Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล – ตอนที่ 295

ตอนที่ 295

ขณะที่ฟรีเน่เดินเรื่อยเปื่อยอยู่ภายใน ‘เบลิตบาบิลี่’ (TL: ชื่อฐานที่มั่นของอิชทาร์แฟมิเลีย) เธอก็พบเข้ากับกลุ่มสาวอเมซอนและอดไม่ได้ที่จะถากถางพวกเธอเล็กน้อย

“ยัยอัปลักษณ์พวกนี้ ทำไมไม่ออกไปทำงานทำการกันยะ? มายืนทำซากอะไรอยู่แถวนี้ สมองน่ะมีมั้ยยย ห้ะ~!?”

เป้าหมายหลักของเธอนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นหญิงสาวที่ดูสวยสดงดงามที่สุดในกลุ่ม เธอคนนี้ยังครองตำแหน่งอันดับสองรองจากฟรีเน่ และเป็นหัวหน้าหน่วยต่อสู้ที่มีชื่อว่า ‘เบอร์เบร่า’ อีกด้วย

หากวาห์นอยู่ที่นี่ด้วย เขาคงจำได้ทันทีว่าเธอก็คือ ‘ไอช่า เบลก้า’ หญิงสาวผู้คอยปกป้องฮารุฮิเมะและเป็นคนที่เขาทำลายมนตร์เสน่ห์ของอิชทาร์ออกให้นั่นเอง

ไอช่าจ้องฟรีเน่ด้วยสายตาเอาเรื่องก่อนจะตอบเรียบๆ

“เรารู้เรื่องทัมมุซแล้ว ฉันก็เลยเตรียมคนเพื่อรอรับเหตุฉุกเฉิน

วาห์น เมสัน… เด็กคนนั้นมีสกิลอำพรางที่น่ากลัวมาก ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยคงไม่ดีแน่”

กลุ่มสาวอเมซอนที่อยู่ด้านหลังเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ทว่าฟรีเน่กลับถุยน้ำลายใส่หน้าไอช่าและพูดต่อ

“เหอะ คงรู้ดีมากสินะ ก็เล่นปล่อยให้หมอนั่นมาขโมยนังเด็กจิ้งจอกไปง่ายๆ เลยนี่~!?

เอาเถอะๆ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ก่อนอื่น ไปหาเด็กผู้ชายสักคนแล้วเอามาไว้ในห้องของฉันด้วย ไม่งั้นฉันจะซ้อมพวกแกแทน!”

พูดเสร็จฟรีเน่ก็เดินออกไปโดยไม่รอคำตอบจากไอช่า จากนั้นเธอจึงเริ่มหัวเราะด้วยเสียงที่คล้ายกับคนเสียสติ

ไอช่ารับผ้าที่คนในหน่วยยื่นให้ก่อนจะเช็ดน้ำลายออกจากใบหน้า

พอเห็นว่าคราบที่ติดออกมามีสีเขียวอมเหลือง เธอก็แทบอยากจะอาเจียนและเดินออกไปท้าฟรีเน่สู้ซะเดี๋ยวนั้นเลย

หากไอช่าเก่งพอๆ กับ ‘กบยักษ์’ นั่นล่ะก็ เธอก็คงไม่ต้องข่มใจตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้หรอก

จริงๆ แล้วเป้าหมายของเธอในช่วงนี้คือการเกลี้ยกล่อมให้สมาชิกของ ‘เบอร์เบร่า’ เชื่อใจให้มากที่สุด จากนั้นก็ต่อด้วยการหลบหนีความซวยที่อาจพุ่งใส่อิชทาร์แฟมิเลียได้ทุกเมื่อ

การออกไปสู้กับฟรีเน่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะมันก็เป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์อยู่ดี และต่อให้เธอสู้โดยใช้พิษเข้าช่วย ยัยสัตว์ประหลาดนั่นก็ยังมีสกิลต้านทานสภาวะผิดปกติสมบูรณ์ (S) มาช่วยเสริมอีก

หลังจากที่ฟรีเน่เดินออกไปไกลแล้ว ไอช่าก็หันมาพูดกับคนในหน่วย

“ตราบใดที่มียัยนั่นเป็นกัปตัน รับรองเลยว่าเราอยู่ต่อได้อีกไม่นานหรอก

อิชทาร์เองก็เอาแต่วุ่นวายกับกลุ่มพันธมิตรไม่เลิก ดูยังไงก็มีแต่ตายกับตาย

นี่ทัมมุซก็เอาชีวิตไปทิ้งที่นั่นคนนึงแล้ว อีกเดี๋ยวเราคงต้องรอรับศึกหนัก… บางทีนี่อาจเป็นโอกาสเหมาะก็ได้

ฉันรู้ว่าพวกเธอไม่ได้ภักดีกับอิชทาร์อะไรขนาดนั้น ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อก็คงต้องรีบตัดสินใจแล้วล่ะ…”

ไอช่านั้นเกลี้ยกล่อมสมาชิกเบอร์เบร่ามาหลายวันแล้ว เรียกได้ว่าแทบจะพูดกรอกหูกันเลยทีเดียว

อิชทาร์คือเทพธิดาแห่งความงดงามคล้ายกับเฟรย่า ทว่าความเป็นผู้นำของทั้งสองนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว

นั่นคือสาเหตุที่อิชทาร์แต่งตั้งให้ไอช่าเป็นหัวหน้าของหน่วยเบอร์เบร่าตั้งแต่แรก เพราะเธออยาก ‘ลงโทษ’ ไอช่าที่ ‘อาจหาญ’ ออกมาปกป้องฮารุฮิเมะ

คนทั่วไปเห็นแล้วคงจะบอกว่ามันไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย ลงโทษด้วยการเลื่อนให้เป็นหัวหน้า แบบนี้ก็ได้เหรอ?

แม้ว่าสมาชิกของหน่วยจะภักดีต่ออิชทาร์เพราะโดนมนตร์เสน่ห์ของเธอเข้าไป แต่อีกคำสั่งที่พวกเธอได้รับก็คือต้องเชื่อฟังหัวหน้าหน่วย ซึ่งในที่นี้ก็คือไอช่านั่นเอง

วาห์นไม่รู้เลยว่าการที่เขาปลดปล่อยไอช่านั้นจะทำให้ชีวิตของคนมากมายเปลี่ยนไปแบบสุดๆ

‘ตู้มมมมม’

…และแล้วความซวยที่ไอช่ากลัวอยู่ก็เกิดขึ้นแบบทันตาเห็น

เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นภายในเบลิตบาบิลี่ โชคดีที่มันอยู่ตรงจุดที่ฟรีเน่เดินออกไปพอดี

ไอช่าไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างแรกที่เธอนึกออกก็คือวาห์นและกลุ่มพันธมิตรเริ่มออกกมาเคลื่อนไหวแล้ว

เธอรู้ว่าเด็กหนุ่มนั่นค่อนข้างเด็ดขาดเมื่อถึงยามจำเป็น ดังนั้นถ้าจะโจมตีสวนกลับทันทีก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

หญิงสาวหันมาบอกพรรคพวกอย่างเร่งรีบ

“หมดเวลาคิดแล้ว รีบไปเถอะ แต่ถ้าอยากตายตามอิชทาร์ไปล่ะก็…ตามสบายนะ”

ไอช่ารีบสั่งการให้ทุกคนออกจากพื้นที่ต่อสู้ทันที โดยกลุ่มของเธอนั้นประกอบไปด้วยชาวอเมซอนราวๆ สามสิบกว่าคน และในกลุ่มยังมีเลเวล 3 มากถึง 11 คน

จุดหมายต่อไปของพวกเธอก็คือเหล่าโรงแรมที่อิชทาร์แฟมิเลียเป็นเจ้าของ

‘เราต้องพาพรรคพวกหนีออกไปให้ได้มากที่สุด ทุกคนจะต้องไม่มาตายอยู่ที่นี่’ นี่คือสิ่งที่ไอช่าพร่ำบอกตัวเองซ้ำไปมา…

พอนึกย้อนไปถึงสีหน้าอัดอั้นของไอช่า ฟรีเน่ก็อารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย

เธอรู้สึกเกลียดขี้หน้าอเมซอนสาวมาตลอด แต่จะซ้อมอีกฝ่ายให้ตายมันก็ใช่ที่ เพราะถ้าทำแบบนั้น เธอก็จะต้องออกมาบริหารจัดการเรื่องจุกจิกแทน

ดื่มเหล้าสังสรร กินทุกอย่างที่อยากกิน นอนกับคนที่ตัวเองอยากนอนด้วย นี่แหละคือวิธีใช้ชีวิตของฟรีเน่ จามิล

สิ่งเดียวที่ฟรีเน่ยังขาดอยู่ก็มีแค่บุรุษที่ ‘คู่ควร’ จะมาเป็นพ่อของลูกเท่านั้น ซึ่งเป้าหมายล่าสุดของเธอก็คือวาห์นนั่นเอง

ถึงจะชอบป่นร่างกายของอดีตคู่นอนจนเละเป็นชิ้นๆ แต่ฟรีเน่ก็ติดนิสัยชอบเก็บ ‘กล่องดวงใจ’ ของแต่ละคนไว้ดูเล่น

เธอจะเก็บพวกมันใส่โหลและซ่อนเอาไว้ในห้องนอนของตัวเองเป็นอย่างดี

พอกำลังนึกถึง ‘ของ’ ของวาห์นอยู่นั้น ฟรีเน่ก็พบว่ามีร่างๆ หนึ่งเดินเข้ามาขวางอยู่ด้านหน้า

เธอจ้องมองร่างเล็กพร้อมกับตะโกนออกไป

“มายืนขวางแบบนี้ นี่แกไม่อยากอยู่ต่อแล้วใช่มั้ย!?”

