Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2775 แดนศึกยอดมรรค

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2775 แดนศึกยอดมรรค

ตอนที่ 2775 แดนศึกยอดมรรค

รองหัวหน้าหอเก้าคนตกลงจะมอบลูกกลอนหมื่นแปรดับเทพเป็นรางวัลให้หลินสวิน ทำให้ทั่วลานฮือฮา

ไม่มีคนคิดว่าไม่สมควร

ผลงานของหลินสวินในวันนี้สามารถบันทึกในประวัติศาสตร์ของลัทธิแรกกำเนิดได้โดยสมบูรณ์ ความดีความชอบส่องประกายพันยุค สาดแสงหมื่นกาล!

มีเพียงเฒ่าชราเหล่านั้นที่รู้ดีว่าพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นตอบตกลงอย่างกล้ำกลืนมาก…

หลินสวินได้ใจของคนทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิด ตู๋กูยงก็ถือโอกาสไหลไปตามน้ำ ในสถานการณ์เช่นนี้พวกฝูเหวินหลีไม่ตกลงไม่ได้

สำหรับหลินสวิน นี่เป็นโชคดีที่ไม่คาดคิดจริงๆ!

“ในเมื่อหอแรกมายาให้รางวัลพิเศษเช่นนี้ พี่ฟาง หอแรกพิสุทธิ์ของพวกเจ้าจะไม่แสดงท่าทีหน่อยหรือ” เสวียนเฟยหลิงยิ้มถาม

ยังมีอีกหรือ

ทั่วลานตะลึง

กลับเห็นฟางเต้าผิงกล่าว “หอแรกพิสุทธิ์ย่อมไม่ตระหนี่ ตอนนี้หลินสวินเป็นผู้ฝึกปราณขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นกลางแล้ว ห่างจากขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลายไม่ไกล เอาอย่างนี้ หอแรกพิสุทธิ์ยินดีให้สิทธิ์รับตำแหน่งผู้ดูแล ขอเพียงพลังปราณของหลินสวินทะลวงสู่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลาย ไม่จำเป็นต้องทดสอบก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นหนึ่งในผู้ดูแลหอแรกพิสุทธิ์ได้อย่างราบรื่น”

นี่เหนือความคาดหมาย!

ทั่วลานฮือฮาและเดือดพล่านอย่างสิ้นเชิงแล้ว!

ผู้ดูแล!

แม้อำนาจไม่ได้มากเหมือนผู้นำยอดเขาทั้งเก้า แต่ตำแหน่งนี้ก็อยู่ในระดับเทียบเท่ากับผู้นำยอดเขาทั้งเก้าแล้ว!

โดยทั่วไปอยากเป็นผู้ดูแล เงื่อนไขเข้มงวดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลายเป็นเพียงแค่ข้อบังคับต่ำที่สุดเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องทำภารกิจที่รองหัวหน้าหอหอแรกพิสุทธิ์แจกจ่ายให้ข้อหนึ่ง และภารกิจเช่นนี้มักจะยากลำบากอย่างที่สุด

สุดท้ายจึงจะสามารถไปท้าทายระดับผู้ดูแลสักคนในสามหอเพื่อแทนที่ตำแหน่งอีกฝ่าย

แต่ตอนนี้ฟางเต้าผิงใช้ฐานะรองหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ให้คำมั่นสัญญาโดยตรง ว่าขอเพียงพลังปราณของหลินสวินทะลวงขั้นปลายก็จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้ดูแล นี่จะไม่ให้ผู้อื่นตกตะลึงได้อย่างไร

“เรื่องนี้ไม่เหมาะสม!”

รองหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ทังชิวปฏิเสธทันที “ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน สำนักของเราไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้มาก่อน และหลินสวินเพิ่งเป็นรองผู้ดูแลไม่กี่เดือน จะตกปากรับคำยกตำแหน่งผู้ดูแลให้เขาง่ายๆ ได้อย่างไร”

“รองหัวหน้าหอทัง ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่ารอยามที่พลังปราณของเขาทะลวงขั้น จึงจะสามารถเป็นผู้ดูแลได้” ฟางเต้าผิงพูดเสียงเรียบ

ทังชิวสีหน้าอึมครึม “ถ้าให้หลินสวินเป็นผู้ดูแล ก็ต้องให้หนึ่งในสิบสองผู้ดูแลหอแรกพิสุทธิ์สละตำแหน่ง ยิ่งไปกว่านั้นอย่างไรหลินสวินก็เป็นรองผู้ดูแลหอแรกนภา กลับจะยึดสิทธิ์ในการเป็นผู้ดูแลของหอแรกพิสุทธิ์ นี่… ไม่สมเหตุสมผลกระมัง”

บรรยากาศเงียบสงัดลงไม่น้อย

ใครๆ ต่างตระหนักได้ว่า เรื่องตำแหน่งผู้ดูแลเป็นไปได้สูงมากที่พวกเฒ่าชราอย่างทังชิวจะไม่ตอบรับง่ายๆ และไม่มีทางยอมให้หลินสวินเลื่อนขั้นไวขนาดนี้

“ฮ่าๆๆ ที่ทังชิวพูดก็ไม่ผิด หลินสวินเป็นรองผู้ดูแลหอแรกนภาของข้า จะให้หอแรกพิสุทธิ์ของพวกเจ้าเลื่อยขาเก้าอี้ตัวเองได้อย่างไร”

เสวียนเฟยหลิงหัวเราะเสียงดัง ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้ทังชิวลอบถอนหายใจ

แต่ประโยคต่อไปของเสวียนเฟยหลิงกลับทำให้ฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นกระวนกระวายแล้ว

ก็เห็นเสวียนเฟยหลิงกล่าว “หอแรกพิสุทธิ์ของพวกเจ้าถึงขั้นยอมยื่นตำแหน่งผู้ดูแลให้ แน่นอนว่าหอแรกนภาของข้าจะตระหนี่ไม่ได้ เอาอย่างนี้เถอะ เงื่อนไขเดียวกัน ขอเพียงพลังปราณของหลินสวินทะลวงขั้น ก็สามารถเป็นผู้ดูแลคนหนึ่งของหอแรกนภาได้”

ทั่วลานฮือฮา บรรยากาศก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นละเอียดอ่อน

อำนาจมีค่ากว่าวัตถุภายนอกเสมอ

ในลัทธิแรกกำเนิด ยิ่งมีอำนาจมาก ก็หมายความว่าทรัพยากรฝึกปราณที่ได้รับยิ่งมหาศาล พลังที่ครอบครองก็จะยิ่งมาก!

ผู้ดูแลคนหนึ่งสามารถเทียบกับผู้นำยอดเขาทั้งเก้าได้แล้ว สามารถสั่งโยกย้ายรองผู้ดูแลและสั่งการศิษย์ได้ตามต้องการ สามารถเลือกศิษย์แกนหลักจากเก้ายอดเขามารับใช้ตน สามารถ…

ความยิ่งใหญ่ของอำนาจที่ครอบครอง ไม่ใช่สิ่งที่รองผู้ดูแลจะเทียบได้สักนิด

ก็เพราะเช่นนี้ยามฟางเต้าผิงและเสวียนเฟยหลิงเสนอว่าจะให้สิทธิ์ในการเป็นผู้ดูแลกับหลินสวิน ทุกคนจึงฮือฮาขนาดนั้น ทังชิวจึงต่อต้านและไม่ยินยอมขนาดนั้น

และตอนนี้ฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นก็ร้อนใจแล้วเช่นกัน

พวกเขาล้วนเป็นรองหัวหน้าหอแรกนภา ย่อมไม่ยินยอมให้หลินสวินเลื่อนขั้นเป็นผู้ดูแลในอาณาเขตของพวกเขา

“เรื่องนี้ไม่เหมาะอย่างยิ่ง!”

ฝูเหวินหลีพูดเสียงขรึม “ผู้ดูแลสิบสองคนแห่งหอแรกนภา ทุกคนล้วนสร้างผลงานไม่รู้เท่าไรให้สำนัก ทุกคนล้วนเป็นคนเก่าแก่ของสำนัก มีศักดิ์ศรีบารมี จะสละตำแหน่งให้หลินสวินมาแทนที่ง่ายๆ ได้อย่างไร”

“ผลงานของหลินสวินในวันนี้ยิ่งใหญ่จริงๆ แต่ให้รางวัลเป็นลูกกลอนหมื่นแปรดับเทพหนึ่งเม็ดก็เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว หากยังให้ตำแหน่งผู้ดูแลกับเขา เห็นได้ชัดว่าไม่ตรงกฎ”

ฉีเซียวอวิ๋นเอ่ยด้วยสีหน้าอึมครึม

เรื่องนี้พวกเขาจะต่อต้านถึงที่สุด ไม่ให้หลินสวินสมปรารถนา!

เสวียนเฟยหลิงขมวดคิ้ว

เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่ายามเสนอรางวัลนี้จะต้องถูกต่อต้าน แต่คิดไม่ถึงว่าการต่อต้านของพวกฝูเหวินหลีจะรุนแรงเช่นนี้

“ขอบคุณความหวังดีของผู้อาวุโสทุกท่าน”

ตอนนี้เองหลินสวินก็เอ่ยปาก เสียงก้องไปทั่วลาน “รางวัลนี้ใหญ่เกินไป แม้ให้มาข้าก็ไม่กล้ารับ”

ทุกคนต่างหันมอง

เสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงมองหน้ากัน ในใจยิ้มขื่นระลอกหนึ่ง เจ้าหมอนี่ไม่รู้หรือว่านี่กำลังช่วยเขาหาผลประโยชน์

ส่วนพวกคนใหญ่คนโตที่มองหลินสวินเป็นศัตรูอย่างพวกฝูเหวินหลีต่างโล่งอก

“เหอะๆ ทุกท่านดูเอาเถอะ แม้แต่หลินสวินยังปฏิเสธ เรื่องนี้ก็จบเพียงเท่านี้ดีกว่า”

ฝูเหวินหลียิ้มกล่าว

“ควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว”

ฉีเซียวอวิ๋นใบหน้าไร้อารมณ์

“หลินสวินรู้ควรไม่ควร ทุกท่านก็อย่าฝืนให้ลำบากใจกันเลย”

ทังชิวแสร้งยิ้ม

นี่ทำให้พวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยงสีหน้าไม่น่าดูเล็กน้อย

กลับเห็นหลินสวินพลันส่งเสียงหัวเราะเบิกบาน กล่าวออกมาว่า “ทุกท่านวางใจ รอข้ามีคุณสมบัติกลายเป็นผู้ดูแลเมื่อไร ย่อมไปชิงตำแหน่งตามกฎของสำนัก เลี่ยงไม่ให้ถูกใครนินทา!”

พวกฝูเหวินหลีสีหน้าชะงักไป จะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่าในคำพูดของหลินสวินมีนัยเสียดสีอยู่รางๆ

แต่ได้ยินคำพูดนี้ของหลินสวิน ผู้คนทั้งบนล่างของลัทธิแรกกำเนิดต่างเหิมฮึก ร้องตะโกนขึ้นมา

“รองผู้ดูแลหลินทำได้ดี!”

“ลูกผู้ชายก็ควรเป็นเช่นนี้!”

