ซุปเปอร์เจ้าสำราญ – บทที่ 621 มติของตระกูลหลิน

บทที่ 621 มติของตระกูลหลิน

พอแม่เฒ่าแห่งตระกูลหลินพูดคำพูดนี้ออกมา คนตระกูลหลินที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็สีหน้าไม่ดีขึ้นมาทันที

“แม่เฒ่า ท่านรู้สึกว่าไอ้เด็กหลินอิ่งนั่นมีความสามารถจริงๆ เหรอ?”ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลินเปิดปากพูดขึ้น สีหน้าเคร่งขรึม

“จากที่หลินเฉียนพูดมา เด็กหลินอิ่งนั่นเมื่อก่อนเคยกบดานอยู่ในเมืองเล็กๆ ไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงไม่ใช่หรือไง? แล้วจะมีความสามารถจริงๆ ได้ยังไง?”

“แล้วจากนั้น จู่ๆ หลินอิ่งก็กลับคืนสู่ตี้จิงอย่างแข็งแกร่งทรงพลัง กวาดล้างตระกูลที่มีชื่อเสียงไปหลายตระกูล ตอนนี้ก็ได้ครอบครองตี้จิงแล้ว แม้แต่ลูกศิษย์ของท่านเฉินเฟิงก็สามารถฆ่าได้ นี่มันเห็นได้ชัดว่ามันชักจะมีปัญหาแล้ว!”ผู้อาวุโสของตระกูลหลินคนนี้พูดประมาณการ”แม่เฒ่า จากที่ผมดู เห็นได้ชัดว่าหลินอิ่งก็เป็นแค่เครื่องมือหุ่นเชิดที่อยู่ฉากหน้าเท่านั้น จะต้องมีอำนาจอิทธิพลที่แข็งแกร่งคอยควบคุมอยู่ข้างหลังแน่นอน ตัวเขาเอง ไม่มีความสามารถอะไรหรอก”

“คนที่ไม่รู้ประวัติแน่ชัดแบบนี้ พวกเราตระกูลหลินจะเชื่อใจเรียกกลับเข้ามาในตระกูลหลินง่ายๆ ไม่ได้นะครับ”

“แม่เฒ่า ที่พี่สามพูดก็มีเหตุผล ตอนแรกตระกูลฉีถูกทำลายจนหมด ไม่มีต้นสายปลายเหตุเลยสักนิด หลินอิ่งนั่นก็ถูกไล่ออกจากตระกูลฉีมาสิบกว่าปีแล้ว ไปเป็นลูกเขยไร้อนาคตที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงแอบซ่อนตัวอยู่ที่เมืองเล็กๆ จู่ๆ ก็กลับคืนสู่ตี้จิงอย่างทรงพลัง มีอำนาจอิทธิพลที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้ยังไง?”

“นี่มันเป็นไปได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น ก็คือเขามีคนระดับสูงคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง เขาเป็นแค่หมากตัวหนึ่งเท่านั้น!”

ในตอนนี้ ก็มีผู้อาวุโสของตระกูลหลินอีกคนลุกขึ้นพูด

การมาของท่านเฉินเฟิงแห่งหุบเฉินเฟิง ทำให้คนตระกูลหลินได้รู้ถึงหลินอิ่งที่ตี้จิง บุคคลที่มีอำนาจที่แท้จริงของตระกูลหลินแห่งลังยามากมาย ต่างพากันสำรวจตรวจสอบหลินอิ่งอย่างลับๆ กันทั้งนั้น

ในสายตาของพวกเขา หลินอิ่งเป็นแค่ตัวหมากที่ถูกคนควบคุมบงการอยู่เท่านั้น ตัวเขาเองไม่ได้แข็งแกร่งทรงพลังขนาดนั้นแบบที่เห็นแน่นอน

หลานตระกูลที่มีชื่อเสียงของตี้จิงในโลกธรรม แม้จะบอกว่าอำนาจแข็งแกร่งไม่เท่าตระกูลสันโดษ แต่ก็ยังคงเป็นแดนสุดโลกธรรมอยู่ อำนาจทางการเงินไต่เต้าถึงระดับสูงสุด ความพยายามของคนปกติธรรมดาหลายชั่วอายุคนก็ยังยากที่จะเอื้อมถึง

ต่อให้เป็นตระกูลที่แข็งแกร่งและหยิ่งผยองแบบตระกูลหลินแห่งลังยา ถ้าอยากไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวกับองค์กรตระกูลใหญ่ของตี้จิงจริงๆ ก็สามารถจัดการทั้งหมดได้อย่าง่ายดายโดยที่ไม่จำเป็นต้องมีหลินอิ่งเลยด้วยซ้ำ

ส่วนหลินอิ่ง มีดีอะไร ถึงสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทุกอย่างรอบๆ ตัว ก่อตั้งตี้จิงได้?

สมมติว่าถ้าหลินอิ่งมีความสามารถนั้นจริงๆ แล้วทำไมหลายปีก่อนถึงต้องแอบไปเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่เมืองเล็กๆ อย่างเงียบๆ ไม่มีข่าวคราวด้วย?

“แฮ่มๆ ……”แม่เฒ่าตระกูลหลินไอกระแอมสองที ใบหน้าเคร่งขรึมเข้มงวด ในตาแฝงไปด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา ค่อยๆ พูดขึ้น”ที่พวกแกพูดมา ฉันได้คิดพิจารณาหมดแล้ว ไม่ต้องเสวนาแล้ว ฉันมีการตัดสินใจของฉันเอง”

พูดพลาง แม่เฒ่าก็ชำเลืองตามองหลินเฉียน พร้อมกับพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ “หลินเฉียน ตอนนี้น้องสิบสองอยู่ที่ไหน?”

น้องสิบสองของตระกูลหลิน ก็คือพ่อแท้ๆ ของหลินซูชิง แล้วก็เป็นตาของหลินอิ่งด้วย

นายท่านใหญ่ของตระกูลหลินในตอนนั้น ในยุคสมัยนั้นได้แต่งงานกับภรรยาแล้วก็มีนางสนม มีลูกทั้งหมดยี่สิบกว่าคน ห้าชั่วอายุคนอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน สาขาครอบครัวค่อนข้างใหญ่

แม่เฒ่าตระกูลหลินบางทีก็ไม่มีเวลามาดูแลลูกๆ ของตัวเอง

“รายงานแม่เฒ่า อาสิบสองยังถูกลงโทษอยู่ที่เมืองชางโจว บันทึกไว้ในเอกสารข้อมูล ว่าอาสิบสองทำงานใช้แรงงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในโลกธรรม พึ่งพากำลังของตนเอง ตัวอาสิบสองก็ปฏิบัติตามกฎของตระกูลอย่างเคร่งครัด ไม่มีส่วนร่วมทางทำธุรกิจใดๆ “หลินเฉียนพูดด้วยความเคารพนอบน้อม

พ่อแท้ๆ ของหลินซูชิง น้องสิบสองรุ่นที่สองของตระกูลหลิน หลินซวนหวา ตอนนั้นเพราะว่าลูกสาวหลินซูชิงได้แต่งงานกับคนในโลกธรรม ทำให้นายท่านใหญ่ตระกูลหลินโกรธ ด้วยความโกรธจึงส่งเขาไปลงโทษที่เมืองชางโจว

จากกฎข้อบังคับ ไม่อนุญาตให้หลินซวนหวามีส่วนร่วมทางธุรกิจ ห้ามรับความมั่งคั่งต่างๆ ทางโลกตลอดชีวิต แค่ทำงานใช้แรงงานเลี้ยงชีพตัวเองอย่างสุจริตเท่านั้น

พูดให้ชัดเจน ก็คือไม่อนุญาตให้ใช้ชีวิตเพลิดเพลินไปกับความเจริญรุ่งเรืองทางโลก ทำได้แค่จมปลักอยู่กับความยากจนทางโลกเท่านั้น

แถม วิชาบูโดที่แตกฉาน ความสามารถต่างๆ นานาที่หลินซวนหวามีติดตัวอยู่ ก็ไม่สามารถแสดงออกมาใช้ได้

เหมือนกับที่ตระกูลหลินพูด ความสามารถทั้งหมดของเขามาจากตระกูลหลิน ตระกูลหลินบอกว่าห้ามใช้ เขาก็ใช้ไม่ได้

นี่ก็คือกฎของตระกูลสันโดษ!

“อื้อ……”แม่เฒ่าตระกูลหลินพยักหน้าด้วยความพออกพอใจ”น้องสิบสองก็ซื่อสัตย์รักษากฎ รู้ว่าตัวเองไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกสาวให้ดีๆ จึงยอมรับโทษแต่โดยดี”

“สิบกว่าปีมานี้ เขาก็ลำบากเหมือนกัน หลินเฉียน แกจัดเตรียมคน พาตัวน้องสิบสองกลับมายังตระกูลหลิน บอกเขาว่า หมดเวลาโทษของตระกูลแล้ว ได้ทำการยกเลิกโทษของเขาเรียบร้อยแล้ว”แม่เฒ่าตระกูลหลินพูดสั่งกำชับ

“ครับ!”หลินเฉียนพยักหน้าอย่างเคารพนับถือ

“ในเมื่อเรียกให้เด็กหลินอิ่งนั่นกลับคืนสู่ตระกูลหลินแล้ว ก็ต้องเห็นแก่ตายายแท้ๆ ของเขาเหมือนกัน”แม่เฒ่าค่อยๆ พูดขึ้น

พอได้ยินแม่เฒ่าเตรียมการแบบนี้ ผู้อาวุโสของตระกูลหลินที่อยู่ตรงนั้น สีหน้าก็ยิ่งดูไม่ดีขึ้นไปอีก

“แม่เฒ่า ท่านจะพาตัวน้องสิบสองกลับมาไม่พอ ยังจะพาเด็กนอกคอกที่ซูชิงไปคลอดทิ้งไว้ข้างนอกกลับตระกูลมาด้วยอย่างนั้นเหรอ? กะที่จะให้เขามาหยุดรั้งท่านเฉินเฟิงหรือไงกัน?”น้องสามตระกูลหลินพูดถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง

“แม่เฒ่า นี่มันไม่มีประโยชน์อะไรต่อตระกูลหลินของพวกเราเลยนะครับ ไม่เพียงแต่จะไปก้าวก่ายท่านเฉินเฟิงแล้ว แถมยังช่วยเก็บกวาดความยุ่งเหยิงวุ่นวายที่หลินอิ่งก่อขึ้นที่โลกธรรมให้อีก ต่อให้หลินอิ่งจะยอดเยี่ยมยังไง หรือว่าพวกเราตระกูลหลินขาดเด็กที่มีความสามารถโดดเด่นอย่างนั้นเหรอ? ขาดเขาไปใช่ไหม?”น้องสามของตระกูลหลินพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“ท่านตัดสินใจแบบนี้ เกรงว่าเด็กๆ มากมายในตระกูลคงจะไม่ยอมแน่นอน”

“เหอะๆๆ “แม่เฒ่าตระกูลหลินหัวเราะแห้งออกมาสองสามที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยแววตาเต็มไปด้วยปัญญาและความช่ำชอง”ฉันก็แค่เรียกหลินอิ่งกลับตระกูลมา ให้เด็กหนุ่มสาวแบบพวกเขาดูสักหน่อยว่า เขาปฏิบัติยังไง”

“ถ้าพวกเขาไม่ยอม ก็ต้องทำให้ดีกว่าหลินอิ่ง พิสูจน์ตัวเอง ไม่อย่างนั้น พวกเขาก็จะนึกว่าตัวเองสุดยอดสมบูรณ์แบบ ขาดการฝึกฝนการต่อสู้ทางโลกธรรม แล้วก็จะยากที่จะกลายเป็นคนที่มีความสามารถเก่งกาจ”

แม่เฒ่าตระกูลหลินท่าทางประณีตรอบคอบ เห็นได้ชัดว่า การที่เชิญหลินอิ่งกลับมาที่ตระกูล มีเจตนาที่ลึกซึ้งแฝงเอาไว้

“แต่ว่า……”น้องสามตระกูลหลินยังอยากที่จะพูดแต่ก็หยุดพูดไป รู้สึกไม่พอใจ

“เอาล่ะ พวกแกไม่ต้องเสวนาอะไรเยอะแยะแล้ว พวกแกล้วนแต่เป็นลูกที่ฉันคลอดมา ความคิดของพวกแกฉันจะไม่รู้ได้ยังไง? เรื่องที่พวกแกคิดพิจารณาอยู่ในใจ ฉันก็คิดได้เหมือนกัน”แม่เฒ่าตระกูลหลินพูดตัดบท

“การที่เรียกหลินอิ่งกลับมาตระกูลหลิน อย่างแรก ก็เพื่อให้ตระกูลหลินแห่งลังยาของพวกเรา สามารถเข้าไปอยู่ในตี้จิงได้อย่างราบรื่น ขยายอิทธิพลของตระกูลหลินแห่งลังยาให้ยิ่งใหญ่ขึ้น พวกแกก็รู้ ว่าช่วงนี้กลุ่มสันโดษไม่ค่อยสงบ อำนาจอิทธิพลในทุกๆ ที่ล้วนแต่สอดมือเข้ามาทางโลกธรรม ตระกูลหลินของพวกเราก็ต้องคว้าโอกาสดีๆ เอาไว้ด้วยเหมือนกัน”แม่เฒ่าตระกูลหลินค่อยๆ พูดขึ้น”ส่วนอย่างที่สอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีใครคอยวางแผนบงการอยู่เบื้องหลังของหลินอิ่งคนนี้ ขอแค่ได้เจอหน้า ก็ไม่ต้องกลัวแล้วว่าฉันจะควบคุมเด็กแบบเขาไม่อยู่”

พูดจบ แม่เฒ่าตระกูลหลินก็โบกมือ พร้อมกับพูดขึ้น”เรื่องก็เอาตามนี้ก็แล้วกัน หลินเฉียนไปพาตัวน้องสิบสองกลับมายังภูเขาลังยา แล้วออกคำสั่งให้คนไปบอกหลินอิ่งที่ตี้จิงตามแผนการของฉัน”

“นอกจากนี้ พวกแกถอยไป เชิญท่านเฉินเฟิงมาที่ห้องโถงใหญ่ ฉันอยากจะพูดคุยเจรจากับเขา ว่าการตายของลูกศิษย์ของเขา จะจัดการอย่างไร”

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

ซุปเปอร์เจ้าสำราญ

Status: Ongoing

บทที่ 1 ชีวิตที่สงบสุขถูกทำลาย

“คุณชายฉี คุณจะปฏิเสธการเชื้อเชิญของ นายท่าน จริงๆหรอค่ะ?’

“ฉันไม่ได้มีแซ่ฉี สักหน่อย ฉันแซ่หลิน”

“แต่คุณก็มีสายเลือดของตระกูลฉี อยู่นะ”

“นับตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขับไล่พวกเราสองแม่ลูกออกจากบ้านตระกูลฉี ฉันกับคนของตระกูลฉี ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”

ตอนบ่าย ณ เมืองชิงหยูนถนนเย็ยเจียง ในเมืองที่ชลมุ่นวุ่นวายมีรถยนต์เบนท์ลี่ย์ มูซานสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ซึ่งรถยนต์สวยหรูโดดเด่นมากจนทำให้ผู้คนต่างพากันสนใจ

ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของมีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งกำลังจัดเก็บอุปกรณ์ย่างบนรถเข็นอยู่

โดยมีชายอาวุโสสวมชุดสูทสีดำคนหนึ่งกำลังก้มโค้งคำนับอยู่ข้างหน้าเตาย่างที่แผงขายของ ซึ่งเหมือนกับเขากำลังขอร้องชายหนุ่มอยู่

“คุณชายครับ คุณเองก็รู้ว่า เรื่องในตอนนั้นนายท่านเองก็ถูกสถานการณ์บีบคั้นเหมือนกัน ถึงแม้จะปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อคุณแม่ของคุณ แต่ไม่เคยขับไล่คุณเลยนะครับ….”

“เมื่อหนึ่งปีก่อน คุณท่านป่วยอาการหนักมาก นายท่านเลยให้พวกผมตามหาคุณมาหนึ่งปีเต็ม ใช้ทั้งอำนาจและเส้นสายตามหาคุณเกือบครึ่งประเทศหลุง จนตามหาคุณพบอย่างยากเย็น”

“หรือว่าคุณยอมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง ที่ไม่มีความสูงศักดิ์ แถมยอมถูกตราหน้าแต่ไม่ยอมกลับตระกูลฉี หรอครับ? แต่ตอนนี้คุณเป็นถึงสายเลือดเพียงคนเดียวของตระกูลฉี นะ…..”

หลินอิ่ง ค่อยๆพูดว่า “เรื่องของฉันไม่จำเป็นต้องให้ตระกูลฉี มายุ่ง และเรื่องของตระกูลฉี ฉันก็ไม่อยากได้ยินด้วย ฉันหวังว่าต่อไปคุณคงไม่มารบกวนชีวิตของผมอีก”

หลังจากเก็บของเรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากถนนเย็ยเจียง ไป Quick Cash Loans

ชายอาวุโสจ้องมองร่างเงาที่เดินจากไปของหลินอิ่ง โดยไม่ได้เดินตามไป ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างถอนใจออกมา

“ตระกูลฉี หรอ เหอะ…”

เมื่อเดินออกจากถนนเย็ยเจียง หลินอิ่ง ก็หัวเราะประชดเบาๆ พร้อมเผยสายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ราวกับกำลังนึกถึงความทรงจำบางอย่างที่นานมาแล้ว

ตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นตระกูลที่มีความสูงศักดิ์และมีชื่อเสียงระดับต้นๆของประเทศหลุง เลย มีผู้คนจำนวนมากมายต้องการมีความสัมพันธ์กับตระกูลฉี แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถไต่เต้าจนสำเร็จได้

แต่สำหรับ หลินอิ่ง แล้ว ตระกูลฉี คือบาดแผลอันเจ็บปวดภายในใจที่ยากจะลบล้างได้!

หลินอิ่ง เกิดในตระกูลฉีของเมืองตี้จิง เป็นหลานชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณท่านตระกูลฉี เขาเกิดมาในตระกูลที่มีฐานะสูงส่งและสูงศักดิ์มาก แต่ตอนที่เขาอายุแปดขวบ พ่อของเขาที่มีชื่อว่า ฉีเหอถู ก็หลงรักกับผู้หญิงข้างนอก แถมยังแย่งชิงตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกกับพี่น้องเครือญาติกันด้วย และเพื่อเอาชนะ เขาเลยหย่ากับ หลินซูชิง แม่ของเขา แล้วไปแต่งงานกับคนอีกตระกูลหนึ่งที่มีความสูงส่งระดับใน ตี้จิง ด้วย

ถึงแม้ว่า หลินซูชิ จะเกิดในครอบครัวที่ธรรมดา แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก เธอไม่ยอมรับการชดเชยใดๆจากตระกูลฉี เลย ส่วน หลินอิ่ง เองก็ไม่ยอมจากแม่ด้วย เลยหนีไปจากเมือง ตี้จิง กับ หลินซูชิง แม่ของเขา โดยไม่สนใจอุปสรรคจากตระกูลฉี เลย และนับจากที่พวกเขาหายไปจากสายตาของคนตระกูลฉี แม่ลูกก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมาหลายปี

และเขายังเปลี่ยนแซ่หลิน ตามแม่ของเขาด้วย

สิบปีเต็มแล้ว แต่เมื่อสามปีก่อนแม่ของเขาชีวิตไปเพราะโรคร้าย เดิมทีเขานึกว่าความทรงจำอันเจ็บปวดในชีวิตตอนนั้นคงไม่กลับมาหวนนึกถึงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าคนของตระกูลฉี ตามหาเขาพบแล้ว

หลังจากที่สูบบุหรี่ม้วนหนึ่งเสร็จตรงมุมถนน หลินอิ่ง ก็ไม่คิดมากแล้ว แต่โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่งไป รีสอร์ทหลินหลาง

วันนี้เป็นงานแต่งงานของคุณชายตระกูลซูน ตระกูลที่สูงส่งที่สุดในเมืองชิงหยูนกับลูกสาวของ จางหงจูน พี่ใหญ่ของตระกูลจาง งานแต่งงานถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ และได้เชื้อเชิญนักธุรกิจใหญ่ของเมืองชิงหยูนทุกคน รวมทั้งคนของตระกูลจาง ด้วย

ไม่เช่นนั้นด้วยตำแหน่งเพียงลูกเขยในตระกูลจาง คงไม่สามารถมา รีสอร์ทหลินหลาง ตลอดชีวิต

ยี่สิบนาทีต่อมา รถแท็กซี่ก็จอดนอก รีสอร์ทหลินหลาง

หน้าประตูคฤหาสน์ที่มีรถยนต์คันหรูหรา มีผู้หญิงหน้าตาสะสวย รูปร่างผอมเพรียว สวมชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่งกำลังจ้องมอง หลินอิ่ง ด้วยสายตาเป็นประกาย

สาวสวยคนนี้คือภรรยาของ หลินอิ่ง มีชื่อว่า จางฉีโม่

เมื่อสองปีก่อน ภายใต้การขอร้องของคุณท่านจางตี้งติ่ง ผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องประดับจางซื่อ สุดท้าย หลินอิ่ง ก็แต่งงานเข้าตระกูลจาง

ในตอนนั้นเรื่องนี้สร้างความฮือฮาต่อตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยูนมาก ทุกคนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าคุณท่านจาง สมองเลอะเลือนแล้ว ที่เอาลูกสาวแต่งงานกับเด็กกำพร้าที่ไม่มีเงินและอำนาจ

อีกอย่าง จางฉีโม่ ก็เป็นทั้งผู้หญิงที่สวยที่สุด และยังเป็นคนตระกูลสูงส่งที่สุดของเมืองชิงหยูนด้วย ซึ่งในตอนนั้นมีคุณชายจากตระกูลสูงส่งหลายคนกำลังตามจีบเธออยู่

แต่คิดไม่ถึงว่าคุณท่านจะยกเธอแต่งงานให้กับ หลินอิ่ง ที่ไม่มีหัวนอนเปล่าเท้า!

ซึ่งเรื่องทุกอย่าง มีเพียง หลินอิ่ง กับ จางตี้งติ่ง ที่ทราบเหตุผลที่แท้จริง…..

เมื่อหนึ่งปีก่อน จางตี้งติ่ง ได้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งความลับที่สำคัญมีเพียง หลินอิ่ง คนเดียวที่ทราบ

ส่วนภรรยาของเขา จางฉีโม่ ไม่เคยยอมรับตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถึงแม้สุดท้ายยอมแต่งงาน แต่จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่เป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงเลย

นับตั้งแต่ จางตี้งติ่ง เสียชีวิต บริษัทเครื่องประดับจางซื่อก็เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอำนาจครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น พ่อตาของ หลินอิ่ง ที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ก็ถูกเตะออกจากสิทธิ์บริษัท และยังไม่ถูกแบ่งหุ้นส่วนบริษัทให้ด้วย สภาพทางสังคมเลยถดถอยลงมาก

ซึ่งพ่อตาและแม่ยายต่างพากันกล่าวโทษต่อ หลินอิ่ง ที่เป็นคนไม่มีอนาคต ไม่มีฐานะทางสังคมที่ดี ไม่มีความสามารถ เงิน และไม่เหมาะสมเป็นลูกเขยของตระกูลจาง

หลินอิ่ง ได้รับการปฏิบัติต่อคนในตระกูลจาง อย่างเมินเฉย และกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพากันดูถูก

“หลินอิ่ง เดียวตอนเข้างานพูดน้อยๆหน่อยนะ” จางฉีโม่ เผยสีหน้าจริงจังพูดขึ้น “งานวันนี้สำคัญมาก ฉันนำของขวัญชิ้นใหญ่เพื่อข้อร้องกับ พี่หนิง ด้วย ตำแหน่งผู้บริหารโรงงานของพ่อจะสำเร็จหรือเปล่า คงต้องดูคุณลุงว่าจะช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ฉันรู้แล้ว” หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเข้าไป รีสอร์ทหลินหลาง ก็พบว่าภายในรีสอร์ท มีคฤหาสน์ที่ประดับตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว และยังมีสวนดอกไม้ สระน้ำขนาดเล็กด้วย ซึ่งนี้ล้วนเป็นอสังหาริมทรัพย์ของพี่ใหญ่ตระกูลจาง

นอกห้องโถงมีรถยนต์ยี่ห้อคันหรูจอดอยู่แถวหนึ่ง มีทั้งยี่ห้อ Maserati Porsche PORSCHE CAYENNE และยังมี Audi ด้วย

“โธ่ น้องฉี นั่งรถแท็กซี่มาหรอ? ทำไมไม่โทรศัพท์บอกพี่ล่ะ เดียวพี่จะได้ส่งคนขับรถไปรับ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญมาก ทำแบบนี้หมายความว่าอะไร? หรือว่าอยากทำให้คนของตระกูลจาง ขายขี้หน้าหรอ?”

มีชายหนุ่มสวมแว่นตากันแดดคนหนึ่งกำลังลงมาจากรถยนต์ยี่ห้อ Porsche เขาถอดแว่นตากันแดดออก พร้อมกับจ้องมอง จางฉีโม่ กับ หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าขบขัน

จางฉีโม่ กัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆ โดยไม่พูดอะไร

พ่อตาของ หลินอิ่ง ชื่อว่า จางซิ่วเฟิง นับว่าเป็นคนที่ตกอับมากที่สุดในบรรดาพี่น้องของตระกูลจาง เมื่อก่อนตอนที่ทำงานอยู่จางซื่อกรุ๊ป ก็ถูกบรรดาพี่น้องคอยกีดกั้น ต่อมาก็ถูกเตะออกจากบริษัท สุดท้ายก็ได้รับเพียงโรงงาน โรงงานแปรรูปเครื่องประดับขนาดเล็ก ที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ล้มละลาย แต่เขาก็ฝืนทำงานมาเกือบหนึ่งปี

ดังนั้นด้วยสภาพทางการเงินของบ้าน เลยแทบไม่สามารถซื้อรถยนต์คันหรูให้กับ จางฉีโม่ ได้เลย

“น้องฉี เป็นยังไงล่ะ ในตอนนั้นพี่ให้เธอหย่ากับไอ้ขยะนี้ และจะแนะนำน้องคนที่สามของตระกูลซูน ให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธ หากเธอเชื่อฟังพี่ตั้งแต่แรก เธอคงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้หรอก?” ผู้ชายสวมแว่นตากันแดดยิ่งพูดแดกดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้าสะใจด้วย จนแทบไม่สนใจ หลินอิ่ง ที่อยู่ด้วยเลย “แน่นอนว่าตอนนี้ก็ยังไม่ส่ายหรอก หากเธออยากร่ำรวยมีเงินทองมาขอร้องพี่สิ เดียวพี่จะช่วยแนะนำผู้ชายคนใหม่ให้กับเธอเอง!”

การพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าสามีของคนอื่น ถือเป็นการเสียมารยาทมาก!

“จางเถียนไห่ คุณพูดพอหรือยัง?” จางฉีโม่ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้น ขณะเดียวกันก็เผยสีหน้ามืดครึ้มขึ้น

“โธ่โธ่โธ่ ฉันในฐานะพี่ชายคนหนึ่ง เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสารที่ต้องใช้ชีวิตกับไอ้ขยะนี้ อุตส่าห์มีน้ำใจอยากชี้ทางให้กับเธอ แต่เธอกลับไม่ฟัง งั้นก็สมน้ำหน้าเธอที่ต้องมีชีวิตยากจนแบบนี้ไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ!” จางเถียนไห่ พูดด้วยน้ำเสียงสะใจขึ้น

พูดจบ จางเถียนไห่ รู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ เลยหันหน้ามอง หลินอิ่ง ด้วยสีหน้าหยอกล้อ

“หลินอิ่ง คนไร้ค่าอย่างนายทำไมถึงมีหน้ามาเข้าร่วมงานแต่งงานของ พี่หนิง ด้วย?” จางเถียนไห่ พูดประชดประชันขึ้น “อ๋อ จริงสิ ได้ยินมาว่าโรงงานของพ่อตานายขาดทุนแล้วหรอ ไม่เห็นมีเงินเดือนออกมาด้วย คงใกล้ล้มละลายแล้วสิ พวกเธอคงมาประจบสอพลอขอยืมเงินคุณลุงเพื่อช่วยเหลือให้พวกเธอผ่านอุปสรรคนี้แน่เลยใช่ไหม?”

หลินอิ่ง เอาแต่จ้องมอง จางเถียนไห่ โดยไม่พูดอะไร

จางซิ่วเฟิง พ่อของ จางฉีโม่ ในตอนนั้นถูกพ่อของ จางเถียนไห่ และน้องคนที่สาม จางหงจูน เตะออกจากจางซื่อกรุ๊ป

แถมการประสบอุปสรรคที่ยากลำบากครั้งนี้ของโรงงานก็เป็นฝีมือของ จางหงจูน ที่อยู่เบื้องหลังด้วย

จางฉีโม่ สูบลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อพยายามอดกลั้นความโกรธ จากนั้นก็พูดกับ หลินอิ่ง ว่า “อดทนไว้ ไม่ต้องไปสนใจเขา วันนี้พวกเรามาทำธุระสำคัญ”

หลินอิ่ง พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองคนก็หันหลังเดินเข้าห้องโถงในคฤหาสน์

“เออ ฉันจะคอยดูว่าไอ้ขยะไร้ค่าอย่างแกจะสามารถอดทนได้นานเท่าไหร่” จางเถียนไห่ จ้องมองร่างเงาของ หลินอิ่ง แล้วยิ้มมุมปากประชดเล็กน้อย

ภายในห้องโถงมีพื้นกว้างมาก ซึ่งก่อสร้างตามแบบฉบับตะวันตก และประดับตกแต่งอย่างหรูหรา อีกทั้งยังปูพรมสีแดงชั้นหนึ่งด้วย

แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจาง ต่างพากันเข้าไปนั่งเรียบร้อยแล้ว

จางฉีโม่ เดินถือกล่องของขวัญที่ประณีตไปเบื้องหน้าเจ้าสาว พร้อมยิ้มแย้มและพูดว่า “พี่หนิง ขอให้พี่มีความสุขกับการแต่งงานนะค่ะ และรักกันจนแก่เฒ่าด้วยนะค่ะ”

จางจี้หนิง เป็นคนมีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณขาวนวลเนียน และดูสง่าสูงส่ง แต่หากเปรียบเทียบกับ จางฉีโม่ แล้ว ยังบกพร่องอยู่มาก

เธอเหลือบมอง จางฉีโม่ อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง แล้วพูดว่า “เอาของขวัญของเธอไว้ตรงนั้นเถอะ”

“พี่หนิง เดียวฉันเดินเป็นเพื่อนพี่ให้นะค่ะ” จางฉีโม่ ยิ้มและพูดขึ้น

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก ฉันรู้ว่าเธอมีเป้าหมายอะไร เรื่องของพ่อเธอ เราไม่ช่วยหรอก” จางจี้หนิง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมเผยสีหน้าไร้อารมณ์ขึ้น

จางฉีโม่ เริ่มยิ้มอย่างแข็งทื่อ พร้อมเผยสีหน้าน้อยใจจนไม่สามารถกลบเกลื่อนได้ขึ้น

เธอกำหมัดไว้อย่างแน่น จนตัวสั่นเทาเล็กน้อย

ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับ หลินอิ่ง เธอได้รับความเมตตาและเอ็นดูจากคุณท่านมาก เธอเปรียบดั่งไข่มุกของตระกูลจาง เพราะมีแต่คนรักและเอ็นดูเธอ แม้กระทั่ง พี่จี้หนิง ก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้ทำไมถึงเมินเฉยขนาดนี้ด้วย…..

พี่จี้หนิง แต่งงานกับตระกูลที่สูงศักดิ์ที่สุดในเมืองชิงหยูนนั้นคือลูกชายคนโตของตระกูลซูน ดังนั้นเลยจัดงานแต่งงานอย่างใหญ่โต แถมยังมีคนของตระกูลจาง มาร่วมแสดงความยินดีถ้วนหน้าด้วย

ส่วนเธอ….

จางฉีโม่ นิ่งเงียบอยู่สักพัก และนึกถึงปัญหาที่ยากลำบากของพ่อตัวเองในตอนนี้ จากนั้นเธอห็ฝืนยิ้มขึ้นมา แล้วเดินตาม จางจี้หนิง จากไป…….

เมื่อ หลินอิ่ง ที่นั่งอยู่เห็นฉากนี้ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท