องการจะกรีดร้องก็ยังสายเกินไป!
ฉากที่น่าสยดสยองและแปลกประหลาดนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนทำให้เหล่าผู้สังเกตการณ์ลืมไปเลยว่าเสียงพูดของพวกเขาเป็นอย่างไรพวกเขาได้แต่อ้าปากพะงาบๆจ้องมองร่างบนบันไดที่เคลื่อนที่อย่างพลิ้วไหวเหมือนวิญญาณแต่กลับโจมตีได้อย่างโหดเหี้ยมดุดันราวกับเขากำลังเต้นอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศที่คึกคักและเร่งรีบของผู้คนจากในระยะไกลแตกต่างจากบรรยากาศที่น่าตื่นตระหนกแต่กลับเงียบงันจนน่าอึดอัดที่เกิดขึ้นอยู่ที่นี่
ตูม!
เมื่ออันธพาลคนสุดท้ายถูกกระแทกขึ้นไปในอากาศบรรยากาศทั้งหมดก็ตกอยู่ในความเงียบงันอันแปลกประหลาด!
แววตาของทุกคนที่มุงดูเหตุการณ์เต็มไปด้วยความสยดสยองและไม่อยากจะเชื่อพวกเขามองไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สมส่วนด้วยความงุนงงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
คนคนนี้น่ากลัวจริงๆ!ขะ..แข็งแกร่ง!
ไม่เพียงแต่จีนมุงและคนที่ยืนดูอยู่บนชั้นสองของร้านเฟอร์นิเจอร์เท่านั้นแต่เฉียวหรงและเทียนกั๋วถงที่อยู่ในร้านน้ำชาฝั่งตรงกันข้ามก็ตกใจเช่นกัน เฉียวหรงไม่เข้าใจรายละเอียดมากนักเพราะเธอไม่อาจเข้าใจถึงความแข็งแกร่งนี้ได้ เธอรู้เพียงแค่ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จี้เฟิงเป็นฝ่ายชนะ
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มทั้งสามคนที่ยืนดูอยู่ด้วยกันและได้เห็นการต่อสู้ของจี้เฟิงกับตาของพวกเขาเองต่างเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ศิษย์พี่ห้าร่างกายของเด็กหนุ่มนั้นมันมีพลังมากขนาดนี้เชียวหรือ ชายหนุ่มที่ชื่อเหวินเหลียงถามขึ้นด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่มีความเย่อหยิ่งอวดดีบนใบหน้าของเขา
ศิษย์พี่ห้าเด็กหนุ่มนั่นใช้ศิลปะการต่อสู้แบบไหน กำลังภายในหรือว่าเป็นศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่น! ชายหนุ่มอีกคนถาม
เทียนกั๋วถงไม่ตอบแต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดขึ้นว่า มันน่าจะเป็นศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่ง เจ้าจะเห็นได้ว่าในตอนที่เขาเคลื่อนไหวเข้าไปในระยะจู่โจม เขามักเข้าไปประชิดตัวในระยะที่ใกล้ที่สุดเพื่อที่จะเข้าใกล้จุดตายให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันคล้ายกับทักษะการต่อสู้ของทหารมาก
ศิษย์พี่ห้าหรือศิษย์พี่จะบอกว่าเด็กคนนี้ใช้ทักษะการต่อสู้ทางการทหารใช่หรือไม่ เหวินเหลียงถามด้วยความตกใจ มีทักษะการต่อสู้ทางทหารที่ทรงพลังเช่นนี้ด้วยหรือ?
เจ้าไม่เห็นหรือ เทียนกั๋วถงกล่าวว่า สิ่งที่เขาใช้ไม่ใช่มวยกำลังภายในแน่นอนเพราะถ้าเขาใช้กำลังภายในเขาจะไม่จำเป็นต้องพยายามเข้าไปประชิดตัวขนาดนั้น แต่จากที่เห็นเด็กหนุ่มคนนี้น่าจะรู้จักวิธีการใช้มวยกำลังภายในอย่างแน่นอน แต่เขาทำได้เพียงไม่กี่รูปแบบเท่านั้น
ไม่น่าเชื่อว่าทักษะทางการทหารจะทรงพลังมากขนาดนี้! ชายหนุ่มอีกคนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เด็กคนนี้เป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้จริงๆ!
ใช่!เขาสามารถฝึกมวยของทหารจนมาถึงระดับนี้ได้ เขาถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจมากทีเดียว เหวินเหลียงละทิ้งความเย่อหยิ่ง และประเมินถึงความสามารถของจี้เฟิงอย่างตรงไปตรงมา
ศิษย์พี่ห้าฝีมือของเขาอยู่ในระดับไหน เขาสามารถต่อสู้กับศิษย์พี่ได้กี่กระบวนท่า?! จู่ๆเหวินเหลียงก็ถามขึ้น
ไม่เห็นต้องถามเลยศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่นๆ ไม่ว่ามันจะทรงพลังมากแค่ไหนมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมวยกำลังภายในอย่างแน่นอน เด็กนั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันด้วยซ้ำไม่จำเป็นต้องพูดถึงศิษย์พี่ห้า ฉันว่าอย่างเก่งมันทนได้ไม่เกินสองกระบวนท่าศิษย์พี่ก็สามารถทำให้เขากลายเป็นเพียงแค่ซากหมาตาย! ชายหนุ่มกล่าวอย่างมั่นใจ
ที่พูดมาก็มีเหตุผลแต่จะว่าไปการที่จะเอาชนะอันธพาลเหล่านี้ ฉันเองก็สามารถทำได้ แถมทำได้ง่ายกว่าและเร็วกว่าด้วย อีกอย่างมวยของทหารก็ไม่อาจเอามาเทียบกับมวยกำลังภายในได้เลย! เหวินเหลียงหัวเราะด้วยความโล่งใจ
เทียนกั๋วถงไม่ได้พูดขัดจังหวะใดๆศิษย์น้องของเขาใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึม ท่าทางการเคลื่อนไหวในการต่อสู้ของจี้เฟิงนั้นดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเก่งกว่าผู้ที่เป็นปรมาจารย์ศิลปะต่อสู้ทั่วไปหลายเท่า แต่ถ้าอยู่ในระดับนี้จริงๆ เด็กหนุ่มจี้เฟิงคนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน ศิลปะการต่อสู้เช่นนี้ไม่อาจเทียบได้กับศิลปะการต่อสู้ของกำลังภายใน
แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆน่ะหรือแล้วศิษย์น้องจูกับศิษย์น้องคนอื่นๆจะพ่ายแพ้เขาได้อย่างไร?
��