บทที่ 152 คำขอร้องจากนายท่านกงซุน
โจยู่ถานมองหลินถานอย่างไม่สบอารมณ์ ไอ้แมงดาที่หน้าด้าน ไม่รู้ว่ามันใช้วิธีประจบยังไง แม้แต่คุณหนูกงซุนยังให้เกียรติมัน
คนไร้ค่าอย่างมัน ไม่มีสิทธิ์ที่จะมานั่งดื่มชาในนี้เลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังทำเหมือนเธอเป็นพนักงานบริหารอีก มันมีสิทธิ์อะไร?
“น้ำร้อนแก้วหนึ่งก็ได้” หลินอิ่งตอบมาอย่างเรียบเฉย
“น้ำร้อนเหรอ? หึ ไม่มี ร้านชาหยูนยู่นของเราไม่เคยมีเครื่องดื่มที่ไม่มีระดับแบบนั้นถ้าอยากกินน้ำร้อน แกก็ไสหัวออกไปหากินตามร้านข้างทางได้เลย” โจยู่ถานพูดดูถูก
บ้านนอกซะจริง มากินน้ำร้อนในร้านชาหยูนยู่นเนี่ยนะ? คงไม่รู้จักประวัติและคุณค่าของชาในร้านนี้สินะ? หรืออาจเป็นเพราะมันเห็นราคาที่มันสูงขนาดนั้นแล้วไม่กล้าสั่ง กลัวตัวเองจะต้องจ่ายสินะ?
“โจยู่ถาน เธอรีบหุบปากไปเลยนะ!” กงซุนชิวอวี่พูดออกมาด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
ผู้หญิงคนนี้เธออยากตายรึไง? เธอมาเป็นคนมาหาหลินอิ่งแท้ๆ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับมาก่อกวนอยู่ตรงนี้!
“คุณหนูคะ คุณ……” โจยู่ถานตกใจ สีหน้าดูตื่นตระหนกมาก ไม่รู้ว่าทำไมคุณหนูกงซุนถึงได้ปกป้องคนไร้ค่าอย่างหลินอิ่งนัก
“ยังจะอะไรอีก? ถ้าไม่มีน้ำร้อนแล้วยังจะเปิดร้านชาได้ยังไง? รีบไปเอามาแก้วหนึ่ง ได้ยินมั้ย?” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยความโมโห
“ได้ค่ะ ได้ค่ะ ฉันจะไปเอาเดี๋ยวนี้เลยค่ะคุณหนู” โจยู่ถานตอบ
“อีกอย่าง ฉันมีธุระต้องคุยกับหลินอิ่ง เธอให้พนักงานเป็นคนเอาเครื่องดื่มมาส่งก็พอ เธอไม่ต้องมาเสนอหน้าให้ฉันเห็นก็ได้” กงซุนชิวอวี่สั่ง
“อะไรนะคะ? คุณหนูกงซุน ฉันจะไม่พูดแล้วค่ะ คุณให้ฉันอยู่ช่วยรินชาให้ก็ได้นะคะ” โจยู่ถานพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
ตำแหน่งของครอบครัวเธอที่อยู่ในตระกูลโจนั้นต้องหวังพึ่งการเอาใจคุณหนูกงซุนนี้แหละ เพื่อให้คุณหนูไปช่วยพูดอะไรบ้าง แบบนี้ฐานะตอนอยู่ต่อหน้าคุณท่านก็จะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
โอกาสที่จะได้มาคลอเคลียแบบนี้ เธอไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน
“แค่เห็นหน้าเธอฉันก็รู้สึกหงุดหงิดแล้ว เธอช่วยออกไปจากสายตาฉันทันทีเลยนะ” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยความไม่ชอบใจ “ถ้าเธอยังโผล่หน้ามากวนใจฉันอีกละก็ ฉันจะไปบอกคุณท่านโจนะ”
“คุณหนูกงซุน ฉันผิดไปแล้ว อภัยให้ฉันด้วยเถอะ อย่าโกรธฉันเลยนะคะ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ” โจยู่ถานรีบพูดขึ้นมาเธอตกใจจนหน้าซีดเผือด
“เธอจะมาขอโทษฉันทำไม?” กงซุนชิวอวี่รู้สึกแปลกใจ “ไปขอโทษหลินอิ่งโน้น เธอทำให้เขาลำบากใจขนาดนั้น ทำให้ฉันเสียหน้าขนาดไหนรู้มั้ย? กล้าทำให้แขกของฉันลำบากใจสินะ?”
โจยู่ถานสีหน้าดูไม่ได้เลย นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าภายในจิตใจของกงซุนชิวอวี่ที่สูงศักดิ์คนนี้ หลินอิ่งจะถูกให้ความสำคัญมากขนาดนี้
ทำไม? การที่เธอต้องมาขอโทษไอ้คนไร้ค่าอย่างหลินอิ่งแบบนี้ เธอไม่สบอารมณ์เอาซะเลย ถ้าคุณหนูหันมาให้ความสำคัญกับเธอแบบนี้บ้างมันจะดีแค่ไหน? เธอที่อยู่ในตระกูลโจคงสามารถโบยบินได้ในทันที ได้รับสืบทอดมรดกมากมายจากคุณท่านโจ
แววตาที่โจยู่ถานมองหลินอิ่งทั้งอิจฉาทั้งโกรธแค้น เธอพูดออกมาด้วยความฝืนใจสุดๆ “ขอโทษค่ะ คุณหลินอิ่ง ก่อนหน้านี้ฉันพลั้งปากไป ฉันไม่คิดว่าคุณจะเป็นเพื่อนกับคุณหนูกงซุนแบบนี้”
“ต่อไปก็ระวังหน่อยแล้วกันครับ” หลินอิ่งพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
โจยู่ถานรู้สึกไม่พอใจมาก ไอ้เศษเดนนี่ยังมีหน้ามาแสดงอยู่อีก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีความสามารถอะไรบ้างไหม? รอให้คุณหนูกงซุนกลับตี้จิงไปก่อนเถอะ เธอต้องเอาจะเอามันให้ตายเลย!
“ได้ยินมั้ย? ต่อไปก็ระวังหน่อย ต่อนี้เธอรีบไสหัวไปได้แล้ว รีบหายไปซะ” กงซุนชิวอวี่พูดออกมาด้วยความเหลืออด
โจยู่ถานคนนี้เอาแต่กวนการคุยธุระของเธอกับพี่ชายอยู่นั่นแหละ น่ารำคาญจะตายไป
“ค่ะ ค่ะ ค่ะ คุณหนู ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ถ้าคุณมีอะไรให้รับใช้ก็บอกผ่านพนักงานมาได้เลยนะคะ ฉันจะรอคำสั่งจากคุณอยู่ชั้นล่างนะคะ” โจยู่ถานพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วเดินลงชั้นล่างไปโดยไม่เต็มใจเลยแม้แต่นิดเดียว
หลินอิ่งไอ้คนไร้ค่าที่สมควรตาย กว่าเธอจะสามารถเชิญคุณหนูกงซุนมาที่ร้านชาของเธอเพื่อทำดีด้วยนั้นมันยากลำบากแค่ไหน โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆ แต่ดันถูกมันทำเสียเรื่องหมดเลย
โจยู่ถานเดินมาถึงชั้นล่างอย่างไม่พอใจ เธอกำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการกับหลินอิ่งยังไงดี เธอจะต้องทำให้ไอ้เศษเดนนั่นมาก้มหัวขอโทษเธอให้ได้
“เฮ้อ ออกไปได้สักที ทำไมหลังจากที่ฉันกลับตี้จิงไปรอบตัวถึงมีแต่คนแบบนี้นะ?” กงซุนชิวอวี่พูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ฉันว่านะ ถ้าพวกเขารู้ถึงฐานะของฉันที่อยู่ในตระกูลกงซุนละก็ ฉันก็คงหาเพื่อนที่จะคุยด้วยแบบปกติไม่ได้แล้ว” กงซุนชิวอวี่พูดขึ้น
หลินอิ่งยิ้มแล้วพูดออกมาอย่างเรียบเฉย “สังคมมันก็เป็นแบบนี้แหละ”
“จริงด้วย พี่คะ พี่เองก็คิดแบบนี้เหมือนกันใช่มั้ย พี่เลยไม่ยอมเปิดเผยทรัพย์สินและอำนาจของตัวเองออกมา?” กงซุนชิวอวี่ถามด้วยความสงสัย
“เธอไม่สามารถเข้าใจมันได้ง่ายๆ หรอก” หลินอิ่งตอบอย่างเรียบเฉย
กงซุนชิวอวี่รู้สึกนับถืออยู่ในใจ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณตารู้สึกชื่นชมในตัวหลินอิ่งก็ได้ ช่างเป็นคนที่น่ายกย่องจริงๆ!
“พี่คะ ช่วงนี้พี่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองชิงหยูนเป็นยังไงบ้างคะ? มีอะไรที่น่าสนใจบ้างคะ?” กงซุนชิวอวี่เอ่ยถาม
“มาพูดเรื่องธุระของเราดีกว่า” หลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่เธอมาหาฉันถึงที่เมืองชิงหยูนนี่มีธุระอะไรเหรอ?”
พอพูดถึงตรงนี้ กงซุนชิวอวี่ก็ทำหน้าซีเรียสขึ้นมาทันที แล้วเธอก็ถามไปอย่างจริงจังว่า “พี่คะ พี่เป็นคนรักษาคุณตาให้หายใช่มั้ยคะ? แสดงว่าพี่ต้องมีความสามารถทางการแพทย์ที่สูงมาก หรือไม่พี่ก็ต้องรู้จักกับหมอที่มีความสามารถสูงส่งใช่มั้ยคะ?”
“ฉันเป็นคนรักษาท่านเอง” หลินอิ่งพยักหน้าตอบ
กงซุนชิวอวี่ขยับแว่นครั้งแล้วครั้งเล่า เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเธอก็ขอร้องด้วยว่าจริงใจว่า “พี่คะ ฉันมีเรื่องอยากขอให้พี่ช่วยค่ะ คือพี่ช่วยดูอาการของคุณปู่ให้หน่อยได้มั้ยคะ?”
“ปู่ของเธอป่วยเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” หลินอิ่งถาม
กงซุนชิวอวี่ตอบ “ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คุณปู่ท่านยังดีๆ อยู่เลย แต่จู่ๆ ท่านก็ล้มป่วยลง อาการดูแย่มาก เราได้เชิญหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรคต่างๆ กับปรมาจารย์ด้านแพทย์แผนโบราณมาดูแล้วแต่ก็ยังตรวจหาต้นตอของอาการป่วยไม่ได้เลยค่ะ”
“เฮ้อ ตอนนี้คนในตระกูลต่างก็ร้อนรนจนนั่งกันไม่ติดแล้วค่ะ เพราะเรื่องนี้” กงซุนชิวอวี่ถอนหายใจอีกครั้ง “มีคนบอกว่านายท่านน่าจะถูกใครบางคนวางยา บางคนก็บอกว่าเป็นเพราะอายุที่มากขึ้นส่งผลให้ร่างกายทนต่อไปไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้ค่ะ”
หลินอิ่งนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา เขาอดไม่ได้ที่จะใช้ความคิดพิเคราะห์ดู
นายท่านของตระกูลกงซุนนั้นชื่อว่ากงซุนฉงหลง ในบรรดาผู้อาวุโสที่อยู่ระดับสูงสุดของในประเทศหลุงนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ทันได้เห็นความทะเยอทะยานที่น่านับถือในการขึ้นสู่จุดสูงสุดของนายท่านก็ตาม แต่ท่านก็ยังเป็นผู้ที่มีคุณความชอบอันใหญ่หลวงเหมือนกัน ถือเป็นผู้ที่มีความสำคัญระดับต้นๆ เลย
ผู้อาวุโสระดับสูงแบบนี้ ทุกๆ การเคลื่อนไหวหรือสภาพร่างกายต่างก็สามารถส่งผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อประเทศหลุงเลยทีเดียว มันเป็นเรื่องที่จะมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด
ถ้าจะบอกว่าเกิดจากความชราภาพ แล้วหมอชั้นแนวหน้ากับแพทย์แผนโบราณชั้นนำพวกนั้นจะตรวจหาสาเหตุไม่เจอเลยอย่างนั้นเหรอ?
แต่ถ้าเกิดมีผู้ไม่หวังดีที่คิดไม่ซื่อแล้วแอบวางยาท่านจริงๆ ละก็ แสดงว่าแผนการที่ถูกซ่อนอยู่เบื้องหลังต้องไม่ธรรมดาแน่
“พี่อิ่งคะ พี่ช่วยไปดูอาการให้นายท่านหน่อยได้มั้ยคะ?” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง น้ำเสียงอ้อนวอน “ฉันขอร้องล่ะ พี่ไม่ต้องรับปากก็ได้ว่าสามารถรักษาท่านให้หายได้ แต่พี่ช่วยลองดูหน่อยได้มั้ยค่ะ?”
“ขอฉันจัดการเรื่องเวลาก่อนแล้วกัน” หลินอิ่งพูดออกมาอย่างเรียบเฉย
“ได้ค่ะ! ขอบคุณพี่ชายมากเลยนะคะ!” กงซุนชิวอวี่พูดด้วยใบหน้าที่ปลื้มปีติ แม้แต่คุณตาพี่ชายก็เคยรักษามาแล้ว เขาต้องมีทางรู้แน่ว่าคุณปู่ท่านเป็นอะไร