วาห์นยังคงนั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงระเบียงขณะคิดเรื่องวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองและคนอื่นๆ
เขารู้ว่าถ้ามี ‘เดอะพาธ’ เรื่องที่จะเก่งกว่าใครก็ไม่ใช่แค่ฝันลมๆ แล้งๆ
แต่การมีของดีติดตัวนั้นไม่ใช่ทุกอย่าง เขายังต้องใส่ความพยายามและทำความเข้าใจกับบทบัญญัติสกิลต่างๆ ให้มากกว่าเดิมด้วย
ในแต่ละเรคคอร์ดจะมีบทบัญญัติของตัวมันเอง ซึ่งจุดนี้วาห์นก็ต้องเริ่มเรียนรู้จากศูนย์เหมือนกับคนอื่น แต่ยังดีที่เขามีตัวช่วยทำให้เรียนได้ง่ายกว่าขึ้น
เขายังสามารถใช้ไอเท็มเข้าช่วย โดยไม่ได้เน้นไปที่การเพิ่มค่าสถานะโดยตรง แต่จะเน้นไปที่อัตราการเพิ่มในอนาคตของพวกมันแทน
สำหรับเรคคอร์ดันมาจิแห่งนี้นั้น ต่อให้วิดพื้นล้านครั้ง วิ่งพันกิโลเมตรและฝึกออกกำลังอีก 10 ปี ค่าสถานะก็คงเพิ่มขึ้นมาไม่มาก ดีไม่ดีอาจไม่เพิ่มเลยด้วยซ้ำ
ในการที่ฟาลน่าจะเข้ามาเสริมค่าสถานะของใครสักคน คนๆ นั้นจะต้องผ่านกรรมวิธีที่เรคคอร์ดตั้งไว้ ซึ่งในกรณีนี้ก็คือการล่ามอนสเตอร์และฟันฝ่าอุปสรรคครั้งใหญ่นั่นเอง
แน่นอนว่าการล่าก็อบลินที่อยู่ชั้น 2 ไปตลอดชาตินั้นจะไม่ทำให้นักผจญภัยขึ้นไปถึงเลเวล 10 เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก
เขายังต้องผลักดันความสามารถของตัวเองอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็ต้องพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดเป็นครั้งคราว
ด้วยการใช้ไอเท็มเสริม วาห์นจะสามารถเพิ่มค่าสถานะของตัวเองได้เร็วกว่าคนอื่นหลายเท่า แต่วิธีนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะดีไปซะหมด… เพราะตอนนี้วาห์นรู้แล้วว่าตัวเองพัฒนาได้เร็วและผิดธรรมชาติเกินไป
การที่ค่าสถานะเพิ่มได้เองโดยไม่ผ่านการอัพเดทจากทวยเทพนั้นมีทั้งผลดีและผลเสีย
หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ช่วงหลังคงจะเป็นอะไรที่ลำบากแสนสาหัสำหรับวาห์น
หนึ่งในเหตุผลที่หลายคนไม่ยอมอัพเดทกระดานค่าสถานะก็เพราะว่ามันจะทำให้อัตราการเพิ่มค่าในช่วงหลังง่ายกว่าเดิม
มันยังทำให้พวกเขาได้ฝึกความชำนาญในการสู้กับมอนสเตอร์ที่มีค่าสถานะสูงกว่าอยู่เป็นประจำ
พอถึงช่วงที่ต้องอัพเดท พวกเขาก็จะเก่งขึ้นแบบก้าวกระโดด
(TL: นักผจญภัย A มีค่าสถาะทั้งหมด = 300 นักผจญภัย B มีค่าสถาะทั้งหมด = 500
A กับ B สู้กับมอนสเตอร์ชนิดเดียวกัน พอไปอัพเดทแล้วจะพบว่า A ได้จำนวนค่าสถานะมากกว่า B
หลักๆ ก็เพราะ A ที่มีค่าสถานะน้อยกว่า ก็เลยสู้ลำบากกว่า B
ยิ่งเสี่ยง = ยิ่งได้ค่าสถานะตอนอัพเดทมากขึ้น ‘แต่’ ยิ่งเสี่ยง = โอกาสตายสูงขึ้น
โลกนี้ไม่มีตายแล้วไปเกิดจุดเซฟ จะทำอะไรก็ต้องระวังให้มากๆ~)
เพราะวาห์นได้รับค่าสถานะทันทีที่สู้กับมอนสเตอร์เสร็จ แบบนี้ต่อไปเขาคงเจอกับปัญหาคอขวดก่อนใครเพื่อน
ถ้าบวกเรื่องสกิลแฝงกับอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปอีกล่ะก็…
“เห้ออ”
วาห์นถอนหายใจขณะหันไปมองดวงตะวันที่กำลังขึ้นจากขอบฟ้า
แสงของมันช่างดูอ่อนโยนมาก แต่ก็รุนแรงพอที่จะขับไล่ความมืดทั้งปวงให้ออกไปจากผืนฟ้าได้ และนั้นยังเป็นสัญญาณบอกอีกด้วยว่าได้เวลาฝึกของพวกสาวๆ แล้ว
ตอนนี้วาห์นไม่ได้ลงมาดูแลเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่เข้าก็ยังชอบมาดูพวกเธอฝึกเป็นประจำ แบบนี้จะได้รู้ด้วยว่าแต่ละคนก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว
ถึงจะห่วงอนาคตของตัวเอง แต่วาห์นก็รู้ว่าการมีปาร์ตี้ที่พึ่งพาได้นั้นเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน
คนส่วนใหญ่อาจต้องใช้เวลาหลายปีในการก้าวขึ้นสู่เลเวล 5
วาห์นเลยหมายมั่นว่าเขาจะต้องย่นเวลาของพวกสาวๆ ให้ได้มากที่สุด เอาให้เหลือแค่ปีสองปีพอ
ส่วนคนที่มีโอกาสเติบโตได้เร็วที่สุดนั้นเห็นจะเป็นฮารุฮิเมะ นอกจากนั้น เวทมนตร์เพิ่มเลเวลชั่วคราวของเธออาจจะกลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับตัวเขาเองด้วย
ปัญหาก็คือการเพิ่มค่าสถานะให้กับฮารุฮิเมะโดยที่เจ้าตัวจะต้องไม่ออกไปเสี่ยงข้างนอกนี่สิ…
ทันทีที่กำลังจะเดินลงไปชั้นล่าง วาห์นก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่เกือบทำให้เขาพลัดตกจากระเบียง
เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง วาห์นก็เลยต้องอ่านมันซ้ำอีกหลายรอบ จากนั้นก็ต่อด้วยการเดินไปสอบถามอาคิว่าเมื่อคืนกลุ่มพันธมิตรได้ส่งคนออกไปตอบโต้อิชทาร์แฟมิเลียบ้างหรือเปล่า
การที่มีคนยื่นมือเข้าช่วยนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องดี แต่วาห์นก็ยังคิดไม่ตกว่าแบบนี้มันจะ ‘สะดวก’ เกินไปหรือเปล่า?
———————————————————————————-
//ภารกิจสำเร็จ//
[ภารกิจ: ช่วยเหลือซันโจวโนะ ฮารุฮิเมะ]
ระดับ: B (C-S)
เป้าหมาย: ช่วยซันโจวโนะ ฮารุฮิเมะจากผู้ที่จับเธอไว้
เป้าหมายเพิ่มเติม: กำจัดและ/หรือสังหารผู้จับกุม: 2/10
รางวัล: ปลดล็อคระบบ ‘อัพเกรด’, 10x[หินอัพเกรด], 14,000 OP
รางวัลจากเกรด: ปลดล็อคสกิล [ครูฝึก:C], 1x[ตราประทับของผู้ท้าชิง:S]
[อัพเกรด]
การใช้งาน: เพิ่มค่าคุณสมบัติของอุปกรณ์โดยคิดเป็น 1% ของค่าคุณสมบัติปัจจุบัน จากนั้นจะเพิ่ม +(ตัวเลข) ไว้ที่ด้านหลังชื่ออุปกรณ์
ต้องมี [หินอัพเกรด] เพื่อใช้งาน
โอกาสสำเร็จจะลดลงเมื่ออุปกรณ์มี +(ตัวเลข) มากขึ้น
สามารถซื้อ [หินอัพเกรด] เพิ่มได้ในราคา 100,000 OP
[หินอัพเกรด] มีโอกาสที่จะดรอปจากมอนสเตอร์ภายในเรคคอร์ด
10X[หินอัพเกรด] สามารถนำมาแลกเป็น 1x[หินอัพเกรด+] ได้
10X[หินอัพเกรด+] สามารถนำมาแลกเป็น 1x[หินอัพเกรด++] ได้
[หินอัพเกรด]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: อัพเกรดอุปกรณ์ได้ถึง +10 โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ
หลังจาก +10 ขึ้นไป โอกาสล้มเหลวจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 10%
หลังจาก +15 ขึ้นไป อุปกรณ์มีโอกาสที่จะถูกทำลายหากการอัพเกรดล้มเหลว
[หินอัพเกรด+]
ระดับ: พิเศษ
การใช้งาน: อัพเกรดอุปกรณ์ได้ถึง +20 โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ
หลังจาก +20 ขึ้นไป โอกาสล้มเหลวจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 10%
หลังจาก +25 ขึ้นไป อุปกรณ์มีโอกาสที่จะถูกทำลายหากอัพเกรดล้มเหลว
[หินอัพเกรด++]
การใช้งาน: อัพเกรดอุปกรณ์ได้ถึง +30 โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ หลังจาก +30 ขึ้นไป โอกาสล้มเหลวจะเพิ่มขึ้นครั้งละ 10%
หลังจาก +35 ขึ้นไป อุปกรณ์มีโอกาสที่จะถูกทำลายหากอัพเกรดล้มเหลว
[ครูฝึก]
ระดับ:C
การใช้งาน: เพิ่มค่าเอ็กซีเลียของเป้าหมายที่จับคู่ด้วย
ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหน เป้าหมายก็จะได้ยินคำสั่งต่างๆ อย่างชัดเจน
ประสิทธิภาพของสกิลจะขึ้นอยู่กับจำนวนของเป้าหมาย จำนวนเป้าหมายที่รองรับในปัจจุบัน (1)
[ตราประทับของผู้ท้าชิง]
ระดับ:S
ช่อง:0
พลังป้องกัน: 0
พลังป้องกันเวท: 0
คุณสมบัติ: ไม่สามารถทำลายได้, ผู้ท้าชิง(S)
ปลอกคอหนังสีดำประดับห่วงเล็กที่สามารถเพิ่มค่าประสบการณ์ได้มากเป็นสองเท่า
สามารถเพิ่มจำนวนห่วงเหล็กเพื่อเพิ่มอัตราดังกล่าวได้
หมายเหตุ : [ค่าความเสียหายที่ได้รับ] และ [อัตราได้รับความเสียหายแบบรุนแรง] จะเพิ่มขึ้นในจำนวนที่เท่าเทียมกัน
ในส่วนของ [อัตราได้รับความเสียหายแบบรุนแรง] นั้น จะนำค่าการโจมตีของคู่ต่อสู้มาคิดคำนวนกับค่าความทนทานของผู้สวมใส่
(TL: [อัตราได้รับความเสียหายแบบรุนแรง] ก็อัตราตีติดครินั่นแหละ)
———————————————————————————-
วาห์นรู้ว่า ‘เดอะพาธ’ มักจะยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอ เพียงแต่ครั้งนี้มันออกจะช่วยจนออกนอกหน้าไปหน่อย
เมื่อกี้เขายังกลุ้มเรื่องฝึกกับความปลอดภัยของฮารุฮิเมะอยู่เลย ไม่กี่วินาทีต่อมา ภารกิจก็เสร็จแถมไอเท็มช่วยฝึกก็ร่วงลงมาอยู่บนตักอีก มันจะสบายอะไรแบบนี้?
เนื่องจาก ‘เดอะพาธ’ นั้นถือกำเนิดขึ้นเพื่อ ‘ตอบรับ’ ความต้องการของเขา วาห์นเลยได้แต่อมยิ้มให้กับมัน
[ตราประทับของผู้ท้าชิง] จะช่วยแก้ปัญหาของวาห์นได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มที่ตอบโจทย์มาก
ตอนนี้มันอาจเป็นหนึ่งในไอเท็มที่ทรงพลังที่สุดในเรคคอร์ดเลยก็ว่าได้
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะหลังจากที่อ่าน ‘ความสามารถ’ ของมันแล้ว วาห์นก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม
‘ผู้ท้าชิง’ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของไอเท็มชิ้นนี้นั้นทำให้วาห์นสรุปได้ว่าการสร้างไอเท็มที่มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกันอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายๆ แถมเจ้าไอเท็มนี่ก็ไม่ได้เพิ่มพลังป้องกันแต่อย่างใด ทฤษฎีนี้คงต้องศึกษากันอีกสักระยะ
—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
เมื่อวาห์นเดินมาเคาะประตูห้องของอาคิ หญิงสาวก็ไม่ได้ออกมารับแต่กลับเรียกให้เขาเข้ามาข้างใน
อาคินั้นกำลังจ้องมอง [บันทึกปูมหลัง] ที่เป็นตัวเก็บการสนทนาทั้งหมด สลับกับการเขียนคัมภีร์เพื่อสนทนากับใครบางคนอยู่
วาห์นรู้ว่าตัวเองไม่ควรยุ่งวุ่นวายเรื่องที่สาวๆ คุยกัน เขาก็เลยเป็นฝ่ายถามอาคิโดยพยายามเลี่ยงไม่มองที่โต๊ะ
เพราะไม่มีเวลาเตรียมตัว ตอนนี้อาคิก็เลยยังอยู่ในชุดนอนสีครีม ทว่าสีหน้าของเธอนั้นห่างไกลจากคำว่า ‘ง่วงนอน’ มาก
“อิชทาร์แฟมิเลียจบสิ้นแล้ว… ตอนนี้ทางเรากำลังเก็บข้อมูลเพิ่มอยู่ แต่ดูเหมือนว่านี่จะเป็นฝีมือของเฟรย่าแฟมิเลีย
ท่านโลกิฝากให้ฉันบอกนายว่าช่วงนี้ห้ามเข้าหาเฟรย่าแฟมิเลียเด็ดขาด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
พอได้รู้ว่าอิชทาร์แฟมิเลีย ‘จบสิ้น’ แล้ว วาห์นก็รู้สึกได้ถึงอะไรหลายๆ อย่าง ตั้งแต่โล่งใจ ว้าวุ่น วิตกกังวล ไปจนถึงหวาดกลัว
แบบนี้เรื่องของฮารุฮิเมะก็คือว่าเคลียร์แล้ว แต่ไอช่ากับพรรคพวกของเธอล่ะ?
เขาได้แต่หวังว่าพวกเธอจะหนีออกมาทันและออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม… ทว่าความหวังดังกล่าวนั้นยังมีความกลัวปะปนอยู่เล็กน้อย
เพราะถ้าหนีออกมาได้จริง โอกาสที่พวกเธอจะมาขอความช่วยเหลือจากเขานั้นใช่ว่าจะมีน้อยซะที่ไหนกัน
ที่จริงวาห์นก็ไม่ติดขัดอะไรหรอก แต่การที่สาวอเมซอน ‘มากประสบการณ์’ ยกขโยงมาอยู่ที่ด้วยมันออกจะ…
แค่ทีโอน่ากับทีโอเน่สองคนก็ตึงมือจะแย่แล้ว นี่ถ้ามีเพิ่มอีกมันจะไม่วุ่นไปกันใหญ่เหรอ?
แน่นอนว่าปัญหาที่ใหญ่สุดในตอนนี้ก็คือสิ่งที่โลกิกำลังสงสัยอยู่ นั่นคือการที่เฟรย่าแฟมิเลียออกมาเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง
แม้จะยังไม่ได้เจอหน้ากันมาก่อน แต่วาห์นก็รู้เรื่องของเฟรย่ามาบ้าง แล้วก็รู้ดีด้วยว่าตัวเองเป็นพวกใจอ่อนกับผู้หญิง
วาห์นรู้ว่าเฟรย่าคือสาวงามที่ ‘งามแบบไม่แบ่งใคร’ หรือไม่ก็ ‘งามจนไร้ใครเทียบ’ ซึ่งงานนี้เขาเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะต้านเสน่ห์ของอีกฝ่ายได้มาน้อยแค่ไหน
มนตร์เสน่ห์น่ะใช้กับวาห์นไม่ได้ผลหรอก แต่ถ้าเป็นเสน่ห์ทั่วไปล่ะ?
อีกเหตุผลที่วาห์นไม่อยากเจอเฟรย่านั้นก็เพราะว่าเธอเป็นคนที่รับมือได้ยาก วันดีคืนดีเธออาจเปลี่ยนเป้ามาทำร้ายคนรอบข้างเขาแทนก็ได้
ขนาดในเนื้อเรื่องหลัก เธอเองยังเป็นคนที่ทำให้เบลล์ต้องเจอกับอุปสรรคเสี่ยงตายมากมาย ทุกอย่างก็เพื่อทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าเดิม
จากศักยภาพที่เขาแสดงออกมา รวมไปถึงเรื่องของ [เอ็นคิดู] แค่นี้วาห์นก็รู้แล้วว่าเป้าหมายของเธอคืออะไร
อิทธิพลจากพลังศักดิ์สิทธิ์และอำนาจที่เฟรย่ามีอยู่ในมือนั้นทำให้เธอเป็นคนที่อันตรายที่สุดที่วาห์นเคยพบเจอ
ตอนนี้เธอเริ่มออกมาเคลื่อนไหวแล้ว วาห์นนึกภาพไม่ออกเลยว่าเรื่องระหว่างตัวเขา เฟรย่า และกลุ่มพันธมิตรจะลงเอยยังไง
หลังจากสัญญากับอาคิว่าจะไม่ทำแบบนั้นแน่นอน วาห์นก็ลงไปพบริวที่ชั้นล่างและได้รับข่าวสารแบบเดียวกัน
เอลฟ์สาวคงรู้สึกกังวลมาก เพราะสายตาของเธอที่มักจะนิ่งอยู่ตลอดกลับดูหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนนี้วาห์นยังอ่านไม่ออกมาอิทธิพลของเฟรย่าต่อ ‘เจ้าของร้านผู้เพรียบพร้อม’ นั้นมีมากน้อยแค่ไหน
ที่แน่ๆ ก็คือต้องมีการติดต่อกันเป็นประจำอย่างแน่นอน
แม้จะบอกว่าได้ ‘ตัดความสัมพันธ์’ ไปนานแล้ว แต่มามามีอาก็ยังเก็บตราสัญลักษณ์ของเฟรย่าไว้บนแผ่นหลัง ในขณะที่ซีลเองก็ยังเคยเป็นถึงศิษย์เอกของเฟรย่าในอดีต
วาห์นคาดว่าอีกไม่นานเฟรย่าคงใช้ความสัมพันธ์เหล่านี้เพื่อดึงให้เขาเข้าหา แต่เขาก็ยังรู้สึกดีใจที่สาวๆ ของร้านไม่เคยเกลี้ยกล่อมให้เขาไปพบเฟรย่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่มาก วาห์นกับริวก็เลยจบการฝึกให้เร็วกว่าปกติเพื่ออธิบายเรื่องราวให้คนอื่นฟัง
พอได้ยินเรื่องของอิชทาร์แฟมิเลีย ฮารุฮิเมะเองก็ทำหน้าไม่ถูกเช่นกัน คงเพราะเธอเป็นห่วงพวกไอช่าไม่ต่างไปจากวาห์น
ออร่าของมิโคโตะนั้นบ่งบอกว่าเธอโล่งใจมาก แต่เธอก็เก็บซ่อนมันไว้ก่อนจะหันไปปลอบฮารุฮิเมะแทน
วาห์นแจ้งให้ทุกคนทราบว่าอีกสักพักก็จะได้ลงดันเจี้ยนกันแล้ว แค่ต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายอีกสักหน่อย
ตอนนี้เขาเลยอยากให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม
วันนี้ริวจะประจำอยู่ที่คฤหาสน์เพื่อรอดูสถานการณ์ เธอก็เลยใช้โอกาสนี้สอนคนอื่นไปด้วยเลยว่าจะต้องเจอกับอะไรในดันเจี้ยนบ้าง
ไม่นานเธอก็เดินพาคนอื่นๆ ไปที่ห้องเรียนหนังสือในขณะที่วาห์นขอให้ฮารุฮิเมะอยู่ต่ออีกพักนึง
เพราะช่วงนี้ไม่ได้ ‘ลูบๆ’ ใครเลย วาห์นก็เลยพาฮารุฮิเมะไปนั่งพร้อมกับ ‘จัดสักหน่อย’ ตามมาด้วยคำพูดปลอบใจ
“อย่าคิดมากเลย ในวันที่ไปช่วยเธอออกมา ฉันก็ลบมนตร์เสน่ห์ให้ไอช่าไปแล้ว
เมื่อคืนเธอน่าจะรีบหนีออกมาก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะพาคนอื่นๆ มาด้วย…”
พอได้ยินแบบนั้น พุ่มหางของฮารุฮิเมะก็กระตุกเล็กน้อย ตามมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ?”
วาห์นพยักหน้าแบบยิ้มๆ และเริ่มอธิบายเหตุการณ์ตอนนั้นให้เธอฟัง (TL: ตอนที่ 254-255)
ฮารุฮิเมะเริ่มมีน้ำตาซึมออกมาทันทีที่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
“คุณไอช่า… ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ…” เธอเอ่ยเสียงเบา
พอโล่งใจแล้วแขนขาก็เริ่มอ่อนแรงจนเซไปเกาะคนข้างๆ พร้อมกับร้องไห้ออกมา วาห์นก็เลยได้แต่ลูบผมสีทองอย่างทนุถนอม
ก่อนจะแยกกัน วาห์นก็อธิบายเรื่องสกิล [ครูฝึก] ที่เพิ่งได้มาหมาดๆ ให้เธอฟัง
ส่วนที่มาที่ไปของสกิลนั้น เขาต้องเปลี่ยนไปบอกว่าได้มันมาจากการต่อสู้เมื่อตอนเช้ามืด
พอรู้ว่ามีคนพยายามเข้ามา ‘ลักพาตัว’ ฮารุฮิเมะก็ทำหน้าตื่นทันที แต่พอรู้ว่าวาห์นพยายามปกป้องโดยที่ไม่คิดจะเอาความดีความชอบตั้งแต่แรกนั้นก็ยิ่งทำให้เรนาร์ดสาวหลงเขาหนักกว่าเดิม
ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้ออกมาช่วยเหลือ ฮารุฮิเมะก็ยังรู้สึกดีใจกับความพยายามของวาห์น สมแล้วที่ยกให้เป็นฮีโร่ในดวงใจ!
พอเปลี่ยนไปคุยเรื่อง [ครูฝึก] แบบละเอียด หูของฮารุฮิเมะก็กระตุกไปมาด้วยความตื่นเต้น
การลงดันเจี้ยนกับวาห์นแบบสองต่อสองพร้อมกับได้เพิ่มพลังของตัวเองอย่างรวดเร็วนั้น… นี่เธอฝันไปหรือเปล่า?