แต่ทันทีทีเห็นร่างนั่นชัดกว่าเดิม ดวงตาคล้ายกบของฟรีเน่ก็พลันเบิกกว้างเป็นจานบินก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดถอยหลังเพื่อหลบหอกที่พุ่งใส่คอหอย

‘ร่างเล็ก’ นั่นคือชายหนุ่มเผ่ามนุษย์แมวที่สวมเกราะสีดำและมีสิ่งที่ดูคล้ายแผ่นเหล็กคาดอยู่ตรงส่วนตา

ผมของเขาเป็นสีดำขลับ และสิ่งที่ถือติดมือมาด้วยก็คือหอกสีเงินแวววาวน่าขนลุก

แม้จะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ฟรีเน่ก็จำได้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้คือ ‘อัลเลน ฟรอมเมล’ ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเฟรย่านั่นเอง

หากเป็นคนอื่น ฟรีเน่ก็คงเหยียบจมดินไปแล้ว แต่อัลเลน… ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ ก็คือเลเวลของอัลเลนนั้นอยู่ที่ 6 ค่อนไปทาง 7 ส่วนของฟรีเน่อยู่ที่ 5 นิดๆ เท่านั้นเอง

อัลเลนเป็นนักสู้ที่ใช้ความเร็วและอาวุธที่ทำให้เขามีชื่อเสียงก็คือหอกเล่มนี้นี่แหละ

ถ้าสู้กันแบบตัวต่อตัวล่ะก็…เธอต้องกลายเป็นกบเสียบไม้ย่างแน่นอน

หลังจากหลบการโจมตีอีกหลายครั้ง ฟรีเน่ก็ร้องโหยหวนออกมา

“อัลเลน แกมาทำบ้าอะไรที่นี่เนี่ย!? อย่าบอกนะว่าแม้แต่ยัยอัปลักษณ์เฟรย่าก็เข้ามาหนุนหลังไอ้เด็กนั่น!?”

หูของอัลเลนกระตุกทันทีที่คำว่า ‘ยัยอัปลักษณ์เฟรย่า’ หลุดออกมา จากนั้นใบหน้าที่อยู่หลังแผ่นโลหะก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงแห่งความโกรธ

—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP

—————

ฟรีเน่รู้สึกได้เลยว่าความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม เหงื่อของเธอเริ่มไหลออกมาไม่หยุดจนผิวหนังดูคล้ายกบมากขึ้นทุกที

ฟรีเน่ใช้สมาธิทั้งหมดในการจับจ้องไปที่ตัวหอก แต่แล้วบางอย่างหนักๆ ก็เข้ามากระแทกตรงตำแหน่งหัวใจและส่งเธอลอยออกไปชนกำแพงพังเป็นแถบๆ

สาวร่างยักษ์ไอออกมาเป็นเลือดขณะที่เสียงของ ‘บางอย่างหนักๆ’ เคลื่อนเข้ามาใกล้ตำแหน่งของตัวเอง

ก่อนจะได้ลุกขึ้นมาตั้งหลัก ฟรีเน่ก็ได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาต

“ไอ้หมูโสโครก… นี่แกกล้าใช้ปากสกปรกนั่นดูหมิ่นท่านเฟรย่างั้นเหรอ!?

วันนี้ชะตาแกขาดแน่ ยัยกะหรี่หน้ากบ~!”

อัลเลนรัวหอกเข้าไปตรงแขนขาของฟรีเน่แบบไม่ยั้งเพื่อทำให้อีกฝ่ายหนีไปไหนไม่ได้

ต่อให้งานนี้เธอรอดไปได้ ฟรีเน่ก็คงจะกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต

ตอนนี้ฟรีเน่ไม่ได้นั่งนอนเล่นเฉยๆ แต่กำลังตอบโต้คู่ต่อสู้แบบสุดชีวิตเช่นกัน

ถ้าสกิล [เพลงหมัดโจมตี] ของเธอโจมตีเข้าเป้าแม้แต่ครั้งเดียว เกมก็จะพลิกทันที

แย่หน่อยที่อัลเลนนั้นไวมาก หนำซ้ำยังแม่นยำถึงขั้นที่โจมตีเลี่ยงจุดตายของอีกฝ่ายได้แบบสบายๆ

ดูไปแล้วนี่คงเหมือนกับการทรมานมากกว่าการต่อสู้เสียอีก

10 นาทีต่อมา ฟรีเน่ที่เต็มไปด้วยบาดแผลก็เริ่มกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด

“คนอื่นหายหัวไปไหนกันหมดเนี่ยยยย!?”

เพราะเมื่อกี้เพิ่งเดินผ่านพวกไอช่ามาหมาดๆ ฟรีเน่เลยค่อนข้างมั่นใจว่าอีกเดี๋ยวคงมีคนตามมาช่วย แต่ยิ่งเวลาผ่านไปพร้อมกับบาดแผลที่มีมากขึ้น ความหวังของเธอก็ดูริบหรี่เต็มที

เธอพยายามที่จะสมานแผลและฟื้นฟูร่างกาย แต่ดูเหมือนว่าหอกของอัลเลนจะมีการลงคำสาปบางอย่างเอาไว้

พอปิดแผลไม่ได้ ฟรีจึงเริ่มเกิดอาการมึนเพราะเสียเลือดไปมาก

อัลเลนยิ้มอย่างโหดเหี้ยมก่อนจะเริ่มเยาะอีกฝ่าย

“ร้องอีกสิ เอาให้เหมือนหมูเลย!

เอ้าเร่เข้ามาดูกันให้ทั่วๆ~ ฟรีเน่ผู้ห้าวหาญ ผู้มีฉายาว่า ‘ปลิดบุรุษ’ กำลังโดนบุรุษที่ตัวเล็กนิดเดียวปลิดชีพ

แบบนี้ก็ถือว่าเหมาะดีเหมือนกันนะ ฉันว่าชีวิตนี้แกคงอิ่มหนำมาพอแล้วล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

นี่ไม่ใช่การต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายเหมือนกับตอนแรก

ในช่วง 10 นาทีที่ผ่านมานั้น อัลเลนได้ใช้เวลา 5 นาทีหลังไปกับการ ‘เล่น’ กับอีกฝ่าย

ตามปกติแล้ว ‘เป้าหมาย’ ที่ตัวใหญ่แบบนี้คงมีแต่มอนสเตอร์เท่านั้น อัลเลนก็เลยอยากลองทดสอบดูว่าฟรีเน่จะทนได้นานขนาดไหน

จากที่กะคร่าวๆ ตอนนี้เธอน่าจะเสียเลือดไปประมาณหนึ่งอ่างน้ำเห็นจะได้

พอร่างกายมาถึงขีดสุด ฟรีเน่ก็เข่าทรุดลงกับพื้นและเริ่มขยับปากแทน

“อัลเลน นายมาที่นี่ทำไม? ถึงอิชทาร์กับเฟรย่าจะเป็นศัตรูกัน แต่เราสองคนก็ไม่ได้มีอะไรบาดหมางกันนี่… เอางี้มั้ย ถ้านายยั้งมือ ฉันจะยอมไปเป็นผู้หญิงของนาย จะใช้ร่างกายนี่ทำให้นา-”

ก่อนจะได้พูดต่อจนจบ อัลเลนก็วาดหอกออกไปเฉือนลิ้นและปากบางส่วนของฟรีเน่

“เหอะ สมองแกนี่คงเล็กเท่าไข่กบสินะ คิดว่าฉันตาบอด เห็นขยะแบบแกดีกว่าเทพธิดางั้นเหรอ!?”

ฟรีน่าใช้มือกดแผลที่ปากขณะพึมพำเบาๆ จากนั้นเธอก็พุ่งเข้าไปโจมตีอีกครั้งโดยหวังว่าตัวเองอาจจะโชคดีขึ้นมาบ้าง

เธอรู้ว่าถ้าเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ อีกเดี๋ยวก็คงต้องตายเพราะเสียเลือดมากเกินไป

พอรู้ว่าตัวเองจะถึงฆาต คนเราก็มักจะรีดเอาแรงเฮือกสุดท้ายออกมาได้เสมอ… แต่ครั้งนี้มันไม่พอ

ถึงจะหัวเสียมาก แต่อัลเลนก็สามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งยังสวนหอกออกไปตัดเส้นเอ็นที่แขนทั้งสองของอีกฝ่ายคืนด้วย

หลังจากโดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายฟรีเน่ก็ล้มแบบหน้าจุ่มพื้น

ดวงตาที่คล้ายกบนั่น ครั้งนี้มันกลับดูน่าสังเวชอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

(A/N: ตอนนี้มีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงมาก ถ้าไม่ชอบสามารถข้ามได้เลย ไม่มีผลกับเนื้อหาตอนหน้าครับ~!)