“ใช่ ใช้ความสามารถช่วงชิง ใครยังจะพูดอะไรได้”

“ถึงตอนนั้นทุกคนไปเป็นพยานให้รองผู้ดูแลหลิน เลี่ยงไม่ให้ยามผู้ดูแลหลินเลื่อนขั้นแล้วจะเกิดคลื่นลมอะไรขึ้นอีก”

…ทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิด ไม่ว่าพลังปราณสูงหรือต่ำก็ไม่มีคนโง่แม้แต่คนเดียว แต่ละคนล้วนฉลาดหัวไว แต่ละคนล้วนร้ายกาจประหนึ่งปีศาจ

ตอนนี้ยามนี้ มีหรือจะมองท่าทีต่อต้านและปฏิเสธหลินสวินของพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นไม่ออก

และการแสดงออกของหลินสวินยิ่งกระตุ้นเลือดในกายของทุกคนในที่นี้ ต่างโห่ร้องเสริมบารมีให้เขา

ได้ใจผู้คนก็เป็นเช่นนี้

เห็นภาพนี้ในใจพวกฝูเหวินหลีต่างหนักอึ้งไม่น้อย

ผ่านเรื่องในวันนี้ไป บารมีที่หลินสวินสร้างขึ้นมาต้องฝังลึกในใจคนของลัทธิแรกกำเนิดไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย!

พวกเฒ่าชราที่วางตัวเป็นกลางอย่างผู้นำยอดเขาที่หนึ่งเยวี่ยอู๋โฉว ล้วนเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อหลินสวิน ชื่นชมและสนับสนุน

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถทำให้หลินสวินหยัดยืนในลัทธิแรกกำเนิดได้มั่นคงยิ่งขึ้น หยั่งรากได้ลึกยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย!

“ในเมื่อหลินสวินตัดสินใจแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว แต่ให้รางวัลเพียงลูกกลอนหมื่นแปรดับเทพหนึ่งเม็ด ถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะ”

เสวียนเฟยหลิงเปิดปาก

ประโยคเดียวทำให้ในใจพวกฝูเหวินหลีอึดอัดขึ้นมาอีก ยังมีอีกหรือ

จะจบได้หรือยัง!?

“เช่นนั้นพี่เสวียนคิดว่าควรให้รางวัลอะไร”

ตู๋กูยงพูดต่อ

เสวียนเฟยหลิงกล่าว “แม้พลังต่อสู้ของหลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นกลาง ยังไม่อาจสำแดงความสามารถของเขาออกมาได้เต็มที่ ไม่สู้ให้เขาไปฝึกปราณใน ‘แดนศึกยอดมรรค’ สักระยะ บางทีอาจสามารถพัฒนาพลังปราณได้โดยเร็ว”

แดนศึกยอดมรรค!

ในใจผู้คนไม่รู้เท่าไรสะท้านไหว สีหน้าแตกต่างกันไป มีทั้งอิจฉา ผิดคาด หวาดเกรง คลั่งไคล้และปรารถนา

แดนศึกยอดมรรคเป็นหนึ่งในเขตผนึกของลัทธิแรกกำเนิด เจ้าลัทธิแรกกำเนิดสร้างขึ้นเพื่อผู้แข็งแกร่งระดับอมตะโดยเฉพาะ เมื่อเข้าไปในนั้น จะได้รับการเคี่ยวกรำที่ไม่อาจจินตนาการได้

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีคนใหญ่คนโตระดับอมตะไม่รู้เท่าไรเคยทะลวงขั้นผ่านการเคี่ยวกรำในแดนศึกยอดมรรค

ทว่าขณะเดียวกันก็มีระดับอมตะจำนวนมากรับการเคี่ยวกรำอนน่าหวาดกลัวขนาดนั้นไม่ไหว ส่งผลให้สภาวะจิตและมรรควิถีเกิดปัญหา

แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีสิทธิ์เข้าไปได้ง่ายๆ

ในสามหอ ที่ผ่านมามีเพียงระดับอมตะที่สร้างความดีความชอบครั้งใหญ่จึงจะถูกจัดให้เข้าไปเคี่ยวกรำในแดนศึกยอดมรรค

เหตุผลเพราะว่าสำหรับระดับอมตะ แม้แดนศึกยอดมรรคจะอันตรายถึงขีดสุด แต่กลับเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทะลวงมรรควิถี!

แค่จุดนี้ก็เพียงพอทำให้ระดับอมตะเหล่านั้นไม่สามารถปฏิเสธได้แล้ว

“เช่นนั้นก็จัดการตามนี้”

ครั้งนี้ไม่ได้ถามความคิดเห็นของคนอื่นอีก ตู๋กูยงตัดสินทันที เพราะหอแรกมายาเป็นผู้ดูแลแดนศึกยอดมรรคอยู่แล้ว

พวกฝูเหวินหลีไม่มีโอกาสปฏิเสธ

อันที่จริงพวกเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้นัก ก่อนหน้านี้ขัดขวางไม่ให้หลินสวินได้รับสิทธิ์เป็นผู้ดูแล ตอนนี้หากยังห้ามไม่ให้หลินสวินเข้าแดนศึกยอดมรรคอีก เกรงว่าจะทำให้ทั้งสำนักต่อต้านและปฏิเสธเป็นแน่

นี่ทำให้ในใจพวกเขาอึดอัดขึ้นมาระลอกหนึ่ง

เรื่องถูกกำหนดไปตามนี้ สุดท้ายรางวัลที่มอบให้หลินสวินคือลูกกลอนหมื่นแปรดับเทพหนึ่งเม็ด และโอกาสเข้าไปเคี่ยวกรำในแดนศึกยอดมรรคหนึ่งครั้ง!

ผลลัพธ์นี้หลินสวินย่อมพอใจมาก

คืนนั้นทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดเบียดกันอยู่หน้าเรือนมรรคกลาง เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จ

หลังจากงานถกมรรคเก้ายอดเขาสิ้นสุดลง จะจัดงานเลี้ยงฉลองเช่นนี้อยู่แล้ว เพียงแต่งานเลี้ยงครั้งนี้หลินสวินกลายเป็นจุดสนใจ

สำหรับพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นที่มองหลินสวินเป็นศัตรู ล้วนอยู่ในงานเพียงครู่เดียวก็จากไป

ทันทีที่พวกเขาจากไป บรรยากาศในงานเลี้ยงก็ยิ่งครึกครื้น

คนของลัทธิแรกกำเนิดมากมายทั้งที่คุ้นหน้าและไม่คุ้นล้วนเข้ามาชนจอก แน่นอนว่าหลินสวินไม่ปฏิเสธ

จนกระทั่งเช้าตรู่ งานเลี้ยงใหญ่ครั้งนี้จึงจบลง

เขาแรกนภา

ในถ้ำสถิตแดนมงคล หลังจากหลินสวินกลับมาก็คิดถึงเรื่องในวันนี้ แล้วอดจมสู่ภวังค์ไม่ได้

เดิมทีงานถกมรรคเก้ายอดเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา แต่เมื่องานถกมรรคเก้ายอดเขาสิ้นสุดลง คนของขุมอำนาจใหญ่มาชมงานล้วนพุ่งเป้ามาที่เขา

ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน สิบยักษ์ใหญ่อมตะ…

เห็นชัดว่าพวกเขามีการเตรียมตัวมาก่อน หมายใช้โอกาสนี้หยั่งเชิงรากฐานพลังของตน

สามารถคาดการณ์ได้ว่า ครั้งนี้หลังจากพวกเขาจากไป ขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาคงจะจัดตนไว้ในรายชื่อศัตรูตัวฉกาจ

หลินสวินไม่ได้เป็นห่วงเรื่องพวกนี้

อย่างน้องมีลัทธิแรกกำเนิดคุ้มครอง ขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นไม่กล้าบุ่มบ่าม

มีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องระวังคือ ต่อไปยามออกไปนอกสำนัก จะต้องยิ่งระมัดระวังและรอบคอบ

และเมื่อนึกถึงผลเก็บเกี่ยวในวันนี้ หลินสวินก็อดยิ้มไม่ได้

ได้รับลูกกลอนหมื่นแปรดับเทพและโอกาสเข้าแดนศึกยอดมรรค เรียกได้ว่าเป็นเรื่องดีที่ไม่คาดคิด

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จากเรื่องในวันนี้ทำให้เขาได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ของลัทธิแรกกำเนิด

นี่ต่างหากที่มีค่าที่สุด!

………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท