“โอ้ว!”
เสียงแหลมสูงที่ทำให้คนฟังต้องรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวดังออกมาจากปากหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงคนนั้นหน้าตาของเธอดูเป็นคนร้ายๆที่จัดจ้าน แม้ว่าเธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ทันสมัย แต่พออยู่บนร่างกายเธอมันกลับดูโอเวอร์จนเกินพอดี ดวงตาที่แคบตี่ของเธอเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “นึกว่าใคร เจ้าหญิงน้อยจี้เสี่ยวหยูของเรานี่เอง คิกคิก~!”
ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวที่อยู่ข้างๆเผยรอยยิ้มเหมือนกำลังตกตะลึงกับอะไรบางอย่างอยู่ ท่าทีที่เขาแสดงออกมาเหมือนกับเขาไม่ได้ยินว่าหญิงสาวที่ดูจัดจ้านคนนั้นเพิ่งพูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่ยิ้มอย่างน่าเกลียดและจ้องมองไปทั่วเรือนร่างของเว่ยซินด้วยสายตาแทะโลมอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อจี้เสี่ยวหยูเห็นแบบนี้เธอก็รู้สึกโกรธจนใบหน้าแดงก่ำเธอชี้หน้าหญิงสาวที่แต่งตัวโอเวอร์คนนั้นด้วยมือที่สั่นเทา แต่อาจเพราะความโกรธหรืออะไรบางอย่างทำให้เธอพูดไม่ออก
“อุ๊ย~จะทำอะไรจ๊ะ คิกคิก~!” หญิงสาวจัดจ้านหัวเราะคิกคัก “เสี่ยวหยูฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอนะ ชี้หน้าฉันแบบนี้มันไม่สุภาพเลย ทำไมเจ้าหญิงน้อยของเราถึงได้ทำตัวไร้มารยาทอย่างกับไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเลยล่ะ”
ร้ายกาจมาก!คำพูดของเธอไม่เพียงแต่จะทำให้จี้เสี่ยวหยูต้องอับอาย แต่ยังกระทบไปถึงพ่อแม่ของจี้เสี่ยวหยูด้วย กล่าวหาว่าจี้เสี่ยวหยูไม่มีมารยาทเหมือนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน แบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าพ่อกับแม่ของจี้เสี่ยวหยูไม่มีความสามารถพอที่จะอบรมสั่งสอนลูกสาวของตัวเองงั้นเหรอ หรือจะบอกว่า พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกก็เป็นอย่างนั้น
แต่ไม่ว่าความหมายจะเป็นแบบไหนมันก็ไม่ใช่คำพูดที่ดีอย่างแน่นอน จี้เสี่ยวหยูโกรธจนตัวสั่นเธอทั้งอายทั้งโกรธแน่นอนว่าจี้เสี่ยวหยูได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี แต่เธอไม่รู้จะตอบโต้คำดูถูกของผู้หญิงคนนี้กลับไปว่าอย่างไร
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จี้เสี่ยวหยูจะสบถคำหยาบตั้งแต่เล็กจนโตจี้เสี่ยวหยูเป็นคนที่อ่อนโยนและเรียบร้อยมาโดยตลอด เพราะขนาดตอนนี้เธอโกรธจนหน้าแดงแต่ก็ยังนึกคำด่าให้อีกฝ่ายต้องเจ็บใจไม่ออก
จี้เสี่ยวหยูที่โกรธจัดสุดท้ายก็ทำได้แค่เพียงตะคอกอย่างโกรธเคืองว่า“เธอ…! เธอมันไร้ยางอาย”
“ไร้ยางอายเหรอ”ผู้หญิงจัดจ้านคนนั้นหัวเราะคิกคัก ดวงตาตี่ๆของเธอเหลือบมองมาที่จี้เสี่ยวหยูแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาและกระซิบว่า “เส้าโหยวดูสิ ฉันเป็นแฟนของเธอ แต่สำหรับคนในตระกูลเธอแล้วฉันไม่มีสถานะอะไรเลย แม้แต่น้องสาวของเธอคนนี้ยังกล้าด่าฉันว่าไร้ยางอาย!”
จี้เสี่ยวหยูและเว่ยซินโกรธจัดจนดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟพวกเธอไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนไร้ยางอายถึงขนาดนี้มาก่อนเลย!
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมายั่วโมโหจี้เสี่ยวหยูก่อนแต่พอจี้เสี่ยวหยูด่ากลับบ้าง อีกฝ่ายก็ตีหน้าซื่อพลิกบทบาททำเหมือนว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกรังแก นี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ!
“บอกว่าเธอไร้ยางอาย!”
สีหน้าของชายหนุ่มที่ชื่อเส้าโหยวแสดงความไม่พอใจออกมาทันทีเขาขมวดคิ้วและมองไปที่จี้เสี่ยวหยูและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เสี่ยวหยูทำไมถึงพูดแบบนี้ เธอเป็นเด็กไม่สุภาพขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าฉันบอกอาสามกับอาสะใภ้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ดูสิว่าพวกเขาจะจัดการเธอยังไง! รีบขอโทษพี่สะใภ้ของเธอเดี๋ยวนี้ จะได้จบๆกันไป แล้วต่อไปก็ระวังอย่างทำให้ตระกูลจี้ของเราต้องเสียหน้าอีก เข้าใจมั้ย?!”
“ให้ฉันขอโทษเหรอ”
จี้เสี่ยวหยูถึงกับอึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของลูกพี่ลูกน้องนี่มันเรื่องอะไรกัน เขาก็อยู่ด้วยตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าแฟนสาวของเขาเป็นคนมาหาเรื่องเธอก่อน แต่ตอนนี้เขากลับให้เธอต้องเป็นฝ่ายขอโทษผู้หญิงคนนี้เนี่ยนะ?
“คุณ!ทำไมคุณถึงต้องมารังแกเสี่ยวหยูแบบนี้ คนที่เริ่มเรื่องนี้ไม่ใช่เสี่ยวหยูซักหน่อย ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่มาพูดจาไม่ดีใส่เสี่ยวหยูก่อน ตั้งแต่ต้นจนจบเสี่ยวหยูไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แล้วตอนนี้คุณยังจะมาให้เสี่ยวหยูเป็นฝ่ายขอโทษอีก! แบบนี้มันจะรังแกกันมากเกินไปแล้ว!” เว่ยซินทนดูไม่ได้อีกต่อไป และเธอก็รู้ดีว่าถ้าเธอไม่ออกตัวปกป้องเสี่ยวหยูตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเสี่ยวหยูคงจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก
“ฟึ่บ!”
หญิงสาวที่ดูจัดจ้านคนนั้นก้าวไปข้างหน้าทันทีและเงื้อมือตบไปที่ใบหน้าของเว่ยซินอย่างแรง
“เพี๊ยะ!”เสียงตบดังขึ้น เว่ยซินเอามือกุมใบหน้าของตัวเองและจ้องมองไปที่หญิงสาวที่จัดจ้านคนนั้นอย่างงุนงงสมองของเธอว่างเปล่าเธอรู้เพียงแค่ว่าเธอถูกตบ!
จี้เสี่ยวหยูก็อึ้งไปเช่นกันเธอมองหญิงสาวที่จัดจ้านคนนั้นด้วยความหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัวแต่คิดไม่ถึงว่าเว่ยซินจะถูกตบเพียงเพราะพูดจาโต้เถียงกับอีกฝ่ายเพียงเพราะจะปกป้องเธอเท่านั้น ทำไมอีกฝ่ายถึงได้กล้าขนาดนี้!
เพื่อนของฉันถูกตบเพราะต้องการจะช่วยฉัน!แต่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย!
จี้เสี่ยวหยูรู้สึกผิดมากนี่คือบ้านคุณปู่ของเธอและเธอมาที่นี่เพียงเพราะจะมารอพี่ชายของเธอเท่านั้น ทำไมคนพวกนี้ถึงต้องมารังแกเธอด้วย!
หยดน้ำใสๆไหลมาจากดวงตาของจี้เสี่ยวหยูเมื่อก่อนตอนที่คุณปู่ยังอยู่เธอมักจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อยู่บ่อยๆ และบางครั้งถ้าเธอไม่ได้ยุ่งกับการเรียนเธอก็จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานานๆ คุณปู่รักและเอ็นดูเธอมากไม่เคยตำหนิเธอเลยสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะปล่อยให้ใครกล้ามารังแกเธอ
แต่ตอนนี้คุณปู่ของเธอต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลจึงไม่มีใครคอยปกป้องเธอเหมือนอย่างแต่ก่อน จี้เส้าโหยวลูกพี่ลูกน้องนิสัยไม่ดีคนนี้ ไม่รู้ว่าไปพาผู้หญิงอวดดีคนนี้มาจากที่ไหน ตั้งแต่คราวก่อนแล้วไม่เพียงแต่ด่าตัวเธอเท่านั้น แต่ยังด่าคุณป้าใหญ่ด้วย แล้วมาวันนี้อีกนอกจากจะมาหาเรื่องเธอก่อนแล้ว ยังถึงขนาดตบตีเพื่อนของเธอต่อหน้าต่อตาเธอ! แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นหน้าประตูบ้านของคุณปู่ด้วย!
สิ่งนี้ทำให้จี้เสี่ยวหยูรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ที่บ้านอยู่ดีๆแต่จู่ๆก็ถูกใครก็ไม่รู้พุ่งเข้ามา ไม่เพียงแต่มาด่าทอตัวเธออย่างอวดดีแต่ยังลงไม้ลงมือทำร้ายเธอด้วย!
แต่ความคับข้องในใจเหล่านั้นเธอไม่รู้ว่าจะเอาไปบอกใครเพราะคนที่ปกป้องเธอได้ดีที่สุดก็อยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ไม่มีใครมาปกป้องเธอได้อีกแล้ว!
จี้เสี่ยวหยูรู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูกความเศร้าเสียใจทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่เธอก็กัดริมฝีปากแน่นพยายามเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
แม้จี้เสี่ยวหยูจะไม่กล้าตอบโต้แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าบอดี้การ์ดทั้งสามของเธอจะต้องนิ่งเฉย
เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสามคนเห็นเว่ยซินถูกทำร้ายร่างกายดวงตาที่ดุดันก็ส่องประกายเย็นยะเยือก หนึ่งในนั้นรีบก้าวมาข้างหน้าและพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณผู้หญิง ถ้าคุณยังกล้าลงมืออีก อย่าหาว่าพวกเราไม่สุภาพ”
หญิงสาวจัดจ้านถูกออร่าที่น่าเกรงขามของชายคนนี้กดดันจนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที
จี้เส้าโหยวที่อยู่ข้างๆกลับก้าวมาข้างหน้า มาขวางหน้าผู้หญิงจัดจ้านคนนั้นไว้แล้วพูดยิ้มๆว่า “พวกคุณสามคนฟังให้ดีนะ นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลของพวกเรา พวกคุณมีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป อย่าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า!”
สีหน้าของชายฉกรรจ์ทั้งสามคนมืดครึ้มลงทันทีและหนึ่งในนั้นก็กล่าวขึ้นว่า “หน้าที่ของพวกเราคือการปกป้องคุณหนูให้ดีที่สุด หากมีใครกล้าทำร้ายคุณหนู…”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดจังหวะโดยจี้เส้าโหยว “งั้นก็ยิ่งไม่มีอะไรที่พวกคุณต้องเข้ามายุ่งใหญ่เลย ถ้าบอกว่าหน้าที่ของพวกคุณคือการปกป้องคุณหนูของพวกคุณ แล้วตอนนี้คุณหนูของพวกคุณบาดเจ็บอะไรหรือยังล่ะ คนที่มีปัญหากับเมียฉันคือผู้หญิงคนนี้ นอกจากเธอจะไม่ดูเงาหัวตัวเองแล้วยังมาพูดจาไร้สาระกับเมียฉันอีก แล้วแบบนี้จะไม่ให้เมียฉันสั่งสอนเธอได้ยังไง ถูกมั้ย?!”
ชายร่างใหญ่ทั้งสามคนได้แต่ยืนเงียบถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแถข้างๆคูๆ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ เพราะไม่ว่าอย่างไรหน้าที่ของพวกเขาคือต้องปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าเท่านั้น ก่อนหน้านี้หัวหน้าได้ออกคำสั่งกับพวกเขาไว้ว่า ตราบใดที่คุณหนูไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็ไม่สามารถลงมือกับคนในตระกูลจี้ได้
ดังนั้นพวกเขาทั้งสามคนถึงทำได้แค่เพียงแค่นเสียงอย่างเย็นชาแล้วถอยกลับไป
จี้เส้าโหยวอดยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจไม่ได้ภายในใจก็ยิ้มกระหยิ่มอย่างภาคภูมิใจเช่นกัน ‘เหอะ! ไอ้พวกทหารโง่ นึกว่าจะอวดเก่งได้มากกว่านี้!’
ความภาคภูมิใจของจี้เส้าโหยวใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
เป็นเพราะเวลานี้ผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ก็กำลังป่วยหนักผู้นำรุ่นที่สามก็ยังไม่ปรากฏตัวส่วนหลานชายคนโตก็ยังไม่ผ่านการทดสอบว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอ และมีแนวโน้มว่าจะไม่เป็นที่พึงพอใจของคนในตระกูลจี้สายรองอีกด้วย
แต่จี้เส้าหงพี่ชายคนโตของจี้เส้าโหยวกลับทำได้ดีมากแม้อายุจะยังน้อยแต่กลับมีความรู้ความสามารถจนเป็นที่โปรดปรานของผู้อาวุโสในตระกูล เขาเป็นคนที่ทำงานได้อย่างละเอียดรอบคอบจึงมีคนเบื้องบนจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนเขา นั่นจึงทำให้เขาเป็นคู่แข่งคนสำคัญในตำแหน่งผู้นำรุ่นที่สามเลยก็ว่าได้
ในสถานการณ์เช่นนี้วันใดที่จี้เส้าหงกลายเป็นทายาทรุ่นที่สามโดยสมบูรณ์ จี้เส้าโหยวซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของผู้นำตระกูลจี้ในอนาคต ก็ย่อมมีสถานะที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เขากล้าทำตัวอวดดีและหยิ่งยโสได้ขนาดนี้แล้วนับประสาอะไรกับบอดี้การ์ดสองสามคน ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตา! เพราะเมื่อพี่ใหญ่ของเขาได้รับตำแหน่งเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สามอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ เกรงว่าบอดี้การ์ดเหล่านี้จะแห่กันมาขอเป็นผู้ใต้บังคับบัญชากันจนเลือกไม่ไหว!
และในตอนนั้นเองเมื่อหญิงสาวที่ดูจัดจ้านเห็นว่าบอดี้การ์ดทั้งสามคนของจี้เสี่ยวหยูถอยกลับไปหลังจากที่จี้เส้าโหยวพูดเพียงไม่กี่คำ ความหยิ่งยโสของเธอก็ฟื้นคืนกลับมาทันที เธอเหลือบมองบอดี้การ์ดทั้งสามคนและพึมพำ “ไอ้พวกทหารโง่ไม่เจียมกะลาหัว!”
ความจริงแล้วตั้งแต่ที่จี้เส้าโหยวบอกเธอว่าเขาเป็นน้องชายของผู้ที่กำลังจะได้เป็นผู้นำตระกูลในอนาคตเธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่าฐานะของเธอกำลังจะสูงขึ้นมาก บวกกับจี้เส้าโหยวบอกกับเธอเป็นนัยๆว่า เธอจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในตระกูล หากต้องการจะทำอะไรก็ไม่มีใครกล้าขัด โดยให้เธอลองไปยั่วยุพวกสายตรงดู และผลการทดสอบก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจี้และภรรยาของผู้นำรุ่นที่สองก็ยัง ‘ไม่กล้าหือ’ กับเธอ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกหยิ่งผยองและอวดดีมากยิ่งขึ้นไปอีก!
ลองคิดดูสิทรัพย์สินและพลังอำนาจของตระกูลจี้นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน!
ถ้าหากเธอมีสิทธิมีเสียงระดับหนึ่งในตระกูลจี้คนภายนอกจะมองเธอว่ายังไงเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะต้องมองเธอในฐานะที่สูงส่งอย่างแน่นอน!
“ตายแล้ว!พี่สะใภ้คนนี้ยังไม่ทันได้ว่าอะไรเลย ทำไมเจ้าหญิงน้อยของเราถึงร้องไห้ได้ล่ะ” หญิงสาวจัดจ้านพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจว่า “เจ้าหญิงน้อยรีบให้คนของเธอเอารถออกไปได้แล้ว เราจะเข้าไปข้างใน จะรีบไปทำความสะอาดบ้านให้คุณปู่!”
แต่ใครจะคิดนอกจากจี้เสี่ยวหยูจะไม่ทำตามที่ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วเธอยังจ้องผู้หญิงจัดจ้านอย่างดุดัน ใช้แขนเล็กๆปาดน้ำตาอย่างแรงและออกคำสั่งว่า “พวกคุณขับรถไปกลางถนนถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน ห้ามให้ใครเข้าไปข้างในโดยเด็ดขาด!”
“ครับ!”
บอดี้การ์ดทั้งสามคนแอบประหลาดใจทำไมวันนี้คุณหนูถึงได้ดูเข้มแข็งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากเพราะสิ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องดี ในความเห็นของพวกเขา บางทีคุณหนูน้อยคนนี้ก็มีอารมณ์ที่อ่อนไหวเกินไปจริงๆ
สีหน้าของหญิงสาวจัดจ้านแสดงความไม่พอใจทันที“จี้เสี่ยวหยูเธอพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง!”
แม้ว่าเธอจะฮึดสู้แต่น้ำตาแห่งความคับแค้นใจก็ยังไม่หยุดไหลแต่เธอก็มองไปที่หญิงสาวจัดจ้านคนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว “จี้เส้าโหยวและแฟนของคุณควรขอโทษฉัน ไม่อย่างนั้นเมื่อพี่ชายสามของฉันมา เขาจะไม่ปล่อยพวกคุณไปง่ายๆแน่!”
“ห๊ะ”
จี้เส้าโหยวและผู้หญิงจัดจ้านถึงกับอึ้งไปพร้อมๆกันการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของจี้เสี่ยวหยูทำให้พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ฃพวกเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “พี่ชายสาม พี่ชายสามคนไหนอีกล่ะ? นี่มันเรื่องตลกใช่มั้ยเนี่ย ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าจะมีพี่ชายสามคนไหนของเธอที่จะกล้าเอาเรื่องฉัน?!” ในตอนนั้นเองก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา“จี้เส้าโหยวนายที่มันเก่งจริงๆเลยนะ! แต่ฟังที่เสี่ยวหยูพูดไว้บ้างก็ดีเธอพูดถูกแล้วรีบขอโทษเธอแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นถ้านายรอจนน้องสามมาถึงต่อให้ตอนนั้นนายอยากจะขอโทษ ก็คงจะไม่มีโอกาสแล้ว!”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกมาจากตรอกลึกข้างๆสีหน้าของเขามืดครึ้มน่ากลัวมาก สายตาอันเย็นชาของเขามองไปที่หญิงสาวจัดจ้านข้างๆจี้เส้าโหยว เหมือนกับว่าเขากำลังมองสิ่งที่ไร้ชีวิต “ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยนะถ้าฝ่ามือที่เธอเพิ่งตบไปนั้นไม่ใช่ใบหน้าของเว่ยซิน แต่เป็นใบหน้าของเสี่ยวหยูก็เตรียมตัวลงนรกได้เลย!”
เสียงแหลมสูงที่ทำให้คนฟังต้องรู้สึกขนลุกไปทั้งตัวดังออกมาจากปากหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงคนนั้นหน้าตาของเธอดูเป็นคนร้ายๆที่จัดจ้าน แม้ว่าเธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ทันสมัย แต่พออยู่บนร่างกายเธอมันกลับดูโอเวอร์จนเกินพอดี ดวงตาที่แคบตี่ของเธอเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง “นึกว่าใคร เจ้าหญิงน้อยจี้เสี่ยวหยูของเรานี่เอง คิกคิก~!”
ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวที่อยู่ข้างๆเผยรอยยิ้มเหมือนกำลังตกตะลึงกับอะไรบางอย่างอยู่ ท่าทีที่เขาแสดงออกมาเหมือนกับเขาไม่ได้ยินว่าหญิงสาวที่ดูจัดจ้านคนนั้นเพิ่งพูดอะไรออกมา เขาเพียงแค่ยิ้มอย่างน่าเกลียดและจ้องมองไปทั่วเรือนร่างของเว่ยซินด้วยสายตาแทะโลมอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อจี้เสี่ยวหยูเห็นแบบนี้เธอก็รู้สึกโกรธจนใบหน้าแดงก่ำเธอชี้หน้าหญิงสาวที่แต่งตัวโอเวอร์คนนั้นด้วยมือที่สั่นเทา แต่อาจเพราะความโกรธหรืออะไรบางอย่างทำให้เธอพูดไม่ออก
“อุ๊ย~จะทำอะไรจ๊ะ คิกคิก~!” หญิงสาวจัดจ้านหัวเราะคิกคัก “เสี่ยวหยูฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอนะ ชี้หน้าฉันแบบนี้มันไม่สุภาพเลย ทำไมเจ้าหญิงน้อยของเราถึงได้ทำตัวไร้มารยาทอย่างกับไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเลยล่ะ”
ร้ายกาจมาก!คำพูดของเธอไม่เพียงแต่จะทำให้จี้เสี่ยวหยูต้องอับอาย แต่ยังกระทบไปถึงพ่อแม่ของจี้เสี่ยวหยูด้วย กล่าวหาว่าจี้เสี่ยวหยูไม่มีมารยาทเหมือนไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน แบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าพ่อกับแม่ของจี้เสี่ยวหยูไม่มีความสามารถพอที่จะอบรมสั่งสอนลูกสาวของตัวเองงั้นเหรอ หรือจะบอกว่า พ่อแม่เป็นอย่างไร ลูกก็เป็นอย่างนั้น
แต่ไม่ว่าความหมายจะเป็นแบบไหนมันก็ไม่ใช่คำพูดที่ดีอย่างแน่นอน จี้เสี่ยวหยูโกรธจนตัวสั่นเธอทั้งอายทั้งโกรธแน่นอนว่าจี้เสี่ยวหยูได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี แต่เธอไม่รู้จะตอบโต้คำดูถูกของผู้หญิงคนนี้กลับไปว่าอย่างไร
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จี้เสี่ยวหยูจะสบถคำหยาบตั้งแต่เล็กจนโตจี้เสี่ยวหยูเป็นคนที่อ่อนโยนและเรียบร้อยมาโดยตลอด เพราะขนาดตอนนี้เธอโกรธจนหน้าแดงแต่ก็ยังนึกคำด่าให้อีกฝ่ายต้องเจ็บใจไม่ออก
จี้เสี่ยวหยูที่โกรธจัดสุดท้ายก็ทำได้แค่เพียงตะคอกอย่างโกรธเคืองว่า“เธอ…! เธอมันไร้ยางอาย”
“ไร้ยางอายเหรอ”ผู้หญิงจัดจ้านคนนั้นหัวเราะคิกคัก ดวงตาตี่ๆของเธอเหลือบมองมาที่จี้เสี่ยวหยูแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาและกระซิบว่า “เส้าโหยวดูสิ ฉันเป็นแฟนของเธอ แต่สำหรับคนในตระกูลเธอแล้วฉันไม่มีสถานะอะไรเลย แม้แต่น้องสาวของเธอคนนี้ยังกล้าด่าฉันว่าไร้ยางอาย!”
จี้เสี่ยวหยูและเว่ยซินโกรธจัดจนดวงตาแทบจะลุกเป็นไฟพวกเธอไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนไร้ยางอายถึงขนาดนี้มาก่อนเลย!
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมายั่วโมโหจี้เสี่ยวหยูก่อนแต่พอจี้เสี่ยวหยูด่ากลับบ้าง อีกฝ่ายก็ตีหน้าซื่อพลิกบทบาททำเหมือนว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกรังแก นี่มันน่าหงุดหงิดจริงๆ!
“บอกว่าเธอไร้ยางอาย!”
สีหน้าของชายหนุ่มที่ชื่อเส้าโหยวแสดงความไม่พอใจออกมาทันทีเขาขมวดคิ้วและมองไปที่จี้เสี่ยวหยูและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เสี่ยวหยูทำไมถึงพูดแบบนี้ เธอเป็นเด็กไม่สุภาพขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าฉันบอกอาสามกับอาสะใภ้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ดูสิว่าพวกเขาจะจัดการเธอยังไง! รีบขอโทษพี่สะใภ้ของเธอเดี๋ยวนี้ จะได้จบๆกันไป แล้วต่อไปก็ระวังอย่างทำให้ตระกูลจี้ของเราต้องเสียหน้าอีก เข้าใจมั้ย?!”
“ให้ฉันขอโทษเหรอ”
จี้เสี่ยวหยูถึงกับอึ้งไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของลูกพี่ลูกน้องนี่มันเรื่องอะไรกัน เขาก็อยู่ด้วยตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นก็น่าจะรู้ว่าแฟนสาวของเขาเป็นคนมาหาเรื่องเธอก่อน แต่ตอนนี้เขากลับให้เธอต้องเป็นฝ่ายขอโทษผู้หญิงคนนี้เนี่ยนะ?
“คุณ!ทำไมคุณถึงต้องมารังแกเสี่ยวหยูแบบนี้ คนที่เริ่มเรื่องนี้ไม่ใช่เสี่ยวหยูซักหน่อย ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่มาพูดจาไม่ดีใส่เสี่ยวหยูก่อน ตั้งแต่ต้นจนจบเสี่ยวหยูไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แล้วตอนนี้คุณยังจะมาให้เสี่ยวหยูเป็นฝ่ายขอโทษอีก! แบบนี้มันจะรังแกกันมากเกินไปแล้ว!” เว่ยซินทนดูไม่ได้อีกต่อไป และเธอก็รู้ดีว่าถ้าเธอไม่ออกตัวปกป้องเสี่ยวหยูตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าหลังจากนี้เป็นต้นไปความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเสี่ยวหยูคงจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก
“ฟึ่บ!”
หญิงสาวที่ดูจัดจ้านคนนั้นก้าวไปข้างหน้าทันทีและเงื้อมือตบไปที่ใบหน้าของเว่ยซินอย่างแรง
“เพี๊ยะ!”เสียงตบดังขึ้น เว่ยซินเอามือกุมใบหน้าของตัวเองและจ้องมองไปที่หญิงสาวที่จัดจ้านคนนั้นอย่างงุนงงสมองของเธอว่างเปล่าเธอรู้เพียงแค่ว่าเธอถูกตบ!
จี้เสี่ยวหยูก็อึ้งไปเช่นกันเธอมองหญิงสาวที่จัดจ้านคนนั้นด้วยความหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัวแต่คิดไม่ถึงว่าเว่ยซินจะถูกตบเพียงเพราะพูดจาโต้เถียงกับอีกฝ่ายเพียงเพราะจะปกป้องเธอเท่านั้น ทำไมอีกฝ่ายถึงได้กล้าขนาดนี้!
เพื่อนของฉันถูกตบเพราะต้องการจะช่วยฉัน!แต่ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย!
จี้เสี่ยวหยูรู้สึกผิดมากนี่คือบ้านคุณปู่ของเธอและเธอมาที่นี่เพียงเพราะจะมารอพี่ชายของเธอเท่านั้น ทำไมคนพวกนี้ถึงต้องมารังแกเธอด้วย!
หยดน้ำใสๆไหลมาจากดวงตาของจี้เสี่ยวหยูเมื่อก่อนตอนที่คุณปู่ยังอยู่เธอมักจะมาเที่ยวเล่นที่นี่อยู่บ่อยๆ และบางครั้งถ้าเธอไม่ได้ยุ่งกับการเรียนเธอก็จะอยู่ที่นี่เป็นเวลานานๆ คุณปู่รักและเอ็นดูเธอมากไม่เคยตำหนิเธอเลยสักครั้ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะปล่อยให้ใครกล้ามารังแกเธอ
แต่ตอนนี้คุณปู่ของเธอต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลจึงไม่มีใครคอยปกป้องเธอเหมือนอย่างแต่ก่อน จี้เส้าโหยวลูกพี่ลูกน้องนิสัยไม่ดีคนนี้ ไม่รู้ว่าไปพาผู้หญิงอวดดีคนนี้มาจากที่ไหน ตั้งแต่คราวก่อนแล้วไม่เพียงแต่ด่าตัวเธอเท่านั้น แต่ยังด่าคุณป้าใหญ่ด้วย แล้วมาวันนี้อีกนอกจากจะมาหาเรื่องเธอก่อนแล้ว ยังถึงขนาดตบตีเพื่อนของเธอต่อหน้าต่อตาเธอ! แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังเป็นหน้าประตูบ้านของคุณปู่ด้วย!
สิ่งนี้ทำให้จี้เสี่ยวหยูรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ที่บ้านอยู่ดีๆแต่จู่ๆก็ถูกใครก็ไม่รู้พุ่งเข้ามา ไม่เพียงแต่มาด่าทอตัวเธออย่างอวดดีแต่ยังลงไม้ลงมือทำร้ายเธอด้วย!
แต่ความคับข้องในใจเหล่านั้นเธอไม่รู้ว่าจะเอาไปบอกใครเพราะคนที่ปกป้องเธอได้ดีที่สุดก็อยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ไม่มีใครมาปกป้องเธอได้อีกแล้ว!
จี้เสี่ยวหยูรู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูกความเศร้าเสียใจทำให้น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่เธอก็กัดริมฝีปากแน่นพยายามเพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
แม้จี้เสี่ยวหยูจะไม่กล้าตอบโต้แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าบอดี้การ์ดทั้งสามของเธอจะต้องนิ่งเฉย
เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสามคนเห็นเว่ยซินถูกทำร้ายร่างกายดวงตาที่ดุดันก็ส่องประกายเย็นยะเยือก หนึ่งในนั้นรีบก้าวมาข้างหน้าและพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณผู้หญิง ถ้าคุณยังกล้าลงมืออีก อย่าหาว่าพวกเราไม่สุภาพ”
หญิงสาวจัดจ้านถูกออร่าที่น่าเกรงขามของชายคนนี้กดดันจนถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันที
จี้เส้าโหยวที่อยู่ข้างๆกลับก้าวมาข้างหน้า มาขวางหน้าผู้หญิงจัดจ้านคนนั้นไว้แล้วพูดยิ้มๆว่า “พวกคุณสามคนฟังให้ดีนะ นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลของพวกเรา พวกคุณมีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป อย่าเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นจะดีกว่า!”
สีหน้าของชายฉกรรจ์ทั้งสามคนมืดครึ้มลงทันทีและหนึ่งในนั้นก็กล่าวขึ้นว่า “หน้าที่ของพวกเราคือการปกป้องคุณหนูให้ดีที่สุด หากมีใครกล้าทำร้ายคุณหนู…”
เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดจังหวะโดยจี้เส้าโหยว “งั้นก็ยิ่งไม่มีอะไรที่พวกคุณต้องเข้ามายุ่งใหญ่เลย ถ้าบอกว่าหน้าที่ของพวกคุณคือการปกป้องคุณหนูของพวกคุณ แล้วตอนนี้คุณหนูของพวกคุณบาดเจ็บอะไรหรือยังล่ะ คนที่มีปัญหากับเมียฉันคือผู้หญิงคนนี้ นอกจากเธอจะไม่ดูเงาหัวตัวเองแล้วยังมาพูดจาไร้สาระกับเมียฉันอีก แล้วแบบนี้จะไม่ให้เมียฉันสั่งสอนเธอได้ยังไง ถูกมั้ย?!”
ชายร่างใหญ่ทั้งสามคนได้แต่ยืนเงียบถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังแถข้างๆคูๆ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่านี้ เพราะไม่ว่าอย่างไรหน้าที่ของพวกเขาคือต้องปฏิบัติตามคำสั่งของหัวหน้าเท่านั้น ก่อนหน้านี้หัวหน้าได้ออกคำสั่งกับพวกเขาไว้ว่า ตราบใดที่คุณหนูไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย พวกเขาก็ไม่สามารถลงมือกับคนในตระกูลจี้ได้
ดังนั้นพวกเขาทั้งสามคนถึงทำได้แค่เพียงแค่นเสียงอย่างเย็นชาแล้วถอยกลับไป
จี้เส้าโหยวอดยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจไม่ได้ภายในใจก็ยิ้มกระหยิ่มอย่างภาคภูมิใจเช่นกัน ‘เหอะ! ไอ้พวกทหารโง่ นึกว่าจะอวดเก่งได้มากกว่านี้!’
ความภาคภูมิใจของจี้เส้าโหยวใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
เป็นเพราะเวลานี้ผู้อาวุโสเฒ่าแห่งตระกูลจี้ก็กำลังป่วยหนักผู้นำรุ่นที่สามก็ยังไม่ปรากฏตัวส่วนหลานชายคนโตก็ยังไม่ผ่านการทดสอบว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงพอ และมีแนวโน้มว่าจะไม่เป็นที่พึงพอใจของคนในตระกูลจี้สายรองอีกด้วย
แต่จี้เส้าหงพี่ชายคนโตของจี้เส้าโหยวกลับทำได้ดีมากแม้อายุจะยังน้อยแต่กลับมีความรู้ความสามารถจนเป็นที่โปรดปรานของผู้อาวุโสในตระกูล เขาเป็นคนที่ทำงานได้อย่างละเอียดรอบคอบจึงมีคนเบื้องบนจำนวนไม่น้อยที่สนับสนุนเขา นั่นจึงทำให้เขาเป็นคู่แข่งคนสำคัญในตำแหน่งผู้นำรุ่นที่สามเลยก็ว่าได้
ในสถานการณ์เช่นนี้วันใดที่จี้เส้าหงกลายเป็นทายาทรุ่นที่สามโดยสมบูรณ์ จี้เส้าโหยวซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของผู้นำตระกูลจี้ในอนาคต ก็ย่อมมีสถานะที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เขากล้าทำตัวอวดดีและหยิ่งยโสได้ขนาดนี้แล้วนับประสาอะไรกับบอดี้การ์ดสองสามคน ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเห็นคนเหล่านี้อยู่ในสายตา! เพราะเมื่อพี่ใหญ่ของเขาได้รับตำแหน่งเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สามอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ เกรงว่าบอดี้การ์ดเหล่านี้จะแห่กันมาขอเป็นผู้ใต้บังคับบัญชากันจนเลือกไม่ไหว!
และในตอนนั้นเองเมื่อหญิงสาวที่ดูจัดจ้านเห็นว่าบอดี้การ์ดทั้งสามคนของจี้เสี่ยวหยูถอยกลับไปหลังจากที่จี้เส้าโหยวพูดเพียงไม่กี่คำ ความหยิ่งยโสของเธอก็ฟื้นคืนกลับมาทันที เธอเหลือบมองบอดี้การ์ดทั้งสามคนและพึมพำ “ไอ้พวกทหารโง่ไม่เจียมกะลาหัว!”
ความจริงแล้วตั้งแต่ที่จี้เส้าโหยวบอกเธอว่าเขาเป็นน้องชายของผู้ที่กำลังจะได้เป็นผู้นำตระกูลในอนาคตเธอก็รู้ได้ทันทีเลยว่าฐานะของเธอกำลังจะสูงขึ้นมาก บวกกับจี้เส้าโหยวบอกกับเธอเป็นนัยๆว่า เธอจะกลายเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในตระกูล หากต้องการจะทำอะไรก็ไม่มีใครกล้าขัด โดยให้เธอลองไปยั่วยุพวกสายตรงดู และผลการทดสอบก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เจ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลจี้และภรรยาของผู้นำรุ่นที่สองก็ยัง ‘ไม่กล้าหือ’ กับเธอ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกหยิ่งผยองและอวดดีมากยิ่งขึ้นไปอีก!
ลองคิดดูสิทรัพย์สินและพลังอำนาจของตระกูลจี้นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน!
ถ้าหากเธอมีสิทธิมีเสียงระดับหนึ่งในตระกูลจี้คนภายนอกจะมองเธอว่ายังไงเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะต้องมองเธอในฐานะที่สูงส่งอย่างแน่นอน!
“ตายแล้ว!พี่สะใภ้คนนี้ยังไม่ทันได้ว่าอะไรเลย ทำไมเจ้าหญิงน้อยของเราถึงร้องไห้ได้ล่ะ” หญิงสาวจัดจ้านพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจว่า “เจ้าหญิงน้อยรีบให้คนของเธอเอารถออกไปได้แล้ว เราจะเข้าไปข้างใน จะรีบไปทำความสะอาดบ้านให้คุณปู่!”
แต่ใครจะคิดนอกจากจี้เสี่ยวหยูจะไม่ทำตามที่ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วเธอยังจ้องผู้หญิงจัดจ้านอย่างดุดัน ใช้แขนเล็กๆปาดน้ำตาอย่างแรงและออกคำสั่งว่า “พวกคุณขับรถไปกลางถนนถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน ห้ามให้ใครเข้าไปข้างในโดยเด็ดขาด!”
“ครับ!”
บอดี้การ์ดทั้งสามคนแอบประหลาดใจทำไมวันนี้คุณหนูถึงได้ดูเข้มแข็งขึ้นมาอย่างกะทันหัน
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากเพราะสิ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องดี ในความเห็นของพวกเขา บางทีคุณหนูน้อยคนนี้ก็มีอารมณ์ที่อ่อนไหวเกินไปจริงๆ
สีหน้าของหญิงสาวจัดจ้านแสดงความไม่พอใจทันที“จี้เสี่ยวหยูเธอพูดแบบนี้มันหมายความว่ายังไง!”
แม้ว่าเธอจะฮึดสู้แต่น้ำตาแห่งความคับแค้นใจก็ยังไม่หยุดไหลแต่เธอก็มองไปที่หญิงสาวจัดจ้านคนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว “จี้เส้าโหยวและแฟนของคุณควรขอโทษฉัน ไม่อย่างนั้นเมื่อพี่ชายสามของฉันมา เขาจะไม่ปล่อยพวกคุณไปง่ายๆแน่!”
“ห๊ะ”
จี้เส้าโหยวและผู้หญิงจัดจ้านถึงกับอึ้งไปพร้อมๆกันการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของจี้เสี่ยวหยูทำให้พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัว แต่หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ฃพวกเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “พี่ชายสาม พี่ชายสามคนไหนอีกล่ะ? นี่มันเรื่องตลกใช่มั้ยเนี่ย ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าจะมีพี่ชายสามคนไหนของเธอที่จะกล้าเอาเรื่องฉัน?!” ในตอนนั้นเองก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา“จี้เส้าโหยวนายที่มันเก่งจริงๆเลยนะ! แต่ฟังที่เสี่ยวหยูพูดไว้บ้างก็ดีเธอพูดถูกแล้วรีบขอโทษเธอแต่โดยดี ไม่อย่างนั้นถ้านายรอจนน้องสามมาถึงต่อให้ตอนนั้นนายอยากจะขอโทษ ก็คงจะไม่มีโอกาสแล้ว!”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินออกมาจากตรอกลึกข้างๆสีหน้าของเขามืดครึ้มน่ากลัวมาก สายตาอันเย็นชาของเขามองไปที่หญิงสาวจัดจ้านข้างๆจี้เส้าโหยว เหมือนกับว่าเขากำลังมองสิ่งที่ไร้ชีวิต “ฉันขอเตือนไว้ก่อนเลยนะถ้าฝ่ามือที่เธอเพิ่งตบไปนั้นไม่ใช่ใบหน้าของเว่ยซิน แต่เป็นใบหน้าของเสี่ยวหยูก็เตรียมตัวลงนรกได้เลย!”