หลังจากที่ร่างยักษ์ล้มลงไปแล้ว อัลเลนก็เข้ามาตรวจดูว่าตัวเองตัดเส็นเอ็นเรียบร้อยดีหรือเปล่า

ต่อให้เธอ ‘แกล้งตาย’ และอยากลอบโจมตีมากแค่ไหน แต่ถ้าเส้นเอ็นถูกตัดหมด ทุกอย่างก็เป็นได้แค่ฝันกลางวัน

ดวงตาสีแดงของอัลเลนเริ่มฉายแววโหดเหี้ยมขณะที่เจ้าตัวเดินไปตรงหน้าต่างที่ประดับไปด้วยลูกกรง

‘ที่นี่มันคุกชัดๆ เลย…’

เขาขยับหอกเพื่อตัดท่อนเหล็กบางส่วนออกมา จากนั้นก็เก็บพวกมันขึ้นและเดินกลับมาที่ร่างของฟรีเน่

อัลเลนร่ายเวทเบาๆ และทำให้แท่งเหล็กในมือร้อนขึ้นแบบทันตาเห็น

“อันดร็อกโตนัสชื่อกระฉ่อนต้องมาแพ้ให้กับผู้ชาย ตลกดีใช่ไหมล่ะ~?

ไหนๆ เมื่อกี้เธอก็ออกปากเสนอตัวแล้ว ถ้าฉันไม่สนใจใยดีมันก็ออกจะเกินไปหน่อย

เพื่อเป็นของขวัญอำลา ฉันจะมอบสิ่งที่เธอไม่มีวันลืมเลย”

อัลเลนเดินไปอยู่ตรงด้านหลังฟรีเน่ จากนั้นเขาก็เสียบท่อนเหล็กเข้าไปในก้อนเนื้อมหึมาด้วยสายตาวิกลจริต

ฟรีเน่กรีดร้องลั่นและพยายามขยับตัวแม้ว่าเส้นเอ็นจะถูกตัดออกไปหมดแล้ว

ยิ่งเธอกรีดร้อง อัลเลนก็ยิ่งเร่งมือให้เร็วขึ้นจนใส่ท่อนเหล็กเข้าไปได้อีก 6 ท่อน

แม้ว่ากลิ่นเนื้อย่างจะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสะอิดสะเอียน แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกพอใจเช่นกัน

ตั้งแต่ตอนที่ฟรีเน่พูดล่วงเกินเทพธิดาผู้เป็นที่รักยิ่ง อัลเลนก็ตัดสินใจแล้วว่าจุดจบของเธอจะต้องทุกข์ทรมานอย่างถึงที่สุด

สีหน้าของทัมมุซดูจริงจังขึ้นทันทีที่วาห์นเปลี่ยนไปใช้ร่างเต่าทมิฬ

ชายหนุ่มรีบพุ่งตัวออกไปสกัดก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดออกไปมากกว่านี้ แต่แทนที่วาห์นจะหลบแบบครั้งก่อน เขากลับยืนปักหลักอยู่ที่เดิมและสวนหมัดมาตรงแผงอกของทัมมุซ

เพราะรู้อยู่แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทัมมุซก็เลยบิดตัวหลบทันพลางเคลื่อนมาที่ด้านข้างของวาห์นแทน

ในจังหวะนั้นเอง เขาก็รู้สึกได้ถึงความร้อนมหาศาลแถวๆ ลำตัว ก่อนจะหันมามองวาห์นด้วยสายตาดุดัน

หลังตกอยู่ในสภาพ ‘โล่งโจ้ง’ ในตอนที่สู้กับทีโอเน่ วาห์นก็เลยซื้อกางเกงกันไฟมาตุนไว้ 2-3 ตัว

ถึงจะกันไฟที่ใช้อยู่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยพวกมันก็ทนทานกว่ากางเกงทั่วไป

อุปกรณ์ที่วาห์นใส่ในตอนแรกนั้นไหม้สลายไปหมดแล้ว เหลือแค่กางเกงตัวนี้เนี่ยแหละ

หากมองจากที่ไกลๆ คนดูก็คงเห็นมัดกล้ามที่อยู่ภายใต้เกล็ดหนาและร้อยสักต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

ร่างเต่าทมิฬนั้นยังช่วยขยายกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้นมาอีกเล็กน้อย นี่เป็นภาพอันน่าเกรงขามที่ทำให้ทัมมุซรู้สึกกดดันอยู่เหมือนกัน

แทนที่จะพยายามเข้าไปแลกหมัดด้วย ทัมมุซกลับนำสิ่งที่ดูคล้ายตะปูออกมาโยนใส่อย่างรวดเร็ว ทว่าพวกมันกลับทะลุผ่านสิ่งที่ดูเหมือนเป็นภาพติดตาของวาห์นและลงไปฝังตัวอยู่ในพื้นดินที่ห่างออกไปราวๆ 40 เมตร

ทัมมุซขมวดคิ้วก่อนจะรีบกลิ้งไปข้างหน้าเพื่อหลบลูกเตะที่วาห์นสวนกลับออกมา

เขารู้สึกว่าความร้อนที่มาพร้อมกับการโจมตีแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่เล่นๆ เลย แต่บางอย่างที่เขาสังเกตเห็นก็คือวาห์นไม่ได้ขยับอะไรมากมายเหมือนตอนแรก

ทัมมุซเดาว่าวาห์นคงสละความว่องไวทิ้งเพื่อแลกกับพลังโจมตีและป้องกันที่เพิ่มขึ้น

ทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายนั้นเต็มไปด้วยความผันผวนของมานา

นี่ถ้าเขาเปลี่ยนไปสู้แบบถ่วงเวลาแทนล่ะก็ ไม่นานวาห์นอาจจะหมดแรงไปเองก็ได้

ปัญหาก็คือทัมมุซไม่รู้ว่าวาห์นมีไอเท็มฟื้นฟูอยู่ใน ‘เวทคลังเก็บของ’ มากมายขนาดไหน

การต่อสู้ครั้งนี้เป็นอะไรที่ตึงมือมาก และดูเหมือนว่าวิธีเดียวที่จะชนะก็คือต้องยอมเจ็บตัวหน่อยๆ หลังจากนั้นค่อยกลับไปรักษาตัวที่แฟมิเลียก็แล้วกัน

วาห์นเห็นว่าทัมมุซนั้นเริ่มเปลี่ยนไปเป็นฝ่ายรับแทนและไม่ยอมเข้ามาแลกหมัดกับเขาแบบตรงๆ

มันออกจะน่ารำคาญหน่อยๆ เพราะแบบนี้เขาก็ทดสอบร่างเต่าทมิฬไม่ได้น่ะสิ

วาห์นเริ่มตระหนักว่าบางครั้งการใช้วิชาที่คู่ต่อสู้คาดไม่ถึงนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอไป

เมื่อต้องเจอกับนักสู้เจนศึก พวกเขามักจะประเมินทุกอย่างที่เกิดขึ้นและพยายามหาทางแก้ไขแทนการพุ่งชนแบบตรงๆ

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผู้คนถึงยอมจ่ายเงินจำนวนมหาศาลเพื่อหาข้อมูลของคู่ต่อสู้

ถ้ารู้ข้อมูลทุกอย่างของอีกฝ่าย เราก็สามารถคิดแผนรับมือต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ

เพราะทัมมุซแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ชายหนุ่มจึงเลือกวิธี ‘ปลอดภัยไว้ก่อน’

วาห์นเริ่มนึกอยากจะปลดอณูธาตุไฟออกเพื่อล่อให้ทัมมุซเข้ามาโจมตี แต่ดูแล้วมันก็ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ นอกเสียจากเขาจะทำให้อีกฝ่ายเชื่อได้ว่ามานาของตัวเองใกล้จะหมดลงแล้ว

เพราะเป็นพวกที่ ‘ตอแหล’ คนไม่เก่ง วาห์นเลยไม่มั่นใจเท่าไหร่… หรือไม่งั้นเขาก็ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแบบจริงจัง

วันนั้นเขาได้มอบ [รูปปั้นฮีโร่] ให้กับทีโอเน่ไป แต่คิดไปคิดมาแล้วตอนนี้อยากเก็บมันไว้ใช้เองมากกว่า

ตั้งแต่โดนทีโอเน่ ‘ฆ่า’ โดยไม่ได้เจตนา วาห์นเลยเข้าใจว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในการต่อสู้ สิ่งสำคัญก็คือห้ามเสียสมาธิเด็ดขาด

พอคิดว่าวาห์นกำลังเสียสมาธิ ทัมมุซก็เลยปาตะปูใส่บริเวณด้วยแรงมหาศาล

วาห์นไม่คิดจะเคลื่อนตัวหลบด้วยซ้ำ เขาแค่ขยับเท้าเล็กน้อยและปล่อยให้ตะปูลงไปฝังดินเหมือนกับครั้งแรก

ถึงจะ ‘ดูเหมือน’ ไม่ทันระวังตัว แต่สิ่งที่สึบากิเคยฝึกให้นั้นได้หยั่งรากลึกลงไปในร่างกายของวาห์นแล้ว

ถ้าอยากจะสร้างความเสียหายให้กับเขาล่ะก็ คู่ต่อสู้คงต้องลงทุนมากกว่านี้อีกเยอะ

วาห์นใช้ช่องว่างหลังจากที่ทัมมุซปาตะปูออกไปเพื่อใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] ขณะเดียวกันที่เกล็ดของเขาก็เริ่มเปล่งแสงสีเขียวออกมา

ทัมมุซพยายามหลบหลีกด้วยการดีดตัวไปข้างหลัง แต่เขาคงคิดไม่ถึงแน่ๆ ว่าการโจมตีครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องสัมผัสถูกเป้าหมายด้วยซ้ำ

วาห์นต่อยคลื่นกระแทกออกไปข้างหน้าโดยบีบให้มันเล็กกว่าปกติหลายเท่า ดังนั้นแทนที่จะกระจายออกไปเป็นวงกว้าง มันกลับพุ่งราวกับกระสุนอากาศและเข้าชนร่างของทัมมุซจนกระเด็นออกไปอีกเกือบ 10 เมตร

และก่อนที่อีกฝ่ายจะฟื้นตัวทัน วาห์นก็พุ่งมาเตะเข้าตรงด้านหลังซ้ำเข้าไป

หลังจากโดน ‘กระสุนอากาศ’ เข้าไปเต็มๆ ทัมมุซที่ไม่สามารถป้องกันตัวได้ชั่วขณะก็โดนเตะซ้ำจนกระดูกส่งเสียงไม่ค่อยดีนัก นอกจากนั้นผิวหนังตรงแผ่นหลังก็ยังเกิดแผลไหม้อีก

เขาพยายามรักษาระยะห่างเพื่อตั้งหลัก ทว่าวาห์นก็เคลื่อนมาดักอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าและรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม

นี่คืออุปนิสัยที่วาห์นสร้างขึ้นในช่วงที่ลงดันเจี้ยนแบบบ้าระห่ำ

เมื่อไหร่ก็ตามที่เครื่องติด จิตใจของเขาก็จะเยือกเย็นมาก ความคิดเดียวที่หลงเหลืออยู่ในสมองก็คือการเอาชนะศัตรูตรงหน้าให้ได้อย่างเด็ดขาด

นี่ไม่ใช่เพราะร่างกายได้รับแอดรีนาลีนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะ [หัวใจของเพลิงนิรันดร์] ที่พยายามปั๊มเลือดในปริมาณมหาศาลจนเจ้าของร่างเกิดอาการอยู่ไม่สุขด้วย

ทัมมุซกัดฟันแน่นและพยายามป้องกันตัวเองสุดชีวิต แต่ตอนนี้เขาก็ไม่ต่างไปจากลูกบอลที่โดนเตะไปมาเลย

วาห์นพุ่งมาดักรอข้างหน้าอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับชูมือขึ้นมาหาอีกฝ่ายแทนการใช้ขาเหมือนครั้งก่อนๆ

ครั้งนี้ทัมมุซมีเวลามากพอที่จะไขว้แขนตั้งการ์ดเพื่อป้องกันส่วนใบหน้า ซึ่งวาห์นก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่

เขาต่อยเข้าที่การ์ดนั่นตรงๆ จนมันฝังเข้าไปตรงลำคอก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะกระเด็นตกลงไปบนพื้น

ก่อนที่ทัมมุซจะลุกขึ้น วาห์นก็ใช้ [เอ็นคิดู] ออกมาเพื่อตรึงร่างของชายหนุ่มไว้กับพื้น

คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะหลบหรือตอบโต้อะไรได้เลย

มีชั่วขณะหนึ่งที่วาห์นนึกอยากจะทุบหัวของทัมมุซให้แบะเหมือนแตงโม สาเหตุก็เพราะดวงตาของอีกฝ่ายยังคงฉายแววอวดดีเหมือนเดิม แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนความคิดและหันไปคุมอณูธาตุไฟโดยให้พวกมันไปกระจุกกันอยู่ตรงสายตาอวดดีนั่นแทน

มันอาจจะไม่ถึงขั้นที่ทำให้ตาบอด แต่ดูแล้วคงเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากซึ่งต่อให้หลับตาก็หนีไม่พ้นอยู่ดี

ทัมมุซกรีดร้องเสียงดังจนวาห์นต้องหยุดมันด้วยการกระชับโซ่ที่ยึดตรงลำคอให้แน่นกว่าเดิม

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง วาห์นถึงจะผ่อนโซ่ออกเล็กน้อย

“ไม่ต้องดิ้น ถ้ายังกวนไม่เลิก… อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ”

ทัมมุซพยายามโต้กลับ แต่แล้ว [เอ็นคิดู] ก็รัดแน่นขึ้นอีกจนเขาพูดไม่ออก

ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากจ้องมองมือที่ถูกยกมาวางบนศีรษะของตัวเอง ก่อนจะสัมผัสได้ว่ามันกำลังปล่อยพลังงานบางอย่างออกมา

เพราะเคยเห็นมันมาก่อนครั้งนึง วาห์นก็เลยสามารถลบมนตร์เสน่ห์ออกจากทัมมุซได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็ต่อด้วยการสะกดจุดทั่วลำตัวของชายหนุ่มเพื่อกันไม่ให้เขาสู้ต่อ

พอทำเสร็จแล้ว วาห์นก็คลายโซ่ออกและถามขึ้น

“ตอนนี้นายยังคิดจะติดตามอิชทาร์อยู่อีกหรือเปล่า?”

วาห์นรู้ว่ามนต์เสน่ห์พวกนี้ไม่ใช่เครื่องมือควบคุมจิตใจที่ทรงพลังแต่อย่างใด บางครั้งสันดานคนเรามันก็ไม่ดีอยู่แล้ว ต่อให้ไม่มีมนต์เสน่ห์ก็อาจทำเรื่องเลวๆ ได้อยู่ดี

ถ้าทัมมุซยังคิดร้ายต่อไปไม่เลิก วาห์นก็อาจจะจบทุกอย่างลงตรงนี้เลย

ทัมมุซแทบจะถุยน้ำลายใส่ด้วยซ้ำก่อนที่เขาจะตะโกนออกมา

“นี่คิดว่าวิชาปาหี่ของแกจะทำให้ข้าผู้นี้ทรยศนายหญิงได้งั้นเหรอ!?

คิดตื่นไปแล้ววาห์น เมสัน โทษฐานที่มายุ่งกับแผนของเรา แกกับแฟมิเลียจิ๊บจ๊อยของแกสมควรถูกทำลาย!”

วาห์นพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ‘เห็นชอบ’

“นายนี่มันภักดีแบบสุดๆ เลยนะ น่าชื่นชมมาก แม้ว่า…”

พูดถึงตรงนั้น ดาบสีดำก็ปรากฏขึ้นในมือ ก่อนที่มันจะพุ่งตรงเข้าไปที่หัวใจของทัมมุซ

เพราะเป็นถึงนักผจญภัยเลเวล 4 ทัมมุซก็เลยไม่ได้ตายแบบทันทีทันใด เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อดึงดาบออก

วาห์นก้มหัวเล็กน้อยขณะพูดต่อ

“หวังว่าอิชทาร์จะจดจำความภักดีของนายตราบจนถึงวาระสุดท้ายของเธอเอง”

พูดจบวาห์นก็บิดดาบและทำให้ทัมมุซสิ้นใจทันที

เพราะนี่คือ ‘การดวล’ และวาห์นก็ไม่ได้ทรมานทัมมุซมากจนเกินไปนัก เขาเลยได้ค่ากรรมดีเยอะพอสมควร ขณะที่ค่ากรรมชั่วกลับขึ้นมาเพียง 2 แต้มเท่านั้น

วาห์นคิดว่า 2 แต้มนั่นคงมาจากตอนที่ไปย่างดวงตาของอีกฝ่าย ‘นิดหน่อย’ นั่นแหละ

ตอนนั้นทัมมุซสู้ต่อไม่ได้แล้ว มันก็เลยกลายเป็นสิ่งที่นอกเหนือความจำเป็น

ส่วนตอนที่ฆ่านั่นก็ไม่นับ เพราะทัมมุซเป็นฝ่ายที่มุ่งร้ายแต่แรก และทั้งสองก็ไม่เคยมีเรื่องให้แค้นเคืองเป็นการส่วนตัวกันมาก่อน

ชายหนุ่มคนนี้ยอมทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะ รวมถึงการวางแผนทำร้ายคนที่เขาห่วงใยด้วย ทุกอย่างก็เพื่อทำให้อิชทาร์พึงพอใจ

เพราะเขาออกมาสู้กับวาห์นแบบตรงไปตรงมา ค่ากรรมชั่วก็เลยไม่เกิดขึ้นจากตรงส่วนนี้ แต่วาห์นยังได้ค่ากรรมดีมากมายเพราะทัมมุซนั้นคงทำเรื่องไม่ดีมาเยอะ แม้มันจะเป็นการทำลงไปเพราะความภักดีก็ตาม

—————
ผล.งาน.ถูกขโมยมาจาก: EP:IC Translation และ Thai Novel : https://bit.ly/34ApcTP

—————

เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่วาห์นต้องมานั่งคิดว่าจะเอายังไงกับศพนี่ดี

ตอนแรกเขากะจะส่งมันให้กับทางการ หรือไม่ก็แจ้งกลุ่มพันธมิตรผ่านทางเครือข่ายเพื่อใช้มันเป็นหลักฐานในการโต้กลับ

ทว่าสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่ใช้ศพในฐานะเหตุผลหรือเครื่องมือในการโจมตีอีกฝ่าย

ถึงจะหลงผิดมาตลอด แต่ทัมมุซก็เป็นลูกน้องที่ภักดีและสู้กับวาห์นแบบตรงๆ

เพราะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการต่อสู้ครั้งนี้ วาห์นก็เลยเลือกที่จะทำพิธีสวดศพแบบสั้นๆ ก่อนจะเผามัน

ภายในสัมภาระของชายหนุ่มนั้นยังมีล็อกเกตเล็กๆ ที่บรรจุรูปของสาวสวยผิวเข้มไว้ข้างใน

วาห์นเดาว่านี่ต้องเป็นรูปของอิชทาร์แน่นอน แถมตรงใต้รูปก็ยังมีอักษรย่อ ‘T.B. ’ สลักอยู่ด้วย (TL:น่าจะเป็นชื่อและนำสกุลแบบย่อๆ ของทัมมุซ)

เพราะมันอาจเป็นของดูต่างหน้าชิ้นสำคัญ ต่อให้วาห์นไม่ค่อยชอบอิชทาร์เท่าไหร่ แต่เขาก็ตัดสินใจว่าจะคืนของชิ้นนี้ให้กับเธอด้วยตัวเอง

แต่ถ้าเธอไม่สนใจหรือยังตามราวีคนรอบข้างวาห์นไม่เลิก… ไว้เดี๋ยวจะเอามันไปประดับบนแท่นบูชาของเธอแทนก็แล้วกัน

หลังจากนำอัฐิของทัมมุซไปลอยอังคารไว้ในสวน วาห์นก็ไปแจ้งอาคิเพื่อที่เธอจะได้ส่งต่อข้อมูลให้กับทางเครือข่าย

นอกเหนือจากเฮสเทียแล้วก็มีอาคินี่แหละที่มีคัมภีร์อยู่สองชุด เล่มแรกคือคัมภีร์ที่ใช้ติดต่อเครือข่าย ส่วนเล่มที่สองนั้นไว้สำหรับติดต่อโลกิโดยตรง

เรื่องนี้เธอได้แจ้งวาห์นไว้หมดแล้ว รวมไปถึงเรื่องหน้าที่ต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายมาด้วย

วาห์นตระหนักว่านี่คงเป็นแผนการบางอย่างของโลกิ แต่ก็รู้ว่าอาคินั้นไม่ได้คิดมุ่งร้ายต่อตัวเองและเฮสเทียแฟมิเลีย

แน่นอนว่าหลังจากช่วงเช้ามาถึง เขาก็จะไปรายงานเรื่องนี้ให้เฮสเทียทราบด้วยเช่นกัน

สาเหตุที่ไม่รีบไปรายงานตอนนี้ก็เพราะว่ามันไม่ใช่ ‘เรื่องใหญ่’ อะไร แถมเทพตัวเล็กก็เป็นพวกที่ตื่นยากมากๆ…

พอออกมาจากห้องของอาคิ วาห์นก็มุ่งหน้าไปที่ห้องอาบน้ำทันที

ถึงเหงื่อส่วนใหญ่จะระเหยออกไปทันทีที่ห่อหุ้มร่างกายด้วยอณูธาตุไฟ แต่พอหยุดใช้มัน เหงื่อก็กลับมาไหลตามปกติ

รอบนี้วาห์นใช้พลังงานไปค่อนข้างเยอะ แถมยังมีหัวใจที่คอยสูบฉีดเลือดแบบแหลกลานนั่นอีก

ทันทีที่ผ่อนคลายร่างกายและสลายร่างแปลงออก ร่างกายของวาห์นก็เริ่มขับเหงื่อแบบไม่สนใจอากาศหนาวเย็น้ลยแม้แต่น้อย

ในระหว่างที่อาบน้ำอยู่นั้น วาห์นก็สัมผัสได้ว่ามีบางคนกำลังตามเขาเข้ามา

ดูแล้วคงเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากอาคิ เพราะตอนนี้คนอื่นๆ น่าจะยังหลับกันอยู่

ไม่นานเธอก็เดินเข้ามาในสภาพเปลือยเปล่าเหมือนอย่างที่เขาคาดไว้
วาห์นยิ้มนิดๆ ขณะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเว้นที่ให้เธอมานั่งข้างๆ

เพราะเดี๋ยวก็จะดัดแปลงห้องน้ำใหม่แล้ว รอบนี้เขาเลยลงมาใช้บ่อเล็กดูบ้าง

ขณะที่ทั้งสองนั่งซบนั่งกอดกันไปมาอย่างสนิทสนม อาคิก็แจ้งเรื่องข้อความที่ได้รับจากโลกิให้วาห์นทราบ

คืนนี้ต้องรบกวนเธอหลายอย่าง วาห์นจึงตบรางวัลเล็กน้อยด้วยการนวดให้ แต่เพราะว่ากำลังแช่น้ำกันอยู่ เขาก็เลยต้องใช้ตักของตัวเองแทนโต๊ะนวด…

เพราะไม่เคยเห็นวาห์นใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] แบบจริงๆ จังๆ มาก่อน ทีโอเน่เลยผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะถีบตัวไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

ถึงวิชาของวาห์นจะเร็วกว่า แต่เขาก็ตามการตอบสนองของฝั่งตรงข้ามไม่ทันอยู่ดี ดูแล้วไม่ต่างจากตอนที่เขาสู้กับสึบากิเท่าไหร่

เขาพยายามอ้อมไปอยู่ด้านหลังเพื่อโจมตีด้วยฝ่ามือ แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็คือฝ่าเท้าที่พุ่งสวนจนกระดูกตรงนิ้วร้าวไปเป็นแถบ

วาห์นกระเด็นถอยหลังจากแรงถีบมหาศาล แต่ยังดีที่เท้ายังติดพื้นอยู่ เขาจึงใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] อีกรอบเพื่อปรับตำแหน่งใหม่

ทีโอเน่เบิกตากว้างเพราะเธอกะจะเข้าไปซ้ำหลังปล่อยให้วาห์นกระเด็นต่อไปอีกพักหนึ่ง

ทันที่เธอเตะเขาลอยออกไป วาห์นก็โผล่กลับเข้ามาอยู่ใกล้กับช่วงท้องที่ไร้การป้องกันและใช้ [เพลงหมัดโจมตี] ซึ่งเป็นสกิลที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี

เธอพยายามบิดเท้าเพื่อเปลี่ยนทิศทาง แต่หมัดของวาห์นก็เร็วกว่า แม้จะพลาดเป้าหมายไปบ้างก็ตาม

ทีโอเน่กระเด็นออกไปประมาณ 5 เมตร ก่อนจะกลับลงมาบนพื้นอย่างนิ่มนวล

ตอนนี้ดวงตาสีน้ำตาลเริ่มมีสีออกแดงๆ และฉายแววน่ากลัวมาก

หญิงสาวไม่รีรออะไรทั้งสิ้น เธอพุ่งกลับมาอย่างรุนแรงและเข้าบดขยี้ตรงจุดที่วาห์นเคยยืนอยู่เมื่อเสี้ยววินาทีที่แล้ว

เขาหลบฉากโดยใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] อีกครั้ง จากนั้นก็ต้องรีบก้มตัวเพื่อหลบการเตะกวาดก่อนจะทิ้งระยะห่างออกไปอีกครั้ง

วาห์นตระหนักอย่างรวดเร็วว่าทีโอเน่นั้นไม่ได้มีดีแค่พละกำลังมหาศาล เพราะหลังจากที่โดนโจมตีใส่เพียงไม่กี่ครั้ง เธอก็เริ่มจับทางได้และไม่เปิดช่องว่างให้เขาอีกเลย

ข้อได้เปรียบที่สุดในตอนนี้ก็คือ วาห์นสามารถใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อเปลี่ยนทิศทางได้อย่างอิสระ ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่พุ่งแบบทิศทางเดียว

หลังจากพุ่งใส่ไปแล้ว ทีโอเน่ต้องใช้เวลานิดหน่อยเพื่อปรับตำแหน่งบนพื้น จากนั้นเธอถึงจะโจมตีต่อได้

ถ้าใส่สนับแขน [เต่าทมิฬผู้ปกป้อง] วาห์นก็อาจจะเข้าไปแลกหมัดกับเธอได้ แต่ตอนนี้เขาอยากลองสู้โดยใช้แค่พลังกาย สกิล และวิชาต่างๆ ไปก่อน

พอคิดได้แบบนั้นแล้ว วาห์นจึงไม่หลบการโจมตีครั้งถัดไปและพยายามตั้งการ์ดเพื่อรับลูกเตะที่พุ่งลงมาจากด้านบนแทน

แววตาของทีโอเน่แฝงไปด้วยความบ้าคลั่งและลุ่มหลงเมื่อรู้ว่าตัวเองโจมตีถูกเป็นครั้งแรก

เท้าของวาห์นจมลงไปในพื้นหลายนิ้ว ตามมาด้วยรอยร้าวที่แผ่ออกไปรอบๆ

วาห์นรู้ว่าแขนตัวเองหักหมดทั้งสองข้าง แต่เขาก็ยังยิ้มอย่างมั่นใจก่อนจะขยับตัวเข้าไปจนเกือบชิด

ทีโอเน่พยายามคว้าเขาไว้ตามสัญชาตญาณ แต่เขากลับใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] แบบไม่ติดเบรกเพื่อทำให้ร่างของทั้งคู่เคลื่อนที่ออกไปด้วยกัน

การใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] แบบไม่มีเบรกนั้นคือเรื่องธรรมดาของพวกมือใหม่ และมักจะจบลงด้วยการสะดุดหกล้มในอีกหลายเมตรถัดมา

แต่ถ้าทิศทางที่ใช้มีบางอย่างขวางอยู่… ทีโอเน่คงนึกไม่ถึงแน่ๆ ว่าตัวเองจะชนเข้ากับกำแพงหนาของตัวคฤหาสน์

ทันทีที่กำแพงได้รับความเสียหาย ข่ายเวทมนตร์สีแดงจะสว่างขึ้นเพื่อป้องกันรอยแตกร้าวอันไม่พึงประสงค์

การทำงานของข่ายเวทนี้ก็คือ มันจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวกำแพงขึ้นอีกหลายเท่า

ทีโอเน่สูดหายใจด้วยความเจ็บปวดก่อนจะพยายามใช้แขนล็อควาห์นอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าอีกฝ่ายหายตัวไปเสียแล้ว

หลังจากกระอักเลือดออกมาเล็กน้อย แววตาก็เธอก็แดงยิ่งกว่าเดิม และหลังจากนั้นไม่นานมันก็สบเข้ากับเป้าหมายที่อยู่ห่างไปประมาณ 20 เมตร

ถึงจะไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่วาห์นรู้ว่านี่คือผลของสกิล [เบอร์เซิร์ก] ซึ่งจะเพิ่มค่าพละกำลังโดยขึ้นอยู่กับค่าความเสียหายที่ได้รับ

แต่จากการต่อยคลาดเคลื่อนไป 1 ที และพุ่งชนกำแพงแบบเต็มๆ ไป 1 ครั้ง วาห์นคาดว่ามันยังคงทำงานได้ไม่เต็มที่

เพราะความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในเรื่องที่เกี่ยวกับร่างกายของสิ่งมีชีวิต เขาจึงดูออกว่าทีโอเน่นั้นยังปกติดีอยู่

ซี่โครงของเธอที่ควรจะหักกลับไม่มีให้เห็นเลยสักซี่

ถ้าจะให้ลงลึกอีกหน่อย ต้องบอกก่อนว่าร่างของทีโอเน่นั้นสามารถสลายการโจมตีได้บางส่วน แถมมันยังต้านทานสถานะผิดปกติต่างๆ เช่นกรดหรือการเผาไหม้ได้หลายนาทีอีกด้วย

ขณะถูกพายุหมัดกระหน่ำใส่แบบไม่ยั้ง วาห์นก็ยังอุตส่าห์เจียดเวลาที่มีอยู่เล็กน้อยมาคิดคำนวณค่าความทนทานของเธอแบบเล่นๆ

ทีโอเน่น่าจะเป็นพวกที่เก็บค่าสถานะจนเกือบเต็มก่อนเลเวลอัพ ดังนั้นค่าสถานะของเธอน่าจะอยู่ที่ราวๆ 4300-4500 แต้มต่อเลเวล

ค่าความทนทานของเธอน่าจะอยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์จากค่าทั้งหมด หรือก็คือประมาณ 4000 แต้มนั่นเอง

ด้วยค่าพละกำลังเพียง 2544 แต้ม หากไม่ใช่สกิลเข้าช่วย วาห์นก็คงจะสร้างความเสียหายให้กับทีโอเน่ไม่ได้เลย

วิชาสร้างแรงสั่นสะเทือนที่เขาเคยใช้กับโกไลแอธคงทำให้ผิวสีน้ำตาลผุดผ่องสั่นไหวเล็กน้อยเท่านั้นเอง

ตอนนี้สกิลอย่าง [เบอร์เซิร์ก] ก็โผล่ออกมาแล้ว การโจมตีของเธอจึงรุนแรงยิ่งกว่าเดิมมาก… ถึงแขนจะหัก แต่ที่พวกมันยังไม่ขาดสะบั้นก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว

เรื่องนี้ทำให้วาห์นที่ไม่เคยนึกถึงข้อเสียของการเน้นหนักไปที่ค่าพลังเวทรู้สึกเซ็งขึ้นมาหน่อยๆ

เพราะไม่มีเวลามาร่ายเวทมนตร์ใดๆ ทั้งสิ้น เขาเลยกำลังคิดหาทางเพื่อเปิดช่องว่างตรงนั้นอยู่

ตอนนี้การต่อสู้ก็ผ่านไปนาทีกว่าๆ แล้ว แขนที่หักของวาห์นจึงเริ่มฟื้นตัวและกลับมาใช้การได้อีกครั้ง

แต่พอจะสลับไปโจมตีจุดสำคัญของอีกฝ่ายบ้าง จู่ๆ ทีโอเน่ก็ลดการป้องกันพร้อมเผยรอยยิ้มบนใบหน้า

วาห์นเห็นแบบนั้นก็ถึงกับอึ้งจนต้องหยุดการโจมมตีแบบกลางคันไปเลย

ทีโอเน่ทำท่าเหมือนจะโยนอะไรบางอย่างออกมาแบบ ‘ช้าๆ’ ทว่าก้อนหินที่ลอยออกมานั้นกลับพุ่งเข้าใส่ต้นขาของวาห์นอย่างรุนแรง

“มาดูกันว่าคราวนี้ยังจะหลบเก่งเหมือนเดิมไหม ย้ากกกกก!”

เธอโดดขึ้นไปบนอากาศก่อนจะพุ่งใส่วาห์นด้วยมือที่กำแน่นทั้งสองข้าง

วาห์นยังคงใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อหลบการโจมตีได้เหมือนเดิม แต่พออีกฝ่ายตกถึงพื้น เธอก็พุ่งตามมาแบบติดๆ ราวกับเป็นสิงโตเสียสติ

เศษดินเศษทรายกระเด็นออกไปตามทางที่หญิงสาวพุ่งผ่าน… นี่เธออาจจะเสียสติไปจริงๆ แล้วก็ได้

วาห์นรู้ว่าผลข้างเคียงของ [เบอร์เซิร์ก] จะมีส่วนคล้ายกับอาการเครียดและหงุดหงิดของเฟนเรียร์

เพราะไม่ได้เข้าสู้กับเธอแบบ ‘ตรงๆ’ ทีโอเน่เลยยิ่งคลั่งหนักและพยายามที่จะทำร้ายเขาแบบจริงจัง

[เคลื่อนย้ายในพริบตา] นั้นไม่ใช่สกิลที่ต้องใช้ขาดีๆ ทั้งสองข้าง วาห์นเลยยังใช้มันหลบหลีกได้ในขณะที่คอยรักษาแผลด้วย [หัตถ์แห่งเนอร์วาน่า]

ทีโอเน่เห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งกัดฟันแน่น ต่อด้วยการร่ายเวทมนตร์บางอย่างที่วาห์นไม่รู้จัก

เขาใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อย่นระยะและพยายามหยุดการร่ายนั่นด้วยความลนลาน

ทว่าทีโอเน่กลับปล่อยให้เขาอัดตรงกระบังลมโดยที่เธอยังคงร่ายเวทต่อไปแบบไม่หยุด

ผลลัพธ์ที่ได้จากการโจมตีดังกล่าวก็คือทำให้อีกฝ่ายหายใจแรงๆ ผ่านจมูกเท่านั้นเอง

“…จับกุมเวลา หยุดเวลา มีชัยเหนือเวลา!!!” ทีโอเน่จบการร่ายเวทด้วยสามประโยคสุดท้าย

วาห์นพยายามใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อหลบออกมา แต่ทันทีที่ทำแบบนั้น พลังงานบางอย่างก็เข้ามาห่อหุ้มแขนขาจนขยับไม่ได้

เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่วาห์นเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยว่าคู่ต่อสู้รู้สึกแบบไหนเวลาโดน [เอ็นคิดู] เข้าไป

แต่เขาก็ต้องเก็บความคิดนั้นไว้ก่อนเมื่อทีโอเน่พุ่งเข้าใส่จากมุมต่ำ

ถ้าถูกเธอกับคร่อมกับพื้น รับรองเลยว่าศพของเขาคงดูไม่จืดแน่นอน

แทนที่จะตกใจลนลาน วาห์นเริ่มรวบรวมอณูธาตุไฟในอากาศและเพิ่มอุณหภูมิรอบตัวขึ้นเป็น 1500 องศาเซลเซียส พร้อมกับใช้ [ทลายพันธนาการ] เพื่อสลายเวทมนตร์ดักจับของอีกฝ่าย

เมื่อความร้อนสูงมาเจอเข้ากับอากาศเย็นในช่วงฤดูหนาว ทุกอย่างรอบๆ จึงเกิดการสั่นไหวไปหมด และอย่างแรกที่ทนรับปรากฏการณ์นี้ไม่ได้…. ก็คือเสื้อผ้าของวาห์นนั้นเอง

แม้จะไม่ใช่สิ่งที่เขาวางแผนไว้ แต่มันก็ทำให้ทีโอเน่ชะงักไปบ้าง ส่วนเหล่าคนดูก็มีอาการที่แตกต่างกันออกไป

“โหหหหหหหหห~!” ทีโอน่าเริ่ม ‘เครื่องติด’ หลังจากไม่ได้เห็น ‘สิ่งนั้น’ มาพักใหญ่ๆ จนถึงกับต้องร้องเสียงดัง

ไอส์ทำสายตา ‘ดุดัน’ ขณะจ้องมองวาห์นพร้อมฉุดรั้งทีโอน่าเอาไว้โดยมีอันนาคิตตี้(ที่ดูอึ้งๆ)คอยช่วย

ฮารุฮิเมะหรี่ตาเล็กลง ทว่าดวงตาสีเขียวกลับดูสว่างไสวมากกว่าครั้งไหนๆ

แม้จะกลัวเพศตรงข้ามมาตลอด แต่ดูเหมือนวาห์นจะเป็น ‘ข้อยกเว้นสุดพิเศษ’ ของเธอ

สำหรับมิโคโตะนั้น เธอยังคงทำหน้าจริงจังเหมือนเดิม สิ่งที่ต่างออกไปก็คือคิ้วที่กำลังกระตุกเบาๆ…

คนที่อาการหนักสุดๆ เห็นจะเป็นเลฟิย่าที่ลงไปนั่งแหมะกับพื้น ส่งเสียงร้องที่ไม่มีความหมาย และฉายใบหน้าแดงก่ำขณะพยายามมองลอดออกมาจากร่องนิ้วที่ยกขึ้นมาปิดหน้า

ที่วาห์นทำไปก็เพื่อเพิ่มพลังในการโจมตีเท่านั้นเอง แต่ยังไงโอกาสก็คือโอกาส และเขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปเฉยๆ หรอก

หลังจากปลดเวทพันธนาการออกไปแล้ว วาห์นก็พุ่งเข้าไปเตะทีโอเน่จากด้านข้างทันที

แววตาของหญิงสาวสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะพยายามตั้งรับด้วยการเกร็งร่างกายทุกส่วนตามสัญชาตญาณ

เพราะมัวแต่มองดูอย่างอื่นชั่วขณะ ครั้งนี้เธอจึงตัดสินใจช้าไปเสี้ยววินาที และต้องรับการโจมตีอันร้อนแรงของวาห์นแบบเต็มๆ

ถ้าผิวของทีโอเน่แข็งเท่ากับเหล็กธรรมดาๆ ล่ะก็ ป่านนี้มันคงหลอมละลายไปหมดแล้ว

อาการเหม่อลอยเมื่อกี้หายไปแบบปลิดทิ้งขณะที่เจ้าตัวกลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้นเพื่อพยายามขจัดความร้อนออกจากร่างกาย

ดูเหมือนเธออยากจะตะโกนบางอย่างหลังจากตั้งตัวได้ แต่วาห์นก็เข้ามาประชิดตรงด้านหน้าเสียก่อน

เรื่องรูปปั้นก็อธิบายให้ฟังไปแล้ว แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้ ไม่ว่ากลิ่นไหม้ของเนื้อจะน่าสะอิดสะเอียนแค่ไหนก็ตาม

วาห์นไม่มีแรงมากพอที่จะเจาะทะลุการป้องกันของทีโอเน่ เขาจึงต้องใช้สกิลต่างๆ เพื่อทดแทนตรงส่วนนั้น

แย่หน่อยที่ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีอย่างที่คิด

ทีโอเน่กัดฟันและกลืนสิ่งที่จะพูดลงไป ขณะเดียวกันเธอก็ยกแขนขึ้นมาจิกตรงหัวไหล่ของวาห์นโดยไม่สนใจหมัดของอีกฝ่ายที่กำลังกระหน่ำเข้าตรงหน้าท้อง

ทีโอเน่ไม่รู้สึกเกรงกลัวร่างกายที่ร้อนระอุ หรือเรื่องกลิ่นผิวหนังไหม้ๆ ของตัวเองเลย

เธอเริ่มโยกหัวไปข้างหลัง ก่อนจะโหม่งมันเข้ากับศีรษะของวาห์นอย่างแรง

วาห์นเกิดอาการหน้ามืดแบบฉับพลัน แต่เขาก็ยังมีสติพอที่จะใช้ [เคลื่อนย้ายในพริบตา] เพื่อทำให้ทั้งสองกระเด็นออกจากกัน

พอต่างฝ่ายต่างลุกขึ้นมาอีกรอบ วาห์นก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นร่างเต่าทั้งๆ ที่สมองยังรู้สึกมึนไม่หาย

ส่วนทีโอน่าเองก็กลับมาตั้งท่าสู้ต่อโดยไม่สนใจแผลตรงหน้าผากที่ยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

วาห์นถึงกับต้องหยุดใช้สมองชั่วคราวและหันมาพึ่งสัญชาตญาณและแรงฮึดเพื่อไม่ให้ตัวเองหมดสติไปเสียก่อน

ความเย็นสงบที่พุ่งผ่านร่างกายดูเหมือนจะเป็นสิ่งเดียวที่พอช่วยเขาได้ในตอนนี้

เป็นช่วงสั้นๆ ที่ทั้งคู่เอาแต่จ้องกันไปมา ก่อนที่ทีโอเน่จะแผดเสียงร้องราวกับสัตว์ป่าและเริ่มการโจมตีระลอกใหม่

จนกว่าสมองจะกลับมาใช้การได้ วาห์นคงต้องพึ่งพลังป้องกันจากร่างเต่าเพื่อรับการโจมตีครั้งนี้ไปก่อน

สติของทีโอเน่เองก็ใช่ว่าจะดีกว่าเขาเท่าไหร่… เพียงแต่เธอไม่ค่อยได้ใช้มันอยู่แล้วเท่านั้นเอง

เมื่อฝ่าเท้าเปลือยเปล่าสัมผัสกับฝ่ามือสีดำของวาห์น แสงสีเขียวก็แผ่ออกมาจากเกล็ด ก่อนที่เขาจะใช้มือข้างที่ว่างโจมตีใส่ท้องของทีโอเน่

แสงสีเขียวทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อวาห์นโจมตีเข้าเป้า และทำให้คลื่นกระแทกพุ่งผ่านร่างของทีโอเน่อย่างรุนแรง

มันรุนแรงมากเสียจนเธอไม่สามารถสลายมันออกไปได้เหมือนการโจมตีครั้งก่อนๆ

อวัยวะภายในของทีโอเน่กรีดร้องอย่างหนักจนเธอต้องกระอักเอา ‘เลือดเสีย’ ออกมา ต่อด้วยการถีบเข้าที่ใบหน้าของวาห์นเพื่อใช้มันเป็นฐานและดีดตัวเองกลับออกมาจากตรงนั้น

ทันทีที่ลงมาถึงพื้น ขาของทีโอเน่ก็เกิดอาการหมดเรี่ยวแรงจนเธอต้องลงไปทรุดเข่า

สภาวะ [เบอร์เซิร์ก] ค่อยๆ คลายออก แต่ทว่า… ตอนนี้เธอกลับไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นเลย

ดวงตาสีน้ำตาลเปลี่ยนไปจับจ้องคู่ต่อสู้ด้วยความหวาดหวั่น

ทีโอเน่มีสกิลหายากที่มีชื่อว่า [แบ็คดาฟท์]

หลักๆ เลยก็คือ มันจะเพิ่มค่าพละกำลังให้แบบมหาศาลเมื่อผู้ใช้ตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายสุดๆ

จากการถูกคลื่นกระแทกเข้าเล่นงานจนอวัยวะภายในเสียหาย ลูกถีบที่ทีโอเน่ใช้ในการล่าถอยออกมาจึงมีพลังของ [แบ็คดาฟท์] แฝงอยู่ด้วย

เธอไม่รู้สึกถึงแรงต้านจากการเตะเมื่อกี้นี้เลย… ราวกับเตะปุยนุ่นอย่างไรอย่างนั้น

พอหันไปมองอีกข้างก็พบวาห์นที่ยังยืนอยู่ในสภาพหลังแอ่น… แต่ตรงส่วนหัวนี่สิ

จากใบหน้าที่เคยหล่อเหลา ตอนนี้กลับกลายเป็นรอยบุ๋มยับยู่ยี่ไปหมด

ตรงส่วนที่เคยเป็นดวงตาก็มีเลือดไหลออกมาเป็นสาย

นี่เป็นการโจมตีตรงส่วนหัวแบบเน้นๆ และดูเหมือนว่าวาห์นจะจบชีวิตลงที่ตรงนั้น… สิ้นใจทั้งๆ ที่ยังปักหลักยืนอยู่กับที่

แน่นอนว่าทีโอเน่ไม่ใช่คนเดียวที่เห็นสภาพล่าสุดของวาห์น

มิโคโตะซึ่งมีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อต้องรีบเข้ามารับฮารุฮิเมะที่หมดสติแบบล้มทั้งยืน

เลฟิย่าที่ไม่กล้าจ้องวาห์นแบบเต็มๆ บัดนี้กลับมีสายตาว่างเปล่า

แต่พวกที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดนั้นเห็นจะเป็นไอส์กับทีโอน่า

ไอส์ปล่อยมือจากทีโอน่าที่ทรุดลงกับพื้นและเดินแบบกล้าๆ กลัวๆ มาหาเลฟิย่าพร้อมคำพูดสั่นเทา

“เลฟิย่า… ช่วย… เลฟิย่า”

ไอส์คงอยากให้เลฟิย่าใช้คทา [ฟื้นฟู] เพื่อช่วยวาห์น แต่คำพูดเหล่านั้นกลับจุกอยู่ตรงลำคอเกือบหมด

ตอนนี้สมองของเลฟิย่าพลันว่างเปล่า แม้แต่เสียงของคนที่เธอชื่นชมที่สุดก็ส่งไปไม่ถึง

“ทีโอเนนนนนนนนนนนน่” ทีโอน่าตะโกนราวกับสัตว์ป่าที่กำลังเจ็บปวด

เธอพุ่งมาหาพี่สาวฝาแฝดด้วยสายตาดุดันที่เปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา

ทีโอเน่มองวาห์นสลับกับน้องสาวด้วยดวงตาที่เปียกชื้นเช่นกัน แต่ตอนนี้เธออับจนคำพูดไปหมด ไม่มีทั้งคำขอโทษหรือคำพูดแก้ตัว

หญิงสาวรู้สึกผิดกับวาห์น กับน้องสาว และกับการตัดสินใจที่ผ่านๆ มาเหลือเกิน

ตอนนี้ต่อให้อะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ขอน้อมรับมันไว้อย่างเต็มใจ

ทว่าก่อนที่ทีโอน่าจะพุ่งเข้ามาถึง เงาของใครบางคนก็เข้ามารับเธอไว้ก่อน

‘!’

ทีโอน่าพยายามโจมตีคนที่เข้ามาขวาง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบกับใบหน้าของคนที่คิดว่าจะไม่ได้เห็นอีกแล้ว

วาห์นรู้สึกเหมือนตัวเองซวยซ้ำสองเพราะต้องมารับลูกเตะของสาวชาวอเมซอนอีกคน แต่แทนที่จะปล่อยไป เขากลับดึงเธอเข้ามากอดเพื่อลดปัญหา

ผลของ [รูปปั้นฮีโร่] ทำให้ค่าสถานะของเขาสูงกว่าทุกคนที่นั่นเป็นการช่วยคราว

วาห์นจูบตรงหน้าผากของทีโอน่าก่อนจะพูดกับเธอ

“อีกเดี๋ยวฉันจะขยับไม่ได้เแล้วนะ อย่าเล่นอะไรแผลงๆ ล่ะ… ถึงจะขยับไม่ได้ แต่สติกับความรู้สึกน่ะยังอยู่ครบ”

วาห์นปล่อยทีโอน่าลงกับพื้นขณะที่อีกฝ่ายยังคงจ้องไม่เลิก

ขนาดทีโอเน่ยังคิดว่าตัวเองตาฝาดเลย จนกระทั่งได้เห็นรูปเล็กๆ จากตรงที่ที่วาห์นเคยยืนอยู่…

[รูปปั้นฮีโร่] กำลังมอดไหม้อย่างรุนแรงอยู่บนพื้น แต่สำหรับเธอแล้ว นี่คือเปลวเพลิงแห่งความหวังดีๆ นี่เอง

เธอเอื้อมไปแตะตัวล็อคสีเงินที่คอและทวนสิ่งที่วาห์นเคยพูดในใจ…

‘นี่คือไอเท็มหายากที่มีชื่อว่า [รูปปั้นฮีโร่]… ฉันสร้างมันขึ้นโดยใช้เทคนิคพิเศษและเอ็กซีเลียที่ได้จากมอนสเตอร์

ไม่ว่าจะเจ็บหนักขนาดไหน ร่างกายของผู้ที่ถือมันไว้จะได้รับการฟื้นฟูทันที ต่อด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า

ผลข้างเคียงก็คือร่างของผู้ใช้จะอยู่ในสภาพจำศีลชั่วคราวในอีกไม่กี่นาทีต่อมา…’

นับเป็นเรื่องดีและน่าโล่งใจที่วาห์นยังอยู่ครบสามสิบสอง แต่ทีโอเน่ก็รู้ซึ้งถึงความผิดของตัวเองดี

ผู้คนมากมายต่างพึ่งพาและฝากทั้งความหวังและความฝันไว้ที่วาห์น แต่เธอกลับ ‘เกือบจะฆ่า’เขาเพราะความเผอเรอ

ถ้า [รูปปั้นฮีโร่] ไม่ได้ทรงพลังแบบที่วาห์นพูด… เขาก็ตรงตายไปจริงๆ แล้ว

ทีโอเน่เปิดตัวล็อคและนำรูปปั้นออกมาถือพลางมองรูปของฟินน์ที่อยู่ข้างใน

เธอถอนหายใจโล่งอกขณะไล่มองสามสาวที่เข้าไปรุมกอดวาห์นจากทุกด้าน

ใบหน้าของทีโอน่า ไอส์ และฮารุฮิเมะ ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความโล่งอก

เลฟิย่าที่ยังนั่งแหมะอยู่บนพื้นเองก็มีสภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่

ทีโอเน่ตระหนักว่างานนี้ต้องมีการชดใช้กันอย่างสาสม ไม่งั้นคนอื่นๆ อาจจะไม่มีวันยกโทษให้เธอไปตลอด

แต่ในขณะที่กำลังคิดหาคำพูด วาห์นก็กลับเป็นฝ่ายเดินเข้าหาด้วยสีหน้าอ่อนโยน

“ทีโอเน่ เป็นอะไรหรือเปล่า?” ดวงตาสีน้ำทะเลกำลังสอดส่องไปตามจุดต่างๆ ที่เคยโจมตีใส่ด้วยความเป็นห่วง

ทีโอเน่ขมวดคิ้วก่อนจะรีบคลายมันทันที

เธอหายใจแรงๆ พลางตอบกลับ

“นายชนะ… ฉันสู้ต่อไม่ได้แล้ว จะเอาไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ตามสบายเลย…” พูดเสร็จเธอก็นอนแผ่ลงกับพื้นและจ้องมองเมฆที่ล่องลอยอยู่บนฟ้า

เธอรู้สึกเศร้าโศกอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งใจและคาดหวังเล็กน้อย

ราวกับว่าภาระอันหนักอึ้งถูกปลดออกจากบ่า ความตึงเครียดทั้งหมดในร่างกายถูกคลายออกพร้อมกัน

รู้สึกแม้กระทั่งความอบอุ่นที่ไหลเข้าสู่ร่างกาย…?

ทีโอเน่ขมวดคิ้วพลางหันไปหาวาห์นอีกครั้งและพบว่าเขากำลังใช้คทาแบบเดียวกับเลฟิย่าเพื่อรักษาเธอ

แผล รอยไหม้ ความเจ็บปวดต่างๆ ทุกอย่างหายไปอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้วาห์นกลับมาใส่เสื้อผ้าอีกครั้งแล้วด้วย ขนาดเธอเองยังมองไม่ทันเลยว่าเขาสวมมันตอนไหน

เหตุการณ์ครั้งนี้ปิดฉากลงด้วยรอยยิ้มและคำพูดของชายที่อยู่ตรงหน้า

“เอาเป็นว่ารอบนี้เสมอกันก็แล้วกันนะ…”

พูดเสร็จ วาห์นก็เอนล้มลงโดยมีทีโอน่าและไอส์ที่พุ่งเข้ามารับทันที

(A/N: อาจจะมีคนมาถามทีหลังเลยขอแจงไว้ก่อน

ใช่ครับ [รูปปั้นฮีโร่] มีราคาอยู่ที่หนึ่งแสน OP

เมื่อกี้วาห์นใช้ OP ไปสองแสนเพื่อซื้อมันมาสองอัน เท่ากับว่าตอนนี้มี OP เหลืออยู่ 68,399 OP ครับ

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Endless Path : Infinite Cosmos, อนันตวิถีจักรวาล

Status: Ongoing

เรื่องย่อโดยผู้แต่ง

วาห์นชายหนุ่มผู้ที่มีความผิดปกติ เนื่องจากการกลายพันธุ์ที่หายาก เลือดของเขาจึงมีความสามารถซ่อนเร้นที่ทำให้เป้าหมายและความเสียหายที่เกิดจากโรคร้ายที่อยู่ภายในร่างกายมนุษย์

ถูกขจัดออกไปในโดยการรักษาครอบจักรวาล เหล่าผู้คนจึงต่างเชิดชูบูชาสถานะของเด็กหนุ่มเหนือกว่าผู้ใดทั้งสิ้นและมอบชื่อให้เขาว่า “ยารักษาสารพัดโรค” ในข่าว

เขาได้รับการยกย่องเป็นเหมือนกับวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่จะนำพายุคสมัยแห่งใหม่หรือคุณภาพชีวิตมนุษย์ที่ดีมาถึง อย่างไรก็ตาม ฉากที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้สดใสเลย

เนื่องจากปัจจัยเฉพาะบางอย่าง วาห์นจึงใช้เวลาช่วงวัยรุ่นทั้งหมดถูกกักขังอยู่ในห้องทดลองกับนักวิทยาศาสตร์ทั้งหลาย และทีมวิจัยที่ใช้ร่างกายและเลือดของเขาเพื่อทำการทดลองที่ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งปลอบใจความทุกข์ทรมานเพียงอย่างเดียวของเขาคืออนิเมะทั้งหลายและหนังสือการ์ตูนที่มีให้เขาดูในระหว่างการทดลอง เขามักจะจินตนาการว่าตนเองเป็นตัวเองที่อยู่ในโลกของตนเอง

dและสุดท้ายเขาก็สามารถควบคุมโชคชะตาของตัวเองได้ เป็นเวลาหลายปีที่เขาเก็บรักษาความปราถนานี้เอาไว้ จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในวัย 14 ปีขณะที่มีองค์กรพยายามลักพาตัวเขาออกจากห้องทดลอง…

“ในที่สุด ผมก็ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไปแล้ว…”

นี่เป็นความคิดสุดท้ายของวาห์นในขณะที่เขาค่อยๆจางหายไปในห้วงแห่งความมืดอันไร้สิ้นสุด…

“ดวงวิญญาณที่น่าสงสาร”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท