ไม่ใช่เพียงรอยยิ้มของเฉียนยู่ที่แข็งค้างไปเท่านั้นแม้แต่ศิษย์ที่อยู่รอบๆและจักรพรรดิหลินมู่ไป่ก็นิ่งไปเช่นกัน
มันชัดเจน…
ประโยค’ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องอย่างว่า’ ทำให้การสนทนาสิ้นสุดลงทันที พวกเขาไม่สามารถพูดคุยกันได้อีกต่อไป
ฆ่าเขา! เสียงของเฉียนยู่เต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับลมในฤดูหนาวที่กรีดลึกลงไปในคอของฟางเจิ้งจือ
ด้านฟางเจิ้งจือเขายักไหล่เล็กน้อย
บางทีเขาอาจจะต้องเปลี่ยนนิสัยที่ชอบพูดตรงไปตรงมาของตัวเองเขาควรจะพูดอ้อมๆบ้างเมื่อต้องเจอกับหญิงชรา
อย่างน้อยเขาควรจะพูดว่า’อายุของพวกเราต่างกันเกินไปมันไม่เหมาะสมถ้าจะคิดเรื่องแบบนั้น’ อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปใบไม้ที่แหลมคมสีเขียวพุ่งเข้ามาหาเขาจากทุกทิศทางราวกับลมพายุ
เขาเองก็เริ่มเคลื่อนไหว
เขาก้าวไปหาเฉียนยู่ทีละก้าวทุกเขาที่เขาก้าวเขาจะหยุดครู่หนึ่งเพื่อชื่นชมความงามของฉากรอบๆตัวเขา
มันใกล้สิ้นสุดฤดูใบไม้ร่วงและใกล้เข้าสู่ฤดูหนาว
แต่ดอกไม้ในดินแดนหอคอยหลิงหยุนกลับไม่ร่วงโรยมันได้รับการปกป้องจากบ่อน้ำแข็งทำให้ดอกไม้ในบริเวณนี้ไม่ร่วงโรยเหมือนดอกไม้ทั่วไป
อย่างไรก็ตามใบไม้สีเขียวกลับกลายเป็นสีน้ำตาลเล็กน้อยมีใบไม้จำนวนหนึ่งร่วงอยู่บนพื้นสีราวกับตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน
ฟางเจิ้งจือดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆ
บางทีเขาอาจจะดื่มด่ำกับมันมากเกินไปเขาหรี่ตาและเริ่มฮัมเพลงออกมาเบาๆ ข้าเป็นแค่นกตัวเล็กเล็ก เล็ก ข้าอยากจะบินและบินและบินให้สูงกว่านี้ โอ้ โอ… เสียของฟางเจิ้งจือไม่ไดดังนัก แต่มันแจ่มใสและชัดเจน เสียงของเขาสะท้อนไปทั่วหอคอยหลิงหยุน
ศิษย์นับร้อยและศิษย์ทั้งสิบเอ็ดคนที่รีบตามมาต่างตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
เป็นไปได้ยังไง?!
ทำไมพวกเราถึงทำร้ายเขาไม่ได้เลย?!
อะไรกัน..นี่มันเรื่องบ้าอะไร?
ศิษย์หอคอยหลิงหยุนที่เต็มไปด้วยความมั่นใจกลับต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
พวกนางใช้พลังที่มีทั้งหมดแต่ไม่อาจะแตะชายเสื้อของชายตรงหน้าได้แม้แต่น้อย
หรือเขาจะเป็นผี?
ระวัง! จักรพรรดิหลินมู่ไป่ได้สติเมื่อเห็นฟางเจิ้งจือเข้าใกล้เฉียนยู่ จากนั้นเขาก็ดึงบางอย่างออกมา ดวงตามังกรมรกต
มันเป็นสมบัติสายป้องกันของจักรพรรดิหลินมู่ไป่สำหรับที่มาของมัน บางคนก็บอกว่าเขาได้รับมาจากเฉียนยู่ บางคนก็บอกว่ามันเป็นสมบัติตกทอดของอาณาจักรเซี่ย
แต่ไม่ว่ายังไงมันก็เป็นสมบัติที่ทรงพลัง
ทันใดนั้นปีกขนาดยักษ์ได้ปรากฎขึ้นปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า
ถ้าพูดถึงเรื่องสมบัติข้าเองก็มีเช่นกัน ฟางเจิ้งจือยิ้มแต่ไม่มีใครสังเกตุเห็นเพราะหน้าของเขาถูกปิดเอาไว้
นั่นมันปีกสีดำของเจ้าปีศาจ! สีหน้าของจักรพรรดิหลินมู่ไป่เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเห็นปีกสีดำด้านหลังฟางเจิ้งจือ
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นมันกับตาตัวเองมาก่อนแต่ปีกสีดำเป็นสมบัติที่เคยมีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรเซี่ยเช่นกัน
ดูเหมือนเจ้าจะจับเจ้าปีศาจไว้ได้จริงๆ! เฉียนยู่ไม่ได้วิตกกังวลเท่าจักรพรรดิหลินมู่ไป่ ในความเป็นจริงนางดูสงบเมื่อเห็นปีกสีดำบนหลังฟางเจิ้งจือ
ทำไมนางถึงใจเย็นขนาดนี้?
ฟางเจิ้งจือรู้สึกว่ามันเกี่ยวกับพลังที่เขาแสดงออกมาหากใครพูดไร้สาระแบบเขาก่อนหน้านี้ คนคนนั้นอาจจะต้องตายนับพันครั้งต่อหน้าเฉียนยู่
หลังจากตรวจสอบตัวตนของข้าแล้วไม่ใช่ว่าท่านควรรับรองข้าด้วยอาหารและเหล้าชั้นเลิศงั้นหรือ? เฉียนยู่ถาม
เจ้าต้องการเหล้าอะไร? เฉียนยู่ถาม
ข้าไม่ได้คิดมากเรื่องเหล้าแต่ข้าคิดว่าท่านไม่ควรรับรองข้าด้วยเหล้าที่มีอายุน้อยกว่าสองถึงสามร้อยปี ฟางเจิ้งจือกล่าว
ฮ่าฮ่าไม่มีปัญหา แต่เจ้าต้องเอาชนะข้าให้ได้เสียก่อน! เฉียนยู่ยิ้มและโจมตี
ดวงจันทร์แปดดวงปรากฎขึ้นเหนือหัวของนางแสงสีขาวราวกับร่างของนางถูกปกคลุมด้วยหิมะ ดูเหมือนว่าท่านจะไม่เชื่อข้า? ฟางเจิ้งจือถอนหายใจ เขาคิดว่าตัวเองได้แสดงความจริงใจออกมาไปมากพอแล้ว
อย่างไรก็ตามดูเหมือนเฉียนยู่ยังคงไม่ยอมรับ
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังโจมตีโดยไม่ออมแรงแม้แต่น้อยราวกับต้องการฆ่าฟางเจิ้งจือจริงๆ
ในพริบตานางเข้ามาใกล้ฟางเจิ้งจือพร้อมกับดาบสีขาวสองเล่มในมือ
เฉียนยู่อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับผู้ที่อยู่ในระดับเทพเจ้าอย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวและวิชาอันไร้ที่ติของนางทำให้นางเอาชนะศัตรูได้ในหลายๆครั้งและมันเป็นวิธีที่นางเคยใช้รับมือจักรพรรดินีอสูรไป่ฉือ
ฟุ้บ!ลำแสงสีเงินสองเส้นกระแทกลงบนพื้น
คลื่นน้ำแข็งแผ่ออกไปที่พื้นกว่าร้อยเมตรก่อนที่จะค่อยๆหายไป
ศิษย์หอคอยหลิงหยุนหลีกไปด้านข้างเพื่อหลบการโจมตี
แน่นอนว่าฟางเจิ้งจือก็เช่นกัน
เขาเร็วกว่าศิษย์อคอยหลิงหยุนมากนักเขาเคลื่อนไหวไปยังตำแหน่งที่ไม่โดนการโจมตี
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ย้ายไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง
แทนที่จะถอยเขาก้าวไปข้างหน้ากระโดดผ่านช่องว่างระหว่างดาบทั้งสองเล่มของเฉียนยู่
จากนั้นเขาก็หยุดยืนข้างๆปิงหยาง
…
…
มีคนประเภทหนึ่งที่สามารถทำลายการสนทนาได้
คนที่ทำให้สถานการณ์กลับกลายเป็นอึดอัดได้ในชั่วพริบตาและมีคนอีกประเภทที่สามารถทำให้ศัตรูราวกับถูกสายฟ้าฟาดใส่กลางหัว เห็นได้ชัด…
ฟางเจิ้งจือเป็นคนทั้งสองประเภทนั้น
เขาไม่แน่ใจว่าทำให้บรรยากาศอึดอัดหรือไม่แต่มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นเมื่อเขาหยุดยืนอยู่ข้างๆปิงหยาง
เฉียนยู่และจักรพรรดิหลินมู่ไป่รวมถึงศิษย์หอคอยหลิงหยุนต่างยืนนิ่งราวกับรูปปั้น
ใบหน้าของพวกเขาซีดขาว
อา…เจ้าสารเลวข้าจะฆ่าเจ้า! เสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้นทำลายความเงียบ จากนั้นเปลวเพลิงก็พวยพุ่งออกมาจากหอกฉีหลินโจมตีไปที่หน้าผากของฟางเจิ้งจือใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความดุร้าย
เมื่อหญิงสาวโกรธนางสามารถทำให้แม้แต่ตัวเองต้องหวาดกลัว
ฟางเจิ้งจือเข้าใจเรื่องนี้เมื่อเห็นสีหน้าของปิงหยางในตอนนี้ทั้งด้านพลังและการแสดงออกของปิงหยางในตอนนี้เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ท่ามกลางเปลวไฟที่พุ่งมาที่หน้าผากของเขาฟางเจิ้งจือเห็นขาของปิงหยางกำลังเคลื่อนไหว
แน่นอนว่านางเล็งมาที่เป้าของเขา
ถูกต้อง!
เมื่อเปรียบเทียบกับปิงหยางที่ใสซื่อบริสุทธิ์ปิงหยางในปัจจุบันไม่ไร้เดียงสาอีกต่อ พูดตามตรงนางได้รับอิทธิพลจากใครบางคน นางฉลาดแกมโกงอย่างไม่น่าเชื่อ
อย่างน้อยที่สุดการเบี่ยงเบนความสนใจของนางก็สมบูรณ์แบบ
นางเกือบจะทำได้สำเร็จ
ถ้าเป็นคนทั่วไปคงไม่สามารถป้องกันการโจมตีของปิงหยางทั้งที่หน้าผากและเป้าของตัวเองได้
อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งจือเป็นคนธรรมดางั้นรึ?
แน่นอนว่าไม่!
ดังนั้นเขาจึงยกก้นขึ้นและเอาขาทั้งสองข้างเข้ามาชิดกันเพื่อหนีบขาของปิงหยางที่กำลังพุ่งเข้ามาขณะเดียวกันเขาก็เอี้ยวหัวไปด้านข้างเพื่อหลบหอกของปิงหยาง
นางตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง
ปากของนางอ้าค้างเป็นรูปตัว’O’ นางไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็นจนเกือบจะทำหอกฉีหลินหลุดจากมือ
ฟางเจิ้งจือสามารถหลบการโจมตีอันสมบูรณ์แบบของนางได้?!
พระเจ้าช่วย!
ปิงหยางไม่สามารถเชื่อสายตาตัวเองได้นางทั้งตกตะลึง กังวลและต้องการกรีดร้องออกมาและวิ่งหนีไป
อย่างไรก็ตามเมื่อนางหันหน้าไปอีกด้านนางพบว่าขาของนางยังติดอยู่ระหว่างขาของเมิ่งเทียน
นางพยายามจะดึงมันออก
อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถทำได้
ปิงหยางทั้งกังวลและหวาดกลัว จากนั้น…
ผงปูนขาวกระจายไปทั่วอากาศเมื่อฟางเจิ้งจือมองหน้าปิงหยางทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองมีศิษย์ชั้นเยี่ยมคนหนึ่ง
ศิษย์คนนี้สามารถใช้กลยุทธ์ทุกอย่างที่ฟางเจิ้งจือสอนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
……………………………………..
��