Fishing in the Myriad Heavens – ตอนที่ 536

ตอนที่ 536

หลังจากพูดจบโดยไม่รอคำตอบจากหลี่ปู้ เขาก็โบกมือเบา ๆ “เจ้าไปได้แล้ว เอาไปแบ่งกับคนอื่น ๆ แล้วส่วนของหลี่ปิงก็เก็บไว้กับเจ้าก่อน”

“ขอรับ !” หลี่ปู้พยักหน้าและหายตัวไปพร้อมกับร่างที่ค่อย ๆ สลายไปราวกับสายลม

“ใบหางแมวปีศาจมันมีประโยชน์แต่กลับใช้ได้แค่ครั้งเดียว การกินครั้งที่ 2 มันกลับทำอะไรไม่ได้เลย มันทำได้แค่ฟื้นพลังเท่านั้น น่าเสียดายจริง ๆ” เป่ยเฟิงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกลับเข้าไปข้างใน

การอาบน้ำร้อนที่แสนสบายมันทำให้รูขุมขนของเขาเปิดกว้างพร้อมกับไหลเวียนเลือดฉีด้วยความสบาย

ตอนนี้พลังในร่างของเป่ยเฟิงควบแน่นอย่างมาก มันไม่มีการรั่วไหลใด ๆ ออกมาจากร่างแม้แต่น้อย

ร่างกายของมนุษย์นั้นมี “รอยรั่ว” อยู่ตลอดเวลา พลังชีวิตและพลังของพวกเขาของพวกเขาจะค่อย ๆ หายไปอย่างต่อเนื่อง ซึ้งสำหรับเป่ยเฟิงในตอนนี้เขาสามารถเปิดปิดรูขุมขนเพื่อปลดปล่อยพลังของเขาได้อย่างอิสระ

เมื่อเวลาผ่านไปพลังที่เขาเก็บไว้ก็เป็นผลดีกับเขามากยิ่งขึ้น

‘หืม บางทีข้าอาจจะลองบางอย่างได้ !’

ประกายแสงที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจกระพริบผ่านดวงตาของเป่ยเฟิง

แทนที่จะให้พันรูปร่างเปลี่ยนไปอยู่ในร่างรูปเข็ม ทำไมเขาถึงไม่เปลี่ยนให้มันเป็นลูกบอลที่ลักษณะคล้ายโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแทนล่ะ ?

ดวงตาของเป่ยเฟิงสว่างไสว

นี่ไม่ใช่ความคิดเพ้อเจ้อ พันรูปร่างมันได้หลอมรวมเข้ากับเขาทั้งร่างกายและพลังจิต เขาสามารถควบคุมมันได้อย่างอิสระ บางทีเขาอาจจะทำแบบนี้เพื่อใช้ควบคุมสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ได้

ทันใดนั้นเขาก็ลืมเรื่องที่จะกินอาหาร แล้วรีบวิ่งไปยังพื้นที่โล่งทันที

“เอาสัตว์อสูรออกมา” เป่ยเฟิงตะโกนขึ้น

หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มสัตว์อสูรจำนวนมากก็ถูกนำออกมา

จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ ! ใช่แล้ว มันขึ้นอยู่กับการควบคุมพันรูปร่างที่เขาจะทำ

เป่ยเฟิงยื่นมือออกมาจากนั้นไข่มุกสีดำก้อนเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา แม้แต่สายลมเพียงเล็กน้อยก็สามารถพัดไข่มุกนี้ให้ปริวออกไปได้

แค่นี้มันยังไม่พอ มันต้องเล็กและสามารถรวมเข้ากับเซลล์ของสัตว์อสูรได้

ในไม่ช้าไข่มุกสีดำนับสิบล้านก็ปรากฏในมือของเขา เมื่อมันรวมกันทำให้มันดูเหมือนทรายสีดำ แต่หากพวกมันถูกแย่ออกจากกันมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

“โอ้วว !”

เป่ยเฟิงยื่นมือออกไปคว้าสัตว์อสูรขั้นสองมาตัวหนึ่ง สัตว์อสูรตัวนี้ตื่นตระหนกและพยายามดิ้นรน แต่มนุษย์ข้างหน้ามันแข็งแรงเกินไปเมื่อเทียบกับมันทำให้มันไม่สามารถทำอะไรได้เลย

“ฟุ้บ !” ด้วยการสะมือของเป่ยเฟิง แผลกว้างกว่า 1 เซนติเมตรก็ปรากฏบนหัวของมัน

จากนั้นเขาก็ใช้พลังจิตของเขาควบคุมอนุภาคที่เกิดจากพันรูปร่างด้วยความระมัดระวัง เขาค่อย ๆ ส่งมันเข้าไปในแผลของสัตว์อสูร

เป่ยเฟิงออกแรงมากนักเพราะกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาด เขาใช้พลังเต็มที่แต่แรงที่กระทำนั้นมีเพียง 1 % เท่านั้น

จากการสังเกตของเป่ยเฟิง เขาสามารถเห็นอนุภาคจำนวนนับพันไหลเข้าไปในร่างกายของสัตว์อสูรผ่านเส้นเล็กขนาดเล็กบนแผลบนหัวของมันได้ !

แม้ว่าอนุภาคจะมีเพียงพันกว่า ถึงมันจะดูน้อยมากเมื่อเทียบกับขนาดร่างกายของสัตว์อสูรตัวนี้ แต่มันก็สามารถแพร่กระจายไปทั่วร่างได้สำเร็จ

ภายใต้การควบคุมของเป่ยเฟิง เขายังควบคุมอนุภาคจำนวนมากให้ไหลไปที่สมองของมันได้

“นี้มันงานที่ละเอียดจริง ๆ” เป่ยเฟิงถอนหายใจ ในเวลาไม่นานเขาใช้พลังจิตไปถึง 1 ใน 3

ขั้นตอนสุดท้ายคือการรวมอนุภาคเข้ากับเซลล์สมองของสัตว์อสูร

ใบหน้าของเป่ยเฟิงเต็มไปด้วยความจริงจัง เขาใช้พลังจิตของเขาควบคุมอนุภาคในสมองให้ผสานเข้ากับเซลล์ของสัตว์อสูรอย่างช้า ๆ

แต่ละอนุภาคมันมีขนาดเล็กกว่าเซลล์ ในไม่ช้าอนุภาคก็เริ่มกินเซลล์สมองของสัตว์อสูร

3 ชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดเป่ยเฟิงก็หยุดมือพร้อมกับหน้าที่ซีดเล็กน้อย

‘ถึงแม้ว่าอนุภาคจะไม่สามารถผสานเข้ากับเซลล์สมองได้อย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็แทรกเข้าไปได้ครึ่งหนึ่ง นี่เป็นงานที่เหนื่อยล้ามาก มันกินพลังจิตของข้าไปเยอะทีเดียว นอกจากนี้มันไม่ใช่วิธีที่ดีที่จะใช้ฝึกพลังจิตอีกด้วย’

เป่ยเฟิงถอนหายใจ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ความพยายามทั้งหมดที่จะผสานเซลล์ทั้งหมดในสมองของสัตว์อสูร

‘อนุภาคเหล่านี้มันมีขนาดเล็กมาก หากเทียบก็มีขนาดเพียง 20 % ของแต่ละเซลล์ ด้วยขนาดและวิธีนี้มันทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์และไม่ทำให้มันตายได้ ‘

ด้วยความคิดของเขา อนุภาคที่ไม่ได้ถูกใช้อีกนับพันก็ถูกบีบออกมาจากผิวหนังของสัตว์อสูรแล้วมารวมกันเป็นลูกบอลในมือของเขา

“ไหนทดสอบสิ … เซอร์ไพรส์แบบไหนกันที่รอข้าอยู่ ?” เป่ยเฟิงปล่อยสัตว์อสูรให้เป็นอิสระแล้วจากนั้นมันก็วิ่งหนีไป

“ถึงจะออกห่างไปมากแต่ก็ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเหมือนก่อนหน้านี้ ดูเหมือนตั้งแต่อนุภาคของพันรูปร่างได้รวมเข้ากับเซลล์ของมันแล้วมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกำจัดมันทิ้งไป มันคงมีแค่วิธีเดียวก็คือทำลายเซลล์สมองของมันซะ” เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง

ชิ้นส่วนของพันรูปร่างได้แทรกซึมไปยังส่วนสำคัญในสมองของสัตว์อสูร ความเสียหายเพียงเล็กน้อยอาจทำให้มันเกิดอันตรายได้

เป่ยเฟิงรู้สึกได้ถึงการคงอยู่ของพันรูปร่างในหัวของมันอย่างชัดเจน เมื่อสัตว์อสูรหนีไปไกลเกือบจะถึงพันเมตรพร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่กำลังจะขาดหายไป นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับพันรูปร่างในใจของเขาอีกด้วย

“ดูสิมันจะเป็นยังไง” ดวงตาของเป่ยเฟิงเปล่งประกายแปลก ๆ จากนั้นเขาก็เชื่อมต่อกับพันรูปร่างของเขา

“โอ้วว !” เสียงร้องที่เจ็บปวดดังขึ้นตามมาด้วยเสียงกระแทกบางอย่างกับพื้นอย่างแรง

อนุภาคเล็ก ๆ กว่าพันชิ้นเคลื่อนไหวไปตามสมองของมันจนทำให้มันเจ็บปวด เพียงแค่การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ ก็เกิดความเจ็บปวดก็ยากจะอธิบายได้ในหัวสมองของสัตว์อสูร

เป่ยเฟิงมองเห็นสัตว์อสูรดิ้นรนไปมากับพื้น จากนั้นเขาก็หยุดการเปลี่ยนแปลงของอนุภาคในร่างของมัน

ร่างสัตว์อสูรขนาดใหญ่สั่นสะท้านโดยไม่สามารถควบคุมได้ ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความโกรธแค้น

ครึ่งชั่วโมงต่อมามันก็ลุกขึ้นยืนด้วยร่างอันสั่นเทา มันดูอ่อนแอและไร้พลัง

‘ในระยะหนึ่งพันเมตร ข้าสามารถควบคุมชีวิตและความตายของพวกมันได้อย่างเต็มที่’

เป่ยเฟิงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเป้าหมายที่มีพันรูปร่างอยู่ข้างในจะทรยศเขา ตราบใดที่อยู่ในระยะของเขา ชีวิตหรือความตายของอีกฝ่ายก็อยู่ในมือของเขา

“หยุด !”

ด้วยความคิดของเขา พันรูปร่างก็ผสานรวมกันกลายเป็นเข็มจำนวนนับไม่ถ้วน !

“โอ้วว !” สัตว์อสูรที่พยายามยืนขึ้นคำรามด้วยความเจ็บปวดก่อนจะล้มลงกับพื้นและตายทันที

ใช้เวลาไม่นานเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนก็แทงเข้าไปในส่วนสำคัญทั้งหมดของสมองสัตว์อสูร จากนั้นเป่ยเฟิงกวักมือเข็มขนาดเล็กก็รวมกันกลายเป็นดาบสีดำยาวหนึ่งนิ้วแล้วพุ่งออกมาจากหัวของสัตว์อสูร

เป่ยเฟิงโบกมืออีกครั้งแล้วอนุภาคทั้งหมดก็หายไป

เพียงแค่เวลาสั้น ๆ กลับทำให้เป่ยเฟิงสูญเสียพลังจิตไปจนเกือบหมด

ใบหน้าของเขาซีดจางและดูเหนื่อยล้ามาก

หลังจากนอนหลับสนิทในห้องหิน พลังจิตของเขาก็กลับมาปกติเรียบร้อย

หากเขาต้องฟื้นพลังจิตให้สมบูรณ์เต็มที่ มันจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 วัน แต่ด้วยสมุนไพรจิตวิญญาณจำนวนมากทำให้เขาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

การฝึกฝนมันเป็นสิ่งที่ยากเย็น มันต้องใช้ความอดทนอันยิ่งใหญ่

ผู้คนเห็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนที่ทรงพลังสามารถขยับภูเขาและทำให้ทะเลว่างเปล่าได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยเห็นว่าการฝึกฝนถึงขนาดนั้นได้มันยากแค่ไหน

การทำบางอย่างซ้ำไปซ้ำมาทุกวันมันจะทำให้คนเบื่อหน่ายและหงุดหงิดมาก แต่นี่คือสิ่งที่ผู้ฝึกตนต้องทำและฝึกเอาไว้ หากทำได้พวกเขาก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน

‘น่าแปลก ทำไมกู่ฉียังไม่กลับมาซักที ?’ เป่ยเฟิงพึมพำกับตัวเอง

มันควรจะกลับมานานแล้ว ถึงอย่างนั้นเป่ยเฟิงก็ไม่ได้กังวลมากนัก อย่าลืมว่าเขามีพันธะสัญญาด้วยพันกระเรียน ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ถึงสถานะปัจจุบันของมันได้ว่าเป็นหรือตาย

ในขณะเดียวกัน กระต่ายนักเลงกู่ฉีกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สนุกสนานอย่างมากเพราะมันสามารถสยบสัตว์อสูรที่มีพลังราชาพันปีได้และตอนนี้มันกำลังเหยียบหัวมันอยู่

สัตว์อสูรตัวนี้สูงกว่า 10 จาง ร่างเต็มไปด้วยเกล็ด มันคลานไปบนพื้นด้วยแขนขาทั้ง 4 ของมัน มันมีหัวเหมือนเต่าและมันมองกระต่ายนักเลงด้วยความหวาดกลัว

“กี้ กี้ !”

กระต่ายนักเลงส่ายหัวสบาย ๆ พร้อมกับมองด้วยตาที่หลับข้างหนึ่ง แต่ในเวลาต่อมาดวงตาอีกข้างของมันก็เปิดออกพร้อมกับจมูกของมันที่กระตุกอย่างตื่นเต้น

มันกระโดดลงจากหัวสัตว์อสูรขนาดใหญ่โดยเจ้าตัวใหญ่ก็หยุดเคลื่อนไหวโดยทันที

ในขณะที่มองด้านหลังของเจ้ากระต่าย ดวงตาของเจ้าตัวใหญ่ก็เปล่งประกายวิววับ เป็นไปได้ไหมว่าถ้ามันเข้าไปใกล้กว่านี้แล้วโจมตีกระทันหันมันจะกัดอีกฝ่ายให้ตายได้ก่อนที่จะตอบโต้ได้ทัน ?

จากนั้นมันก็ส่ายหัวใหญ่ ๆ ของมันทันทีเมื่อมันนึกถึงตอนที่มันถูกอีกฝ่ายกำราบยังไง เจ้ากระต่ายมันโหดร้ายมากจนมันต้องยอมแพ้ให้กับความคิดที่ล่อลวงนี้

“กี้ กี้ !”

“ป้าป !”

เจ้ากระต่ายสูดอากาศชั่วครู่ก่อนที่หูสองข้างของมันจะกระตุกอย่างต่อเนื่องด้วยความตื่นเต้น มันมองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะหันกลับมามองเจ้าตัวใหญ่และใช้กรงเล็บของมันตบไปที่หน้าเจ้าตัวใหญ่

“มอออ !”

เจ้าตัวใหญ่คำรามเสียงต่ำและถอยหลังหลายก้าวด้วยความหวาดกลัว

ในขณะเดียวกันมันก็สาปแช่งกระต่ายตัวนี้ในใจ เจ้านี้ไม่รู้วิธีพูดคุยและรู้แค่วิธีทรมานมันตลอดทั้งวัน แต่เจ้ากระต่ายตัวนี้แข็งแกร่งและโหดร้ายกว่าทำให้มันไม่สามารถเอาชนะเจ้ากระต่ายตัวนี้ได้ มันไม่เป็นอะไรถ้ามันไม่รู้วิธีพูดภาษามนุษย์แต่ก็ไม่ควรพูดด้วยภาษาแบบนี้ มันจึงทำได้เพียงเปิดปากมองเจ้ากระต่ายด้วยความเกลียดชัง

“กี้ กี้ !”

เจ้ากระต่ายส่งเสียงแหลมด้วยความเย่อหยิ่งและกระโดดขึ้นไปบนหัวเจ้าตัวใหญ่ จากนั้นก็กระทืบเท้าหนัก ๆ พร้อมกับเร่งรีบให้ไปทิศที่มันชี้

ใครจะไปรู้ว่าเจ้าสัตว์อสูรต่างสายพันธุ์กันจะสื่อสารกันได้อย่างไร เจ้ากระต่ายทำเพียงยืนอยู่บนหัวของเจ้าตัวใหญ่และเพลิดเพลินไปกับการขี่สัตว์อสูรรับลมพร้อม ๆ กับขนปุยนุ่มของมันที่โบกสะบัดไปมา

Fishing in the Myriad Heavens

Fishing in the Myriad Heavens

Status: Ongoing

เป่ยเฟิงผู้เหนื่อยหน่ายกับชีวิตในเมือง เขาได้ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดของเขาในชนบท ในขณะที่เขากำลังเก็บ [ดอกแอสเตอร์] ที่โผล่อยู่ใกล้ๆรั้วของเขา เขาได้มองไปที่ภูเขาทางใต้ลูกนั้น เขาแค่ไม่คิดว่าการเลี้ยงไก่และเป็ดไม่กี่ตัวจะทำให้ชีวิตเขาเรียบงานและสบายใจขนาดนี้ได้

ยังไงก็ตามใครจะไปคิดว่าชะตากรรมเล่นตลกกับเป่ยเฟิง ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับบ่อน้ำโบราณ หรือจะเรียกว่าบ่อน้ำเวทมนย์ดี ไม่ว่าปลาที่ตกได้ตัวโคตรใหญ่

หรือจะเป็น ไก่ตัวใหญ่ที่เมื่อมันโผล่ออกมาก็ได้วิ่งไล่จิกเขาไปทั่ว เขาได้แต่นึกเสียใจและตะโกนเขาถามสวรรค์ว่า “ถ้าวันนั้นเขาต้องการมังกรแทนที่จะเป็นไก่ มันจะเกิดเชี้ยไรขึ้นกับเขา”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท