จ้าวหลินเอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากเห็นความสง่าของหลินอิ่งแล้ว แล้วไปดูชายอื่น ก็รู้สึกเหมือนพวกไร้ประโยชน์ ไม่มีความสนใจเลยแม้แต่น้อย
อีกอย่าง ตั้งแต่เด็กเธอก็ถูกสั่งสอนมาว่ามีสัญญาหมั้นหมายกับตระกูลฉี ในใจก็จดจำเรื่องนี้อยู่ตลอด
และมีฐานะชาติกำเนิดที่สูงส่ง เป็นหญิงสาวผู้สูงศักดิ์แห่งตี้จิง จากเดิมก็มีผู้ชายน้อยมากที่เข้าตากเธอ
แต่พอดี คู่หมั้นตั้งแต่เด็ก ก็เป็นคนน้อยมากที่สามารถทำให้เธอหวั่นไหวได้
นี่ก็เป็นการตกหลุมรักเพียงฝ่ายเดียวในทันที จนถอนตัวไม่ได้
คราวนี้ ฉีเวิ่นติ่งและผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลจ้าว คนตระกูลจ้าวทั้งหมดในห้องโถงใหญ่ ต่างก็กวาดสายตามองไปที่หลินอิ่ง
รอหลินอิ่งตัดสินใจ
เท่าที่ทุกคนดู คำขอของตระกูลจ้าวนั้นต่ำที่สุดแล้ว ได้ให้เกียรติหลินอิ่งถึงที่สุดแล้ว
ขอแค่หลินอิ่งรักษาสัญญาหมั้นไว้ ยังให้จ้าวหลินเอ๋อร์ติดตามอยู่ข้างกายเขา ให้หลินอิ่งสามารถเรียกใช้อำนาจตระกูลจ้าวได้
การให้เกียรติที่สูงส่งขนาดนี้ ลูกเขยตระกูลจ้าวคนไหนเคยได้รับ?
“เกลี้ยกล่อมผมไม่มีประโยชน์”
หลินอิ่งพูดอย่างเย็นชา
“ผมมาวันนี้ ก็เพื่อจะเคลียร์ทุกอย่าง สัญญาหมั้นหมายในอดีต ยกเลิกเถอะ”
“ผมขอประกาศตรงนี้ ไม่ได้รังเกียจคุณหนูตระกูลจ้าวแต่อย่างใด เพียงแค่ใจมีเจ้าของแล้ว มีครอบครัวแล้ว” หลินอิ่งค่อยๆพูด “ถ้าหากตระกูลจ้าวรู้สึกว่ายกเลิกงานแต่งฉับพลัน ถ้าเช่นนั้นก็สามารถประกาศต่อภายนอกได้ ว่าตระกูลจ้าวไม่ถูกใจผมหลินอิ่ง จึงยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย”
“สำหรับเรื่องการต่อสู้กับตระกูลสวี บุญคุณนี้ ผมรับด้วยใจแล้ว”
พูดจบ หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย เงียบไม่พูดอะไร
ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องโถงใหญ่ก็เย็นเยือกไปทันที
คำพูดของหลินอิ่งนี้พูดอย่างเปิดอกเปิดเผย
แต่ว่าเข้าหูคนของตระกูลจ้าว นั่นมันก็เหมือนดั่งสายฟ้าแลบ เป็นการเหยียดหยามอย่างที่สุด
จ้าวหลินเอ๋อร์อึ้งไปทันที ความผิดหวังในสายตานั้นไม่อาจปิดบังได้ ก้มหัวลง ดูแล้วน้อยใจมาก
“บังอาจ หลินอิ่ง ตระกูลจ้าวของเราถอยแล้วถอยอีก คำพูดที่ดีก็พูดจนหมดแล้ว เธอไม่ได้ฟังคำพูดของผู้ใหญ่อย่างพวกเราหลายคนเข้าหูเลย?” จ้าวเทียนสงพูดอย่างเคร่งขรึม สีหน้าไม่พอใจอย่างมาก
“เสี่ยวอิ่ง ต่อหน้าปู่ของเรา เราทำแบบนี้ คือจะทำให้ปู่ของเราลำบากใจเหรอ? สัญญาหมั้นหมายในตอนนั้น คือเราสองคนและปู่ของเธอทำสัญญากันด้วยตัวเอง” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างโมโห “เราต้องจำไว้ อำนาจของเราจะใหญ่โตแค่ไหน พวกเราทั้งหลายก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา เราอย่ายโสโอหังเกินไป”
“ฉันก็รู้อะไรได้ฝืนได้มามันไม่หอมหวาน แต่ว่า ยายแก่อย่างฉันก็พูดกับเธออย่างดีแล้ว ให้หลินเอ๋อร์ติดตามเธอ ค่อยๆศึกษากันไป เธอยังจะยกเลิกสัญญาหมั้น นี่มันเหยียดหยามตระกูลจ้าวชัดๆ”
“พี่หก พี่มาพูดดีกว่า”
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างโมโห ค้ำไม้เท้าไม้จันทน์ไว้ โมโหจนดื่มน้ำชาไปหนึ่งแก้ว
หลินอิ่งทำให้เธอโมโหจริงๆแล้ว
ถ้าหากพูดว่า หลินอิ่งเป็นคนที่รักเดียวใจเดียว จะใช้ชีวิตกับผู้หญิงมณฑลตงไห่คนนั้น ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป
แต่ว่า หลินอิ่งถูกตระกูลเล็กๆของมณฑลตงไห่นั้นไล่ออกจากบ้าน หย่าร้างแล้ว แม้แต่ เขาอยู่ข้างนอกเจ้าสำราญขนาดนั้น ที่เห็นอยู่ก็มีผู้หญิงติดตามอยู่หลายคน ในที่ลับยังไม่รู้ว่าซ่อนอยู่เท่าไหร่
สถานการณ์แบบนี้ยังไม่ใส่ใจยายหนูตระกูลตัวเอง นี่ไม่ใช่เหยียดหยันคืออะไร?
“แคกแคก……” ฉีเวิ่นติ่งไอแห้งไปสองครั้ง พูดอย่างจริงจัง “อิ่งเอ๋อ เรื่องนี้เราตัดสินใจเองเถอะ ปู่ไม่เกลี้ยกล่อมเราแล้ว”
เขาสามารถดูการตัดสินใจของหลินอิ่งได้
นิสัยของหลินอิ่งเหมือนกับเขาตอนหนุ่มมาก ทำอะไรเด็ดขาด
เรื่องที่ตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดได้
“พี่หก พี่ พี่ จะตามใจนิสัยเขาไม่ได้ เห้อ” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างไม่พอใจอย่างมาก
“เสี่ยวอิ่ง เราจะไม่พิจารณาแม้แต่น้อยเลยเหรอ? ยายหนูหลินเอ๋อร์แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวต้องหลินอิ่งอย่างเย็นชา “เราสามารถอยู่ในบ้านนอกแบบนั้นอย่างมณฑลตงไห่ไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าตระกูลเล็กๆแบบนั้นได้ กลับไม่ยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจ้าวอย่างเรา?”
“นี่มันเหตุผลอะไร? ดูถูกตระกูลจ้าว? ดูถูกตาแก่อย่างเราสองคน? และดูถูกหลินเอ๋อร์ ใช่ไหม?”
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวยิ่งพูดยิ่งโมโห อารมณ์เสียโดยตรงเลย
“นี่ก็เพราะปู่ของเราตามใจเรา สมัยก่อน ปู่ทวดของเรา อยู่ในตระกูลฉีก็ตามใจฉัน อย่างเราที่แสดงท่าทางวิปริตต่อหน้าฉันแบบนี้ ลากตัวไปทำโทษประจำตระกูลในห้องโถงตั้งนานแล้ว”
“ช่างทำให้ฉันโมโหจริงๆ”
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวตีไม้เท้าไปหลายครั้ง ทำเสียงเย็นชา ไม่พอใจสำหรับพฤติกรรมของหลินอิ่งไม่มาก
“ท่านยาย ท่านไม่ต้องพูดพวกนี้กับผม” หลินอิ่งพูดเรียบเฉย “ท่านเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฉี ผมเคารพท่าน”
“หากท่านมีคำสั่งอะไร ผมต้องทำตามอย่างแน่นอน” หลินอิ่งค่อยๆพูด “แต่ว่าเรื่องสัญญาหมั้นหมาย ไม่มีช่องว่างให้เจรจา”
“วันนี้ผมขอประกาศตรงนี้ ขอยกเลิกการหมั้นอย่างทางการ อย่าให้ผมกลับไปแล้ว ต้องประกาศต่อแวดวงลึกลับด้วยตัวเอง”
“อีกอย่าง ท่านยาย ปู่ของผมช่วงนี้สุขภาพไม่ค่อยดี ต้องการรักษาตัวอยู่บ้าน ผมไม่หวังว่า ยังมีคนไปรบกวนท่านอีก”
หลินอิ่งพูดประโยชน์เหล่านี้อย่างเย็นชา ระหว่างคำพูดนั้น แปร่งประกายราศีที่ทำให้คนหวาดกลัว
ใช่แล้ว สัญญาหมั้นหมายไม่ต้องเจรจาแล้ว
ในใจหลินอิ่งก็เริ่มมีความโกรธแล้ว
ร่างกายของคุณปู่ตัวเองยังไม่หายดี ถูกแม่เฒ่าตระกูลจ้าวเชิญออกมา จุดนี้ ทำให้เขาโมโห
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวเป็นยายของตัวเอง ทั้งเกียรติและมารยาทก็ให้พอแล้ว
เปลี่ยนเป็นรูปแบบปกติของเขา ทิ้งคำพูดไว้ที่ตระกูลจ้าว หมุนตัวจากไป ดูใครกล้าพูดมาก
“เธอ นี่เธอกำลังสั่งสอนฉันเหรอ?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างโมโห “ในเมื่อเราพูดแบบนี้ งั้นก็ช่างเถอะ ยายหนูหลินเอ๋อร์ ตัดความคิดนี้ไปเถอะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปอย่าไปมาหาสู่กับไอ้เด็กเวรนี่อีก วันนี้หนูก็เห็นแล้ว ไอ้เด็กเวรนี่วันนี้มันรังเกียจหนูขนาดนี้”
“เดี๋ยวฉันก็จะประกาศต่อภายนอก ยกเลิกการหมั้น คือหลินอิ่งไม่เจียมตัว ไม่คู่ควรกับยายหนูบ้านเรา”
“หลินอิ่ง วันนี้เธอถอนหมั้นเดินออกจากประตูนี้ไป ก็อย่าโทษว่าฉันไม่รักษาความสัมพันธ์นะ ถึงเวลา ถึงแม้ตระกูลจ้าวไม่ไปยืนฝั่งตระกูลสวี ก็ต้องทำให้เธอลำบากแน่” จ้าวเทียนสงพูดเสียงเคร่งขรึม ท่าทางยิ่งอยู่ยิ่งโมโห
“นี่ท่านกำลังข่มขู่ผม?” หลินอิ่งน้ำเสียงค่อยๆเย็นชาขึ้น
“ไม่ได้”
คำพูดหลินอิ่งยังพูดไม่จบ จ้าวหลินเอ๋อร์ก็โดดออกมา สีหน้ารีบร้อน
“คุณย่า คุณปู่ ท่านอย่าโมโหใส่หลินอิ่ง”
จ้าวหลินเอ๋อร์พูดขอร้อง สีหน้ากังวลมาก
“หนู……”
“นี่…….”
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวกับจ้าวเทียนสงเห็นจ้าวหลินเอ๋อร์กระโดดออกมาช่วยหลินอิ่งพูด ต่างก็สีหน้าโมโห
“เอาตัวเธอลงไป ยายเด็กนี่ไม่รู้จักอายจริงๆ” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวก็โมโหแล้ว ท่าทางโกรธมาก
“คุณย่า ย่าอย่าอารมณ์เสียเลย หลินอิ่ง เขาไม่ได้มีความหมายไม่เคารพท่าน” จ้าวหลินเอ๋อร์ก้มหน้าพูด “ย่าให้หนูพูดกับหลินอิ่งสักสองคำได้ไหม?”
พูดไป ตาของจ้าวหลินเอ๋อร์ก็เริ่มแดง มองไปที่หลินอิ่ง ถามอย่างจริงจัง “คุณต้องถอนหมั้นจริงเหรอ? ฉันตกลงแล้ว แต่ฉันหวังว่า คุณจะตอบตกลงฉันข้อเสนอหนึ่งข้อได้ไหม?”
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย พูดอย่างเย็นชา “ท่านยายจ้าวพูดเล่นแล้ว จะไปมีอำนาจหรือไม่อำนาจที่ไหนกัน”
ก่อนมา เขาก็รู้มาจากปากของจ้าวเฉิงเฉียนแล้ว ว่าคนตระกูลจ้าวมีความเห็นยังไง
อยากใช้การช่วยเหลือตัวเองต่อสู้กับตระกูลสวี เพื่อเป็นเดิมพัน
แล้วเชิญคุณปู่ตัวเองเพื่อมาเกลี้ยกล่อม
จำเป็นต้องเอาเขามาผูกมัดกับตระกูลจ้าวให้ได้เลยหรือ
“เจ้าเด็กนี่ ถ่อมตัวเหมือนกันนะ” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวหัวเราะ หรี่ตาคู่งามนั้น สังเกตมองหลินอิ่งอย่างละเอียด
“ทุกวันนี้ ในตี้จิงจะมีใครบ้างที่ไม่รู้จักคุณชายอิ่งล่ะ ชื่อเสียงโด่งดังกว่าใคร” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวมองหลินอิ่ง พูดอย่างใจเย็น
เธอสังเกตหลินอิ่งรอบหนึ่ง ยิ่งดู ในใจก็ยิ่งดูยิ่งพอใจ
ในใจคิดยายหนูหลินเอ๋อร์ไม่ได้เลือกคนผิด
จากประสบการณ์ชีวิตหลายสิบปีของเธอ สถานการณ์ใหญ่โตที่เคยพบเห็น ก็ต้องดูความแตกต่างของหลินอิ่งออกเป็นธรรมดา
เพียงแค่หลินอิ่งยืนตรงนั้น ก็มีราศีอันยับยั้งที่ทำให้ผู้คนเคารพนับถือที่แปร่งประกายออกมาเอง
ถึงแม้ว่า หลินอิ่งจะแสดงออกมาอย่างยังยั้งที่สุดแล้ว
“ก่อนหน้านี้ ฉันได้ยินยายหนูหลินเอ๋อร์พูดว่า เจ้าหนุ่มอย่างเราไม่ไว้หน้าเด็กผู้หญิงอย่างเธอเลยแม้แต่น้อย” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวมองหลินอิ่งพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “อีกอย่างเราอยู่ข้างนอกก็ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่น มีผู้หญิงข้างกายมากมาย คนตี้จิงต่างก็ลือกันว่าเราเจ้าชู้มาก แต่ไม่ว่ายังไง เราก็ยังไม่สนใจยายหนูหลินเอ๋อร์ เอาผู้หญิงของเราที่อยู่มณฑลตงไห่มาเป็นข้ออ้างแบบเป็นพิธี นี่เพื่ออะไรหรือ?”
ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าตระกูลจ้าวได้ยินจ้าวหลินเอ๋อร์มาระบายร้องทุกข์เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆของหลินอิ่ง และให้คนไปสืบจากข้างนอกมาแล้ว ข้างกายหลินอิ่งมีผู้หญิงอยู่ไม่น้อยจริง
เรื่องนี้ ทำให้ในใจเธอก็โมโหอย่างมาก
ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไข่มุกในกำมือของตระกูลจ้าว กลายเป็นของราคาถูกแบบนี้? ถูกคนไม่แยแสแม้แต่น้อย?
สีหน้าหลินอิ่งไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย พูดว่า “ท่านยายจ้าว ผมแต่งงานหลายปีแล้ว เพราะฉะนั้น ผมไม่อยากมีความเกี่ยวข้องอะไรกับจ้าวหลินเอ๋อร์ สำหรับข่าวลือข้างนอก เชื่อไม่ได้”
“เหอะเหอะ” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวทำเสียงเย็นชา ส่ายหน้า ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของหลินอิ่งนัก “เราไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว ฉันก็อายุปูนนี้แล้ว จะไม่เคยเห็นผู้ชายมีชู้หรือ โดยเฉพาะเรายังหนุ่มยังแน่น”
“พูดเถอะ เรามาตระกูลจ้าวครั้งนี้ แน่ใจว่าจะยกเลิกสัญญาหมั้นหมายให้ได้?” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวถามอย่างจริงจัง “ไม่มีช่องว่างให้เจรจาแม้แต่น้อย?”
พูดถึงเรื่องนี้ คนของตระกูลจ้าวในเหตุการณ์ สายตาต่างก็มองไปบนตัวของหลินอิ่ง
จ้าวหลินเอ๋อร์สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย ในใจไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ สายตาจ้องอยู่ที่หลินอิ่ง
“ใช่ ผมมาเพื่อจัดการเรื่องสัญญาหมั้นหมายในอดีต พูดทุกอย่างให้ชัดเจนต่อหน้าคนของตระกูลจ้าว” หลินอิ่งไม่ลังเลแม้แต่น้อย พูดอย่างเด็ดขาด “ผมก็ไม่หวังว่า ต่อจากนี้ตระกูลจ้าวจะเอาเรื่องสัญญาหมั้นหมายมาพูดอีก”
ได้ยินแล้ว แม่เฒ่าตระกูลจ้าวหรี่ตาเล็กน้อย จ้องหลินอิ่ง
“แคกแคก” จ้าวเทียนสงไอแห้งสองครั้ง มองไปที่ฉีเวิ่นติ่ง สีหน้าก็ไม่ค่อยดี
คำพูดของหลินอิ่งตรงเกินไป ไม่อ้อมค้อมเลยแม้แต่น้อย
นี่อยู่ในห้องโถงใหญ่ตระกูลจ้าว ไม่ได้ให้ทางลงกับตระกูลจ้าวเลยแม้แต่น้อย
ฉีเวิ่นติ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่ง พูดว่า “อิ่งเอ๋อ เรื่องนี้ความจริงปู่ไม่ควรเกลี้ยกล่อมหลาน แต่ว่า ปู่ก็ยังอยากจะพูดสองคำ”
“เรื่องระหว่างหลานกับยายหนูที่มณฑลตงไห่ พวกเราต่างก็รู้แล้ว ได้ยินว่าครอบครัวเขาพยายามจะให้หลานหย่าร้าง ในเมื่อแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องคิดมาก”
“ยายหนูหลินเอ๋อร์เหรอ เมื่อก่อนตอนที่หลานยังไม่ได้กลับมาตี้จิง ก็เข้ามาเยี่ยมที่ตระกูลฉีบ่อยครั้ง เพื่อถามถ่ายข่าวคราวของหลาน เป็นคนที่ใช้ได้” ฉีเวิ่นติ่งค่อยๆพูด “เท่าที่ปู่ดู หลานสามารถพิจารณาใหม่ได้ อย่าตัดสินเร่งด่วนแบบนี้”
หลินอิ่งเข้าสู่ความเงียบ ไม่ได้ไปคัดค้านคุณปู่ตระกูลตัวเอง
เรื่องอื่นๆ ขอแค่คุณปู่เปิดปาก ล้วนมีช่องว่างให้เจรจา
แต่ว่า หลินอิ่งยอมรับเมียเพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจางฉีโม่
ก่อนออกมาเข้าสู่โลก ในใจเขาก็ตัดสินแล้ว จะไม่มีวันทำให้ฉีโม่ผิดหวังเด็ดขาด
ทุกวันนี้ ถึงแม้จะมีเรื่องเข้าใจผิดกับฉีโม่ มีความบาดหมาง แต่เขาก็ไม่ยอม
ดั่งคำกล่าวที่ว่า เสียคำพูดต่อสตรี จะครองแผ่นดินได้อย่างไร?
“อิ่งเอ๋อ ปู่ไม่ได้จะบังคับให้เราตอบตกลงทันที หรือว่าจัดงานเพื่อแต่งจ้าวหลินเอ๋อร์” ฉีเวิ่นติ่งพูดอย่างจริงจัง “ก่อนหน้านี้เราก็ปฏิเสธคนอื่นเขาอย่างเย็นชาตลอด หรือไม่ ทั้งสองคนลองรู้จักคบหากันก่อน ต่างคนต่างทำความเข้าใจพูดคุยกันก่อน”
“อย่างน้อยก็รอให้เรารู้ใจของยายหนูหลินเอ๋อร์ก่อน รู้นิสัยของเขาก่อน ค่อยตัดสินใจก็ไม่สาย แต่ไม่ใช่ ตัดสินใจยกเลิกสัญญาอย่างเด็ดขาดแบบนี้”
ฉีเวิ่นติ่งก็คิดอย่างรอบคอบแล้ว ถึงพูดคำพูดพวกนี้ออกมา
เขาก็คำนึงเพื่อหลินอิ่ง
ไม่ว่ายังไง คนตระกูลจ้าวก็ต้องเอาหน้าเหมือนกัน จะไม่เหลือทางลงให้ตระกูลจ้าวเลยไม่ได้
อีกอย่าง ยายหนูจ้าวหลินเอ๋อร์สำหรับเขา มองแล้วก็ถูกใจอย่างใจ คู่ควรกับหลานชายของตัวเอง
และเป็นเวลาสำคัญที่หลินอิ่งสู้รบกับตระกูลสวีพอดี ถ้าหากมีตระกูลจ้าวยืนออกมาให้ความช่วยเหลือ สามารถมีประโยชน์อย่างมาก
“อืม หลินอิ่ง ปู่ของเราก็พูดแล้ว สิ่งที่พูดก็ไม่ผิด” จ้าวเทียนสงเปิดปากพูด “ฉันได้ยินว่า เราไม่ยอมยายหนูหลินเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย อะไรนิดอะไรหน่อยก็ข่มขู่ตักเตือนเขา? นี่มันทำอะไรกัน? เรารังเกียจหลานสาวสุดที่รักของฉันขนาดนี้เลยหรือ?”
“ถ้าคนหนุ่มสาวอย่างเราสองคนก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ไม่ยินยอมกันจริงๆ ค่อยยกเลิกสัญญาหมั้นหมายนี้ ถึงเวลา ตระกูลจ้าวของเราก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” จ้าวเทียนสงพูดอย่างจริงจัง
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวก็พยักหน้า พูดว่า “ถูกต้อง ผู้ใหญ่อย่างพวกเรานั้น เจรจากันแล้วก็มีความหมายตามนี้ สัญญาหมั้นจะยกเลิกไปง่ายๆแบบนี้ไม่ได้ พวกเราผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ทำสัญญาหมั้นหมายไว้ยังอยู่นะ เราทำแบบนี้ นั่นมันผิดคุณธรรม”
“เสี่ยวอิ่ง เราก็ลองคบหากับยายหนูหลินเอ๋อร์ดูก่อน ทางด้านตระกูลสวี ฉันจะช่วยกดดันพวกเขาแทน หัวใจของเธอที่มีต่อเรานั้นไม่มีอะไรให้พูด ถ้าหากคบหากันได้ดี ก็เลือกวันมงคลเพื่อจัดงานเลย ถ้าหาเรามีตรงไหนที่ไม่พอใจเธอ ก็มาพูดกับฉันได้ ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นยายเธอ”
“ส่วนเรา ก็ไม่ต้องเล่นความคิดอะไรพวกนั้นแล้ว อย่ามาพูดกับฉันว่าอะไรยังคิดถึงผู้หญิงมณฑลตงไห่คนนั้น เรื่องราวความเจ้าชู้ของเราที่ทำข้างนอกยังน้อยเหรอ? ฉันก็ไม่ถือสากับเราแล้ว ไม่ต้องมาใช้วิธีกลยุทธ์แสร้งอะไร มาทำกับยายหนูหลินเอ๋อร์อีก”
แม่เฒ่าตระกูลจ้าวค่อยๆพูด หรี่ตามองหลินอิ่ง
เท่าที่เธอดูแล้ว หลานสาวสุดที่รักของตระกูลเขา นั่นก็เพราะตกหลุมพรางของหลินอิ่ง
คุณชายอิ่งที่มีผู้หญิงโอบล้อมมากมายขนาดนั้น จะไม่มีใจให้จ้าวหลินเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย? นี่มันการแผนการชัดๆ
ถ้าหากไม่ใช่มีสัญญาหมั้นหมายอยู่ หลายสาวสุดที่รักของบ้านตัวเองก็ชอบหลินอิ่งขนาดนั้น
บวกกับ หลินอิ่งไม่ธรรมดาจริงๆ คนรุ่นเดียวกันหาที่ดีหว่าไม่ได้แล้ว เข้าสู่สายตาของเธอแล้ว
มิเช่นนั้น ด้วยความสามารถของตระกูลจ้าว ทำไมถึงต้องมาเจรจาดีๆอย่างเด็กหนุ่มคนหนึ่งแบบนี้?
หลินอิ่งสีหน้าเรียบเฉย เงียบไม่พูดอะไร
“เป็นยังไง? ตระกูลจ้าวของเราถอยให้แล้ว เสี่ยวอิ่ง นี่เป็นวิธีที่ประนีประนอมอย่างหนึ่ง” แม่เฒ่าตระกูลจ้าวพูดอย่างจริงจัง “ถ้าเราตกลงแล้ว ทางด้านตระกูลจ้าวก็ต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่นอน จากนี้ไป ฉันจะให้ยายหนูหลินเอ๋อร์ติดตามอยู่ข้างกายเรา พวกเราสองคนก็สานสัมพันธ์กันดีๆ อยู่กันนานแล้ว ก็มีความรักต่อกันเอง”
พูดถึงตรงนี้ จ้าวหลินเอ๋อร์แก้มแดงก่ำ แววตาเลื่อนลอยมองหลินอิ่ง
เธอคิดอยู่ ตระกูลจ้าวยอมถอยขนาดนี้แล้ว หลินอิ่งน่าจะยินยอมมั้ง?