ฮารุฮิเมะรีบตัดบทและคะยั้นคะยอให้วาห์นลองทดสอบสกิลใหม่ทันที
นี่เป็นสกิลแบบเปิดใช้งานที่ต้องทำตามเงื่อนไขให้ครบก่อน ซึ่งในที่นี้ก็คือการเลือกเป้าหมายนั่นเอง
หลักๆ ก็คือเป็นการวางตราประทับไว้บนร่างกายของอีกฝ่าย แต่พอวาห์นได้เห็นตราประทับรูปหน้าการ์ตูนของตัวเองแล้วก็รู้สึกเขินอยู่เหมือนกัน
และเพราะนี่เป็นสกิลแบบเข้าคู่ ใบหน้าการ์ตูนของฮารุฮิเมะจึงปรากฏขึ้นมาบนร่างกายของวาห์นเช่นกัน เล่นเอาเรนาร์ดสาวตาลุกวาวเลยทีเดียว
เพราะเป็นการทดลองสกิลครั้งแรก วาห์นก็เลยประทับตาไว้บนหลังมือซ้ายของฮารุฮิเมะ ตอนนี้ทั้งคู่ก็เลยมีตราประทับของกันและกันที่ตำแหน่งดังกล่าว
หลังจากทำให้หญิงสาวใจเย็นลงแล้ว วาห์นก็เริ่มทดสอบระยะทำการของมันด้วยการใช้เคลื่อนย้ายในพริบตาและพุ่งห่างออกมาจากตรงนั้น
หลังจากพุ่งออกไปสองสามรอบในระยะ 2 กิโลเมตร ตราประทับก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง
รูปการ์ตูนของฮารุฮิเมะค่อยๆ เลือนหายไปซึ่งทำให้วาห์นเข้าใจระยะของสกิลนี้แล้ว ดูเหมือนจะไกลเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
หลังจากพุ่งกลับมาที่ลานฝึก เขาก็พบว่าเรนาร์ดสาวกำลังทำหน้าจ๋อยพอๆ กับตอนที่รู้ข่าวเมื่อกี้นี้เลย
“รูปตราหายไปแล้วค่ะ…”
วาห์นเห็นแล้วก็นึกขำอยู่ในใจ เพราะมันเป็นท่าทางที่ดูน่ารักจริงๆ
ตอนแรกวาห์นอยากจะเปลี่ยนตำแแหน่งตราประทับ แต่พอคิดไปคิดมา ถ้าเกิดมีคนเผลอไปเห็นตราในตำแหน่งที่ล่อแหลม… งานนี้ชื่อเสียงคงกู่ไม่กลับแน่นอน
เขาบอกฮารุฮิเมะว่าอีกเดี๋ยวจะไปอธิบายสกิลนี้ให้คนอื่นฟังเช่นกัน
ฮารุฮิเมะพยักหน้าแบบหงอยๆ จนกระทั่งได้ยินประโยคต่อมา
“อย่าเศร้าเลย เดี๋ยวตอนทดลองสกิลให้คนอื่นดู ฉันจะให้เธอเป็นคนสาธิตเอง”
แบบนี้จะไม่ให้ฮารุฮิเมะยิ้มหน้าบานได้อย่างไร?
หญิงสาวค่อยๆ กลับไปใช้ท่าทางสง่างามดั่งเดิม ก่อนจะเอาหางมาพันไว้รอบแขนของวาห์นด้วยรอยยิ้มมีความสุข
หลังจากยู่ในห้องน้ำกับอาคิต่ออีก 20 นาที ทั้งสองก็เช็ดตัวจนแห้งก่อนที่วาห์นจะมอบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาเก็บไว้ในช่องเก็บของให้กับเธอ
หญิงสาวดูแปลกใจหน่อยๆ ที่วาห์นมีเสื้อผ้าผู้หญิงเก็บไว้กับตัว แต่เขาก็อธิบายว่ามีติดไว้บ้างมันก็ดีเหมือนกัน เผื่อจำเป็นต้องใช้แบบตอนนี้ไง
อาคิรับขาสั้นสีดำ เสื้อสีฟ้า และชั้นในสีดำมาถือไว้ด้วยรอยยิ้มเขินๆ จากนั้นเธอก็ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะสวมพวกมันอย่างเร่งรีบ
ขณะที่วาห์นกำลังเตรียมเดินออกไปเคลียร์ห้องสมุด อาคิก็เข้ามาขวางไว้และขออาสาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง วาห์นเดาว่าเธอคงไม่อยากให้คนอื่นมาแตะต้องของที่ตัวเองปล่อยออกมา เขาก็เลยพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปนั่งตากอากาศอยู่ตรงระเบียง
ช่วงนี้ท้องฟ้าดูมืดครึ้มเกือบตลอด แถมบางครั้งก็มีหิมะตกลงมาด้วย
แย่หน่อยที่หิมะมีปริมาณค่อนข้างน้อย วาห์นก็เลยไม่ได้ไปเล่นมันแบบที่เคยวาดฝันไว้ในชีวิตก่อน
ในระหว่างช่วงพักเที่ยง อาคิได้ใช้โอกาสนี้เพื่อคุยเรื่องกฎระเบียบต่างๆ กับพวกสาวๆ ที่นั่นทานข้าวอยู่ด้วยกัน
ถึงมันจะล่วงเลยมาขนาดนี้แล้ว แต่อาคิก็เชื่อว่านี่คือสิ่งที่พวกเธอควรปฏิบัติตาม
เธอได้ขอให้เหล่าสมาชิกทำพิธีสาบานโดยเนื้อหาที่เกี่ยวข้องก็มี การไม่เปิดเผยข้อมูลของแฟมิเลีย การห้ามไม่ให้ทำงานร่วมกับแฟมิเลียอาชญากรรม รวมไปถึงการห้ามหลอกใช้ประโยชน์จากสมาชิกด้วยกัน
ด้วยแรงสนับสนุนจากเฮสเทีย ทุกคนก็เข้าทำพิธีเป็นที่เรียบร้อย นั่นรวมถึงพรีเซียที่ยังไม่ได้เข้าร่วมอย่างเป็นทางการด้วย
เพื่อความยุติธรรม วาห์นเองก็มาทำพิธีด้วยเช่นกัน ทว่าเนื้อหาบางอย่างนั้นต้องมีการแก้ไขตามความเหมาะสม
หนึ่งในหน้าที่ที่เหล่าสมาชิกได้รับมาเพิ่มก็คือการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยน
ทุกคนยังได้รับข้อมูลเกี่ยวกับราคาของ ไอเท็มทั่วไปที่ได้จากมอนสเตอร์ ส่วนผสมในการทำยา และข้อมูลปลีกย่อยอื่นๆ ที่มีประโยชน์เพื่อเข้าสู่ดันเจี้ยน
เนื่องจากบางคนยังอ่านเขียนไม่ค่อยคล่อง อาคิก็เลยไปช่วยสอนด้วยอีกคน
มิโคโตะยังคงใช้เวลาในช่วงบ่ายไปกับการฝึกดาบ
ตอนแรกวาห์นตั้งใจว่าจะไปที่ห้องทำงาน แต่เขาก็โดนเฮสเทียเรียกเสียก่อน
สีหน้าของเฮสเทียดูไม่ค่อยดีนัก และวาห์นยังเห็นด้วยว่าออร่าของเธอก็มีสภาพไม่ต่างไปจากเจ้าของ
แม้จะมีสีชมพูออกแดง แต่มันก็ดูเหี่ยวเฉาลงไปเยอะ
ก่อนที่วาห์นจะได้ถามอะไร เฮสเทียก็พูดขึ้นก่อน
“ฉันเพิ่งไปคุยกับเฮเฟสตัสและโลกิมาน่ะ… วาห์น ช่วงนี้ฉันงี่เง่ามากเลยใช่ไหม?”
วาห์นขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบจริงจัง
“เฮสเทีย ฉันเคยบอกแล้วไงว่าชอบเธอที่เป็นเธอ
ถึงบ้างครั้งจะทำเกินไปนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ทำให้ฉันอยากอยู่กับเธอน้อยลงเลย”
แทนที่จะทำหน้าโล่งใจ เฮสเทียกลับถอนหายใจแบบเครียดๆ
“เห้ออ โลกิบอกว่านายต้องพูดแบบนี้แน่ๆ… งั้นก็เรื่องจริงสินะ ช่วงนี้ฉันคงทำเกินไปจริงๆ”
วาห์นก้าวเข้าไปกอดเทพตัวเล็กตรงหัวไหล่ทันที ไม่นานเธอก็พิงหัวไปกับแผงอกกำยำก่อนจะพูดต่อ
“วาห์น… ทำไมการรักใครสักคนมันถึงได้ยากแบบนี้นะ?
ฉันรู้ดีว่านายรักอิสระ… แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าอยากจะขังนายไว้ในห้องนอนของเรา อยากแยกนายให้ห่างจากเรื่องมากมายที่นายต้องเจอในแต่ละวัน
ฉันไม่อยากเห็นนายต้องเจ็บปวดไปกับการช่วยทำให้ฝันของคนอื่นๆ เป็นจริง…”
วาห์นไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั่นยังไงดี เขาลูบหัวเฮสเทียเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“เรื่องนี้ฉันตอบเธอไม่ได้หรอกนะเฮสเทีย… ฉันก็แค่ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
บางครั้งมันอาจจะยุ่งยาก แต่ทุกคนก็ทำให้ฉันก้าวต่อไปได้… การได้รู้ว่ามีคนที่รักรอเราอยู่ มันช่วยได้มากเลย
ต่อให้ฉันอยู่ในห้องกับเธอไปเรื่อยๆ สักวันปัญหาต่างๆ มันก็จะพุ่งมาหาเราเอง
แทนที่จะรอให้เป็นแบบนั้น ฉันอยากพุ่งใส่ปัญหาก่อนมากกว่า…”
วาห์นประคองใบหน้าได้รูปและเห็นว่าดวงตาสีฟ้าใกล้จะมีน้ำตาเล็ดออกมาแล้ว
เขากระซิบเบาๆ ขณะฉายรอยยิ้มเอ็นดู
“เฮสเทีย เธอมาช่วยฉันรับมือพวกมันเถอะ
ชีวิตมันมีอะไรมากไปกว่าห้องๆ เดียว หรือแม้แต่คฤหาสน์หลังนี้
ฉันคิดว่าถ้าเอยากได้คำตอบ เธอคงต้องเปิดใจให้กว้างๆ และออกไปดูความงดงามข้างนอกนั่น
ออกไปดูว่ามันไม่ได้มีแค่ปัญหากับอันตราย… นี่คือมุมมองของฉันในฐานะ ‘มนุษย์’ คนนึงนะ
เธออาจจะคงอยู่ตลอดกาลในฐานะเทพ… แต่การอยู่แบบนั้นกับการ ‘ใช้ชีวิตในแต่ละวัน’ น่ะมันไม่เหมือนกันหรอก
ฉันให้ค่ากับเวลาทุกวินาที แล้วก็อยากให้เธอมาอยู่ด้วย ไม่ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด หรือช่วงที่ตกต่ำที่สุดก็ตาม
ถ้ามีเทพธิดาผู้งดงามอย่างเธออยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะเจอกับอะไรหรือต้องแพ้อีกกี่ครั้ง ยังไงฉันก็เชื่อว่าตัวเองสามารถฟื้นกลับมาได้…”
แม้สีหน้าจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่วาห์นก็สัมผัสได้ว่าออร่าของเฮสเทียกำลังพองโตอย่างรวดเร็วจนมันปกคลุมพวกเขาและทำให้บรรยากาศรอบๆ กลายเป็นสีชมพู
ผ่านไปอีกชั่วครู่ เฮสเทียก็กลับมายิ้มแย้มอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นมาซ้อนกับวาห์น
“วาห์น ฉันรักนายมากเหลือเกิน~ บางครั้งฉันอาจจะรู้สึกหลงทางและว่างเปล่า แต่นายก็มาช่วยชี้ทางให้ตลอด… แล้วก็มาช่วย ‘เติมเต็ม’ ให้ฉันด้วย ในหลายๆ ความหมายเลย แหะๆ~”
เป็นเสี้ยววินาทีที่ดวงสายตาสีฟ้าฉายแววยั่วยวน แต่ไม่นานมันก็กลับมาสว่างไสวอีกครั้ง
วาห์นเอาจมูกไปถูกับของเฮสเทีย จากนั้นเขาก็อุ้มเธอมาวางไว้บนโซฟาที่อยู่แถวนั้น
เทพตัวเล็กเหมือนจะกำลังอยู่ในอารมณ์ที่แปลกประหลาด แต่วาห์นก็ใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อช่วยทำให้เธอสงบลง
สุดท้ายเฮสเทียก็ต้องยกเลิก ‘แผนรุก’ และยอมให้วาห์นกอดจากด้านหลังขณะที่ตัวเองขึ้นมานั่งบนตักในท่า ‘เป็นเด็กดีนะ’
—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
วาห์นเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากตอนที่มีอะไรกันครั้งแรกกับทีโอน่า เป็นการเล่าที่ค่อนข้างละเอียดมาก
เขายังพูดถึงเรื่องน่าเป็นห่วง รวมถึงเงื่อนไขและข้อแม้ต่างๆ ที่ทุกคนช่วยกันตั้งเพื่อกันไม่ให้ตัวเขาตกลงสู่หนทางมืดมิด
เขาพูดเรื่องที่เกิดขึ้นกับสาวๆ คนอื่นโดยพยายามไม่เล่าตรงส่วนที่ค่อนข้างเร่าร้อน
วาห์นรู้ว่าช่วงนี้เฮสเทียไม่ได้พูดคุยกับสมาชิกคนอื่นมากนัก ส่วนใหญ่เธอก็มักจะเอาแต่นอนรอเขาอยู่ในห้องนอนใหญ่
นี่เป็นอีกเรื่องที่วาห์นต้องตักเตือนแบบจริงจัง เพราะถ้าปล่อยไว้นาน คนอื่นๆ อาจจะรู้สึกไม่ดีกับเธอ
เฮสเทียดูค่อนข้างลังเลในตอนแรก แต่พอวาห์นเริ่มหยิบยกเอาคำพูดของเธอมาใช้ เช่น ‘แฟมิเลียของเราควรอยู่กันแบบครอบครัว’ เฮสเทียก็เถียงต่อไม่ออก
เทพตัวเล็กได้แต่ฟังอย่างเงียบๆ และถามคำถามนิดหน่อย ซึ่งวาห์นก็สามารถไขข้อข้องใจของเธอได้หมดทุกข้อ
วาห์นอยากให้เฮสเทียทำดีกับทุกคน เพราะความจริงแล้วเธอต่างหากที่ต้องเป็นแกนหลักของแฟมิเลีย ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเห็นวาห์นเป็นศูนย์กลางก็ตาม
วาห์นอาจเป็นผู้นำและตัวแทนของแฟมิเลียตอนออกสำรวจดันเจี้ยน แต่คนที่เป็นหน้าเป็นตาอยู่ข้างบนก็คือเฮสเทียต่างหาก แถมยังมีหลายเรื่องที่เธอในฐานะ ‘เทพธิดา’ ต้องคอยจัดการด้วยตัวเอง
เขากำลังจะพูดเรื่องที่คุยกับอาคิ แต่เฮสเทียก็บอกว่าเรื่องนี้เธอได้ยินจากเจ้าตัวมาก่อนแล้ว
หลังจากคุยกันไปมาและปลอบกันอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง สุดท้ายเฮสเทียก็ยอมกลับไปนอนห้องตัวเองเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนอื่น
ถ้าปล่อยให้เธอทำตัวแบบเดิมๆ และวันหนึ่งเกิดเผลอเดินโชว์กลิ่น 18+ ไปทั่วบ้าน… แบบนี้ย่อมไม่ดีแน่นอน
เพื่อเป็นการประนีประนอม วาห์นสัญญาว่าจะออกไปเที่ยวกับเธอแบบสองต่อสอง แต่ทั้งคู่จะต้องบอกคนอื่นล่วงหน้าก่อน ไม่ใช่นึกจะหายก็หายไปเฉยๆ
วาห์นเสนอความคิดเล่นๆ ว่าพวกเขาน่าจะลองขุดขยายพื้นที่ด้านล่างคฤหาสน์เพิ่มเติม
ตอนนี้ที่ชั้นใต้ดินจะมีห้องเก็บของและห้องเก็บไวน์อยู่ก่อนแล้ว แต่วาห์นคิดจะต่อเติมพวกมันออกไปอีก รวมถึงการสร้างช่องทางลับเผื่อใช้หลบหนี หรือไม่ก็เอาไว้ใช้เข้าออกคฤหาสน์โดยไม่ให้คนนอกรู้ตัว
ไหนๆ วาห์นก็เริ่มแล้ว เฮสเทียก็เลยลองเสนอความคิดที่จะทุบกำแพงกั้นห้องน้ำทิ้งไป (TL: ก็คือจะไม่แบ่งฝั่งชาย/หญิง) จากนั้นก็หาวัสดุเก็บเสียงไปกั้นที่บ่อเล็กๆ แทน
เธออยากให้ในนั้นมีห้องซาวน่าด้วย แถมยังหันไปถามวาห์นต่ออีกว่าถ้าสร้างเพิ่มให้อีกห้องเป็นห้องนวดด้วยจะดีหรือเปล่า
วาห์นพกชุดวาดแปลนติดตัวไว้ตลอด เขาก็เลยเริ่มออกแบบตัวคฤหาสน์ขึ้นมาใหม่โดยใช้แผนที่ย่อในระบบให้เป็นประโยชน์
ถึงจะไม่ได้ศึกษาเรื่องสถาปัตยกรรมอย่างละเอียด แต่เขาก็เคยอ่านพวกมันมาบ้างตอนอยู่กับเอวาในลูกแก้ว
เฮสเทียเริ่มตื่นเต้นไปกับการต่อเติมบ้านครั้งใหญ่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะปกติเธอก็ไม่ได้ไปไหนอยู่แล้ว
เธอยังเสนอเรื่องที่จะเปลี่ยนปีกตะวันตกให้เป็นสถานพยาบาลและสถานเลี้ยงเด็กแบบครบวงจรด้วย เพราะอีกไม่นานที่นี่ก็จะมีพวกเด็กๆ เกิดออกมามากมาย
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้ทำอะไรต่อ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงช่วงมื้อเย็นแล้ว
ถ้าวาห์นสัมผัสไม่ได้ว่าฮารุฮิเมะกำลังเดินตามหาพวกเขาไปตามห้องต่างๆ ทุกคนก็คงต้องรอกันอีกนานเลยกว่าจะได้ทานข้าว
ในช่วงมื้อเย็น เฮสเทียก็นำแบบแปลนที่ทำกับวาห์นออกมาให้ทุกคนได้ดูกัน
ไม่นานพวกสาวๆ ก็คุยกันอย่างออกรสและเริ่มเสนอความคิดของตัวเองบ้าง
แม้แต่อาคิเองก็มาร่วมวงด้วย เพราะเธอเคยคิดเรื่องนี้ไว้คร่าวๆ แล้วและรู้ดีว่าที่นี่ยังขาดอะไรและต้องการอะไรเพิ่ม
คฤหาสน์ฮาร์ธในปัจจุบันนั้นดูเหมือนเป็นบ้านพักมากกว่าฐานที่มั่นของแฟมิเลีย
เพราะตามปกติ บ้านพักหรือห้องของสมาชิกนั้นจะอยู่คนละตึกกับตัวคฤหาสน์ ส่วนบรรยากาศข้างในก็จะออกแนวจริงจังและเป็นการเป็นงานกว่า
—
การสนทนาวันนี้เป็นอะไรที่ครึกครื้นมากและกินเวลานานเกือบชั่วโมง ทุกคนดูอิ่มทั้งกายและใจขณะช่วยกันยกจานชามเข้าไปล้างในครัว
วาห์นนั้นไม่ได้สกปรกอะไรมาก แต่เขาก็ตัดสินใจไปแช่น้ำเพราะอยากสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นขณะลงมาอยู่ในน้ำร้อนๆ
ทุกครั้งที่มาห้องอาบน้ำในช่วงเย็น วาห์นก็จะรู้สึกเหมือนกับกำลังอยู่ในอาณาจักรลึกลับของตัวเอง
นี่คือฝั่งผู้ชายที่จุคนได้มากถึง 50 คน ทว่าวาห์นกลับได้รับสิทธิพิเศษในการใช้มันเพียงคนเดียว
การได้อาบน้ำกับพวกสาวๆ มันก็ดีอยู่หรอก แต่แบบนี้มันก็ดีไปอีกแบบ
หลังจากลงมาแช่ในน้ำสีขุ่น วาห์นก็นึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้
การ ‘สนทนา’ กับอาคินั้นเป็นอะไรที่น่าสนใจมากจนเขาอยากรู้จริงๆ ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ
เขาเองก็อยากเจอราอูลสักครั้งเหมือนกัน เพราะอยากเห็นกับตาว่าคนที่ปฏิเสธสาวงามอย่างอาคิได้นั้นมันต้องเป็นคนแบบไหนกันนะ
ขณะกำลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น วาห์นก็ได้ยินเสียงวุ่นวายจากฝั่งของพวกผู้หญิงซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
ที่น่าแปลกก็คือ ไม่นานพวกเธอส่วนใหญ่ก็มายืนออกันอยู่ตรงฝั่งกำแพงกั้นห้อง…
วาห์นคิดอะไรไม่ออกไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็เริ่มนึกถึงข้อเสนอของเฮสเทียที่ให้นำกำแพงนี้ออกและเปลี่ยนไปกั้นบ่อเล็กแทน
‘…นี่กะจะทุบทิ้งวันนี้เลยเหรอ?’
ตามหลักแล้ว ขั้นตอนแรกที่ควรทำก็คือการกั้นบ่อเล็ก แต่วาห์นไม่คิดจริงๆ ว่าพวกเธอจะใจร้อนและอยากเอากำแพงใหญ่ออกก่อน
มาขนาดนี้แล้ว ไอ้เรื่องเห็นตอนโป๊ๆ น่ะไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่วันนี้เขายังไม่ได้เตรียมใจที่จะอาบน้ำกับผู้หญิงตั้ง 8 คนน่ะสิ
ตอนแรกวาห์นกะจะร้องเรียกให้หยุดก่อน แต่จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ว่าพวกเธอกำลังเดินถอยห่างออกไปเอง
ดูไปแล้วอยู่ต่อก็รู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ วาห์นเลยรีบล้างตัวให้เสร็จก่อนจะหนีออกจากที่นั่นทันที
หลังจากกลับมาที่ห้อง วาห์นที่นึกสงสัยนิดๆ ก็เริ่มแปลงเป็นร่างพยัคฆ์ขาวเพื่อตรวจสอบสิ่งที่อาคิบอก
แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาก็คงไม่ทำซ้ำสองแน่นอน เพราะสิ่งแรกที่ชนเข้ากับจมูกอย่างแรงก็คือหัวเชื้อที่มีชื่อว่า ‘เฮสเทีย’
มันรุนแรงมากเสียจนเขาต้องใช้ [จิตแห่งราชัน] ออกมาข่มตัวเองพร้อมกับสลายร่างแปลงออกทันที
เพราะนอนกับเฮสเทียบ่อยมากจนเริ่มชิน วาห์นเลยไม่รู้ตัวว่ากลิ่นที่อยู่ในห้องนี้มันหนาแน่นแค่ไหน
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ใบหน้าของอาคิจะขึ้นสี… แถมเธอยังต้องทนอยู่ในนี้ตลอดช่วงพิธีเปลี่ยนตราสัญลักษณ์อีก
วาห์นเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ จากนั้นก็นำเทียนหอมที่มีคุณสมบัติขจัดกลิ่นต่างๆ ออกมาจุด
นอกจากสรรพคุณดังกล่าวแล้ว เทียนชนิดนี้ยังทำให้ห้องมีกลิ่นของไม้จันทน์แทนด้วย
วาห์นไม่รู้หรอกว่ากลิ่นไม้จันทน์มันเป็นยังไง เมื่อกี้คือการซื้อแบบสุ่มล้วนๆ ทว่ากลิ่นที่รุนแรงแต่แฝงด้วยความสบายๆ ของมันก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย… ดมไปดมมาแล้วก็นึกถึงริวซะอย่างนั้น
วาห์นเริ่มนำพวกมันออกมาจุดเพิ่มและได้แต่หวังว่าพุ่งนี้สภาพกลิ่นในห้องจะดีขึ้น
เขายังเปิดช่องระบายอากาศด้านข้างออกด้วย เพราะตามปกติแล้วจะปิดมันไว้เพื่อรักษาอุณหภูมิด้านใน
เพราะมีสกิลกันหนาวหลายอย่าง คืนนี้เขาก็เลยเปิดรับลมเสียหน่อย
เป็นเวลานานมากแล้วที่วาห์นไม่ได้นอนคนเดียวท่ามกลางอากาศหนาวเย็นขณะกางแขนขาออกอย่างสบายอารมณ์…
วาห์นรู้สึกเพลิดเพลินไปกับการเห็นหางสีดำกระตุกทุกครั้งที่ใบหูของอาคิถูกสัมผัส
เขายังใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ในมือข้างที่โอบเอวไว้ ขณะลูบมันไปมาอย่างเบามือ
ตอนนี้เธอกำลังหลับตาปี๋ ส่วนปากก็กลายเป็นรูปตัว ‘x’ เล็กๆ ราวกับว่ากำลังฝืนไม่ให้ตัวเองร้องครางออกมา
วาห์นอยากเล่นแรงกว่านี้ แต่พวกเขาก็เพิ่งคุยเรื่อง ‘กฎเกณฑ์’ กับ ‘สถานที่และเวลา’ กันไปเองนี่นะ
อย่างน้อยๆ คงต้องขอเล็มเจ้าหูนี่หน่อยละกัน!
หูสีดำของอาคิกำลังกระตุกไปมาท่ามกลางสายตาของวาห์นอยู่นานแล้ว เห็นแล้วมันอดไม่ได้ คงต้องกำราบกันสักหน่อย
ทันทีที่ริบฝีมากสัมผัสกับเป้าหมาย อาคิก็ครางเสียดังลั่น
“เมี๊ยวววววว~! กัดหูไม่ได้น้า~”
ถ้าปากยังว่างอยู่ วาห์นก็คงหลุดขำแทน
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอหลุดเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่ามนุษย์แมวออกมา
อาคิดูเป็นคนที่ใจเย็น แถมการพูดจาก็ฉะฉานมากเสียจนไม่น่าจะหลุดกันง่ายๆ
แต่ยังไงซะ นี่ก็เป็นสัญญาณบอกว่าเธอกำลังรู้สึกตื่นเต้นมาก
นั่นยิ่งทำให้วาห์นรู้สึกดีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะขยับหนีออกไป
หลังจาก ‘แทะเล็ม’ ใบหูต่ออีกหน่อย วาห์นก็ถอนปากออกและกลับไปลูบหัวของเธอต่อ
“อาคิ ทำไมเธอถึงได้น่ารักแบบนี้เนี่ย…”
อาคิก้มหัวลงด้วยใบหน้าแดงก่ำ ขณะเดียวกันเธอก็เริ่ม ‘มองบน’ ใส่คนที่ยังแกล้งกันไม่หยุด
วาห์นเห็นว่าออร่าของอาคิเริ่มจะดึงดูดเข้าหาตัวเองแล้ว ที่จริงแค่มองหน้าก็คงรู้ว่าอีกฝ่ายใกล้จะหมดความอดทนเต็มที
ถ้าเขาแกล้งแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ สงสัยวันนี้จะมีคนได้เสียกันในห้องสมุดนี่แหละ
แต่เพราะอาคิเคยสื่อออกมาประมาณว่า ‘ไม่ชอบพวกโลเล’ วาห์นก็เลยอยากลุยต่อ แต่ไม่รู้ว่าจะทำแบบไหนดี
เขาไม่รู้หรอกว่าเธอทำอะไรกับโลกิมาบ้าง แต่ดูแล้วอาคิไม่น่าจะขาด ‘ประสบการณ์’ และคงชอบลองอะไรที่แปลกใหม่
จู่ๆ เขาก็เริ่มนึกอะไรออกก่อนจะกระซิบเสียงเบา
“อาคิ มานั่งนี่สิ…” วาห์นพูดพลางตบตักของตัวเอง
หัวใจของวาห์นเริ่มเต้นเร็วขึ้น เพราะนี่มันไม่ใช่แบบปกติที่เขาทำ
ถ้าเป็นคนอื่นวาห์นคงไม่กล้าทำแบบนี้ เพราะพวกเธอส่วนใหญ่ล้วนแต่มีเรื่องราวในอดีตที่เขาต้องคอยระมัดระวัง
แต่ถ้าเป็นผู้หญิงที่แก่กว่าและมีชีวิตปกติอย่างอาคิ… แบบนี้ถือว่าครบตามเงื่อนไขทุกข้อ
ถ้าเป็นเธอล่ะก็ วาห์นเชื่อว่าเขาคงทำอะไรได้มากกว่าเดิม
อาคิยังคง ‘มองบน’ ไม่เลิก แต่สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยินคำเชื้อเชิญนั่น
หญิงสาวคงนึกว่าจะโดนแหย่นิดๆ หน่อยๆ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมโลกิถึงพร่ำเตือนนักหนา
ในตอนที่อธิบายเรื่องต่างๆ โลกิได้เล่าให้อาคิฟังว่าปฏิสัมพันธ์ระหว่างวาห์นกับผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นจะเหมือนกับถูกบางอย่างผูกมัดเอาไว้
เธอเล่าว่าวาห์นต้องการคนที่มีจิตใจมั่นคง ตามความต้องการต่างๆ ได้ทัน และต้องเป็นคนที่มีเลเวล(สภาพร่างกาย)พอๆ กัน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมวาห์นถึง ‘สูญเสียการควบคุม’ เมื่ออยู่กับเฮเฟสตัส
เพราะเธอตอบรับความต้องการของเขาทุกอย่าง สุดท้ายก็เลยโดนจัดหนักไปเกือบหนึ่งวันเต็ม
พอมาอยู่กับเฮสเทียบ้าง วาห์นก็ผันตัวเป็นฝ่ายรับที่คอยเอาใจใส่ความต้องการของเธอก่อน
เมื่อนึกถึงการสนทนาครั้งนั้น อาคิก็เริ่มรู้สึกคาดหวังและอยากรู้จริงๆ ว่าวาห์นจะไปได้ไกลแค่ไหน
ถึงจะเป็นฝ่ายพูดจาสั่งสอนหลายเรื่อง แต่มาขนาดนี้แล้วเธอก็ไม่อยากถอยเหมือนกัน
ประสบการณ์ของอาคิที่แล้วๆ มาก็มีแต่กับผู้หญิงด้วยกัน ถ้าตอนนี้จะอยากลองผู้ชายทั้งแท่งดูบ้างก็คงไม่แปลก
หญิงสาวค่อยๆ ยกตัวขึ้นมานั่งด้วยความลังเล แต่แล้วเสียงกระซิบก็ดังขึ้นอีก
“หันหน้ามาทางนี้สิ…”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นเร็วและรุนแรงขึ้น
อาคิรู้ว่าวาห์นมีสาวมนุษย์แมวอยู่หลายคน นี่แสดงว่าเขาคงรู้อะไรดีๆ มาบ้างแหละ
หางสีดำกระตุกอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม
เธอสบตากับเขา ก่อนจะพึมพำเบาๆ ขณะคลานขึ้นไปนั่งบนตัก
ขาทั้งสองข้างคร่อมกับขาของอีกฝ่าย เรียกได้ว่าเป็นท่าทางที่ดูเย้ายวนมาก
วาห์นรู้สึกเพลิดเพลินกับความนุ่มนิ่มที่กดทับลงมาบนตัก รวมถึงความร้อนที่กำลังแผ่ออกมาจากกระโปรงสีขาวนั่นด้วย
เขาใช้สองมือโอบไปตามแผ่นหลังของอาคิจนเธอเริ่มตัวเกร็งก่อนจะโน้มตัวมาข้างหน้า
เธอจับไหล่ของเขาและพิงหน้าไปกับซอกคอ ราวกับว่ามันเป็นท่าตามธรรมชาติ
วาห์นนึกย้อนไปถึงโคลอี้และรู้ทันทีว่าอาคิต้องการทำอะไร
หลังจากที่คอเสื้อของเขาถูกดึงออก อาคิก็ต้องชะงักเพราะมือของอีกฝ่ายได้เลื่อนลงมายังบั้นท้ายได้รูปของตัวเอง
หญิงสาวใช้นิ้วลากไปตามรอยกัดที่มีอยู่เดิม ก่อนจะขยับไปที่ฝั่งตรงข้ามเพื่อดูว่ามันยัง ‘ว่าง’ อยู่หรือเปล่า
วาห์นเองก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆ เขาเริ่มใส่พลังเข้าไปในนิ้วจนหางสีดำสั่นไหวหนักกว่าเดิม
“แน่ใจนะว่าอยากฉันให้ฉันจับหาง?” เขาพูดด้วยเสียงหยั่งเชิง
อาคิเบิกตากว้างอย่างงงๆ ขณะหันไปสบตาคนถาม ก่อนเพิ่งจะตระหนักว่าเขายังไม่ได้จับมันเลย
นี่เธอนึกว่าวาห์นตั้งใจจะจับมันแต่บอกให้มานั่งท่านี้ซะอีก
อาคิสัมผัสได้ถึงฝ่ายมืออันร้อนแรงของวาห์น แต่เขาก็ยังไม่ได้ ‘ลงมือ’ ขั้นสุดท้าย
เธออยากจะโพล่งออกมาจริงๆ ว่าตัวเองน่ะเตรียมตัวเตรียมใจเสร็จแล้ว นายจะมัวรออะไรอยู่อีก…
แต่วาห์นก็ส่ายหัวและเป็นฝ่ายพูดก่อน
“อืม ช่างเถอะ… เธอก็พูดแล้วนี่ว่าถ้าฉันรับผิดชอบ… ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าต่อไปจะเป็นยังไง”
ก่อนที่อาคิจะได้เอ่ยถาม วาห์นก็ซุกมือเข้าไปใต้กระโปรงและคว้าเอาหางสีดำมากำแบบหลวมๆ
หลังของหญิงสาวสะดุ้งจนเหยียดขึ้นเป็นเส้นตรง จากนั้นใบหน้าของเธอก็คลายลงจนดูเหมือนกำลังเศร้า
“ถ้าราอูลใจกล้าได้แบบนี้ล่ะก็…”
วาห์นขมวดคิ้วนิดๆ แต่สีหน้าก็ยังดูยิ้มแย้มเหมือนเดิม
“หืม คิดเปลี่ยนใจแล้วเหรอ?”
อาคิส่ายหน้าพลางพูดออกมาตรงๆ
“ฉันมาเป็นนักผจญภัยก็เพราะว่าอยากแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องความสุขของตัวเองในอนาคต
ฉันไม่อยากอยู่กับดันเจี้ยนไปตลอดชีวิต… อีกอย่าง ถ้าต้องรอดูอีก 6-7 ปี ว่าผู้ชายที่ทำตัวเพื่อนจะเปลี่ยนไปหรือเปล่า… อันนี้ก็ไม่ไหวหรอกนะคะ
แววตาสีดำยังคงแฝงไปด้วยความเศร้า แต่วาห์นก็เห็นว่ามันกำลังถูกแทนที่ด้วยความมุ่งมั่น
ต่างจากสีหน้าที่อ่อนไหวง่าย ออร่าของเธอนั้นยังคงดึงดูดหาเขาเหมือนเดิมโดยไม่มีทีท่าว่าจะกระจายตัวออก
หลังจากพยักหน้าให้ วาห์นก็เพิ่มแรงบีบตรงหางและใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ย้ำเข้าไปอีก
เขากำลังอยากรู้อยู่พอดีเลยว่าถ้ามนุษย์แมวโดน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] จี้ตรงจุดอ่อนไหวแล้วผลมันจะออกมาเป็นยังไง ส่วนอาคิเองก็ไม่ทำให้ผิดหลังเช่นกัน
เธอพุ่งกลับมาจับไหล่ของเขา ก่อนจะจมเขี้ยวลงไปตรงจุดที่เล็งไว้แล้ว
เสียงครางของเธอดังจนมันลอดออกมาทางจมูก แต่วาห์นก็ทำได้แค่ปลอบด้วยการนวดหางเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
แม้จะรู้สึกเจ็บตรงที่โดนกัด แต่วาห์นก็ยังอยากไปต่อ
“ฉันขอลองอะไรหน่อย… ถ้าทนไม่ไหวก็ให้รีบบอก โอเคนะ?”
ถ้าพูดกันตามหลัก อาคินั้นยังถือว่าเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ วาห์นเลยอยากรู้ว่าถ้าใส่พลังแบบกระตุ้นลงไปแล้วผลมันจะเป็นยังไง
เขายกมือข้างที่ว่างขึ้นมาไล้ไปตามแผ่นหลังของอาคิโดยลากผ่านจุดประสาทต่างๆ เพื่อทำให้เธอผ่อนคลาย
การเห็นร่างกายที่เพิ่งโดนกระตุ้นค่อยๆ กลับมาอยู่ในสภาพผ่อนคลายนั้นออกจะดูน่าสนใจไม่น้อยเลย
วาห์นอยากให้อาคิได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด… ดีพอที่เธอจะใช้บอกกับตัวเองไปตลอดว่าวันนี้ไม่ใช่เรื่องผิดพลาด วันนี้เธอตัดสินใจถูกที่สุดแล้ว
ยังไงอีกฝ่ายก็เป็น ‘คู่นอน’ ของโลกิมาก่อน เธอน่าจะมีภูมิคุ้มกันเรื่องแบบนี้อยู่บ้างแหละ
—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP
—————
เกือบ 1 นาทีที่อาคิทำท่าราวกับกำลังกลั้นเสียงร้อง ทั้งๆ ที่ร่างกายของเธอน่าจะผ่อนคลายมากกว่านี้
วาห์นสันนิษฐานว่าหางของเผ่ามนุษย์แมวน่าจะเป็นจุดรวมประสาทที่สำคัญอันดับต้นๆ
เพราะต่อให้กล้ามเนื้อตรงส่วนต่างๆ คลายลง พอส่วนหางโดนจับไว้ ทุกส่วนก็จะกลับมาทำงานได้บ้าง
วันนี้วาห์นรู้เรื่องน่าสนใจเพิ่มมาอีกอย่างแล้ว ส่วนอาคิน่ะเหรอ? เธอก็ยังคง ‘งับ’ อยู่แบบนั้นโดยที่ใช้แรงออกไปได้แค่ประมาณครึ่งเดียว และแน่นอนว่าส่วนหางก็ยังโดนกำไว้อยู่
วาห์นรู้สึกได้ด้วยว่ามีบางอย่างอุ่นๆ กำลังไหลเลอะกางเกง แล้วไอ้อุ่นๆ ที่ว่านี่คงไหลมาจากใต้กระโปรงของอาคิแน่นอน
ผ่านไปอีกประมาณ 10 นาที อาคิก็ลงมานอนหมดเรี่ยวแรงในขณะที่วาห์นใช้มือไล่ตรวจตามส่วนต่างๆ
พอรู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาก็สวมกอดเรือนร่างที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ตอนนี้ตัวของทั้งคู่เปียกแฉะไปหมด และบางส่วนก็ไม่ใช่เหงื่อซะด้วยสิ
วาห์นยังได้กลิ่นเบาๆ ของ… เอาเป็นว่ามันทำให้เขารู้สึกผิดก็แล้วกัน
มือของวาห์นกลับไปเกาะกุมบั้นท้ายได้รูปอีกครั้ง จากนั้นเขาก็เอนหลังเพื่อกันไม่ให้เธอหงายตกพื้น
เขายื่นปากเข้าไปใกล้ใบหูสีดำน่าแทะอีกครั้ง
“อันนี้อย่างสุดท้ายแล้วนะ… ถ้ามากกว่านี้เธอคงรับไม่ไหวแน่ๆ”
เพราะไม่มีแรงมากพอที่จะคุยด้วย อาคิเลยเปลี่ยนมาใช้ลิ้นเลียคอเพื่อสื่อให้วาห์นรู้ว่าเธอกำลังฟังอยู่
วาห์นคิดว่าสื่อสารแบบนี้มันก็เข้าท่าดีแฮะ แต่เขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“สูดหายใจลึกๆ นะ…”
อาคิรีบทำตามเพื่อเตรียมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
เธอได้เจอกับอะไรที่เหนือความคาดหมายไปมาก แถมครั้งนี่วาห์นยังบอกเองเลยว่าให้สูดหายใจลึกๆ
วาห์นเริ่มจากการนำมือทั้งสองข้างไปวางไว้ที่โคนหางของอาคิ จากนั้นเขาก็ลากมือซ้ายขึ้นไปตามแผ่นหลังก่อนจะหยุดลงตรงแถวๆ ท้ายทอย
นี่คือวิชาที่ต้องใช้อย่าง ‘ระมัดระวัง’ ที่สุดในหมู่วิชานวดที่วาห์นศึกษามา
ชื่อของมันก็คือ ‘ผสานฟ้าดิน’ โดยการสร้างจุดยึดเหนี่ยวตรงส่วนต้นและปลายกระดูกสันหลัง จากนั้นก็ปล่อยพลังเข้าไป
จากนั้นพลังดังกล่าวก็จะกระจายออกไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย
วาห์นคาดว่าผลของมันน่าจะคล้ายกับการเสร็จครั้งใหญ่หลายๆ รอบ… แต่นั่นก็ยังเป็นแค่ทฤษฎี
อย่างน้อยๆ ในหนังสือก็บอกว่านี่คือวิชาที่ ‘ไม่เป็นอันตราย’ เขาถึงกล้านำมันออกมาใช้จริง
ทันทีที่ส่งพลังออกไปตรงโคนหาง หางของอาคิก็กลายสภาพเป็นแท่งกระบองทันที ตามมาด้วยของเหลวมากมายที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุด
ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้น ต่อไปก็ถึงคราวของจุดตรงท้ายทอย
ครั้งนี้อาคิกลั้นเสียงต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอถึงกับต้องร้องออกมาเต็มแปดหลอด
“เมี๊ยวววววววฮะอ้ะอ๊าาาาาาาาาา~”
ขณะที่วาห์น (TL:ยังทำไม่เสร็จ -*-) ลากทั้งสองมือเข้าหากัน จนกระทั่งมันไปบรรจบที่กลางกระดูกสันหลังพอดี
จู่ๆ เสียงร้องของอาคิก็ค่อยๆ เบาลงจนแทบไม่ได้ยิน
พอหันไปมองหน้า วาห์นก็พบว่าเธอยังคงทำท่ากรีดร้องอยู่ จะบอกว่ากำลังร้องแบบไม่มีเสียงก็คงได้
ร่างกายของหญิงสาวสั่นท้านไปหมด ถ้าสั่นกว่านี้อีกก็คงเข้าขั้นชักแล้ว แถมมันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย
วาห์นเริ่มรู้สึกเป็นห่วงและตระหนักว่าเขาอาจจะเล่นแรงเกินไปหน่อย
พอสัมผัสได้ว่าอาคิกำลังเข้าขั้นหายใจติดขัด วาห์นก็รีบสลายพลังทุกอย่างออกจากร่างกายของเธอทันที
หลังจากโดนจิ้มตรงนั้นตรงนี้ อาคิก็ร่วงลงมาราวกับหุ่นเชิดที่โดนตัดเชือก ทว่าสิ่งที่รอรับเธอนั้นไม่ใช่พื้นเย็นๆ แต่เป็นอ้อมกอดอันอบอุ่น
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง อาคิถึงจะกลับมาหายใจได้ตามปกติโดยมีสีหน้าที่วาห์นพอจะอธิบายได้ว่ามันดู ‘มีความสุข’ และ ‘สงบมาก’
ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก เพราะถึงจะมีช่วงน่าหวาดเสียว แต่ผลก็ออกมาไม่แย่จนเกินไป
ครู่ต่อมา อาคิก็หลับใหลไม่ได้สติโดยที่ยังมีสีหน้าเปี่ยมสุขเหมือนเดิม
วาห์นค่อยๆ ใช้มือลูบเรือนผมสีดำยาว แม้ว่ามันจะชุ่มไปด้วยเหงื่อก็ตาม
ไม่นานเขาก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันออกจะเปียกไปหน่อย โดยเฉพาะที่กางเกงของตัวเอง ช
เพราะไม่อยากให้อาคินอนในเสื้อผ้าเปียกๆ เขาก็เลยต้องทำอะไรสักอย่าง
ถ้าไม่เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ วาห์นก็คงต้องพาเธอไปอาบน้ำแทน
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นโดยอุ้มอาคิไว้ในอ้อมแขน แต่พอหันกลับมาดูจุดเกิดเหตุเท่านั้นแหละ บอกได้คำเดียวว่า ‘เละ’
ต่อให้ไม่ต้องแปลงร่างเขาก็ยังได้กลิ่นทุกอย่างแบบชัดเจนสุดๆ
ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่านอกจากอาคิจะคุมปากบนไว้ไม่อยู่แล้ว ปากล่างของเธอก็มีสภาพไม่ต่างกัน
เรื่องนี้วาห์นไม่ได้จะโทษเธอเลย เพราะทุกอย่างเป็นฝีมือของตัวเองล้วนๆ
ถ้ามันจะเยอะขนาดนี้ เช็ดตัวคงเอาไม่อยู่ คงต้องไปอาบน้ำลูกเดียว
เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็นระหว่างทางจนเกิดเรื่องวุ่นๆ วาห์นเลยใช้พลังเขตแดนเพื่อตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้า
‘อืมมมม… ยากแฮะ’
ก่อนออกจากห้อง วาห์นก็เก็บโซฟาเข้าช่องเก็บของเพื่อปกปิดหลักฐานไว้ก่อน
เขาไม่ได้เดินออกมาทางประตู แต่กลับใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] มาที่หน้าต่างแทน
ช่วงนี้อากาศข้างนอกหนาวเย็นมาก แต่วาห์นกับอาคิก็ไม่ใช่นักผจญภัยเลเวล 1-2 ของแค่นี้ทนได้สบายๆ แถมวาห์นยังใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] ต่อเนื่องเพื่อย่นเวลาลงอีก
เขาไม่อยาก ‘เสี่ยง’ เดินตามห้องโถง เพราะต่อให้เดินเลี่ยงได้ สาวๆ บางคนก็คงจับกลิ่นได้อยู่ดี
พออาบน้ำเสร็จแล้ว วาห์นคงต้องรีบกลับมาทำความสะอาดห้องสมุดอีกรอบเพื่อขจัดกลิ่นที่เหลือออกให้หมด
เรื่องนี้ทำให้เขาคิดได้ว่าการกำหนดพื้นที่หรือห้องพิเศษอย่างที่อาคิบอกมันก็ดีเหมือนกันนะ
—
หลังจากพุ่งและหักเลี้ยวไปมาอยู่พักนึง ในที่สุดวาห์นก็มาถึงห้องอาบน้ำ
เขาผสาน [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ที่มือ ก่อนจะเริ่มนวดตรงกะบังลมของอาคิเพื่อปลุกให้เธอตื่น
ดวงตาสีดำลืมขึ้นแบบเพลียๆ ก่อนจะหันมามองวาห์น จากนั้นมันก็เปลี่ยนไปมองสถานที่รอบๆ
พอเริ่มเดาสถานการณ์ออก อาคิก็ยื่นมือออกมาหยิกที่แก้มของวาห์นแรงๆ
“กัป-…นายอย่าไปนวดแบบนั้นกับคนอื่นอีกนะ… โดนแบบนั้น เผลอๆ อาจเป็นบ้าไปเลยก็ได้”
วาห์นถึงกับต้องหยีตาจากแรงหยิก แต่เขาก็ปล่อยให้เธอทำตามใจชอบเพราะรู้สึกผิดจริงๆ
เขาตอบพลางยิ้มแห้งๆ
“ขอโทษนะอาคิ… ฉันเล่นแรงไปหน่อย เธอทำตัวน่ารักมากๆ ฉันก็เลยอยากลองดูว่า-”
ก่อนจะได้พูดจบประโยค อาคิก็ดิ้นจนหลุดจากอ้อมแขนและเริ่มดูสภาพของตัวเอง
“เรื่องนั้นฉันไม่สนหรอก ถ้าอยากให้นายหยุด ฉันก็คงพูดออกมาแล้ว…”
อาคิตรวจดูตรงจุดต่างๆ ก่อนจะทำหน้าเซ็ง
“ไม่คิดเลยแฮะ ว่าจะโดนไล่ต้อนจนหมดสภาพแบบนี้… ขอโทษด้วยนะคะ”
อาคิเริ่มถอดเสื้อผ้าออกโดยไม่พูดอะไรต่อ เสร็จแล้วเธอก็โยนพวกมันไปไว้ข้างห้อง
วาห์นนั้นเตรียมคำขอโทษเอาไว้หมดแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็มองเพลินจนไม่ได้พูดออกมาสักคำ
แม้อาคิจะมีรูปร่างเพรียวเหมือนกับมนุษย์แมวคนอื่น แต่บางจุดของเธอกลับดู ‘นุ่มนิ่ม’ กว่ามาก
นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอดูอ้วน แต่แค่ดูเหมือนจะมีส่วนที่เป็นกล้ามเนื้อน้อยหน่อย
ตรงส่วนโค้งเว้าอย่างหน้าอกก็ดูอวบมากกว่าได้รูป ถ้ากะคร่าวๆ ก็คงได้ประมาณคัพ B
ตอนนี้เธอก็อายุเกือบยี่สิบแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าหน้าอกคู่นี้จะได้ไปต่อหรือเปล่า…
หลังจากถอดจนเหลือแค่ขาสั้นชิ้นเดียว อาคิก็เริ่มหน้าแดงพลางใช้นิ้วเกี่ยวขอบกางเกงไปมา
วาห์นนึกว่าเธอคงเขินตรงช่วงล่างมากกว่าช่วงบน เขาก็เลยหันหลังให้
แต่พอได้ยินเสียงเหมือยผ้าเปียกๆ ถูกโยนออกไป อาคิก็หันมาเรียก
“หันกลับมาได้แล้วค่ะ”
วาห์นก็หันกลับแบบงงๆ และพบว่าเจ้ากางเกงตัวนั้นได้หายลงไปอยู่ในกองผ้าแทนแล้ว
ดูแล้วเธอคงไม่อยากให้เขาเห็นเจ้ากางเกงเปียกๆ นั่นมากกว่า ซึ่งงานนี้วาห์นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
จะสนใจกางเกงทำไม เอาเวลาไปมองอย่างอื่นเถอะ
สะโพกของอาคิดูไม่ใหญ่มากนัก ส่วนของบั้นท้ายเองก็เช่นกัน แต่ถ้าไม่ได้สัมผัสก็คงไม่รู้เลยว่ามันนิ่มมาก
สิ่งที่ดูเตะตาสุดๆ เห็นจะเป็นเส้นขนสีดำสั้นๆ เหนือจุดซ่อนเร้น ดูแล้วเธอคงจัดการกับมันอย่างสม่ำเสมอ
อาคิทำหน้าเขินๆ ก่อนจะอธิบาย
“ฉันมี… จุดที่มันไม่ขึ้นน่ะ ก็เลยต้องคอยโกนออก นายคิดว่ามันดูแปลกหรือเปล่า?”
วาห์นส่ายหัวแบบยิ้มๆ พลางตอบอย่างมั่นใจ
“อาคิ เธอสวยทุกส่วนเลย ขอบใจนะที่ให้ดู… ฉันรู้สึกโชคดีจริงๆ”
หญิงสาวถอนหายใจโล่งอก ก่อนที่ความเศร้าในดวงตาจะกลับมาอีกครั้ง
วาห์นเห็นแล้วก็กำลังจะเอ่ยถาม แต่เธอกลับอธิบายอย่างไม่ปิดบัง
“ฉันนึกถึงเรื่องคนบ้านั่นอีกแล้ว… ก็ มีครึ่งนึงที่ฉันลองยั่วแบบนี้ แต่หมอนั่นกลับวิ่งเตลิดออกจากห้องไปเลย…”
“เธอคงรักเขามากเลยใช่ไหม?” วาห์นถามพลางขมวดคิ้ว
อาคิก้มหน้าลงเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็ส่ายหัว
“ฉันอยากที่จะรักเขา แล้วฉันก็อยากให้เขารักตอบและแสดงมันออกมาผ่านการกระทำ
ฉันคงเป็นนักปฏิบัติมากกว่าพวกช่างฝันน่ะ
ชีวิตนี้มีอะไรมากมายที่ฉันต้องการ และการมานั่งรอจนแก่ก็ไม่ใช่หนึ่งในนั้น…”
พูดเสร็จ อาคิก็เดินลงไปในบ่อน้ำร้อนทันที
“มาเถอะค่ะ ถ้ามีคนตามหาแล้วไม่เจอเราทั้งคู่ล่ะก็… จะวุ่นวายเอาได้นะ
ฉันอยากรีบไปเคลียร์ห้องสมุดต่อด้วย…”
วาห์นพยักหย้าหงึกๆ ก่อนจะเริ่มถอดเสื้อผ้าและลงไปนั่งแช่น้ำข้างๆ
คราวนี้วาห์นเป็นฝ่ายโดนเธอสำรวจดูบ้าง แต่แค่ครู่เดียวอาคิก็พูดขึ้น
“เป็นแบบที่ท่านโลกิบอกเลย ออกจะใหญ่ไปหน่อยนะคะ
ถ้าเกิดอยากทำอะไรขึ้นมาก็ขอให้บอกกันก่อนละกัน ฉันมียาขยายมาด้วย รอแค่เดี๋ยวเดียวก็ใช้ได้แล้ว”
“ยาขยาย? ขยายอะไร?” วาห์นถามแบบงงๆ
เขาพยายามค้นหาคำคอบในหัวขณะเดียวกับที่อาคิอธิบายให้ฟัง
“ค่ะ… ก็ การที่ผู้หญิงจะรับของนายได้นี่มันคงจะลำบากน่ะ แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้
ท่านโลกิเลยให้ยาตัวนี้มา แล้วก็ฝากให้ฉันเอาไปให้ท่านเฮสเทียกับผู้หญิงคนอื่นๆ ด้วย
มันก็อาจจะยังยากอยู่ แค่คงเจ็บน้อยลงเยอะ…”
อาคิยังคงอธิบายแบบเรื่อยๆ แต่ยิ่งนานเข้า ใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดง และแน่นอนว่าไม่ได้แดงเพราะน้ำร้อน
วาห์นนั้นไม่ทันสังเกต เพราะเขากำลังนึกภาพอยู่ว่าเฮสเทียจะคิดยังไงกับเรื่องนี้
พอจะหันกลับไปถามต่อ สีหน้านั่นก็ทำให้วาห์นฉุกคิดว่า ‘เวลาอยู่กับผู้หญิงคนไหน เราก็ควรคิดถึงแต่เธอคนนั้น ไม่ควรไปนึกถึงคนอื่น’
“เรื่องวันนี้ฉันเป็นฝ่ายผิดเอง… ขอรับผิดชอบด้วยการอาบให้ละกัน” วาห์นพูดแบบยิ้มๆ
พอได้ยินแบบนั้น อาคิจึงยิ้มตอบก่อนจะขยับเข้ามาจนชิด จากนั้นเธอก็ไล่นิ้วไปตามรอยที่ตัวเองกัด
“ฉันเองก็มีส่วนผิดนะ… งั้นเรามาผลัดกันอาบให้ก็แล้วกัน”
หลังจากที่วาห์นเอนตัวอย่างไร้เรี่ยวแรงลงสู่อ้อมแขนของทีโอน่ากับไอส์ ทั้งสองต่างมีสีหน้ากังวลอยู่บ้างจนกระทั่งเลฟิย่าต้องเอ่ยเตือน
“วาห์นบอกแล้วนี่ว่าเขาจะขยับไม่ได้หลังหมดผลของไอเท็ม…”
ตอนนี้วาห์นก็ ‘หลับ’ ไปแล้ว เลฟิยาจึงสงบลงเช่นกันและเดินไปตรวจสอบว่าเขาหรือทีโอเน่ต้องการเวทมนตร์รักษาเพิ่มเติมหรือเปล่า
ฮารุฮิเมะเองก็อยากเข้าไปช่วย แต่เธอบอกได้เลยว่าหญิงสาวสองคนนั้นดูใกล้ชิดกับวาห์นมาก มากจนเธอก้าวขาไม่ออก
ตอนนี้ทุกคนสงบลงไปบ้างแล้ว ส่วนวาห์นก็กำลังนอนหนุนตักไอส์ที่จ้องมองเขาแบบตาไม่กระพริบ
แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นอุบัติเหตุ แต่เธอ เช่นเดียวกับทีโอน่าและฮารุฮิเมะ คงจะยกโทษให้ทีโอเน่ง่ายๆ ไม่ได้
ตอนนี้ตัวต้นเรื่องกำลังนั่งตรงด้านข้างด้วยสีหน้าพ่ายแพ้โดยมีเลฟิย่าคอยตรวจร่างกายให้อีกรอบ
ฮารุฮิเมะเข้ามานั่งใกล้วาห์นโดยไม่เกรงกลัวความเย็นจากพื้นหรืออากาศโดยรอบเลยแม้แต่น้อย
มิโคโตะกำลังยืนเฝ้ามองทุกคนอยู่ข้างๆ อันนาคิตตี้ที่มีสภาพไม่ต่างกันนัก
ผ่านไปอีก 2-3 นาที ทีโอน่าก็หันมาหาพี่สาวฝาแฝด
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับวาห์นล่ะก็…” เธอกำหมัดเล็กน้อยด้วยสีหน้าขัดแย้งโดยไม่ได้พูดอะไรต่อ
เสียงของเธอดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ และส่งผลให้จิตใจของทุกคนรู้สึกหนักอึ้ง ทีโอเน่เองก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อย่างมาก
เธอหันไปมองวาห์นที่ยังคงขยับตัวไม่ได้
“ฉันอยากให้เขาเลือกเองว่าจะเอายังไงต่อ… ถึงจะบอกว่าเสมอ แต่แบบนั้นฉันยอมรับไม่ได้หรอก
เมื่อกี้วาห์นไม่ได้ใช้อุปกรณ์อะไรเลย รวมถึงโซ่นั่นด้วย… ออมให้ขนาดนั้นก็ยังไล่ต้อนจนฉันจนมุมและทำให้ [แบ็คดาฟท์] แสดงผลออกมา… ดูยังไงฉันก็แพ้อยู่ดี…”
เกือบทุกคนที่นั่นเป็นสมาชิกของเครือข่าย แน่นอนว่าพวกเธอต้องรู้เรื่อง [เอ็นคิดู] และดาบ [เลวาไทน์] ของวาห์นอยู่ก่อนแล้ว
สมาชิกของโลกิแฟมิเลียยังรู้ด้วยว่าเขายังมีร่างแปลงที่สามซ่อนไว้อีก
ถ้าวาห์นใช้ร่างที่จัดการกับโกไลแอธได้ง่ายๆ ทีโอเน่ก็คงจะแพ้ไปนานแล้ว
เขาออมมือเพื่อทำให้แน่ใจว่าจะไม่เผลอฆ่าทีโอเน่ แถมยังตบท้ายด้วยการมอบไอเท็มช่วยชีวิตให้กับเธออีก
ไม่ว่าจะมองยังไง รอบนี้คนอื่นๆ หรือแม้แต่ทีโอเน่เองก็คงเอนเอียงให้วาห์นเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่า
ทีโอน่ามองลงไปหาวาห์นและพูดต่อ
“วาห์นบอกว่าเขาจะยังมีสติอยู่… งั้นก็ต้องได้ยินที่เราพูดกันด้วย ถูกไหม?”
เลฟิย่าพยักหน้ารับ ซึ่งทำให้ทีโอน่าหันไปพูดกับพี่สาวต่อ
“ฉันรู้ใจวาห์น… เขาคงให้อภัยเธอ อาจยอมรับเธอด้วย… แต่ฉันไม่อยากให้เธอเข้าหาเขาด้วยวิธีนี้
มันไม่ยุติธรรมเลยที่เธอเห็นเขาเป็นแค่ตัวแทนของฟินน์ แล้วก็ยังเกือบฆ่าเขาเพราะความผิดหวังของตัวเอง
ถ้าวาห์นไม่ได้เตรียมแผนรับมือมากมายขนาดนี้…”
แม้จะลูบหัววาห์นด้วยความเอ็นดู แต่สีหน้าของไอส์นั้นจริงจังสุดๆ
“ทีโอเน่… ต้องลงโทษ” เธอพูดเสริมอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
คำพูดของทั้งสองทำให้ทีโอเน่ถอนหายใจยาว
“ยังไงรอบนี้คงโดนท่านโลกิเชือดอยู่แล้วนี่นะ… จะทำโทษอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ เรื่องนี้ฉันไม่ปัดความรับผิดชอบหรอก”
ทีโอเน่เอี้ยวตัวหลบเลฟิย่าที่เข้ามาตรวจร่างกายก่อนจะพูดต่อ
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ไปดูวาห์นเถอะ…”
เลฟิย่าพยักหน้าและเดินไปยังจุดที่วาห์นนอนอยู่พร้อมกับคุกเข่าลงข้างๆ
แสงพลังเวทโผล่ออกมาจากฝ่ามือเล็กๆ ขณะที่สายตาของเธอสอดส่องไปทั่วร่างของชายหนุ่ม
หลังจากตรวจสอบแบบละเอียดยิบ เลฟิน่าก็ถอนหายใจออกมา
“เลฟิย่า เป็นไงบ้าง” ไอส์ถามด้วยความสงสัย เลฟิย่าพยักหน้าและเริ่มอธิบาย
“วาห์นบอกไว้ว่าไอเท็มนั่นน่าจะรักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมด… ก็จริงอย่างที่เขาว่านะ
ตอนนี้ร่างกายของวาห์นปกติดีทุกอย่าง ติดแค่เรื่องพลังเวทที่กระจายออกมา ทั้งๆ ที่ปกติแล้วมันควรจะเข้าไปสะสมในร่างกาย เหมือนกับกำลังติดสถานะ ‘พลังงานหมด’… แต่ฉันคิดว่ามันคงเป็นเพียงผลข้างเคียงจากไอเท็มนั่นแหละ
ถ้าไม่นับพวก… เลือดกับของที่เลอะตามตัว… เขาก็ปกติดีทุกอย่าง”
เมื่อเลฟิย่าจบการวินิจฉัย คำพูดของเธอก็ทำให้ทุกคนมองมาที่ร่างของวาห์นและตระหนักว่าแม้จะเอาเสื้อผ้าออกมาเปลี่ยน แต่ตัวของเขาก็ยังเลอะเทอะอยู่ดี
เกือบทุกคนตรงนี้เป็นนักผจญภัยมานานพอสมควร เรื่องแบบนี้จึงถือว่าปกติมาก แต่ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากตัวเลอะแบบนี้หรอก
“ห้องอาบไปทางไหน? เดี๋ยวฉันจะอาบน้ำกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาเอง” ทีโอน่าพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ วาห์นเป็นกัปตันของฉัน ฉันจะดูแลเขาเอง…” ฮารุฮิเมะเป็นฝ่ายหันมาตอบ
แต่ก่อนที่เรื่องจะบานปลาย มิโคโตะก็เข้ามาแตะไหล่ของฮารุฮิเมะพลางส่ายหน้าห้าม จากนั้นเธอก็หันไปถามทีโอน่าด้วยตัวเอง
“พอจะบอกได้ไหมว่าเธอกับกัปตันเป็นอะไรกัน?”
มิโคโตะพอจะดูออกอยู่บ้าง แต่เธอไม่ได้เป็นสมาชิกของเครือข่ายและไม่รู้ว่าใครเป็นใครแบบละเอียด
เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกและค้นหาฮารุฮิเมะในอดีตโดยไม่สนใจเรื่องอื่นมากนัก
“ฉันเป็นคนรักคนแรกของวาห์น ~! ไอส์เองก็ด้วย…” ทีโอน่าอธิบายด้วยรอยยิ้มมีความสุข
เมื่อเห็นทีโอน่าตอบกลับไปแบบนั้น เปลวไฟเล็กๆ ก็ถูกจุดขึ้นในดวงตาของไอส์ขณะที่เธอหันมาพยักหน้าและพูดเสริม
“ฉันรับเขาแบบเต็มๆ เป็นคนแรก…”
มิโคโตะไม่รู้เลยว่าไอส์พูดถึงอะไร จากนั้นเธอก็หันไปหาสาวๆ คนอื่นที่อยู่ด้านหลังและถามต่อ
“แล้วคนอื่นล่ะ?”
ทีโอเน่ถอนหายใจก่อนตอบ
“อืม ฉันอาจจะเป็นคนรักในอนาคตของเขาล่ะมั้ง… และเราก็เคยอาบน้ำด้วยกันมาก่อนแล้ว
ถึงฉันจะไม่ควรอยู่ใกล้วาห์นในตอนนี้ แต่ยังไงก็ต้องคอยไปคุมน้องสาวอยู่ดี…”
มิโคโตะพยักหน้าก่อนจะหันไปหาเลฟิย่าที่เริ่มหน้าแดงจัดและก้มหัวลงต่ำขณะกอดคทา [ฟื้นฟู] ไว้แน่น
“ฉะ-ฉัน ฉันเป็นแค่… พะ-เพื่อน…” เธอพูดด้วยท่าทางเขินอาย
ไอส์ส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วยและตอบให้แทน
“เลฟิย่ายังเด็กเกินไป…”
ทีโอน่าเริ่มพูดเสริมทันที
“แต่เธอก็เคยอาบน้ำกับวาห์นมาก่อนและเห็นเขาโป๊มา 2-3 ครั้งแล้วนะ~! ตราบใดที่ไอส์ยังคบกับวาห์นอยู่ ฉันว่าเดี๋ยวเธอก็คงโดดเข้าไปร่วมวงสักวันแหละ อิอิ~”
ใบหน้าของเลฟิย่ายังคงแดงต่อได้อีก จังหวะนี้ใครพูดอะไรเธอก็ฟังไม่รู้เรื่องแล้ว
มิโคโตะหันไป หันไปจ้องอันนาคิตตี้จนเจ้าตัวต้องตอบพร้อมโบกไม้โบกมือ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับวาห์น แต่ต่อไปคงจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ในฐานะสมาชิกของเฮสเทียแฟมิเลียเหมือนกับเธอ
ตอนนี้ริวรับหน้าที่เป็นเป็นรองกัปตัน ดังนั้นฉันเลยกะว่าจะมาเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ย่อย”
มิโคโตะเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะโค้งคำนับอย่างสุภาพ
“งั้นต่อไปคงต้องฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ…”
ฮารุฮิเมะเองก็ทำเช่นเดียวกัน ทว่าสายตาของเธอยังคงจดจ่ออยู่กับสภาพของวาห์น
ตอนนี้มิโคโตะพอเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว เธอหันไปมองรอบๆ ก่อนจะพูดต่อ
“ถ้างั้นขอฝากให้พวกเธอดูแลกัปตันด้วยละกัน เดี๋ยวฉันจะไปรายงานสถานการณ์ให้ท่านเฮสเทียทราบ… แล้วก็พา เอ่อ-”
มิโคโตะหันไปหาอันนาคิตตี้ที่รีบตอบกลับมา
“อ้อ ฉันอันนาคิตตี้ ออทั่ม ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
มิโคโตะพยักหน้าอีกครั้งและพูดต่อ
“ฉันจะพาอันนาคิตตี้ไปด้วย เธอจะได้คุยเรื่องขอเข้าร่วมแฟมิเลียไปพร้อมกันเลย เอ่อ-”
ก่อนที่มิโคโตะจะได้ถามต่อ ไอส์ก็พูดแทรกขึ้น
“ไว้ให้วาห์นอธิบายต่อทีหลัง…”
มิโคโตะจ้องมองสีหน้าจริงจังของไอส์ด้วยคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย แต่สุดท้ายเธอก็พยักหน้ารับ
ที่จริงเธออยากจะเก็บข้อมูลไปรายงานเพิ่ม เพราะถ้าเทพตัวเล็กของตนรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่… รับรองเลยว่าคฤหาสน์ระเบิดแน่ ที่เหลือคงต้องให้วาห์นตื่นมาเคลียร์เองแล้ว
จากนั้นพวกเธอก็แยกกันเป็นสองกลุ่มตามที่ได้คุยกันไว้
ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิง ทุกคนเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์แบบไม่ได้คิดอะไรมาก ที่รู้สึกขัดๆ หน่อยก็มีเพียงเลฟิย่านี่แหละ
ตอนแรกเธออยากจะไปกับพวกอันนาคิตตี้ แต่สุดท้ายคนอื่นๆ ก็เข้ามารั้งตัวไว้ก่อน
การที่จะให้ทีโอน่ามาดูแลวาห์นมันเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก ต้องลำบากทีโอเน่กับไอส์ที่ต้องคอยคุมเธออีกต่อ คนที่มือว่างพอจะดูแลชายหนุ่มได้ก็มีแต่เลฟิย่าเท่านั้น
แม้เขาจะมองไม่เห็นหรือพูดไม่ได้ เลฟิย่าก็รู้ว่าวาห์นยังมีสติและสามารถรับรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวได้เหมือนปกติ
การได้มาอาบน้ำด้วยกันอีกครั้งจึงถือว่าเป็นเรื่องน่าอายสุดๆ แต่เธอก็ยังอยากดูให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไร…
หลังจากถอดเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ไอส์ก็เดินเข้ามาตรงจุดที่วาห์นนอนอยู่และเริ่มถอดเสื้อผ้าให้เขาแบบเก้ๆ กังๆ
ขนาดเธอยังมีปัญหากับการถอดชุดของตัวเองในบางครั้งเลย (TL: ไอส์ในตอนนี้จะใส่ชุดเกราะที่เทอะทะกว่าไอส์ในอนาคต) เรื่องการถอดเสื้อผ้าให้คนอื่นนี่ไม่ต้องพูดถึง แถมยังเป็นคนที่เคลื่อนไหวเองไม่ได้ซะด้วยสิ…
หลังจากปลดกระดุมเสื้อเสร็จแล้ว ไอส์ก็พยายามถอดกางเกงให้ แต่สุดท้ายตัวของวาห์นก็ลากตามการดึงของเธอ… สรุปง่ายๆ ก็คือล้มเหลว
ทีโอน่าอยากเข้ามาช่วย แต่ตอนนี้ใบหน้าของเธอก็เริ่มขึ้นสีแล้ว แถมยังมีการแอบกลืนน้ำลายโดยไม่ให้คนอื่นได้ยินด้วย
รอบนี้แม้แต่ทีโอเน่เองก็เกิดอาการเช่นกัน ถึงจะไม่ชัดเท่าทีโอน่าก็เถอะ
สุดท้ายภาระก็ไปตกอยู่กับเลฟิย่าที่ต้องออกไปช่วยไอส์
ทุกอย่างดูราบรื่นหลังจากนั้น ยกเว้นก็แต่ความแดงของเลฟิย่าที่ลามลงมาเกือบครึ่งตัว
หากไอส์กับคนอื่นๆ ไม่ได้มาเปลือยกายเป็นเพื่อน ป่านนี้เอลฟ์สาวก็คงหมดสติและล้มลงไปนอนเป็นเพื่อนวาห์นด้วยอีกคน
สภาพเปลือยเปล่าของวาห์นทำให้สายตาของทุกคนเริ่มอยู่ไม่เป็นสุด เลฟิย่าเองก็เอากับเค้าด้วย แต่ไม่นานเธอก็หันหน้าหนีและรีบเดินโซเซไปทางห้องอาบน้ำแทน
ไม่นานทีโอเน่และทีโอน่าก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน
“…”
ไอส์ทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะอุ้มวาห์นขึ้นในท่า ‘อุ้มเจ้าหญิง’ และเดินไปสมทบกับทุกคนที่สระใหญ่
จริงอยู่ที่วาห์นขยับตัวไม่ได้เลย แต่การถูกผู้หญิงตัวเล็กกว่าอุ้มไปไหนมาไหนมันก็ทำให้ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงหน่อยๆ
ไอส์วางชายหนุ่มลงไปในสระก่อนจะออกมาทำหน้าที่เป็น ‘วาห์นการ์ด’ เพื่อกันไม่ให้สองสาวชาวอเมซอนเข้าใกล้มากเกินไป
ตั้งแต่ตอนที่เสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายของวาห์นถูกถอดออก ทีโอน่าก็เงียบจนผิดสังเกต ส่วนทีโอเน่เองก็ส่งสายตาแปลกๆ ที่ดูไม่น่าไว้ใจ
ตอนนี้หัวใจและสัญชาตญาณเธอกำลังมองวาห์นต่างไปจากเดิม ถือว่าเขาได้ ‘เลื่อนตำแหน่ง’ ขึ้นมาอีกหลายขั้น
ไอส์เองก็พอจะดูออกอยู่บ้าง เธอถึงได้ออกมาคุมพื้นที่และปล่อยให้เลฟิย่าเป็นคนจัดการต่อ
หน้าที่ที่ผู้หญิงเป็นสิบๆ คนอยากจะทำ… เลฟิย่าไม่คิดเลยว่าจู่ๆ โอกาสก็มาตกอยู่ตรงหน้าโดยที่เธอไม่ได้ร้องขอ
หลังจากทำใจอยู่พักหนึ่ง เธอก็ลืมตาขึ้นและสังเกตเห็นร่างกายที่ดูมีเสน่ห์ไม่ต่างไปจากใบหน้าหล่อเหลา
มันแฝงไปด้วยมัดกล้ามได้รูป ไร้ซึ่งบาดแผล แผลเป็น หรือความผิดปกติบางอย่างที่คนทั่วไปพึงจะมี
‘…ดูๆ ไปแล้วก็เหมือนรูปปั้นแกะสลักดีๆ นี่เอง ทุกอย่างมันดูเป๊ะเกินไปแล้วนะ’
แต่แน่นอน สิ่งที่รบกวนจิตใจของเธอมากที่สุดก็คือ ‘มังกร’ ของวาห์นที่ดูน่าเกรงขามมาก… โดยเฉพาะกับคนตัวเล็กแบบเธอนั้นมันยิ่งดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่
แม้จะพยายามเลี่ยงมัน แต่สุดท้ายสายตาของเลฟิย่าก็ทรยศเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
‘มะ-ไม่ได้ๆ ต้องมีสมาธิ ต้องเช็ดตัวให้เขาก่อน’
การถูกเลี้ยงดูในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ผู้หญิงทำให้เลฟิย่ารู้สึกระแวงเพศตรงข้ามมากกว่าคนปกติทั่วไป
หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากไอส์เมื่อนานมาแล้ว เอลฟ์ตัวน้อยก็อดไม่ได้ที่จะเผลอใจไปชอบอีกฝ่าย
ถึงจะไม่คิดว่าตัวเองเป็นพวกหญิงรักหญิงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เธอก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายคนไหนมาก่อนเช่นกัน
เผ่าเอลฟ์มีธรรมเนียมบางอย่างที่คล้ายกับเผ่าพันธุ์อื่นๆ เช่นการโตเป็น ‘ผู้ใหญ่’ เมื่อมีอายุครบ 14 ปี
แต่เนื่องจากอายุขัยที่ยาวเป็นพิเศษ ร่างกายของชาวเอลฟ์จะโตเต็มที่ก็ต่อเมื่อพวกเขามีอายุประมาณ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น
ตอนนี้เลฟิย่าเพิ่งจะอายุ 13 ปีเอง เรื่องความรักหรือการหาคู่นั้น สำหรับเธอแล้วมันเคยเป็นสิ่งที่อยู่ห่างไกลมาก แต่ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อได้มา ‘เจอ’ กับวาห์นหลายต่อหลายครั้ง
เขาเป็นคนที่ใจดีและอ่อนโยนกับเธอเสมอ และแม้ทั้งสองจะไม่ได้คบกัน แต่วาห์นก็มักจะให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเธอ อีกทั้งยังคอยให้กำลังใจและถึงขั้นให้ของขวัญแก่เธอด้วย
เพราะเคยหมายมั่นว่าจะติดตามไอส์เพื่อไปปราบมังกรดำตาเดียวให้จงได้ เลฟิย่ารู้ดีว่าตัวเองคงจะได้อยู่กับชายหญิงทั้งสองไปอีกนาน…
เมื่อเช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าของวาห์นเสร็จแล้ว เลฟิยาก็ถอนหายใจและพึมพำเบาๆ โดยลืมไปเลยว่าหูของวาห์นยังใช้การได้อยู่
“นายนี่มันหล่อจริงๆ เลยนะ…”
พอนึกขึ้นมาได้ว่าวาห์น ‘ตื่น’ อยู่ ดวงตาสีน้ำเงินก็เบิกกว้างทันที
ในช่วงที่เหลือของการอาบน้ำ เลฟิย่าได้ชำระร่างกายของวาห์นแบบเงียบๆ ขณะพยายามหลีกเลี่ยงบริเวณ ‘จุดอ่อนไหว’ ให้มากที่สุดเทาที่จะมากได้
ถึงตอนแรกจะใช้ฟองน้ำขัดตัว แต่หลังจากจับวาห์นแช่น้ำจนเหลือแต่คอ เธอก็เริ่มหันมาใช้มือเปล่าแทน
เธอสังเกตเห็นใบหน้าขึ้นสีแดงเล็กน้อยของอีกฝ่ายและสงสัยมากว่าเขาจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ยินเธอหลุดปากพูดออกไปแบบนั้น
ก่อนจะได้เวลาออกจากห้องอาบน้ำ เลฟิย่าก็โน้มตัวเข้าไปใกล้และกระซิบเบาๆ
“ต่อไปก็ช่วยทำดีกับฉันให้มากๆ หน่อยนะ…”
—
วาห์นที่กำลังติดสถานะผิดปกติอยู่นั้นได้ยินและสัมผัสได้ถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้น
ถึงตาจะใช้การไม่ได้ แต่เขาก็สามารถใช้การตรวจจับออร่าและสัมผัสพิเศษต่างๆ มาทดแทนตรงส่วนนี้ได้
เรื่องใหญ่สุดๆ ยังไงก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของทีโอเน่ เพราะสังเกตเห็นว่าออร่าของเธอนั้นเริ่มดูคล้ายกับของทีโอน่ามากขึ้นทุกที
แค่นี้วาห์นก็ไม่ต้องสืบต้องเดาอะไรแล้ว แต่เรื่องหนึ่งที่วาห์นไม่ได้คาดคิดก็คือ การที่เลฟิย่าเข้ามาดูแลและอาบน้ำให้นี่แหละ
ตั้งแต่ได้พบกันครั้งแรก วาห์นก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าควรปฏิบัติต่อเลฟิย่ายังไงดี
ที่แล้วมานั้นเขาปฏิบัติกับเธอค่อนข้างดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอคือเพื่อนคนสำคัญของไอส์ แต่ต่อมาเธอก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้คิดจงเกลียดจงชังหรือทำเหมือนเขาเป็นคนนอก
ทว่ายังมีบางครั้งที่เธอพยายามรักษาระยะห่างจนวาห์นเองก็ไม่แน่ใจว่าควรจะทำยังไงต่อ
ยังมีเรื่องของธรรมเนียม และข้อห้ามต่างๆ ของเผ่าเอลฟ์ (และเผ่าอื่นๆ) ที่วาห์นได้ศึกษามาบ้าง
ถึงจะรู้ว่าเลฟิย่ายังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แต่วาห์นก็ปฏิบัติด้วยอย่างเท่าเทียมเพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้คนเดียว
เลฟิย่าน่าจะได้รับอิทธิพลจากทีโอน่าและไอส์มาไม่มากก็น้อย เรื่องที่เธอจะมาร่วมวงด้วยในอนาคตจึงเป็นสิ่งที่วาห์นเคยคิดเล่นๆ แต่การที่มีสาวน้อยแสนขี้อายมาเอ่ยชมกันตรงๆ แบบนี้… แม้แต่วาห์นเองก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้หัวใจของเขาสะดุดไปเหมือนกัน
ตอนแรกวาห์นก็รู้สึกเพลิดเพลินแบบไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอมาถึงช่วงหลัง การดูแลของเลฟิย่าก็เริ่มใกล้ชิดมากเป็นพิเศษ
ออร่าของเอลฟ์สาวเริ่มสั่นไหวเบาๆ จากนั้นตรงส่วนขอบก็กลายเป็นสีชมพู อีกทั้งมันยังกัดกินส่วนที่เป็นสีเหลืองอย่างต่อเนื่อง
มือที่คอยลูบไล้ไปตามลำตัวนั่นทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวแถมคนลูบก็เหมือนจะรู้ตัวด้วย เพราะจังหวะนั้นมือของเธอดันมาหยุดอยู่ตรงตำแหน่งหัวใจของเขาพอดี
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น วาห์นก็ได้ยินเสียงพูดคุยและพอสรุปได้คร่าวๆ ว่าอีกเดี๋ยวก็คงอาบกันเสร็จแล้วนอกจากจะเป็นคนอาบน้ำให้ เลฟิย่ายังเอาผ้าผืนเล็กๆ มาเช็ดผมให้เขาอีกด้วย
เธอใส่ใจกับทุกรายละเอียดจนวาห์นรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
หลังจากที่ตัวแห้งดีแล้ว วาห์นก็รู้สึกว่ามีอะไรนุ่มนิ่มมาสัมผัสกับต้นแขน ตามมาด้วยเสียงกระซิบเบาๆ
“ต่อไปก็ช่วยทำดีกับฉันให้มากๆ หน่อยนะ…”
พอพูดแบบนั้นออกไป ค่าความชื่นชอบของเลฟิย่าก็พุ่งขึ้นมาที่ 97
นี่ถ้าขยับตัวได้ตามปกติล่ะก็ ป่านนี้วาห์นคงจะกลืนน้ำลายเข้าไปหลายอึกแล้ว
หลังจากอัพเดทกระดานค่าสถานะเสร็จแล้ว วาห์นก็อธิบายการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ให้ฮารุฮิเมะฟัง
เธอดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อรู้ว่าตัวเองได้รับสกิล [จิตวิญญาณฟื้นฟู] ซึ่งเป็นสกิลที่สำคัญมากสำหรับเหล่าจอมเวทและหน่วยสนับสนุนเฉพาะทาง
เพราะค่าพลังเวทที่สูงลิ่วของฮารุฮิเมะ เธอน่าจะได้รับมันหลังจากที่ขึ้นเป็นเลเวล 2 หรือมากกว่านั้น
นอกจากจะได้สกิลนี้มาแบบฟรีๆ แล้ว มันยังเป็นหลักฐานยืนยัน ‘ความผูกพัน’ ระหว่างเธอกับวาห์นอีกด้วย
แต่ก่อนที่ฮารุฮิเมะจะได้โผเข้ามากอด วาห์นก็ยกมือมาจับไหล่ไว้เสียก่อน
“ฮารุฮิเมะ กิโมโน…” เพราะตอนนี้มันก็ยังห้อยอยู่ที่เอวของเธออยู่เลย…
ฮารุฮิเมะก้มมองหน้าอกเปลือยเปล่าของตัวเองก่อนจะเอามือไปกุมที่ตำแหน่งหัวใจ
“ฉันรู้สึกได้ค่ะ… เหมือนกับว่ามีบางอย่างกำลังลุกไหม้อยู่ตรงนี้
มันทำให้ฉันรู้สึกมีพลังเพิ่มขึ้น…”
วาห์นยิ้มแห้งๆ หลังจากที่คำพูดโดนเมิน สุดท้ายเขาก็เลยต้องจับมันขึ้นมาสวมให้เธอเอง ฮารุฮิเมะหลับตาพริ้มจนกระทั้งวาห์นยกมือขึ้นมาลูบใบหูของเธอ
“ฉันจะช่วยอีกแรงนะ ขอให้พยายามต่อไปเรื่อยๆ
รับรองว่าต้องทำได้แน่”
เรนาร์ดสาวยิ้มอ่อนและเริ่มจัดเครื่องแต่ตัวที่เหลือก่อนจะกลับไปใช้ท่าทางสง่างามตามปกติ
เธอลงมานั่งชิดไหล่ของวาห์นพร้อมกับหยิบหนังสือที่เขาวางไว้ขึ้นมาเปิด
วาห์นใช้มือพาดไปกับหลังโซฟาขณะปล่อยให้ฮารุฮิเมะเข้ามาหนุนตรงแผงอกและอ่านหนังสือให้ฟัง
นี่เป็นการ ‘อ่านหนังสือ’ แบบใหม่ที่วาห์นไม่เคยลองมาก่อน และตอนนี้เขาก็กำลังนอนหลับตาขณะใช้มือซ้ายลูบไล้หางของเธอไปด้วย
ทุกอย่างดูผ่อนคลายเมื่อทั้งคู่อยู่ด้วยกันแบบนั้น ไม่มีเรื่องให้กังวล ไม่ต้องทำให้อะไรให้มากความ
วาห์นเริ่มคิดหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฮารุฮิเมะอย่างจริงจัง เพราะจะให้เขามาคอยปกป้องทุกคนตลอดเวลามันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก
หากทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ ความเครียดของเขาก็จะสะสมมากขึ้น แถมพวกที่ก้าวหน้าไปมากก็อาจจะรู้สึกไม่พอใจด้วย…
บรรยากาศในช่วงเวลาที่เหลือของวันนั้นออกจะอึมครึมหน่อยๆ
สาเหตุหลักก็เป็นเพราะเฮสเทียพยายามเข้ามาสวีทกับวาห์นทุกครั้งที่มีโอกาสนี่แหละ
ในช่วงบ่าย วาห์นใช้สมาธิไปกับการออกแบบอุปกรณ์โดยพยายามเน้นหนักไปที่ ‘การใช้งาน’ แทน
เขาไม่อยากเปลี่ยนรูปแบบภายนอกโดยที่ยังไม่ได้รับข้อเสนอแนะจากตัวผู้สวมใส่ นอกจากนั้นแล้ว ทีโอน่ากับไอส์ก็ยังอยู่ในช่วงวัยกำลังโตด้วย
ไอส์นั้นดูเด็กมากเมื่อเทียบกับตัวเธอในอีก 2 ปีข้างหน้า นั่นหมายความว่าวาห์นคงจะได้แก้แบบของเธออีกหลายรอบด้วยกัน
พอถึงช่วงมื้อเย็น วาห์นก็รู้สึกเศร้าหน่อยๆ ที่สองสาวไม่ได้แวะมาหา
แต่หลังจากได้คุยกับเฮสเทียที่เพิ่งติดต่อไปหาโลกิ เธอก็เล่าว่าทั้งสองน่าจะมาเยี่ยมในวันพรุ่งนี้แทน
วาห์นอมยิ้มนิดๆ หลังจากรู้ข่าว แต่นั่นกลับทำให้เฮสเทีย ‘เครื่องติด’ จนเธอต้องลากเขาไปอาบน้ำด้วยกัน
วาห์นคิดว่าสภาพจิตใจของเฮสเทียในตอนนี้ดูไม่มั่นคงเอาซะเลย แต่ลองนึกกลับกัน ถ้าตัวเองเป็นผู้หญิงที่เพิ่งจะเสียความบริสุทธิ์ซึ่งเก็บรักษามานานหลายล้านปีไป… เขาจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เชียวเหรอ?
แต่อย่างน้อยๆ วาห์นก็ควรจะดีใจที่เธอมอบมันให้กับเขา
ดังนั้นสิ่งที่ชายหนุ่มพึงกระทำก็คือ คอยดูแลปรนนิบัติเธอต่อไปโดยไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ถึงตอนนี้เฮสเทียจะดูงี่เง่าแบบเลยเถิดไปหน่อย แต่วาห์นเชื่อว่าเวลาและสายสัมพันธ์ของสาวๆ ในเครือข่ายจะช่วยเยียวยาเธอเอง
ขณะที่ยังอาบน้ำกันไม่เสร็จ เฮสเทียก็เริ่มเกิดความคิด ‘แจ่มๆ’ ขึ้นมาอีกแล้ว
ตอนนี้ทั้งคู่ก็อยู่กันตามลำพัง ความคิดนั่นจึงหนีไม่พ้น ‘เรื่องฉาวโฉ่ในห้องน้ำ’
วาห์นกอดเทพตัวเล็กอย่างทะนุถนอมเพื่อทำให้เธอเย็นลง ขณะเดียวกันก็พูดกล่อมว่าเรื่องบางเรื่องนั้นควรเก็บไปทำในสถานที่และเวลาที่เหมาะสม
อีกอย่าง ถ้าเป็นกับเฮสเทียในห้องน้ำล่ะก็ วาห์นคิดว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ถ้า ‘สารหล่อลื่นตามธรรมชาติ’ ถูกน้ำชะล้างออกไปหมด อย่าว่าแต่ของวาห์นเลย แค่นิ้วเพียงนิ้วเดียวก็ยังแทบใส่เข้าไปไม่ได้
นี่ไม่ใช่การคิดคำนวณในใจ เพราะวาห์นนั้นอธิบายให้เธอฟังแบบเป็นฉากๆ แถมลองสาธิตตามสิ่งที่พูดไว้ด้วย
พอเห็นว่าอีกฝ่ายพูดถูกต้องทุกอย่าง เฮสเทียก็เลยหมดอารมณ์ที่จะแช่น้ำต่อและบอกปัดไปว่าเดี๋ยวค่อยมาอาบในตอนเช้าก็ได้
วาห์นยอมใจอ่อน แต่นั่นก็ต้องหลังจากที่ทั้งสองล้างตัวกันอีกสักรอบสองรอบเสียก่อน
เพื่อเป็นการเอาใจแบบสุดๆ วาห์นจึงอุ้มเฮสเทียในท่าเจ้าหญิงขณะเดินทางกลับไปที่ห้อง
เป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งสองจะถูกพบกลางทางเพราะตอนนี้สาวๆ คนอื่นนั้นกำลังใช้ห้องน้ำอีกฝั่งอยู่
พอกลับมาถึงห้อง เฮสเทียก็เริ่มสลายชุดของตัวเองออกด้วยสายตาหิวกระหาย
เพราะเธอมีค่าพละกำลังที่น้อยยิ่งกว่าคนทั่วไป ออกแรงเพียงครู่เดียวก็หายซ่าแล้ว
แค่ 10 นาทีให้หลัง เฮสเทียก็มาฟุบอยู่บนเอวของวาห์นในท่านั่งยองขณะใช้วิธีหายใจแบบแปลกๆ เพื่อดันให้เขาเข้าไปได้ไกลกว่าเดิม
รอบนี้เธอมาได้ไกลถึง 60% ก่อนจะหมดแรงฮึดและฟุบลงไปทั้งแบบนั้นเลย
วาห์นเข้าสวมกอดอย่างเบามือและปล่อยให้เธอพักไปก่อน
พออาการดีขึ้น เฮสเทียจึงขอให้วาห์นลองนวดแบบไม่ใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] ดูบ้าง
ไม่นานร่างกายของเธอก็ทนไม่ไหวแล้วก็เสร็จไปอีกหนึ่งรอบ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เฮสเทียนั้นกลับไม่เคยหยุด ‘พยายาม’ เลย
วาห์นลองวิธีใหม่ดูบ้าง โดยเริ่มจากการใช้ลิ้นเล้าโลมทรวงอกจนอีกฝ่ายครางเสียงดังและยกแขนขึ้นมากอดคอของเขาไว้อย่างแน่นหนา
กว่าเขาจะเสร็จบ้าง เฮสเทียก็เสร็จไปอีกถึง 3 รอบ ตามมาด้วยการขอนอนทั้งแบบนั้นซึ่งดูคล้ายกับเมื่อคืนก่อน
วาห์นเริ่มชินกับการบีบอัดแบบทุกทิศทุกทางของเฮสเทียแล้ว และหลังจากลูบเส้นผมสีดำอยู่พักหนึ่ง ไม่นานมาเธอก็หลับไปอย่างง่ายดาย
ถึงจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าร่างกายของเฮสเทียกำลังปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนนั้นยังคงส่อแวว ‘อันตราย’ เมื่อถึงจุดสุดยอดเหมือนเดิม แต่ถ้าวาห์นรู้ตัวและเตรียมใจไว้ก่อน มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
—
เช้าวันต่อมา เฮสเทียยังคงทำตัวเอาแต่ใจและดึงดันจะให้วาห์นอุ้มไปส่งที่ห้องน้ำซึ่งคล้ายกับตอนขามา
เรื่องนี้วาห์นยังพอรับได้ จนกระทั้งเธอบอกว่าให้ไปทั้งแบบนี้เลย… อันนี้วาห์นรับไม่ได้เด็ดขาด
วาห์นนั้นไม่เคยได้ยินหรือรู้เรื่อง ‘การแสดงโชว์’ กับ ‘การละเล่นในที่ที่อาจถูกพบเห็น’ มาก่อน แต่ที่แน่ๆ ก็คือเขารู้สึกไม่ถูกจริตกับทั้งสองอย่างนี้เลย
ต่อให้ตรวจจับตำแหน่งของคนอื่นได้ สมองของวาห์นก็ร้องเตือนอยู่ดีว่ามันเป็นพฤติกรรมที่ควรหลีกเลี่ยง
สุดท้ายเฮสเทียก็ต้องยอมแพ้และปล่อยให้อีกฝ่ายอุ้มแบบธรรมดาแทน
เมื่อเขาเดินออกไปที่ลานฝึก เฮสเทียก็มองตามด้วยสายตาโหยหาขณะวางมือลงบนท้องน้อยของตัวเองอีกครั้ง
คำแนะนำของโลกิทำให้เธอ ‘ก้าวหน้า’ ไปมาก แต่มันก็ยังไม่ถึงจุดที่รับวาห์นเข้าไปได้หมดสักที
เธออยากให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับวาห์นเร็วๆ และรู้สึกเหงาทุกครั้งที่เขาไม่มาอยู่ด้วย
ตลอดช่วงที่ได้อยู่ด้วยกัน เฮสเทียจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหนึ่งเดียวกับวาห์นจริงๆ
ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ หน้าที่ ความฝัน และอนาคตของตัวเอง แต่บางครั้งเธอก็อยากให้เขาตามใจมากกว่านี้
เพราะเพิ่งลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ได้ไม่นาน ‘เวลา’ จึงเป็นอีกเรื่องที่เฮสเทียรู้สึกไม่คุ้นเคยเอาซะเลย
ในฐานะเทพธิดาที่อยู่มาแล้วหลายล้านปี การต้องเปลี่ยนมาให้ความสำคัญกับเวลาในแต่ละวันนี่มัน…
—
ในระหว่างการฝึกซ้อม วาห์นสังเกตเห็นว่าฮารุฮิเมะนั้นตั้งใจหนักกว่าเดิมมาก และตอนนี้เธอก็กำลังฝึก [ร่ายเวทต่อเนื่อง] กับริวอย่างแข็งขัน
เพราะอยากเป็นจอมเวทที่ใช้ความคล่องตัวให้เป็นประโยชน์ ฮารุฮิเมะเลยต้องฝึกการร่ายเวทพร้อมกับเคลื่อนที่ไปด้วย
ตอนนี้เธอยังไม่มีเวทมนตร์บทใหม่ แต่อีกไม่นานวาห์นคงต้องเตรียมซื้อคัมภีร์มาเก็บไว้แล้ว
เขายังมีพวกหนังสือทฤษฎีเวทมนตร์ติดตัวอยู่บ้าง แต่มันก็สอนแค่เรื่องพื้นฐานเท่านั้นเอง
วาห์นตั้งใจว่าจะแนะนำให้เธอได้รู้จักกับเลฟิย่าและริเวเรีย เพราะสองคนนี้น่าจะสอนเรื่องพื้นฐานและจังหวะในการใช้เวทมนตร์ได้ดีกว่าใคร
หลังฝึกกันเสร็จแล้ว ริวก็เข้ามากอดวาห์นแบบสั้นๆ ก่อนจะหายเข้าไปในหมอกยามเช้าเพื่อมุ่งหน้ากลับร้าน ส่วนสาวๆ ที่เหลือนั้นไปอาบน้ำด้วยกันซึ่งก็รวมถึงพรีเซียด้วย
เพราะไม่ได้ลงดันเจี้ยนติดต่อกันหลายวัน ป่านนี้เฟนเรียร์น่าจะแสดงความหงุดหงิดออกมาแล้ว
ยังดีที่ช่วงนี้มีพรีเซียมาให้คอยปกป้องดูแล เธอจึงควบคุมตัวเองได้ดีเกินคาด
แม้ทางเครือข่ายจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นมาใหม่ แต่ตำแหน่งดาวเด่นประจำกลุ่มก็ยังตกเป็นของเฟนเรียร์อยู่วันยังค่ำ
ความน่ารักอย่างเป็นธรรมชาติของเธอนั้น ได้เห็นกี่ทีๆ ก็ไม่รู้สึกเบื่อ
เพื่อบรรเทาความเครียดของเฟนเรียร์ วาห์นจะมอบอาหาร ‘แข็งๆ’ ให้เธอทานทุกวัน
ตามปกติแล้วพรีเซียจะเป็นคนป้อนอะไรหลายๆ อย่างให้ แต่ถ้าเป็นของจำพวกแท่งโลหะ อันนี้เฟนเรียร์จะเป็นคนจัดการเอง
ทุกคนได้รับข้อมูลและคำเตือนเกี่ยวกับเขี้ยวและกรงเล็บของเฟนเรียร์มาเป็นอย่างดีแล้ว
สองสิ่งนี้จะใหญ่ขึ้นและยาวออกมาเมื่อเธอต่อสู้ รู้สึกเครียด หรือไม่ก็กำลังทานอะไรที่แข็งมากๆ
ถึงจะฝึกเรื่องการควบคุมจนก้าวหน้าขึ้นอีกหลายขั้น แต่บางครั้งเฟนเรียร์ก็ยังเผลอทิ้งรอยเล็กๆ ไว้บนโต๊ะอยู่ดี
—
ขณะกำลังทำงานในช่วงบ่าย วาห์นก็จับสัมผัสของใครหลายคนได้จนต้องยิ้มออกมา
แต่แทนที่จะเดินออกไปทางห้องโถง เขากลับกระโดดออกจากหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้แทน
พอออกมาแล้ว วาห์นก็ใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] ติดต่อกันหลายครั้งจนมาอยู่ตรงหน้ากลุ่มของทีโอน่า ไอส์ ทีโอเน่ เลฟิย่า และสาวมนุษย์แมวผมดำที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ดวงตาของเธอเป็นสีดำขลับคล้ายกับสีของเส้นผมเงางามที่ยาวเลยบ่าลงมา ร่างกายก็ดูเพรียวบางคล้ายกับเผ่ามนุษย์แมวหลายคนที่เขารู้จัก
ถึงจะยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ แต่วาห์นก็อดคิดไม่ได้ว่ามันดูแปลกชอบกล
ก่อนที่ทุกคนจะได้แลกเปลี่ยนคำพูดกัน วาห์นก็สรุปเอาเองแล้วว่าโลกิกำลังพยายาม ‘ช่วย’ เขาด้วยการส่งสาวมนุษย์แมวหน้าตาน่ารักมาที่นี่… คิดถึงตรงนี้ก็ปวดหัวจะแย่แล้ว
ทีโอน่าไม่รออะไรใครทั้งสิ้น เธอพุ่งเข้าใส่วาห์นอย่างรุนแรงและใช้แขนโอบรอบคอของเขาเอาไว้ทันที
ขณะที่ร่างกายกำลังหมุนเพราะโดนพุ่งใส่ วาห์นก็เข้าโอบเอวของอีกฝ่ายและจบลงด้วยการจูบฉลองเนื่องในโอกาสที่ได้เจอหน้ากันอีกครั้ง
หลังผละออกจากกัน ทีโอน่าก็ยิ้มให้และเอ่ยอย่างมีความสุข
“ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะวาห์น~
แล้วก็ อาวุธที่นายให้มานี่มันสุดยอดไปเลย~!”
เพื่อเป็นการ ‘ขอบคุณ’ ทีโอน่าโดดเข้ากอดวาห์นอีกครั้งด้วยแรงมหาศาลจนไอส์ต้องร้องห้าม
“ทีโอน่า วาห์นเจ็บนะ… เจ็บมากด้วย”
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือและเริ่มจัดเสื้อผ้าที่ยับจนเกือบขาดพร้อมกล่าวขอโทษเบาๆ
พอจบตาของทีโอน่าแล้วก็ถึงคราวของไอส์ที่เดินเข้าไปโดยมี [แกรม] เหน็บไว้ตรงเอว
มันดูค่อนข้างสะดุดตาเพราะนอกจากไอส์แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่ได้พกอาวุธติดตัวมาด้วยเลย
เธอใช้นิ้วโป้งแตะปลายด้ามขณะเงยหน้ามองวาห์น
“ขอบคุณนะ… ฉันชอบมันมาก”
วาห์นยิ้มตอบก่อนจะสวมกอดไอส์และมอบจูบที่กินเวลายาวนานหลายวินาที
เมื่อทั้งคู่ถอนปากออกจากกัน ไอส์ก็หันมามองอีกครั้งด้วยดวงตาที่ดูหยาดเยิ้มขึ้น
“แต่ก็ชอบวาห์นมากกว่าอยู่ดี…”
เป็นคำพูดสั้นๆ ที่ทำให้วาห์นอยากโน้มหน้าเข้าไปจูบอีกรอบ แต่แล้วเสียงกระแอมจากด้านข้างก็ดังขึ้นจนเขาต้องหันไปมองทีโอเน่ที่กำลังทำหน้าเฉยเมย
“ตรงนี้มันหนาวๆ น่ะ”
พอหันไปตรวจสอบทีโอเน่ดูบ้าง วาห์นก็พบว่าพี่น้องคู่นี้กำลังใส่ชุดประจำตัวที่ไม่มีแม้กระทั่งรองเท้า… ที่แน่ๆ ก็คือ พวกเธอดูไม่สะดุ้งสะเทือนกับสภาพอากาศที่หนาวจนเกือบจะติดลบเลยแม้แต่น้อย
คนที่ได้รับผลกระทบสุดๆ นั้นเห็นจะมีแต่เลฟิย่าที่สวมเสื้อนอกหนาเตอะ ส่วนตรงใบหูนั้นก็แดงไม่แพ้ตอนที่เธอรู้สึกเขินเลย
วาห์นโบกมือเชิญให้ทุกคนเข้าไปข้างใน จากนั้นเขาก็เดินพาพวกเธอมาส่งที่ห้องรับแขก
เฮสเทียรู้อยู่แล้วว่าพวกทีโอน่าจะมาเยี่ยมในวันนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ลงไปต้อนรับและเอาแต่นอนเล่นเรื่อยเปื่อยตามแบบฉบับของตัวเอง
‘เจอหน้ากันตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลงซะมากกว่า’ คือสิ่งที่เทพตัวเล็กสรุปออกมา
หลังจากนั่งจนได้ที่แล้ว มาเอมิกับเอมิรุก็นำชาและขนมออกมาเสิร์ฟให้ แต่แล้วน้ำเสียงประชดประชันของทีโอเน่ก็ดังขึ้น
“ดูสิทีโอน่า… วาห์นมีคู่แฝดเป็นของตัวเองด้วยล่ะ ไม่รู้ไปอดอยากมาจากไหน…”
ทีโอน่าไม่ได้พูดเสริมพี่สาวแต่กลับพูดจาติดตลกแทน
“เห พวกเธอก็ดูน่ารักดีนี่~?
เห็นแล้วนึกถึงตอนที่เราเหมือนกันเป๊ะเลยนะ แต่จู่ๆ ฉันก็โตช้ากว่า… แหะๆ… อาจจะไม่ใช่แบบนั้นแล้วมั้ง?”
ทีโอน่าพูดประโยคหลังด้วยสีหน้าเศร้าๆ ขณะลูบตรงหน้าอกไปมา แต่แล้วเธอก็หัวเราะและเอาแก้มไปถูกับวาห์นแทน
ตอนนี้วาห์นกำลังนั่งโดยมีไอส์และทีโอน่าขนาบข้างในขณะที่อีกสามคนนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม
หลังจากจัดชาเสร็จแล้ว คู่แฝดเสือดาวหิมะก็โค้งอย่างสุภาพก่อนจะพากันออกไปจากห้อง
เพราะเหล่าผู้มาเยือนไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม วาห์นที่เป็นเจ้าบ้านจึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“ยินดีที่ได้พบกับทุกคนอีกครั้งนะ เราไม่ได้เจอกันนานเลย โดยเฉพาะ… ไอส์กับทีโอน่า… ฉันคิดถีงพวกเธอมาก”
วาห์นจับมือของทั้งสองไว้ ก่อนจะหันไปหาคนอื่นๆ
“ทีโอเน่ เลฟิย่า พวกเธอก็ด้วยนะ อาวุธที่ฉันให้ไว้พอจะทำประโยชน์ได้บ้างหรือเปล่า?”
วาห์นอยากรู้เหมือนกันกว่าสาวแปลกหน้าคนนั้นเป็นใคร แต่เขาก็ไม่อยากทำตัวละลาบละล้วงและข้ามเรื่องที่ทั้งทีโอน่าและไอส์พูดออกมาก่อนหน้านี้
โชคร้ายหน่อยที่หัวข้อนี่… เปรียบเสมือนกับระเบิดดีๆ นี่เอง
“อ๋อ นี่ให้มาใช้ทำประโยชน์หรอกเหรอ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย!?
แต่ก็นะ พอไปเทียบกับของคนอื่นแล้วก็เลยนึกว่านายให้ฉันแบบส่งๆ ไปงั้นเอง!
ขอถามตรงๆ เลยนะวาห์น ว่านายรู้สึกไม่พอใจหรือรู้สึกเคืองฉันเป็นการส่วนตัวอยู่หรือเปล่า!?”
สีหน้าหงุดหงิดแบบสุดๆ ของทีโอเน่เล่นเอาวาห์นรู้สึกงงแบบสุดๆ เหมือนกัน
เขาจำได้ว่าทีโอเน่มักจะเป็นคนที่ชอบแหย่คนอื่น ไม่นึกเลยว่าเธอจะเปิดฉากพ่นไฟใส่เขาตั้งแต่แรก
ไอส์เริ่มคิ้วขมวด ส่วนทีโอน่าเองก็ทำหน้าจริงจังขณะจ้องมองพี่สาวฝาแฝดที่กำลังกล่าวหาวาห์นแบบผิดๆ
“…ทีโอเน่ เธอก็รู้นี่ว่าวาห์นไม่ใช่คนแบบนั้น
หยุดใส่อารมณ์แล้วใช้สมองหน่อยสิ ดาบคู่ที่เขาให้เธอแบบฟรีๆ มันไม่ใช่ของคุณภาพแย่เลยนะ อย่างน้อยก็เล่มละล้านวาลิสเป็นอย่างต่ำล่ะ
ถึงจะหงุดหงิดเรื่องฟินน์ แต่เธอจะเอามาลงกับวาห์นได้ยังไงกัน แบบนี้มันยุติธรรมแล้วเหรอ?”
ราวกับคำพูดของน้องสาวยิ่งทำให้ไฟในใจโหมหนักกว่าเดิม
ทีโอเน่เริ่มเอียงหัวแบบไม่สบอารมณ์
“ยุติธรรม!? เธอก็พูดได้สิ ได้ของดีไปแล้วนี่… แต่ฉันกลับได้แค่ของเหลือๆ
สงสัยฉันคง ‘ทำ’ เพื่อเขาไม่พอมั้ง ก็เลยได้มาแค่นี้แหละ
นี่นายอาบน้ำกับฉันก็แล้ว นอนกับน้องฉันก็แล้ว นี่ฉันต้อง… หึ”
ปกติวาห์นจะรู้สึกเฉยๆ กับเรื่องแบบนี้ แต่นี่คนพูดเป็นถึงพี่สาวของคนรัก เขาก็เลยรู้สึกร้อนขึ้นมาหน่อยๆ
“เรื่องอาบน้ำด้วยกัน ตอนนั้นทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร-… เกือบทุกคนไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งเธอก็รวมอยู่ในกลุ่มที่ว่าด้วย
มันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของขวัญเลย แล้วก็ขอล่ะ อย่าเอาเรื่องของฉันกับทีโอน่ามาปนด้วยจะได้หรือเปล่า?
ฉันให้เพราะอยากให้ ไม่ได้ให้เพราะหวังอะไรตอบแทน”
น่าแปลกเพราะคนแรกที่พูดต่อจากวาห์นนั้นกลับกลายเป็นเลฟิย่าที่กำลังกำคทา [ฟื้นฟู] เอาไว้ในมืออย่างแน่นหนา
พูดกันตามหลักแล้ว วาห์นไม่ได้เป็นคนสร้างคทานั่นกับมือด้วยซ้ำ
ถ้าเลฟิย่ารู้เรื่องนี้เข้า ตอนนี้เธออาจจะถือหางข้างทีโอเน่แทนก็เป็นได้
แต่เพราะอธิบายให้ฟังไม่ได้นี่แหละ เอลฟ์สาวก็เลยหันไปพูดแย้งทีโอเน่แทน
“วาห์นเป็นคนที่ใจดีมากแล้วก็ทำดีกับทุกคนมาตลอด แต่ถ้าเธอคิดจะให้เขามาใส่ใจแบบเดียวกันกับคนรัก ฉันว่ามันไม่ถูกต้องเลยนะ…”
เลฟิย่าพูดออกไปแบบรวดเดียวจบโดยไม่สนใจเลยว่าใบหน้าของตัวเองจะแดงก่ำแค่ไหน
ทีโอเน่ยังดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่เพราะ ‘พันธมิตร’ เพียงคนเดียวดันไปออกหน้าให้อีกฝ่าย สีหน้าแข็งกร้าวของเธอก็เลยอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
พอมองไปรอบๆ ทีโอเน่ก็เจอเข้ากับสายตาแปลกๆ ของทุกคนที่ทิ่มแทงเข้ามาไม่หยุด ความรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดเริ่มหลั่งไหลเข้ามาทันที
ทุกอย่างเป็นแบบที่น้องสาวของเธอพูดไว้จริงๆ นั่นแหละ
ทีโอเน่รู้สึกแย่กับความล้มเหลวของตัวเอง อีกใจหนึ่งเธอก็รู้สึกอิจฉาทีโอน่ากับไอส์มาก
ขนาดเลฟิย่าที่มักจะรู้สึกเครียดเวลาลงดันเจี้ยนนานๆ ก็ยังดูอารมณ์ดีจนผิดปกติเลย… แต่จุดที่หนักข้อสุดๆ นั้นเห็นจะเป็นตอนที่ได้กลับมาเจอโลกิอีกครั้ง
เหล่าเด็กๆ มองออกทันทีเลยว่าผิวพรรณของเธอนั้นดูเปล่งปลั่งเป็นพิเศษ แถมตอนพูดเรื่องวอร์เกมกับอิชทาร์แฟมิเลียก็ดูตั้งใจจนออกนอกหน้า
แค่นี้ก็ไม่ต้องไปสืบให้เสียเวลาเลย ทุกอย่างชี้ชัดแล้วว่าระหว่างเธอกับวาห์นต้องมีอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
พอในห้องเหลือกันแต่พวกสาวๆ โลกิก็เริ่มอธิบายทุกอย่างแบบละเอียดพร้อมมอบคัมภีร์กับสมุดบันทึกการสนทนาที่แล้วๆ มาให้ไปอ่านกันด้วย
สุดท้ายพวกเธอก็จัดปาร์ตี้ชุดนอนเล็กๆ ขณะพูดคุยเรื่องของอนาคตด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น… ถึงขั้นนี้แล้วจะไม่ให้ทีโอเน่ไม่รู้สึกอิจฉาได้ยังไง
ฟางเส้นสุดท้ายนั้นเห็นจะเป็นตอนที่โลกิขอให้ ‘อันนาคิตตี้’ มาเข้าร่วมเฮสเทียแฟมิเลียเป็นการชั่วคราว ซึ่งจุดประสงค์หลักก็คือให้เธอมาช่วยคุ้มกันและฝึกสมาชิกคนอื่นๆ ที่มีเลเวลน้อย
โลกิยังยัดคำเตือนให้เธออีกหลายอย่าง ทั้งเรื่องที่วาห์นอาจเป็นฝ่ายเข้าหาก่อน รวมไปถึง ‘คำแนะนำ’ กับ ‘ข้อควรระวัง’ เกี่ยวกับสมาชิกแต่ละคน
อันนาคิตตี้นั้นเคยชอบพออยู่กับ ‘ราอูล’ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยที่ 2 ของโลกิแฟมิเลียมาก่อน
แต่เพราะความทึ่มกับความขี้อายของฝ่ายชายเป็นเหตุ สุดท้ายเธอก็ทนต่อไปไม่ไหว
คนที่เธออยากเจอมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเด็กหนุ่มที่เปลี่ยนชีวิตของหญิงสาวหลายคน ซึ่งมีเทพธิดาของเธอเองและ ‘สองดอกไม้งาม’ ที่หนุ่มๆ หลายคนต่างหมายปองรวมอยู่ในนั้นด้วย
ขณะเฝ้ามองอันนาคิตตี้ที่กำลังนั่งลุ้นว่าเมื่อไหร่จะได้โอกาสแนะนำตัว ทีโอเน่ก็นึกอะไรดีๆ ออก
รอยยิ้ม ‘น่ากลัว’ ผุดขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับที่เธอโน้มตัวออกมา แต่แล้วเสียงของทีโอน่าก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ทีโอเน่ เธออยากมาเป็นคนรักของวาห์นอีกคนเหรอ~? ฉันไม่ถือหรอกนะ เธอล่ะ ไอส์?”
แผนของทีโอเน่ล้มครืนทันทีที่ไอส์ตอบกลับมา
“อืม ฉันว่าทีโอเน่ดูแปลกๆ
ถ้าชอบก็บอกเขาไปสิ…”
วาห์นขมวดคิ้วขณะจ้องมองทั้งสองสลับกันไปมา ก่อนจะหันไปสบตากับจำเลยที่อยู่อีกฝั่ง
ออร่าที่ดูวุ่นวายในตอนแรกนั้นหายไปไหนไม่รู้ สิ่งที่เหลืออยู่ก็คือเปลวไฟกองเล็กๆ ที่มีทั้งสีชมพู สีม่วง และสีเขียวปนกันไปมา
วาห์นเห็นว่าค่าความชื่นชอบของเธอนั้นอยู่ที่ 85(สับสน) ซึ่งดูไม่ค่อยตรงกับสิ่งที่อีกสองคนพูดไว้นัก
เขาพยายามสรุปเอาเองว่าน่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเธอกับฟินน์ จากนั้นอาวุธที่ให้เป็นของขวัญก็ทำให้เธอรู้สึกแย่หนักกว่าเก่า
วาห์นส่ายหัวขณะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ต้องห่วงนะทีโอเน่ ฉันวางแผนว่าจะทำอุปกรณ์ให้กับทุกคนอยู่แล้ว
เรื่องนี้คงปล่อยให้เฮเฟสตัสทำคนเดียวไม่ไหวหรอก ที่จริงฉันกะจะรับมาจัดการเองเลยด้วยซ้ำ
ทางเรายังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไปนะ แต่ฉันได้เลื่อนขั้นเป็น [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก] แล้วล่ะ เชื่อมือได้เลย”
ทีโอเน่รู้สึกเพลี่ยงพล้ำกว่าเดิมในขณะที่ทีโอน่า ไอส์ และเลฟิย่าต่างเข้ามาแสดงความยินดีวาห์นกันอย่างพร้อมเพรียง
เฮเฟสตัสอาจจะเป็นช่างฝีมือที่เก่งที่สุดในเมือง แต่เรื่องความใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยนั้นคงตกยกให้วาห์นอยู่ดี
แมวสาวผมดำตัดสินใจใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์และพูดแสดงความยินดีเช่นกัน
“ยินดีด้วยนะคะที่ได้เลื่อนเป็น [ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก]
อ้อ ฉันอันนาคิตตี้ ออทั่ม ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ~!”
วาห์นยิ้มตอบก่อนจะโค้งให้เธอเล็กน้อย
“คุณออทั่ม ขอโทษนะครับที่แนะนำตัวช้าไปหน่อย
ผมวาห์น เมสัน กัปตันของเฮสเทียแฟมิเลีย ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ทุกครั้งที่ได้เจอสาวหน้าใหม่ วาห์นจะเรียกโดยใช้นามสกุลของเธอก่อนเสมอ ถึงแม้อีกฝ่ายจะขอให้เขาแก้วิธีเรียกในประโยคถัดมาก็เถอะ
อันนาคิตตี้โบกไม้โบกมือก่อนจะพูดในแบบที่ไม่ทำให้เขาต้องผิดหวัง
“ไม่ต้องพิธีรีตรองอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ เราคงจะได้ร่วมงานกันจนถึงปีหน้า สุภาพขนาดนั้นมันจะไม่ไหวเอานะ”
ถึงจะพยายามทำหน้าขรึม แต่สุดท้ายสีหน้าของวาห์นก็ดูผ่อนคลายลงพร้อมกับที่เจ้าตัวถอนหายใจเบาๆ
หูของอันนาคิตตี้กระตุกนิดๆ และเอียงไปมาด้วยความสับสน
เธอพยายามไล่เรียงบทสนทนาเมื่อกี้อีกครั้งแต่ก็ยังไม่เข้าใจท่าทางของเขาอยู่ดี
ในขณะนั้นเอง ทีโอเน่ก็เริ่มฟื้นตัวจากการได้รู้ ‘เรื่องพิศวงอีกหนึ่งเรื่องของวาห์น’ แล้ว
เธอยืนขึ้นจากโซฟาด้วยสีหน้าว่างเปล่าก่อนจะพูดขึ้น
“ที่นี่มีลานฝึกหรือเปล่า….?”
สิ่งแรกที่วาห์นนึกออกคือเธอคงอยากทำลายข้าวของเพื่อระบายความเครียด
“มีสิ อยู่ข้าง-”
“วาห์น ฉันอยากสู้กับนาย”
วาห์นรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดทับลงมาตรงใบหน้า เขาก็เลยหยุดใช้มือนวดเพื่อออมมือให้เป็นการชั่วคราว
ภายในของเฮสเทียกำลังสั่นไหวอย่างหนักและกินเวลานานมากซึ่งกว่ามันจะผ่อนคลายก็ปาเข้าไปอีกหลายวินาที
เขาเกิดสงสัยขึ้นมาทันทีว่าถ้าได้ร่วมรักกัน… มันจะเป็นความรู้สึกแบบไหนกันนะ?
ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่วาห์นก็เดาว่ามันคงไม่ต่างอะไรกับการถูกคีมหนีบ
ในขณะนั้นเอง เขาไม่รู้เลยว่าเทพสาวอีกคนทำอะไรอยู่
โลกิยังคงรุกล้ำริมฝีปากของเฮสเทียโดยใช้มือช่วยพยุงเพื่อไม่ให้เธอหล่นลงไปข้างๆ
พอสติของเฮสเทียเริ่มกลับมาบ้างแล้ว โลกิเลยเปลี่ยนจากรุกหนักมาเป็นแบบอ่อนโยนแทน
เธอจับหัวของอีกฝ่ายให้อยู่ในท่าหันข้างขณะที่ต่างฝ่ายยังใช้ลิ้นโลมเลียกันอย่างช้าๆ และหนักหน่วง
พอสติกลับมาแบบครบถ้วนแล้ว เฮสเทียถึงรู้ว่าตัวเองและอีกสองคนทำลังทำอะไรกันอยู่
เธอผละหัวออกมาแบบเขินๆ จนโลกิต้องพูดปราม
“ใจเย็นน่า เราไม่ใช่ศัตรูกันแล้วนะ… ฉันแค่อยากให้เธอดูสึกดีเท่านั้นเอง…”
แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ดึงดันต่อและเริ่มพูดเสียงดังกับวาห์นแทน
“วาห์น ฉันจะเริ่้มแล้วนะ นายก็ช่วยเฮสเทียต่อไปนั่นแหละ แต่เบาๆ หน่อยล่ะ
ผู้หญิงจะอ่อนไหวที่สุดก็ตอนเพิ่งเสร็จนี่แหละ…
(พูดกับเฮสเทีย)
เฮสเทีย ดูนี่ให้ดีๆ นะ…”
พอได้ยินแบบนั้นแล้ว วาห์นจึงเริ่มใช้ลิ้นรุกล้ำเข้าไปอย่างแผ่วเบาซึ่งสิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือมันร้อนกว่าเดิมมาก
เขารู้สึกว่าโลกิกำลังปรับมุมใหม่และทำให้ภายในของเธอคับแน่นสุดๆ
วาห์นผงะไปชั่วขณะจนเผลอหายใจออกมาแรงมาก ก่อนจะสูดหายใจกลับเข้าไปและรับเอากลิ่นของเฮสเทียเข้ามาแบบเต็มๆ
ทั้งสมองและต่อมรับกลิ่นแทบจะลัดวงจรไปตามๆ กัน แต่ไม่นานมันก็กลับมาเป็นปกติ
สัมผัสจากร่างกายส่วนล่างนั้นได้ความกลับมาว่าโลกิกำลังคลายตัวออกก่อนจะบีบรัดเข้ามาอีกครั้ง
ดีที่คราวนี้วาห์นเตรียมใจไว้แล้ว เขาจึงหันไปจัดการกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทน
เฮสเทียดู ‘ผ่อนคลาย’ กว่าเดิมมาก แต่วาห์นก็คิดว่าเธอยังไม่พร้อมไปสู่ขั้นต่อไปอยู่ดี
ทุกครั้งที่เกร็งหน้าท้อง โลกิก็จะใช้กล้ามเนื้อส่วนล่างทั้งหมดเพื่อกระตุ้นและหยอกเย้าอาวุธของเขาไปเรื่อยๆ
เธอรู้สึกประทับใจกับความอึดของวาห์นจริงๆ เพราะถ้าเป็นเด็กหนุ่มคนอื่น ป่านนี้เธอคงนำไปแล้ว 1 – 0
โลกิเผยสีหน้าซุกซนและหันไปพูดกับเฮสเทียต่อ
“อย่าทำฉันตกนะ…”
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เฮสเทียก็พยักหน้ารับขณะมองอีกฝ่ายถอยออกไปเล็กน้อย
โลกิเปลี่ยนไปนั่งยองๆ ราวกับกำลังจะสควอชบนเตียง จากนั้นเธอก็เริ่มขยับเอวขึ้นลงตามมุมที่รู้สึกดีที่สุด
เพราะใช้เทคนิคไปหลายอย่าง ไม่นานเสียงครางของเธอก็ดังขึ้นจนเฮสเทียรู้สึกอายแทน
บางครั้งเทพตัวเล็กจะก้มหน้าลงไปมองจุดที่อีกสองคนกำลังห้ำหั่นกันและเห็นว่าของโลกินั้นขยายกว้างกว่าที่เธอจินตนาการไว้เสียอีก ดูจากการที่อีกฝ่ายสามารถรับวาห์นเข้าไปได้แบบเต็มๆ
ถึงจะรู้ว่ามัน ‘เป็นไปได้’ แต่เฮสเทียก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งอยู่ดีจนกระทั่งได้มาเห็นกับตาตัวเองนี่แหละ
เธอไม่เคยนึกเลยว่าของผู้หญิงจะขยายออกได้กว้างขนาดนั้น แต่พอคิดไปคิดมาแล้ว ถ้าเทียบกับตัวเด็กทารก ของวาห์นก็คงดูเล็กไปถนัดตาเลย (TL: ถ้าพูดออกมาก็คงมีหดกันบ้างแหละ)
วาห์นเห็นว่าเฮสเทียดูผ่อนคลายขึ้นมาก แต่การต้องแบ่งสมาธิเพื่อรับมือ ‘การโจมตี’ ของโลกิก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่ดี
ตอนนี้เธอพบมุมที่ทำให้ปลายอาวุธครูดไปกับผนังภายในซึ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับเขาเป็นอย่างมาก
พอวาห์นได้สัมผัสกับจุดที่ด้านและขรุขระหน่อยๆ โลกิก็จะบิดและลดเอวลงเพื่อขยี้ซ้ำเข้าไปอีก
ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น วาห์นจะต้องทนรับแรงสั่นสะเทือนและแรงบีบมหาศาล ตามมาด้วยเสียงครวญครางที่ดังไพเราะเสนาะหู
ผ่านไปอีกประมาณ 10 นาที เฮสเทียก็เริ่มเกร็งอีกครั้งและพยายามก้มหัวลงเพื่อเก็บกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
ดีที่เฮสเทียยังไม่ลืมเรื่องที่โลกิบอกและคอยจับตัวเธอไว้ไม่ให้หงายหลังลงไป
โลกิยิ้ม ‘ขอบคุณ’ อีกฝ่ายแบบเหนื่อยๆ พร้อมกับพูดขึ้น
“นี่นาย… ล้อฉันเล่น… ใช่ไหม… วาห์นนนน~!?”
โลกิเองก็อึดไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน ทว่าสิ่งที่เธอทำอยู่นั้นคือการใช้จุดอ่อนไหวของตัวเองเพื่อบดขยี้ให้วาห์นพ่ายแพ้
ความหงุดหงิดพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอนั้นเสร็จแบบนิดๆ ไปหลายรอบแล้ว แต่อีกฝ่ายยังคงไปต่อได้โดยที่มีอาการกระตุกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
วาห์นหยุดสิ่งที่ทำอยู่เพื่อตอบเธอ นั่นทำให้เฮสเทียเป็นฝ่ายโวยขึ้นมาแทน
“ไม่นะ… ตาบ้า… หยุดทำไมกัน…”
เพราะเธอนั้นใกล้จะเสร็จอยู่แล้ว มาเบรกกันแบบนี้ก็เลยรู้สึกทรมานใช่เล่น
เฮสเทียเกิดนึกเองเออเองว่าวาห์นคงอยากแกล้งพวกเธอไปพร้อมๆ กัน เพราะขนาดเธอเองยังไม่เคยเห็นโลกิในสภาพนี้มาก่อนเลย
วาห์นผงะเล็กน้อยก่อนจะคว้าเอวของเฮสเทียและเริ่มออกตัว(ลิ้น)อีกครั้งโดยเน้นหนักตรง 3 จุดที่เขารู้แล้วว่าเป็น ‘พื้นที่อ่อนไหว’ ของเธอ
โลกิเห็นว่าเฮสเทียนั้นไปต่อไม่ไหวแล้ว เธอจึงโน้มตัวมาใกล้ๆ และพูดให้วาห์นได้ยิน
“วาห์น… ช่วยฉันหน่อยสิ… กระแทกเข้ามาแรงๆ เลย…”
จากนั้นก็ต่อด้วยเสียงกระซิบที่วาห์นไม่ได้ยิน
“เฮสเทีย… เรา…. ขึ้นไปด้วยกันนะ…”
ตอนแรกเฮสเทียก็ตกใจอยู่เหมือนกันเพราะนึกว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาจูบอีกรอบ
แต่พอวาห์นเริ่มขยับตัวตามคำขอ โลกิก็เข้ามาหนุนอกของเธอขณะทิ้งตัวลงไปเล็กน้อย
เฮสเทียเริ่มตกใจครั้งใหญ่เพราะความรู้สึกที่ได้มันต่างไปจากเดิมมาก
ทุกครั้งที่เขาขยับ เสียงของโลกิก็จะดังแว่วขึ้นมาจากด้านล่าง
ตอนนี้เฮสเทียทำได้แค่จับไหล่ของโลกิให้แน่นๆ และรอรับการโจมตีครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
ทว่าสิ่งที่คว้าได้กลับเป็นมือของอีกฝ่าย ตามมาด้วยเสียงกระซิบเบาๆ
“ขึ้นไปด้วยกันนะ…”
วาห์นกระแทกขึ้นมาอีกครั้งจนริมฝีปากของทั้งสองแนบติดกันครู่หนึ่ง
เฮสเทียนั้นไปต่อไม่ไหวแล้ว ส่วนใบหน้าของโลกิเองก็บ่งบอกสภาพที่ไม่ต่างกัน
ถึงจะได้รับการกระตุ้นคนละอย่าง แต่ทั้งคู่ก็สื่อถึงกันได้เพราะมีตัวกลางเดียวกัน… แม้ว่าเธออยากจะโฟกัสไปที่ตัวเองกับวาห์นก็เถอะ
วาห์นจู่โจมโลกิอย่างต่อเนื่องจนเธอต้องโน้มหน้าเข้ามาจูบเฮสเทียแบบสั้นๆ ด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม
ครั้งนี้เฮสเทียเริ่มจูบตอบกลับไปบ้าง ก่อนจะถอยออกเพื่อรอรับการเล้าโลมจากวาห์น
โลกิใช้ลิ้นเลียตรงริมฝีปากของตัวเองโดยจ้องประสานกับดวงตาสีฟ้าแบบไม่กระพริบ
เฮสเทียกลืนน้ำลายและสัมผัสได้ว่าวาห์นนั้นไม่ทำให้เธอผิดหวังจริงๆ
เมื่อการกระแทกครั้งต่อไปมาถึง โลกิก็ขยับเข้ามาประทับริมฝีปากอีกครั้ง
ครั้งนี้เฮสเทียรู้สึกลังเลน้อยลง ทั้งๆ ที่หัวใจกลับเต้นเร็วขึ้นจนแทบระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ
การจับมือเฉยๆ ถูกเปลี่ยนไปเป็นการสวมกอดกัน
การจูบแบบผ่านๆ ถูกเปลี่ยนไปเป็นการจูบแบบดูดดื่มและเร่าร้อน
เฮสเทียหลับตาขณะลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ ลืมว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ลืมว่าเคยทะเลาะกันมานานแค่ไหน…
จากด้านล่าง จู่ๆ วาห์นก็สัมผัสได้ว่าร่างของโลกินั้นดูมั่นคงขึ้นมาก เขาจึงกดเท้าลงกับเตียงและกระแทกเร็วขึ้น รุนแรงขึ้น เพราะตอนนี้เขาเองก็ใกล้จะถึงจุดสุดยอดเต็มทีแล้ว
ภายในของโลกิเริ่มบิดไปมามากกว่าครั้งไหนๆ เขาเลยรู้ว่าเที่ยวนี้ทุกคนคงจะได้ขึ้นไปเที่ยวพร้อมกัน
เมื่อจังหวะนั้นมาถึง วาห์นจึงต้องเกร็งสุดชีวิตเพื่อรอจนกว่าร่างกายของโลกิจะบีบอัดลงมาเป็นครั้งสุดท้าย
ทันใดนั้น เขาก็ปลดปล่อยทุกอย่างออกมาพร้อมกับใช้ [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า] เพื่อกระตุ้นเฮสเทียอีกต่อหนึ่ง
ในจังหวะที่ความหฤหรรษ์พุ่งผ่านร่างกายออกไป วาห์นก็รู้สึกได้ถึงหยาดน้ำบนใบหน้าขณะที่เทพสาวทั้งสองกำลังเข้าสู่โลกส่วนตัวแบบเงียบๆ
วาห์นพยายามยกเอวขึ้นอีก 2-3 ครั้งขณะที่ของเหลวร้อนๆ เริ่มไหลออกมาจากจุดที่เชื่อมต่อกับโลกิ
ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาก็ถอนหายใจในขณะที่สองสาวด้านบนยังคงช่วยพยุงร่างของกันและกัน
ขณะเฝ้ารอให้พวกเธอสงบลง วาห์นก็รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งทำบางอย่างที่สุดยอดมากสำเร็จไปหมาดๆ
ผ่านไปอีกประมาณ 1 นาที เขาถึงได้รู้ว่าทั้งสองกำลังอะไรบางอย่างกันอยู่
ถึงจะยากสักหน่อย แต่สุดท้ายวาห์นก็มองลอดเนื้อหนังมังสาต่างๆ ขึ้นมาจนเห็นภาพที่ทั้งสองกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม
สมองหยุดทำงานไปชั่วขณะจนกระทั่งนึกถึงสิ่งที่โลกิพูด
เขาไม่รู้ว่ามันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ แต่โลกิน่าจะเป็นฝ่ายเปิดก่อน ตามมาด้วยการคล้อยตามของเฮสเทีย สุดท้ายก็ได้ออกมาเป็นบรรยากาศตามภาพที่เห็น
วาห์นรู้สึกเหงาชอบกลและทำตัวไม่ถูกจนต้องเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง
“เอ่อ…”
แต่ก่อนจะได้พูดอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เฮสเทียก็ตื่นจากภวังค์และลงมานั่งทับหน้าของเขาแทน
“ฮือออออ นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย~!?”
โลกิส่ายหัวอย่างจริงจังขณะตอบกลับ
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันแค่จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น อย่าคิดเล็กคิดน้อยเลยน่า… เอาเวลาไปเตรียมตัวเตรียมใจต่อดีกว่า
หรือว่าอยากนั่งทับจนวาห์นขาดใจตายไปเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องทำต่อแล้ว~?”
เฮสเทียมองตามนิ้วที่โลกิชี้ออกมาจนเห็นว่าเธอกำลังอุดปากของวาห์นด้วยปากล่างของตัวเองอยู่
เธอถึงกับช็อคไปชั่วขณะก่อนจะรีบลุกออกมานั่งด้านข้างแทน
“วาห์น ฉันขอโทษ นายอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปน้าาาา~!”
ที่จริงวาห์นสามารถกลั้นหายใจได้นานหลายนาที เรื่องแค่นี้จึงถือว่าเล็กน้อยมาก
ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเฮสเทียเล่นเอาทั้งวาห์นและโลกิหลุดขำไปตามๆ กัน
ผ่านไปอีกสักพักนั่นแหละ เฮสเทียถึงรู้ว่ากำลังโดนอีกสองคนหัวเราะเยาะอยู่
โลกิเป็นคนแรกที่หยุดขำก่อน และหันมาสูดหายใจลึกๆ เพื่อเกร็งร่างกายส่วนล่างอีกครั้ง
นั่นทำให้วาห์นหยุดชะงักทันทีและส่งผลให้ตัวการแสยะยิ้มแบบสะใจ
เพราะโดนความอึดของวาห์นเล่นงานซะอ่วมเลย นี่จึงถือเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ตามแบบฉบับของเธอ
โลกิค่อยๆ ยกเอวขึ้นโดยไม่ผ่อนคลายร่างกาย เรื่องง่ายๆ จึงกลายเป็นเรื่องที่ยากเกินความจำเป็น
ทันทีที่ออกมาได้สำเร็จ ทั้งสามก็ได้ยินเสียง ‘ป๊อบ’ ดังขึ้นพร้อมกับที่โลกิเอนตัวลงกับเตียงด้านหลังและถอนหายใจอย่างมีความสุข
“วาห์น นายนี่มันแน่นอนจริงๆ…”
วาห์นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกิจะสื่ออะไร ตอนนี้เขาเลยเปลี่ยนมาจ้องเธอบ้าง
โลกิไม่คิดจะหุบแข้งหุบขาเลยด้วยซ้ำ เขาจึงเห็นของเหลวที่ไหลออกมาจากกลีบดอกไม้สีชมพูกุหลาบได้อย่างชัดเจน
เธอลืมดวงตาสีแดงขึ้นมาจ้องตอบจนวาห์นเผลอหลุดพูดออกไปคำหนี่ง
“งดงามจริงๆ…”
เรือนรางผอมบางไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของโลกิลดต่ำลงเลย แถมเธอเพิ่งจะร่วมรักกับเขามาหมาดๆ นั่นทำให้วาห์นรู้สึกภูมิใจที่ได้เห็นหญิงสาวในสภาพเหนื่อยอ่อนแต่ก็ยังดูเย้ายวน
โลกิยกแขนขึ้นมาบังตาและพูดเนือยๆ
“อือๆ รู้แล้วว่านายมันปากหวาน
นายรีบจัดการกับเฮสเทียก่อนที่เธอจะสงบลงมากไปกว่านี้เถอะ…”
หัวใจอันสั่นไหวทำให้โลกิแสดงท่าทางแบบนี้ออกมา เพราะจู่ๆ ความกลัวว่าตัวเองจะ ‘ฮุบไว้กินคนเดียว’ ก็ดันโผล่มาจากไหนไม่รู้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาหยอดคำหวานใส่ แต่คำพูดย่อมมีหมายมากกว่าเมื่อมันมาจากคนที่ดูซื่อจนเกินเหตุอย่างวาห์น
วาห์นจ้องมองเรือนร่างของอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเริ่มหันไปสนใจเฮสเทียที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเวลาของตัวเองได้มาถึงแล้ว
ออร่าที่ดูนิ่งเสถียรได้หายไปนานแล้ว ตอนนี้กลับเหลือแค่ไฟอันยุ่งเหยิงกองเล็กๆ เท่านั้นเอง
“เฮสเทีย เธอพร้อมแล้วใช่ไหม?” วาห์นถามอย่างอ่อนโยน
เฮสเทียสูดหายใจหลายครั้งและจ้องตอบด้วยดวงตาอันเปียกชื้น แต่เธอก็ไม่ได้พูดตอบอะไร
วาห์นรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยที่จู่ๆ เธอก็แสดงความไม่มั่นใจออกมา
ถึงจะจำคำพูดที่ว่า ‘คืนนี้ต้องสานต่อจนจบ’ ของเฮสเทียได้ แต่สภาพของเธอในตอนนี้นั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกมั่นใจขึ้นเลย
ทันใดนั้นเอง เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นจากทางด้านซ้ายก่อนที่โลกิจะลุกขึ้นมา ‘จ้อง’ เขาพร้อมกับคลานเข้าไปหาเฮสเทีย
ขณะที่เทพตัวเล็กยังรู้สึกงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น โลกิก็ผลักร่างของเฮสเทียและลงไปคร่อมทับอยู่ด้านบน
เนื่องจากทั้งคู่สูงต่างกันเกือบหนึ่งไม้บรรทัด การทำแบบนั้นจึงเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ สำหรับคนที่ตัวสูงกว่า
เธอซ้อนขาของตัวเองไว้ใต้ขาเฮสเทีย ก่อนจะยกเข่าขึ้นและตรึงร่างเอาไว้แบบแนบชิด
เฮสเทียพยายามดิ้นรนอย่างหนัก แต่สุดท้ายเธอก็โดนสยบด้วยรสจูบอันเร่าร้อนภายใต้สายตาตกตะลึงของวาห์น
ภาพที่เขาเห็นตรงหน้าก็คือกลีบดอกไม้งามที่ซ้อนทับกันอยู่ โดยที่ดอกบนนั้นเริ่มมี ‘น้ำเกสร’ ไหลออกมาเลอะดอกล่างเป็นทาง
นับเป็นภาพที่อันตรายมาก แต่สิ่งที่ทำให้วาห์นรู้สึกสับสนสุดๆ ก็คือโลกิไม่มีการบอกกล่าวอะไรกันก่อนเลย
เขามองเห็นออร่าอันยุ่งเหยิงของเฮสเทียและกำลังจะเข้ามาปราม แต่เจ้าออร่านั่นก็ดันสงบลงและทำให้เขาค้างอยู่ในท่ายกมือห้าม
ผ่านไปอีกชั่วอึดใจ โลกิก็ถอนปากออกและเริ่มมองข้ามไหล่มาพูดด้วย
“นี่นายจะปล่อยให้เธอรออีกนานแค่ไหน…?
(หันไปกระซิบกับเฮสเทีย)
กลัวใช่ไหม? ฉันเข้าใจดี… นี่เป็นคืนที่สำคัญมากสำหรับเธอ… แต่วาห์นน่ะสุภาพเกินไป
ถ้าเธอยังกลัวอยู่แบบนี้ เขาก็คงไม่กล้าทำต่อหรอก เดี๋ยวฉันจะช่วยเธอเอง… อย่ากลัวเลยนะ เฮสเทีย…”
เฮสเทียยังมีสีหน้าหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่คำพูดของโลกิก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากขึ้น
เธอรู้ว่าบรรยากาศน่าอึดอัดนี่เป็นฝีมือของตัวเอง แต่ความหงุดหงิดนี่มันอะไรกัน? เพราะวาห์นไม่ยอมสานต่อให้จบตามที่เขาให้สัญญาไว้งั้นเหรอ?
ต่อให้รู้สึกตื่นเต้นมากแค่ไหน แต่เยื่อบางๆ นี่ก็เป็นสิ่งที่เฮสเทียปกปักษ์รักษามานานหลายล้านปี
การทิ้งมันไปนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก ต่อให้อีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มที่เธอรักก็ตาม
ทันใดนั้นวาห์นก็รู้สึกละอายใจเมื่อเห็นแววตาของโลกิและเริ่มขยับตัวเข้ามาประจำที่ในขณะที่อีกฝ่ายหันหน้ากลับไปจูบเฮสเทียต่อ
ทั้งสองสาวนอนอยู่ในแนวเดียวกัน วาห์นจึงมองไม่เห็นใบหน้าของเฮสเทียที่ถูกโลกิบดบังอยู่ สิ่งเดียวที่เขารู้ในตอนนี้ก็คือ ‘จะผิดพลาดอีกไม่ได้แล้ว’
คำกล่าวของโลกิว่าด้วยเรื่อง ‘อย่าไปเชื่อออร่ามาก’ จู่ๆ ก็ลอยขึ้นมาในหัวทันที
วาห์นพยายามเล็งอาวุธโดยใช้สมาธิได้เพียงครึ่งเดียว เนื่องจากภาพ ‘ดอกไม้ซ้อนทับกัน’ มันออกจะตราตรึงใจไปสักหน่อย
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และใช้มือที่ว่างเกลี่ยให้ดอกล่างขยายออกเล็กน้อย
ออร่าของอีกฝ่ายดูใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า แต่นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องแบบนั้นแล้ว
เขาตั้งใจแนวแน่ขณะเคลื่อนเอวไปข้างหน้าและพบเข้ากับปากทางเข้าอันแน่นหนาของเฮสเทีย
วาห์นไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกับมันเร็วขนาดนี้ แต่เขาก็พุ่งผ่านมันไปก่อนจะเจอเข้ากับกำแพงชั้นในทั้งๆ ที่เคลื่อนตัวเข้ามาเพียง 10 ซม. เท่านั้นเอง
เสียงกรีดร้องของเฮเทียเป็นสัญญาณเตือนให้โลกิผลักตัวออกไปด้านข้าง เพื่อที่อีกสองคนจะได้เห็นหน้ากัน
และทันทีที่เป็นแบบนั้น เฮสเทียก็ร้องเสียงดัง
“วาห์น! กอดฉันไว้ที มันเจ็บมากเลย!!”
เฮสเทียมีน้ำตาคลอเบ้า ส่วนออร่าของเธอก็ดูปั่นป่วนมากกว่าครั้งไหนๆ
วาห์นโน้มตัวลงไปกอดเฮสเทียไว้แทบจะทันที ส่วนอีกฝ่ายก็เอาแต่สะอื้นไม่หยุด
“ฮือออ… เจ็บ… เจ็บที่สุดเลย…”
วาห์นรู้สึกแย่มาก ถึงนี่จะไม่ได้เป็นการทำร้ายโดยตรงก็เถอะ
เขาเริ่มลูบหลังหัวของเธอพร้อมกับพูดจาปลอบโยน
“ไม่เป็นไรแล้วนะเฮสเทีย… ฉันอยู่นี่แล้ว… ฉันรักเธอนะ… ไม่เป็นไรแล้ว…”
โลกินอนไขว่ห้างจากด้านข้างพลางพยักหน้าก่อนจะเริ่มใช้สมองประมวลผล เธอพึมพำเสียงเบาๆ มากจนอีกสองคนไม่ได้ยิน
“ต้องหาคนสอนดีๆ แล้วล่ะ… แต่ใคร… สึบากิดีไหมนะ?”
ขณะที่ยังคิดต่อเรื่อยๆ โลกิก็ตัดสินใจงีบพักชั่วคราวเพราะรู้สึกล้าเต็มทีแล้ว
เธอคิดว่ากว่าอีกสองคนจะเสร็จกิจกันก็คงอีกนาน
ใครจะอยู่ดูเป็น ‘กขค’ ก็เอาเถอะ แต่เธอคนนึงล่ะที่ไม่ขอเอาด้วย…
ในจังหวะที่โลกิเริ่มจูบวาห์น เฮสเทียนั้นได้แต่มองน้ำตาเล็ดขณะลูบตรงจุดที่โดนหยิก
“…โลกิ ไหนบอกว่าจะไม่ตีกันแล้วงัยยย!?”
หลังจากดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอีกพักหนึ่ง โลกิก็ถอนปากออกและมองข้ามไหล่ของวาห์นลงมา
“ก็เห็นอ้อนนักอ้อนหนา ตอนแรกว่าจะแค่ลูบๆ… แต่สุดท้ายทนไม่ไหวก็เลยหยิกเข้าซะเลย~
ฉันให้สัญญาก็ได้ว่าจะไม่ทำอีก… (หันไปหาวาห์น) นอกจากว่านายจะไม่ว่าอะไรนะ…”
วาห์นทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะตอบกลับ
“ฉันอยากให้พวกเธอสนิทกันมากกว่านี้นะ แต่ต้องไม่ใช่แบบแกล้งกันไปมา… เอาจริงๆ เรื่องความสัมพันธ์ของผู้หญิงด้วยกันฉันก็ไม่รู้อะไรมากหรอก
เพื่อนผู้ชายที่สนิทก็มีไม่เยอะ เลยไม่รู้ว่าคนปกติเขาทำกันยังไงนี่สิ… ฮื่มมมม”
โลกิได้ยินแบบนั้นแล้วก็เริ่มนึกอะไรสนุกๆ ออก
เธอปล่อยมือจากวาห์นและเข้าไปหาเฮสเทียที่นั่งอยู่บนโซฟาแทน
เฮสเทียที่ยังงงๆ เริ่มเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกได้อีกฝ่ายกำลังขยำหน้าอกของเธอแบบมันมือ
“เอามือออกไปเลยน้าาา ยัยเทพกอริลล่า~!” เฮสเทียพยายามเหวี่ยงเท้าไปมาเพื่อเตะอีกฝ่าย แต่โลกิก็แค่หลบลงมานั่งข้างๆ ก่อนจะเข้าจูบเธอแทน
ตอนนี้แม้แต่วาห์นเองก็ต้องเบิกตากว้างให้กับภาพที่เห็นโดยไม่รู้ว่าควรเข้าไปห้ามดีหรือปล่อยไปดี
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้หญิงจูบกันต่อหน้า สมองของเขาจึงช็อตไปชั่วขณะ แถมมันยังให้ความรู้สึกที่แปลกมากเลยด้วย
เฮสเทียพยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่อาจต้านทานมือและลิ้น ‘ที่มากประสบการณ์’ ของเทพธิดาจอมเจ้าเล่ห์ได้นานนัก
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็เริ่มปิดตาและเผยสีหน้าแดงก่ำจนกระทั่งอีกฝ่ายยอมถอนปากออกไปเอง
โลกิจ้องเข้าไปในดวงตาอันเปียกชื้นของเฮสเทียพร้อมกับกระซิบเบาๆ
“มาสนิทกันให้มากกว่าเดิมดีกว่าน่า~… ยังไงเราก็ ‘รัก’ ผู้ชายคนเดียวกันนี่นะ”
เฮสเทียกัดฟันเล็กน้อยพลางหันไปด้านข้างอย่างไม่สบอารมณ์
“อย่ามามั่วนิ่มหน่อยเลย! คนที่ฉันรักมีแค่วาห์นคนเดียวเท่านั้นนะ…”
ความเขินอายของเฮสเทียยิ่งทำให้บางอย่างในตัวโลกิถูกปลุกขึ้นมา พร้อมกับที่เธอใช้มือประคองใบหน้าได้รูปและพยายามเข้าจูบอีกครั้ง แต่กลับโดนวาห์นเข้ามาดึงหางม้าจากด้านหลังเพื่อห้ามไว้เสียก่อน
ถึงมันจะเป็นฉากที่ดูเย้ายวนมาก แต่คำพูดของเฮสเทียก็ทำให้เขาตัดสินใจได้ว่าควรจะหยุดทุกอย่างเอาไว้
โลกิ(แกล้ง)ร้องเสียงหลงและตบมือของวาห์นเบาๆ
“ยอมแล้ววว ยอมแล้วจ้า จับผมของผู้หญิงแบบนี้มันไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลยนะ~!”
ทันทีที่วาห์นปล่อยมือ โลกิก็แยกตัวออกไปจากเฮสเทียพลางยิ้มให้เธออย่างแก่นแก้ว
“เอาเถอะๆ ตอนนี้จะปล่อยไปก่อนก็ได้ แต่เดี๋ยวเราได้สนุกกันอีกแน่…”
พอเข้าใจถึงสิ่งที่อีกฝ่ายจะสื่อ เฮสเทียก็เริ่มหน้าแดงและก้มหน้าลงกับพื้นซึ่งทำให้วาห์นเข้าใจอะไรบางอย่าง
พอได้ยินว่าโลกิจะมา วาห์นก็เดาว่าเธอคงอยากอยู่ค้างคืนที่นี่ด้วย โดยเฉพาะหลังจากที่คุยเรื่องมีลูกกันไปหยกๆ…
ดวงตาสีน้ำทะเลหรี่เล็กลง ทว่าเป้าหมายของมันกลับไม่ใช่โลกิแต่เป็นเทพธิดาอีกคน
“เฮสเทีย… นี่เธอไปตกลงอะไรกับโลกิไว้ก่อนแล้วเหรอ?”
เทพตัวเล็กเริ่มแสดงอาการเหงื่อตกในขณะที่โลกิกัดนิ้วโป้งของตัวเองด้วยความตื่นเต้น
หลังจากกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เฮสเทียก็สารภาพหมดเปลือก
“ฉันคิด… ฉันคิดว่ามันไม่ยุติธรรมกับโลกิเลย เพราะเธอทำอะไรให้ตั้งหลายอย่าง… และ… แล้วฉันก็กลัวที่จะทำเรื่องนี้คนเดียว…” เฮสเทียหายใจแรงขึ้นทุกครั้งที่พูดต่อ
วาห์นนึกถึงคำพูดของเฮสเทียก่อนหน้านี้และเข้าใจว่าเธอคงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะความกลัวในจิตใจของตัวเอง
หากมี ‘อดีตศัตรู’ มาอยู่ด้วย ต่างฝ่ายก็อาจจะยุกันไปมาจนเธอรวบรวมความกล้าได้สำเร็จ
วาห์นจ้องมองเฮสเทียต่อไปจนกระทั่งอีกฝ่ายกลับมาหายใจได้เป็นปกติอีกครั้ง
เขาไม่จำเป็นพูดอะไรเพิ่ม เพราะเจตนาของเธอก็ชัดเจนดีอยู่แล้ว
หากถอยตอนนี้ เธอก็ต้องกลับไปนอนห้องตัวเองด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่วาห์นกับโลกิกำลัง…
ต่อให้ต้องใช้ข้ออ้างเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกฮึดสู้ จังหวะนี้เฮสเทียก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน
“เรา (วาห์นกับเฮสเทีย) จะได้อยู่ด้วยกันเกือบตลอด ดังนั้นถ้าจะให้ยุติธรรมล่ะก็ โลกิควรจะได้ใช้เวลาอยู่กับนายบ้าง
อีกอย่าง แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องแอบไปคิดวางแผน หรือทำอะไรแปลกๆ ด้วย…”
โลกิรีบพูดเสริมทันที
“ฉันอาจจะทำอะไรแปลกๆ ก็ได้ ถ้าวาห์นสนใจ~
ไม่ต้องมาดูแลทะนุถนอมหรืออะไรกับฉันนั้นหรอก
เพื่อให้ได้สิ่งที่ฉันต้องการแล้ว… จะให้มาเป็นของเล่นหรือทำอะไรก็ได้หมดทุกอย่างเลย…”
วาห์นที่กำลังมองเฮสเทียอย่างจริงจังยังต้องสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดจากปากโลกิ
เทพธิดาจอมเจ้าเล่ห์พยายามอธิบายแบบจริงจังสุดๆ
“อย่ามองว่ามันแปลกเลย ฉันแค่ไม่อยากเป็น ‘ช้างเท้าหน้า’ ในตอนที่เราอยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง
ฉันน่ะรู้จักตัวเองดี ถ้าปล่อยให้ฉันเป็นคนคุมหางเสือล่ะก็ รับรองได้ว่าต้องเลยเถิดไปกันใหญ่
เอาความดิบเถื่อนของนายมาลงที่ฉันได้เต็มที่เลยนะ… เผื่อที่ไว้ให้ยัยอนูบิสอีกคนด้วยละกัน
สาวๆ คนอื่นคงอยากได้อะไรหวานแหววทั่วไป แต่เพื่อ ‘สุขภาพจิต’ ที่ดี บางครั้งนายก็ควรลองอะไรที่มันแปลกออกไปบ้าง
นายอาจจะปิดบังเรื่องนี้จากคนอื่นได้ แต่ว่าฉันรู้ดี… เรื่องความช่างสงสัยของนาย แล้วก็สายตาที่นายใช้มองเวลานวดเสร็จแล้ว…”
วาห์นได้แต่มองตาค้างขณะฟังเรื่องที่โลกิแฉออกมาจนหมด
สาเหตุหลักที่เขาอยากให้มีคนมาคอยคุมก็เพราะไอ้ความ ‘ขี้สงสัย’ นี่แหละ
ถ้าไม่มีใครคอยอธิบายเรื่องบางเรื่องให้ฟัง ป่านนี้วาห์นคงจะมีชีวิตที่ต่างออกไป… รับรองว่าโดนอนูบิสปั่นจนยับแน่นอน
นี่เป็นเรื่องที่วาห์นไม่อยากยอมรับเลย ว่าตัวเองนั้นชอบเฝ้ามองการตอบสนองของพวกสาวๆ ที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง… และเรื่องที่ไม่เคยบอกใครก็คือเงาเล็กๆ ที่ผุดขึ้นในจิตใจหลังจากได้เข้าไปในย่านโคมแดง
พอเห็นสีหน้านั่นแล้วโลกิจึงเริ่มพูดต่อ
“จำตอนที่เราทำข้อตกลงครั้งแรกได้หรือเปล่า?
ฉันบอกไว้ว่านายจะจับฉันแต่งตัวยังไงก็ได้ จะทำอะไรตรงไหนก็ได้หมด
ถ้านายเผลอข้ามเส้นบางอย่างไป ก็ขอให้คนๆ นั้นคือฉัน อย่าไปทำอะไรผู้หญิงหน้าบางพวกนั้นเลย
ฉันน่ะไม่เหมือนพวกเธอหลายๆ คน มีอะไรก็กล้าบอกนายตรงๆ อยู่แล้ว ไม่ว่าเราจะอยู่ในที่สาธารณะ หรือที่ลับตาคนก็ตาม
แล้วก็… นับจากตอนนี้ไป ฉันจะอุทิศตัวให้กับนายแค่คนเดียว… เคยบอกไปแล้วนี่ว่าการมีลูกจะเปลี่ยนทุกอย่างไปหมดเลย นั่นร่วมถึงชีวิตของตัวฉันเองด้วย
อย่างอื่นจะกลายเป็นเรื่องรองทันที… ฉันน่ะ ยอมทำทุกอย่างเพื่อทำให้ความฝันกลายมาเป็นความจริง”
ทั้งวาห์นและเฮสเทียต่างต้องกลืนน้ำลายให้กับความจริงจังและคำพูดของโลกิ
เฮสเทียเริ่มตระหนักแล้วว่าความรู้สึกของตัวเองนั้นดูอ่อนไปเลยเมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่นที่อยู่รอบตัววาห์น
การที่เธออยากช่วยกระชับความสัมพันธ์ของวาห์นกับคนอื่นๆ นั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด เพราะขนาดตัวเธอเองยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ อยู่เลย
ส่วนวาห์นนั้น แค่นึกภาพในอนาคตระหว่างตัวเองกับโลกิแบบเล่นๆ ก็ทำให้สมองรู้สึกซู่ซ่าไปหมดแล้ว
จากผู้หญิงทุกคนที่เขารู้จัก โลกิคือคนที่แทบไม่มาวุ่นวายอะไรด้วยเลย แถมยังคอยช่วยตามแก้ปัญหาให้อีก
หากมองแค่มุมนี้มุมเดียว จะเห็นได้ว่าโลกิเป็นหนึ่งในคนที่อุทิศตัวเพื่อเขาเป็นอย่างมาก ต่อให้สาเหตุจะมาจากการที่เธออยากมีลูกด้วยก็ตาม
วาห์นกลืนน้ำลายเป็นครั้งที่สองก่อนจะพูดขึ้นบ้าง
“นี่เธอตั้งใจจะ-”
“ฉันจะท้องก็ต่อเมื่อนายเลือกที่จะทำแบบนั้นเอง
เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันก่อนฉันก็ไม่ถือ
ที่แน่ๆ คือฉันไม่อยากไปเหยียบเท้าเฮเฟสตัสและแย่งสิทธิ์ในการมีลูกคนแรกของเธอไป
แต่ขอเตือนอะไรไว้อย่างนะ…” โลกิหันไปมองเฮสเทียบ้าง
“ฉันไม่คิดว่าเฮสเทียควรจะมีลูกในเร็วๆ นี้หรอก
ฟังดูเห็นแก่ตัวมาก ฉันรู้ แต่เธอน่ะเหมาะที่จะเลี้ยงลูกให้คนอื่นไปก่อน อย่างน้อยก็ในช่วงแรก
ถ้าเทพธิดาที่ใกล้ชิดนายเกิดท้องพร้อมกันหมด มันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ภายในกลุ่มเกิดเสียสมดุลขึ้นมา
นอกจากนั้นมันอาจทำให้พวกผู้หญิงคนอื่นอยากมีลูกตามไปด้วย เพราะไม่มีใครอยากถูก ‘ทิ้งไว้ข้างหลัง’ หรอก จริงไหม?”
ถึงวาห์นจะขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่เฮสเทียนั้นกลับรู้สึกต่างออกไป
“ฉันเองก็คิดว่าตอนนี้อาจจะไม่ค่อยเหมาะเหมือนกัน
ฉันไม่อยากนำหน้าคนอื่นไปมากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้ว แล้วก็ไม่อยากสร้างความบาดหมางเพิ่มด้วย
ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะให้การสนับสนุนวาห์นและดูแลทุกคนในแฟมิเลียเป็นอย่างดี ต่อให้ต้องแลกด้วยการมีลูกเป็นของตัวเองก็เถอะ”
ในอดีตนั้นเฮสเทียไม่เคยคิดเรื่องมีลูกมาก่อนเลย ตอนนี้เธอก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพอมีแล้วจะต้องอะไรยังไงต่อ
คำพูดของเธอทำให้วาห์นนึกถึงเรื่อง ‘ออกกฎเกณฑ์’ ที่พวกเขาคุยกันก่อนหน้านี้
ตอนนี้อายุตามร่างกายของวาห์นคือ 15 ปี (TL: ถ้านับรวมกับเวลาในลูกแก้วแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 18 ปี) เขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบมีลูกเยอะๆ เพื่อเอาไปทั้งทีมแข่งกีฬาที่ไหน
วาห์นหันไปจูบหน้าผากของเฮสเทียก่อนที่ทั้งสองจะสบตากันอย่างรักใคร่
หากไม่นับเรื่องที่เธอลงมาจากสวรรค์เพื่อเขาโดยเฉพาะ นี่คงเป็น ‘การเสียสละอันยิ่งใหญ่’ ครั้งแรกของเธอ
ที่จริงเรื่องนี้ทำให้เฮสเทียรู้สึกดีขึ้นอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะเธอนั้นให้วาห์นคอยตามดูแลและเอาใจมาโดยตลอด แถมบางครั้งก็สร้างปัญหาให้ด้วย…
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเผลอปล่อยตัวไปตามอารมณ์ โลกิก็โน้มตัวเข้ามาใกล้และจ้องมองด้วยสีหน้าซุกซน
“…โอ้ ตามสบายๆ ไม่ต้องเกรงใจนะ ฉันแค่อยากเห็นตอนพวกนายจูบกันใกล้ๆ แค่นั้นเอง~!
แต่ถ้ามีคำถามหรือข้อสงสัยตรงไหนล่ะก็ หันมาถามได้เลยน้า~”
เฮสเทียเขินจนหน้าแดงและเผลอผลักหน้าอกของวาห์นซึ่งทำให้เขาก้าวไปสะดุดกับโต๊ะเตี้ยและเซออกไปด้านข้าง
แต่ก็คล้ายกับครั้งที่แล้ว วาห์นใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อกลับมาทรงตัวอยู่ตรงอีกฟากของห้องทันที
เฮสเทียและโลกินั้นยื่นมือออกไปพร้อมกัน แต่กับคว้าได้เพียงแค่อากาศในขณะที่วาห์นโผล่ไปอยู่อีกที่แทน
เพราะไม่ใช่นักสู้และไม่มีเบรคเหนือมนุษย์แบบคนอื่นๆ พวกเธอจึงเข้าประสานงากันเองอย่างจังและพากันล้มไปทางโต๊ะเตี้ยที่อยู่กลางห้อง
แต่ก่อนที่จะเกิดความเสียหายขึ้น วาห์นก็ย้ายเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเข้าไปในช่องเก็บของและก้าวเข้าไปรับทั้งสองไว้ในอ้อมแขน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกินเวลาเพียง 2 วินาทีเท่านั้น แต่เหตุการณ์ในห้องกลับเปลี่ยนไปอย่างน่าใจหาย
เพราะได้โอบเอวในขณะที่ใบหน้าของทั้งคู่กำลังซบอยู่กับแผงอก วาห์นเลยอยากแกล้งโลกินิดๆ และอยากลงโทษเฮสเทียที่ทำให้วุ่นวายกันหมด
เขาออกแรงเล็กน้อยและเปลี่ยนไปคว้าแก้มก้นด้านซ้ายของโลกิไว้ในมือ ส่วนมืออีกข้างก็หันไปขยำมาร์ชเมลโล่นิ่มๆ ตรงแก้มก้นด้านขวาของเฮสเทีย
ตอนนี้พวกเธอกำลังทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดมาที่เขาอยู่แล้ว วาห์นก็เลย ‘ยก’ ทั้งสองขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
หลังจากสัมผัสได้ถึงฝ่ามือของวาห์น เฮสเทียที่ช่วงนี้ออกจะขวัญอ่อนสุดๆ ก็เริ่มตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมทันที ทว่าโลกิกลับมีท่าทางไม่ต่างจากเดิมนักและเข้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู
“แบบนี้มันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เราไม่ต้องลงไปทานข้าวเย็นก่อนเหรอ?”
คำพูดนั่นทำให้วาห์นต้องยอมปล่อยพวกเธอไป ก่อนจะเริ่มวางเฟอร์นิเจอร์กลับเข้าที่
พอวางเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ถามขึ้นอีกเป็นครั้งสุดท้าย
“เฮสเทีย เธอแน่ใจแล้วใช่ไหม?”
เทพตัวเล็กที่พยายามสงบจิตใจของตัวเองหันกลับมาสะดุ้งอีกรอบก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัด
“เมื่อกี้ฉันก็บอกไปแล้วไง อย่ามาถามอะไรซ้ำๆ ซากๆ สิ!
นายนั่นแหละควรจะดีใจและซาบซึ้งที่จะได้ครั้งแรกของฉันไปนะ~!
ฉันอุตส่าห์รักษามันมาตั้ง…”
เฮเสเทียเกือบหลุดปากบอกอายุของตัวเองออกมาอยู่แล้ว แต่ก็กลับลำทันเสียก่อน
“…ตั้งนานมากแล้วนะ! ต่อไปต้องทำดีกับฉันให้มากๆ ล่ะ ไม่งั้นอย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่แบบสงบๆ~!”
วาห์นรู้ดีว่าเฮสเทียนั้นคือหนึ่งในสามเทพธิดาพรหมจรรย์ประจำแพนธีออนตะวันตก ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเธอไม่ได้พูดเล่นแน่นอน
“เชื่อใจฉันเถอะเฮสเทีย ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ฉันจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจเด็ดขาด!”
แต่ดันผิดคาด… เพราะฝ่าเท้าของอีกฝ่ายกลับพุ่งใส่บั้นท้ายของวาห์นทันที
“แค่นี้ฉันก็เสียใจจะตายอยู่แล้ว เจ้าเด็กบ้า~!
ไว้เดี๋ยวจะเรียกมาทำโทษทีหลังให้สาสมเลย!”
ก่อนที่วาห์นจะฟื้นตัวขึ้นจากพื้น เฮสเทียก็หันไปชี้นิ้วและโวยใส่โลกิต่อ
“ตอนนี้เราเป็นพวกเดียวกันแล้วนะ โลกิ ดังนั้นถ้ามาแหย่ฉันอีกล่ะก็… ต่อไปอย่าหวังเลยว่าจะได้มีเวลาสองต่อสองกับวาห์น!”
เฮสเทียตะโกนแบบรวดเดียวจบ ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไปจากห้องแบบไม่สนใจใครทั้งสิ้น เป้าหมายของเธอก็น่าจะเป็นห้องอาหารนั่นแหละ
แม้จะตกใจในตอนแรก แต่สีหน้าของโลกิก็เปลี่ยนเป็นครุ่นคิดอย่างรวดเร็วพร้อมกับลูบคางไปมา
“ถ้าออกมาพูดแบบนี้ ฉันก็ยิ่งอยากแกล้งเธอมากกว่าเดิมน่ะสิ ยัยเทพเตี้ย”
ราวกับคิดบางอย่างออก เธอหันมาคุยกับวาห์นต่อทันที
“เดี๋ยวอาจจะต้องขอแรงนายหน่อยนะ… ถึงตอนนั้นก็อย่าตกใจนักล่ะ”
ก่อนจะได้ถามกลับ เธอก็โบกมือห้ามไว้ก่อน
“อย่าห่วงนักเลย ฉันรู้จักเฮสเทียดี… นายแค่คอยช่วยให้เต็มที่ก็พอแล้ว ตกลงไหม?”
วาห์นอยากรู้จริงๆ ว่าโลกิกำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมบอกอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
“ถ้าเฮสเทียไม่ชอบขึ้นมาล่ะก็ ฉันจะหยุดมันทันทีเลยนะ…”
เทพสาวส่ายหน้าราวกับรู้ว่าวาห์นจะพูดอะไร
“ฉันรู้เรื่องเมื่อเช้าหมดแล้ว นายเองก็หยุดหลอกตัวเองสักทีเถอะ
อย่าคิดนะว่ายัยนั่นจะ ‘ใสซื่อ’ หรือ ‘ไร้เดียงสา’ แบบที่ชอบทำเกือบตลอ
แต่นายเชื่อใจฉันก็พอ… จำไว้นะว่าออร่าที่นายเห็นมันเชื่อไม่ได้เสมอไป โดยเฉพาะกับเผ่าเทพ…”
วาห์นเบิกตากว้างขึ้นอีกเล็กน้อยและรู้สึกเหมือนตัวเองมองบางอย่างพลาดไป
เขาใช้เวลากับเฮสเทียเยอะมากและเชื่อใจเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บางครั้งเธอก็ชอบทำอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายไปเหมือนกัน…
“เธอทำเพื่อฉันมามากแล้วนะ โลกิ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันจะเชื่อใจเธอละกัน
แต่ขอย้ำนะว่ายังไงฉันก็ไม่อยากเห็นเฮสเทียต้องเจ็บ…”
ถึงจะรู้ว่าวาห์นกำลังพูดจริงจัง แต่โลกิก็ยังพูดเป็นเชิงติดตลก
“รู้แล้วๆ เล่นตัวติดกันแบบนี้คงไม่รู้หรอกมั้งว่าห่วงยังกับไข่ในหิน
ฉันไม่ทำเรื่องเลยเถิดหรอกน่า เชื่อฉัน เฮสเทียจะไม่เจ็บเลยสักนิด…”
โลกิหัวเราะหลังพูดจบและเริ่มเดินออกไปทันที แต่ก่อนจะก้าวพ้นประตู เธอก็หันกลับมาหาวาห์นอีกครั้ง
“ที่จริงมันคงเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเลยล่ะ~…”