Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ – ตอนที่ 62

ตอนที่ 62

ตอนที่ 62

โล่ดี

 

“ได้โอกาสแล้ว..”กวียิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าโล่ของแม่ทัพผีดิบหลุดมือไปแล้ว แน่นอนว่าจังหวะแบบนี้ทุกคนย่อมเข้าไปโจมตีพร้อมกันโดยแทบไม่ต้องสั่ง แม้แต่พวกเบสกับฟ่างที่เพิ่งร่ายเวทระดับ 4 ไปเมื่อครู่ยังรีบร่ายเวทมนตร์อื่นยิงเข้าไปเลย

 

“พอไม่มีโล่แล้วโดนเวทมนตร์แรงเชียวนะ”เบสยิ้มออกมาด้วยท่าทีสะใจหลังจากยิงเวทไฟออกไปแล้วสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับแม่ทัพผีดิบได้อย่างเหลือเฟือ

 

ตูม!!

 

แม่ทัพผีดิบโดนโจมตีอย่างต่อเนื่องสร้างความเสียหายให้มันไม่น้อย มันเป็นบอสเลเวล 70 เมื่อเทียบกับอสรพิษทะเลลึกที่มีเลเวลต่ำไม่มากแล้วมันย่อมมีพลังชีวิตไม่ห่างจากอสรพิษทะเลลึกนัก  ตอนนั้นกวีกับแก้วรุมโจมตีอสรพิษทะเลลึกอยู่นานกว่ามันจะตาย แต่กวีและแก้วในตอนนั้นยังเลเวลน้อยกว่านี้มาก แถมยังมีกันแค่ 2 คนอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับตอนนี้ที่มีจอมเวท 3 คน มือธนู 1 คน นักดาบที่ถือดาบใหญ่ 2 คน ดาบเล็ก 2 คน พลังโจมตีย่อมเหลือเฟือที่จะฆ่าบอสลงได้ง่ายกว่าตอนนั้นมากแน่ๆ สิ่งเดียวที่ทำให้แม่ทัพผีดิบดูขัดการยากก็คือโล่ของมันที่ลดพลังโจมตีเวทลงไปจำนวนมากนั่นเอง

 

“……….”อยู่ๆดวงตาของแม่ทัพผีดิบก็เหลือบไปมองด้านหลังของตัวเอง ตรงนั้นมีโล่ของมันหล่นอยู่ หากเก็บโล่ขึ้นมาย่อมทำให้มันป้องกันพวกกวีได้อีกครั้ง….

 

“ไม่ปล่อยให้ไปหรอก”เจที่อยู่ใกล้ที่สุดเห็นอย่างชัดเจนเลยว่าดวงตาของแม่ทัพผีดิบมองไปทางไหน พริบตาที่รู้ว่ามันกำลังมองโล่อยู่เจก็วิ่งเข้าไปขวางมันเอาไว้ทันที

 

เปรี้ยง!!

 

พอโดนเจขวางทางเอาไว้ เวทมนตร์ของพวกกวีก็โจมตีอัดเข้าร่างของมันไปหลายครั้งก่อนที่พวกมีนจะตามเข้ามาเล่นงานอย่างหนัก ตอนนี้มีนเคลื่อนไหวเร็วกว่าตอนสู้กับพวกทหารผีดิบซะอีกเพราะตอนนี้มีนไม่ได้กำลังคิดว่าภายในชุดเกราะนั่นจะมีผีดิบอยู่หรือเปล่าอีกแล้ว ตอนนี้ในสายตาของมีนเห็นเจ้าชุดเกราะตรงหน้าเป็นตัวการ์ตูนไปเสียแล้ว

 

“แฮ….”แม่ทัพผีดิบส่งเสียงคำรามออกมาก่อนจะใช้ทั้งสองมือจับดาบใหญ่เหวี่ยงเข้าใส่เจ แม่ทัพผีดิบมีกำลังมหาศาลสามารถถือดาบใหญ่ได้ด้วยมือข้างเดียว แต่เพราะโล่หลุดมือไปแล้วแถมจะเก็บก็เก็บไม่ได้มันเลยเปลี่ยนมาโจมตีด้วยทั้งสองมือแทน

 

ตูม!!!

 

เหวี่ยงดาบแต่ละครั้งความหนักหน่วงเปลี่ยนไปอย่างกับมอนสเตอร์คนละตัว ดาบใหญ่ในมือแม่ทัพผีดิบฟาดทีเดียวพลังชีวิตของเจแทบจะหายไป 1 ใน 3 เล่นเอาไอช่ากับหลิวแทบจะรักษาไม่ทัน

 

“แบบนี้ไม่ดีแล้ว”เจกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก แบบนี้ถึงจะดีกับพวกสายโจมตี แต่กับเจที่เป็นตัวแทงค์กลับไม่ทราบจะร้องไห้ออกมาดีหรือไม่เพราะพอเจ้าบ้านี่โจมตีด้วยสองมือก็สร้างความเสียหายได้ดุมาก พอพลังชีวิตของเจลดไอช่ากับหลิวก็จะรักษาทันที แต่ตอนนี้ถึงเจจะดื่มยาฟื้นพลังไปด้วยพลังชีวิตก็ค่อยๆร่อยหรอลงทีละน้อยๆอยู่ดี แบบนี้พลังชีวิตของเจต้องไม่มากพอจะรับการโจมตีของแม่ทัพผีดิบแน่ๆ

 

“เบส ฟ่าง ขอเวทมนตร์ขั้นที่สี่อีกที เร็วๆด้วย”กวีเห็นเลือดของเจลดลงไปเรื่อยๆแม้จะมีไอช่ากับหลิวรักษาอยู่ก็เข้าใจทันทีว่าขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้เจจะตายในไม่ช้า เท่ากับว่าตอนนี้ต้องจบเกมไวๆเท่านั้นแล้ว

 

“ชิ…..”เบสโดนสั่งแบบนั้นก็ส่งเสียงออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ แต่ถึงจะทำแบบนั้นเบสก็ร่ายเวทออกมาทันที หากช้าเกินไปแล้วปล่อยให้เจตายโอกาสชนะของพวกเขากลัวว่าจะไม่มีเลย

 

ตูม…ตูม!!!

 

การเหวี่ยงดาบหลังจากนั้นของแม่ทัพผีดิบทั้งหนักและรุนแรง ทำให้เจต้องกุมโล่เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยแต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น….

 

“เวรเอ๊ย”เจสบถออกมาหลังจากแขนข้างซ้ายที่ใช้สวมโล่เกิดอาการชาขึ้นมา อาการแบบนี้เกิดขึ้นได้หากส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายต้องรับแรงกระแทกมากเกินไป และแขนของเจตอนนี้ก็กำลังรับแรงกระแทกอย่างหนักหน่วงจกดาบของแม่ทัพผีดิบเข้าพอดี

 

ตูม…!!

 

อย่างกับเจ้าแม่ทัพผีดิบจะรู้ตัวว่าเจเริ่มมีอาการชาแล้ว ดาบต่อมามันเลือกที่จะงัดดาบขึ้นมาจากด้านล่างเสยเอาโล่ที่เจถือหลุดออกจากมือไปทันที

 

“………..”แม่ทัพผีดิบที่ไม่มีโล่ยังมีพลังชีวิตมหาศาลในฐานะบอสอยู่ ส่วนเจแม้จะมีพลังชีวิตเยอะมากเช่นกันแต่ก็เป็นผู้เล่น จะให้รับการโจมตีแม่ทัพผีดิบด้วยพลังชีวิตอย่างเดียวไม่ไหวหรอก

 

ตูม!!

 

เจหลบการโจมตีของแม่ทัพผีดิบสุดตัวเล่นเอาใจหายใจคว่ำหมด แต่เจไม่ใช่มีนหรือพวกกวีเสียหน่อยจะได้หลบการโจมตีได้ตลอดแบบนั้น

 

ตูม!!

 

ดาบในมือของแม่ทัพผีดิบฟันลงมาเร็วขึ้นไปอีกเพราะเห็นว่าเจไม่มีโล่แล้ว มันเองก็คงรู้ว่าหากจะฆ่าเจก็ต้องฆ่าตอนนี้เท่านั้น

 

ตูม…ตูม…ตูม!!!

 

เจหลบการโจมตีของแม่ทัพผีดิบอย่างต่อเนื่องแต่ยิ่งหลบก็ยิ่งทุลักทุเลเพราะดาบแต่ละดาบของแม่ทัพผีดิบรุนแรงและว่องไวไม่น้อยเลย จนกระทั่ง…

 

เปรี้ยง!!

 

ดาบของแม่ทัพผีดิบเหวี่ยงเข้ากลางตัวของเจอย่างจังเพราะมัวแต่หลบการโจมตีก่อนหน้านี้ทำให้เจเสียหลักจนแม้แต่ดาบก็ยกมาป้องกันไม่ได้

 

โครม!!

 

ร่างของเจลอยขึ้นเพราะแรงกระแทกของดาบที่ฟันใส่เข้ากลางร่าง ก่อนจะตกกระแทกพื้นเสียงดังโครมใหญ่ ดาบของแม่ทัพผีดิบที่ฟันลงไปบนร่างกายของเจตรงๆนั้นเล่นเอาพลังชีวิตของเจแทบจะหมดในทีเดียวเลย

 

“รักษาเร็วเข้า”ไอช่าพูดกับหลิวก่อนจะรีบร่ายเวทรักษาทันที แต่ถึงจะใช้เวทรักษาที่ไอช่าและหลิวมีทั้งหมดแล้วก็ยังฟื้นพลังชีวิตให้เจได้แค่ 1 ใน 3 เท่านั้น

 

วูบ….

 

ดาบของแม่ทัพผีดิบถูกยกขึ้นสูงก่อนที่จะเหวี่ยงลงมาใส่ร่างของเจเพื่อคว้าชัยชนะครั้งนี้ไป

 

เปรี้ยง!!

 

“……….”ดาบของแม่ทัพผีดิบชะงักค้างอยู่ที่ตรงหน้าเจพอดี เพียงแต่ครั้งนี้ไม่มีใครเข้ามาขวาง แต่เพราะเจยกเอาโล่สีทองของตัวแม่ทัพผีดิบเองขึ้นมาป้องกันตัวนั่นเอง แถมพอเป็นโล่อันนี้แล้วพลังชีวิตของเจยังลดลงไปไม่มากด้วย

 

“โล่ดีนี่หว่า มิน่าถึงได้มั่นใจนัก”เจว่าพลางถือโล่ของแม่ทัพผีดิบเอาไว้แน่น จริงๆแล้วเจไม่สามารถสวมโล่ชิ้นนี้ได้ด้วยซ้ำ เพราะต่อให้กลายเป็นไอเทมสวมใส่ให้ใช้หลังจากแม่ทัพผีดิบตายก็ตาม เลเวลของโล่ชิ้นนี้ก็ยังสูงกว่าเจอยู่ดี แต่ที่เจเอามันมาใช้ได้เป็นเพราะมันเป็นโล่ที่ตกจากมือของแม่ทัพผีดิบ มันจึงถูกนับเป็นไอเทมบนฉากเท่านั้น ไม่มีเลเวลสำหรับใช้งานกำกับ

 

“โจมตี”กวีเห็นเจเอาตัวรอดมาได้ก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ ในเมื่อเจยืนได้แล้วที่เหลือก็แค่โจมตีเข้าไปเท่านั้น แถมเบสและฟ่างยังร่ายเวทระดับ 4 จบแล้วด้วย

 

ตูม!!!

 

พอเวทระดับ 4 โจมตีเข้าใส่ร่างของแม่ทัพผีดิบ ทั้งดาบธนูและเวทมนตร์อื่นๆก็ประเคนเข้าใส่ร่างของแม่ทัพผีดิบอย่างต่อเนื่องจนพลังชีวิตของแม่ทัพผีดิบไหลเป็นน้ำ

 

ตุบ….

 

ในที่สุดแม่ทัพผีดิบก็ล้มลงนอนกับพื้นโดยไม่ทิ้งไอเทมอะไรเอาไว้เลยแม้แต่ชิ้นเดียวทั้งๆที่พวกกวีมีไอช่ามาด้วยแท้ๆ หรือว่าแม่ทัพผีดิบจะไม่มีไอเทมเลยแม้แต่ชิ้นเดียวกัน?

 

“น่าเสียดายชะมัด”เจมองโล่ในมือที่กำลังสลายหายไปพร้อมร่างของแม่ทัพผีดิบอย่างผิดหวัง โล่ดีๆแบบนี้ถึงจะยังใส่ไม่ได้แต่ก็อยากจะเก็บไว้ใส่จริงๆ พอเห็นมันหายไปพร้อมกับบอสแล้วก็เสียดายสุดๆไปเลย

 

“ของรางวัลของพวกเราอยู่ในนั้นต่างหาก”กวีเดินเข้ามาหาเจก่อนตบบ่าชมเชยเจด้วยท่าทียิ้มแย้ม แม้แม่ทัพผีดิบจะไม่มีไอเทมอะไรให้เป็นรางวัลเลย แต่ทันทีที่มันตายลงห้องที่มันเฝ้าเอาไว้ก็เปิดออกเผยให้เห็นแสงสีทองสว่างออกมาจากภายในถ้ำ

 

“พี่กวี….นั่นมัน……”เจมองภาพในท้องพระโรงด้วยท่าทีตื่นเต้น ภายในนั้นมีไอเทมจำนวนมากถูกวางเอาไว้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรพวกมันก็ต้องเป็นไอเทมชั้นดีทั้งนั้นแน่ๆ

 

“ยอดเลย…”พอพวกกวีเข้ามาในท้องพระโรงที่แม่ทัพผีดิบเฝ้าเอาไว้ ทุกคนต่างก็แทบจะตาลายเพราะสมบัติที่อยู่รอบๆ จำนวนเงินที่กองอยู่บนพื้นต้องมีอย่างต่ำเป็นล้านเหรียญแน่ๆ แถมยังมีทั้งชุดเกราะ คทา ดาบ ธนู หอก หรือแม้แต่หนังสือสกิลอีกต่างหาก

 

“เจ้านี่น่าสนใจนี่นา”กวีเดินตรงไปยังบัลลังก์ของจักรพรรดิก่อนจะมองโครงกระดูกโครงหนึ่งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยท่าทีพอใจ ในมือของโครงกระดูกถือคทารูปหัวกะโหลกเอาไว้ แถมที่มืออีกข้างก็ยังมีม้วนตำราเล่มหนึ่งถูกกำเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ซึ่งมันก็คือเวทมนตร์ปลุกชีพ ตำราเวทมนตร์สายเนโครแมนเซอร์นั่นเอง

 

“คุณกวี เบสเขาบอกว่าเรียนเวทมนตร์หลายๆสายไม่ดี งั้นเวทมนตร์นั่นคุณเอาไปเถอะ”ฟ่างพูดออกมาหลังจากเห็นกวีถือตำราเวทมนตร์เอาไว้ในมือ ปกติของรางวัลพวกนี้จะต้องแบ่งกันอย่างเหมาะสมอยู่แล้ว และตำราเวทก็ต้องมานั่งแบ่งในกลุ่มของจอมเวทเป็นเรื่องปกติทีเดียว แต่การที่ฟ่างชิงพูดแบบนั้นเพราะเธอรู้ว่าหากไม่มีพวกกวีพวกเธอคงไม่คิดจะเข้ามาที่นี่ด้วยซ้ำ

 

“ฉันไม่ได้บอกว่าจะให้สักหน่อย แต่แค่ว่าเวทมนตร์เยอะมันจะใช้งานได้ไม่ดีพอ เวทมนตร์ในมือนายเลยไม่จำเป็นกับฉันเฉยๆ”เบสว่าพลางหันหน้าหนีไปทางอื่น เจ้าหมอนี่แม้จะปากเสียแต่ก็ไม่คิดจะโกงไอเทมกันสินะ

 

“พี่กวีดูนี่สิ มีชุดเกราะชุดนี้ยอดไปเลย”เจว่าพลางนำชุดเกราะชุดหนึ่งออกมาจากกองสมบัติ ตอนนี้มีเจคนเดียวเป็นแทงค์ หากพบเกราะหนักหรือโล่เจก็ย่อมได้ผลประโยชน์อย่างแน่นอน

 

“ไอ้พวกชั่ว…..”ระหว่างกำลังเก็บสมบัติอยู่นั้น อยู่ๆเสียงเสียงหนึ่งก็ดังมาจากจุดที่กวียืนอยู่ แน่นอนว่าไม่ใช่เสียงของกวีแน่ๆ แต่เป็นเสียงจากโครงกระดูกที่นั่งอยู่ข้างๆกวีต่างหาก

 

“สมบัติของข้า วังของข้า…..”เสียงของโครงกระดูกที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็พูดออกมาด้วยท่าทีสยดสยอง ก่อนที่ไอพลังเวทจะไหลออกมาจากโครงกระดูกจำนวนมหาศาล

 

“ว่าแล้วคงไม่ให้สมบัติกันง่ายๆสินะ”กวียิ้มเจื่อนๆออกมาก่อนจะวิ่งออกมาห่างโครงกระดูกตัวนั้น

 

“ตาย…ซะ……”ทันทีที่โครงกระดูกส่งเสียงออกมา ร่างของทหารผีดิบนับร้อยตัวก็ปรากฏออกมาภายในท้องพระโรง แม้จะล้มแม่ทัพผีดิบได้แต่ให้เจอทหารผีดิบเป็นร้อยๆตัวแบบนี้ใครมันจะไปไหวกัน

 

“ได้สมบัติแล้วก็เผ่นกันเถอะ”กวีว่าพลางสั่งให้ทุกคนหนีเอาตัวรอดทันที ในเมื่อสู้ไม่ได้ก็ต้องหนีเท่านั้น

ตอนที่ 61
เปลี่ยนระบบ

 

 

“ท่าทางจะมีอะไรจริงๆด้วยนะ”เจว่าพลางเดินเข้าไปในเขตสิ่งก่อสร้างด้วยท่าทีระมัดระวัง ที่นี่ดูต่างจากถ้ำผีดิบที่ผ่านมามาก เพราะยิ่งเข้าไปลึกก็ยิ่งเหมือนวังอะไรบางอย่างเข้าไปทุกที แถมที่แปลกที่สุดก็คือแถวนี้ไม่มีทหารผีดิบเดินผ่านไปผ่านมาเลย

 

“หึ…”เบสส่งเสียงผ่านจมูกออกมาด้วยท่าทีขัดใจ แม้จะดีใจที่เจอเรื่องน่ายินดี แต่แบบนี้ก็เท่ากับว่ากวีเป็นฝ่ายถูกนั่นเอง แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นาเกมเพิ่งเปิดได้ไม่นานแถมโลกก็กว้างมากจะให้สำรวจทุกที่ได้อย่างไร

 

“เอาจริงๆนะพี่เบส ผมว่าคนพวกนั้นน่าจะเป็นพวกมืออาชีพนะ”ฟลุคเห็นท่าทีของเบสก็หัวเราะออกมาก่อนจะแซวเบสด้วยท่าทีขำๆออกไป

 

“ก็คงแบบนั้นล่ะ”เบสเองพออยู่ในปาร์ตี้ของกวีมาได้สักพักก็รู้แล้วว่าคนอื่นๆฝีมือสูงกันมาก แม้แต่มีนที่ตอนแรกนึกว่าเป็นมือใหม่ พอเจอศัตรูที่ไม่ทำให้กลัวแล้วก็แสดงฝีมือออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ตรงกันข้ามตั้งแต่ต้นจนจบผู้หญิงอีกคนในปาร์ตี้ของกวีกลับทำตัวเป็นตัวถ่วงอย่างเดียวเลย แถมเจ้าตัวยังทำท่าจะไม่ไหวแล้วอีกต่างหาก แต่เพราะเห็นกันชัดๆว่าเธอเป็นแฟนของแทงค์อย่างเจ จะให้ออกปากบ่นก็คงไม่ได้

 

“วังนี่หรูไม่เบาเลย บางทีข้างหน้าอาจจะมีสมบัติก็ได้นะคะ”ฟ่างยิ้มด้วยท่าทีอารมณ์ดีไม่น้อย ก็จริงอย่างที่เธอพูดพื้นที่รูปแบบวังหรือปราสาทแบบนี้พอผ่านไปได้ก็จะเจอสมบัติเสมอ แต่ทว่า…

 

“งั้นก็คงจะมีมังกรเฝ้าสมบัติด้วยสินะ”กวีแซวด้วยท่าทีขำๆแต่น่าเสียดายที่คำแซวครั้งนี้ขำไม่ออกเท่าไหร่ แน่ล่ะคงไม่มีสมบัติที่ไหนสามารถเดินเข้าไปเอาได้ง่ายๆหรอก แถมตั้งแต่เดินเข้ามายังไม่เจอมอนสเตอร์เลยแม้แต่ตัวเดียว แบบนี้มันเหมือนกับ

 

“ไม่ใช่มังกร แต่เป็นอัศวินสินะ”เมฆยิ้มเจื่อนๆออกมาก่อนจะชักดาบเตรียมพร้อมรบเต็มที่ อย่างที่เมฆบอกแม้ไม่มีมังกรเฝ้าสมบัติ แต่กลับกลายเป็นอัศวินเสียอย่างนั้น ท่ามกลางกำแพงวังและเสาหินที่สลักอย่างหรูหราเบื้องหน้าปรากฏร่างของนักรบในชุดเกราะจีนเต็มยศคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูรูปมังกร แถมทหารคนนั้นยังถือดาบใหญ่ด้วยมือเดียวกับโล่ลายมังกรที่มือซ้ายอีกต่างหาก ไม่ว่าจะมองมุมไหนเจ้านี่ก็เป็นบอสแน่ๆ

 

[ แม่ทัพผีดิบ บอสมอนสเตอร์เลเวล 70 ตรวจพบผู้บุกรุก ผู้เล่นที่ถูกแม่ทัพผีดิบสังหารจะถูกลดเลเวลลง 5 เลเวล]

 

ราวกับจะยืนยันสิ่งที่ทุกคนกำลังคิดเสียงของระบบดังเตือนออกมาพร้อมร่างของบอสอย่างแม่ทัพผีดิบที่กำลังเริ่มขยับอย่างช้าๆ

 

“โชคดีจริงๆที่เจ้านั่นเองก็ใส่เกราะเต็มยศ”กวีพูดด้วยท่าทียิ้มๆพร้อมเล็งเวทมนตร์ไปทางแม่ทัพผีดิบ อย่างน้อยมีนก็ยังลงมือได้เต็มที่โอกาสเอาชนะได้ก็เพิ่มขึ้นมาล่ะ

 

เพร๊ง!!!

 

“แฮ่…”อย่างกับจะประชด ทันทีที่บอสเริ่มเคลื่อนไหว อยู่ๆหมวกเหล็กของบอสก็แตกกระจายตกลงมาบนพื้นเผยให้เห็นใบหน้าสีดำคล้ำของผีดิบ เพียงแต่บนใบหน้าของแม่ทัพผีดิบนั้นกลับมีดวงตาอีก 2 ดวงงอกออกมาบนหน้าผาก แถมยังเป็นดวงตาที่โตกว่าดวงตาปกติหลายเท่าเสียด้วย

 

“……..”พอเห็นแบบนั้นเข้ามีนที่เตรียมจะต่อสู้อยู่แล้วก็ชะงักไปทันที ถึงจะรู้ก็เถอะว่ามันเป็นแค่เกม แต่ของที่กลัวมันก็กลัวอยู่ดี

 

“ช่วยไม่ได้นะ”กวีถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินเข้าไปหามีน แม่ทัพผีดิบนั่นไม่ใช่เล่นๆเลย หากเสียกำลังของมีนไปอาจจะทำให้แพ้ได้เลยก็ได้ กวีไม่ยอมปล่อยจุดอ่อนใหญ่แบบนี้เอาไว้ต่อหน้าบอสหรอก

 

หมับ….!!!

 

อยู่ๆก็คว้าตัวมีนเข้ามาหาตนเองก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างๆหูของมีนอย่างรวดเร็ว คนอื่นๆไม่ได้ยินว่ากวีพูดอะไรออกมา แต่มีนที่เพิ่งจะหายตกใจก็เริ่มพยักหน้าช้าๆออกมา

 

“เข้าใจแล้วค่ะ”มีนพูดออกมาก่อนจะขยับมือไปด้านหน้าเหมือนกำลังเข้าหน้าต่างระบบของตัวเองอยู่ ไม่นานหลังจากนั้นมีนก็เหลือบไปมองทางแม่ทัพผีดิบครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา

 

“ไหวหรือเปล่า”กวีถามเมื่อเห็นมีนมองไปทางแม่ทัพผีดิบแล้ว คราวนี้มีนไม่มีท่าทีหวาดกลัวเหมือนตอนแรกเลย

 

“ไหวค่ะ”มีนตอบพลางเดินออกไปตั้งท่าต่อสู้อีกครั้ง ภาพตรงหน้านี้ช่างน่าเหลือเชื่ออย่างมาก อยู่ๆมีนที่กลัวจนไม่กล้าสู้เพราะหน้าตาน่ากลัวของแม่ทัพผีดิบก็กลับมาตั้งสมาธิได้เสียอย่างนั้น นี่กวีกระซิบอะไรกันแน่

 

“พี่กวี….”ไอช่าจ้องมองไปทางกวีด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็นแบบไม่มีผิดบังแม้แต่น้อย แม้แต่ไอช่าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากวีกระซิบอะไรออกไป

 

“นี่นายบอกอะไรมีนเนี่ย”เมฆถามพลางมองไปทางมีนด้วยท่าทีอึ้งๆเช่นกัน ถึงกวีจะเคยช่วยให้หลายๆคนผ่านความกลัวของตัวเองไปได้ แต่ไม่ใช่แค่การกระซิบแค่ครั้งเดียวแบบนี้แน่ๆหรือนี่จะเป็นผลของการไปฝึกฝนบนเขามา 5 ปีกันนะ?

 

“ก็แค่บอกให้มีนเขาเปิดโหมดสำหรับเด็กเท่านั้นเอง”กวีตอบด้วยท่าทียิ้มแย้มเสียอย่างนั้นทำเอามีนหันมาค้อนเข้าให้ ถ้าจะป่าวประกาศออกมาแบบนี้แล้วจะกระซิบแบบนั้นทำไมกันเล่า

 

“โหมดสำหรับเด็ก…..”เมฆที่เล่นเกมมาอย่างยาวนานเองก็พอได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง เกมสมัยใหม่มีความสมจริงที่สุดยอดมาก แต่บางทีความสมจริงก็รุนแรงเกินไปทำให้ต้องมีโหมดสำหรับเด็กออกมาให้ผู้เล่นอายุน้อยสามารถใช้งานได้

 

“ไอ้ที่มองเห็นดาบเป็นอมยิ้ม กับเห็นมอนสเตอร์น่ารักขึ้นนั่นน่ะนะ…โอ้ย”เมฆที่กำลังพูดถึงระบบสำหรับเด็กให้ออกมานั้นกลับโดนมีนใช้ดาบจิ้มเข้าให้ แต่เพราะทั้งคู่อยู่ปาร์ตี้เดียวกันเลยไม่สามารถสร้างความเสียหายได้

 

“รู้แล้วๆ ไม่พูดแล้วน่า”เมฆที่โดนมีนจิ้มเอาๆปัดดาบของมีนออกก่อนจะขอโทษออกไปด้วยท่าทีเหมือนจะรับมือไม่ถูก ใครจะไปคิดล่ะว่ากวีจะใช้วิธีรับมือแบบนี้ แต่เท่านี้มีนก็สามารถสู้ได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องความกลัวแล้วสินะ

 

เปรี้ยง !!!

 

อย่างกับจะบอกว่าพวกเมฆเริ่มคุยมากเกินไปแล้ว แม่ทัพผีดิบที่โดนเมินอยู่นานพุ่งตัวเข้ามาโจมตีใส่เจที่ยืนอยู่แถวหน้าสุดเข้าอย่างจังเล่นเอาพลังชีวิตของเจหายไปเป็นข้อ แต่ถึงอย่างนั้นเจก็ยังรับมือไหวอยู่ดี

 

“หมดเวลาพักแล้ว มาสู้กันต่อเถอะ”กวีว่าพลางยิงเวทมนตร์ออกไปใส่แม่ทัพผีดิบในทันที ขืนยังมัวมาแซวมีนเรื่องโหมดสำหรับเด็กแบบนี้อยู่มีหวังเจได้ตายก่อนแน่ๆ

 

ตูม..

 

เวทระดับ 3 ของกวีอัดเข้าใส่ร่างของแม่ทัพผีดิบอย่างจัง แต่ก็เป็นอย่างที่กวีคิดโล่ของมันเองก็มีคุณสมบัติกันเวทมนตร์เหมือนกับทหารผีดิบที่อยู่ด้านนอก แถมโล่ลายมังกรนั่นยังเหมือนจะกันเวทมนตร์ได้ดีกว่าโล่ของทหารผีดิบเสียด้วย ท่าทางศึกนี้จะกลายเป็นศึกยืดเยื้ออีกแล้ว….

 

“เจ้านั่นพลังป้องกันเยอะอย่างที่คิดจริงๆ เบส ฟ่าง ฝากด้วยนะ”กวีหันไปหาเบสกับฟ่างก่อนจะสั่งให้ทั้งสองทำอะไรบางอย่าง ส่วนตัวเองนั้นก็ร่ายเวทยิงออกไปอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม

 

“รู้แล้วน่า..”เบสตอบด้วยท่าทีไม่พอใจนัก แต่กวีก็สั่งมาได้ตรงจังหวะก่อนที่เบสจะเริ่มลงมือพอดี ความรู้สึกเหมือนโดนรู้ทันนี้ไม่ชอบเลย

 

วูบ…

 

ทันทีที่เบสตอบออกไป รอบๆตัวของเบสก็มีไอสีแดงลอยออกมาจากร่างกาย ตอนนี้พวกเขากำลังร่ายเวทมนตร์ระดับ 4 อยู่นั่นเอง

 

โครม…

 

ระหว่างที่ฟ่างกับเบสกำลังร่ายเวทอยู่นั้น อยู่ๆทางฝั่งของเจก็ล้มลงไปกับพื้นเพราะทนรับแรงกระแทกไม่ไหว เจ้าแม่ทัพผีดิบนี่ถือดาบใหญ่ได้ด้วยมือข้างเดียวแสดงว่ามันต้องมีพลังมหาศาลมากแน่ๆ ไม่แปลกเลยที่เจจะรับไม่ไหว

 

“เจลุกขึ้นเร็วเข้า”เก๋วิ่งเข้าไปใช้ดาบของตัวเองป้องกันการโจมตีของแม่ทัพผีดิบเอาไว้ก่อนที่เจจะโดนซ้ำตอนล้ม เก๋เป็นผู้เล่นสายพละกำลังผสมกับทนทานทำให้เธอพอจะรับการโจมตีของบอสได้ในระดับหนึ่ง แต่จะให้รับได้เท่าๆกับแทงค์คงไม่ไหว

 

“ขอบคุณครับ”เจรีบลุกขึ้นยืนก่อนจะกระชับโล่ในมือให้แน่นกว่าเดิม เมื่อครู่เขาพยายามจะโจมตีสวนบอสแม่ทัพผีดิบ แต่ท่าทางเขาจะประมาทเกินไปทำให้โดนแม่ทัพผีดิบโจมตีสวนกลับมาในจังหวะที่เขาคิดจะโจมตีพอดี และผลลัพธ์ก็คือเขาล้มลงไปกับพื้นและอาจจะโดนซ้ำจนตายได้เลย

 

“ใจเย็นๆ พวกเราต้องรับมือกับเจ้านี่อีกนาน”เมฆว่าพลางระดมดาบโจมตีใส่ร่างของแม่ทัพผีดิบไม่มีเว้นว่าง เจ้านี่ถึกอย่างที่คิดเอาไว้ ถึงขนาดทุกคนร่วมกันโจมตียังยืนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

 

“เมฆ ตีโล่”เจพึ่งลุกขึ้นมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงของกวีก็ดังมาจากด้านหลังทำให้เมฆเปลี่ยนท่าโจมตีจากโจมตีแผ่นหลังของแม่ทัพผีดิบไปโจมตีโล่ของแม่ทัพผีดิบอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่กวีสั่งแบบนั้นก็ต้องเป็นเพราะเวทมนตร์ของเบสกับฟ่างกำลังจะร่ายเสร็จแน่ๆ

 

ตูม

 

เวทมนตร์ขั้น 4 ของธาตุ ไฟ และ ลม พุ่งเข้าใส่ร่างของแม่ทัพผีดิบโดยไม่ติดโล่แม้แต่น้อย แถมเวทคันศรวายุกับอสรพิษเพลิงโลกันตร์ยังช่วยเสริมความเสียหายให้กันได้อย่างดีอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหวังผลได้เลย

 

“เป็นไงบ้าง”เบสถามพลางมองผ่านควันเข้าไปด้วยท่าทีสงสัย พวกเบสไม่ได้มีพลังเวทเหลือเฟือเหมือนกวี เวทระดับ 4 นั้นพวกเขาร่ายได้แค่ 3 ครั้งก็เต็มที่แล้ว

 

วูบ

 

ควันยังไม่ทันจาก อยู่ๆดาบของทหารผีดิบก็ฟาดออกมาจากกลุ่มควันจนลมที่พัดตามดาบเป่าเอาควันไฟออกไปจนหมด

 

“บ้าน่า ไม่เป็นอะไรเลยงั้นเหรอ”เบสมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้งๆ อย่างน้อยก็น่าจะเสียหายบ้างสิ

 

“ไม่หรอก….ได้ผลเลยล่ะ”กวียิ้มออกมาบางๆหลังจากกลุ่มควันโดนพัดหายไปหมดแล้ว แม้บนเกราะจะมีร่องรอยความเสียหายไม่มาก แต่แรงระเบิดเมื่อครู่กลับพัดเอาโล่ของแม่ทัพผีดิบหลุดออกจากมือไปแล้ว นี่มันโชคดีสุดๆไปเลยไม่ใช่หรือไง

ตอนที่ 60

ผิดตำแหน่ง

 

 

“ที่นี่สินะชั้นสี่”หลังจากเสียเวลาไปนับวันในการเก็บให้คนของปาร์ตี้พวกกวีถึงเลเวล 40 ในที่สุดพวกกวีก็ถึงเวลาเดินทางลงมายังชั้น 4 ที่ไม่มีใครอยากจะลงมาเสียที แน่นอนว่าที่ชั้น 4 นี้ไม่มีวี่แววของผู้เล่นเลยแม้แต่คนเดียว ไม่เหมือนกับชั้น 3 ที่นาน ๆจะเจอผู้เล่นสักปาร์ตี้เดินผ่านไปบ้าง แต่ถึงจะเจอปาร์ตี้อื่นพวกเบสก็ไม่มีท่าทีจะขอตามปาร์ตี้พวกนั้นขึ้นไปชั้นอื่น ๆเพื่อออกจากถ้ำผีดิบแห่งนี้ แถมที่สำคัญยังไม่มีใครพูดกับปาร์ตี้อื่นเรื่องที่ว่าพวกตนจะไปชั้นที่ 4 เลย

 

“จากตรงนี้ยังมองเห็นเลยว่ามีมอนสเตอร์เยอะแค่ไหน”เบสทำหน้าเบ้ออกมาด้วยท่าทีเกรง ๆ พวกทหารผีดิบในชั้นนี้แต่งตัวด้วยชุดเกราะแบบจีนเต็มยศอย่างกับทหารดินเผาที่ทำหน้าที่เฝ้าสุสานจักรพรรดิเดินได้เลย แถมที่เลวร้ายที่สุดก็คือเจ้าพวกนี้เกาะกลุ่มกันไม่ยอมปล่อย

 

“โล่….ดาบ…..หอก…..”กวีไล่มองอาวุธในมือทหารผีดิบทีละตัวอย่างใจเย็น เจ้าพวกนี้ไม่ใช่แค่เกราะแต่อาวุธเองก็มีหลากหลายกว่าเดิมมาก กลัวว่าพวกมันจะมีทักษะการต่อสู้ที่แตกต่างกันด้วยสิ

 

“ฟลุค ลองล่อมันเข้ามาตัวเดียวก่อน แต่ถ้าพวกมันเข้ามาพร้อมกันก็เล็งเล่นงานพวกที่ไม่ได้ถือโล่ก่อน”กวีสั่งก่อนจะเริ่มร่ายเวทเอาไว้รอพวกมัน ตอนนี้กวีเลเวล 43 แล้ว ส่วนพวกเมฆเองก็เลเวล 40 กันทั้งนั้นย่อมรับมือทหารผีดิบได้ดีกว่าก่อนหน้านี้แน่ ๆ แถมพวกเบสเองก็ยังเลื่อนขึ้นไปเลเวล 50 กว่า ๆกันทุกคน ต่อให้ทหารผีดิบในชั้น 3 มาพร้อมกัน 5 หรือ 6 ตัวก็ยังสามารถรับมือได้ แต่….ทหารผีดิบในชั้น 4 นี้จะรับมือง่ายเหมือนชั้น 3 หรือเปล่านะ

 

“ครับ….”ฟลุคพยักหน้ารับก่อนจะง้างธนูยิงออกไปข้างหน้าทันที หากทหารผีดิบที่โดนยิงเดินเข้ามาแค่ตัวเดียวก็จบ ขอเพียงแค่พวกกวีล่อพวกหารผีดิบมาทีละตัวแล้วค่อย ๆจัดการไปก็จะสามารถเข้าไปดูด้านในได้ง่าย ๆ แต่มันจะง่ายแบบนั้นเลยเหรอ

 

เคร๊ง !!!

 

ทันทีที่ลูกธนูของฟลุคเข้าไปกระแทกเกราะของทหารผีดิบ ลูกธนูของฟลุคก็กระเด้งออกมาทันที เกราะเต็มยศของทหารผีดิบพวกนี้แข็งกว่าเกราะพังของทหารผีดิบที่ชั้น 3 มาก แถมเสียงดังแบบนั้นยังทำเอาทหารผีดิบรอบ ๆพากันหันมามองทางพวกกวีอีกต่างหาก

 

“ไม่ง่ายจริง ๆด้วยสิ”กวีถอนหายใจออกมาพลางชี้คทาไปทางพวกทหารผีดิบ ตอนนี้มีทหารผีดิบ 4 ตัวกำลังเดินเข้ามาหาพวกกวี แถมตัวที่นำหน้ามายังเป็นตัวถือโล่อีกต่างหาก

 

เปรี้ยง !!

 

เวทสายฟ้าของกวีพุ่งเข้าเล่นงานตัวที่ถือโล่ทันที แม้กวีจะสั่งว่าให้เล็งเล่นงานพวกที่ไม่ถือโล่ก่อน แต่กวีที่มีเวทสายฟ้ากลับเลือกที่จะยิงใส่โล่เป็นอย่างแรกเพราะเวทสายฟ้านั้นมีคุณสมบัติทำให้ชะงักเล็กน้อย แถมกับชุดเกราะที่ทำจากเหล็กกล้าแล้วยิ่งได้รับผลจากไฟฟ้าอย่างชัดเจน

 

กึก….

 

 

ทันทีที่เจ้าตัวถือโล่ชะงัก สายฟ้าของกวีก็ไหลผ่านตัวถือโล่ไปยังตัวอื่น ๆที่กำลังตามมา ส่งผลให้พวกมันชะงักกันไปด้วย แม้จะแยกเจ้าตัวถือโล่ออกจากกลุ่มไม่ได้ แต่ก็ทำให้พวกทหารผีดิบชะงักไปอยู่ดี

 

“เอาเลย”เก๋พูดพลางจับดาบใหญ่ของตัวเองเตรียมเข้าไปโจมตีด้วยท่าทีมุ่งมั่นไม่น้อย เพียงแต่…

 

ฟุบ!!!

 

อยู่ ๆร่างของมีนก็พุ่งผ่านร่างของเก๋ไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ดาบของมีนจะกระหน่ำโจมตีร่างของทหารผีดิบอย่างรวดเร็วผิดกับก่อนหน้านี้อย่างกับคนละคน

 

“เอ๊ะ….”เก๋กะพริบตาปริบ ๆด้วยท่าทีงง ๆ ก่อนหน้านี้มีนยังเหมือนผู้เล่นใหม่โจมตีได้ไม่ค่อยได้อยู่เลย ทำไมอยู่ ๆก็เปลี่ยนท่าทีไปแบบนั้นกัน

 

“อ่า….เพราะชุดเกราะสินะ”กวียิ้มเจื่อน ๆออกมาพลางมองท่าทีของมีน ทหารผีดิบในชั้นนี้สวมชุดเกราะเต็มยศทำให้ไม่เห็นเนื้อหนังเน่าเปื่อยของซากศพเลย เพราะแบบนี้ละมั้งทำให้มีนสามารถกลับคืนฟอร์มได้กะทันหัน

 

“อะไรกัน ตลอดมานี่กลัวมาตลอดเลยงั้นเหรอ”เก๋หัวเราะออกมาหลังจากเมฆที่กำลังโจมตีอยู่ใกล้ ๆเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น แน่ล่ะมันไม่น่าขำไปหน่อยหรือไงที่มีนโจมตีไม่ได้เพราะอีกฝ่ายเป็นผีดิบน่ะ

 

“อย่าเพิ่งประมาท”กวีส่งเสียงเตือนเก๋ที่มัวแต่คุยก่อนจะระดมร่ายเวทอัดใส่ร่างของพวกทหารผีดิบอย่างต่อเนื่อง เกราะของเจ้าพวกนี้พลังป้องกันสูงจริง ๆ แถมที่แย่ที่สุดคือโล่ของทหารผีดิบที่ถือโล่เอาไว้เหมือนจะมีความสามารถป้องกันเวทมนตร์ด้วยเพราะจำนวนความเสียหายที่กวีทำได้เหมือนน้อยมากหากโจมตีใส่โล่ของมันเข้า

 

“ไม่ต้องห่วง”เมฆพูดจบก็กระโดดเข้าไปเหวี่ยงดาบใส่ตัวที่ถือโล่ทันที พวกโล่ที่มีพลังป้องกันเวทสูงก็ย่อมต้องมีพลังป้องกันกายภาพที่ต่ำกว่าที่ควรด้วยเช่นกัน ในเมื่อเวทมนตร์เจาะไม่เข้างั้นก็ต้องใช้กำลังเข้าสู้แบบนี้แหละ

 

เปรี้ยง!!

 

ดาบของเมฆเหวี่ยงออกไปกระแทกโล่ของทหารผีดิบอย่างจังจนโล่ของมันแทบจะหลุดจากมือ ตอนนี้เมฆเลเวลห่างจากทหารผีดิบไม่มากทำให้พลังโจมตีของเมฆน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

 

ตูม!!

 

ทันทีที่เมฆเหวี่ยงดาบกระแทกโล่ของทหารผีดิบออก เก๋ก็เข้ามาโจมตีในจังหวะที่โล่หลุดออกจากระยะป้องกันอย่างต่อเนื่อง ต้องขอบคุณช่วงเวลาที่อยู่เก็บเลเวลด้วยกันก่อนหน้านี้ที่ชั้น 3 ทำให้เก๋เข้าขากับเมฆมากขึ้นหลายเท่า

 

เปรี้ยง!!!

 

“ฝากตัวอื่นด้วย”เก๋ตะโกนบอกก่อนจะตั้งท่าดาบเตรียมโจมตีต่อ ตอนนี้เมฆกับเก๋กำลังยื้อทหารผีดิบที่ใช้โล่อยู่ทำให้มันไม่สามารถออกไปเป็นแนวหน้าได้

 

เปรี้ยง! เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!!

 

ทันทีที่ตัวถือโล่โดนสกัดเอาไว้ พวกกวีก็เข้าไปรุมโจมตีทหารผีดิบที่ถือดาบด้านขวาทันที เพราะเล่นด้วยกันมาพักใหญ่แล้วทำให้ทุกคนเริ่มเข้าขากันมากขึ้น ทันทีที่เจตรงเข้าไปแทงค์ตัวไหนทุกคนก็จะรุมเล่นงานตัวนั้นให้ตายก่อนทันที เรียกได้ว่าให้เจเป็นลูกศรคอยชี้เป้าก็ว่าได้…

 

วูบ!!

 

“ฮ่า…..”เสียงลมหายใจของทหารผีดิบดังออกมาจากกลุ่มควันระเบิดพร้อมดาบที่เหวี่ยงเข้าใส่เจเต็มแรง ทหารผีดิบที่โดนพวกกวีรุมโจมตีเข้าไปนอกจากจะไม่ตายแล้วยังเดินฝ่าเข้ามาอีก

 

“ถึกเกินไปแล้ว”ฟ่างกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นทหารผีดิบเดินฝ่าเข้ามาพร้อมดาบในมือ การโจมตีชุดเมื่อครู่สามารถเก็บทหารผีดิบที่ชั้น 3 ได้สบาย แต่เมื่อเจอกับทหารผีดิบในชั้นที่ 4 กลับดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไร

 

เปรี้ยง!!!

 

เช่นเดียวกัน ทางฝั่งเมฆกับเก๋ดูเหมือนจะยังปิดบัญชีทหารผีดิบที่ใช้โล่ไม่ได้เสียที เกราะของเจ้าพวกนี้แข็งมากจริง ๆ

 

“อย่าเพิ่งหยุด โจมตีซ้ำไปที่ตัวเดิม”กวีเห็นฟ่างชะงักก็รีบเตือนทันที ไม่รู้หรอกว่าทหารผีดิบพวกนี้ถึกแค่ไหน แต่ข้างในก็ยังเป็นทหารผีดิบเหมือนที่ชั้น 3 อยู่ดี

 

เปรี้ยง ๆ ๆ

 

ดาบและหอกในมือของทหารผีดิบ 3 ตัวโจมตีเข้าใส่เจที่ป้องกันอยู่ข้างหน้าจนไม่มีเวลาสวนเลย โชคยังดีที่การโจมตีของทหารผีดิบพวกนี้ยังไม่ต่างจากเดิมนักทำให้เจยังยืนไหวอยู่ แต่เพราะฆ่าพวกมันไม่ได้สักทีเจก็เลยงานหนักไม่น้อย

 

“พี่หลิวฝากรักษาพี่เจหน่อยนะคะ”ไอช่าที่อยู่ด้านหลังหันไปหาหลิวที่อยู่ตำแหน่งเดียวกันกับตนเองก่อนจะวิ่งล้ำหน้าเข้าไป

 

“เอ๊ะ….”หลิวสะดุ้งโหยงพลางมองไอช่าว่ากำลังทำอะไร อยู่ ๆก็โยนหน้าที่รักษาเจมาให้ทั้ง ๆที่เจกำลังเสียพลังชีวิตจำนวนมากแท้ ๆ

 

“ขอบใจ…”แต่พอมองตามไอช่าไปหลิวก็พบว่าไอช่าวิ่งไปรักษาเก๋ที่กำลังโจมตีทหารผีดิบอยู่ด้านหลังหลิวก็เข้าใจทันที เก๋แม้จะเก่งแต่ก็ไม่ได้เป็นมืออาชีพเหมือนเมฆ แม้จะโจมตีได้หนักหน่วงแต่กลับหลบการโจมตีได้ไม่เต็มที่นักทำให้เสียพลังชีวิตไปมากทีเดียว หากไอช่าไม่ฉีกไปรักษาให้เรดของกวีก็จะขาดตัวดาเมจหนัก ๆคนหนึ่งไปเลย

 

เปรี้ยง!!

 

สายฟ้าฟาดของกวีกระแทกเข้าใส่ร่างของทหารผีดิบที่ทุกคนรุมโจมตีกันมาได้พักหนึ่งแล้ว ในที่สุดมันก็ล้มลงนอนกับพื้นเสียที แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือค่าประสบการณ์ที่ได้และไอเทมกลับไม่ต่างจากพวกชั้น 3 เลย เพราะแบบนี้ไงคนอื่น ๆถึงเข้ามาแล้วไม่คิดจะเข้าไปลึกกว่านี้ เจ้าพวกนี้รับมือยากกว่าชั้น 3 มากแต่กลับได้ไม่คุ้มเสียเลย

 

ตูม!!

 

หลักจากผ่านไปพักใหญ่ ๆ ในที่สุดพวกกวีก็จัดการทหารผีดิบที่ใช้โล่ลงได้ ซึ่งนั่นก็เป็นตัวสุดท้ายแล้ว ทหารผีดิบในชั้น 4 นี้ถึกมากโดยเฉพาะเจ้าตัวโล่ หากไม่ใช่เพราะมันโจมตีได้เบากว่าที่คิดเจอาจจะรับไม่ไหวก็ได้

 

“ยากจริง ๆ แบบนี้จะไปต่อไหวงั้นเหรอ”เก๋ถามพลางหอบหายใจออกมา ถ้าเจ้าตัวโล่นั่นเข้าไปช่วยตัวอื่น ๆการฆ่าตัวอื่น ๆก็จะยากขึ้นมาก หากไปเจอกลุ่มที่มีโล่ 2 ตัวอาจจะแย่ก็ได้

 

“รอบหน้าเปลี่ยนให้มีนเข้าไปช่วยเมฆแทน เก๋เข้ามาช่วยโจมตีกับกลุ่มหลัก”กวีคิดครู่หนึ่งก็สั่งให้เก๋สลับตำแหน่งกับมีน หากมีนกลับมาสู้ได้เหมือนเดิมแล้วทหารผีดิบพวกนี้ไม่มีทางสัมผัสเธอได้ด้วยซ้ำ และถ้าหากมีโล่ 2 ตัวมีนก็ยังดึงเอาไว้ได้โดยไม่โดนโจมตี แบบนี้ไอช่าก็จะไม่เสียตำแหน่งแล้วช่วยเจได้ให้แทงค์ได้ดีเหมือนเดิม

 

“หวังว่ามันจะคุ้มนะ…”เบสพูดออกมาด้วยท่าทีเหนื่อย ๆ พอต้องร่ายเวทซ้ำ ๆกันไปนาน ๆก็เริ่มปวดหัวเหมือนกัน

 

“ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ”กวีหัวเราะออกมาก่อนจะเริ่มเดินเข้าไปในชั้น 4 ต่อไปเพียงแต่สิ่งที่เก๋กลัวเหมือนจะไม่เกิดขึ้น เพราะทุกกลุ่มจะมีตัวถือโล่แค่ตัวเดียวเท่านั้น บ้างก็ไม่มีเลยทำให้เรดของกวีสามารถผ่านชั้น 4 เข้าไปได้ลึกพอสมควร จนกระทั่ง

 

“นั่นไงล่ะ”หลังจากผ่านช่วงกลางของชั้น 4 มาได้ในที่สุดสิ่งน่าสนใจก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าพวกกวีเสียที ด้านในดันเจี้ยนถ้ำผีดิบนั้นมีสภาพเป็นถ้ำหินมืด ๆมาตลอด แต่พอมาถึงจุดที่พวกกวีอยู่นั้นกลับมีกำแพงหินและพื้นหินที่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือมนุษย์อยู่ จากถ้ำธรรมดากลายเป็นวังหินไปได้อย่างไรก็ไม่ทราบ แต่ที่แน่ ๆด้านในหลังจากนี้ไปต้องมีอะไรซ่อนอยู่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

 

ตอนที่ 59

ไม่อยากเข้า

 

“เรื่องนั้นผมเข้าใจดีครับ แต่ทุกคนก็ย่อมต้องมีเส้นทางที่อยากเล่นเหมือนกัน”กวีตอบด้วยท่าทีสบาย ๆไม่มีอารมณ์โกรธแม้แต่น้อย จะโทษเบสก็ไม่ได้เพราะหลักการที่เบสพูดมานั้นก็เป็นเรื่องที่เขียนอยู่บนเว็บบอร์ดของเกม คนที่หัดเล่นจอมเวททุกคนน่าจะเคยอ่านพวกข้อมูลการเล่นมาบ้าง แต่อย่างที่กวีบอกที่กวีเลือกเล่นไปทางสายอาชีพนี้ก็เพราะกวีมีเป้าหมายที่ต้องการอยู่

 

“ก็แล้วแต่ละกัน”เบสยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะเริ่มร่ายเวทมนตร์ใส่ผีดิบที่ถูกฟลุคยิงเพื่อล่อมายังกลุ่มของตนเอง ตัวเบสนั้นเป็นจอมเวทที่มีเวท ไฟ และ ลม เป็นเวทโจมตีหลัก แถมยังอัพขั้นขึ้นไปถึงขั้น 3 เรียบร้อยแล้วทำให้สามารถใช้ หอกเพลิง เวทขั้น 3 ของธาตุไฟ และ พายุหมุน เวทขั้น 3 ของธาตุลมได้ โดยการคอมโบของเบสนั้นก็เป็นไปตามที่เว็บบอร์ดเขียนแนะนำโดยการสร้างพายุหมุนขนาดเล็กขึ้นก่อนแล้วยิงบอลไฟซ้ำลงไปเพื่อเปลี่ยนเป็นพายุเพลิงสร้างความเสียหายไฟอย่างต่อเนื่อง ส่วนกระสุนเพลิงต่อเนื่องและเคียวสายลมนั้นเบสยังไม่สามารถร่ายพร้อมกันได้ก็เลยเอามาผสมแบบที่กวีทำไม่ได้

 

เปรี้ยง!!

 

เวทมนตร์ของกวียิงโจมตีอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วคนละระดับกับเบสอย่างสิ้นเชิง ความเร็วในการร่ายนั้นเป็นตัวบ่งชี้ความเก่งกาจของผู้เล่นจอมเวทได้เช่นกัน เพราะเห็นกวีร่ายเวทได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อทำให้ฟ่างมีท่าทีชื่นชมกวีอย่างเห็นได้ชัด แถมเวทสายฟ้าที่กวีใช้ออกมายังทำเอาเบสอิจฉามากอีกด้วย

 

“พวกเรารุกเข้าไปด้านในกันเถอะ ตอนนี้พวกเราน่าจะรับมือได้สบายแล้ว”เบสเสนอให้ทุกคนเดินหน้ากันเข้าไปในชั้น 3 ให้ลึกกว่านี้

 

“ยังไม่ได้หรอก เก็บเลเวลตรงทางเข้าสักพักแล้วค่อยไป”กวีส่ายหน้าปฏิเสธ ตอนนี้แม้จะรับมือได้ง่ายก็จริง แต่มีนยังสู้ได้ไม่เต็มที่ พวกเก๋กับเมฆเองก็ยังไม่ค่อยเข้าขากันเลยยังสลับกันโจมตีได้ไม่ดีนัก ส่วนเบสก็นับว่าทำได้ดีแล้วแต่ฟ่างยังร่ายเวทได้ค่อนข้างช้า หากโดนรุมโจมตีพร้อมกัน 2 ถึง 3 ตัวกลัวว่าจะมีคนตายเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้ควรเก็บเลเวลให้เจถึกกว่านี้เสียก่อน

 

“พี่กวีว่าไงผมก็ว่างั้นครับ”เจที่ไม่พอใจท่าทีของเบสเท่าไรตอบเข้าข้างทางฝั่งกวีทันที เมื่อแทงค์พูดแบบนั้นแล้วคนอื่นจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร สุดท้ายทุกคนเลยปักหลักอยู่หน้าทางเข้าแล้วให้ฟลุคยิงโจมตีจากระยะไกลเพื่อล่อมอนสเตอร์เข้ามาฆ่าทีละตัว ๆ

 

ตูม!!

 

ในที่สุดกวีก็เลื่อนขั้นเวทมนตร์มาถึงขั้น 3 เสียทีหลังจากระดมโจมตีเวทมนตร์แต่ละสายอย่างต่อเนื่องมานานถึง 4 ชั่วโมง รวมถึงพวกเจเองก็เลเวลเพิ่มขึ้นมาจนแตะ 30 กันหมดแล้ว

 

ตูม ๆ ๆ ๆ ๆ

 

เวทมนตร์ขั้นที่ 3 ของแต่ละธาตุนั้นเป็นท่าที่เน้นพลังโจมตีทั้งนั้น เวทไฟนั้นเป็นการสร้างหอกสีแดงเพลิงขึ้นมาแล้วแทงออกไปด้วยความเร็วสูง เป็นเวทมนตร์ที่เร็วที่สุดที่กวีมีตอนนี้เลย เวทลมเป็นพายุหมุนเหมือนกับที่เบสใช้ มันจะสร้างพายุหมุนขนาดเล็กออกมาโจมตีมอนสเตอร์ระยะหนึ่ง แน่นอนว่ามันเป็นเวทโจมตีที่สร้างความเสียหายได้ดีมากแถมสามารถผสมกับเวทอื่นได้อย่างดีอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีเวทสายฟ้าที่อัพขึ้นมา 2 ขั้นอีกต่างหากโดยขั้นที่ 2 นั้นเป็นสกิลติดตัวโดยจะเพิ่มคุณสมบัติของธาตุสายฟ้าด้วยสกิล นำไฟฟ้า ทำให้ทุกครั้งที่โจมตีด้วยเวทสายฟ้าจะทำให้ศัตรูโดยรอบได้รับผลของสายฟ้าไปด้วย หรือก็คือเปลี่ยนการโจมตีสายฟ้าทุกครั้งเป็นสกิลหมู่นั่นเอง ส่วนขั้นที่ 3 ยังได้เวทสายฟ้าที่รุนแรงอย่างสายฟ้าฟาดอีกต่างหาก สมแล้วที่เป็นธาตุที่หายาก ส่วนเวทดิน ในชั้นที่ 3 นี้เวทดินเป็นเวทติดตัวที่จะเพิ่มความเสียหายของหอกศิลาขึ้น หลังจากนี้การร่ายหอกศิลาออกมาจะไม่เป็นลิ่มดินอีกแล้ว แต่จะเป็นหอกสมกับชื่อสกิลเลย และกำแพงดินก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย และสุดท้ายคือเวทน้ำ ในขั้นที่ 3 นี้เวทน้ำสร้างความน่าสนใจไม่น้อย เพราะจากเวทขั้นแรกที่เป็นกระสุนน้ำกับเวทขั้น 2 ที่เป็นคลื่นน้ำกระแทก อยู่ ๆเวทขั้นที่ 3 ก็เปลี่ยนเป็นระเบิดน้ำเสียอย่างนั้น พอร่ายออกไปก็จะวางพื้นน้ำลงที่เท้าของศัตรูแล้วระเบิดกระแสน้ำอัดขึ้นมาด้านบนจนมอนสเตอร์ลอยขึ้นมาเลย เรียกได้ว่าแค่ปลดสกิลขั้นที่ 3 นี้ก็ทำให้กวีสร้างความเสียหายได้เร็วขึ้นมากหลายเท่าเลย

 

“เฮ้ ๆ ใช้แบบนั้นเดี๋ยวพลังเวทก็หมดหรอก”หลังจากเห็นกวีใช้เวทขั้น 3 ยิงใส่ทหารผีดิบแถมยังยิงสกิลขั้น 1 และ 2 ตามไปด้วยรัว ๆแล้วเบสก็ทำปากเบ้มองอย่างกับกวีเป็นพวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เวทขั้น 3 แรงมากก็จริงแต่ก็กินพลังเวทมากด้วย หากใช้รัว ๆแบบนั้นพลังเวทต้องหมดแน่ ๆ

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ใช่แค่เวทมนตร์ธาตุเท่านั้นที่พัฒนาขึ้น แต่เดิมกวีก็มีคำอวยพรพิเศษจากคราวที่ทำให้มีพลังเวทเพิ่มขึ้น 10% และสกิลพรจากวิสเทพแห่งปัญญา ที่จะช่วยเพิ่มพลังเวทอีก 10%  นอกจากนี้ค่าปัญญาเองยังมีผลเพิ่มพลังเวทอีกต่างหาก ก่อนหน้านี้ตอนเมฆซื้ออุปกรณ์สวมใส่มาให้ก็กวาดซื้อพวกไอเทมเพิ่มค่าปัญญาถาวรแบบน้ำผึ้งหมอกม่วงมาอีกทั้งชุด ทำให้ตอนนี้ค่าปัญญาของกวีล้นเกินเลเวลไปมาก ยังไม่ต้องนับผลฟื้นฟูพลังเวทจากสกิลและอุปกรณ์สวมใส่ที่เสริมพลังมาแล้วอย่างดีเลยด้วยซ้ำกวีก็สามารถใช้เวทมนตร์ขั้นสูงกว่านี้ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องห่วงพลังเวทเลย

 

“เมฆ สกิลอัพหรือยัง”กวีถามพลางเดินเข้าไปหาเมฆเพื่อสอบถามเรื่องสกิล สายเวทมนตร์สามารถอัพขั้นของสกิลเพื่อให้ได้เวทมนตร์ใหม่ ๆมา สายต่อสู้กายภาพก็ใช้การอัพสกิลเพื่อเพิ่มความเสียหายให้สกิลด้วยเช่นกัน หากขั้นของสกิลเพิ่มขึ้น ความเสียหายที่ทำได้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

“อัพหมดแล้ว”เมฆตอบพลางเก็บดาบเอาไว้ที่หลังของตนเอง ด้วยการอัพค่าพละกำลังตลอดตั้งแต่สร้างตัวรวมไปถึงการใช้ของเพิ่มพลังถาวรด้วยแล้วทำให้เมฆโจมตีได้หนักหน่วงรุนแรงมาก ยิ่งเลเวลสกิลเพิ่มเมฆก็ยิ่งโจมตีได้แรงและบางสกิลยังมีผลเพิ่มเติมอื่น ๆจากการอัพเลเวลขึ้นมาอีกต่างหาก ตอนนี้ขอแค่มีกวีกับเมฆระดมโจมตีหนัก ๆสักชุดก็ฆ่าทหารผีดิบลงได้แล้ว

 

“งั้นเราเริ่มย้ายที่กันเถอะ”กวีว่าพลางบอกให้เจเดินนำเข้าไปในถ้ำชั้น 3 ของถ้ำผีดิบ แต่เพราะกวีสั่งให้เข้าไปในถ้ำหลังจากเบสสั่งไม่เท่าไรทำให้เบสเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่เรื่องนั้นกวีไม่สนใจหรอกเพราะตอนนี้ไม่เหมือนตอนเข้าปาร์ตี้ของท็อป ตอนนั้นกวีมีแค่เจคนเดียวส่วนคนอื่น ๆต่างเป็นคนที่ท็อปชวนมา ส่วนตอนนี้นอกจากกวีจะเป็นหัวหน้าเรดแล้วทั้งคนกว่าครึ่งก็ฟังที่กวีพูดมากกว่า แถมเจที่เป็นแทงค์ตัวเดียวยังยืนยันหนักแน่นอีกด้วยว่าจะทำตามที่กวีบอก ทำให้กวีมีภาษีในการสั่งการเรดนี้ได้มากกว่าเบสหลายเท่า

 

“ไม่ยากอย่างที่คิดนะครับ”เจพูดพลางใช้โล่ของตนเองกระแทกร่างของผีดิบเพื่อทำให้มันชะงักก่อนจะเหวี่ยงดาบโจมตีออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เมฆกับกวี เจกับคนอื่น ๆเองก็เลเวลเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แถมดูเหมือนพรของคราวที่เป็นเทพองค์ที่ 5 นั้นยังเพิ่มพลังชีวิตให้เจมหาศาล ยิ่งเลเวลเพิ่มก็เหมือนพลังชีวิตของเจจะมากตามไปด้วย ตอนนี้ต่อให้ทหารผีดิบมากัน 2 หรือ 3 ตัวก็สามารถรับมือได้ไม่ยาก

 

“เจ้าพวกนี้ใส่เกราะเก่าเลยยังไม่แข็งมาก แถมยังโผล่มาแค่ทีละตัวสองตัวด้วย”กวีว่าพลางร่ายเวทโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก เช่นเดียวกับคนอื่น ๆที่พยายามโจมตีให้เร็วที่สุดเพื่อล้มทหารผีดิบเพราะดูเหมือนตอนนี้แนวหน้าอย่างเมฆกับเก๋จะเริ่มเข้าขากันแล้ว ส่วนฟลุคกับหลิวก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีทำให้การฆ่าทหารผีดิบรวดเร็วขึ้นมาก และถ้าสามารถฆ่าได้อย่างต่อเนื่องค่าประสบการณ์ที่จะได้รับก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

 

“งั้นก็เก็บให้ถึงเลเวลสี่สิบหลังจากนั้นจะลงไปที่ชั้นสี่”กวีพูดออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ปาร์ตี้ในตอนนี้ทำงานได้ดีมาก แม้เบสจะขัดใจกวีแต่เขาก็เป็นจอมเวทมีฝีมือติดตัว แม้จะไม่เร็วมากแต่ก็ยิงเวทมนตร์ออกมาได้เรื่อย ๆ

 

“ชั้นสี่”แต่พอได้ยินสิ่งที่กวีพูด เบสก็หยุดชะงักการร่ายเวทไปเสียอย่างนั้น

 

“จะบ้าหรือไง พวกเราไม่ไปที่ชั้นสี่กันหรอกนะ”เบสตอบพลางมองกวีด้วยท่าทีเหมือนมองคนประหลาด ทุกคนที่นี่ต่างไม่มีใครคิดจะไปชั้น 4 หรอก

 

“คุณกวี พวกเราจะไปชั้นสี่กันจริง ๆเหรอคะ”ฟ่างถามด้วยท่าทีตกใจเช่นเดียวกัน ในปาร์ตี้ของเบสนั้นไม่มีใครรู้เป้าหมายของกวีเสียด้วย

 

“ใช่ พวกเราตั้งเป้าหมายว่าจะไปลุยกันที่ชั้นสี่”กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีจริงใจเหมือนจะบอกว่าสิ่งที่ตนพูดไม่ใช่เรื่องโกหกนะ

 

“บ้า…บ้าแน่ ๆ….ทหารผีดิบที่ชั้นสี่มันเป็นทหารผีดิบเดียวกันกับทหารผีดิบในชั้นสามนะ พวกมันใส่เกราะเต็มยศแถมยังมาพร้อมกันหลายตัว แต่เพราะเป็นตัวเดียวกับชั้นสามพวกมันก็เลยให้ค่าประสบการณ์และไอเทมเหมือนกัน ไม่มีใครบ้าจะไปตีมอนสเตอร์ที่เก่งกว่าแต่ดันได้ผลลัพธ์เหมือนกันหรอก”เบสส่ายหน้าพลางร่ายสาเหตุที่ไม่ยอมไปชั้น 4 ออกมาเป็นชุด ๆ

 

“แล้ว…ทำไมเกมจะต้องทำให้ไม่มีคนอยากเข้าไปด้วยล่ะครับ”กวีถามกลับด้วยท่าทีมีเลศนัย คนส่วนใหญ่ที่มายังถ้ำผีดิบนั้นต่างมาเพื่อเก็บเลเวล ไม่มีใครอยากลงไปชั้น 4 เพราะมันได้ไม่คุ้มเสียกันทั้งนั้น มันไม่แปลกไปหน่อยหรือที่สร้างมอนสเตอร์เหมือนกันที่ยากกว่ามาก ๆมาอยู่ในชั้นถัดไป

 

“มันเหมือนกับจงใจไม่ให้ใครเข้าไปงั้นล่ะ”กวีตอบเสียงเรียบก่อนจะเริ่มหันไปโจมตีทหารผีดิบต่อ แต่คำตอบที่ชวนให้คร้อยตามนั้นกลับทำให้เบสหยุดบ่นแล้วหันไปโจมตีต่อเสียอย่างนั้น

ตอนที่ 58

เป็ด

 

“วากกกก”บนชั้น 2 ของดันเจี้ยนถ้ำผีดิบนั้นมอนสเตอร์จะเก่งกว่าชั้นแรกมากทำให้ไม่ค่อยเจอผู้เล่นเท่าไรแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเห็นผู้เล่นวิ่งหนีมอนสเตอร์ที่มากันมากกว่า 1 ตัวได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไร

 

“ถึงจะเป็นแค่ชั้นที่สองก็ระวังตัวเอาไว้นะ”กวีเตือนทุกคนในปาร์ตี้ขณะเดินผ่านทางลงชั้นสองมาได้สักพัก บรรยากาศที่มีผู้คนเดินไปเดินมาก่อนหน้านี้แทบจะหายไปแล้ว ตอนนี้ทุกปาร์ตี้ต่างต้องระวังตัวและเล็งหามอนสเตอร์เพียงตัวเดียวเพื่อรุมจัดการกันแล้ว

 

เปรี้ยง!!

 

ดาบในมือของผีดิบตนหนึ่งตรงเข้ามาหาเจที่ยืนอยู่ด้านหน้าอย่างจัง ผีดิบบนชั้น 2 มีเลเวล 45 ห่างจากชั้นแรกนิดหน่อย แต่พวกมันมีอาวุธถือในมือแตกต่างกันไปทำให้พลังโจมตีเหนือกว่าชั้นแรกแบบก้าวกระโดด หากประมาทละก็มีหวังโดนเล่นงานแน่ ๆ

 

“เจ้าพวกนี้มันเอาแรงมาจากไหนเนี่ย”เจกระแทกโล่กลับไปอย่างยากลำบากก่อนจะใช้ดาบของตัวเองฟันใส่ร่างของผีดิบตรงหน้าอีกรอบ เทียบกับพวกผู้เล่นที่สู้มาก่อนหน้านี้หรือพวกโจรในหมู่บ้านฟรอยแล้วผีดิบพวกนี้ยังเคลื่อนไหวช้ามากทำให้เจรับมือได้สบายกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว

 

“เห็นเขาบอกว่าพวกซอมบี้ไม่รู้สึกเจ็บปวดก็เลยใช้พลังกายได้เต็มที่นะคะ”ไอช่าตอบพลางเอาไม้คทาตีซอมบี้ตรงหน้าเต็มแรง แม้เธอจะสร้างความเสียหายได้ไม่มากก็เถอะ

 

“ทำไมมันเหมือนมาจากการ์ตูนเลยล่ะ”เจกะพริบตาปริบ ๆเพราะเหมือนตนเองก็ได้ยินอะไรแบบนั้นมาจากหนังหรือการ์ตูนสักเรื่องนี่ล่ะ

 

“ก็นี่มันเกมนี่นา ก็ต้องอิงจากเรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว”ไอช่าบ่นพลางทำแก้มป่องออกมาน้อย ๆเล่นเอาเจไม่ทราบว่าไปทำคุณน้องงอนตอนไหนเลยได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

ตูม!!

 

ดาบของเมฆฟันลงมาบนหัวของผีดิบจนตายคาที่ สำหรับปาร์ตี้ของกวีในตอนนี้แล้วมอนสเตอร์เลเวล 45 ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย เพียงแต่ตอนนี้มี 2 คนที่ยังสู้ได้ไม่เต็มที่นั่นคือมายด์กับมีนนั่นเอง

 

.

 

.

 

“เอ๊ะ ที่นี่ชั้นสามงั้นเหรอ”หลังจากผ่านพวกผีดิบติดอาวุธลงมายังชั้นที่ 3 เจที่เดินนำหน้ามาเป็นคนแรกก็พบว่าที่ชั้น 3 นั้นมีผู้เล่นจำนวนหนึ่งนั่งพักอยู่ เพียงแต่สภาพผู้เล่นจำนวนมากจากชั้น 1 หรือแม้แต่ชั้น 2 นั้นแทบจะลืมไปได้เลยเพราะตอนนี้มีผู้เล่นอยู่แค่ 5 คนเท่านั้น

 

“มีคนมาสักที”ชายคนหนึ่งในกลุ่มที่นั่งรออยู่เดินเข้ามาหาพวกกวีพร้อมคทาเวทที่ยาวกว่าตัวของเขาเองเสียอีก เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นจอมเวทแน่ ๆ

 

“มีอะไรกันเหรอครับ”กวีเดินออกมาจากกลุ่มก่อนจะเข้าไปหาชายคนนั้นก่อนเป็นคนแรก ชั้น 3 นี้มอนสเตอร์เก่งกว่าชั้น 2 มากเพราะนอกจากเลเวลจะพุ่งขึ้นไปถึง 57 แล้วพวกมันยังมีเกราะสวมอยู่ด้วยทำให้จุดอ่อนของผีดิบอย่างการมีร่างกายเปราะบางนั้นหายไปด้วย และการที่กลุ่มคนตรงหน้ามาลงดันเจี้ยนกันแค่ 5 คนนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกทีเดียว

 

“แทงค์ของพวกเราโดนฆ่าไป พวกเราก็เลยอยากจะขอร่วมเรดกับพวกนายด้วย”จอมเวทหนุ่มตรงหน้าตอบพลางหันไปมองคนในปาร์ตี้ของตนเอง ในกลุ่มของชายคนนั้นมีจอมเวท 2 คน นักดาบที่ใช้ดาบใหญ่ 1 คน มือธนู 1 คน และนักบวช 1 คน ไม่มีแทงค์อย่างที่บอกจริง ๆ

 

“แล้วแทงค์ที่ตายไปล่ะ ไม่รอเขาเหรอ”กวีถามพลางเลิกคิ้วสงสัย ปกติถ้ามากับเพื่อนคนส่วนใหญ่มักเลือกจะไปหาอย่างอื่นทำเพื่อรอเพื่อนคืนชีพก่อนค่อยไปพร้อมกันสิถึงจะถูก

 

“เจ้านั่นเป็นคนที่รับเข้ามาใหม่ เพราะไม่ยอมฟังคนอื่นเลยวิ่งเข้าไปตายคนเดียว พอตายแล้วก็ออกจากปาร์ตี้ไปเลยคงไม่มาแล้วล่ะ”จอมเวทหนุ่มตอบพลางส่ายหน้าด้วยท่าทีเหนื่อยใจ มิน่าล่ะปาร์ตี้เฉพาะกิจนี่เอง

 

“ได้….งั้นผมจะส่งคำเชิญไป”กวีตอบพลางส่งคำเชิญร่วมเรดให้กับชายตรงหน้า อย่างที่บอกมอนสเตอร์ของชั้น 3 นั้นยากกว่าชั้น 2 มาก การมีคนมาเพิ่มก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

 

“ขอบใจมาก ไม่ต้องห่วงพวกเราเลเวลสี่สิบกันหมดแล้วไม่เป็นตัวถ่วงหรอก”พอได้รับคำเชิญเข้าร่วมเรด จอมเวทหนุ่มก็พูดออกมาด้วยท่าทียืด ๆเสียอย่างนั้น

 

“ฝากตัวด้วยนะคะ”จอมเวทหญิงของปาร์ตี้ตรงข้ามเดินเข้ามาหาพวกกวีก่อนจะก้มหัวน้อย ๆเป็นการทักทายเช่นเดียวกับคนอื่น ๆในปาร์ตี้ที่เข้ามาแนะนำตัวทีละคน

 

ปาร์ตี้ที่เพิ่งเข้ามานั้นดูเหมือนจะเป็นปาร์ตี้ที่เพิ่งรับคนมาจากทางเข้าถ้ำผีดิบโดยมี เบส จอมเวทที่เข้ามาคุยกับกวีก่อนหน้านี้เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ ส่วนจอมเวทหญิงอีกคนนั้นชื่อ ฟ่าง มือธนูชายชื่อฟลุค นักดาบหญิงชื่อเก๋ และนักบวชชายชื่อหลิว

 

“พวกนายเพิ่งเลเวลยี่สิบกว่า ๆเองงั้นเหรอ แบบนี้ไม่ไหวมั้ง”อยู่ ๆนักดาบหญิงที่ชื่อเก๋ก็พูดออกมาด้วยท่าทีสงสัย เธอเป็นผู้หญิงแต่ถือดาบใหญ่แถมร่างกายยังสูงเกือบเท่าพวกกวีอีกต่างหาก ดูแล้วเป็นผู้หญิงตรงไปตรงมาดีไม่น้อยเลย

 

“ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงเลเวลพวกเราจะน้อยแต่พวกเรามีแทงค์ฝีมือเยี่ยมอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะ”กวีว่าพลางตบบ่าเจเบา ๆเหมือนกำลังอวดสมบัติมีค่าอยู่เสียอย่างนั้น

 

“แน่นะ แทงค์ก่อนหน้านี้เลเวลสี่สิบสี่ก็ยังตายง่าย ๆเลย”เก๋ว่าพลางเดินเข้ามาจ้องหน้าเจด้วยท่าทีไม่ไว้วางใจ

 

“เชื่อสิ ถ้าเลเวลเท่ากันน้องชายคนนี้สามารถเป็นแทงค์อันดับไม่เกินร้อยของไทยได้เลยนะ”กวีตอบพลางยิ้มอย่างมั่นใจเล่นเอาเจแทบจะเอาหน้าไปซ่อนที่อื่น เขาเนี่ยนะฝีมือดีขนาดนั้น แบบนี้มันโม้ชัด ๆ

 

“เอาน่าเจ้เก๋ ตอนนี้เรามีนักบวชสองคนนี่นา แบบนี้น่าจะรักษาได้ทันนะ”หลิวนักบวชของปาร์ตี้ของเบสเดินเข้ามาห้ามทัพก่อนจะพูดหว่านล้อมให้เก๋ลองเชื่อใจพวกกวีดูก่อน

 

“ได้ งั้นก็แสดงฝีมือออกมาเลยก็แล้วกัน”เก๋ถอนหายใจออกมาก่อนจะชี้ไปที่ทหารผีดิบตนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่ด้านในถ้ำ เจ้าพวกนี้ระยะสัมผัสไม่ไกลมาก ต่อให้เห็นพวกกวีอยู่ตรงทางลงก็ยังไม่วิ่งเข้ามาเลย

 

“ได้เลย”กวีออกหน้าแทนก่อนจะร่ายเวทไฟยิงใส่ผีดิบตนนั้นอย่างรวดเร็ว ในเมื่อไม่เชื่อฝีมือของเจงั้นก็ต้องพิสูจน์เท่านั้น

 

“เดี๋ยว ๆ พี่กวี…..”เจสะดุ้งวาบเมื่อเห็นกวีโจมตีใส่ผีดิบเข้าให้แล้ว เขายังไม่ทันได้เตรียมใจเลยเพราะผีดิบพวกนี้เลเวลสูงกว่าเดิมมาก เผลอ ๆตัวเขาอาจจะต้านไม่ไหวก็ได้

 

เปรี้ยง!!!

 

ดาบของทหารผีดิบกระแทกเข้าใส่โล่ของเจอย่างจังเล่นเอาเจรู้สึกว่าแขนของเขาสั่นไปหมด พลังโจมตีของทหารผีดิบนั้นแรงกว่าผีดิบที่ชั้น 2 มากจริง ๆถึงจะใช้โล่รับแต่ก็ยังเสียพลังชีวิตไปเป็นข้ออยู่ดี

 

“ทุกคนโจมตี”เบสตะโกนสั่งก่อนจะร่ายเวทใส่ทหารผีดิบพร้อม ๆกับฟ่างที่เป็นจอมเวทเหมือนกัน แน่นอนว่ามือธนูอย่างฟลุคย่อมเป็นคนแรกที่โจมตีไปถึงส่วนเมฆ เก๋ มีน และ มายด์ต่างก็วิ่งเข้าไปโจมตีจากระยะประชิดกันทันที เพียงแต่มีนยังมีท่าทีลังเลไม่ยอมเข้าไปโจมตี ส่วนมายด์ก็เหมือนเดิม เรียกได้ว่าเป็นความช้าของเธอเองอยู่แล้ว ทำให้เก๋ที่มีเลเวลสูงกว่าและดูท่าทางจะเคยชินกับการต่อสู้มากกว่าสามารถโจมตีได้ดีกว่ามีนเสียอีก

 

เปรี้ยง!!! เปรี้ยง!!

 

เวทมนตร์ของกวีโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นที่เคยทำมา ตอนนี้กวีไม่ใช่แค่ต้องเก็บเลเวลตัวละคร แต่ยังต้องเก็บความชำนาญของสกิลเวทมนตร์ด้วย ทำให้กวีต้องใช้เวทมนตร์แต่ละสายอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เวทมนตร์ทุกสายอัพขั้นขึ้นไปให้ได้

 

“…………”ทางฝั่งเจนั้นแม้จะโดนโจมตีแรงมาก แต่เพราะพลังชีวิตของเจมีมหาศาลเกินไปทำให้เจยังยืนอยู่ได้ แถมตอนนี้ยังมีนักบวช 2 คนอย่างไอช่ากับหลิวคอยสลับกันรักษาทำให้เจแทบไม่ต้องกลัวตายเลยก็ว่าได้

 

ตุบ…..

 

เพราะใช้ 2 ปาร์ตี้รุมโจมตีทำให้ทหารผีดิบที่รับมือยากสุด ๆตายลงในไม่ช้า แถมค่าประสบการณ์ที่ได้รับยังน่าพึงพอใจอีกด้วย

 

“…………….”เพียงแต่ พอทหารผีดิบล้มลงไป เก๋ ก็หันไปมองเจด้วยท่าทีแปลก ๆเสียอย่างนั้น

 

“ขอถอนคำพูด…นายเก่งดี”เก๋พูดออกมาด้วยท่าทีเขิน ๆอย่างบอกไม่ถูก เมื่อครู่เธอเพิ่งดูหมิ่นเจไปหมาด ๆ แต่พอเริ่มสู้แล้วเจกลับทำได้ดีกว่าที่เธอคิดมาก นอกจากมอนสเตอร์จะนิ่งแล้วเจยังยืนได้สบายไม่ทำให้นักบวชลำบากอีกต่างหาก เมื่อเทียบกับแทงค์คนก่อนที่โดนโจมตีทีหนึ่งก็ต้องรีบดื่มยาฟื้นฟูทันทีแล้วเจดูจะเก่งกว่ามาก ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอตัดสินเจจากเลเวลทำให้มองเจผิดไปนั่นเอง

 

“มะ ไม่เป็นไรครับ”เจยิ้มเจื่อน ๆออกมาด้วยท่าทีเกรงใจ ที่เขายืนได้แบบนี้ไม่ใช่แค่ทักษะส่วนตัวของเจหรอก แต่เป็นเพราะพลังชีวิตที่ได้จากพรของคราวรวมถึงไอเทมที่เมฆหามาให้ด้วย หากไม่มีสองอย่างนี้กลัวว่าเจเองก็คงยืนไม่ไหวหรอก

 

“แต่คุณกวีนี่ยอดไปเลยนะคะ ร่ายเวทได้เร็วแถมยังมีหลายเวทมนตร์อีกต่างหาก”อยู่ ๆฟ่างนักเวทหญิงของปาร์ตี้เบสก็เอ่ยปากชมกวีออกมา สำหรับนักเวทด้วยกันที่รู้ความยากในการร่ายเวทนั้นย่อมรู้สึกชื่นชมกวีเป็นธรรมดา เขาร่ายเวทได้ไวและร่ายได้ทีเดียวพร้อม ๆกันหลายบททำให้พลังโจมตีโดยรวมสูงกว่าเบสที่เลเวลมากกว่าเสียอีก

 

“ก็ไม่เท่าไรหรอก เรียนเวทมนตร์หลาย ๆอย่างแบบนั้นมันจะเป็นเป็ดซะเปล่า ๆ ถือว่าผมแนะนำนะตอนนี้คุณยังสร้างตัวละครใหม่ทัน แล้วเรียนเวทมนตร์แค่สองธาตุก็พอ”ฟ่างกำลังจะพูดต่อ อยู่ ๆเบสก็เอ่ยปากขัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น ซึ่งสิ่งที่เบสพูดมาก็ไม่ผิดนักหรอก นักเวทของเกมนี้ส่วนใหญ่เน้นเล่น 2 – 3 ธาตุเท่านั้น เพราะอาชีพระดับสูงของจอมเวทนั้นจะมีสายอาชีพแบ่งออกไปตามธาตุด้วย ทำให้นักเวทคนนั้นเก่งธาตุนั้น ๆเป็นพิเศษ และยังได้สกิลโจมตีพิเศษของธาตุนั้น ๆด้วย

 

“เป็ด?”ฟลุคมือธนูของปาร์ตี้เบสเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ท่าทางเขาจะไม่ทราบว่าเป็ดในที่นี้หมายถึงอะไร

 

“ก็พวกทำอะไรก็ได้ แต่ทำได้ไม่สุดสักอย่างไง พวกที่เรียนเวทมนตร์หลาย ๆสายก็เป็นแบบนั้นล่ะ”เบสว่าพลางยักไหล่พร้อมกับส่ายหน้า เหมือนจะบอกว่าคนพวกนั้นไม่ไหวเอาเสียเลย แต่การทำแบบนี้ต่อหน้ากวีที่เรียนเวทมนตร์ทุกสายที่มีให้รวมถึงยังมีเวทมนตร์สายฟ้าเพิ่มมาอีกนั้นออกจะเสียมารยาทไปหรือเปล่า……

 

ตอนที่ 57

ใช้ไปแล้ว

 

“คราวนี้เมืองของเราเป็นหนี้พวกเจ้าแล้ว”หลังจากขับไล่แก๊งหมีใหญ่ออกไปได้ เหล่าทหารของเมืองการ์กันและผู้เล่นที่กวีเรียกตัวมาก็รวมตัวกันจัดการแก๊งดาวแดงที่ยังเหลืออยู่จนหมดอย่างง่ายดายเพราะแต่เดิมพวกเขาก็ไม่คิดจะต่อต้านอยู่แล้ว หลังจากต่อสู้กันตามบทบาทแก๊งดาวแดงก็โดนสังหารทั้งหมดโดยมีทหารของเมืองการ์กันเป็นผู้คว้าชัยร่วมกับสมาชิกเรดของกวีที่มีตราทหารอยู่ที่แขนเสื้อทั้งหมด

 

“คราวนี้เป็นเพราะพวกเราร่วมมือกันต่างหาก”กวียิ้มรับก่อนจะยื่นมือไปให้นายทหารผู้ที่ยามนี้เป็นหัวหน้าเหล่าทหารเมืองการ์กันท่ามกลางสายตาของชาวเมือง

 

“แต่พวกข้าก็ยังติดหนี้เจ้าอยู่ดี”นายทหารตอบก่อนจะจับมือกับกวีอย่างซึ้งใจ นานมากแล้วที่ในเมืองไม่เหลือผู้เล่นตัวสีแดงอีกเลย แถมทหารที่ส่งไปแจ้งเมืองหลวงก็ยังเดินทางออกจากเมืองได้อย่างปลอดภัย เท่านี้ขอเพียงรอเจ้าเมืองคนใหม่ถูกแต่งตั้งและส่งทหารมาช่วยหนุนเมืองการ์กันก็จะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง

 

แปะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

 

ท่ามกลางภาพการจับมือระหว่างกวีและหัวหน้าทหารเมืองการ์กัน เหล่าทหารลูกน้องสมาชิกเรดและชาวเมืองที่ได้เห็นต่างปรบมือประสานกันอย่างต่อเนื่อง ยามนี้ภายในสายตาของเหล่าชาวเมืองและทหารเมืองการ์กัน กวีคือผู้ช่วยเหลือและปลดปล่อยเมืองการ์กันออกจากสภาพเลวร้ายที่ถูกแก๊งทั้งหลายปกครอง และ….แน่นอนกวียังสามารถผ่านเควสที่หัวหน้าทหารมอบให้และได้ชื่อเสียงของเมืองเพิ่มขึ้น แถมเพราะกวีสามารถปกป้องเมืองต่อหน้าชาวเมืองได้อย่างงดงาม กวียังได้ชื่อเสียงต่อเมืองการ์กันเพิ่มเติมอีกไม่น้อย รวม ๆกันแล้วตอนนี้กวีมีค่าชื่อเสียงของเมืองการ์กันขึ้นไปถึง 88 หน่วยเลยทีเดียว

 

“ข้าคงให้อะไรตอบแทนเจ้าได้ไม่มาก แต่หลังจากแต่งตั้งเจ้าเมืองแล้วข้าจะรายงานเรื่องของเจ้าให้เจ้าเมืองคนใหม่ทราบ และจะเสนอให้ท่านมอบรางวัลให้พวกเจ้า”หัวหน้าทหารว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยนขึ้นมาก สำหรับเขาตอนนี้ไม่ได้มองกวีเหมือนมองผู้เล่นคนอื่น ๆอีกต่อไปแล้ว

 

“แล้วผมจะรอ”กวีตอบก่อนจะมองไปยังเหล่าสมาชิกกิลด์ที่ตนเรียกมา ระหว่างต่อสู้ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาจัดการได้แต่ชวนทุกคนเข้าเรดและสู้ในฐานะผู้ช่วยเหลือเมืองเท่านั้น ตอนนี้ก็คงถึงเวลาต้องคุยกันแล้ว

.

 

.

 

“พี่กวี ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”เหล่าสมาชิกเก่าของกิลด์สุริยันจันทราพากันเข้ามาหากวีด้วยท่าทีดีใจ แม้จะผ่านไปแล้ว 5 ปีแต่สมาชิกกิลด์ของกิลด์สุริยันจันทราจำนวนมากก็ยังรอการกลับมาของกวีเช่นเดียวกับสมาชิกหลักคนอื่น ๆ เพราะแบบนี้นี่เองทำให้คนที่รู้จักเรื่องของกวีต่างยังให้ความเกรงใจกวีอยู่ เพราะทันทีที่กวีกลับมาก็มีคนพร้อมเข้าร่วมโดยทันทีจำนวนมาก แถมสมาชิกเก่าของกิลด์สุริยันจันทราแต่ละคนต่างก็เป็นคนมีฝีมือทั้งนั้น

 

“ขอบใจมากที่มาช่วย ท่าทางทุกคนจะเก่งขึ้นนะ”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทียินดีก่อนจะมองไปยังผู้เล่นเกือบ 30 คนที่วาร์ปมาช่วยกวีทันทีหลังจากกวีเรียกตัว น่าเสียดายที่พวกนาตาลีไม่ได้มาด้วยเพราะกำลังลุยดันเจี้ยนอยู่

 

“ขอบคุณครับ….ว่าแต่พี่กวี”พอได้รับคำชมเหล่าสมาชิกกิลด์ก็มีท่าทีดีใจกันไม่น้อย แต่พอได้อยู่ต่อหน้ากวีแล้วมันก็อดที่จะถามไม่ได้

 

“พี่จะสร้างกิลด์อีกหรือเปล่าครับ พวกเราอยากจะเข้ากิลด์ของพี่กันมาก ๆเลยนะครับ”ชายคนหน้าถามด้วยท่าทีเกรงใจ แต่พวกเขาก็อยากรู้จริง ๆว่ากวีจะสร้างกิลด์ขึ้นมาใหม่หรือเปล่า

 

“ไม่ใช่แค่สร้างกิลด์หรอก แต่ผมจะเอาชื่อกิลด์สุริยันจันทรากลับขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดเหมือนเดิมด้วย”กวีตอบด้วยท่าทีมั่นใจ แต่ทว่า….เหล่าสมาชิกกิลด์กลับมองหน้ากันไปมาด้วยท่าทีลำบากใจ

 

“พี่เมฆ พี่ยังไม่ได้บอกพี่กวีงั้นเหรอ”ลูกกิลด์คนหนึ่งถามพลางมองไปทางเมฆเหมือนจะโยนปัญหาตรงนี้ไปให้เมฆจัดการเสียอย่างนั้น

 

“เรื่องนั้น…”เมฆที่มีท่าทีนิ่งอยู่ตลอดได้ยินก็ทำหน้าลำบากใจออกมาทันที จะว่าไงดีล่ะมันเป็นเรื่องที่พูดยากนี่นา

 

“มีอะไรงั้นเหรอ”กวีขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ปกติเมฆไม่เก็บความลับกับเขานี่นา ทำไมคราวนี้ถึงไม่ยอมพูดเหมือนเป็นเรื่องไม่ดีเสียอย่างนั้น

 

“กวี…ชื่อกิลด์สุริยันจันทราน่าจะมีคนใช้ไปแล้วล่ะ”เมฆตอบพลางยิ้มเจื่อน ๆออกมา

 

“ใช้ไปแล้ว ใครใช้งั้นเหรอ”กวีถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ปกติกวีจะเข้าไปบุกเบิกเกมใหม่ ๆร่วมกับเพื่อน ๆเสมอ และด้วยความเร็วในการเก็บเลเวลหรือหาไอเทมทำให้โอกาสที่กวีจะสร้างกิลด์ได้ก่อนชาวบ้านเป็นเรื่องแทบจะปกติ และชื่อกิลด์ สุริยันจันทรา ของกวีก็ไม่มีใครกล้าเอาไปใช้หรอก เพราะหากมีคนจำผิดอาจจะโดนเล่นงานแทนก็ได้

 

“ไอ้เจ้าเหน่งนะสิ….เจ้านั่นมันเอาชื่อกิลด์สุริยันจันทราไปตั้งเป็นชื่อกิลด์รองของมัน”เมฆตอบด้วยท่าทีลำบากใจ เหน่ง เป็นหัวหน้ากิลด์คนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรเดียวกับกิลด์อัศวินนภา เสียดฟ้า และ หัตถ์อสูร กิลด์เหล่านี้ร่วมมือกันต่อต้านกิลด์ของกวีมาตลอดจนกระทั่งกวีหายตัวไป ไม่นึกเลยเหน่งจะแค้นขนาดเอาชื่อกิลด์สุริยันจันทราไปสร้างกิลด์เด็กแบบนั้น

 

“ไอ้เจ้านั่น”กวีกุมขมับด้วยท่าทีปวดหัว ไม่นึกเลยว่าหัวกิลด์ใหญ่จะทำนิสัยเป็นเด็กแบบนี้ แต่ชื่อกิลด์โดนเอาไปใช้แล้วก็ช่วยไม่ได้งั้นก็ต้องตั้งชื่อใหม่สินะ

 

“คงต้องสั่งสอนเจ้านั่นสักหน่อยแล้ว แต่ก่อนอื่นพวกเราต้องเก็บเลเวลกันให้ถึงห้าสิบเสียก่อน”กวีถอนหายใจออกมาก่อนจะเปิดหน้าต่างตัวละครของตนขึ้นมาดู การสร้างกิลด์จะต้องมีเลเวล 50 เป็นอย่างน้อย ตอนนี้กวียังขาดอยู่อีกนิดหน่อย

 

“พี่กวี ถ้าจะเก็บเลเวล พวกเราช่วยได้นะครับ”ลูกกิลด์ตรงหน้ากวีเสนอตัวช่วยเหลือทันที การพาผู้เล่นเลเวลน้อยเก็บเลเวลอย่างรวดเร็วนั้นสามารถทำได้ไม่ยาก ขอเพียงพวกเขาพากวีไปด้วยก็สามารถเลื่อนเลเวลเข้า 50 ได้ในพริบตา

 

“ไม่เป็นไร ผมมีที่ที่เล็งเอาไว้แล้ว”กวีตอบก่อนจะมองไปทางเจที่ยืนอยู่ด้านหลัง ตอนนี้พวกเจต่างมองกันไปมาด้วยท่าทีประหลาดใจ คนพวกนี้กวีเรียกมากะทันหัน แสดงว่าแต่ละคนต้องใช้วาร์ปเดินทางมาแน่ ๆ คนพวกนี้ไม่ใช่ผู้เล่นชนชั้นธรรมดา แต่กลับยอมเชื่อฟังคำสั่งกวีอย่างว่าง่าย เรื่องแบบนี้พวกเจแม้จะอยากชินแต่ก็ไม่ชินเสียที

 

.

 

.

 

“พี่กวี…..”หลังจากจัดการเรื่องการนัดหมายกับสมาชิกในกิลด์เสร็จ กวีก็พาปาร์ตี้ของตนเองมายังดันเจี้ยนแห่งหนึ่งที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองการ์กัน ที่นี่เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นอายน่าสยดสยองออกมาอย่างเห็นได้ชัด แถมที่หน้าถ้ำยังมีป้ายเขียนเอาไว้อีกต่างหาก

 

“ที่ที่พี่จะเก็บเลเวลคือที่นี่เหรอ”มีนถามพลางมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้ง ๆ ป้ายที่เขียนคำว่า ถ้ำผีดิบ ถูกสลักเอาไว้เบื้องหน้าอย่างเด่นชัด ไม่มีทางอ่านผิดไปได้แน่ ๆ แถมบรรยากาศทางเข้าดันเจี้ยนยังเห็นได้ชัด ๆเลยว่าเป็นสถานที่แบบไหน

 

“ใช่ ที่นี่มีมอนสเตอร์ผีดิบอยู่เยอะเลย อาจจะยากสักหน่อยแต่ได้ค่าประสบการณ์ดีแน่ ๆ”กวียิ้มด้วยท่าทีมั่นใจ แต่มีนที่อยู่ด้านหลังกลับมีท่าทีไม่อยากจะเข้าเสียเท่าไร

 

“พี่มีนกลัวผีเหรอคะ”ไอช่าถามพลางหันไปมองมีนด้วยท่าทีเป็นห่วง มีนเพิ่งเคยเล่นเกมเสมือนจริงอาจจะไม่ชินเหมือนกับคนอื่น แต่ในเกมมันก็ต้องมีมอนสเตอร์รูปแบบผีอยู่แล้ว

 

“ก็มัน……”มีนทำหน้าลำบากใจออกมาก่อนจะมองไปทางกวีเหมือนจะขอความเห็นใจ

 

“ที่นี่เป็นที่ที่ดีมาก พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ”กวียิ้มด้วยท่าทีใจดีแต่กลับไม่สนท่าทีกลัว ๆของมีนเลยสักนิด พอเห็นกวีทำท่าจะเดินเข้าไปแล้วมีนก็ได้แต่ฝืนเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้ จะให้แยกทางกันเพราะกลัวผีได้ยังไงกัน

 

“ชั้นหนึ่งไม่ค่อยมีอะไรมาก มีแค่ผีดิบทั่วไปเลเวลสี่สิบ พวกมันช้าแล้วก็นิ่มมากคงผ่านไปชั้นสองได้ไม่ยาก”เมฆพูดพลางชักดาบออกมาถือเตรียมพร้อมเอาไว้ ถ้ำผีดิบแห่งนี้อยู่ใกล้กับเมืองการ์กันก็จริงแต่ใกล้กับอีกเมืองมากกว่าทำให้มีผู้เล่นธรรมดาจากเมืองอื่น ๆมาเก็บเลเวลกันไม่น้อย ภายในถ้ำชั้นแรกเลยมีผู้เล่นเดินกันเต็มไปหมด แทบจะไม่มีอะไรให้พวกกวีทำเลย

 

“มีน…..ทำไมมาเดินใกล้แบบนี้ล่ะ”กวีถามพลางเหล่มองมีนที่เข้ามายืนด้านหลังตนเองไม่ห่างเสียอย่างนั้น ปกติมีนเป็นสายต่อสู้ระยะประชิดต้องยืนล้ำหน้ากวีไปนิดหน่อยถึงจะถูก

 

“เปล่าค่ะ…..”มีนตอบพลางส่ายหน้าช้า ๆ แต่สายตาก็ยังเหลือบไปมองเหล่าผีดิบที่กำลังต่อสู้กับปาร์ตี้อื่นไม่วางตา ภาพร่างมนุษย์ผิวซีดเซียวและมีรอยแผลที่ไร้เลือดไหลออกมานั้นดูน่ากลัวไม่น้อยเลย มันเหมือนได้เข้าไปอยู่ในหนังซอมบี้อย่างไงอย่างงั้นเลย

 

“แบบนี้จะไหวเหรอครับพี่กวี”เจถามพลางมองไปทางมีนด้วยท่าทีเป็นห่วง แม้ปากจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่เธอกลัวอยู่ไม่ใช่หรือไง

 

“ถ้ามัวแต่กลัวแบบนี้ก็ทำหน้าที่ไม่ได้ไม่ใช่หรือไง”เมฆพูดพลางมองมาทางมีนด้วยท่าทีดุ ๆ หากคู่ต่อสู้เป็นพวกผีดิบแล้วจะสู้ไม่ได้เลยงั้นหรือ

 

“ขอโทษค่ะ”มีนตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ถึงจะเข้าใจว่ามอนสเตอร์พวกนี้เป็นแค่สิ่งจำลองขึ้นมาก็เถอะ แต่ความสมจริงของเกมสมัยนี้มันน่ากลัวมากจริง ๆนะ…

 

“อย่าเพิ่งเป็นห่วงคนอื่นเลย ตอนนี้เจต้องเป็นคนที่ทำใจเอาไว้มากที่สุดนะ”กวีหัวเราะออกมาก่อนจะยิงเวทมนตร์เข้าใส่ผีดิบที่เกิดขึ้นมาตรงหน้า

 

“เอ๋ ทำไมล่ะครับ”เจเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ก่อนจะถือโล่เดินเข้าไปรับการโจมตีของผีดิบอย่างง่ายดาย

 

“เป้าหมายของเราอยู่ลึกลงไปที่ชั้นสี่ ที่นั่นมอนสเตอร์โจมตีแรงสุด ๆเลยล่ะ”กวียิ้มออกมาเหมือนกำลังแกล้งเจอยู่ไม่มีผิด สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมในการเก็บเลเวลทำให้หาข้อมูลได้ไม่ยาก มอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ที่ชั้น 4 นั้นเป็นผีดิบที่มีร่างกายเป็นนักรบมาก่อน พวกมันเป็นทหารเกราะโลหะที่ภายในกลายเป็นผีดิบไปแล้ว นอกจากจะแข็งแกร่งเพราะมีชุดเกราะปกคลุม แต่ยังโจมตีได้รุนแรงจนผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่อยากเข้าไปในชั้น 4 กันเท่าไร

 

“พี่ว่าไงนะ”เจเบิกตากว้างด้วยท่าทีอึ้ง ๆ นึกว่าจะมาเก็บเลเวลที่ชั้น 2 อย่างที่คนอื่น ๆนิยมเสียอีก

ตอนที่ 56

คำครหา

 

 

“เห็นเจ้านั่นหรือเปล่า”นนท์เดินเข้าไปหาหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ก่อนจะใช้ไม้เท้าชี้ไปที่เมฆซึ่งกำลังใช้ดาบกวาดเหล่าผู้เล่นของแก๊งหมีใหญ่ทีละคนทีละคนอย่างน่าหวาดกลัว

 

“ครับ..”หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่เองก็กำลังมองไปทางพวกเมฆเหมือนกัน คนคนนั้นเหมือนจะเคยชินกับการต่อสู้มาก แม้เลเวลไม่สูงแต่ก็เอาชนะคนของเขาได้อย่างง่ายดาย ทั้ง ๆที่คนของเขาก็เคยชินกับการต่อสู้ไม่น่าจะโดนจัดการได้ง่าย ๆแท้ ๆ

 

“รุมเจ้านั่นเอาไว้ อย่าให้เข้ามายุ่งได้”นนท์พูดจบก็กระโดดลงจากหลังคาก่อนจะเดินหน้าไปหากวีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามช้า ๆ แม้ฝั่งของนนท์จะไม่รู้จักใบหน้าของกวี แต่กวีมักจะเล่นสายอาชีพจอมเวทเสมอ และจอมเวทที่มีเมฆอยู่ข้าง ๆก็ต้องเป็นกวีแน่นอน หากกวีกลับมาจริงเจ้านั่นก็ต้องเป็นจอมเวทที่อยู่ข้าง ๆเมฆอย่างแน่นอน

 

เปรี้ยง!!

 

ทันทีที่ได้รับคำสั่งจากนนท์ ผู้เล่นรอบ ๆตัวเมฆก็หันเข้าไปรุมโจมตีเมฆทันที แม้จะชนะได้ยากแต่ถ้าช่วยกันหลายคนก็ถ่วงเวลาเมฆเอาไว้ได้อยู่

 

ตูม!!!

 

ระหว่างกวีกำลังร่ายเวทมนตร์โจมตีพวกคนของแก๊งหมีใหญ่อยู่นั้น อยู่ ๆที่ด้านข้างของกวีก็มีลูกไฟสีดำสนิทพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็วจนกวีแทบจะหลบไม่ทัน แถมลูกไฟที่พุ่งลงพื้นไปยังดูจะระเบิดแรงกว่าลูกไฟปกติด้วย

 

“ห้าปีเชียวนะ”นนท์พูดพลางเดินตรงเข้าไปหากวีช้า ๆ แต่ถึงจะกำลังเดินอยู่ที่ข้างตัวของนนท์ก็ปรากฏศรเพลิงต่อเนื่องเวทมนตร์ขั้นที่ 2 ของเวทไฟพุ่งเข้าไปใส่กวีอย่างจัง เพียงแต่…

 

ตูม ๆ ๆ

 

ศรเพลิงต่อเนื่องของนนท์โดนศรเพลิงต่อเนื่องของกวียิงสกัดร่วงไปกลางอากาศพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มของกวีที่เผยให้เห็นด้านหลังม่านควันที่เกิดจากแรงระเบิด ไอ้ท่าทีอารมณ์ดีตลอดเวลาแบบนั้นพอได้เห็นตรงหน้าแบบไม่ต้องผ่านเสียงในคอมพิวเตอร์แล้วชวนหงุดหงิดจริง ๆ

 

“ที่นั่งจอมเวทอันดับหนึ่งนั่นนั่งสบายดีหรือเปล่า”กวีถามพลางเดินเข้าไปหานนท์เช่นกัน ขณะกำลังพูดเวทเคียวสายลมและกระสุนลมของกวีก็พุ่งเข้าใส่นนท์เช่นเดียวกัน

 

เปรี้ยง ๆ

 

อย่างกับจะต้องการสวนกลับกวี เวทกระสุนลมและเวทเคียวสายลมของกวีโดนเวทกระสุนเพลิงและเวทกระสุนความมืดซึ่งเป็นเวทขั้น 1 ทั้งคู่ยิงอัดกระแทกจนเวทมนตร์ของทั้งคู่ไร้ผลไปตาม ๆกัน จอมเวทในโลกเสมือนจริงนั้นนอกจากจะต้องมีสมองที่อ่านคำร่ายได้อย่างรวดเร็วแล้วยังต้องสามารถเล็งโจมตีได้อย่างแม่นยำ เพราะต่อให้เวทแรงแค่ไหนแต่ถ้ายิงไม่ถูกก็ไร้ความหมาย

 

“มันก็สบายดี แต่ก็ยังมีคนชอบพูดกันอยู่บ่อย ๆว่าตำแหน่งนี้มันไม่เหมาะกับฉันเท่าไร”นนท์ตอบพลางร่ายเวทมนตร์ออกไปโจมตีกวีอย่างต่อเนื่อง สำหรับคนปกติแล้วแค่ร่ายเวทออกมาให้เร็วและแม่นยำก็ว่ายากแล้ว แต่ทั้งสองกลับร่ายเวทยิงใส่กันโดยไม่ปล่อยเวทมนตร์ของอีกฝ่ายผ่านเข้ามาหาตนเองแถมยังคุยกันได้อีก

 

“แปลกจังเลยนะ คุณนนท์ก็ออกจะเก่งแบบนี้ ใครช่างกล้ามีปัญหาได้”กวีหัวเราะออกมาพลางยิงเวทมนตร์สวนกับนนท์โดยไม่มีท่าทีหวาดหวั่นเลย

 

“ก็นะ….พอดีอดีตจอมเวทอันดับหนึ่งคนเก่ามันหายตัวไปไม่ยอมโผล่มา คนก็เลยนินทาว่าตำแหน่งนี้ได้มาเพราะเขายกให้”นนท์หัวเราะก่อนจะชี้คทาไปที่กวี แม้เกมคอมพิวเตอร์กับเกมในโลกเสมือนจริงจะต่างกัน แต่ชื่อจอมเวทอันดับ 1 ก็เคยเป็นของกวีมาก่อน นนท์ที่ถือครองตำแหน่งนี้หลังจากกวีหายตัวไปกลับโดนคำครหามากมาย แถมจะพิสูจน์ก็พิสูจน์ไม่ได้เพราะกวีไม่โผล่ออกมาอีกจนถึงตอนนี้….

 

“งั้นก็มาเอาไปเลยเป็นไง”กวีหยิบไม้เท้าขึ้นมาเตรียมพร้อม คราวนี้เขาไม่ได้กำลังจะสู้กับผู้เล่นหน้าใหม่ แต่เป็นนนท์ คู่ต่อสู้ที่แม้แต่กวียังยอมรับว่าเก่งกาจเหนือกว่าคนอื่น ๆที่เคยเจอมา

 

ตูม!!

 

ทันทีที่เวทมนตร์ของทั้งสองชนกันอีกครั้ง ร่างของกวีก็พุ่งฉีกออกไปด้านข้างทันที การเคลื่อนไหวไปด้วยร่ายเวทมนตร์ไปด้วยเป็นเรื่องยาก แต่สำหรับทั้งสองคนแล้วไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย

 

เปรี้ยง!! ตูม!!

 

เวทมนตร์ของทั้งสองพุ่งเข้าใส่กันและกันอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งสองก็หลบการโจมตีของอีกฝ่ายแล้วยิงเวทมนตร์สวนใส่กันได้อย่างกับกำลังดวลปืนไม่มีผิด

 

ตูม!!

 

ระหว่างกวีกำลังหลบกระสุนเพลิงอยู่นั้น อยู่ ๆที่พื้นก็มีแสงสีแดงสว่างจ้าขึ้นมาพร้อมเสาเพลิงที่พวยพุ่งขึ้นมาปิดทางหนีของกวีเอาไว้ทำให้กวีไม่มีทางเลือกต้องยิงกระสุนน้ำเพื่อสกัดกระสุนเพลิงเอาไว้แล้วเปลี่ยนเส้นทางการเคลื่อนไหว

 

“ขั้นสามงั้นเหรอ”กวีมองเวทไฟของนนท์ก่อนจะเปลี่ยนจังหวะตัวเองเพื่อหลบการโจมตีของนนท์ ดูเหมือนนนท์จะเล่นเกมนี้มาก่อนกวีทำให้มีเวทมนตร์ขั้น 3 แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นนนท์ก็มีแต่เวทไฟและความมืดเท่านั้น ท่าทางจะเล่นเป็นสายเน้นเวทมนตร์ไม่กี่สายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของเวทมนตร์สายนั้น ๆสินะ

 

แต่ถึงจะเล่นแบบเน้นเวทมนตร์ไม่กี่สายจะได้เวทมนตร์ที่รุนแรงกว่าก็เถอะ แต่พอต่อสู้จริงเวทมนตร์น้อยกว่าแบบนี้กลัวว่านนท์จะเสียเปรียบซะแล้ว

 

วูบ….

 

อยู่ดี ๆเวทมนตร์รอบ ๆตัวกวีก็ถูกสร้างขึ้นมาทีเดียวพร้อมกัน 4 บท แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นศรเพลิงต่อเนื่องที่มีลูกศรเพลิง 3 นัดอีกด้วย เจอระดมยิงแบบนี้ดูสิว่าจะรับไหวหรือเปล่า

 

ตูม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ !!

เวทมนตร์ของกวีอัดเข้าใส่นนท์อย่างต่อเนื่องทำให้นนท์พลาดท่าโดนโจมตีไปก่อน แต่ท่ามกลางสกิลที่โถมเข้ามานนท์ก็ปล่อยให้โดนแค่กระสุนน้ำที่เหมือนจะเบาที่สุดเท่านั้น

 

 

“สมแล้วที่เป็นแก”นนท์ยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ เพราะระบบเกมเปลี่ยนไปก็เลยไม่รู้ว่ากวีจะยังสามารถกลายเป็นจอมเวทอันดับ 1 อีกครั้งได้หรือไม่ แต่เท่านี้นนท์ก็วางใจได้ เจ้าหมอนั่นยังเหมือนปีศาจอยู่อย่างไรอย่างนั้น เวทมนตร์ที่จอมเวทปกติต้องใช้สมาธิร่ายออกมาเจ้าหมอนั่นก็ทำอย่างกับเรื่องปกติ แถมในหัวยังร่ายเวททีเดียวหลายบทพร้อมกันแบบนี้ต่อให้เป็นนนท์ก็ยังทำไม่ได้

 

วูบ…

 

ระหว่างกวีกำลังยิงเวทมนตร์ใส่นนท์อยู่นั้น อยู่ ๆรอบตัวนนท์ก็มีหมอกสีดำพวยพุ่งออกมารอบ ๆตัว นี่คือเวทมนตร์ขั้นที่ 3 ของเวทความมืด หมอกดำ นั่นเอง

 

“อะไรกัน….”กวีมองหมอกสีดำตรงหน้าด้วยท่าทีประหลาดใจ ไม่ใช่แค่บดบังสายตา แต่หมอกนั่นยังลบเวทมนตร์ที่กวีโจมตีเข้าไปใส่นนท์ได้อีกต่างหาก

 

“มีเวทมนตร์เยอะไปก็เท่านั้นล่ะ สุดท้ายใช้ได้ไม่สุดสักทางก็เท่านั้น”นนท์ว่าพลางร่ายเวทกระสุนเพลิงต่อเนื่องออกมาใส่กวี ทำให้กวีต้องเบี่ยงตัวหลบออกมา แต่…นั่นก็เป็นแค่การจัดตำแหน่งให้กวีเท่านั้น

 

เปรี้ยง!!!

 

หอกเพลิงขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาใส่กวีในจังหวะที่หลบไม่ได้ แถมหอกเพลิงเล่มนี้ยังเร็วมาก เร็วเสียยิ่งกว่าศรเพลิงต่อเนื่องหลายเท่าทำให้กวีที่พึ่งหลบศรเพลิงต่อเนื่องไปไม่สามารถหลบเวทขั้น 4 อย่างหอกเพลิงทะลวงทัพได้ทัน แต่ถึงจะหลบไม่ทันกวีก็สร้างกำแพงดินขึ้นมาป้องกันเอาไว้ก่อน เพียงแต่กำแพงดินที่เป็นเวทขั้น 2 กลับไม่สามารถกันหอกเพลิงเอาไว้ได้ทั้งหมด กวีเลยโดนโจมตีเข้าจนได้

 

“มีถึงขั้นสี่เลยงั้นเหรอ”กวีหัวเราะเบา ๆออกมา ทั้ง ๆที่นนท์เลเวลน่าจะห่างกับกวีไม่มาก แต่เวทมนตร์ของนนท์กลับมีระดับขั้นสูงกว่ามาก นี่สินะจอมเวทที่มุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนเวทมนตร์ 2 สาย

 

“หมอกนั่นน่ารำคาญจริง ๆ”กวีหัวเราะออกมาก่อนจะยิงเวทมนตร์เข้าไปใส่หมอกสีดำที่ปกคลุมรอบตัวนนท์เอาไว้ หมอกนั่นสลายเวทมนตร์ได้อย่างดีเยี่ยม เป็นศัตรูของจอมเวทจริง ๆ

 

ตูม!!

 

ตรงกันข้าม กวีโจมตีเข้าไปหานนท์ไม่ได้ แต่นนท์กลับโจมตีเข้าใส่กวีได้อย่างง่ายดาย มิน่าเล่านนท์ถึงยอมเสียเวลาต้นเกมเพื่อเรียนรู้เวทมนตร์ความมืด มันโกงแบบนี้นี่เอง

 

เปรี้ยง!!

 

“เป็นเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”กวียิ้มออกมาเมื่อเห็นผลของเวทมนตร์ความมืด ไม่ทราบเหมือนกันว่านนท์ไปหามาได้ยังไง แต่หากเวทความมืดเลื่อนขั้นขึ้นไปมากกว่านี้ต้องสร้างความลำบากให้กับพวกวีแน่ ๆ

 

“แต่เวทมนตร์ขั้นสูงเนี่ย….มันกินพลังเวทไม่ใช่หรือไง”กวีถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ หมอกนั่นมีข้อดีมหาศาลก็ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่างแน่ ๆ และสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดก็คือ พลังเวทมหาศาลที่ต้องจ่ายไปเพื่อใช้มันนั่นเอง

 

“น่าเสียดายที่นายคิดถูก”นนท์หัวเราะออกมาก่อนจะลบหมอกสีดำไปเวทหมอกดำเป็นเวทที่มีประโยชน์มากเมื่อต้องสู้กับจอมเวทเหมือนกัน แต่มันกินพลังเวทเยอะมากทำให้จอมเวทเลเวลน้อยไม่สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องนัก แถมตอนนี้ไม่ใช่แค่พลังเวทเท่านั้นที่หมด เวลาเองก็หมดลงแล้วเหมือนกัน

 

“ขอโทษทีนะนนท์ นี่มันไม่ใช่การประลอง”เมฆพูดพลางเอาดาบเข้ามาจ่อที่คอของนนท์ ระหว่างที่นนท์กับกวีต่อสู้กับ พวกทหารและแก๊งดาวแดงก็ตีแก๊งหมีใหญ่จนแตกกระเจิงได้สำเร็จแล้ว แถมคนที่กวีเรียกมายังเข้ามาช่วยกวาดล้างอีกแรงแล้วด้วย ตอนนี้แก๊งหมีใหญ่แทบจะไม่เหลือคนแล้ว

 

“รู้น่า….”นนท์หัวเราะก่อนจะชี้ไม้เท้าไปทางกวี

 

“คราวหน้ามาตัดสินกันใหม่”นนท์หัวเราะเบา ๆก่อนที่ร่างของนนท์จะปกคลุมไปด้วยความมืดแล้วหายตัวไปด้วยเวทมนตร์เทเลพอร์ตระยะสั้น เวทมนตร์ขั้นที่ 4 ของเวทความมืด

 

“เจ้านั่นยังหนีเก่งเหมือนเดิม”กวีหัวเราะก่อนจะมองไปรอบ ๆ ตอนนี้พวกทหารและคนของกวีกำลังกวาดล้างแก๊งหมีใหญ่กันอยู่ อีกไม่นานก็จะหันกลับมาโจมตีแก๊งดาวแดงแล้ว แน่นอนว่าแก๊งดาวแดงเตรียมพร้อมจะแก้กันอยู่แล้วรับรองว่าไม่มีปัญหาแน่นอน

 

“ออกไปสู้ร่วมกับพวกทหาร แสดงให้ชาวเมืองเห็นว่าพวกเรามาช่วย”กวีสั่งก่อนจะมองไปทางปาร์ตี้ของตน แม้จะเร็วไปหน่อย แต่ผลที่ได้ก็ไม่เลวนัก ตอนนี้เรื่องของนนท์ยังน่าเป็นห่วงมากกว่าการยึดเมืองกลับมาเสียอีก หมอกนั่นเป็นปัญหาจริง ๆ หากนนท์เลเวลสูงกว่านี้ ไม่ใช่แค่จะสามารถใช้หมอกดำได้อย่างต่อเนื่อง ไหนจะเวทมนตร์ขั้นสูงขึ้นไปที่นนท์จะใช้ได้อีก ท่าทางพวกกวีจะต้องเก็บเลเวลเพิ่มอย่างจริงจังบ้างเสียแล้ว

 

ตอนที่ 55

ปกป้อง

 

 

“บ้าจริง พวกมันตีกันอีกแล้ว”ทันทีที่พวกนายทหารออกมาจากค่ายสิ่งแรกที่พวกเขาเห็นก็คือคนของแก๊งหมีใหญ่ที่กำลังเข้าไปต่อสู้กับแก๊งดาวแดง พวกนั้นกำลังถล่มกันโดยไม่สนว่าบ้านเมืองจะเป็นยังไงเลย แน่ล่ะแก๊งหมีใหญ่พอมีโอกาสจะได้เข้ากิลด์ใหญ่อย่างหัตถ์อสูรพวกเขาก็ไม่สนเมืองเล็ก ๆอย่างเมืองการ์กันแล้ว ส่วนฝั่งดาวแดงเองก็พึ่งได้รับคำสั่งจากกวีให้ก่อความวุ่นวายกันเต็มที่ พอเจอโจมตีแบบนี้ก็ตอบโต้กลับไม่สนชาวบ้านเช่นกัน

 

“หัวหน้าเอาไงดีครับ”ทหารคนหนึ่งถามพลางมองเหล่าผู้เล่นที่กำลังตีกันวุ่นวายไปหมด พวกทหารแต่เดิมมีหน้าที่ป้องกันเมืองและรักษาความสงบ ผู้เล่นมีโทษตัวแดงในเมืองก็ต้องจัดการ แต่นั่นเป็นกรณีของเมืองที่เป็นปกตินะ

 

“ปล่อยพวกมันไป”หัวหน้าอัศวินหรือนายทหารที่กวีกำลังคุยอยู่ก่อนหน้านี้ตอบพลางส่ายหน้าช้า ๆ ตอนนี้ทหารของเมืองการ์กันมีแค่ 30 คนเท่านั้น แถมส่วนใหญ่ยังเป็นทหารเฝ้ายามเลเวล 50 เท่านั้นด้วย

 

“หัวหน้า นี่เป็นโอกาสแล้วไม่ใช่เหรอครับ”กวีว่าพลางหันไปเรียกนายทหารว่าหัวหน้าเสียอย่างนั้น

 

“โอกาส? โอกาสอะไร”หัวหน้าทหารของเมืองการ์กันถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย แต่เดิมเขาไม่ใช่หัวหน้าเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะคนที่อยู่เหนือเขาตายกันหมดแล้วก็เลยเหลือเขาที่เลเวลสูงที่สุดอยู่คนเดียว แต่ถึงจะบอกเลเวลสูงที่สุดแต่เขาก็เลเวลแค่ 80 เท่านั้น ซึ่งนั่นยังน้อยกว่าเลเวลของหัวหน้าแก๊งทั้งสองฝ่ายเสียอีก

 

“ไม่เห็นเหรอครับ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายตีกันวุ่นวายไปหมด แถมจำนวนคนมาสู้ก็มากกว่าก่อนหน้านี้ด้วย แสดงว่าพวกนั้นเอาคนออกมาสู้กันจนหมด แบบนี้เป็นโอกาสทองเลยไม่ใช่เหรอ”กวีตอบพลางชี้ไปที่สนามรบกลางเมืองที่อยู่เบื้องหน้า ตอนนี้พวกผู้เล่นของทั้ง 2 แก๊งรวมถึงแก๊งเล็กแก๊งน้อยที่อยู่อาศัยบารมีของทั้งสองแก๊งต่างก็ลุกขึ้นมาสู้เพื่อไม่ให้คนที่คุ้มกะลาหัวตัวเองต้องพ่ายแพ้อีก

 

“จริงสิ แบบนี้ก็ส่งจดหมายไปเมืองหลวงได้แล้ว”หัวหน้าทหารทำท่าเหมือนนึกออก ก่อนหน้านี้สายโทรศัพท์โดนพวกผู้เล่นตัดขาดรวมถึงตัดสัญญาณต่างๆแถมเส้นทางก็โดนปิดเลยส่งเรื่องไปเมืองหลวงไม่ได้ หากตอนนี้พวกผู้เล่นที่ปิดทางเข้าออกเมืองเข้ามาสู้ในเมือง แบบนี้ก็ส่งจดหมายออกไปได้แล้วสิ….

 

“นั่นก็ใช่….”กวีว่าพลางหยิบเอาคทาออกมาถือไว้ในมือ

 

“แต่นี่เป็นโอกาสที่จะช่วยเมืองเอาไว้ไม่ใช่หรือไงครับ”กวีถามพลางมองหัวหน้าทหารนิ่ง แม้เขาจะไม่เคยทำหน้าที่หัวหน้า แถมในหัวก็คิดแต่เรื่องจะขอความช่วยเหลือ แต่เขาก็อาศัยในเมืองแห่งนี้ย่อมต้องอยากทำให้เมืองแห่งนี้กลับมาสงบสุขเช่นเดิมอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง

 

“แต่…พวกเราจะสู้ได้ยังไง”นายทหารส่ายหัวก่อนจะเรียกลูกน้องของตนมาคนหนึ่งเพื่อจะส่งจดหมายไปเมืองหลวง ตอนนี้ทางที่ปลอดภัยที่สุดก็คือปล่อยให้พวกแก๊งต่าง ๆตีกันไปแล้วส่งคนไปยื่นเรื่องให้กับเมืองหลวงเพื่อส่งตัวคนมีฝีมือมาช่วยรวมถึงการแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ด้วย

 

“เห็นเจ้าพวกนั้นหรือเปล่า ตอนนี้พวกนั้นกำลังฆ่ากันเอง รอให้พวกนั้นฆ่ากันสักพักพวกก็ไปเข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อสังหารอีกฝ่ายให้หมดแล้วก็ตลบหลังฆ่าพวกที่เหลือซะก็พอ”กวีว่าพลางชี้ไปที่พวกที่กำลังฆ่ากันเองอยู่ แน่นอนว่าวิธีของนายทหารนั้นก็ปลอดภัยดีและมีโอกาสสำเร็จที่น่าพอใจ แต่หากทำแบบนั้นกวีก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความสงบครั้งนี้ แบบนั้นแผนของเขามีหวังพังกันพอดี

 

“ไม่ แบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป”หัวหน้าทหารส่ายหน้าพลางกำหมัดแน่น เหล่าทหารที่เหลืออยู่มีน้อยมาก หากเสียพวกเขาไปจะทำอย่างไร

 

“แบบนั้นเมืองการ์กันก็ไม่มีทางกลับมาสงบหรอกนะ”กวีพูดพลางจ้องดวงตาของนายทหารอย่างจริงจัง

 

“นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะไล่พวกมันออกไป คิดถึงสิ่งที่พวกมันทำกับชาวเมืองอันเป็นที่รักของคุณสิ”กวีพูดจบก็ผายมือไปทางบ้านเมืองที่กำลังโดนสกิลของพวกผู้เล่นทำลายเสียหาย แน่นอนว่าพวกทหารสามารถรอจนเจ้าเมืองคนใหม่และกำลังทหารที่เก่งกว่านี้มาได้ แต่ชาวบ้านล่ะ….

 

“หากเป็นแบบนี้ต่อไป กว่าเจ้าเมืองคนใหม่จะมาถึงชาวบ้านคงโดนลูกหลงกันหมดแน่ พวกคุณเป็นทหารไม่ใช่หรือไง หน้าที่ปกป้องเหล่าประชาชนไม่ใช่พวกคุณแล้วใครจะทำ”กวีถามย้ำอีกครั้งเพื่อเรียกให้เหล่าทหารออกมาต่อสู้ ตอนนี้สมาชิกที่กวีนัดเอาไว้ยังมาไม่ถึงเพราะแต่เดิมกวีก็ไม่ได้วางแผนจะเริ่มโจมตีตอนนี้เสียด้วยซ้ำ แม้จะส่งคำเรียกตัวไปแล้วก็ยังมีหลายคนที่ติดภารกิจเลยยังมาทันทีไม่ได้ กวีเลยต้องถ่วงเวลาเอาไว้แล้วอาศัยกำลังทหารของเมืองเพื่อต้านพวกแก๊งโจรเหล่านี้เอาไว้

 

“หัวหน้า ให้พวกเราไปเถอะครับ”ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหานายทหารก่อนจะจับดาบของตนเองขึ้นมาถือ พวกเขาเป็นคนของเมืองแห่งนี้ มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ในเมืองแห่งนี้ ลำพังโดนพวกผู้เล่นเลว ๆขู่บังคับก็โกรธมากแล้ว ตอนนี้ยังจะสู้กันจนบ้านเมืองพังอีก แบบนี้จะให้พวกเขาอยู่เฉย ๆได้อย่างไร

 

“หัวหน้า….ที่นี่คือบ้านเกิดของพวกเรานะครับ”ทหารอีกคนตอบรับด้วยท่าทีเห็นด้วย เขาเองก็คิดอย่างที่กวีบอก ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะช่วยเมืองของพวกเขาเอาไว้แล้ว หากไม่ลงมือก็คงนับตนเองเป็นทหารกล้าของเมืองไม่ได้แล้วกระมัง

 

“ท่านหัวหน้า นี่คือโอกาสที่จะกู้คืนบ้านเมืองของพวกคุณกลับมาแล้ว ให้ผมได้ช่วยเหลือพวกคุณเถอะ”กวียื่นมือออกไปอีกครั้งด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย แม้จะได้เควสมาแล้วแต่ตามแผนเดิมกวีก็ต้องรอคนของตนมาร่วมมือด้วยอยู่ดี แต่ตอนนี้กวีต้องใช้งานกำลังของพวกทหารไปก่อน

 

“ได้….พวกเรามาปกป้องเมืองกัน”หัวหน้าทหารพักหน้าช้า ๆก่อนจะจับมือกับกวีเพื่อตกลงร่วมมือกัน พริบตานั้นที่ไหล่กวีก็มีตราสัญลักษณ์ของทหารเมืองการ์กันปรากฏขึ้นเช่นเดียวกับทุกคนในปาร์ตี้ ตอนนี้ปาร์ตี้ของกวีได้รับสิทธิ์เทียบเท่าทหารประจำเมืองแล้ว ขอเพียงอยู่ในเมืองพวกกวีก็สามารถโจมตีผู้เล่นที่ทำผิดกฎได้แม้ไม่ใช่ผู้เล่นตัวแดงโดยไม่ต้องรับโทษ แม้ตอนนี้จะมีแต่ผู้เล่นตัวแดงเต็มไปหมดก็ตาม

 

“………….”แต่ตอนนี้ตราสัญลักษณ์ของทหารที่ติดอยู่บนตัวกวีและสมาชิกปาร์ตี้นั้นกำลังบอกชาวเมืองว่าพวกเขาคือกลุ่มคนที่ได้รับความยอมรับจากหน่วยทหารแห่งเมืองการ์กันนั่นเอง

 

“ไปรวมคนมาให้หมด รอโอกาสที่จะกู้คืนเมืองของเรา”นายทหารพอรับกวีเข้าเป็นพวกแล้วก็หันไปสั่งการคนของตนเองให้ไปเรียกระดมพลทหารทั้งหมดในเมืองมา ส่วนกวีก็อาศัยจังหวะนี้เขียนข้อความไปบอกหัวหน้าแก๊งดาวแดงว่าตนเองจะทำอะไรต่อไป

 

.

 

.

 

“อากกกก”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของนนท์ ตัวเขาไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้เพราะมาในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้น แถมตอนนี้ตัวเขาพึ่งจะเลเวล 36 เท่านั้นเพราะตั้งแต่เริ่มเกมก็มัวแต่ทำเควสพิเศษจนไม่ได้เพิ่มเลเวลเลย แต่ถึงอย่างนั้นชื่อจอมเวทอันดับ 1 ก็ไม่ใช่แค่ของเอาไว้อวด ต่อให้มีเลเวลเท่านี้ แต่หากเขาลงไปสู้โอกาสจะทำให้แก๊งหมีใหญ่ชนะนั้นก้แทบจะแน่นอนเลย

 

ตูม!

 

ท่ามกลางการต่อสู้ แก๊งหมีใหญ่ทำได้ไม่เลวเพียงแต่ยังไม่ถึงมาตรฐานของกิลด์หัตถ์อสูรนัก…ท่าทางหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ก็คงต้องปฏิเสธหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ไปแล้วกลับกิลด์เสียแล้ว การมาทดสอบครั้งนี้ท่าทางจะเสียเที่ยวเสียเวลาจริง ๆ

 

“หัวหน้าแย่แล้วครับ”ระหว่างกำลังถอดใจอยู่นั้น นนท์ก็ได้ยินเสียงลูกน้องของแก๊งหมีใหญ่เข้ามารายงานหัวหน้าของพวกเขาผ่านทางระบบสื่อสารเสียก่อน

 

“มีพวกทหารกับผู้เล่นอีกกลุ่มเข้ามาสอดครับ ตอนนี้พวกมันเก็บคนของเราไปเยอะเลย”เสียงรายงานจากลูกน้องคนนั้นดูร้อนรนไม่น้อย

 

“อยู่ ๆพวกทหารทำไมถึงลุกขึ้นมาสู้ได้ ไม่ใช่โดนพวกเราจัดการไปแล้วหรอกเหรอ”หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ถามพลางมองดูสถานการณ์เบื้องล่าง ตอนนี้แก๊งหมีใหญ่โดนพวกทหารและแก๊งดาวแดงรุมเล่นงานอยู่จริง ๆ แถมพวกทหารกับแก๊งดาวแดงยังเหมือนจะรู้กันเสียด้วย พวกนั้นไม่โจมตีกันเองเลย

 

“ท่าทางฝ่ายนู้นจะแอบเลี้ยงพวกทหารเอาไว้นะ”นนท์ขมวดคิ้วมองไปทางแก๊งดาวแดง หรือว่าการเลือกแก๊งหมีใหญ่จะผิดกันนะ ลองยื่นข้อเสนอไปทางแก๊งดาวแดงอาจจะดีกว่าก็ได้

 

“หัวหน้า มีพวกผู้เล่นบุกเข้ามาจากทางประตูวาร์ปครับ”ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกเสียแล้ว หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ยังไม่ทันได้คิดว่าจะจัดการกับพวกทหารของเมืองอย่างไรดี อยู่ ๆก็มีผู้เล่นกลุ่มหนึ่งมาจากไหนไม่ทราบวาร์ปเข้ามาร่วมโจมตี หรือว่าจะเป็นพวกของแก๊งดาวแดงงั้นเหรอ? เป็นไปได้ไงพวกนั้นไม่น่าจะมีกำลังคนมาเพิ่มได้อีกนี่นา

 

“เจ้านั่นมัน…”นนท์ไม่ได้ฟังสิ่งที่ลูกน้องของหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่รายงานแต่อย่างไร นั่นเพราะอยู่ ๆสายตาของนนท์ก็เหลือบไปเห็นร่างของคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่แนวหน้าเสียก่อน ชายคนนั้นเหวี่ยงดาบใหญ่ด้วยสกิลและทักษะที่เหนือล้นกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางพวกฝีมืออ่อนหัดทำตัวเป็นแก๊งเป็นกลุ่มโจรแล้วคนผู้นั้นช่างแสนแข็งแกร่งและงดงามจริง ๆ

 

“เมฆ…..”พอเห็นว่าในกลุ่มคนนั้นมีคนรู้จักอยู่ด้วยนนท์ก็เริ่มให้ความสนใจกับสงครามเบื้องหน้าทันที ไม่ใช่แค่เมฆ แม้แต่ไอช่าที่สมควรจะเป็นไอดอลอยู่ตอนนี้ยังออกมาร่วมทำสงครามด้วย แต่ทั้งสองแต่เดิมก็เป็นผู้เล่นมือเก่าที่มีฝีมือกันอยู่แล้ว ไม่แปลกที่จะเข้าร่วมรบในสงครามใดสักแห่ง แต่ที่แปลกคือพวกเขาอยู่ด้วยกันต่างหาก

 

ในกลุ่มผู้เล่นยุคเก่า ทุกคนทราบกันดีว่ากิลด์สุริยันจันทรานั้นแตกไปตั้งแต่เกมเนเวอร์แลนด์แล้ว และเหล่าผู้นำของกิลด์สุริยันจันทราก็แตกกันไปคนละทางแทบจะไม่เข้าร่วมสงครามด้วยกันอีก ยิ่งเป็นเมฆที่แยกตัวไปเป็นผู้เล่นเดี่ยวตั้งแต่เจ้าหมอนั่นหายตัวไปด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมาร่วมมือกับไอช่าเอาตอนนี้

 

เปรี้ยง!!

 

พริบตาที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อยู่ ๆก็มีลูกธนูลูกหนึ่งพุ่งเข้าไปใส่ร่างของแก๊งหมีใหญ่คนหนึ่งเข้าอย่างจัง ระยะและความแม่นยำขนาดนี้ทำเอานนท์ยิ้มออกมาทันที

 

“หึหึ…..”นนท์หัวเราะเบา ๆก่อนจะเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งออกมา แม้แต่มือธนูลึกลับของกิลด์สุริยันจันทราก็ยังมาร่วมสู้ด้วย คนที่เรียกเจ้าหมอนั่นมาได้ก็มีแค่คน ๆเดียวเท่านั้น

 

“กวี…..”นนท์พูดชื่อหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะได้พูดออกมาอีกด้วยท่าทีตื่นเต้น พริบตานั้นพลังเวทสีดำก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างของนนท์ราวกับจะกลืนกินบรรยากาศรอบ ๆเข้าไป นี่ล่ะคือสาเหตุที่นนท์ยังเลเวลต่ำอยู่ เพราะเขาต้องใช้เวลาไปไม่น้อยในการหาไอเทมอย่างหนึ่งมา และตอนนี้เขาก็เป็นจอมเวทคนเดียวที่ครอบครองเวทมนตร์สายความมืดเอาไว้อีกด้วย

ตอนที่ 54

ออกหน้า

 

 

ผลัก!!

 

ร่างของกวีถูกผลักออกมาจากประตูอาคารที่แก๊งดาวแดงใช้เป็นรังท่ามกลางสายตาของ NPC ที่เป็นชาวเมืองและเหล่าผู้เล่นที่เป็นคนของแก๊งดาวแดงและของแก๊งเล็ก ๆในเขตทางเหนือของเมืองการ์กัน เพียงแต่…สภาพของกวีที่โดนโยนออกมานั้นไม่ได้ทำให้ใครในที่นี้สนใจเลยแม้แต่คนเดียวเพราะภาพคนโดนโยนออกมาจากอาคารของแก๊งดาวแดงนั้นเป็นภาพที่หาได้ไม่ยากเลย

 

“พี่กวี…..”ทันทีที่กวีโดนผลักออกมา มีนที่มารอกวีอยู่ที่หน้าอาคารอยู่ก่อนแล้วก็รีบเข้าไปพยุงตัวทันที โดยด้านหลังของมีนนั้นมีร่างของเมฆ ไอช่า เจ และมายด์ยืนอยู่ด้วยท่าทีเป็นห่วงเช่นเดียวกันแม้เมฆกับไอช่าจะไม่ค่อยแสดงท่าทีอะไรออกมาก็ตาม

 

“ขอโทษนะที่ทำให้ทุกคนเสียเวลา แล้วเจ้าหัวหน้ากลุ่มโจรล่ะ”กวีถามพลางมองไปบนหลังของเจ ตอนนี้หัวหน้ากลุ่มโจรไม่อยู่กับเจเสียแล้ว

 

“เอ่อ….พวกทหารรับฝากขังเอาไว้ก่อนแล้วครับ เขาบอกว่าพอพี่กลับมาแล้วค่อยไปรายงานอีกที”เจตอบพลางมองสภาพของกวีด้วยท่าทีเป็นห่วง แต่หากมองดี ๆแล้วร่างกายของกวีก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไร แถมพลังชีวิตก็ยังเต็มอีกต่างหาก

 

“พี่กวี…..อย่าพึ่งห่วงเรื่องโจรเลยค่ะ พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ”มีนว่าพลางดึงแขนของกวีเอาไว้ สำหรับมีนที่ไม่รู้ว่าแผนของกวีคืออะไรแล้ว การที่กวีโดนแก๊งที่คุมครึ่งเมืองเอาไว้จับตัวไปมันน่ากลัวมากสำหรับเธอ หากยังอยู่ที่นี่อีกเธอห่วงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับกวีอีกก็ได้

 

“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรแล้ว”กวียิ้มรับด้วยท่าทีดีใจ ไม่นึกว่ามีนคนนั้นจะเป็นห่วงตนเองขนาดนี้ ถึงขนาดพูดเยอะกว่าปกติเสียด้วยซ้ำ ทำให้กวีเผลอเอามือไปลูบหัวของมีนเหมือนที่ทำกับไอช่าก่อนจะเดินไปหาพวกเจเพื่อจะเข้าไปรับรางวัลนำจับกันเสียที

 

จึก…

 

ระหว่างเดินไปที่ค่ายทหาร อยู่ ๆไอช่าก็เอาไม้คทาของตัวเองจิ้มไปที่เอวของกวีเหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง

 

“มีอะไรเหรอไอช่า”กวีถามพลางมองไปทางไอช่าด้วยท่าทีสงสัย เธอเอาคทาจิ้ม ๆเหมือนเด็กกำลังงอนเลย

 

“กลิ่นน้ำหอมมันติดตัวพี่นะ คนนิสัยเสีย”ไอช่าทำหน้าบึ้งก่อนจะเดินไปหาเมฆแทนเสียอย่างนั้นทำเอากวีได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าจะมีกลิ่นน้ำหอมติดตัวมาด้วย เกมนี้มันทำสมจริงเกินไปแล้ว แบบนี้ก็แก้ตัวอะไรกับไอช่าไม่ได้นะสิ แต่แค่กลิ่นน้ำหอมติดตัวมาก็รู้สึกแล้วพวกผู้หญิงนี่น่ากลัวจริง ๆ

 

.

 

.

 

“เจ้าสินะที่จับโจรมาได้”ทันทีที่พวกกวีไปถึงค่ายทหาร คนที่รอพวกกวีอยู่กลับไม่ใช่ทหารเฝ้าประตูก่อนหน้านี้ แต่เป็นนายทหารที่แต่งตัวดูดีกว่าคนก่อนมาก ท่าทางจะเป็นหัวหน้าของทหารเมืองการ์กันสินะ

 

“ครับ”กวีตอบด้วยใบหน้าหมอง ๆจนผิดสังเกต ทำให้นายทหารตรงหน้ารู้สึกได้อย่างชัดเจนเลย

 

“ได้ข่าวว่าเจ้าโดนพวกแก๊งดาวแดงจับตัวไปหลังจากช่วยพ่อค้าขายยา ขอโทษทีนะเมืองนี้มันเละเทะไปหมดแล้ว”นายทหารคนนั้นพูดด้วยท่าทีเหนื่อยใจ นาน ๆจะมีผู้เล่นที่เป็นห่วง NPC โผล่มาสักที แต่เขาคนนั้นกลับโดนพวกแก๊งดาวแดงเล่นงานเสียได้ พอรับเงินเสร็จเขาก็คงไม่กลับมาแล้วแน่ ๆ

 

“ครับ….”กวีตอบด้วยท่าทีหดหู่ สภาพคนโดนซ้อมก่อนจะโดนถีบออกมานั้นก็คงต้องประมาณนี้ล่ะ

 

“นี่เป็นรางวัลของเจ้า ขอบคุณที่ช่วยเหลือเมืองของเรา”นายทหารตอบก่อนยื่นถุงเงินมาให้กวีตามข้อตกลงในใบประกาศจับ

 

ติ๊ง….

 

[ ผู้เล่นกวีได้รับค่าชื่อเสียงเฉพาะของเมืองการ์กัน 2 หน่วย ]

 

2 หน่วย!! ทันทีที่กวีได้ยินเสียงจากระบบก็ยิ้มแทบไม่ออก ชื่อเสียงที่ได้จากการค้นพบเทวรูปองค์ที่ 5 กับการสังหารนางพญาผึ้งนั่นอย่างละ 100 เลยนะ ตอนแรกกวีคิดว่ามันไม่เยอะเท่าไรเสียอีก แต่หากทำคุณงามความดีให้เมืองยังได้แค่ 2 แล้วชื่อเสียง 200 หน่วยที่แยกออกมาของกวีนี่มันเยอะแค่ไหนกัน แต่ชื่อเสียง 2 หน่วยของเมืองการ์กันนี่จะทำอะไรได้หรือเปล่า

 

“แบบนี้ดีแล้วเหรอครับ”เมื่อได้รับรางวัลมาแล้วกวีก็เริ่มดำเนินการณ์ตามแผนทันที ตอนนี้ชาวเมืองกำลังเสียความไว้ใจกับผู้เล่นคนอื่น ๆไป อย่างน้อยกวีก็เป็นผู้เล่นที่ช่วยเหลือ NPC เอาไว้แถมยังมีค่าชื่อเสียงของเมืองอีกต่างหาก แม้จะน้อยนิดแต่เมื่อเทียบกับพวกแก๊งต่าง ๆในเมืองแล้วคนอย่างกวีย่อมน่าเชื่อถือกว่าแน่นอน

 

“หมายความว่ายังไง”นายทหารถามด้วยท่าทีประหลาดใจ อยู่ ๆกวีก็ถามคำถามออกมาแล้วจะให้เขาทำอะไรกัน

 

“เมืองของคุณมันไม่ควรเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอครับ พวกคุณแทบจะไม่ออกจากบ้านกันด้วยซ้ำ แบบนี้มันดีแน่แล้วเหรอ”กวีถามพลางจ้องมองนายทหารตรงหน้าด้วยท่าทีจริงจัง

 

“อึก…..แล้วจะให้ข้าทำยังไง กำลังทหารในตอนนี้สู้พวกนักผจญภัยไม่ได้ แถมจะส่งคนไปแจ้งเมืองหลวงก็โดนฆ่าหมด แล้วจะให้ข้าทำยังไง”ทันทีที่ได้ยินคำถามของกวี นายทหารก็กำหมัดแน่นด้วยท่าทีเจ็บใจ แถมยังทุบมันลงบนโต๊ะจนทหารรอบ ๆหันมามองอีกต่างหาก เพราะบอสมอนสเตอร์ที่บุกเข้ามาอย่างกะทันหันทำให้เมืองการ์กันอ่อนแอลง ตอนนี้ก็เลยคุมเมืองจากผู้เล่นไม่ได้ แต่ที่หนักกว่านั้นก็คือการแจ้งขอความช่วยเหลือไม่สามารถทำได้เลย เพราะ NPC ไม่สามารถออกนอกเมืองได้แม้แต่ก้าวเดียว ทันทีที่พวกเขาออกพ้นประตูเมืองไปไม่ว่าจะเป็นใครพวกผู้เล่นก็ดักโจมตีจนต้องกลับมาหรือตายไปทั้ง ๆแบบนั้นเหมือนกันหมด เมืองการ์กันตอนนี้กำลังนับเวลาถอยหลังก่อนจะกลายเป็นเมืองเถื่อนที่มีแต่ผู้เล่นชั้นสวะเข้ามาอาศัยกันจริง ๆแล้ว

 

“ผมจะช่วย…”กวีตอบด้วยท่าทีหนักแน่นและจริงจัง สายตาเช่นนั้นทำให้เหล่าทหารไม่อาจมองข้ามการตัดสินใจของกวีได้

 

“เจ้านะเหรอจะช่วย…..”นายทหารยิ้มเยาะออกมาด้วยท่าทีไม่อยากจะเชื่อ อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่ตัวกวีก็พึ่งโดนแก๊งดาวแดงจับตัวไปไม่ใช่หรือไง แล้วจะให้ไว้ใจกวีให้จัดการแก๊งต่าง ๆในเมืองได้ไง

 

“ไม่ใช่แค่ผมหรอก ยังมีเพื่อน ๆของผมแล้วก็สมาชิกกิลด์ด้วย”กวีตอบด้วยท่าทีมั่นใจ ตอนเลเวล 50 กวีจะสามารถสร้างกิลด์ได้ เลเวลแค่นั้นใช้เวลาไม่กี่วันหรอกหากตั้งใจจริง ๆ และจำนวนสมาชิกกิลด์ 50 คนก็หาได้ไม่ยากสำหรับกวี เพราะคนที่รอจะกลับเข้ากิลด์ของกวีนั้นยังมีอีกมาก แถมแก๊งดาวแดงยังให้ความร่วมมืออีกต่างหาก ขอเพียงกำจัดแก๊งหมีใหญ่ที่ครอบครองพื้นที่ทางทิศใต้เอาไว้ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว

 

“เจ้ายังเลเวลน้อยอยู่เลยไม่ใช่หรือไง อย่าว่าขาดูถูกเลยนะ ส่งเจ้าไปสู้ให้ข้าไปเองยังมีโอกาสมากกว่าอีก”นายทหารตอบด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย เพราะข้อมูลการส่งเควสก่อนหน้านี้ทำให้นายทหารทราบว่ากวีมีเลเวลเท่าไร ซึ่งมันน้อยกว่าทหารในห้องนี้เสียอีก

 

“งั้นผมจะทำลายแก๊งดาวแดงในหนึ่งอาทิตย์ และในอีกหนึ่งเดือนผมจะขับไล่แก๊งพวกนั้นออกไปจากเมืองนี้ให้หมด ผมจะทำให้เมืองของคุณกลับมาสงบอีกครั้ง”กวีเห็นอีกฝ่ายไม่เชื่อก็เลยประกาศสิ่งที่ตนจะทำออกไป ขอเพียงทุกอย่างเป็นไปตามแผนกวีย่อมสามารถทำได้ แต่การขับไล่แก๊งออกไปจากเมืองเฉย ๆนั้นไม่ทำให้กวีได้รับประโยชน์อะไร กวีจะต้องเป็นผู้ขับไล่ในสายตาของเหล่าทหารและประชาชนของเมือง และเมื่อนั้นความเชื่อใจของกวีต่อชาวเมืองก็จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

 

 

“…………”แน่นอนว่านายทหารไม่อยากจะเชื่อหรอกว่ากวีจะทำได้ แต่อีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นขนาดนี้บางที…. แต่ทำไมกวีต้องทำถึงขนาดนี้ล่ะ หรือว่าจะเป็นความแค้นที่มีต่อแก๊งดาวแดง?

 

“ให้โอกาสผมได้ช่วยพวกคุณเถอะครับ”กวีว่าพลางจ้องมองดวงตาของนายทหารอย่างจริงจัง สิ่งที่กวีต้องการตอนนี้คือคำอนุญาตของทหารเท่านั้น ขอเพียงได้รับคำยินยอมกวีก็จะช่วยเหลือเหล่าชาวเมืองภายใต้ชื่อของทหารประจำเมือง ไม่ใช่ผู้เล่นจากที่ไหนก็ไม่ทราบ

 

ติ๊ง…..

 

หลังจากทำท่าตัดสินใจอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดหน้าต่างเควสก็เด้งขึ้นมาตรงหน้ากวีเสียที เป้าหมายคือช่วยเหลือเมืองการ์กันเอาไว้ และของรางวัลก็คือเงินและไอเทมจำนวนหนึ่งและค่าชื่อเสียงประจำเมืองการ์กัน 50 หน่วย….. ว่าแต่ชื่อเสียงที่ได้นี่มันน้อยเกินไปหรือเปล่านะ?

 

“ก็ได้ ข้าจะยอมเชื่อใจเจ้าดู”นายทหารตอบรับก่อนจะยื่นมือมาให้กวีจับเพื่อทำการตกลงกัน แน่นอนกว่ากวีย่อมตกลงอย่างไม่รีรอเลย

 

“หัวหน้า แย่แล้วครับ”มือของกวียังไม่ทันได้ปล่อยออกจากมือนายทหาร อยู่ ๆทหารคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทีแตกตื่นเสียอย่างนั้น

 

“มีอะไร”นายทหารถามพลางมองลูกน้องของตนด้วยท่าทีประหลาดใจ

 

“แก๊งดาวแดง…..แก๊งดาวแดงโดนโจมตีครับ”ทันทีที่ได้ยินคำรายงาน กวีกับนายทหารก็หันไปมองหน้ากันทันที คนหนึ่งกำลังสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ส่วนอีกคนกลับคิดว่ากวีลงมือเร็วจริง ๆ พอตกลงกันแล้วก็เริ่มโจมตีเลยงั้นเหรอ?

 

“นี่มัน….อะไรกัน”กวีขมวดคิ้วก่อนจะมองไปทางที่อาคารของแก๊งดาวแดงตั้งอยู่ กวียังไม่ได้เรียกตัวใครมาเลย แล้วทำไมถึงเกิดการโจมตีได้ล่ะ หรือว่าเป็นแก๊งอื่นในเมือง?

 

ตูม!!

 

“ไอ้พวกหมีใหญ่….”หัวหน้าแก๊งดาวแดงมองออกไปนอกอาคารด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด พวกแก๊งหมีใหญ่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแก๊งดาวแดงมาตลอดกลับมาเริ่มโจมตีพวกแก๊งดาวแดงของเขาเอาตอนนี้เสียได้ ทั้ง ๆที่อีกไม่นานแผนของกวีก็จะเริ่มแล้วแท้ ๆ

 

“ดีมาก ฆ่าพวกมันให้หมด”อีกฝั่งทางด้านหัวหน้าของแก๊งหมีใหญ่ที่กำลังสั่งการเหล่าลูกน้องอย่างดุดันบนหลังคาบ้านกลับมีท่าทีกดดันไม่ต่างกัน ความจริงพวกเขาไม่ได้จะโจมตีแก๊งดาวแดงตอนนี้หรอก สภาพความสัมพันธ์ของทั้งสองแก๊งแม้จะไม่ถูกกันแต่ก็ไม่ยุ่งเกี่ยวกันมาพักใหญ่แล้ว แต่ละฝ่ายต่างไม่ก้าวก่ายกันก็เป็นเรื่องดี แต่ที่ทำแบบนี้ก็เพราะ…

 

“ท่านครับ ไม่ทราบแบบนี้พอใจหรือเปล่าครับ”หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ถามพลางหันไปทางนนท์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เป้าหมายของหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ก็คือการได้เข้าร่วมกับกิลด์หัตถ์อสูรที่นนท์เป็นรองหัวหน้ากิลด์อยู่ และสิ่งที่นนท์ตั้งเงื่อนไขเพื่อจะรับแก๊งหมีใหญ่เข้ากิลด์ก็คือการโจมตีแก๊งดาวแดงที่ยึดอีกครึ่งเมืองเอาไว้ให้ได้ เพราะแบบนั้นเรื่องเลยวุ่นวายอย่างที่เห็น

 

 

ตอนที่ 53

แขก VIP

 

“บ้าจริง โดนไอ้พวกนั้นเล่นงานได้ไง”ชายที่แต่งตัวเหมือนโจรผู้อ้างตัวว่าเป็นคนของแก๊งหมีใหญ่เดินเข้ามาในเมืองการ์กันด้วยท่าทีไม่พอใจนัก พอเกิดมาก็โดนพวกลูกพี่เรียกตัวไปเลย ยังไม่ทันได้หายโมโหจากตอนโดนพวกกวีเล่นงานเลย

 

“เห้ย มัวทำอะไรอยู่ รีบมาได้แล้วลูกพี่วันนี้จริงจังมากเลยนะ”ชายคนหนึ่งเห็นชายสวมผ้าปิดปากเดินเข้ามาก็รีบเข้าไปหาก่อนจะเรียกตัวมายืนเข้าแถวพร้อมกับคนอื่นทันที

 

“พี่ วันนี้มีอะไรงั้นเหรอ แบบนี้มันโคตรแปลกเลยนะ”ชายสวมผ้าปิดปากถามพลางมองไปรอบ ๆ ปกติเมืองการ์กันสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แถมแก๊งต่าง ๆในเมืองต่างให้อิสระกับคนในแก๊งเต็มที่ทำให้การเข้าแถวแบบนี้ออกจะเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับคนในเมืองการ์กันเลยก็ว่าได้

 

“วันนี้พี่ใหญ่เชิญแขกมาพบ เห็นว่าเป็นแขกสำคัญมากขนาดเรียกลูกน้องทุกคนมารวมตัวกันเลยนี่ไง”ชายที่พาคนสวมผ้าปิดปากมาเข้าแถวตอบพลางหันไปสั่งให้พวกลูกน้องพากันเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ในตอนนี้ทุกคนต่างก็คิดในหัวว่าแขกสำคัญที่ว่านี่มันใครกัน ทำไมลูกพี่ใหญ่ถึงได้ทำตัวแปลก ๆแบบนี้

 

“มาแล้ว ทุกคนห้ามเสียมารยาทนะ”ลูกพี่คนคุมแถวเห็นประตูห้องเปิดออกก็รีบสั่งให้ทุกคนตั้งแถวอย่างสวยงามเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนอย่างกับกำลังทำพิธีต้อนรับพระราชาไม่มีผิด ต่างกันตรงที่อาคารในเมืองการ์กันนั้นตอนนี้แทบจะสกปรกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่สามารถแก้ไขได้ในไม่กี่วันหรอก

 

“…………”ทันทีที่ประตูเปิดออก แม้จะเสียมารยาทแต่คนของแก๊งหมีใหญ่ก็พากันมองชายคนที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีสงสัยทันที เพียงแต่อุปกรณ์สวมใส่ของชายคนนั้นกลายเป็นไอเทมของคนเลเวลต่ำเสียอย่างนั้น หากมองด้วยสายตาคนในแก๊งทุกคนต่างก็คิดว่าชายคนนั้นต้องมีเลเวลต่ำกว่า 40 แน่ ๆ เพียงแต่ท่าทีของชายคนนั้นดูไม่ธรรมดาเลย

 

“เชิญครับ….”ลูกพี่ของแก๊งหมีใหญ่ว่าพลางเดินเข้าไปต้อนรับชายคนนั้นด้วยท่าทีนอบน้อม แม้จะเลเวลน้อยแต่ท่าทางชายคนนั้นจะเป็นคนที่หัวหน้าเชิญมาจริง ๆ

 

“คน ๆนั้น…..”ทันทีที่ชายสวมผ้าปิดปากเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจทันที ใบหน้านั่นเหมือนเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย ถึงจะสวมอุปกรณ์เลเวลต่ำแต่ใบหน้านั่นไม่ผิดแน่

 

 

“นนท์….”เสียง ๆหนึ่งดังขึ้นมาจากคนในกลุ่มที่เข้าแถวอยู่ ชายผมดำผู้มีใบหน้านิ่งเฉยเย็นยะเยียบราวกับไม่สนใจสิ่งรอบตัวนั่นคือ นนท์ จอมเวทอันดับหนึ่งของประเทศไทยอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ใบหน้าหล่อเหลาที่ปล่อยกลิ่นอายชั่วร้ายออกมานั่นต้องเป็น นนท์ รองหัวหน้ากิลด์หัตถ์อสูรแน่ ๆ ในห้องของชายสวมผ้าปิดปากนั้นยังมีโปสเตอร์ของนนท์ติดอยู่เลย ไม่มีทางจำผิดแน่ ๆ มิน่าเล่าหัวหน้าถึงตื่นเต้นนัก ที่แท้ก็เชิญนนท์มาได้นี่เอง

 

“คุณนนท์เชิญทางนี้ครับ”หัวหน้าของแก๊งหมีใหญ่เดินเข้ามาต้อนรับนนท์ด้วยท่าทีนอบน้อม ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคนระดับนนท์ถึงมาที่นี่ได้ แต่ผู้เล่นทุกคนที่ได้เห็นว่านนท์มาต่างก็ไม่มีใครกล้าดูถูกแม้อีกฝ่ายจะสวมใส่อุปกรณ์เลเวลต่ำเลย

 

.

 

.

 

.

 

“เชิญครับพี่กวี ทางนี้เลย ๆ”อีกด้านหนึ่งทางเหนือของเมืองการ์กัน ฝั่งกวีเองก็กำลังได้รับการต้อนรับจากแก๊งดาวแดงเช่นเดียวกัน แถมบรรยากาศการต้อนรับยังแทบไม่ต่างจากที่แก๊งหมีใหญ่ทำให้นนท์เลย

 

“ไม่ต้องตื่นเต้นหรอก ทำตัวตามสบายเถอะ”กวีว่าพลางนั่งลงช้า ๆ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นหัวหน้าแก๊งดาวแดงก็ยังนั่งไม่ติดอยู่ดี

 

“ไม่ได้หรอกครับ พี่กวีให้เกียรติมาทั้งที เฮ้ยไปตามเด็ก ๆมา”หัวหน้าแก๊งดาวแดงว่าพลางสั่งให้ลูกน้องไปตามคนมาบริการกวีอย่างเร่งด่วน

 

“แล้วแผนที่บอก ตกลงตามนั้นหรือเปล่า”กวีถามพลางมองหัวหน้าแก๊งดาวแดงนิ่ง ก่อนหน้านี้คนของกวีทราบสถานการณ์ของเมืองการ์กันก่อนแล้ว และได้รายงานกวีไปตั้งแต่เข้ามาในเกมแล้วเสียด้วยซ้ำ ในจดหมายหลายร้อยฉบับที่ส่งมาให้กวีนั้นมีหลายฉบับที่เป็นรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของเกม ทำให้กวีสามารถเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้ไม่เหมือนคนที่พึ่งกลับมาเล่นเกมหลังจากหายตัวไป 5 ปีเลย

 

“แน่นอนครับ ขอแค่พี่กวีสั่งมาคำเดียวผมจะทำตามทันที”หัวหน้าแก๊งดาวแดงตอบพลางยิ้มร่าด้วยท่าทียินดี

 

“แต่นั่นหมายความว่าแก๊งของนายจะโดนเล่นงานนะ”กวีถามย้ำอีกครั้ง ที่กวีเลือกมาเมืองการ์กันนั้นก็เพราะเมืองการ์กันมีสภาพเช่นนี้นั่นเอง ยามปกติการสร้างความเชื่อใจให้กับ NPC นั้นเป็นเรื่องลำบาก จะต้องผ่านเควสและพูดคุยกันเป็นเวลานาน เพราะงั้นชื่อเสียงจากการนำตัวผู้ร้านมีค่าหัวมาส่งให้จึงมีค่า แต่นั่นคงเทียบไม่ได้เลยกับการช่วยกอบกู้เมืองกลับมา

 

“แค่โดนเล่นงานครั้งเดียวเองครับ แถมตอนนี้เลเวลของพวกเราก็ยังต่ำ ลดไปหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย….เมื่อเทียบกับการได้ช่วยเหลือพี่กวีแล้วมันเทียบกันไม่ได้เลยครับ”หัวหน้าแก๊งดาวแดงตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ การขับไล่แก๊งต่าง ๆออกจากเมืองการ์กันนั้นก็ต้องทำสงครามกับแก๊งต่าง ๆเท่านั้น ไม่มีทางที่สงครามเหล่านั้นจะไม่สร้างความเสียหายหรอก แน่นอนว่าผู้เล่นของแก๊งดาวแดงเองก็ต้องโดนเล่นงานไปด้วยเพื่อความแนบเนียน คงจะต้องเสียเลเวลกันไปคนละ 7 – 8 เลเวลเลยมั้ง แถมยังต้องเสียฐานที่ตั้งไปอีกเพราะหลังจากจบสงครามพวกเขาก็ต้องถอยออกไปด้วย แต่…อย่างที่หัวหน้าแก๊งบอก ไม่ว่าจะเลเวลที่เก็บใหม่ได้ หรือ ฐานที่ตั้งที่หาเมื่อไรก็ได้สำหรับหัวหน้าแก๊งดาวแดงที่เมื่อก่อนแค่จะพบหน้ากวียังทำไม่ได้แล้วนั้น นับเป็นเรื่องเล็กน้อยมากกับการสร้างความดีความชอบให้กับกวี

 

“งั้นก็ดี หลังจากนี้มีเรื่องเดือดร้อนอะไรก็ติดต่อมาแล้วกัน”กวีพยักหน้าช้า ๆก่อนจะเปิดระบบสื่อสารออกมาเพื่อจะติดต่อไปทางพวกเมฆเพื่อบอกสถานการณ์ตอนนี้ เพราะหากปล่อยไว้เฉย ๆพวกมีนคงงงเป็นไก่ตาแตกแน่ ๆ

 

.

 

.

 

.

 

ติ๊ง….

 

 

ไม่ใช่แค่พวกเมฆเท่านั้นที่ได้รับข้อความเชิญชวน แม้แต่ทางเรย์เองก็ยังได้รับข้อความแจ้งเตือนเช่นเดียวกัน

 

“เริ่มแล้วงั้นเหรอ”เรย์พูดพลางอ่านจดหมายที่กวีส่งมาด้วยท่าทีไม่พอใจนัก นี่เขายังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะกลับไปเข้าร่วมกับกวี ส่งจดหมายมาสั่งให้หาของอย่างกับตัวเองเป็นเจ้านายอยู่แบบนี้ได้ยังไง

 

“มีอะไรเหรอครับท่าน”ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังเรย์ถามด้วยท่าทีสงสัย เขาไม่สามารถมองเห็นจดหมายที่เรย์อ่านได้จนกว่าเรย์จะเปิดให้ดูเอง ทำให้ชายคนนั้นไม่ทราบด้วยซ้ำกว่าเรย์กำลังอ่านจดหมายของใครอยู่

 

“ไม่มีอะไรก็แค่ลูกค้าน่ารำคาญคนหนึ่ง”เรย์ตอบพลางทำหน้าบูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด

 

“ท่านเรย์ครับ คนของเราที่อยู่แผ่นดินทางเหนือบอกว่ารวบรวมหินเสริมพลังอาวุธและชุดเกราะมาได้อย่างละหกหมื่นชิ้นแล้ว ยังจะให้รวบรวมต่อหรือเปล่าครับ”ชายหนุ่มถามพลางมองเรย์ด้วยท่าทีสงสัย ไม่ทราบทำไมอยู่ ๆเรย์ก็สั่งให้คนของตนเองรวบรวมอาวุธและหินเสริมพลังอย่างบ้าคลั่งจนเงินทุนหายไปกว่าครึ่ง แม้เรย์จะเป็นเจ้าของกองทุนแต่การเสียเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ไปไม่ว่าใครก็ต้องอยากจะถามทั้งนั้น

 

“ไม่พอ สั่งให้รวบรวมมาอีก”เรย์ตอบพลางส่ายหน้าช้า ๆ แม้เรย์จะสั่งด้วยท่าทีปกติ แต่คำสั่งของเขากลับทำให้ลูกน้องในห้องต่างมีท่าทีตกใจกันทั้งนั้น แค่ที่สั่งมาก็ล้นคลังแล้วนะทำไมยังจะสั่งมาอีกกัน…

 

“ครับ…..”แม้จะสงสัย แต่เหล่าผู้บริหารของกองทุนที่เรย์เป็นเจ้าของต่างบอกว่าให้อิสระกับเรย์เต็มที่ ทำให้เหล่าลูกน้องไม่กล้าขัดเรย์เลยแม้แต่คนเดียว สุดท้ายก็เลยต้องทำตามคำสั่งและส่งเรื่องให้คนของตนเริ่มหาหินเสริมพลังและอาวุธชุดเกราะเพิ่มตามที่สั่ง

 

“อ่อ สั่งให้คนจัดสินค้ามาตามนี้ด้วย ขอด่วนพิเศษนะ”เรย์ส่งข้อความที่คัดลอกเพียงส่วนสินค้าที่ต้องการจากจดหมายของกวีให้ลูกน้องของตน ก่อนจะกำชับให้เร่งมืออีกต่างหากทั้ง ๆที่พึ่งบ่นกวีไปแท้ ๆ

 

.

 

.

 

“เอาล่ะ แล้วจะแจ้งแผนมาอีกที คอยรอคำสั่งจากทางเราอีกทีแล้วกัน ส่วนตอนนี้ก็พยายามสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเข้าไว้ล่ะ”หลังจากส่งจดหมายไปสั่งคนของตนแล้วกวีก็หันไปสั่งหัวหน้าแก๊งดาวแดงทันที แน่นอนว่าหัวหน้าแก๊งดาวแดงไม่คัดค้านแต่อย่างไรเพียงแต่….

 

“พี่กวี อย่าพึ่งรีบกลับเลยครับ”หัวหน้าแก๊งดาวแดงว่าพลางเดินเข้ามาห้ามไม่ให้กวีลุกขึ้น

 

“มีอะไรงั้นเหรอ”กวีถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย

 

“ไหน ๆพี่กวีก็มาแล้ว อยู่พักผ่อนก่อนเถอะครับ ปกติแล้วแก๊งของเราจับตัวคนมาก็สั่งสอนนานอยู่แล้ว พี่กวีรีบออกไปจะผิดสังเกตเปล่า ๆนะครับ”หัวหน้าแก๊งดาวแดงว่าพลางสั่งให้ลูกน้องเปิดประตูออกส่งสองสาวเข้ามาในห้องตามที่ร้องสั่งไปเมื่อครู่ ทันทีที่สองสาวเข้ามาในห้องพวกเอก็รีบเข้าไปนั่งข้าง ๆกวีก่อนจะยิ้มหวานและเกาะแขนของกวีเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

 

“พี่กวีไม่ได้เล่นเกมเสมือนจริงเลยอาจจะยังไม่รู้ แต่ในเกมเนี่ยมีข้อดีอยู่นะครับ”หัวหน้าแก๊งดาวแดงยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ หลังจากเห็นสาว ๆเริ่มเอาตัวเข้าไปแนบชิดกวีมากขึ้น หากพวกสาว ๆไม่ยินยอมกวีแค่จะแตะตัวพวกเธอยังไม่ได้ด้วยซ้ำเพราะมีระบบปกป้องสิทธิ์ของแต่ละเพศอยู่ แต่ในทางตรงกันข้าม ขอเพียงพวกเธอยินยอมและปลดระบบห้ามออก ไม่ว่าจะแตะต้องตรงไหนความสมจริงของเกมก็ทำให้เหล่าผู้เล่นพึงพอใจกันถ้วนหน้า

 

……………………………………………………………………………………..

 

*ตอนต่อไปเป็นตอน NC นะครับ โดยเนื้อหาในตอน NC นั้นจะไม่มีผลกับเนื้อหาหลักของเรื่องแต่อย่างไร สำหรับท่านที่ไม่ชอบตอน NC สามารถข้ามไปอ่านตอนต่อไปได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่องครับ

 

ตอนที่ 52

เมืองคนโฉด

 

“พี่กวี…..นี่มันอะไรเนี่ย”ทันทีที่มาถึงเมืองการ์กัน สิ่งแรกที่เจได้เห็นก็คือบ้านเมืองที่ดูเงียบเหงากว่าปกติหลายเท่า นอกจากทหารบางคนที่ยืนเฝ้าประตูเมืองแล้ว ภายในเมืองกลับมี NPC และผู้เล่นอยู่ไม่มาก แถมบ้านแต่ละหลังยังปิดเงียบอย่างกับเมืองร้าง เทียบกับหมู่บ้านฟรอยก่อนหน้านี้แล้วหมู่บ้านที่สร้างมาหลอกตาผู้เล่นยังดูมีชีวิตชีวากว่าเลย

 

“เพราะแบบนี้สินะ NPC ถึงได้รวมตัวกันหลอกลวงผู้เล่นแบบนั้น”เมฆมองไปตามเมืองด้วยท่าทีเหนื่อยใจ ปกติ NPC ไม่น่าจะคิดร้ายกับผู้เล่นได้ แต่พวกคนในหมู่บ้านฟรอยกลับวางแผนล่อผู้เล่นให้โดนโจรเล่นงาน ที่แท้ก็ไม่ได้ทำไปเพราะหวังเงินอย่างเดียวนี่เอง

 

“ดูเหมือนผู้เล่นในเมืองนี้จะเป็นพวกไม่ได้เรื่องแน่ ๆ”กวีเดินเข้าไปที่ประตูเมืองด้วยท่าทีนิ่ง ๆ สภาพเมืองการ์กันตอนนี้อย่างกับถูกย้อมไปด้วยความหม่นหมอง ถนนหนทางสกปรกเหมือนไม่ได้ทำความสะอาดมานาน และหากมองให้ดีจะเห็นว่า NPC ในเมืองนั้นกำลังพยายามซ่อนตัวหรือกำลังแอบมองพวกกวีมาจากในบ้านอยู่ด้วย

 

“พวกเจ้า….มีธุระอะไรงั้นเหรอ”ทหารเฝ้าประตูถามพลางถอยห่างออกจากตัวกวีไปนิดหน่อย น่าแปลกพวกทหารเป็นองครักษ์ของเมือง มีหน้าที่ควบคุมความสงบเลยจะเป็น NPC ที่มีเลเวลสูงพอสมควร ทำไมพวกเขาถึงทำท่าอย่างกับไม่กล้าเข้าใกล้ผู้เล่นกันล่ะ

 

“พวกเราจับโจรได้ก็เลยเอามาส่งทางการครับ”กวีตอบพร้อมรักษารอยยิ้มเอาไว้ อย่างน้อยก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายกลัวไปมากกว่านี้

 

“งะ งั้นเหรอ…..ตามมา”ทหารเฝ้าประตูตอบพลางบอกให้กวีตามตนเองไป ไม่ว่าจะดูอย่างไรท่าทีหวาด ๆของทหารและชาวเมืองก็ดูแปลกอยู่ดี เพียงแต่เรื่องนี้กวีได้รับรายงานมาก่อนแล้วจึงไม่แปลกใจเท่าไร จะมีแต่ เจ มายด์ และ มีน เท่านั้นที่ดูจะกังวลกับสภาพของเมือง ส่วนเมฆและไอช่านั้นเหมือนจะรู้แล้วว่าทำไมเมืองถึงได้เป็นแบบนี้

 

“อะไรกัน….ลดให้มากกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง”ระหว่างเดินตามทหารเฝ้าประตูเข้าไปในเมืองนั้น พวกกวีก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากภายในร้านค้าที่เปิดอยู่ไม่กี่ร้าน ท่าทางร้านนั้นจะเป็นร้านขายยาฟื้นฟูพลังชีวิตเสียด้วย

 

“ไม่ได้แล้วครับ ถ้าถูกไปกว่านี้แม้แต่ต้นทุนก็…”ชายวัยกลางคนที่เหมือนจะเป็นเจ้าของร้านตอบกลับผู้เล่นที่มาซื้อของด้วยสีหน้าหวาดกลัว แถมผู้เล่นคนนั้นยังมีสีแดงส่องสว่างอกมาจากร่างกายอีกต่างหาก แต่ทหารเฝ้าประตูกลับไม่มีท่าทีสนใจอะไรเลย แบบนี้ที่พวกกวีรอจนโทษสังหารผู้เล่นหมดเวลาแล้วค่อยเดินทางเข้ามาในเมืองก็ดูเป็นเรื่องไร้ค่าไปเลยนะสิ

 

“อะไรวะ พวกเราแก๊งดาวแดงมาซื้อของ ทำไมถึงลดไม่ได้”ผู้เล่นคนนั้นตอบกลับด้วยท่าทีโมโห แถมยังถีบเข้าที่เคาน์เตอร์ร้านอย่างแรงอีกต่างหากทำให้ชายเจ้าของร้านแทบจะมุดลงไปด้านหลังเคาน์เตอร์เพื่อหลบอีกฝ่าย

 

“พอเถอะ”แม้ทหารเฝ้าประตูจะไม่ทำอะไร แต่กวีเห็นแบบนั้นแล้วกลับเดินเข้าไปห้ามก่อนจะจับบ่าของผู้เล่นที่กำลังขู่พ่อค้าขายยาเอาไว้เพื่อไม่ให้ทำไปมากกว่านี้

 

“มีปัญหาอะไร ออกไปให้พ้น”ชายคนนั้นพยายามผลักกวีออก แต่เพราะตัวเองเป็นผู้เล่นติดโทษสีแดงอยู่แล้วทำให้กวีสามารถโจมตีอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโทษที่จะตามมา พริบตาที่วางมือลงไปกวีก็ปล่อยพิษของอสรพิษทะเลลึกลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

เปรี้ยง!!

 

ไม่ต้องรอใครกล่าวเปิดงานให้เสียเวลา กวีเหวี่ยงไม้เท้าของตนเองตีไปที่แผ่นหลังของชายคนนั้นจนชายคนนั้นหลบออกไปนอกร้าน

 

“หน็อย เดี๋ยวพวกเอ็งเจอแน่”ชายคนนั้นชี้มาที่หน้าของกวีก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไปเสียก่อน ไม่นึกเลยว่าชายคนนั้นจะเลเวลไม่สูงมาก แค่กวีใช้พิษนิดหน่อยรวมกับใช้ไม้เท้าฟาดก็ถึงกับต้องหนีไปเลย

 

“คุณน้า ไม่เป็นอะไรนะครับ”กวีหันไปทาง NPC คนขายยาก่อนจะคุกเข่าลงไปกุมมือของชายคนนั้นเอาไว้ด้วยท่าทีเป็นห่วง ใบหน้าอ่อนโยนของกวีตอนนี้ทำเอาชายคนขายยาถึงกับทำสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาเลย

 

“ไม่เป็นไร แต่เดี๋ยวพวกมันจะมากันอีก พ่อหนุ่มหนีไปเถอะ”คนขายยาว่าพลางมองมาทางกวีด้วยท่าทางเป็นห่วง นานมากแล้วที่ไม่ได้พบผู้เล่นที่ทำดีกับพวกเขาแบบนี้

 

“นี่มัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่”กวีกำหมัดแน่นด้วยท่าทีเจ็บใจอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกสงสารชาวเมืองที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ไม่ว่าใครมาเห็นก็ต้องรู้สึกไม่ดีทั้งนั้น แถมไม่ใช่แค่กวี คนอื่น ๆในปาร์ตี้เองก็มีท่าทีเช่นนี้เหมือนกัน

 

“เป็นเพราะโดนมอนสเตอร์บุกก่อนหน้านี้ พวกเราก็เลยอยู่ในสภาวะอ่อนแอ ท่านเจ้าเมืองก็ตายจากไป ทหารมีฝีมือก็เหลือไม่มาก พอพวกนักผจญภัยรู้เข้าแทนที่จะช่วยเหลือพวกมันกลับ…..”คนที่ตอบกลับมากลายเป็นคนขายยาเสียอย่างนั้น ก่อนหน้านี้ไม่ทราบทำไม อยู่ ๆก็มีบอสตัวหนึ่งเข้ามาโจมตีเมือง ท่านเจ้าเมืองและทหารที่แข็งแกร่งของเมืองต่างเข้าไปปกป้องเมืองสุดกำลัง แม้จะไล่บอสตัวนั้นไปได้แต่เมืองก็เสียหายอย่างหนัก แต่ทว่านรกที่แท้จริงกลับอยู่หลังจากนั้น ไม่ทราบว่าเป็นคราวเคราะห์ของชาวเมืองการ์กันหรือไม่ ผู้เล่นที่อาศัยอยู่ในเมืองนั้นเป็นผู้เล่นชั้นเลวเสียส่วนใหญ่ พอพวกทหารไม่มีแถมยังรู้อีกว่าสามารถขู่ NPC เพื่อเอารัดเอาเปรียบได้ พวกผู้เล่นก็พากันหาประโยชน์เข้าตัว แม้แต่ค่ายาค่าอาหารก็ไม่คิดจะจ่าย ยิ่งพอข่าวว่าทหารของเมืองการ์กันอ่อนแอจนทำอะไรผู้เล่นไม่ได้ เหล่าผู้เล่นมีโทษสีแดงติดตัวก็เข้ามาอาศัยในเมืองกันอย่างสบายใจราวกับเมืองคนโฉด ทำให้สภาพเมืองตอนนี้เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมหลายเท่านัก

 

“บ้าจริง ๆ เจ้าพวกนั้นทำอะไรตามใจไม่สนพวกชาวบ้านเลย”กวีว่าพลางพยุงร่างของคนขายยาขึ้นมา แบบนี้มันน่าเกลียดเกินไป

 

“เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังมีพ่อหนุ่มที่ดีกับพวกเราบ้าง”คนขายยาว่าพลางมองกวีด้วยท่าทีซึ้งใจ พวกผู้เล่นธรรมดาพอจะเข้าเมืองก็เจอพวกโจรดักปล้นก็เลยไม่มีผู้เล่นดี ๆเข้ามาในเมืองเลย ตอนนี้ชาวเมืองได้แต่รอความหวังว่าเมืองหลวงจะส่งเจ้าเมืองคนใหม่ลงมาหรือไม่ก็ให้ความช่วยเหลือขับไล่ผู้เล่นเหล่านี้ออกไปบ้าง

 

โครม!!

 

กวีและคนอื่น ๆยังไม่ทันได้ออกจากร้านขายยา อยู่ ๆก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาในร้านแถมยังถีบประตูร้านขายยาจนหลุดลงมาอีกต่างหาก เพียงแต่คงไม่จำเป็นต้องถามว่าคนกลุ่มนี้เป็นใครเพราะในกลุ่มนี้มีคนที่กวีพึ่งไล่ไปหมาด ๆอยู่คนหนึ่ง แถมคนส่วนใหญ่ยังมีสีแดงส่องสว่างออกมาจากร่างกายอีกต่างหาก

 

“พี่กวี…”มีนที่อยู่ด้านหลังเตรียมชักดาบออกมาสู้ แม้คนพวกนี้จะท่าทางเลเวลห่างกับพวกตนมาก แต่หากเป็นกวี เมฆ แล้วก็ไอช่าละก็โอกาสชนะก็ใช่ว่าจะไม่มี

 

กึก….

 

มีนยังไม่ทันจะเข้าไปโจมตี อยู่ ๆเมฆก็จับแขนของมีนเอาไว้ให้อยู่เฉย ๆพร้อมส่งสายตามาทางเจเหมือนจะบอกว่าไม่ต้องทำอะไรเสียอย่างนั้น

 

“แกเองสินะที่ทำร้ายคนของเรา เก่งนักหรือไงวะ”ชายคนหนึ่งเดินออกมาทางกวีก่อนจะเอาด้ามดาบกระทุ้งเข้าที่ท้องของกวีเข้าอย่างจัง ด้วยพลังที่ต่างกันมากแถมกวียังเป็นผู้เล่นสายเวทอีกต่างหากทำให้กวีล้มลงไปคุกเข่ากับพื้นตั้งแต่การโจมตีแรกเลย

 

“ห้าวเหรอมึ_”ทันทีที่กวีล้มลงไปนั่งกับพื้น ชายคนที่กวีไล่ไปก่อนหน้านี้ก็เข้ามาเตะใส่ร่างของกวีเข้าอย่างจังเล่นเอามีนกับเจงงไปหมดว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมกวีถึงได้ยอมง่าย ๆแบบนั้นกัน

 

“เอาตัวมันไป”ชายอีกคนเห็นกวีล้มลงไปกองกับพื้นแล้วก็สั่งให้ชายร่างใหญ่ที่อยู่ด้านหลังแบกตัวกวีไป เจอคนมากแบบนี้ไม่แปลกที่กวีจะไม่กล้าสู้ล่ะนะ

 

“ฉลาดนี่….อย่าหาเรื่องใส่ตัวแบบนั้นล่ะดีแล้ว”ทหารเฝ้าประตูพูดพลางมองมาทางเมฆและคนในปาร์ตี้ของกวี ตอนนี้ทุกคนไม่เข้าไปช่วยกวีก็เพราะเมฆห้ามเอาไว้ แต่ถ้าทำแบบนั้นทุกคนก็คงโดนลากไปด้วยแน่ ๆ

 

“พี่เมฆ นี่มันหมายความว่ายังไง”มีนถามด้วยท่าทีแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด นี่มันไม่ใช่การประลองนะ ถ้าพวกนั้นทำอะไรกวีจนตายกวีก็ต้องมาเกิดใหม่ที่เมืองนี้นะ แบบนั้นไม่ทำให้กวีโดนเล่นงานซ้ำ ๆเลยหรือไง

 

“ตอนนี้พวกเราทำอะไรไม่ได้”เมฆตอบพลางส่ายหน้าช้า ๆ แม้เมฆจะเป็นจอมดาบอันดับหนึ่ง แต่ตอนนี้เลเวลก็แค่ยี่สิบกว่า ๆ จะทำอะไรก็มีข้อจำกัดอยู่ดี

 

“แต่ว่า….”มีนมองกวีที่โดนพาตัวไปด้วยท่าทีเป็นห่วง กวีรู้จักคนเยอะนี่นา ถ้าเป็นคนพวกนั้นละก็อาจจะช่วยกวีได้ก็ได้ แต่เรื่องนั้นเมฆเองก็น่าจะรู้แล้วทำไมไม่ติดต่อไปล่ะ

 

.

 

.

 

.

 

“ในเกมก็เจ็บเหมือนกันนะเนี่ย”หลังจากคนกลุ่มนั้นลากตัวกวีมาจนถึงสถานที่แห่งหนึ่งภายในเมือง กวีก็ยืดตัวตรงก่อนจะจับไปที่ท้องของตนเอง การโดนด้ามดาบกระแทกเต็มแรงแบบนั้นหากเป็นข้างนอกคงจุกจนลุกแทบไม่ขึ้นไปแล้ว แต่ในเกมนี่กลับแค่รู้สึกเจ็บ ๆเอง

 

“ขอโทษด้วยนะครับ หัวหน้าสั่งว่าต้องทำให้เนียนที่สุด”ชายที่เอาดาบกระทุ้งร่างของกวีพูดพลางมองไปรอบ ๆ ตรงนี้เป็นเขตที่แก๊งดาวแดงยึดครองเอาไว้ทั้งหมด ไม่มี NPC อยู่เลยแม่แต่คนเดียว พวกเขาเลยไม่ต้องแกล้งทำอีกแล้ว

 

“ไม่เป็นไรฉันเข้าใจ”กวีตอบก่อนจะเดินเข้าไปในตึกที่พวกคนของแก๊งดาวแดงพามา ภายในตึกแห่งนี้มีเหล่าผู้เล่นแต่งกายน่ากลัวค่อนข้างเยอะทีเดียว แถมกลิ่นอายก็ยังน่ากลัวอีกต่างหาก

 

“พี่กวี…ในที่สุดเราก็ได้พบหน้ากันสักที”ทันทีที่กวีเดินเข้ามาในห้องแห่งหนึ่งชายตัวอ้วนหัวล้านคนหนึ่งก็ลุกขึ้นมาต้อนรับกวีด้วยท่าทียินดี

 

“หัวล้านขึ้นนะ ไม่ดูแลเส้นผมเลยหรือไง”กวีถามพลางมองไปที่หัวล้าน ๆของชายตรงหน้า แต่คำถามเล่น ๆของกวีกลับทำเอาคนในแก๊งต่างสะอึกกันถ้วนหน้า ในนี้ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องหัวล้านต่อหน้าหัวหน้าแก๊งดาวแดงหรอก แต่ผู้ชายคนนี้กลับพูดออกมาหน้าตาเฉยเสียอย่างนั้น

 

“แฮะ ๆ พี่อย่าพูดแทงใจดำกันสิ ผมก็พยายามแล้วนะแต่ผมมันก็ไม่งอกขึ้นมาสักที”นอกจากจะไม่โกรธแล้วชายหัวล้านยังพูดถึงหัวตัวเองต่ออีกต่างหาก แม้จะทราบอยู่แล้วว่าชายคนนั้นเป็นแขกของหัวหน้าแก๊งแต่หัวหน้าเกรงใจขนาดนี้เจ้าหมอนั่นเป็นใครกันแน่

 

ตอนที่ 51

รับเอง

 

“คุณกวีจะเอาตัวเจ้าโจรนี่ไปขึ้นเงินรางวัลเองเหรอครับ”หัวหน้าเรดที่ไม่ทราบเปลี่ยนมาเรียกกวีว่าคุณตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบเอ่ยปากถามออกมาหลังจากทำการจับพวกโจรเสร็จแล้ว

 

“ใช่ พวกเรากำลังจะเดินทางไปที่เมืองการ์กันพอดีผมก็เลยอยากจะจ่ายเงินส่วนของทุกคนให้ก่อนแล้วจะพาเจ้านี่ไปขึ้นเงินรางวัลเอง”กวีตอบพลางเอามือจับไปที่หัวหน้ากลุ่มโจรที่ตอนนี้มีสภาพแทบไม่ต่างจากก้อนไหมพรมเท่าไร เพราะพวกผู้เล่นมีเลเวลห่างจากเจ้าโจรคนนี้มาก หากไม่ใช่คนของปาร์ตี้กวีละก็คงรับมือไม่ได้แน่ ๆ ทำให้พวกผู้เล่นที่รับหน้าที่มัดตัวหัวหน้ากลุ่มโจรเอาไว้พยายามมัดให้แน่นหนาที่สุด จนกระทั่งออกมาเป็นก้อนไหมพรมอย่างที่เห็น

 

“แต่ แบบนั้นมัน…..”พวกผู้เล่นคนอื่น ๆได้ยินเช่นนั้นก็มีท่าทีลังเลกันเล็กน้อย แม้จะได้รับค่าตอบแทนเหมือนเดิม แต่การนำตัวผู้ร้ายไปส่งมอบให้เมืองนั้น ๆนอกจากจะได้เงินรางวัลแล้วยังได้ชื่อเสียงต่อเมืองนั้น ๆอีกต่างหาก และการมีชื่อเสียงกับเมืองนั้น ๆแล้วนอกจากจะทำให้ NPC สนิทสนมกับผู้เล่นคนนั้น ๆได้ง่ายแล้วยังมีโอกาสได้รับเควสพิเศษจาก NPC บางคนอีกด้วย

 

“……….”กวีเองที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากได้ค่าชื่อเสียงของเมืองการ์กันด้วยเช่นกัน แต่หากทำแบบนั้นออกจะเป็นการข้ามหน้าข้ามตาหัวหน้าเรดหรือเปล่า แต่กวีที่เป็นคนเตือนเรื่องชาวบ้านร่วมมือกับโจรและเป็นคนสั่งการนั้นก็มีคุณสมบัติพอจะเป็นคนรับรางวัลตรงนี้เช่นกัน แต่หากอีกฝ่ายไม่ยอมก็คงต้องโต้เถียงกันเท่านั้น

 

“ก่อนจะไป พวกเราขอถ่ายรูปกับน้องไอช่าสักรูปได้หรือเปล่าครับ”หัวหน้าเรดถามออกมาด้วยท่าทีอาย ๆก่อนจะมองไปทางไอช่าที่ยืนอยู่ด้านหลังกวีนิดหน่อย พวกเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องรางวัลชื่อเสียงของเมืองการ์กันหรอก แต่พวกเขาเสียดายที่จะต้องจากน้องไอช่าไปต่างหากทั้ง ๆที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับไอดอลขนาดนี้แล้วแท้ ๆ

 

“ได้เลยค่ะ”ไอช่าได้ยินเช่นนั้นก็ตอบรับด้วยท่าทีร่าเริงทันที เรื่องโดนขอถ่ายรูปเป็นเรื่องปกติธรรมดาของไอช่าอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้ไม่ได้เป็นดาราหรือไอดอลอีกแล้ว การถ่ายรูปกับใครก็เป็นเรื่องอิสระมากขึ้น

 

“ผมด้วย….”แทบจะทันทีที่ไอช่าบอกว่าได้ เหล่าคนในเรดก็ตรงมาขอถ่ายรูปกันถ้วนหน้าไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงในเรด เล่นเอาเรื่องที่กวีจะเอาหัวหน้ากลุ่มโจรไปขึ้นเงินรางวัลด้วยตัวเองทำไมโดนลืมไปเลย

 

.

 

.

 

.

 

“เกือบลืมไปเลยนะว่าน้องไอช่าเป็นไอดอลนี่นะ”เจหัวเราะออกมาหลังจากทั้งปาร์ตี้ออกมาจากหมู่บ้านแล้ว ดูเหมือนหัวหน้าเรดเองก็พอรู้ว่ากวีอยากได้ค่าชื่อเสียงของเมืองการ์กันก็เลยอยากเอาหัวหน้ากลุ่มโจรไปส่งกองทหารด้วยตัวเอง แต่พวกเขานอกจากจะได้กวีช่วยไม่ให้ต้องโดนโจรฆ่าแล้วยังหาทางเอากำไรจากเรื่องนี้อีกต่างหาก เพราะงั้นเรื่องชื่อเสียงที่กวีต้องการทำไมจะให้ไม่ได้

 

“ก็ตอนนี้ไอช่าไม่ใช่ไอดอลแล้วนี่นา”ไอช่ายิ้มรับพลางเอานิ้วจิ้มหัวหน้าโจรที่มีสภาพเป็นมัดไหมพรมด้วยท่าสงสัย ไม่รู้ว่าเชือกพวกนี้หนาแค่ไหน แต่จิ้มไปแล้วหัวหน้ากลุ่มโจรก็ไม่มีท่าทีจะรู้สึกอะไรเลย

 

ติ๊ง….

 

ระหว่างกวีกำลังเดินทางร่วมกับพวกเจไปยังเมืองการ์กันที่ติดป้ายประกาศจับตัวหัวหน้ากลุ่มโจรนั้น อยู่ ๆก็มีข้อความจาก ไอซ์ เข้ามาอีกรอบ คราวนี้ไอซ์ไม่ได้แจ้งข่าวอะไรแต่กลับส่งรูปไอเทมจำนวนหนึ่งมาแทน โจรพวกนี้ปล้นผู้เล่นโดยอาศัยเควสหลอก ๆของคนในหมู่บ้านเป็นประจำ คนที่โดนฆ่าต่างโดนขโมยของไปหลายชิ้นก็เลยมีไอเทมกองในรังโจรไม่น้อย แน่นอนว่าของทั้งหมดกวีสั่งให้ไอซ์เก็บมาหมดแล้ว เพียงแต่ไอเทมส่วนใหญ่ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไรเพราะมีแต่ของคนเลเวลค่อนข้างน้อยทั้งนั้น แต่นั่นก็มากพอจะให้กวีได้รับกำไรจากเงินที่จ่ายคนในเรดก่อนหน้านี้ไปแล้ว

 

“จะว่าไป หมู่บ้านฟรอยนี่เป็นหมู่บ้านที่พวกโจรสร้างขึ้นเลยหรือเปล่าเนี่ย รถผ่านทางก็ไม่มี”มายด์ถามพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อย ๆ ขามาก็ทีนึงแล้วต้องเดินเท้ามาตลอดทางเลย นี่จะเดินทางไปเมืองการ์กันก็ต้องเดินเท้าอีก ปกติระหว่างเมืองจะมีทั้งบริการรถประจำทาง รวมถึงระบบวาร์ปสำหรับคนมีเงินอีกต่างหาก แต่หมู่บ้านฟรอยนอกจากจะไม่มีวาร์แล้วยังไม่มีรถผ่านอีกด้วย แบบนี้เสียเวลาไปหน่อยมั้ง

 

“ก็จริงนะ คงต้องซื้อรถเอาไว้เดินทางบ้างแล้ว เมืองการ์กันข้างหน้าเป็นเมืองใหญ่คงมีขายบ้างล่ะ”เมฆตอบด้วยท่าทีเห็นด้วย ก่อนหน้านี้เมฆจะมีมอเตอร์ไซค์คันใหญ่เอาไว้เดินทางเสมอ ด้วยระบบของโลกผสมระหว่างเวทมนตร์และเทคโนโลยีทำให้มอเตอร์ไซค์คันนั้นสามารถเดินทางบนเขาชันได้สบาย ทำให้การเดินทางง่ายขึ้นเยอะ แต่นั่นก็ต้องใช้เงินไม่น้อยเพื่อจะได้มา แต่สำหรับกวี ไอช่า และ เมฆแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

 

“เอาแบบที่พวกเรานั่งไปด้วยกันได้หมดแล้วกัน”กวีพยักหน้าก่อนจะเปิดระบบสื่อสารเพื่อจะติดต่อเรย์ แต่ยังไม่ทันติดต่อ อยู่ ๆกวีก็ได้ยินเสียงเหมือนกิ่งไม้ดังมาจากข้างทางเสียก่อน

 

“เฮ้ พวกนายนี่ท่าทางรวยไม่เบาเลยนี่นา”เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาจากต้นไม้ข้างทาง แถมพอมองไปแล้วยังได้เจอผู้เล่นคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้ ที่ใบหน้ามีผ้าสามเหลี่ยมพันปิดส่วนปากเอาไว้ เสื้อผ้าและมีดที่อยู่ในมือนั้นล้วนแล้วเหมือนกำลังจะบอกว่าตนเองเป็นโจรไม่มีผิด

 

“หวา…เจอโจรอีกแล้วงั้นเหรอ”ไอช่าเห็นชายคนนั้นก็ตัดพ้อออกมาทันที คราวนี้เป็นโจรแบบผู้เล่นสินะ

 

“อย่าว่างั้นงี้เลยนะ ส่งของมีค่ามาซะดี ๆ”ผู้เล่นโจรคนนั้นพูดพลางชี้มีดมาทางพวกกวี ดูจากมีดแล้วท่าทางชายคนนี้จะเลเวลไม่น้อยเลย เพียงแต่กวีกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยสักนิด

 

“แล้วถ้าไม่ให้ละครับ”กวีถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจอย่างกับมีดในมือโจรเป็นมีดหั่นเนื้อในร้านอาหารเสียอย่างนั้น

 

“ไม่เอาน่า อย่าทำให้ยุ่งยากเลย พวกนายใส่อุปกรณ์เลเวลต่ำแบบนี้ก็คงเลเวลไม่เกินสามสิบใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ให้ของมีค่ากับโจรคนนี้ละก็พวกนายเจ็บตัวแน่ ๆ”โจรคนนั้นตอบพลางยกมีดขึ้นด้วยใบหน้าเหมือนกำลังยิ้มอยู่แต่เพราะปิดใบหน้าเอาไว้ก็เลยไม่เห็น เพียงแต่กวีไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไร ตอนนี้เขากลับสนใจเรื่องรูปบนผ้าที่ชายคนนั้นเอามาทำผ้าปิดปากมากกว่า

 

“บนผ้านั่น….รูปหมีงั้นเหรอ”กวีขมวดคิ้วมองรูปหมีบนผ้าด้วยท่าทีสนใจ มันเหมือนเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่างไม่มีผิด

 

“แบบนี้ก็ไม่ต้องเกริ่นเรื่องยาวสินะ ข้าเป็นคนของแก๊งหมีใหญ่แห่งเมืองการ์กัน ถ้าคิดจะขัดขืนละก็อาจจะมีเรื่องตามมาก็ได้นะ”ชายคนนั้นขู่พลางเดินเข้ามาหาพวกกวีด้วยท่าทีไม่หวาดกลัวเลยสักนิด แน่ล่ะสำหรับเขาแล้วพวกกวีดูไม่มีพิษไม่มีภัยเลยนี่นา

 

“แก๊งหมีใหญ่ เมฆรู้จักหรือเปล่า”กวีถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย กวีเคยเห็นสัญลักษณ์ต่าง ๆของแต่ละกิลด์หรือแต่ละแก๊งมาไม่น้อย แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่ามีแก๊งแบบนี้ด้วย

 

“ไม่”เมฆส่ายหน้าช้า ๆเป็นการปฏิเสธ น่าเสียดายเมฆเองก็ไม่รู้จักเช่นกัน

 

“ฮ้า ๆ ๆ แก๊งเรายิ่งใหญ่แค่ไหนพวกบ้านนอกแบบพวกแกคงไม่รู้หรอก……”ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทีลำพองก่อนจะมองไปทางพวกผู้หญิงในปาร์ตี้ของกวี ทั้งไอช่า มายด์ และ มีน ต่างเป็นสาวสวยกันทั้งนั้น พอเห็นแต่ละคนดวงตาของชายคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที

 

“แต่ไม่มีเงินก็ไม่เป็นไร แต่ให้น้อง ๆไปกับข้าก็พอ ว่าแต่น้องคนนี้หน้าตาเหมือนไอดอลเหมือนกันนะ”ชายคนนั้นว่าพลางยิ้มกว้างก่อนจะก้มมองไปทางไอช่าด้วยท่าทีน่าขยะแขยง

 

“ออกไปจากพวกเธอนะ”เจเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปขวางทันที แต่เพราะแบบนั้นผู้เล่นที่ทำตัวเป็นโจรก็เลยเห็นหัวหน้ากลุ่มโจรที่อยู่บนหลังของเจเสียก่อนทำเอาเขาหลุดหัวเราะออกมาแทบจะทันที

 

“อะไรเนี่ย ทำไมมัดคนมาแบบนั้น น่าขำเกินไปแล้วนี่พวกนายคงไม่ได้จะทำให้เป็นลูกบอลใช่ไหม”ชายคนนั้นหัวเราะก่อนจะชี้ไปทางหัวหน้าโจรด้วยท่าทีขำจนตัวงอ

 

“พวกนายนี่แปลกชะมัด แต่ก็เอาเถอะมีแต่สาว ๆสวย ๆทั้งนั้นมากับพี่มา”ชายคนนั้นว่าพลางหันมามองพวกสาว ๆอีกครั้ง แต่คราวนี้เมฆ กับ กวี ก็เข้ามาขวางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

“ขอโทษทีนะ…แต่พวกเราคงทำตามไม่ได้”กวีว่าพลางยกไม้เท้าขึ้นมาขวางระหว่างชายคนนั้นกับพวกสาว ๆเอาไว้

 

“คิดจะสู้งั้นเหรอ”ชายคนนั้นถามพลางหัวเราะออกมาด้วยท่าทีขำ ๆ ถึงจะมีกันหลายคนแต่พวกเลเวลต่ำพวกนี้คิดว่าจะสู้กันได้งั้นเหรอ

 

“รู้เอาไว้ด้วยนะ ถ้าพวกนายคิดจะสู้ก็คงไม่ชนะหรอก แถมหลังจากพวกนายไปเกิดแล้วแก๊งหมีใหญ่ของเรายังจะล่าตัวพวกนายอีกต่างหาก ถ้าอยากเล่นเกมสงบ ๆก็ทำตามที่บอกซะ”ชายคนนั้นว่าพลางดันไม้เท้าของกวีออกให้พ้นทาง แต่ทันทีที่จับไปที่ไม้เท้าอยู่ ๆมือของเขาก็รู้สึกร้อนวาบขึ้นมาทันที

 

“อะไรกัน…..”พริบตานั้นบนตัวของกวีก็ปรากฏแสงสีแดงสว่างขึ้นมาเพราะทำการโจมตีผู้เล่นด้วยกันทันที แทบไม่ต้องถามเลยว่ากวีใช้พิษที่ติดอยู่บนไม้เท้าโจมตีอีกฝ่ายนั่นเอง

 

ตูม!!

 

ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ร่างของโจรคนนั้นก็ลอยออกไปเพราะแรงระเบิดจากเวทมนตร์ของกวีทันที แต่เพราะเลเวลของเขาก็ไม่ใช่น้อย ๆก็เลยยังไม่ตายเท่านั้น

 

“แก…..”ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ ร่างของเมฆก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของชายคนนั้นพร้อมท่วงท่าใช้งานสกิลที่เตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว

 

ตูม!! เปรี้ยง!!! ตูม!! เปรี้ยง!!

 

ทั้งเวทมนตร์ของกวีทั้งดาบของเมฆโจมตีใส่ชายคนนั้นอย่างต่อเนื่องชนิดไม่ให้หยุดพัก พริบตาเดียวผู้เล่นสายความเร็วก็ตายลงอย่างง่ายดายทำให้บนตัวของกวีและเมฆมีแสงสีแดงซึ่งเป็นบทลงโทษจากการสังหารผู้เล่นขึ้นมาทันที แต่โทษไม่กี่นาทีนี้พวกกวีไม่ได้สนใจเลย

 

“พี่กวี แบบนี้จะไม่เป็นเรื่องเหรอครับ”เจถามด้วยท่าทีกังวล ชายคนนั้นพึ่งบอกไปเองว่าเป็นคนของแก๊งหมีใหญ่ไม่ใช่เหรอ

 

“ก็ต้องมีอยู่แล้วสิ”กวียิ้มด้วยท่าทีเหมือนเดิมไม่มีผิด การมีเรื่องกับคนอื่นมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

 

 

ตอนที่ 50

คืนชีพไม่ได้

 

 

เปรี้ยง!!

 

ดาบของเมฆเหวี่ยงเข้าปะทะดาบของหัวหน้าโจรอย่างแรงจนดาบคู่ในมือของหัวหน้าโจรแทบจะกระเด็นหลุดมือเลยทีเดียว

 

“ไอ้พวกบ้าพลัง”หัวหน้าโจรกัดฟันด้วยท่าทีเจ็บใจ เจ้าคนตรงหน้าเขาต้องเลเวลน้อยกว่าเขาแท้ ๆแต่กลับโจมตีได้รุนแรงกว่าลูกน้องของเขาที่พลังโจมตีสูงที่สุดในกลุ่มเสียอีก

 

ตูม….ตูม….

 

พูดถึงชายที่มีพลังโจมตีสูงที่สุดในกลุ่มแล้วหัวหน้าโจรก็เหลือบมองไปทางเจ้าตัวเล็กน้อย ตอนนี้ชายที่ถือโล่ใหญ่และค้อนในมืออีกข้างกำลังเหวี่ยงค้อนโจมตีใส่ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ด้วยกำลังมหาศาลและสกิลที่โดดเด่นทำให้ลูกน้องคนนั้นเหวี่ยงค้อนกระแทกโล่ได้อย่างรุนแรงและคล่องแคล่ว แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับหลบได้อย่างง่ายดายแถมยังโจมตีใส่ลูกน้องของเขาอย่างต่อเนื่องอีกต่างหาก โชคดีที่โล่ของเจ้านั่นใหญ่มากก็เลยป้องกันการโจมตีของเธอได้

 

เปรี้ยง!

 

อีกฝ่ายหนึ่งทางด้านของพวกลูกน้องคนอื่น ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างโดนรุมกันหมด พอพวกนั้นฆ่าลูกน้องคนหนึ่งได้ก็หันไปรุมฆ่าอีกคนหนึ่งทันที ไอ้เจ้าพวกนักผจญภัยมักจะมีทักษะด้านนี้เสมอช่างน่าเจ็บใจจริง ๆ

 

“คุณเจ ระวัง”ระหว่างการต่อสู้ เจที่เป็นตัวแทงค์เข้าไปรับการโจมตีในแนวหน้าอย่างกล้าหาญ แม้กวีจะบอกว่าให้แต่ละปาร์ตี้แบ่งกันฆ่าพวกโจรทีละคน แต่ทำแบบนั้นพวกโจรที่มีจำนวนพอ ๆกันก็สามารถรุมเล่นงานคนของฝั่งนี้ได้เช่นกัน กวีเลยให้เจกับไอช่าไปชนกับพวกโจรหลาย ๆคนโดยให้มีนและเมฆเข้าไปยื้อพวกตัวเด่น ๆเอาไว้

 

เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ ๆ

 

ดาบของพวกโจรกระแทกเข้าใส่โล่ของเจไปหลายที แม้จะเป็นแทงค์แต่แทงค์เลเวล 20 จะรับการโจมตีจากมอนสเตอร์เลเวลเกิน 40 หลาย ๆตัวพร้อมกันได้งั้นเหรอ

 

“ไม่ต้องห่วง แค่นี้สบายมาก”เจตอบออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆก่อนจะกุมโล่ของตัวเองเอาไว้แน่น แม้จะบอกว่าสบายก็เถอะ แต่แค่ป้องกันก็เต็มกลืนแล้ว ตอนนี้ทำได้แค่ถ่วงพวกมันเอาไว้เท่านั้น แม้แต่จะหาจังหวะแทงดาบออกไปยังทำไม่ได้เลย แถมพลังโจมตีของพวกโจรยังรุนแรงมาก แม้จะมีโล่อยู่พลังชีวิตของเจก็ลดลงไปอย่างน่ากลัวอยู่ดี

 

“ทุกคนพยายามเข้านะคะ”ไอช่าตะโกนให้กำลังใจผู้เล่นคนอื่นพลางโบกมือไปเหมือนกำลังส่งแรงเชียร์ให้ทุก ๆคน แน่นอนว่าเธอไม่ลืมร่ายเวทรักษาให้เจและคนอื่นหรอก

 

“ตายซะ….”พวกโจรแม้จะจัดอยู่ในหมวดมอนสเตอร์แต่ก็เป็นมอนสเตอร์รูปแบบมนุษย์ ปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขานั้นฉลาดกว่าของมอนสเตอร์ธรรมดามาก และเพราะเป็นมนุษย์พวกโจรก็เลยเข้าใจระบบการต่อสู้ของพวกผู้เล่น และเลือกจะจัดการซัพพอร์ตก่อนเพื่อไม่ให้มีคนรักษาตามแบบแผน และคนที่ทำตัวเด่นที่สุดในกลุ่มซัพพอร์ตก็คือไอช่านั่นเอง

 

ฟุบ……ฉึก!

 

โจรคนนั้นยังเข้าไปหาไอช่าได้ไม่ถึงครึ่งทาง ลูกธนูจากนอกหมู่บ้านก็พุ่งเข้ามาสังหารโจรคนนั้นไปเสียก่อน พอเห็นว่ามีลูกธนูพุ่งมาจากระยะนั้นไอช่าก็ยิ้มออกมาพลางหันไปโบกมือด้วยท่าทีน่าเอ็นดูให้คนนอกหมู่บ้านทันที แน่นอนว่าคน ๆนั้นต้องเห็นเธออยู่แล้ว

 

“บ้าจริง….”หัวหน้าโจรเห็นพวกของตนเองกำลังโดนเก็บไปทีละคนก็เริ่มร้อนใจ แม้พวกโจรจะฆ่าผู้เล่นบางส่วนไปได้เหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับจำนวนฝั่งโจรที่เสียไปแล้วไม่ว่ามองอย่างไรก็กำลังเสียเปรียบอยู่เห็น ๆ

 

“ต้องฆ่าพวกอ่อนแอก่อน”หัวหน้าโจรมองไปทางเมฆก่อนจะมองไปทางพวกผู้เล่นที่กำลังรวมตัวกันฆ่าพวกพ้องของตน เจ้าพวกนั้นอ่อนแอกว่าเมฆอย่างเห็นได้ชัด หากจัดการพวกนั้นแล้วค่อยมารุมจัดการพวกเมฆก็คงทำได้ไม่ยาก

 

เปรี้ยง!!

 

เพียงแต่เมฆนั้นไม่ยอมให้หัวหน้าโจรหลุดจากเบื้องหน้าตนเองไปเลยแม้แต่น้อย ตราบใดที่เขายังอยู่หัวหน้าโจรก็จะไม่มีทางไปทำอะไรคนอื่น ๆได้

 

“คิดจะจับข้างั้นเหรอไอ้พวกบ้ากล้าม”หัวหน้าโจรแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาเมฆเพื่อเปลี่ยนเป็นฝ่ายโจมตีบ้าง การที่เมฆโจมตีได้รุนแรงขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเมฆเป็นสายพละกำลังเต็มตัวแน่นอน สายนี้แม้จะแรงแต่ก็เปราะและมีความว่องไวต่ำ หากใช้ความเร็วเข้าสู้ต่อให้แรงแค่ไหนก็ไร้ความหมาย

 

ฟุบ!!

 

ร่างของหัวหน้าโจรชะงักอยู่เบื้องหน้าเมฆครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งตัวออกมาทางซ้ายมือของเมฆ ตอนนี้หัวหน้าโจรคิดจะไปจัดการพวกผู้เล่นกลุ่มอื่นก่อนทำให้ไม่คิดจะปะทะกับเมฆตั้งแต่แรกแล้ว แค่ใช้ความเร็วที่เหนือกว่าฉีกออกมาจากเมฆเท่านั้น

 

เปรี้ยง!!

 

อยู่ ๆเมฆก็มาโผล่ที่ข้าง ๆตัวหัวหน้าโจรแถมยังอยู่ในท่าเหวี่ยงดาบเข้าใส่เป็นที่เรียบร้อยแล้วทำเอาหัวหน้าโจรยกดาบขึ้นมาป้องกันแทบไม่ทัน

 

“อะไรกัน”หัวหน้าโจรเบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจ ค่าความเร็วนั้นยิ่งมากก็ยิ่งทำให้เคลื่อนไหวได้ไวขึ้น กับเมฆที่อัพแต่ค่าพละกำลังไม่มีทางตามความเร็วของตนเองได้ไม่ใช่หรือไง ทำไมเจ้าหมอนั่นถึงพุ่งตามหัวหน้าโจรไปทันแถมยังโจมตีก่อนอีกต่างหาก

 

“ทางที่ดีแกนั่งรอเฉย ๆคงจะดีกว่านะ”เมฆว่าพลางชี้ดาบไปทางหัวหน้ากลุ่มโจร ตอนนี้ยิ่งปล่อยเวลาผ่านไปนานเท่าไรพวกโจรก็ตายเพิ่มขึ้นเท่านั้น ผลลัพธ์ของการต่อสู้มันเริ่มชัดเจนแล้ว

 

“แก….”หัวหน้ากลุ่มโจรยังไม่คิดจะยอมแพ้ อย่างน้อยถ้าหนีไปได้ละก็….

 

เปรี้ยง!!

 

ยังไม่ทันได้ขยับตัวหนี ดาบของเมฆก็เข้ามากระแทกร่างของหัวหน้าโจรเสียก่อน แม้ค่าความเร็วจะทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มความแม่นยำให้กับผู้เล่นด้วย การโจมตีให้โดนนั้นจะต้องอาศัยฝีมือของผู้เล่นแต่ละคนเท่านั้น เพราะแบบนี้ต่อให้เมฆเป็นสายพละกำลังล้วนก็ยังสามารถโจมตีโดนคนที่มีความเร็วมาก ๆได้หากสามารถตามได้ทัน

 

เปรี้ยง!!

 

เช่นเดียวกับการหลบหลีก ทั้งสองอย่างนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือของผู้เล่นทั้งสิ้นทำให้ผู้เล่นแต่ละคนต้องฝึกฝนความสามารถของตนเองขึ้นมาด้วย ไม่สามารถพึ่งพาค่าสถานะของตัวละครเพียงอย่างเดียวเพื่อเอาชนะได้

 

“อัก….”ทางฝั่งของมีน ในที่สุดเจ้าโจรร่างใหญ่ที่ถือโล่และค้อนก็ล้มลงกับพื้นเสียที ที่เธอฆ่าได้เร็วขนาดนี้เพราะว่ากวีเข้ามาช่วยสร้างความเสียหายเวทมนตร์ด้วยอีกแรงนั่นเอง ส่วนฝั่งคนอื่น ๆนั้นก็เริ่มเข้ามารุมพวกโจรที่กำลังโจมตีเจอยู่ จนตอนนี้พวกโจรเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

 

“พี่กวี….ทำไมพี่เมฆถึงออกตัวก่อนอีกฝ่ายละคะ”มีนถามพลางมองไปทางเมฆที่กำลังกักตัวหัวหน้ากลุ่มโจรเอาไว้ แม้มองจากสายตาคนปกติเมฆจะกำลังตามหัวหน้ากลุ่มโจรแล้วโจมตีให้กลับมาอยู่ที่เดิม แต่ในสายตาของมีนกลับเห็นว่าเมฆพุ่งตัวออกไปก่อนที่หัวหน้ากลุ่มโจรจะออกตัวเสียอีก

 

“เพราะเมฆอ่านออกไงว่าอีกฝ่ายจะไปทางไหน”กวีตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ สมแล้วที่หลบหลีกได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น สายตาของมีนนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ

 

“แต่อีกฝ่ายยังไม่ขยับเลยนี่คะ ทำไมพี่เมฆถึงอ่านได้ล่ะ”มีนถามด้วยท่าทีงุนงงกว่าเดิม เราจะรู้ได้ไงว่าคู่ต่อสู้จะวิ่งไปทางไหนถ้าเขายังไม่ทันเริ่มวิ่งด้วยซ้ำ

 

“ก็จาก….สายตา การลงน้ำหนักที่เท้า หรือการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ”กวีตอบพลางจ้องมองไปบนร่างของหัวหน้าโจร หากเป็นเมฆต้องทำได้อยู่แล้วเจ้าหมอนั่นเป็นปีศาจมาตั้งแต่สมัยเกมคอมพิวเตอร์แล้ว คนอื่นอ่านจะมองท่าที่ตัวละครในเกมแสดงออกมา แต่เมฆกลับมองเป็นเฟรมต่อเฟรม แค่ตัวละครขยับตัวครั้งแรกเมฆก็มองออกแล้วว่ากำลังจะทำอะไร เพราะแบบนั้นเมฆถึงได้กลายเป็นนักดาบอันดับ 1 ไม่ว่าจะเป็นในคอมหรือในโลกเสมือนจริงไงล่ะ

 

“แบบนี้นี่เอง”มีนเบิกตากว้างด้วยท่าทีเข้าใจ ก่อนจะจ้องมองหัวหน้าโจรอย่างตั้งใจกว่าเดิม ทางฝั่งนี้เองก็น่ากลัวไม่น้อยเลย แค่อธิบายนิดหน่อยก็เข้าใจแถมความไวสายตาที่มองได้แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวเล็ก ๆน้อย ๆของศัตรูนั้นตัวมีนมีอยู่ก่อนแล้ว

 

“แบบนี้คงจัดการได้เรียบร้อยแล้ว คงต้องไปจัดการทางนั้นหน่อยล่ะ”กวีว่าพลางมองไปทางพวกชาวบ้านที่หลบกันอยู่หลังถังน้ำมัน พวกชาวบ้านเลเวลน้อยมาก ต่อให้เข้าไปสู้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เรียกได้ว่าเป็นแค่นกต่อเท่านั้น

 

“แก มาทำอะไร”หัวหน้าหมู่บ้านสะดุ้งโหยงก่อนจะชี้คบเพลิงมาทางกวี

 

“ได้ข่าวว่า NPC เนี่ย….ถ้าตายขึ้นมาจะหายไปเลยไม่มีคืนชีพใช่หรือเปล่า”กวีถามพลางมองไปทางหัวหน้าหมู่บ้านด้วยรอยยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มของกวียามนี้กลับเย็นยะเยียบจนน่าขนลุกเลยทีเดียว

 

“อย่าเข้ามานะ ถ้าเข้ามาข้าจะจุดไฟแล้วระเบิดเจ้าไปพร้อม ๆกันเลย”หัวหน้าหมู่บ้านขู่ก่อนจะเอาคบเพลิงจ่อไปที่ถังน้ำมัน ถังพวกนี้ผู้เล่นเป็นคนเตรียมมาเอง จากปากของคนที่ออกแบบกับดักดูเหมือนแรงระเบิดจากถังพวกนี้จะแรงมากจริง ๆ

 

“เอาเลยสิ พวกเรานักผจญภัยต่อให้ตายก็กลับไปเกิดใหม่อยู่ดี แต่ NPC อย่างพวกแกจะกลับมาเกิดใหม่หรือเปล่านะ”กวียิ้มก่อนจะเดินเข้าไปใกล้โดยไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

 

“ไอ้พวกนักผจญภัย….”หัวหน้าหมู่บ้านจ้องมองกวีด้วยท่าทีเจ็บใจ แต่ก็เป็นอย่างที่กวีบอกจริง ๆ นักผจญภัยหรือผู้เล่นนั้นต่อให้ตายก็กลับไปเกิดใหม่เท่านั้น เพราะแบบนั้นชาวบ้านเลยร่วมมือกับโจรฆ่านักผจญภัยได้โดยไม่รู้สึกผิดเสียเท่าไร

 

“จริง ๆแล้ว….ต้องขอบคุณพวกคุณด้วยซ้ำที่ทำให้แผนของผมผ่านไปได้ด้วยดี แต่น่าเสียดายพวกคุณก็วางแผนทำร้ายพวกเราเหมือนกัน”กวีส่ายหน้าช้า ๆด้วยท่าทีสงสารก่อนจะเรียกลูกไฟออกมาบนมือลูกหนึ่ง

 

ฟุบ ฟู่…..

 

กวียิงกระสุนเพลิงเข้าใส่ถังน้ำมันตรงหน้าชาวบ้านก่อนจะใช้เวทกำแพงดินสร้างกำแพงขึ้นมาด้านหน้า กวีไม่คิดจะปล่อยพวกที่คิดจะทำร้ายตนเองกับคนของตนเองเอาไว้หรอก และการทำแบบนี้ก็จะทำให้กวีได้รู้เสียทีว่า NPC สามารถคืนชีพได้เหมือนผู้เล่นหรือไม่

 

ตูม!!!

 

ตอนที่ 49

พอแล้ว

 

“หัวหน้า ตรงนั้นมีกับดักไม่ใช่เหรอครับ”ลูกน้องคนหนึ่งในกลุ่มโจรพูดออกมาด้วยท่าทีตกใจเมื่อเห็นพวกผู้เล่นพากันวิ่งเข้าไปในโซนกับดัก ทำให้กลุ่มโจรชะงักฝีเท้าลงไม่กล้าตามเข้าไป แต่ทันทีที่พวกผู้เล่นวิ่งผ่านเข้าไปกับดักที่อยู่ในรายงานก็ไม่มีเสียแล้ว

 

“บ้าจริง พวกมันถอนกับดักออกไปแล้ว”หัวหน้ากลุ่มโจรมองพวกผู้เล่นที่วิ่งหายเข้าไปในความมืดด้วยท่าทีเจ็บใจ เพราะมัวลังเลว่าจะตามไปดีหรือไม่ทำให้ตอนนี้พวกตนตามไม่ทันเสียแล้ว

 

“เอาไงดีครับหัวหน้า”พวกโจรเจอแบบนี้ก็มีท่าทีลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด นอกจากแผนการบุกโดยไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวจะผิดพลาดแล้วข้อมูลกับดักที่ได้มายังไม่ถูกต้องอีกด้วย

 

“จุดไฟ”หัวหน้าโจรสั่งไปทางลูกน้องของตนเองทันทีที่คิดออก พริบตานั้นลูกน้องของกลุ่มโจรก็ยิงเวทมนตร์บางอย่างขึ้นฟ้า ก่อนที่เวทมนตร์นั้นจะแตกตัวออกเหมือนพลุไฟที่พวกทหารใช้กัน แสงจากพลุที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าทำให้พื้นที่โดยรอบสว่างแทบไม่ต่างจากตอนกลางวันเลย

 

“ฉลาดดีนี่นา”กวียิ้มออกมาช้า ๆก่อนจะสั่งให้ฝ่ายผู้เล่นถอยออกไปจากระยะก่อน ตอนนี้การบุกของพวกโจรถูกเปิดโปงแล้ว คนที่กลายเป็นฝ่ายโดนลอบโจมตีกลับกลายเป็นฝั่งโจรเสียอย่างนั้น หากบุกเข้าหมู่บ้านแบบไม่ดูตาม้าตาเรือกลุ่มโจรจะโดนพวกกวีลอบโจมตีเรื่อย ๆ และอาจจะแพ้ไปทั้งแบบนี้เลยก็ได้ การสร้างแสงสว่างเพื่อลดโอกาสที่พวกกวีจะลอบโจมตีนั้นนับว่าถูกต้องแล้ว

 

“คุณกวี พวกเราพร้อมแล้วครับ”เสียงจากปาร์ตี้หนึ่งในเรดของกวีดังมาจากระบบสื่อสาร แม้แสงสว่างจะทำให้การลอบโจมตีทำได้ยากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้

 

“โจมตี”ระหว่างที่กลุ่มโจรกำลังเดินผ่านกับดักเข้ามาในหมู่บ้าน ผู้เล่นปาร์ตี้หนึ่งก็พุ่งเข้าไปโจมตีจากทางด้านข้างของกลุ่มโจร แต่น่าเสียดายที่แสงสว่างมันมากเกินไปทำให้การลอบโจมตีครั้งนี้ถูกดูออกง่ายมาก

 

เปรี้ยง!!!

 

อาวุธของคนในปาร์ตี้นั้นถูกโจรร่างใหญ่ที่ถือโล่อันเท่าประตูบ้านเข้ามาป้องกันเอาไว้ ชายคนนั้นร่างกายใหญ่โตและเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างกับลิงกอริลลาเลย

 

“ไม่ได้ผลหรอก”ชายร่างใหญ่คนนั้นยิ้มออกมาก่อนจะกระแทกโล่ของตนเองกลับเข้าใส่ผู้เล่น เขาเป็นหนึ่งในผู้นำของกลุ่มโจร แถมยังเป็นคนที่มีกำลังมากที่สุดอีกด้วย

 

ตูม ๆ ๆ ๆ!!

 

ขณะกำลังหันไปสนใจพวกปาร์ตี้ที่ลอบเข้ามาโจมตีจากทางด้านข้างอยู่นั้น ฝั่งทางด้านหน้าสุดกลับปรากฏกลุ่มของพวกกวีที่กระโดดลงมาจากหลังคาบ้านพากันใช้สกิลกระหน่ำโจมตีเข้าใส่กลุ่มโจรด้านหน้าอย่างรุนแรง แต่น่าเสียดายเหมือนว่าแถวหน้าจะมีแต่ตัวแทงค์พวกกวีก็เลยฆ่าได้แค่ 3 คนเอง

 

“หน็อย”โจรร่างยักษ์ที่ถือโล่หันไปมองพวกตนเองที่โดนฆ่าตายไปอีก 3 คนด้วยท่าทีโมโหก่อนจะวิ่งเข้าใส่ปาร์ตี้ที่เข้ามาโจมตีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจทันที

 

ฟุบ ๆ ๆ ๆ

 

น่าเสียดาย ปาร์ตี้ที่เข้ามาโจมตีจากด้านข้างนั้นต่างเป็นผู้เล่นสายความเร็วจากปาร์ตี้ต่าง ๆกันทั้งสิ้น แม้จะสู้แรงของโจรร่างยักษ์คนนั้นไม่ได้ แต่หากคิดจะไล่ตามก็คงเป็นเรื่องยากเพราะพวกเขาหนีไปตั้งแต่ที่พวกกวีโจมตีสำเร็จแล้ว

 

“ตามพวกมันไป อย่าให้หนีไปได้อีก”หัวหน้าโจรเสียกำลังคนไปอีกก็ยิ่งโมโหสั่งให้ลูกน้องตามพวกกวีไปทันที แต่พวกกวีก็ทำเหมือนเดิม พวกเขาวิ่งเข้าไปในโซนที่ระบุว่ามีกับดักวางเอาไว้ทำให้พวกโจรมีท่าทีลังเลเล็กน้อย

 

“ตามไป พวกมันถอนกับดักไปแล้วแน่ ๆ”หัวหน้ากลุ่มโจรสั่งให้พวกลูกน้องตามไปโดยไม่ต้องสนใจกับดัก แผนเดิมใช้กับพวกเขาซ้ำสองไม่ได้แล้ว ขอแค่จับตัวได้ผู้เล่นเลเวลน้อยเหล่านี้พวกเขาสามารถจัดการได้สบายแน่ ๆ

 

ตูม!!!

 

“อากกกกก”กลุ่มโจรที่วิ่งตามพวกกวีไปโดนกับดักระเบิดหนึ่งในกับดักที่ดีที่สุดที่พวกกวีสามารถหามาได้เข้าอย่างจัง มันเป็นเวทมนตร์ระเบิดที่จะทำงานเมื่อมีคนเหยียบลงไปในวงแหวนเวทที่ถูกสร้างเอาไว้ พูดง่าย ๆก็คือมันเป็นทุ่นระเบิดอย่างดีเลย

 

“หยุด….”หัวหน้าโจรสั่งก่อนจะบอกให้พวกตนเองหยุดอยู่กับที่ ไม่นึกเลยว่าพวกกวีจะวิ่งฝ่าดงระเบิดที่ตัวเองวางเอาไว้แบบนี้ ถึงจะรู้จุดวางอยู่ก่อนแล้วก็เถอะ แต่แบบนี้มันไม่เสี่ยงเกินไปเหรอ

 

“เก่งดีนี่ที่เดาออกว่าพวกเราปลดกับดักออกไปแล้ว”กวีที่อยู่คนละฝั่งกับพวกโจรพูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย แม้จะอยู่ต่อหน้าศัตรูกวีก็ไม่เคยมีสีหน้าหวาดกลัวหรือตกใจเลย

 

“แต่น่าเสียดาย พวกเรามีเวลาไม่มากพอจะปลดกับดักทั้งหมด รอบ ๆตัวพวกแกเลยมีทั้งกับดักที่ปลดแล้วกับยังไม่ได้ปลดเต็มไปหมดเลย”กวีหัวเราะเหมือนกำลังพูดเรื่องล้อเล่น แต่สำหรับฝั่งโจรแล้วกลับรู้สึกเจ็บใจแทน ตอนนี้พวกตนมีข้อมูลของกับดักก็เหมือนไม่มี หากไม่รู้ว่ากับดักส่วนไหนใช้ได้หรือไม่ได้ก็จะโดนพวกกวีใช้ช่องว่างนี้เข้ามาโจมตีได้ และถ้าบุกเข้าไปแบบไม่ดูตาม้าตาเรือละก็ โอกาสที่จะโดนกับดักที่ยังไม่ได้ปลดก็มีอยู่มาก

 

ฟุบ……ฉึก!!!

 

ระหว่างกำลังลังเลอยู่นั้น อยู่ ๆก็มีลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาจากนอกหมู่บ้าน พริบตานั้นลูกธนูดอกนั้นก็เสียบเข้าที่หัวของโจรคนหนึ่งเข้าอย่างจังทำให้โจรคนนั้นล้มลงตายก่อนจะรู้ตัวเสียอีก

 

“………….”ไม่ใช่แค่พวกโจรที่ตกใจ แม้แต่เหล่าผู้เล่นเองก็ยังตกใจ ในเรดของพวกเขาไม่มีใครอยู่นอกหมู่บ้านนี่นา แถมคนที่ยิงลูกธนูจากระยะนั้นแล้วยังโดนอีกไม่มีในเรดพวกเขาหรอก ไม่ใช่แค่นั้นลูกธนูที่ยิงมายังแรงจนสามารถฆ่าพวกโจรที่เลเวลสูงกว่าได้ในดอกเดียวด้วย คนที่ยิงจะต้องมีเลเวลสูงมากแน่ ๆ

 

“หลบเร็ว”แทบไม่ต้องคิด หัวหน้าโจรสั่งให้ลูกน้องของตนเองเข้าไปหลบในเงาของบ้านทันที เพียงบ้านที่สร้างขึ้นมาเพื่อตบตานั้นมีขนาดค่อนข้างเล็ก จะให้โจรหลบหลังตัวบ้านทั้งกลุ่มก็คงไม่ได้ทำให้มีโจรอีกครึ่งที่ต้องไปหลบหลังบ้านอีกฝั่ง เพียงแต่….

 

“เฮ้ย ตรงนั้นไม่ได้”หัวหน้าโจรตะโกนบอกลูกน้องที่อยู่แถวหลังด้วยท่าทีตกใจเมื่อเห็นลูกน้องเข้าไปหลบหลังบ้านที่อยู่ไม่ห่างออกไป

 

ซ่า…..

 

ทันทีที่เข้าไปใต้หลังคาบ้าน น้ำสีน้ำเงินเรืองแสงก็ถูกเทลงมาจากหลังคาพอดิบพอดี แน่นอนว่าน้ำสีแบบนี้ก็คือน้ำที่กวีใช้เวทมนตร์น้ำผสมกับสกิลพิษวิทยานั่นเอง แม้เลเวลของกวีจะไม่สูงมากแต่โดนพิษชนิดนี้เข้าไปก็ต้องแสบร้อนไปทั้งตัวอยู่ดี แถมโจรพวกนี้เป็นมอนสเตอร์ด้วยไม่ใช่ผู้เล่น อาการแสบร้อนอย่างกับไฟเผาไปทั้งร่างพวกมันจะต้องรับไปเต็ม ๆ

 

“อากกกกกก”พวกโจรที่โดนพิษราดใส่ตัวร้องเสียงดังลั่นก่อนจะพยายามหายาแก้พิษออกมาใช้ เพียงแต่กวีไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้เสียเปล่าแน่ ๆ

 

เปรี้ยง!!

 

เวทสายฟ้าของกวียิงเข้าใส่พวกโจรในทันทีที่โดนกับดักเข้า ไม่ใช่แค่กวีเหล่าจอมเวทและมือธนูในเรดต่างโจมตีใส่พวกโจรที่โดนกับดักเข้าอย่างพร้อมเพรียงอย่างกับนัดกันมา ทำเอาพวกโจรที่ถูกกับดักพิษเข้าไปล้มตายไป 4 คนและอาการสาหัสอีก 6 คน

 

“ขวางพวกมันไว้ อย่าให้หนีไปได้”ระหว่างกำลังรุมโจมตีพวกโจรจากระยะไกลอยู่ ๆนั้น อยู่ ๆพวกชาวบ้านที่ช่วยทำกับดักก่อนหน้านี้ก็วิ่งเข้ามาล้อมด้านหลังพวกกวีเอาไว้แถมยังเอาถังไม้จำนวนมากติดตัวมาอีกต่างหาก

 

“นั่นมัน…..ถังน้ำมันที่เตรียมไว้ตรงหลังหมู่บ้านไม่ใช่เหรอ”คนในเรดของกวีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ตอนแรกคิดว่าพวกชาวบ้านจะหนีไปเลยเสียอีกเพราะเลเวลของพวกชาวบ้านต่ำมาก ต่อให้เข้ามาขวางก็ไม่ทำให้พวกกวีเดือดร้อนอะไร แต่ไม่คิดว่าพวกชาวบ้านจะถึงขั้นไปเอาถังน้ำมันมาตั้งขวางทางพวกกวีเอาไว้ แถมยังถือคบเพลิงเตรียมจุดเพื่อจะขู่อีกต่างหาก

 

“ฮ้า ๆ เท่านี้พวกแกก็หนีไม่ได้แล้ว”หัวหน้าโจรยิ้มออกมาก่อนจะลอบมองไปนอกหมู่บ้าน เจ้าคนที่ยิงธนูมานั่นหายไปแล้ว แต่ต่อให้ยังอยู่พวกเขาก็แค่กดดันพวกกวีให้สู้อยู่ในเงาของบ้านเท่านั้นก็พอ

 

“คิดว่าไง จำนวนขนาดนี้พอหรือเปล่า”กวีไม่ได้สนใจสิ่งที่หัวหน้าโจรพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาหันไปถามเมฆที่ยืนอยู่ข้าง ๆเหมือนกำลังถามว่าจะไปกินข้าวที่ไหนเสียอย่างนั้น

 

“เหลือเฟือแล้ว”เมฆยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ไม่จำเป็นต้องใช้กับดักฆ่าพวกโจรทั้งหมดหรอก แค่ลดจำนวนพวกมันลงมาให้อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ก็พอ ถ้าเหลือกันแค่นี้ต่อให้เลเวลมากกว่าก็สามารถจัดการได้

 

“ดูเหมือนเมืองการ์กันจะต้องการจับตัวหัวหน้าเป็น ๆ เหลือมันเอาไว้แล้วกัน”กวีตอบพลางชี้คทามาที่หัวหน้าโจร เป้าหมายของเควสครั้งนี้แต่แรกและตอนนี้ก็คือหัวหน้าโจรนั่นเอง ขอเพียงจับตัวได้ก็จะได้เงินรางวัลแล้ว

 

“ได้เลย”เมฆเดินถือดาบเข้าไปหาพวกโจรด้วยท่าทีนิ่งสงบไม่มีท่าทีหวาดกลัวแม้แต่น้อย ภาพของเมฆที่ยืนอยู่คนเดียวต่อหน้ากองทัพที่ไม่อาจเอาชนะได้เป็นภาพที่ทุกคนต่างพูดถึงเสมอในฐานะจอมดาบอันดับ 1 แต่….. คราวนี้เมฆไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวอย่างที่เคย ด้านหลังของเมฆยังมี เจ มีน กวี และ ไอช่าอยู่ด้วย แน่นอนว่าก็ยังมีมายด์อยู่แต่หากจะนับเธอก็นับคนมีฝีมือจากปาร์ตี้อื่น ๆไปยังจะดีซะกว่า

 

“ลุย..”เมฆพุ่งไปข้างหน้าเป็นคนแรกก่อนกวีจะให้สัญญาณเสียอีก หน้าที่ของเมฆคือดาบของกวี สิ่งที่เขาจะต้องทำก็คือเปิดทางให้พวกพ้องของกวีนั่นเอง

 

ตูม!!

 

ดาบของเมฆเหวี่ยงอย่างรุนแรงจนน่าขนลุก แม้จะเลเวลน้อยแต่เมฆก็อัดค่าพลังกายจนล้น แค่เหวี่ยงดาบทีเดียวก็ทำเอามอนสเตอร์เลเวลสูงกว่าสะท้านได้ไม่ยาก

 

“อย่าลืมว่าศัตรูเลเวลสูงกว่า จับกลุ่มหนึ่งปาร์ตี้ต่อหนึ่งคู่ต่อสู้ รุมฆ่าให้ตาย”กวีสั่งก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปร่วมต่อสู้กับพวกเมฆด้วยทั้ง ๆที่เป็นจอมเวทแท้ ๆ แม้สำหรับปาร์ตี้ของกวีมันจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่คนนอกกลับได้แต่มองด้วยท่าทีงุนงงเสียอย่างนั้น

 

“อย่ามาดูถูกกันนะโว้ย”หัวหน้าโจรกัดฟันด้วยท่าทีโกรธจัดก่อนจะชักเอาดาบ 2 เล่มออกมาถือ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วคนที่เหมือนจะเป็นคนสั่งการก็คือเจ้าจอมเวทที่เอาแต่ยิ้มนั่น ต้องฆ่ามันก่อนเป็นคนแรก

 

เปรี้ยง!!

 

ยังไม่ทันจะได้เข้าไปหากวี ดาบของเมฆก็เข้าปะทะร่างของหัวหน้าโจรเสียก่อน ด้วยกำลังมหาศาลของเมฆทำให้หัวหน้าโจรที่เป็นสายความเร็วถึงกับถอยออกไปเลย

 

“ไม่ยอมให้แกผ่านไปหาหมอนั่นหรอกนะ”เมฆพูดด้วยท่าทีหนักแน่นและดุดันอย่างมากทำเอาหัวหน้าโจรที่ควรเป็นฝ่ายสร้างแรงกดดันกลับรู้สึกว่ามือของตนเองกำลังสั่นเสียอย่างนั้น…..

 

ตอนที่ 48

กับดักไร้ประโยชน์

 

“เป็นไปไม่ได้น่า เควสมันจะหลอกพวกเราเลยงั้นเหรอ”หลังจากทำงานในช่วงเช้าจนเสร็จ กวีได้สั่งให้เจไปนัดคนในเรดมาประชุมกันที่กลางหมู่บ้านเหมือนทุก ๆวันก่อนจะเล่าข้อสงสัยของตนเองให้คนอื่น ๆทราบ แน่นอนว่าย่อมมีคนที่ไม่เชื่อและตั้งข้อสงสัยกับกวีอยู่แล้ว

 

“มิน่าล่ะคนในหมู่บ้านถึงถามละเอียดนัก”แม้คนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อแต่ก็มีหลายคนที่รู้สึกแปลก ๆกับเรื่องนี้อยู่บ้าง ทำให้ตอนนี้คนในเรดต่างถามกันไปกันมาจนเริ่มวุ่นวาย

 

“คุณกวี ยังไงมันก็เป็นแค่ข้อสงสัยไม่ใช่เหรอครับ ถ้าเกิดไม่ใช่เรื่องจริงขึ้นมา…”แน่นอนว่าในกลุ่มคนที่เชื่อและไม่เชื่อก็ต้องมีคนที่ทั้งเชื่อและไม่เชื่ออยู่ด้วย

 

“ไม่ต้องห่วงครับ ผมกล้าพูดก็ต้องมีหลักฐานแน่นอน”กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆเช่นเดิม

 

“ไหนล่ะครับ”คนในเรดถามพลางมองไปทางกวีเป็นตาเดียว  เรื่องนี้จะฟันธงเลยก็ไม่ได้แต่หากมีหลักฐานที่น่าเชื่อก็อีกเรื่อง

 

“สักครู่นะครับ”กวีว่าพลางเปิดระบบสื่อสารของตนเองออกมา ก่อนจะเลื่อนไปที่หน้าต่างจดหมายเพื่อตรวจสอบจดหมายที่ถูกส่งมา เพียงแต่ภายในจดหมายที่อ่านแล้วกว่าหลายร้อยฉบับกลับไม่มีสิ่งที่กวีกำลังมองหาเลย

 

ติ๊ง….

 

กวีเปิดกล่องจดหมายออกมาได้เพียงไม่นานก็มีจดหมายฉบับใหม่ถูกส่งมาอย่างกับนัดแนะเวลาเอาไว้ทำเอาคนในเรดที่กวีเปิดให้เห็นหน้าต่างระบบมีท่าทีตื่นเต้นกันมาก

 

“นี่มัน….พี่ชายคนที่มาถามรายละเอียดเรื่องกับดักนี่นา”ชายคนหนึ่งในเรดพูดออกมาเมื่อเห็นรูปใบที่กวีพึ่งเปิดขึ้นมาจากจดหมาย รูปใบนั้นเป็นรูปชายคนหนึ่งที่กำลังเดินออกจากหมู่บ้านไปหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว และอย่างที่ชายในเรดบอกเขาคือคนที่มาถามคำถามเรื่องกับดักนั่นเอง

 

“เขาแค่เดินออกจากหมู่บ้านเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ แบบนี้เป็นหลักฐานไม่ได้หรอก”ฝั่งคนที่ยังไม่ยอมเชื่อส่ายหน้าปฏิเสธด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย ตอนนี้เควสเงินดีอยู่ตรงหน้าหากล่มเควสเอาตอนนี้แล้วเกิดเควสเป็นเรื่องจริงขึ้นมาจะทำอย่างไร

 

ติ๊ง….!!

 

ชายคนนั้นยังถามไม่จบ ที่กล่องจดหมายของกวีก็มีข้อความอีกข้อความหนึ่งเด้งขึ้นมาต่อทันที แถมคนส่งยังเป็นคนที่ชื่อ ไอซ์ เหมือนเดิมอีกต่างหาก

 

“นี่มัน….”ทันทีที่กวีเปิดรูปออกมาให้ทุกคนดู เหล่าคนที่ไม่เชื่อต่างก็มีท่าทีตกใจทันที ภาพล่าสุดที่กวีเอามาให้ดูคือภาพชายคนเดิมกำลังเดินเข้าไปหากลุ่มคนที่มีท่าทีไม่น่าไว้ใจ ดูเหมือนคนที่ส่งรูปมากำลังติดตามตัวชายคนนั้นไปเลย

 

ติ๊ง….!!

 

หลังจากรูปนั้นจดหมายจากคนที่ชื่อ ไอซ์ ก็ส่งมาเร็วขึ้นมาก ภาพคราวนี้เป็นภาพของชายคนเดิมที่กำลังเข้าไปถ้ำแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในมุมมืดของภูเขาทางใต้ของหมู่บ้าน แถมพวกคนที่เฝ้าดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนดีแน่ ๆเสียด้วย

 

ติ๊ง….!!

 

ไม่หมดแค่นั้น ท่าทางคนที่ส่งรูปมาจะเข้าไปในถ้ำด้วย แถมยังถ่ายภาพตอนคนในหมู่บ้านคนนั้นกำลังเอาแผนที่ออกมาวางบนโต๊ะเสียด้วย ภาพนั้นมันชัดมากว่าชายคนนั้นกำลังเล่าเรื่องกับดักของหมู่บ้านให้พวกโจรฟัง เห็นแบบนี้จะไม่เชื่อก็ไม่ได้แล้ว

 

“…………….” เหล่าคนในเรดเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่เงียบ ไม่นึกว่าคนของหมู่บ้านจะทำกันถึงขนาดนี้

 

“งั้น…เงินรางวัลเควสพวกนี้ก็เป็นเรื่องโกหกนะสิ”คนในเรดแสดงท่าทีผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด เงินจำนวนนี้มันล่อตาล่อใจมาก แต่หากเป็นเรื่องโกหกนอกจากพวกตนจะไม่ได้เงินที่หวังเอาไว้ยังอาจจะโดนพวกโจรและชาวบ้านฆ่าจนเสียเลเวลไปอีกต่างหาก

 

“งั้น…พวกเราก็ยกเลิกเควสกันเถอะ แบบนี้พวกเรามีแต่เสียกับเสีย”ชายคนหนึ่งเสนอออกมาทำเอาเหล่าคนในเรดต่างแสดงท่าทีเห็นด้วยออกมากันหมด ตอนนี้ในสายตาพวกเขาเควสนี้ก็แค่เควสหลอกลวงเท่านั้น ต่อให้ฝืนสู้ชนะโจรได้ก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก

 

“บ้าจริง เสียแรงทำกับดักไปตั้งหลายวัน ไม่ได้อะไรเลย”ชายคนหนึ่งบ่นออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ เพราะกับดักที่ทุ่มเวลาทำกลายเป็นของเสียเปล่าไปแล้ว

 

“ไม่หรอก….”กวีส่ายหน้าช้า ๆก่อนจะชี้ไปที่รูปถ่ายภายในรังโจร ในรูปถ่ายใบนี้เห็นใบหน้าของพวกโจรชัดเจนมากอย่างกับตั้งกล้องถ่ายแบบในรังโจรไม่มีผิด

 

“เจ้าพวกนี้มีค่าหัวอยู่ หากนำตัวไปส่งที่เมืองการ์กันละก็จะได้เงินมาไม่น้อยเลย”กวีพูดจบก็นำรูปอีกรูปที่เก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมา อย่างที่บอกกวีรู้อยู่แล้วว่าที่เมืองการ์กันมีการประกาศค่าหัวของโจรด้วยเพราะกวีให้คนรู้จักไปตรวจสอบที่เมืองการ์กันมาก่อนแล้วนั่นเอง พอได้รูปของพวกโจรมาก็สามารถเอามาเทียบกับใบหน้าในรูปประกาศจับได้พอดี

 

“ห้าแสนงั้นเหรอ”หัวหน้าเรดมองใบหน้าของโจรคนหนึ่งที่อยู่ในใบประกาศจับ ค่าหัวของชายคนนั้นอยู่ที่ 5 แสนเหรียญซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย เพียงแต่คนในเรดและปาร์ตี้ของกวีมีกันรวมทั้งสิ้น 42 คนเงิน 5 ล้านนี้แบ่งกันก็ได้แค่คนละประมาณหมื่นสองเท่านั้น

 

“ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยนะ”ผู้หญิงคนหนึ่งในปาร์ตี้ตอบด้วยท่าทีโล่งใจ แม้จะไม่ได้เงินมากอย่างที่หวัง แต่การทำงานฟรีก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนต้องการอยู่แล้ว

 

“นั่นสิ อย่างน้อยได้เงินค่าหัวก็ยังดี”หัวหน้าเรดพยักหน้าช้า ๆออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ตอนแรกนึกว่าจะต้องทำงานฟรีซะแล้ว แต่ยังได้ค่าเหนื่อยแบบนี้ค่อยน่าพอใจหน่อย

 

“แล้ว พวกเราจะเอายังไงกับกับดักละครับ พวกโจรเลเวลค่อนข้างสูง ถ้าใช้กับดักไม่ได้พวกเราจะสู้ยังไง”สองหัวหน้าปาร์ตี้ที่พากวีเข้าร่วมกลุ่มถามด้วยท่าทีลำบากใจ ตอนนี้ข้อมูลของกับดักโดนพวกโจรรู้หมดแล้ว พวกมันคงไม่ติดกับดักที่พวกกวีวางเอาไว้แน่ ๆ

 

“ไม่ต้องห่วง พวกเราก็แค่ใช้กับดักที่ไร้ประโยชน์ไปแล้วให้เป็นประโยชน์ก็พอ”กวีตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ การวางกับดักไม่จำเป็นต้องหวังพึ่งประสิทธิภาพของกับดักเสมอไป ตัวกับดักที่ถูกรู้ตำแหน่งแล้วนั้นยังสร้างความได้เปรียบอื่นให้กับผู้วางกับดักได้ด้วย

 

ติ๊ง!!

 

กวีอธิบายแผนและการรับมือไปได้ไม่เท่าไร อยู่ ๆก็มีเสียงการแจ้งเตือนจากระบบสื่อสารของกวีดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน โดยผู้ที่ติดต่อเข้ามานั้นคือ ไอซ์ คนที่ส่งรูปมาให้กวีนั่นเอง

 

“พี่กวี…พวกโจรกำลังออกมาจากถ้ำ คิดว่าคงจะลงไปจัดการพวกพี่ตอนนี้เลย”เสียงของไอซ์ดูเหมือนกำลังกระซิบเบา ๆเพื่อไม่ให้คนรอบข้างได้ยิน แต่คำตอบของไอซ์นั้นก็ทำให้กวีถอนหายใจออกมาเบา ๆ เป็นอย่างที่กลัวจริง ๆ แม้แต่เวลาโจมตีก็ยังเป็นเรื่องโกหก ไม่รู้ว่ามีผู้เล่นกี่กลุ่มแล้วที่เสียท่าให้กับพวกโจรเหล่านี้

 

“เข้าใจแล้ว ทุกคนเตรียมพร้อม”กวียืนขึ้นก่อนจะเริ่มสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวรับมือ ตอนนี้กวีที่เป็นคนเสนอแผนออกมาแทบจะมีหน้าที่สั่งการแทนหัวหน้าเรดคนก่อนไปแล้ว แถมแผนการของกวีก็ดูน่าสนใจดีด้วยทำให้ไม่มีใครคิดจะต่อต้านเลย

 

.

 

.

 

“เอาล่ะ…ได้เวลาล่าพวกนักผจญภัยหน้าโง่แล้ว”อีกฝั่งทางด้านของกลุ่มโจร พวกมันเดินทางลงเขาโดยใช้เวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้น แถมพวกมันยังเชี่ยวชาญเรื่องสภาพพื้นที่ของหมู่บ้านเป็นอย่างดี แถมก่อนออกมายังจำตำแหน่งของกับดักมาเรียบร้อยหมดแล้วอีกต่างหาก

 

“มาสนุกกันดีกว่า”โจรอีกคนหนึ่งหัวเราะออกมาก่อนจะเดินนำคนของตนเองเข้าไปในเขตหมู่บ้าน กลุ่มโจรที่มากันนั้นมีกันร่วม 60 คนแต่ละคนต่างมีเลเวลอยู่ที่ 50 ถึง 60 กันทั้งนั้นสำหรับผู้เล่นเลเวลไม่เกิน 40 ที่มีกันแค่เรดเดียวนับว่ารับมือได้ยากมาก

 

“ไหนดูสิ…..ตรงนี้เป็นหลุมลึกที่มีลิ่มแหลมอยู่ข้างล่างสินะ”หัวหน้าโจรเอาแผนที่ออกมาอ่านก่อนจะมองไปที่พื้นหน้าหมู่บ้าน ตรงนี้มีหลุมขุดเอาไว้โดยมีการเอาผ้าและเศษดินเศษใบไม้มาปิดเอาไว้ ตอนกลางคืนแทบจะมองแยกไม่ออกเลย

 

“น่าสงสารพวกนั้นนะ ลงแรงทำกับดักแทบตายแต่ก็ต้องโดนฆ่าในวันพักผ่อนอยู่ดี”โจรคนหนึ่งหัวเราะออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ พวกเขามักจะบุกตอนที่ผู้เล่นไม่ทันตั้งตัวเสมอ ไม่ทราบเพราะผู้เล่นเคยชินกับการดูข้อมูลเควสหรือเปล่า แค่หัวหน้าหมู่บ้านบอกวันและเวลาที่แน่นอนออกไปก็แทบไม่เหลือความระวังอีก

 

[ แจ้งเตือน ศัตรูที่มีสายอาชีพเกี่ยวกับโจรมีความสามารถขโมยติดตัว หากผู้เล่นที่โดนมอนสเตอร์หรือศัตรูชนิดดังกล่าวสังหารจะมีโอกาสเสียไอเทมภายในตัว 2 ชิ้นขึ้นไป]

 

ระหว่างพวกโจรกำลังเดินผ่านหลุมกับดักอยู่นั้น ข้อความแจ้งเตือนก็เด้งเข้ามาในหูของผู้เล่นแต่ละคนที่กำลังเตรียมพร้อมอยู่ ข้อความพวกนี้ทำเอาผู้เล่นทั้งหลายตาเบิกกว้างด้วยท่าทีตกใจ หากพวกกวีไม่นึกสงสัยขึ้นมาป่านนี้นอกจากจะโดนหลอกจนต้องเสียเลเวลแล้วยังต้องเสียไอเทมอีกด้วย

 

“เอาเลย”อยู่ ๆก็มีเสียงของกวีดังมาจากภายในหลุมกับดักเสียอย่างนั้น แต่พวกโจรยังไม่ทันได้หันไปมองก็พบว่าที่ด้านข้างของกลุ่มโจรปรากฏร่างของพวกกวีโผล่ออกมาจากหลุมกับดัก แถมไม่ใช่แค่คนเดียวแต่กลับมีกันหลายสิบคนเลย

 

“เฮ้ย…..”พวกโจรที่อยู่ด้านข้างมองพวกกวีตาค้างก่อนจะชักดาบออกมาเตรียมต่อสู้ แต่การโผล่มาของพวกกวีเกินกว่าที่พวกโจรจะจินตนาการเอาไว้ก่อนเสียอีก

 

ตูม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

 

พริบตาเดียวสกิลหลากหลายสกิลก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มโจร 5 คนที่ยืนอยู่ใกล้หลุมกับดักที่สุด รูปแบบการโจมตีแบบนี้กวีเรียกมันว่า บอม! เป็นการนัดแนะกันล่วงหน้าว่าจะโจมตีไปยังเป้าหมายจำนวนน้อยเพียงเป้าหมายเดียวเพื่อสังหารให้ไวที่สุด แม้อีกฝ่ายจะเป็นมอนสเตอร์เลเวล 50 แต่โดนผู้เล่นทั้งเรดใช้สกิลที่แรงที่สุดซัดเข้าเป้าพร้อมกันทีเดียวแบบนี้หากไม่ตายก็ต้องเจ็บหนักเท่านั้น

 

“ถอย”กวีวิ่งนำคนทั้งเรดออกไปข้างหน้า การบอมนั้นอาศัยความเร็วเข้าชิงจังหวะ และจะถอยเพื่อรอคูลดาวน์สกิลทันที ตอนนี้พวกโจรยังคงอึ้งอยู่ แต่พริบตาเดียวก็เสียกำลังคนไป 5 คนแล้ว

 

“ตามพวกมันไป”หัวหน้าโจรว่าพลางสั่งให้ลูกน้องตามไป เพียงแต่ตัวหัวหน้าโจรก็ยังอดไม่ได้ที่จอมองลงไปในหลุมกับดัก คนของหมู่บ้านที่มาส่งข่าวยืนยันอย่างหนักแน่นว่าหลุมที่หน้าหมู่บ้านเป็นหลุมที่มีลิ่มแหลมอยู่ข้างใต้ก็เลยบอกให้พวกเขาระวังเป็นพิเศษ แต่พอมองลงไปแล้วกลับพบว่าตอนนี้หลุมนั้นตื้นมาก  มีพื้นที่พอให้คนยืนเท่านั้น แถมตรงปากหลุมยังเป็นเนินให้สามารถขึ้นมาได้อย่างสะดวกอีกต่างหาก หรือว่าข้อมูลของฝั่งโจรจะรั่วไหลกัน….

ตอนที่ 47

ตั้งใจช่วย

 

 

“พวกท่านอยู่ ๆก็ตีกันเอง ข้าต่างหากที่ต้องถามว่าพวกท่านมีอะไรกัน”ชายวัยกลางคนถามออกมาพลางมองไอช่ากับคู่ต่อสู้ที่กำลังลุกขึ้นมายืนด้วยท่าทีงง ๆ

 

“เรื่องคำขอร้องที่หัวหน้าหมู่บ้านให้มานั่นล่ะครับ พอดีว่าคนที่เราหามาได้มันเกินจำนวนก็เลยต้องหาคนที่เก่งที่สุดครับ”หัวหน้าเรดตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ ท่าทางพวก NPC เองก็ตกใจกับการประลองของพวกผู้เล่นเหมือนกัน แต่คนรอบ ๆได้แต่มองไม่กล้าเข้ามาถามเท่านั้น

 

“คนเกินงั้นเหรอ”หัวหน้าหมู่บ้านมองเหล่าผู้เล่นพักหนึ่งเหมือนกำลังนับจำนวน พอนับเสร็จแล้วหัวหน้าหมู่บ้านก็ทำท่าทีเหมือนกำลังคำนวณอะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่

 

“ก็ได้ งั้นข้าเพิ่มจำนวนคนให้ก็แล้วกัน”หัวหน้าหมู่บ้านตอบพลางพยักหน้าช้า ๆเล่นเอาเหล่าสมาชิกเรดต่างมองหน้ากันไปมาด้วยท่าทีอึ้ง ๆ อยู่ ๆเงื่อนไขเควสก็เพิ่มจาก 1 เรด 36 คนเป็น 42 คนเสียอย่างนั้น เล่นเอาแม้แต่กวียังนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย

 

“หัวหน้าปาร์ตี้ของกลุ่มที่เกินมาทางนี้ข้าจะมอบคำขอให้”หัวหน้าหมู่บ้านพูดพลางมองไปทางกลุ่มของกวีกับอีกกลุ่มที่พึ่งจะประลองกันไป

 

“ครับ….”กวีตอบพลางเดินเข้าไปรับเควสมาด้วยท่าทีงุนงงไม่ต่างจากคนอื่น ใครจะไปคิดเล่าว่าอยู่ ๆคนให้เควสก็เปลี่ยนเงื่อนไขมันเสียเฉย ๆ

 

“เท่านี้พวกท่านก็ไม่ต้องตีกันแล้วสินะ อีกไม่กี่วันพวกโจรจะมากันแล้วหวังว่าพวกท่านจะเริ่มวางแผนรับมือกันได้แล้ว”หัวหน้าหมู่บ้านว่าพลางเดินหันหลังกลับเข้าไปในโซนหมู่บ้านเหมือนหมดเรื่องแล้ว ส่วนชาวบ้านคนอื่น ๆพอเห็นสถานการณ์คลี่คลายแล้วก็กลับไปทำเรื่องของตนเองตามปกติ

 

“แบบนี้….พวกเราก็ไม่ต้องประลองแล้วสินะ”หัวหน้าปาร์ตี้ที่ประลองกับพวกกวีถามพลางมองไปรอบ ๆเหมือนยังไม่หายอึ้ง

 

“ก็…ใช่ แบบนี้พวกเราก็ทำเควสกันได้ทุกคนแล้ว”หัวหน้าเรดตอบพลางพยักหน้าออกมาช้า ๆ ในเมื่อปัญหาเรื่องจำนวนคนเกินหมดไปแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องตัดสินกันอีก

 

“แบบนี้พวกเราก็ต้องทำงานร่วมกันแล้ว ฝากตัวด้วยนะครับ”กวีเดินเข้าไปหาหัวหน้าปาร์ตี้อีกฝ่ายก่อนจะยื่นมือไปให้อีกฝ่ายช้า ๆ

 

“นะ แน่นอนครับ…”แต่ทันทีที่เห็นกวียื่นมือมาหัวหน้าปาร์ตี้ของอีกฝ่ายก็รีบจับมือกวีด้วยท่าทีนอบน้อมทันที ฝีมือของกวีได้เห็นกันชัด ๆแล้ว การร่ายเวทความไวสูงนั่นเหมือนนักเวทอันดับ 1 ของไทยเลย แถมเวทสายฟ้านั่นอีก เป็นเวทมนตร์ที่หายากมากแน่ ๆ ตอนนี้เลเวลพวกเขาสูงกว่าแต่ท่าเลเวลเท่ากันเผลอ ๆพวกเขาจะไม่อยู่ในสายตาของอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำ

 

“เอาล่ะ งั้นพวกเรามาวางแผนรับมือพวกโจรกันเถอะ”หัวหน้าเรดประกาศก่อนจะเรียกทุกคนมาล้อมวงกันที่ลานกว้างของหมู่บ้าน น่าเสียดายที่หมู่บ้านนี้ไม่มีร้านอาหารหรือที่ให้พวกเขาได้ใช้ประชุมเลย ผลก็เลยออกมาด้วยการนั่งล้อมวงคุยกันที่ลานของหมู่บ้านอย่างกับกำลังเข้าค่ายลูกเสือ

 

“ก่อนอื่นนี่เป็นข้อมูลคร่าว ๆของพวกโจร ขอให้ทุกคนจำเอาไว้ด้วย”หัวหน้าเรดเปิดหน้าต่างข้อความอันหนึ่งขึ้นมาก่อนจะส่งมันให้ทุกคนในเรดและกวีที่อยู่ปาร์ตี้แยกออกมาปาร์ตี้เดียวเพื่อให้กวีส่งต่อให้คนของตนเอง โดยเนื้อหาของข้อความนั้นระบุวันที่โจรจะมา รวมถึงจำนวนและเลเวลเฉลี่ยของโจร ซึ่งมันค่อนข้างมีประโยชน์มากทีเดียวสำหรับการทำเควสครั้งนี้

 

“ข้อมูลพวกนี้ได้มาจากไหนเหรอครับ”เจถามออกมาหลังจากอ่านข้อความในหน้าต่างระบบจนหมด เพียงแต่ข่าวพวกนี้จะเป็นข่าวจริงงั้นหรือ

 

“สอบถามเอาจากคนในหมู่บ้าน พวกเขาเคยโดนโจรปล้นมาแล้วครั้งหนึ่งก็เลยมีข้อมูลอยู่”หัวหน้าเรดตอบก่อนจะเริ่มอธิบายแผนของตนเองต่อ โดยแผนของหัวหน้าเรดก็คือการวางกับดักพวกโจรนั่นเอง ในเกมเอคโค่คนเราสามารถสร้างสิ่งของได้เหมือนในโลกภายนอกเช่นกัน แถมหลังจากสร้างแล้วยังได้สกิลเสริมอย่างสกิลประดิษฐ์มาอีกต่างหาก แต่ของบางชิ้นก็ต้องใช้สกิลบางอย่างเพื่อสร้างขึ้นมาเท่านั้นแต่แค่กับดักง่าย ๆทุกคนสามารถทำได้อยู่แล้ว

 

“ฟังนะ ทุกคนสามารถไปขอความช่วยเหลือจากคนในหมู่บ้านได้เลย พวกเขายินดีให้ความช่วยเหลืออยู่แล้ว พวกเราจะสร้างกับดักเอาไว้แล้วรอให้พวกโจรเข้ามาติดกับดักแล้วค่อยโจมตี”หัวหน้าเรดอธิบายแผนการทีละขั้นอย่างละเอียด ตั้งแต่ทางเข้าหมู่บ้านที่มีเพียง 3 ทางและการวางกับดักอะไรบ้างในแต่ละทาง แต่ถึงจะวางกับดักเอาไว้แล้วก็ห้ามประมาทเด็ดขาดเพราะโจรพวกนี้เลเวลสูงทีเดียว

 

หลังจากวางแผนเสร็จแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันทำตามหน้าที่ของตัวเองเพื่อให้ทันการมาถึงของพวกโจร โดยเหล่าผู้เล่นสามารถเข้าไปขอความช่วยเหลือจาก NPC ได้อย่างราบรื่น พวกเขายินดีที่จะหาไม้และเครื่องมือมาช่วยทำกับดัก แถมยังเสนอตัวเข้าช่วยต่อสู้อีกต่างหาก ทำให้การเตรียมกับดักและแผนการต่อสู้สำเร็จอย่างรวดเร็วอย่างน่าพึงพอใจ

 

“……………..”เพียงแต่…. ระหว่างเตรียมแผนอยู่นั้น เจกลับรู้สึกแปลก ๆอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆที่เควสมันก็ราบรื่นดีทำไมเหมือนมีอะไรบางอย่างมากวนใจไม่เลิก

 

“มีอะไรงั้นเหรอเจ”กวีที่กำลังทำกับดักทางประตูทางเหนือของหมู่บ้านเห็นเจเอาแต่จ้องเหล่าชาวเมืองจากด้านหลังไม่วางตาก็เลยเดินเข้ามาถามเผื่อจะมีเรื่องอะไรทำให้เจไม่สบายใจ

 

“มัน…..แปลก ๆนะครับ”เจพูดด้วยท่าทีไม่มั่นใจ เควสนี้มันเหมือนมีอะไรแปลก ๆหลายอย่าง หากไม่ใช่เจคิดมากไปก็คงดีหรอก

 

“ลองเล่ามาสิ ผมบอกแล้วไงว่าถ้าเจออะไรแปลก ๆก็บอกมาได้เลย”กวีว่าพลางนั่งลงตรงท่อนซุงสำหรับทำกับดักที่อยู่ไม่ห่างจากเจที่ทำหน้าที่เลื่อยไม้นัก

 

“พวกชาวบ้านเหมือนไม่ได้กลัวพวกโจรเลยครับ พวกเขาดูพร้อมสู้กันมากเลย”เจตอบพลางมองไปทางเหล่าชาวบ้านที่กำลังช่วยทำกับดัก บรรยากาศมันแปลก ๆไม่เหมือนหมู่บ้านที่กำลังจะโดนโจมตีเลยสักนิด

 

“แล้วมีอะไรอีกไหม”กวีถามพลางยิ้มออกมาช้า ๆ รอยยิ้มเช่นนั้นทำให้เจฉุกใจบางอย่างขึ้นมา จะว่าไปตอนแรกอยู่ ๆกวีก็บอกให้ตนเองคอยหาสิ่งผิดปกติเอาไว้ ไม่งั้นเจคงไม่สังเกตพวกชาวบ้านแล้วเจอเรื่องนี้เข้าหรอก

 

“เรื่องข้อมูลของพวกโจร มันละเอียดแปลก ๆ แล้วก็ทั้ง ๆที่หมู่บ้านเคยโดนโจมตีมาก่อน บ้านเรือนกลับยังใหม่เอี่ยมเหมือนพึ่งสร้างได้ไม่นานด้วยซ้ำ”เจตอบพลางมองไปรอบ ๆด้วยท่าทีข้องใจ

 

“สงสัยคนในหมู่บ้านงั้นเหรอ”กวีถามก่อนจะมองไปยังกลุ่มคนในหมู่บ้านเช่นกัน

 

“ก็…นิดหน่อยครับ”เจตอบพลางทำหน้าลำบากใจออกมา

 

“จริง ๆแล้วยังมีเรื่องน่าสงสัยหลายอย่างเลย เช่นเงินรางวัลของเควส”กวีเปิดหน้าต่างเควสขึ้นมาก่อนจะชี้ไปที่เงินรางวัลที่ขึ้นอยู่ด้านล่างสุด เงินรางวัลที่มอบให้หลังจบเควสนั้นคือ 100,000 เหรียญ แถมยังมอบให้ทุกคนอีกต่างหาก แถมพอพวกกวีเข้ามาเพิ่มนอกจากจะไม่หักแบ่งเงินรางวัลเพราะจำนวนคนแล้วยังคงเอาไว้เท่าเดิมอีกต่างหาก

 

“หมู่บ้านเล็ก ๆที่เพิ่งโดนปล้นไปไม่นานจะมีเงินสี่สิบสองล้านเหรียญมาจ้างพวกเราเลยงั้นเหรอ ไหนจะอาวุธในตำนานอะไรนั่นอีก หมู่บ้านน่าจะพึ่งสร้างแท้ ๆแต่กลับมีอาวุธประจำหมู่บ้านเสียด้วย ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันก็แปลก”กวีส่ายหน้าช้า ๆด้วยท่าทีเหนื่อยใจ จุดน่าสงสัยของเควสนี้มันเยอะมาก ไม่คิดว่าหัวหน้าเรดจะมองไม่เห็นเลย บางทีอาจจะเป็นเพราะเงินบังตาละมั้ง

 

“แล้วก็…หมู่บ้านนี้ไม่มีเด็กเลย แถมไม่มีร้านอาหารด้วย”อยู่ ๆไอช่าก็เดินมาจากด้านหลังก่อนจะบอกข้อสงสัยของตนเองออกมา หมู่บ้านแห่งนี้มีแต่คนหนุ่มทั้งนั้น ไม่ใช่แต่เด็กแม้แต่ผู้หญิงยังมีไม่กี่คน แถมชาวบ้านแต่ละคนยังดูแข็งแรงกันอีกต่างหาก และอย่างที่บอกหมู่บ้านนี้ไม่มีร้านอาหาร มีแต่บ้านเพื่ออยู่อาศัยเท่านั้น ซึ่งนั่นมันออกจะแปลกเกินไป ที่นี่ไม่มีไร่น่าสำหรับเพาะปลูก ไม่มีร้านค้า หากไม่ใช่ว่าทุกบ้านล่าสัตว์ป่าหาของบนเขากินกันหมดก็คงอยู่กันยากลำบากกว่านี้แน่ ๆ

 

“งั้นพวกชาวบ้านก็น่าสงสัยเหรอคะ”มีนถามด้วยท่าทีตกใจ ท่าทางมีนจะไม่ได้สังเกตเท่าไรว่าเควสนี้มันน่าสงสัยขนาดไหน

 

“ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าโจรเลเวลเท่าไร แล้วทำไมต้องจำกัดเลเวลของพวกเราด้วย สู้ขอความช่วยเหลือจากผู้เล่นเลเวลสูง ๆไม่ดีกว่าเหรอ หรือไม่ก็ควรไปขอความช่วยเหลือจากทหารเมืองทันดร้าหรือไม่ก็เมืองอื่น ๆสิ”เมฆที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบตอบพลางจ้องมองไปทางเหล่าชาวบ้านเช่นกัน พวกนั้นดูตั้งใจสังเกตกับดักแปลก ๆ แถมยังมีการจดบันทึกเอาไว้อีก

 

“หรือว่าชาวบ้านจะร่วมมือกับพวกโ…….”เจกำลังพูดข้อสรุปที่ได้รับออกมาก็โดนกวีเอามืออุดปากเอาไว้เสียก่อน

 

“มีโอกาสเป็นไปได้มาก โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนข้อมูลเควสเอาเองนี่ค่อนข้างน่าสงสัยทีเดียว”กวีตอบพลางนึกถึงตอนที่หัวหน้าหมู่บ้านอยู่ ๆก็เปลี่ยนเงื่อนไขเควสเอาเสียดื้อ ๆ ตอนนั้นหัวหน้าหมู่บ้านมองไล่ผู้เล่นแต่ละคนก่อนจะคำนวณอะไรบางอย่างอยู่ในใจ กลัวว่าจะเป็นการคำนวณว่าพวกโจรจะสามารถรับมือกับคนที่เพิ่มมาได้หรือไม่ แต่เพราะพวกกวียังเลเวล 20 กว่า ๆเท่านั้นหัวหน้าหมู่บ้านอาจจะคิดว่าไม่เป็นไรก็ได้

 

“แล้วจะทำยังไงล่ะครับ แบบนี้ทำเควสไปก็ไม่ได้รางวัลเลยไม่ใช่เหรอ”เจถามพลางทำหน้าผิดหวังออกมาในเมื่อชาวบ้านเองก็เป็นโจรเหมือนกันก็หมายความว่ารางวัลนั้นเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงเท่านั้น แบบนี้ต่อให้ฝืนจนทำสำเร็จก็คงไม่ได้รางวัลอะไรนี่นา

 

“ก็ไม่เชิงหรอก พวกโจรทำงานกันเป็นทีมแบบนี้ต้องปล้นกันมาเยอะแน่ ๆ บางทีพวกนั้นอาจจะมีสมบัติที่เคยปล้นมาไม่น้อย แถมดูเหมือนในเมืองการ์กันที่อยู่ทางตะวันออกของหมู่บ้านก็มีการให้รางวัลนำจับพวกโจรด้วยเหมือนกัน”กวีตอบด้วยท่าทีจริงจังไม่น้อย แม้รางวัลจะไม่มากเท่ารางวัลเควสที่หัวหน้าหมู่บ้านรับปาก แต่การจับพวกโจรไปขึ้นเงินนำจับก็ได้เงินแน่ ๆ

 

“แต่….แค่พวกเราคงทำอะไรไม่ได้หรอก”เจว่าพลางมองไปทางเหล่าชาวเมืองที่กำลังช่วยกันติดตั้งกับดัก แบบนี้ข้อมูลกับดักคงไปอยู่กับพวกโจรหมดแล้ว ต่อให้พวกตนเองรู้ทันแต่คนปาร์ตี้เดียวก็คงเคลื่อนไหวอะไรมากไม่ได้

 

“ไม่ยาก ก็ชักชวนคนพวกนั้นมาช่วยสิ”กวีตอบพลางมองไปทางหัวหน้าเรด ความแปลกประหลาดของเควสมีหลายจุด ต้องมีบางคนที่สงสัยอยู่บ้างแน่ ๆ ขอเพียงอธิบายให้คนอื่น ๆเข้าใจในเวลาที่เหลือก่อนพวกโจรเข้ามาคงทำอะไรได้บ้าง

ตอนที่ 46

สง่าผ่าเผย

 

“บ้าจริง ไม่นึกว่าแทงค์ของพวกมันจะเก่งแบบนี้”ทันทีที่คนของตนพ่ายแพ้ให้กับพวกกวี เหล่าสมาชิกปาร์ตี้ของอีกฝ่ายก็มีท่าทีเจ็บใจกันไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็พึ่งแพ้ไปแค่คนเดียวผลรวมตอนนี้ยังเป็นชนะหนึ่งแพ้หนึ่งอยู่ แถมอีกฝ่ายยังมีนักเวทกับซัพพอร์ตที่ยังไม่ได้แข่งอีก ขอเพียงชนะเพิ่มอีก 1 ครั้งโอกาสชนะก็แทบจะแน่นอนอยู่แล้ว

 

“ไม่เป็นไร มีคนเก่งเพิ่มขึ้นมาอีกคนเดียวก็ไม่ทำให้ชนะหรอก คราวนี้เราต้องชนะให้ได้”แม้จะแพ้ให้กับเจ แต่ท่าทางอีกฝ่ายจะไม่เสียกำลังใจกันง่าย ๆ แถมยังหวังจะชนะอีกต่างหาก

 

“เจเท่ที่สุดเลย”ทางฝั่งของกวี พอเจกลับมาก็ได้รับคำชมจากมายด์ทันที แน่นอนว่าทั้งเมฆทั้งไอช่าเองก็เอ่ยชมด้วยท่าทีจริงใจ แต่เดิมเจก็เป็นผู้เล่นเก่าอยู่แล้วแถมก่อนมาเล่นแทงค์ก็เป็นนักดาบสายโจมตีมาก่อน พอได้มาเล่นแทงค์แล้วกลายเป็นว่าเจทำได้ทั้งป้องกันและโจมตีในเวลาเดียวกัน นับเป็นคนมีฝีมือคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

“เจทำได้ดีมากจริง ๆ งั้นรอบต่อไปก็ช่วยจัดการให้หน่อยนะเมฆ”กวีว่าพลางหันไปมองเมฆที่พร้อมจะเข้าต่อสู้อยู่ก่อนแล้ว แถมทันทีที่บอกว่าจะให้เมฆประลอง สายตาของมีนและเจต่างก็พากันจ้องมองตัวเมฆอย่างตั้งใจทันที นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นจอมดาบอันดับหนึ่งสู้ตัวต่อตัวทำเอาทั้งสองคนแสดงท่าทีอยากรู้อยากเห็นออกมาแบบปิดไม่มิด

 

“เจ้าคนถือดาบใหญ่มาแล้ว”ทางอีกปาร์ตี้หนึ่งพอเห็นเมฆเดินออกมาเพื่อทำการประลองก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดหวั่นแต่อย่างไร พวกเขามีแผนที่จะรับมือเมฆเอาไว้แล้ว

 

“งั้น…ปล่อยเป็นหน้าที่ของฉันเอง”ชายหนุ่มคนหนึ่งในปาร์ตี้ฝั่งตรงข้ามพูดพลางหยิบอาวุธเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ภาพของชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้าหาเมฆนั้นช่างองอาจห้าวหาญยิ่งนัก ทำเอามีนกับเจถึงกับต้องกะพริบตาถี่ ๆหลายครั้งเพื่อดูให้แน่ใจว่าชายคนนั้นคือคู่ต่อสู้ของเมฆจริง ๆงั้นหรือ

 

“เอาแบบนี้แน่นะ”เมฆถามพลางมองชายตรงหน้าด้วยท่าทีสงสัย

 

“แน่นอน”ชายหนุ่มตรงหน้าตอบพลางกระแทกคทาลงกับพื้นก่อนจะยืดอกรับอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม

 

“งั้นจะช่วยให้มันจบเร็ว ๆแล้วกัน”เมฆถอนหายใจออกมาก่อนจะง้างดาบขึ้นสูงเพื่อจะโจมตี

 

“เมตตาด้วยเถอะครับ”พอเห็นดาบที่กำลังจะพุ่งเข้ามาตัวเองชายหนุ่มที่มีท่าทีกล้าหาญคนนั้นก็งอขาลงด้วยท่าทีหวั่น ๆก่อนจะร้องขอความเมตตาออกมาเสียอย่างนั้น ให้ตายสิถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นแค่การประลองต่อให้โดนเฉือนคอก็ไม่ตาย แต่การจะโดนฟันเนี่ยน่ากลัวเกินไปแล้ว

 

“ได้….”เมฆพูดจบก็ฟันร่างของชายคนนั้นอย่างกับจะทำให้ขาดเป็นสองท่อน เจ้าพวกนั้นส่งนักบวชขอตัวเองมาให้เมฆฆ่าเสียอย่างนั้นทำให้การต่อสู้ในคู่นี้จบลงในพริบตาเดียวเลยก็ว่าได้

 

“อะไรกัน แบบนี้ก็ไม่ได้เห็นอะไรเลยนะสิ”เจทำหน้าเสียดายออกมาก่อนจะจ้องไปทางฝั่งคู่ต่อสู้ด้วยท่าทีไม่พอใจ อุตส่าห์จะได้เห็นพี่เมฆประลองแล้วแท้ ๆ แต่เจ้าพวกนั้นดันส่งนักบวชออกมาให้ฆ่าเฉย ๆเสียอย่างนั้น

 

“ไม่หรอก แบบนั้นถูกแล้ว”กวีหัวเราะออกมาก่อนกับท่าทีของเจ ถึงจะน่าเสียดายสำหรับเจกับมีน แต่หากต้องการชัยชนะกวีก็คงต้องทำเหมือนอีกฝ่าย อย่างน้อยคนพวกนั้นก็ดูออกว่าสู้เมฆไม่ได้แน่ ๆก็เลยส่งนักบวชที่สู้ใครตัวต่อตัวไม่ได้ออกมาเพื่อสละเกมที่ยังไงก็แพ้ไป นับว่าอีกฝ่ายพอจะมีสายตาที่ใช้ได้เหมือนกัน

 

“เอาล่ะ ผมขอไปยืดเส้นยืดสายหน่อยแล้วกัน”กวีหยิบเอาไม้เท้าออกมาก่อนจะเดินไปยืนกลางลานกว้างด้วยท่าทีมั่นใจ แต่ทันทีที่เห็นว่าคนที่มาลงประลองเป็นจอมเวทของอีกฝ่ายพวกคนของอีกปาร์ตี้ก็ยิ้มออกมาทันที

 

“ในที่สุดจอมเวทก็ออกมาแล้ว”ชายที่ถือดาบใหญ่ของปาร์ตี้ฝั่งตรงข้ามพูดพลางเสนอตัวออกไปสู้ทันที จอมเวทเป็นอาชีพที่ต้องใช้สมาธิในการร่ายเวท ทำให้เสียเปรียบในการสู้แบบตัวต่อตัวอย่างมาก แถมอีกฝ่ายยังเป็นอาชีพสายโจมตีหนักอย่างผู้ใช้ดาบใหญ่อีกต่างหาก ขืนปล่อยให้เข้าถึงตัวได้นักเวทก็จะโดนโจมตีตายในไม่กี่ทีเท่านั้น

 

“มาเริ่มกันเลยไหมครับ”กวีถามพลางส่งคำท้าประลองไปให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าคนที่ถือดาบใหญ่ต้องรีบรับคำท้าทันทีเพราะยิ่งเริ่มเร็วกวีก็จะไม่มีเวลาร่ายเวทเลย

 

“มาเลย”ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ชายที่ใช้ดาบใหญ่ก็พุ่งเข้ามาหากวีอย่างที่คิดเอาไว้ ในระยะใกล้แบบนี้ต่อให้ร่ายเวทเร็วแค่ไหนก็ร่ายได้เพียงบทเดียวเท่านั้น แค่ทนเวทมนตร์บทเดียวที่จะยิงออกมาแล้วเข้าไปโจมตีกวีก็เป็นอันจบ

 

เปรี้ยง!!

 

เวทมนตร์กระสุนเพลิงพุ่งเข้าใส่ชายที่ใช้ดาบใหญ่อย่างแม่นยำอย่างที่คิด แม้พลังโจมตีจะสูงจนน่าตกใจแต่ชายที่ใช้ดาบใหญ่ก็คิดจะให้โจมตีอยู่แล้วเลยไม่มีท่าทีแปลกใจอะไร ตอนนี้เป้าหมายของเขามีเพียงฝ่าเข้าไปโจมตีกวีเท่านั้น และอาจจะเพราะความพยายามนั่นเองทำให้ชายที่ใช้ดาบใหญ่ลืมมองไปว่ากระสุนเพลิงเมื่อครู่กลับมีเปลวเพลิงเป็นสีฟ้าแทนที่จะเป็นสีแดงส้มตามปกติ

 

“ตายซะ”ชายที่ใช้ดาบใหญ่ง้างดาบขึ้นสูงเพื่อจะใช้สกิลถล่มปฐพีหวังจะจบเกมเร็ว ๆ แต่ทันทีที่ง้างดาบขึ้นอยู่ ๆร่างของเขาก็รู้สึกปวดร้าวจนไม่มีแรงจะยกดาบขึ้นมากลางคัน

 

“อัก นี่มัน….”ชายที่ใช้ดาบใหญ่ปล่อยดาบเหวี่ยงลงพื้นตามแรงโน้มถ่วงทำให้ดาบของเขาพลาดเป้าไม่โดนตัวกวีเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เขากำลังตกใจกับอาการหมดแรงต่างหาก แถมในค่าสถานะที่แหวนของเขากำลังแสดงออกมานั้นก็มีค่าสถานะติดพิษเสริมเข้ามาด้วย

 

“ได้ผลดีกว่าที่คิดสินะ แบบนี้ต้องระวังธนูของเธอคนนั้นดี ๆซะแล้ว”กวีมองอาการของอีกฝ่ายด้วยท่าทีสนใจ สกิลพิษวิทยาเป็นสกิลที่ทำให้ผู้เล่นสามารถใช้พิษของอสรพิษทะเลลึกผสมเข้ากับทักษะของตัวเองได้ เหมือนกับที่อสรพิษทะเลลึกใช้พิษผสมเข้าไปในกระสุนน้ำแล้วยิงออกมา กวีก็ใช้มันผสมเข้ากับเวทไฟแล้วยิงออกไปเช่นกัน ไม่นึกเลยว่าพอผสมลงไปแบบนั้นแล้วจะได้สกิลเพลิงพิษที่ร้ายแรงแบบนี้ แถมพิษของอสรพิษทะเลลึกยังรุนแรงตามค่าปัญญาของกวีอีกต่างหาก ซึ่งมันก็ทำให้ชายตรงหน้าถึงกับหมดแรงเหวี่ยงดาบและเสียพลังชีวิตจำนวนมากอย่างต่อเนื่องอีกต่างหาก

 

“ไฟนั่นมันอะไรกัน ทำไมอีกฝ่ายถึงกับลุกไม่ได้เลยล่ะ”สองมองการประลองตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ก่อนหน้านี้กวีไม่ได้ใช้ไฟแบบนั้นออกมาเลยทำเอาเขาที่เห็นการต่อสู้ของพวกกวีมาแล้วยังอดประหลาดใจไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่นที่พึ่งเห็นกวีประลองเลย

 

“ไม่ยอมง่าย ๆหรอกน่า”ชายที่ใช้ดาบใหญ่กัดฟันกรอดด้วยท่าทีเจ็บใจก่อนจะลุกขึ้นมาช้า ๆ ท่าทางพิษจะมีผลแค่ไม่นาน ไม่ทราบเพราะเลเวลของกวียังน้อยหรือพิษของอสรพิษทะเลลึกอยู่ได้ไม่นานจริง ๆก็ไม่ทราบ แต่อีกฝ่ายก็ฝืนลุกขึ้นมาได้ก็น่านับถือไม่น้อย

 

“โทษทีนะ ผมไม่อยากแพ้สักเท่าไร”กวียิ้มบาง ๆออกมาก่อนจะชี้คทาไปที่ชายตรงหน้า

 

เปรี้ยง!!

 

หอกศิลาแทงขึ้นมาจากพื้นแทงเข้าใส่ร่างของชายผู้ใช้ดาบใหญ่ แต่ดูเหมือนทักษะการเอาชีวิตรอดของอีกฝ่ายก็ไม่ธรรมดา แม้จะยกดาบได้ยากลำบากมากแต่ก็เอาดาบขึ้นมาป้องกันได้อย่างฉิวเฉียด เพียงแต่กวีไม่คิดจะปล่อยเขาไปง่าย ๆแบบนั้นแน่

 

ตูม ๆ ๆ ฟุบ!!

 

ศรเพลิงต่อเนื่องและเวทเคียวสายลมพุ่งอ้อมเข้าไปโจมตีด้านหลังแทบจะพร้อมกันดันเอาร่างของชายคนนั้นกลับไปหาหอกศิลาอย่างจังเรียกเอาความเสียหายเป็นชุดออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

“บ้าน่า….ร่ายเวทไวเกินไปแล้ว”เหล่านักเวทที่มองอยู่รอบ ๆต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เวทมนตร์พวกนั้นพวกเขาเองก็เรียนมาบ้าง และการร่ายเวทแต่ละบทก็ต้องใช้เวลาและสมาธิ ไม่มีใครคิดว่าจะปล่อยเวทมนตร์ออกมาเป็นชุด ๆแบบนั้นในพริบตาได้หรอก

 

ซ่า…..

 

ชายที่ใช้ดาบใหญ่ยังไม่ได้ลุกขึ้นยืนอยู่ ๆก็มีกระสุนน้ำสาดเข้าใส่ร่างเสียก่อน เพียงแต่กระสุนน้ำครั้งนี้กลับเบากว่าเวทอื่นมากอย่างกับจงใจราดน้ำเท่านั้น

 

“ไหน ๆก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นแล้ว….”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีเป็นมิตรตรงกันข้ามกับการกระทำอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อตอนนี้คนที่จะได้เข้าร่วมเควสต้องเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า เช่นนั้นกวีก็แค่ต้องแสดงความห่างชั้นให้เห็นชัดเจนเป็นดีที่สุด

 

เปรี้ยง!!

 

เวทสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ร่างของชายที่ใช้ดาบใหญ่อย่างรุนแรง แถมเพราะก่อนหน้านี้กวีราดน้ำใส่ร่างของเขาก่อนทำให้สายฟ้าแล่นกระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก

 

“อากกกก”ชายที่ใช้ดาบใหญ่ร้องออกมาด้วยท่าทีเจ็บปวด พร้อมสัญญาณบอกถึงความพ่ายแพ้ของตนเองเพราะพลังชีวิตเหลือแค่ 1 หน่วยเท่านั้น โชคดีที่ระบบเกมตัดความเสียหายของพิษและไฟไหม้รวมถึงอาการบาดเจ็บจากสายฟ้าออกไปให้ทันทีที่การประลองจบไม่อย่างนั้นชายที่ใช้ดาบใหญ่คงตายไปแล้ว

 

“………….”คราวนี้ไม่ใช่แค่ปาร์ตี้ของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นที่อึ้ง แม้แต่คนในเรดคนอื่น ๆต่างก็อึ้งไปตาม ๆกัน แม้จะมีข่าวหนาหูว่ามีคนได้เวทสายฟ้าในเมืองทันดร้า แต่ก็ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเห็นกับตาตัวเองแบบนี้

 

“พี่กวี รอบหน้าขอไอช่าสู้บ้างนะ”ทันทีที่กวีกลับมายังกลุ่มของตนเอง ไอช่าก็เด้งตัวเข้าไปเสนอชื่อลงประลองทันทีก็ทั้งเมฆทั้งกวีได้แสดงฝีมือกันแล้วนี่นา ไอช่าก็อยากลองบ้าง

 

“ได้สิ”กวียิ้มออกมาก่อนจะให้ไอช่าออกไปเป็นตัวแทนของปาร์ตี้กวีเป็นคนที่ 5

 

“ซัพพอร์ตงั้นเหรอ”แม้จะยังอึ้งกับเวทสายฟ้าของกวีอยู่ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ได้แพ้อย่างหมดรูป ตอนนี้คะแนนยังเป็นสามต่อหนึ่ง หากชนะอีกสองครั้งที่เหลือก็ยังเจรจากันได้อยู่ เพียงแต่เวทสายฟ้าเมื่อครู่ทำเอาใจของทุกคนเอนเอียงไปทางปาร์ตี้ของกวีมากขึ้นเสียอย่างนั้น

 

“งั้นเริ่มเลยนะ”ไอช่ายิ้มกว้างก่อนจะส่งคำท้าประลองไปให้อีกฝ่ายด้วยท่าทียิ้มแย้ม ไอช่าที่เป็นนักบวชพลังโจมตีน้อยมากต่อให้ใส่อาวุธชั้นดีแค่ไหนก็ตาม เมื่อต้องเจอกับชายที่ใช้ดาบคู่ตรงหน้าแล้วโอกาสที่จะใช้เวทรักษาจะมีหรือเปล่ายังไม่แน่ใจ แต่ถึงอย่างนั้นไอช่าก็ไม่มีท่าทีเกรงกลัวเลย

 

“ไม่อยากทำเลย แต่เพื่อเควสแล้ว”ชายที่ใช้ดาบสองมือว่าพลางพุ่งเข้าไปหาไอช่าอย่างรวดเร็ว…..

 

“พวกท่าน กำลังทำอะไรกัน”ระหว่างกำลังจะเข้าไปโจมตี อยู่ ๆชายคนหนึ่งก็เข้ามาตะโกนโหวกเหวกโวยวายขัดจังหวะเสียอย่างนั้นทำเอาชายที่ใช้ดาบคู่หยุดขาตัวเองไม่ทันก่อนจะ…

 

ครืดดดด โป๊ก!!

 

ร่างของชายที่ใช้ดาบคู่สะดุดพื้นก่อนจะกลิ้งไปกับพื้นแล้วไถลเข้าไปหาไอช่าก่อนจะเอาหัวตัวเองโขกเข้ากับปลายคทาของไอช่าเข้าอย่างจัง แม้ไม่เจ็บเสียเท่าไรแต่ความอายที่ได้รับช่างหนักหน่วงเหลือเกิน

 

“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน มีอะไรงั้นเหรอครับ”ทันทีที่เห็นว่าชายที่เข้ามาขวางการประลองคือใคร หัวหน้าเรดก็รีบเข้าไปคุยทันที ชายคนนี้คือหัวหน้าหมู่บ้านของหมู่บ้านฟรอย และเป็นคนมอบเควสให้นั่นเอง

ตอนที่ 45

เก่งคนเดียว

 

 

“ว่าไงนะ”ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเรดถามด้วยท่าทีไม่พอใจนัก ดูเหมือนว่าพวกกวีจะไม่ยอมกลับไปดี ๆและคิดจะหาเรื่องเสียมากกว่า

 

“ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอครับว่าอยากให้เควสสำเร็จ ถึงพวกเราจะเลเวลน้อยกว่าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะอ่อนแอกว่านี่ครับ”กวีตอบออกมาหลังจากมองคนที่มาร่วมเควสจนครบ ในนี้มีแต่คนเลเวล 30 กว่า ๆทั้งนั้น แต่ไอเทมสวมใส่ไม่ได้ดีเด่นอะไรมากมาย เมื่อเทียบกับไอเทมที่เสริมแกร่งมาเป็นอย่างดีที่เมฆจัดหามาให้แล้วมันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย

 

“นายจะประลองกับปาร์ตี้ที่มาใหม่เพื่อพิสูจน์ว่าพวกนายแข็งแกร่งกว่าสินะ”ชายที่เป็นหัวหน้าเรดพยักหน้าช้า ๆด้วยท่าทีใจเย็นลง แต่เดิมปาร์ตี้ของเขาเป็นคนรับเควสก็เลยหาปาร์ตี้อื่น ๆในหมู่บ้านฟรอยเพื่อช่วยทำเควสจนได้คนทั้งหมด 4 ปาร์ตี้ จะเรียกว่า 4 ปาร์ตี้นี้เป็นปาร์ตี้ตั้งต้นก็ได้ ส่วนอีก 2 ปาร์ตี้กับปาร์ตี้ของกวีที่มาทีหลังนั้นเป็นปาร์ตี้ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน จะตัดปาร์ตี้ไหนออกไปก็ไม่ได้สร้างความบาดหมางอะไรกับเขาอยู่แล้ว พอได้ฟังที่กวีเสนอหัวหน้าเรดก็มีท่าทีสนใจขึ้นมา

 

“ฟังดูมันก็ยุติธรรมดีนะ ในเมื่อมันเกิดความผิดพลาดก็ให้ปาร์ตี้ของเขากับปาร์ตี้ที่อาหลงพามาประลองกันสิ”ชายคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีเห็นด้วย แบบนั้นก็ถือว่ายุติธรรมดี ใครแข็งแกร่งกว่าก็ได้เข้าร่วม ไม่ตัดสินกันที่เลเวลเท่านั้น

 

“ไม่ พวกเรามาถึงก่อนก็ควรได้สิทธิ์เข้าร่วมไม่ใช่หรือไง ถึงจะมีความผิดพลาดเรื่องการสื่อสารก็เถอะ แต่พวกเราก็ตอบรับการเข้าร่วมก่อนนะ”ชายคนหนึ่งในกลุ่มด้านหลังพูดออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ ท่าทางชายคนนั้นจะเป็นคนของปาร์ตี้ที่มีปัญหาแน่ ๆ

 

“ใช่ จะให้พวกเราเดินทางมาฟรีหรือไง แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย”ชายอีกคนสนับสนุนแทบจะทันที เพราะหากประลองแล้วเกิดแพ้ขึ้นมา พวกเขาก็จะไม่ได้รางวัลของเควส ซึ่งเงินที่เป็นของรางวัลมันเยอะมาก หากเอาไปขายเป็นเงินจริงละก็จะได้เงินใช้ในชีวิตประจำวันมหาศาลเลย

 

“แต่พวกเราก็เดินทางมาเหมือนกันนะคะ”ไอช่าเดินออกไปข้างหน้าก่อนจะส่งสายตาเศร้า ๆให้พวกผู้เล่นตรงหน้า ด้วยท่าทีน่าสงสารและความน่ารักน่าเอ็นดูของไอช่าทำเอาคนของปาร์ตี้ที่มีปัญหาถึงกับพูดไม่ออกเลย

 

“เอ้อ…..เควสมันยากอยู่แล้ว เราก็ต้องตัดสินที่ความแข็งแกร่งสิ พวกนายก็ประลองกับน้องเขาหน่อย ถ้าพวกนายแข็งแกร่งกว่าก็ได้เควสไง”หัวหน้าเรดว่าพลางยิ้มเจื่อน ๆออกมา พอเจอไอช่าทำท่าแบบนั้นใส่ ไม่ว่าชายที่ไหนก็มีท่าทีอ่อนไหวทั้งนั้น

 

“กะ ก็ได้.. แล้วพวกนายจะประลองกันแบบไหน”หัวหน้าปาร์ตี้ของฝ่ายที่มีปัญหาถามด้วยท่าทีแปลก ๆ คงเพราะไม่อยากตวาดต่อหน้าไอช่าแน่ ๆ

 

“พวกเราไม่มีปัญหา จะประลองแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น”กวีได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ส่วนเรื่องรูปแบบการประลองนั้นสามารถให้อีกฝ่ายกำหนดได้อย่างอิสระเลย

 

“งั้น….”หัวหน้าปาร์ตี้ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเรียกคนของตัวเองมารวมตัวกันว่าจะเอาอย่างไรดี

 

“งั้นสู้กันหกต่อหกเลยดีไหมพี่ แบบนั้นเร็วดีนะ”ชายร่างผอมในปาร์ตี้เสนอพลางมองไปทางกลุ่มของกวี ดูแล้วกลุ่มของกวีมีแค่คนเลเวล 20 กว่า ๆเท่านั้น หากเจอพวกตนรุมเข้าไปเล่นงานละก็ต้องแพ้อย่างรวดเร็วแน่ ๆ

 

“เดี๋ยวก่อน ดูเจ้าคนด้านหลังนั่นให้ดีสิ ดาบนั่นเรืองแสงสีแดงออกมาเห็นไหม มันต้องเสริมแกร่งเกินระดับสิบไปแล้วแน่ ๆ”ชายอีกคนพูดขัดขึ้นมาพลางมองไปที่ดาบที่เมฆแบกเอาไว้ด้านหลัง การเสริมแกร่งหรือการอัพเกรดไอเทมนั้นจะทำให้ไอเทมนั้น ๆมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากเป็นอาวุธก็จะโจมตีแรงขึ้นหากเป็นเกราะก็จะป้องกันมากขึ้น และการเสริมแกร่งก็จะทำให้อาวุธดูเปลี่ยนไปด้วย บ้างก็ดูเงางามขึ้น บ้างก็ดูสวยขึ้น แต่หากเสริมแกร่งมากกว่าสิบครั้งขึ้นไปก็จะเริ่มมีแสงจาง ๆลอยอยู่รอบ ๆเหมือนเป็นอาวุธวิเศษก็ว่าได้

 

“จริงด้วย มิน่าล่ะเจ้าพวกนั้นถึงกล้าท้าทายพวกเรา”หัวหน้าปาร์ตี้ตอบพลางมองไปทางเมฆช้า ๆ ที่แท้ในกลุ่มนี้ก็มีคนเก่งอยู่คนหนึ่งนั่นเอง ต่อให้เลเวลน้อยกว่าแต่ดาบใหญ่ที่เสริมแกร่งมาอย่างดีคงโจมตีได้หนักหน่วงมากชนิดที่ว่าเกราะเลเวล 30 ธรรมดา ๆของพวกเขาคงรับไม่ไหวแน่ ๆ

 

“งั้นเอาเป็นประลองแบบตัวต่อตัวดีไหม”ชายอีกคนเสนอออกมาพลางชี้ไปที่กลุ่มของกวี ในกลุ่มของกวีมีผู้หญิงอยู่ 3 คน แม้เพศจะไม่ใช่ตัวแปรสำหรับตัดสินความแข็งแกร่งของเกมนี้ แต่ไอช่าที่เป็นนักบวชฝึกหัดนั้นดูรับมือไม่ยากเท่าไร ส่วนมีนกับมายด์ที่เป็นอาชีพนักดาบทั้งคู่ก็ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด นอกจากนี้ในกลุ่มผู้ชาย 3 คนที่เหลือยังมีกวีที่เป็นจอมเวทอีกต่างหาก ถ้าเป็นการประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่งจอมเวทจะต้องเสียเปรียบมากแน่ ๆ แบบนั้นพวกตนจะชนะการประลองครั้งนี้ได้ไม่ยาก

 

“ดี งั้นพวกเราขอเลือกการประลองแบบตัวต่อตัว”เมื่อได้ข้อสรุปว่าจะทำอย่างไร หัวหน้าปาร์ตี้ของอีกฝ่ายก็ประกาศว่าจะประลองแบบตัวต่อตัวออกมาทันที แน่นอนว่าฝ่ายกวีเองก็ไม่คิดจะขัดอยู่แล้ว

 

“ได้ งั้นตกลงเอาเป็นการประลองแบบตัวต่อตัว ส่งคนแรกออกมาเลย”หัวหน้าเรดพยักหน้าด้วยท่าทีเห็นด้วยก่อนจะบอกให้ทุกคนถอยออกจากลานกลางหมู่บ้านเพื่อสร้างที่ประลองให้กับคนของกวีและอีกฝ่าย

 

“มายด์ ช่วยเป็นคนแรกให้ทีนะ”ทันทีที่รู้ว่าจะประลองกันแบบไหน กวีก็เดินกลับเข้ามาในกลุ่มก่อนจะบอกให้มายด์ออกไปประลองเป็นคนแรกเสียอย่างนั้น

 

“เอ๊ะ ทำไมต้องเป็นมายด์ล่ะ”มายด์ถามพลางมองไปรอบ ๆด้วยท่าทีตกใจ

 

“พวกนั้นจะได้ประมาทไง”กวีตอบพร้อมรอยยิ้มเช่นเดิม แต่คำตอบของกวีกลับทำให้มายด์ไม่พอใจนิดหน่อย แม้จะเห็น ๆกันอยู่ว่ามายด์ฝีมืออ่อนที่สุดในกลุ่ม แต่ก็ไม่ต้องพูดออกมาชัด ๆแบบนั้นเลยก็ได้นี่นา

 

“ก็ได้….”มายด์ตอบด้วยท่าทีไม่พอใจก่อนจะเดินเข้าไปบนลานกว้างด้วยท่าทีประหม่าอย่างประหลาด มายด์ไม่เคยประลองต่อหน้าคนอื่นมาก่อน เพราะแต่เดิมก็ไม่คิดว่าจะสู้ใครได้อยู่แล้ว แต่เงินรางวัลที่ได้จากเควสมันเยอะมากทำให้มายด์เองก็ไม่อยากทิ้งเควสนี้ไปเหมือนกัน

 

“งั้นเริ่มได้”หัวหน้าเรดพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าให้เริ่มประลองได้ ทำให้คนจากปาร์ตี้อีกฝ่ายส่งคำขอท้าประลองมาที่มายด์ทันที

 

เปรี้ยง!!

 

ทันทีที่การประลองเริ่มต้น ชายตรงหน้ามายด์ก็เข้ามาโจมตีทันที อีกฝ่ายเองก็เป็นอาชีพนักดาบเหมือนกัน เพียงแต่อีกฝ่ายใช้ดาบใหญ่เหมือนที่เมฆใช้เท่านั้นทำให้พลังโจมตีหนักหน่วงกว่าของมายด์มาก

 

เปรี้ยง!!

 

แต่ละดาบที่ฟาดลงมาสร้างความเสียหายให้มายด์ไม่น้อย ไม่ใช่แค่อาวุธกับเลเวลที่เหนือกว่า ท่าทางความเชี่ยวชาญสกิลเองก็เหนือกว่ามากเช่นกัน คนอื่น ๆในปาร์ตี้ของกวีใช้สกิลกันถี่อย่างกับไม่มีเวลาคูลดาวน์ทำให้ความชำนาญของสกิลแต่ละสกิลเพิ่มขึ้นไวมาก มีเพียงมายด์เท่านั้นที่ยังทำตัวเหมือนผู้เล่นใหม่ใช้สกิลอย่างประหยัดอย่างกับกลัวว่าพลังเวทจะหมดเสียอย่างนั้น ทำให้ความชำนาญสกิลของมายด์เพิ่มขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ

 

ตูม!!

 

ใช้เวลาเพียงไม่นานมายด์ก็แพ้อย่างง่ายดายแม้อุปกรณ์สวมใส่จะเสริมพลังมาแล้วก็ตาม

 

“ฮ้า ๆ ๆ ที่แท้ก็พวกเลเวลน้อยธรรมดานี่นา คนต่อไปออกมาได้เลย”ทันทีที่ชนะได้ อีกฝ่ายก็เริ่มมีปากเสียงขึ้นมาเสียอย่างนั้นทำให้กวียิ้มออกมาบาง ๆด้วยท่าทีพึงพอใจ แม้ความจริงพวกกวีจะไม่ต้องพึ่งพาความประมาทของอีกฝ่าย แต่ให้อีกฝ่ายประมาทเอาไว้สักหน่อยก็ย่อมดีกว่า

 

“เจ นายเป็นคนต่อไป”กวีเลือกที่จะส่งเจออกไปเป็นคู่ต่อสู้ลำดับที่ 2 ยิ่งทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจทันที สายอาชีพนักดาบเป็นอาชีพพื้นฐานสำหรับอาชีพสายต่อสู้โดยใช้อาวุธ แต่ทว่าสกิลที่นักดาบมีต่างเป็นสกิลโจมตีทั้งนั้น ซึ่งมันทำให้สายแทงค์ที่ใช้โล่ลำบากไม่น้อยเพราะไม่มีสกิลอะไรเพิ่มพลังป้องกันเลยทำให้สายแทงค์ส่วนใหญ่ต้องเน้นค่าโบนัสไปที่ความทนทานเพื่อเพิ่มพลังป้องกัน เมื่อต้องมาประลองกันแบบตัวต่อตัวแล้วสายแทงค์ที่ยังไม่ได้อาชีพแทงค์เต็มตัวจะเสียเปรียบมาก

 

“คราวนี้เป็นตัวแทงค์สินะ”ชายจากปาร์ตี้อีกฝ่ายยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี โดยตัวเขานั้นถือหอกเอาไว้หนึ่งเล่มซึ่งการใช้หอกนั้นจะทำให้เจที่ใช้เพียงดาบมือเดียวเข้าถึงยากและมีโอกาสแพ้ในการประลองตัวต่อตัวมากแน่ ๆ

 

เปรี้ยง!!

 

ทันทีที่เริ่มประลอง หอกของอีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามาใส่เจทันที ด้วยเลเวลที่เหนือกว่าและความชำนาญสกิลที่เหนือกว่าทำให้เจต้องรับพลังโจมตีที่หนักหน่วงมากทีเดียว แต่ดูเหมือนพลังโจมตีของชายคนนี้จะน้อยกว่าโทรลล์ที่เจอระหว่างทางเสียอีก

 

คลืดดด…..

 

เจใช้โล่เบี่ยงปลายหอกไปทางอื่นก่อนจะอาศัยจังหวะนี้เข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย แต่ถึงจะเห็นเจเหวี่ยงดาบเข้ามาใส่ตนเองแล้ว ชายหนุ่มตรงหน้าเจก็ยังมีท่าทีไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ไอ้พวกสายแทงค์ที่อัพแต่ค่าความทนทานน่ะมันโจมตีได้ไม่แรงหรอก

 

เปรี้ยง!!

 

ดาบของเจฟันใส่ชายตรงหน้าเข้าอย่างจังด้วยสกิลจันทร์เสี้ยวทำเอาพลังชีวิตของอีกฝ่ายลดฮวบไปในทันที นี่มันไม่ใช่พลังโจมตีของพวกสายแทงค์เลยนี่นา

 

“ได้จังหวะแล้ว เอาให้ร่วงเลย”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ตั้งแต่รู้ว่าพรของคราวคือการเพิ่มพลังชีวิตให้กับเจจำนวนมหาศาล กวีก็เปลี่ยนให้เจใช้ค่าโบนัสที่ได้มาตอนเลเวลอัพไปลงที่ค่ากำลังและทนทานไปด้วยพร้อม ๆกัน เพราะเจมีพลังชีวิตมหาศาลอยู่แล้วขอแต่เสริมเกราะและทักษะการป้องกันก็สามารถแทงค์ได้สบาย ทำให้ตอนนี้เจมีพลังโจมตีสูงกว่ามีนที่เน้นค่าความเร็วเสียอีก

 

เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!

 

ไม่ใช่แค่ค่าสถานะเท่านั้นที่อีกฝ่ายเดาผิด แต่เจเองกลับใช้สกิลของนักดาบได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน แม้จะไม่เหมือนมีนที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เจที่มองเมฆและมีนจากระยะใกล้มาตลอดเองก็สร้างคอมโบของสกิลโจมตีได้เหมือนกัน

 

ตูม!!

 

ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ เจเหวี่ยงดาบด้วยสกิลถล่มปฐพีซึ่งเป็นท่าโจมตีที่แรงที่สุดของสายนักดาบเข้าใส่ร่างของชายตรงหน้าอย่างจังจนล้มลงไปนอนกับพื้น โชคดีที่เป็นการประลองเท่านั้นไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงกลับไปเกิดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตอนที่ 44

สื่อสารผิดพลาด

 

เปรี้ยง!!

 

กระบองที่อยู่ในมือโทรลล์ตัวใหญ่ที่มีเลเวลถึง 37 เหวี่ยงเข้าใส่โล่ของเจอย่างจัง เพียงแต่ตอนนี้เจเปลี่ยนจากโล่เหล็กขนาดเล็กที่กวีให้ใช้ก่อนหน้านี้มาเป็นโล่เหล็กขนาดใหญ่ที่ผ่านการอัพเกรดมาแล้วเป็นอย่างดีทำให้กระบองหนา ๆของโทรลล์แทบจะทำอะไรเจไม่ได้เลย

 

“ยอดเลย ป้องกันได้ดีกว่าเดิมเยอะมาก”เจพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่โล่เท่านั้นทั้งอุปกรณ์สวมใส่ส่วนต่าง ๆล้วนแล้วแต่เปลี่ยนใหม่หมดและเน้นไปที่พลังป้องกันทั้งตัวทำให้ตอนนี้เจมีพลังป้องกันสูงกว่าปกติหลายเท่า ประกอบกับพลังชีวิตที่มากกว่าคนอื่นเพราะพรจากเทวรูปองค์ที่ 5 อย่างคราวทำให้ตอนนี้เจสามารถยืนปะทะกับโทรลล์ที่เลเวลห่างกับเจถึง 17 เลเวลได้สบาย

 

“ในที่สุดก็เลิกใช้ของธรรมดาได้สักที”กวียิ้มออกมาพลางนำคทาด้ามใหม่ออกมาถือแล้วยิงกระสุนเพลิงต่อเนื่องเข้าใส่โทรลล์ในทันที ตอนนี้กวีเลเวล 28 แล้วจากการล้มอสรพิษทะเลลึกทำให้เลเวลของกวีนำกว่าคนอื่น ๆไปเกือบ 10 เลเวล แต่ถึงจะนำไปมากกว่านี้ก็ไม่มีปัญหา เพราะในเกมเอคโค่ขอเพียงเลเวลของคนในปาร์ตี้ห่างกันไม่เกิน 50 เลเวลก็สามารถแบ่งค่าประสบการณ์กันได้สบาย

 

“ทำไมไม่ทำแบบนี้แต่แรกคะ ทำไมมัวแต่ใช้ของธรรมดา ๆมาตั้งนาน”มายด์ถามพลางใช้ดาบเล่มใหม่เข้าไปโจมตีด้วยอีกแรง ตอนสู้กับกระต่ายเขาเดียวหรือปูเสฉวนเธอลำบากแทบตายเพราะไอเทมที่ใส่ยังเป็นของจากเกาะเริ่มต้นอยู่เลย ตอนนี้ไอเทมที่ใส่ทำให้เธอสามารถเข้าไปโจมตีโทรลล์ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฆ่าตายในทีเดียวแล้ว

 

“หินเสริมพลังมันใช้ได้แค่ของเลเวลยี่สิบขึ้นไปนี่นา”กวียิ้มเจื่อน ๆออกมาก่อนโจมตีไปที่โทรลล์ด้วยกระสุนน้ำที่ยังไม่ได้เลื่อนขั้น ในเกมหลาย ๆเกมการอัพเกรดไอเทมต่าง ๆถือเป็นหนึ่งในความสนุกอย่างหนึ่งที่สำคัญมากเลยก็ว่าได้ ต่อให้เป็นดาบเลเวล 20 แต่หากผ่านการอัพเกรดอย่างดีแล้วละก็อาจจะดีกว่าดาบเลเวล 40 ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ได้ แบบนี้ทำให้ตัวละครของผู้เล่นเก่งขึ้นอย่างทันตาเห็น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องฝึกฝีมือของผู้เล่นไปด้วย เพราะต่อให้มีดาบที่ดีแค่ไหนถ้าผู้ใช้โจมตีไม่เป็นก็ไม่สามารถเอาชนะได้ตลอดไปหรอก

 

“นึกว่าพี่เมฆจะเป็นพวกยอดฝีมือที่ถือกิ่งไผ่เอาชนะดาบได้ซะอีก”เจหัวเราะออกมาระหว่างรับการโจมตีของโทรลล์อย่างสบายใจ พอได้ความแม่นยำในการป้องกันจากโล่ขนาดเล็กมาแล้ว การเล็งกระแทกกลับการโจมตีของโทรลล์ที่ค่อนข้างเชื่องช้าก็ง่ายขึ้นมาก

 

“งั้น…ถ้ามีนักดาบคนหนึ่งเก่งมากจนไม่มีใครสู้ได้ แล้วเราแยกนักดาบคนนั้นออกเป็นสองคนโดยมีความสามารถเท่า ๆกัน คิดว่าคนที่ถือกิ่งไผ่หรือดาบวิเศษจะชนะล่ะ”เมฆถามคำถามออกมาก่อนจะโจมตีปิดท้ายใส่โทรลล์จนมันล้มทั้งยืน เมื่อระดับฝีมือไปถึงขั้นหนึ่งแล้วก็ต้องมีปัจจัยอื่น ๆเข้ามาเสริมเพื่อชี้วัดผลแพ้ชนะ เมฆเลยเป็นคนหนึ่งที่ชอบพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ให้ดีที่สุดเสมอ เพียงแต่เมฆก็ไม่ลืมที่จะพัฒนาตัวเองไปด้วยเช่นกัน

 

“นะ…นั่นสินะครับ”เจหัวเราะเจื่อน ๆออกมาก่อนจะเก็บดาบและโล่กลับเข้าไปในกระเป๋า เพียงแต่อีกปาร์ตี้หนึ่งที่กำลังสู้อยู่กับโทรลล์อีกตัวยังฆ่ามันไม่สำเร็จเลย

 

“คนพวกนั้นเลเวลยี่สิบกันจริง ๆเหรอ”ไทด์นักธนูประจำปาร์ตี้ของสองพูดพลางเล็งยิงไปที่ดวงตาของโทรลล์ ปาร์ตี้ของพวกสองต่างเป็นผู้เล่นเลเวล 30 ปลาย ๆกันทั้งนั้น อย่างไทด์เองก็เลเวล 38 เข้าไปแล้ว เรียกได้ว่าเลเวลสูงกว่าพวกโทรลล์เสียอีก แต่การฆ่าพวกมันก็ต้องใช้เวลาสักพักอยู่ดีเพราะโทรลล์มีพลังป้องกันสูงมาก

 

“นั่นสิ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้น เหมือนว่าทุกคนจะเก่งมากเลยนะ”อ้นชายร่างใหญ่ที่เข้าไปทักมีนก่อนหน้านี้เองก็เห็นด้วยเช่นกัน แม้พวกกวีส่วนใหญ่จะเลเวล 20 กันเท่านั้นไม่มีใครเลเวลเกิน 30 เลย แต่ในเรื่องฝีมือและไอเทมต่างสุดยอดกันทั้งนั้น แบบนี้การได้พวกกวีมาช่วยจะต้องเป็นผลดีมากแน่ ๆ

 

“แบบนี้พวกเราผ่านเควสได้แน่ ๆ”ไกรนักดาบในปาร์ตี้ของสองพูดด้วยท่าทีเห็นด้วย เควสป้องกันหมู่บ้านครั้งนี้เป็นเควสที่มีผลตอบแทนสูงมากทีเดียว อย่างน้อย ๆก็น่าจะได้เงินคนละหลายหมื่นเหรียญ แถมคนในหมู่บ้านยังบอกอีกด้วยว่าพวกโจรชิงสมบัติที่เป็นอาวุธในตำนานของหมู่บ้านไป หากสามารถเอาชนะพวกโจรได้อาวุธพวกนั้นจะยกให้พวกผู้เล่นด้วย ถ้าเป็นไอเทมระดับสูงขึ้นมานอกจากจะเก่งขึ้นแล้วยังได้เงินอีกด้วย

 

“ขอโทษที่ให้รอ ไปกันเถอะพวกเรายังต้องเดินทางอีกไกล”ทันทีที่ล้มโทรลล์ที่โผล่มากลางทางได้ สองก็รีบเข้ามาหาพวกกวีและพากันเดินทางต่อทันที ความจริงในโลกของเอคโค่ผู้เล่นสามารถซื้อรถเพื่อเดินทางได้ ในโลกสมัยใหม่ที่ผสมระหว่างเทคโนโลยีและเวทมนตร์มีรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้พลังงานจากแกนเวทให้ใช้เดินทางนอกจากการวาร์ปเอาได้อีกด้วย แต่ของพวกนั้นราคาแพงไม่ต่างจากรถในชีวิตจริงเลย ผู้เล่นธรรมดาเลยไม่สามารถซื้อได้

 

ส่วนหมู่บ้านที่สองกำลังจะพาไปนั้นเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากเมืองทันดร้าไปทางใต้พอสมควร ต้องเดินเท้าตลอดครึ่งวันกว่าจะถึง มันเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆที่มีผู้อยู่อาศัยไม่ถึงร้อยคนเสียด้วยซ้ำ ทำให้คนในหมู่บ้านอ่อนแอมากสำหรับการโจมตีจากพวกโจร

 

“นึกว่าหมู่บ้านจะดูโทรมกว่านี้ซะอีก”หลังจากเดินเท้าฝ่ามอนสเตอร์มาตลอดทางจนคนอื่น ๆในปาร์ตี้ของกวีเลเวลขึ้นเป็น 22 เข้าไปแล้ว ในที่สุดพวกกวีก็มาถึงหมู่บ้านที่ตั้งชื่อหน้าหมู่บ้านเอาไว้ว่า หมู่บ้านฟรอย มันเป็นหมู่บ้านที่ดูดีกว่าที่คิดเอาไว้จริง ๆ นอกจากจะมีแต่บ้านหลังใหม่แล้วผู้คนยังมีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสกันอีกต่างหาก

 

“ท่านสอง กลับมาแล้วเหรอครับ”ทันทีที่พวกสองเดินทางเข้าไปในหมู่บ้าน ชาวบ้านคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทียินดีก่อนจะกล่าวต้อนรับสองด้วยท่าทีเป็นมิตร ก่อนหน้านี้พวกสองและปาร์ตี้อื่น ๆต่างเข้ามาในหมู่บ้านและได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนในหมู่บ้าน พอพวกเขาตอบตกลงจะช่วยหมู่บ้านเอาไว้จากพวกโจร เหล่าชาวบ้านก็เป็นมิตรกับพวกสองมากกว่าเดิมเสียอีก

 

“สองกลับมาแล้วเหรอ”หลังจากเดินเข้าไปในหมู่บ้านได้พักหนึ่งพวกกวีก็เจอกับกลุ่มคนที่น่าจะเป็นเจ้าของเควสจนได้ เพียงแต่….ตอนนี้คนที่รวมกันอยู่กลางหมู่บ้านนั้นกลับมีถึง 30 คน พอรวมพวกกวีและปาร์ตี้ของสองเข้าไปก็จะเป็น 42 คนซึ่งมันเกินจำนวนเรดมา 1 ปาร์ตี้นั่นเอง เพราะแบบนี้หน้าตาของคนที่มาทักสองก็เลยดูไม่ค่อยสู้ดีนักกระมัง

 

“เดี๋ยวสองมาคุยกับพี่ทางนี้ก่อนนะ”ชายคนที่เข้ามาทักพูดพลางพาสองแยกออกไปเพียงคนเดียว แต่ถึงกวีจะไม่ตามไปก็รู้ได้ชัดเจนว่าทั้งสองไปคุยกันเรื่องอะไร เดาว่าตอนนี้คงมีเรื่องผิดพลาดอะไรบางอย่างทำให้คนเกินจำนวนจำกัดของเควสก็เลยต้องเอาคนออก แน่นอนว่าเควสจำกัดเลเวล 40 นั้นก็ต้องใช้คนเลเวล 30 ขึ้นไปถึงจะดี หากให้คิดอย่างคนปกติ การตัดปาร์ตี้เลเวล 20 หน่อย ๆอย่างปาร์ตี้ของกวีออกถือเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำกัน

 

“ไม่ได้นะพี่ ผมชวนพวกเขามาแล้วจะให้กลับไปเฉย ๆได้ไง”แต่แทนที่สองจะทำแบบนั้น อยู่ ๆสองก็โวยวายขึ้นมาเสียเฉย ๆ เพราะพวกเขาได้เห็นฝีมือของพวกกวีแล้ว และเชื่อว่าพวกกวีเก่งเสียยิ่งกว่าปาร์ตี้เลเวลเกิน 40 เสียอีก

 

“ใจเย็น ๆ….”ชายที่เข้ามาทักสองปรามไม่ให้สองใช้อารมณ์ไปมากกว่านี้ ก่อนจะเริ่มคุยกันด้วยน้ำเสียงเบา ๆอีกครั้ง แม้จะต้องใช้เวลาอยู่นานสองนาน แต่สุดท้ายสองก็เถียงไม่ออกเพราะแต่เดิมสองก็ไม่ใช่เจ้าของเควสอยู่แล้ว ดีไม่ดีเถียงต่อไปปาร์ตี้ของสองก็อาจจะไม่ได้เควสนี้ด้วย แบบนั้นปาร์ตี้ของสองก็คงจะซวยและสองก็ต้องห่วงคนในปาร์ตี้ของตนเองมากกว่าปาร์ตี้ของกวีอยู่แล้ว

 

“คุณกวี…..พวกเราต้องขอโทษจริง ๆนะครับ”สองเดินคอตกกลับมาก่อนจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ดูเหมือนปาร์ตี้หนึ่งที่อยู่ในเรดแต่แรกแล้วได้คนมาเพิ่มอีก 6 คน แต่ระหว่างเดินทางมาไม่ได้รายงานหัวหน้าเรดทำให้หัวหน้าเรดไม่รู้ว่าคนเกินแล้วปล่อยให้สองพาพวกกวีมาจนสุดท้ายคนก็เกินอย่างที่เห็น และก็เป็นอย่างที่กวีคิดปาร์ตี้เลเวลน้อยของพวกกวีเป็นฝ่ายโดนคัดออกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

“เจ….คิดว่าไง จะกลับหรือเปล่า”อยู่ ๆกวีก็เอ่ยปากถามไปทางเจทั้ง ๆที่ปกติหน้าที่ตัดสินใจควรจะเป็นของกวีแท้ ๆ ทำเอาเจที่อยู่ด้านหลังกับมายด์สะดุ้งโหยงทันที

 

“เอ๊ะ ผมเหรอ”เจมองไปรอบ ๆด้วยท่าทีเลิกลัก อยู่ ๆจะให้เข้าตัดสินใจได้ยังไงกัน

 

“พวกนั้นกำลังดูถูกเราอยู่ เพราะเห็นว่าพวกเราเลเวลต่ำก็เลยคิดจะคัดพวกเราออก พวกเราจะยอมไปแต่โดยดีหรือเข้าไปต่อรองกับพวกมันล่ะ”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆต่างจากสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ไปคนละทาง การถูกคัดออกทั้ง ๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเป็นเรื่องน่าโมโหไม่น้อย แต่หากไปมีเรื่องกับคนเลเวลสูงกว่าแบบนั้นมันจะดีหรือไม่…

 

“เรา…ไปคุยกันเถอะครับ”เจมองเหล่าผู้เล่นที่รวมกันอยู่กลางหมู่บ้านด้วยท่าทีไม่พอใจ คนพวกนั้นกล้าตัดสินพี่กวีว่าอ่อนแอเพราะเพียงเลเวลได้ยังไง คนพวกนี้เป็นยอดฝีมือที่เก่งที่สุดเท่าที่เจเคยเจอ อย่างน้อยต่อให้ต้องกลับก็ต้องทำให้พวกนั้นรู้ว่าคิดผิด

 

“ดี…”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจก่อนจะเดินเข้าไปหาคนในเรดตรง ๆเสียเลย

 

“ได้ยินว่าพวกเราต้องเป็นฝ่ายเดินทางกลับไปที่เมืองทันดร้า เรื่องนี้จริงหรือเปล่าครับ”กวีถามพลางมองเหล่าในเรดด้วยท่าทียิ้ม ๆ

 

“ขอโทษทีนะ แต่คนเราเกินแล้วคงต้องให้พวกนายกลับไปจริง ๆ”ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาก่อนจะตบบ่ากวีด้วยท่าทีเห็นใจ

 

“นั่นเพราะพวกเราอ่อนแองั้นเหรอครับ”กวีถามพลางมองหน้าชายหนุ่มที่เข้ามาหาตนด้วยใบหน้าจริงจัง

 

“เลเวลพวกนายต่ำเกินไป ขอโทษทีนะพวกเราอยากให้เควสสำเร็จมากกว่า”ชายตรงหน้ากวีถอนหายใจออกมาก่อนจะเอามือออกจากบ่าของกวีไป

 

“งั้น ถ้าพวกเราพิสูจน์ได้ว่าแข็งแกร่งว่า คนที่ต้องไปก็เป็นอีกปาร์ตี้สินะ”กวีถามก่อนจะหันไปมองคนรอบ ๆ ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นปาร์ตี้ใหม่ที่เข้ามาแทรกระหว่างปาร์ตี้ของกวี แต่หากจะเลือกคนร่วมเควสเพื่อจะผ่านเควสให้ได้ งั้นก็ตัดสินกันที่ความแข็งแกร่งก็พอสินะ

 

ตอนที่ 43

เสียเงิน

 

“พี่กวี มีนขอโทษนะคะ….”หลังจากกลับลงมาจากสนามประลอง สิ่งแรกที่มีนทำก็คือมาขอโทษกวีเป็นอย่างแรกทั้ง ๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ ๆ

 

“ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ”กวีถามด้วยใบหน้านิ่ง ๆเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับการพ่ายแพ้ของมีนเลย

 

“ก็ พี่กวีเสียเงินไปเพราะมีนแพ้นี่นา”มีนตอบพลางก้มหน้าลงด้วยท่าทีรู้สึกผิด

 

“การพนันมันก็ต้องเสียเงินอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เจ้ามือก็ไม่รวยจากการพนันหรอกนะ จริงสิพวกเราไปเก็บเลเวลต่อเถอะ”กวีว่าพลางนำพวกมีนออกจากสนามประลองทันที เป้าหมายของกวีไม่ใช่เงินที่ลงพนันอยู่แล้ว แต่กวีอยากเห็นว่ามีนยังสามารถสู้ภายใต้แรงกดดันได้หรือไม่ ซึ่งผลที่ออกมานั้นก็น่าสนใจไม่น้อย พอเริ่มต่อสู้แล้วมีนก็จะใช้สมาธิทั้งหมดไปที่การต่อสู้จนลืมภาระที่แบกเอาไว้ไม่เหลือเลย แบบนั้นจะเรียกว่าดีก็ได้ร้ายก็ไม่เชิงเพราะหากมอบหน้าที่สำคัญให้บางทีมีนอาจจะมัวแต่สู้กับคู่ต่อสู้ระหว่างทางจนลืมเป้าหมายก็ได้ แต่หากเป้าหมายเป็นคู่ต่อสู้คนนั้นเองก็ไม่มีใครทำได้ดีกว่ามีนอีกแล้ว

 

“น้องสาว น้องสาวคนนั้นหยุดก่อน”ระหว่างพวกกวีกำลังเดินทางออกไปที่หน้าประตูเมือง อยู่ ๆชายคนหนึ่งก็เข้ามาทักมีนด้วยท่าทียิ้มแย้มเสียอย่างนั้น แต่กวีจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยเจอคน ๆนี้มาก่อน

 

“น้องสาวที่ลงประลองก่อนหน้านี้ใช่ไหม พี่เห็นฝีมือของน้องแล้วมันสุดยอดมากเลย”ชายคนนั้นว่าพลางเดินเข้ามามีนพร้อมคนอีก 5 คน ท่าทางคนพวกนี้จะเป็นปาร์ตี้เดียวกันกระมัง

 

“ขอบคุณค่ะ….”มีนตอบพลางเดินถอยหลังมาหลบด้านหลังเมฆกับกวีเสียอย่างนั้น ไอ้ท่าทีขี้อายนี่ไม่เหมือนตอนสู้บนเวทีเลยจริง ๆ

 

“พวกเราไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ ผมชื่อสองเป็นจอมเวทของปาร์ตี้นี้ครับ”เห็นมีนถอยไปอยู่ข้างหลังชายหนุ่มตัวเล็กที่มีใบหน้ายิ้มแย้มสดใสก็แทรกตัวเข้ามายืนข้างหน้าชายที่เข้ามาทักตอนแรกทันที เขาคงคิดว่าหน้าตาเหลี่ยม ๆของชายคนแรกอาจจะทำให้มีนกลัวก็ได้

 

“สวัสดีครับผมชื่อกวี ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับคนของเรางั้นเหรอ”กวีเห็นมีนไม่กล้าคุยก็เลยออกไปรับหน้าแทน ท่าทางคนพวกนี้คงมีเรื่องบางอย่างถึงเข้ามาทักไม่ใช่แฟนคลับมาขอลายเซ็นแน่ ๆ

 

“ก่อนหน้านี้พวกเราได้เห็นพี่สาวคนนั้นสู้ในลานประลอง พวกเราก็เลยสนใจฝีมือของพี่สาวมากเลย”สองตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีจริงใจ ดูแล้วท่าทางจะไม่มีจุดประสงค์ร้ายอะไร

 

“พวกเราเลยอยากจะชวนพี่สาวคนนั้นไปร่วมทำเควสกับพวกเราครับ จริงสิพวกพี่ ๆจะไปด้วยกันก็ได้นะครับ”ที่แท้สองก็ต้องการคนไปช่วยทำเควสนี่เอง การที่ชวนทั้งปาร์ตี้นั้นหมายความว่าเควสที่ว่าสามารถพาคนไปได้มากกว่า 1 ปาร์ตี้แน่ ๆ

 

“เป็นเควสแบบไหนเหรอครับ”กวีเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย หากเควสมันยากเกินไปแล้วจะพาคนของเขาไปตายกันหมดก็ไม่คุ้มที่จะช่วยเหลือหรอก

 

“มันเป็นเควสช่วยเหลือหมู่บ้านครับ เราสามารถใช้คนได้หนึ่งเรดแต่เลเวลห้ามเกินสี่สิบครับ”สองตอบพลางเอารายละเอียดเควสออกมาให้ดู โดยเนื้อหาเควสนั้นเป็นการปกป้องหมู่บ้านจากโจรภูเขาที่กำลังจะบุกเข้ามายืดหมู่บ้าน หน้าที่ของผู้เล่นคือการปราบโจรหรือไม่ก็ถ่วงเวลาจนกว่าทหารของเมืองข้างเคียงจะมาถึง และในรายละเอียดเควสก็เขียนเอาไว้ชัดเจนว่าเงื่อนไขการเข้าร่วมเควสคือเลเวลต้องไม่เกิน 40 อย่างที่สองบอกมาจริง ๆ ท่าทางที่คนพวกนี้เข้าไปดูการประลองก็เพื่อจะหาคนเก่ง ๆที่เลเวลไม่เกิน 40 ด้วยนั่นเอง

 

“น่าสนใจดี งั้นพวกเราเอาด้วย”กวีอ่านรายละเอียดเควสอยู่พักหนึ่งก็ตอบตกลงออกมา รางวัลของเควสนี้น่าสนใจดี แถมความยากก็ไม่สูงนัก เป็นเควสที่ดูดีทีเดียว แน่นอนว่าอะไรที่ดูดีเกินไปย่อมมีกลิ่นแปลก ๆ แต่กลิ่นแบบนี้สำหรับกวีเป็นกลิ่นของความน่าสนุกเสียมากกว่า

 

“จริงเหรอครับ ยอดเลยเท่านี้เราก็หาคนได้ครบสักที”สองยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ การหาคนเลเวลน้อยแต่มีฝีมือนั้นยากมาก อย่างน้อยสองก็อยากได้คนมีฝีมือไปร่วมสู้ด้วยสักคนก็ยังดี และการได้มีนไปนั้นก็ทำให้สองมีความมั่นใจขึ้นมาก หวังว่าปาร์ตี้อื่น ๆที่หาคนมาเพิ่มจะได้คนมีฝีมือมาเยอะ ๆนะ

 

“งั้นผมขอรายงานให้ปาร์ตี้เจ้าของเควสรู้ก่อนนะครับ”สองรีบเปิดระบบสื่อสารออกมาก่อนจะติดต่อไปยังหัวหน้าเรดทันที ตอนนี้สองยังรับพวกกวีเข้าเรดไม่ได้เพราะไม่มีอำนาจเชิญ แต่พอกวีไปยังหมู่บ้านที่เป็นเป้าหมายแล้วก็จะให้หัวหน้าเรดรับเข้าเรดได้ทันที

 

“เจ….ถ้าเจออะไรผิดปกติรีบบอกผมทันทีนะ”กวีว่าพลางหันไปหาเจที่อยู่ข้าง ๆ

 

“เอ๊ะ….ครับ”เจพยักหน้าช้า ๆด้วยท่าทีงุนงง ตอนแรกเจก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก แต่พอกวีบอกให้คอยดูสิ่งผิดปกติ ใบหน้าของเจก็มีท่าทีระมัดระวังขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่วายหันไปหวานแหววกับมายด์ต่อเสียอย่างนั้น

 

“แบบนี้ไม่ไหวมั้ง”ไอช่ายิ้มเจื่อน ๆออกมาก่อนจะมองไปทางเจที่กำลังยิ้มร่าให้กับมายด์ ท่าทางเจจะพึ่งเคยคบหาเป็นแฟนกับคนอื่นก็เลยมีท่าทีดีอกดีใจขนาดนี้

 

“ไม่เป็นไรหรอกแบบนี้ดีแล้ว”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจก่อนจะมองไปทางมายด์ด้วยหางตา ตอนนี้มายด์ทำตามที่กวีคาดหวังเอาไว้อยู่แล้ว เพียงแต่เธอไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง

 

.

 

.

 

“บ้าจริง คนมาน้อยชะมัด”หลังจากผ่านเหตุการณ์ในเมืองทันดร้ามาจนถึงวันประมูลสินค้าของกิลด์อัศวินนภา ตอนนี้ไม้กำลังเครียดจัดเพราะลูกค้าที่ไม้ติดต่อไปมาร่วมการประมูลแค่ไม่กี่คนเท่านั้น กลัวว่าจะเป็นเพราะข่าวการรั่วไหลของสกิลเวทสายฟ้าแน่ ๆ

 

“ยังดีนะที่ยังมีคนมาบ้าง อย่างน้อยก็ต้องขายหนังสือเวทสายฟ้าให้ได้เกินสิบล้านเข้าใจหรือเปล่า”รองคนหนึ่งของไม้ว่าพลางกำชับกับผู้ดำเนินงานประมูลด้วยท่าทีจริงจังทำเอาเขาหน้าซีดไปไม่น้อย ตอนนี้ราคาประมูลของเวทสายฟ้าตกลงมาจนเหลือแค่ 3 ล้านเท่านั้น ทั้งนี้เพราะเวทสายฟ้าถูกกระจายข่าวออกไปว่ามีหลุดไปในเมืองทันดร้าอย่างน้อย 2 เล่ม แถมยังมีข่าวลือตามมาอีกด้วยว่าหนังสือเวทมนตร์สายฟ้าหลุดออกไปมากกว่านั้น บ้างก็ว่าเวทสายฟ้ากำลังจะกลายเป็นเวทดาษดื่นที่มีกันทั่วไปในอีกไม่ช้าแล้ว การจ่ายเงินหลายสิบล้านเพื่อครอบครองมันเลยไม่ใช่เรื่องน่าสนใจเท่าไร

 

“ผมจะพยายามครับ”ผู้ดำเนินงานประมูลตอบพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ แม้คนจะมาน้อยแต่คนที่มาต่างเป็นเศรษฐีกระเป๋าหนักกันทั้งนั้น แถมคนที่มาอย่างน้อยก็ต้องอยากได้เวทสายฟ้ากันอยู่แล้วไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสู้ราคากันบ้าง

 

“พี่อ้อน สวัสดีค่ะ”ทางฝั่งที่นั่งคนประมูลยามนี้กลับปรากฏร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้าไปหาหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเธอกล่าวทักทายออกมาก็ทราบได้ทันทีว่าผู้ที่มานั่งก่อนก็คือ อ้อน หญิงสาวที่ให้ข่าวเรื่องเวทสายฟ้ากับกวีนั่นเอง

 

“นาตาลี ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ มาสิลูกมานั่งด้วยกัน”อ้อนยิ้มรับก่อนจะลุกขึ้นรับไหว้นาตาลีอย่างเอ็นดู เธอแทบไม่มีท่าทีแปลกใจเลยที่เห็นนาตาลีมาร่วมงานในครั้งนี้

 

“ขอบคุณค่ะพี่อ้อน ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ราคาเวทสายฟ้าคงไม่ถูกลงขนาดนี้แน่ ๆ”ระหว่างการประมูลกำลังเริ่มและสินค้ากำลังออกมาขายทีละรายการ นาตาลีก็กล่าวทักทายอ้อนด้วยท่าทียินดีอย่างมาก นาตาลีเป็นจอมเวทที่แข็งแกร่งคนหนึ่งของประเทศไทย และมีชื่อเสียงเรื่องชอบสะสมเวทมนตร์หลาย ๆสายไม่ว่าจะเป็นเกมไหนก็ตาม แถมฐานะการเงินของเธอยังสนับสนุนให้เธอทำแบบนี้ได้สบาย แต่เธอไม่ได้อยากจ่ายเงินให้กิลด์อัศวินนภาเสียเท่าไร ยิ่งจ่ายได้น้อยก็ยิ่งดีกับเธอมากเท่านั้น ซึ่งนั่นก็เข้าทางอ้อนพอดี เธอมีปัญหาไม่ลงรอยกับกิลด์อัศวินนภาอยู่พอดี ประจวบเหมาะกับตอนกวีกลับมาก็เลยอาศัยเรื่องที่ไอช่าติดกวีมาก ๆเพื่อให้กวีช่วยหาเวทสายฟ้ามาตีราคากับเวทสายฟ้าของกิลด์อัศวินนภา ตอนแรกก็แค่ให้กวีได้เวทสายฟ้าไปเท่านั้น ไม่นึกเลยว่ากวีจะช่วยสร้างข่าวลือจนราคามันร่วงขนาดนี้

 

“คุณนาตาลีมาแบบนี้ผมก็ต้องวางมือจากเวทสายฟ้าแล้วสินะ”เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากทางที่นาตาลีเพิ่งเดินเข้ามา ชายหนุ่มผมทองผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราหนังผู้นี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเรย์นั่นเอง สำหรับพ่อค้าแล้วไม่แบ่งฝ่ายหรอกว่าสินค้าจะได้มาจากไหน ขอเพียงเป็นของที่ทำกำไรได้เรย์ไม่สนว่าจะต้องจ่ายเงินให้ใครอยู่แล้ว

 

“หรือว่าน้องเรย์อยากจะแข่งกับพี่ล่ะ”นาตาลียิ้มบาง ๆออกมาก่อนจะมองเรย์ด้วยท่าทียิ้ม ๆ

 

“พี่มาตามคำสั่งของพี่กวีไม่ใช่เหรอ ขืนตัดหน้าพี่ไม่รู้ว่าผมจะเสียผลประโยชน์เท่าไร”เรย์ตอบพลางถอนหายใจออกมา ขืนสู้กันกับนาตาลีก็มีแต่สร้างผลประโยชน์ให้กับกิลด์อัศวินนภามากขึ้น และต่อให้เรย์ประมูลแย่งไปได้นาตาลีก็ต้องมาซื้อต่อเรย์อยู่ดี เรย์แค่ช้อนซื้อของอย่างอื่นที่ต้องการก็พอ

 

“เข้าข้างกวีแบบนี้ หรือว่าเรย์จะใจอ่อนแล้วนะ”อ้อนถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีรู้ทัน ความจริงเรย์ที่บอกว่ายังโกรธกวีอยู่สามารถแย่งประมูลกับนาตาลีได้ เพราะทำแบบนั้นเรย์จะได้กำไรแน่นอนเพราะไม่ว่าจะประมูลไปแล้วอัพราคาขึ้นเท่าไร นาตาลีก็พร้อมจะจ่ายอยู่แล้ว การที่เขาไม่ทำเพราะเข้าข้างกวีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

“เปล่าสักหน่อย”เรย์ตอบพลางหันหน้าหนีไปทางอื่นด้วยท่าทีไม่พอใจทำเอาอ้อนและนาตาลีพากันหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนานก่อนจะเริ่มร่วมประมูลสินค้ากันบ้างคนละนิดละหน่อย

 

สุดท้ายแล้วเวทมนตร์สายฟ้าถูกประมูลไปโดยนาตาลีด้วยเงินแค่ 5 ล้านเท่านั้น แม้ถ้าหากเวทสายฟ้าออกมาสู่ตลาดมากกว่านี้ราคามันจะเหลือเล่มละไม่เกินล้านก็ตาม แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ต้องใช้เวลานานเพราะไม่ใช่ทุกคนจะสามารถได้เวทสายฟ้ามาง่าย ๆ ความจริงต่อให้มีเป็นสิบ ๆเล่มออกมาสู่ท้องตลาดราคาของมันก็ควรแตะ ๆ 7 ล้านเสียด้วยซ้ำ ที่นาตาลีซื้อมาได้ถูกขนาดนี้เป็นเพราะชื่อเสียงเรื่องการรวบรวมเวทมนตร์ของเธอ ไม่มีใครอยากสู้กับเธอเรื่องประมูลเวทมนตร์หรอก แน่นอนว่าสามารถสู้เพื่อปั่นราคาได้แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังเคืองกับเรื่องเวทสายฟ้าหลุดในตลาดอยู่เลยไม่มีใครอยากจะแย่งเวทมนตร์กับนาตาลีเลย แน่นอนว่าคนที่เจ็บหนักที่สุดย่อมเป็นไม้อย่างไม่ต้องสงสัย แถมไม่ใช่แค่นาตาลี เรย์เองก็ช้อนประมูลสินค้าดี ๆไปไม่น้อย แถมเพราะอิทธิพลของเรย์ทำให้หลาย ๆคนยอมปล่อยให้เรย์ชนะประมูลไปง่าย ๆ ทำให้สินค้าหลาย ๆตัวได้ราคาไม่เท่าเป้าที่ตั้งเอาไว้เลย

 

 

ตอนที่ 42

มั่นใจ

 

 

“ฮ้า ๆ ในที่นี้ไม่มีใครเหนือกว่าข้าอีกแล้ว”ไผ่ที่พึ่งล้มคู่ต่อสู้กลางลานประลองไปหัวเราะออกมาด้วยท่าทีภาคภูมิใจ เพียงแต่สายตาของเหล่าคนดูนั้นแทบจะไม่มีท่าทีชมเชยเลยแม้แต่น้อย นอกจากไผ่จะเลเวล 60 ซึ่งเป็นเลเวลสูงที่สุดในการเข้าร่วมงานประลองในระดับเริ่มต้นแล้ว ไผ่ยังมีอุปกรณ์สวมใส่ที่ดีมากอีกต่างหาก แม้จะเอาชนะด้วยฝีมือที่มีมากกว่าเช่นกันแต่สำหรับผู้ชมแล้วมันเป็นเรื่องที่เดาง่ายเกินไป

 

“ในเมื่อได้ผู้ชนะจากทั้งสองฝั่งแล้ว สนามประลองของเราจะขอพาผู้ชมทุกท่านชมการประลองครั้งต่อไปในอีกห้านาที ระหว่างนี้โต๊ะพนันของพวกเราจะเปิดให้เดิมพันกันได้แล้ว เชิญทุกท่านลงเดิมพันข้างที่ชอบได้เลย”ทันทีที่ไผ่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ พิธีกรก็เดินออกมาพร้อมประกาศคิวการต่อสู้ถัดไปด้วยท่าทีสนุกสนาน ที่นี่เองก็เป็นสถานที่ที่ผู้เล่นเข้ามาซื้อกิจการไปแล้ว โต๊ะพนันที่ตั้งขึ้นก็เลยเป็นของสนามประลองเอง แถมไม่ใช่แค่ประกาศออกมาโต้ง ๆแต่ยังมีจอขนาดใหญ่ที่กำลังฉายรูปของมีนกับไผ่คนละด้านพร้อมอัตราการต่อรองอีกต่างหาก

 

“งั้นก็เล่นสนุกหน่อยดีกว่า”กวีลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่โต๊ะรับแทงที่มีอยู่ทุกมุมสนาม ตอนนี้ยังเป็นคู่ประลองระดับต้นผู้ชมก็เลยไม่มาก อัตราการแทงตามปกติก็เลยไม่มากเท่าไร เพียงแต่ตอนนี้คู่ต่อสู้ที่กำลังจะลงมาเจอกันบนสนามนั้นเป็นคู่ที่น่าสนใจไม่น้อย เหล่าผีพนันเลยแห่กันมาลงเงินกันอย่างคับคั่งเพราะนอกจากไผ่ที่มีความสามารถพอจะมาประลองในระดับสูงกว่านี้แล้ว ยังมีดาวรุ่งหน้าใหม่ที่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีเลเวลสูงกว่ามาได้อย่างงดงามอยู่อีกคน เรื่องที่มีนจะสามารถเอาชนะไผ่ได้หรือเปล่านั้นไม่ว่าใครก็ถกเถียงกันไปทั่วสนาม เมื่อเถียงกันไม่ลงตัวการเดิมพันก็ต้องเกิด ทำให้การประลองรอบนี้เงินเดิมพันจึงเยอะกว่าการประลองรอบชิงระดับต้นของวันอื่น ๆหลายเท่า

 

“พี่กวี แทงข้างไหนเหรอคะ”หลังจากกวีวางเดิมพันเสร็จ ไอช่าที่รอกวีอยู่ตรงที่นั่งคนดูก็เอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยท่าทีสงสัย ปกติกวีไม่ค่อยเล่นพนันนี่นา

 

“ข้างมีนไง”กวีตอบกลับด้วยท่าทียิ้มแย้มก่อนจะเริ่มเขียนข้อความบางอย่างส่งไปให้มีนที่กำลังรอขึ้นสนามประลองหลังช่วงพักอยู่

 

[ ผมลงเงินข้างมีนไปสองหมื่นนะ เพราะงั้นอย่าแพ้ล่ะ ]

 

ข้อความสั้น ๆที่กวีส่งไปทำเอามีนที่นั่งอยู่ข้าสนามสะดุ้งโหยงก่อนจะเหลือบไปมองกวีที่อยู่บนที่นั่งคนดูด้วยท่าทีหวั่น ๆ ตอนแรกคิดว่าถ้าแพ้ก็คงไม่เป็นไร เพราะอีกฝ่ายก็เป็นผู้เล่นเลเวลสูงกว่ามาก แต่อยู่ ๆกวีก็มาเดิมพันกันแบบนี้เหมือนเอาแรงกดดันมหาศาลมาให้เลยไม่ใช่หรือไง คน ๆนั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

 

“เอาล่ะครับ ได้เวลาการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของรอบระดับต้นกันแล้ว เชิญทุกท่านพบกับเทพธิดาแห่งชัยชนะของพวกเรา มีน ครับ”พิธีกรกล่าวเปิดงานอย่างเอิกเกริก แถมภาพบนหน้าจอยังเปลี่ยนเป็นรูปมีนในช่วงจังหวะที่เอาชนะคู่ต่อสู้มาได้อีกต่างหาก การต่อสู้ของมีนสวยงามและน่าเกรงขามไม่ว่าใครได้มองก็รู้สึกตื่นเต้นกันทั้งนั้น ไม่แปลกเลยที่ผู้ชมจะชื่นชอบกันขนาดนี้

 

“และผู้ลงแข่งอีกท่าน เจ้าแห่งความเร็วที่เอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยความสามารถอันท่วมท้น ด้วยเลเวลที่ห่างกันกว่าสี่สิบเลเวลจะทำให้เทพธิดาของเราลำบากหรือไม่ ขอเชิญทุกท่านพบกับ ไผ่ แห่งกิลด์อัศวินนภาครับ”ทันทีที่พิธีกรประกาศชื่อออกมา ไผ่ก็กระโดดขึ้นมาบนเวทีเก๊กท่าหล่อโดยไม่ได้สนใจเรื่องเลเวลที่ต่างกันของทั้งสองเลย กลับกลายเป็นว่าคนที่อายจะแทบอยากจะลงจากสนามไปทั้ง ๆแบบนี้กลับเป็นมีนเสียมากกว่า เทพธิดาอะไรกัน พวกพิธีกรชอบพูดอะไรเวอร์ ๆอีกกันหมด แถมที่แย่ที่สุดคือระบบแจ้งเตือนว่าเธอได้รับฉายา เทพธิดาแห่งชัยชนะแห่งทันดร้า อีกต่างหาก ตกลงฉายานี้กลายเป็นของเธอแล้วสินะ

 

“พี่กวี งั้นมีนก็เอาชนะคน ๆนั้นได้เหรอครับ”เจที่นั่งอยู่ข้าง ๆมายด์ถามพลางมองลงไปที่สนามประลอง อีกฝ่ายเป็นผู้เล่นเลเวล 60 แถมชื่อเสียงของไผ่แม้แต่เจก็ยังรู้จัก ในช่วงหลังมานี่ไผ่ต่อยตีกับชาวบ้านไปทั่ว ชนะบ้างแพ้บ้างแต่ก็แสดงถึงระดับฝีมือของไผ่ได้ดีเลย

 

“ไม่ได้หรอก”กวีตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย หากเป็นผู้เล่นธรรมดาหรือมอนสเตอร์ มีนยังสามารถเอาชนะได้ด้วยความเร็วและประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ของเธอ แต่กับผู้เล่นมากฝีมือแล้วแค่นั้นยังไม่สามารถเอาชนะได้หรอก

 

“แต่…พี่ลงพนันข้างมีนไม่ใช่เหรอ”เจถามพลางยิ้มเจื่อน ๆออกมา ทำไมถึงไปลงพนันข้างมีนทั้ง ๆที่คิดว่ามีนจะแพ้ล่ะ

 

“ใช่”กวีหัวเราะด้วยท่าทีสบาย ๆ อย่างที่บอกเขาไม่ชอบเล่นพนันนักหรอก เขาแค่อยากเอาเงินที่ลงพนันไปกดดันมีนดูเท่านั้น หากมีนชนะก็จะกลายเป็นกำไรให้กับกวี แต่หากแพ้กวีก็อยากจะเห็นว่ามีนจะแพ้ยังไง เกมออนไลน์ในโลกเสมือนจริงตลอด 5 ปีที่ผ่านมานั้นเปลี่ยนแปลงความรู้ที่กวีเคยมีไปหลายอย่าง และสิ่งหนึ่งที่กวีรู้ก็คือจำนวนสมาชิกกิลด์หลายพันคนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรอีกแล้ว ในตอนนี้กิลด์ที่มีขนาดใหญ่จริง ๆต่างมีสมาชิกกันนับแสน อย่างกิลด์กรีนโลตัสเองก็มีสมาชิกกิลด์ร่วมแสนห้าเข้าไปแล้ว การจะเอาชนะคนพวกนั้นกวีไม่สามารถใช้จำนวนคนเท่าเดิมได้อีก หากกำลังทั้งหมดสู้ด้วยกำลังทั้งหมด ต่อให้กวีมียอดฝีมือเข้าช่วยกลุ่มหนึ่งก็ไม่สามารถเอาชนะได้ การดึงตัวเจ และ มีน เข้ามาในปาร์ตี้นั้นเป็นการหาสมาชิกใหม่ที่น่าไว้ใจพอจะยกตำแหน่งสำคัญให้ได้ พูดง่าย ๆก็คือกวีต้องการไพ่ในมือมากขึ้นนั่นเอง

 

เปรี้ยง!!

 

ไผ่และมีนเข้าปะทะกันทันทีที่เริ่มการประลอง แต่มีนกลับช้ากว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่เพราะเหนื่อยล้าหรือมีอาการผิดปกติ แต่เพราะน้ำหนักของภาระที่เธอแบกเอาไว้ต่างหาก ถ้าเธอแพ้ความคาดหวังที่กวีมอบให้จะเสียไปทันที แล้วจะให้เธอไม่ระวังได้อย่างไร

 

“เฮ้ ๆ นี่มันไม่เหมือนตอนแรกนี่นา”ไผ่ว่าพลางพุ่งตัวเข้ามาโจมตีมีนไปหลายครั้ง แม้จะหลบได้แต่มีนก็ถอยออกมาช้ากว่าก่อนหน้านี้มากทำให้ไผ่ตามเข้ามาโจมตีด้วยสกิลต่อไปได้อีกระลอก

 

“ทำไมมีนเคลื่อนไหวแปลก ๆล่ะครับ”เจถามด้วยท่าทีสงสัย ไผ่ก็เก่งอยู่หรอกที่ทำให้มีนเสียเปรียบได้ทันที แต่ที่ลำบากจริง ๆคือการเคลื่อนไหวของมีนเองที่ช้าลงต่างหาก

 

“เวลาเดิมพันอะไรสักอย่าง ร่างกายมันจะหนักกว่าปกตินะ”เมฆตอบพลางกอดอกนิ่ง ในยามสงครามแม้จะเป็นแค่สงครามในเกมแต่การแบกรับความหวังของใครสักคนมันหนักอึ้งมาก ๆ ในเวลาที่เมฆเหวี่ยงดาบเพื่อเปิดทางให้กับทุกคน เมฆเองก็ต้องแบกรับความหนักอึ้งนั้นเอาไว้แล้วฝ่าไปให้ได้ ในตอนนั้นหากพลาดขึ้นมาไม่ใช่แค่เงินที่จะเสียไป บางครั้งเมฆต้องพยายามเพื่อไม่ให้ความพยายามตลอดหลายเดือนหรืออาจจะหลายปีของทุกคนต้องสูญเปล่าเลยทีเดียว

 

“คิดถึงจังเลย ตอนที่พี่กวีฝากให้ไอช่าป้องกันเทวรูปสิงโตในตอนนั้นไอช่าแทบจะหัวใจหยุดเต้นแนะ ถ้าพลาดขึ้นมากิลด์จะแพ้ทันที แบบนั้นมันกดดันเกินไปนะ”ไอช่าว่าพลางยิ้มเจื่อน ๆออกมา

 

“อย่าบอกนะว่าผมเองก็ต้องเจอแบบนี้”เจถามด้วยท่าทีลำบากใจ แค่เอาเงินเป็นเดิมพันก็ว่าหนักใจแล้ว ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากตัวเองต้องแบกภาระอย่างความคาดหวังของคนในกิลด์แล้วจะเป็นยังไง

 

“ถ้าไม่อยากเจอก็แค่เอาความหวังพวกนั้นไปฝากไว้ที่คนอื่นอีกทีก็พอ แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เป็นแถวหน้าของกิลด์ไม่ได้หรอกนะ”กวีตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่สายตาของกวีกลับมองไปที่มีนไม่วางตา ตอนนี้มีนไม่สามารถโยนความรับผิดชอบไปให้คนอื่นได้ เธอมีทางเดียวเท่านั้นคือต่อสู้เพื่อไม่ให้กวีต้องเสียเงินไป แต่คู่ต่อสู้ของเธอก็เหนือกว่าเธอมาก ตอนนี้มีนเห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นสนุกอยู่

 

เคร๊ง!!

 

มีนกัดฟันแทงดาบสวนออกไปในจังหวะที่ไผ่กำลังใช้สกิลใส่เธอ หากโดนโจมตีเข้าคนเลเวลน้อยกว่าอย่างมีนจะแพ้ในไม่กี่ดาบเท่านั้น หากต้องการชนะก็ต้องโจมตีให้โดนและหลบการโจมตีให้ได้เท่านั้น

 

“ดีนี่ ข้าอยากเห็นพลังที่แท้จริงของเจ้า”ไผ่หัวเราะร่าก่อนจะเริ่มเข้ามาโจมตีมีนอีกครั้ง แม้ตอนแรกมีนจะเอาแต่กังวลว่าห้ามแพ้เด็ดขาด แต่เมื่อเริ่มต่อสู้แล้วสมองของมีนก็เย็นลง ไม่นานความคิดที่ว่าห้ามแพ้เท่านั้นก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจะเอาชนะอีกฝ่ายอย่างไรดี

 

การแบกรับความหวังของผู้อื่นแค่แบกเอาไว้อย่างเดียวมันไม่พอหรอก ผู้แบกรับมันเอาไว้จะต้องหาทางทำให้มันสำเร็จด้วย แม้โอกาสจะน้อยแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี

 

เปรี้ยง!!

 

ทั้ง ๆที่ความเร็วของไผ่เหนือกว่าเพราะทั้งเลเวลและค่าโบนัสที่เลือกอัพ แต่คนที่โจมตีเข้าเป้าก่อนกลับเป็นมีนเสียอย่างนั้น ขอแค่ออกสกิลให้ตรงจังหวะก็สามารถโจมตีให้โดนอีกฝ่ายได้แล้ว

 

เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ ๆ

 

ไม่ใช่แค่สายตาที่ไวราวกับดวงตาของเหยี่ยว มีนยังได้ดูคอมโบของเมฆมาอย่างใกล้ชิด เรื่องการเรียงคอมโบนั้นมีนเหนือกว่าผู้เล่นธรรมดาไปหลายขั้น เพียงแต่….

 

“เจ้าคิดว่าเจ้าสู้อยู่กับมอนสเตอร์หรือไง”ไผ่ที่โดนโจมตีไปหลายครั้งพูดออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ คอมโบที่มีนใช้ออกมาร้อยต่อกันไม่มีช่องว่างและสร้างความเสียหายได้อย่างต่อเนื่องก็จริง แต่…

 

เปรี้ยง!!

 

ไผ่เหวี่ยงดาบปัดการโจมตีของมีน ก่อนจะใช้สกิลสวนกลับมาจนดาบของมีนแทบปลิว กำลังของคนเลเวลสูงนั้นเหนือกว่าหลายเท่า และคอมโบของมีนก็มีช่องให้ตอบโต้ได้อยู่ แม้มอนสเตอร์ที่กำลังโจมตีแทงค์อยู่จะไม่ทำ แต่คนนั้นสามารถหาทางเอาตัวรอดแล้วตอบโต้กลับมาได้อยู่ดี

 

“ข้าจะสอนให้เจ้ารู้เองว่าวิชาสังหารนั้นเป็นเช่นไร”ไผ่พูดด้วยท่าทีหลุดโลกไปหน่อย แต่ท่าดาบที่แสดงออกมนั้นกลับดูมั่นคงมาก ตอนนี้ดาบของมีนโดนปัดจนปลิวอยู่เหนือหัว ลำตัวของเธอเลยเปิดโล่งให้โจมตีได้อย่างง่ายดาย แต่มีนก็มองเห็นอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะเล่นงานลำตัวแน่ ๆเธอเลยฝืนเอาดาบลงมาป้องกันลำตัวเอาไว้….

 

เปรี้ยง!!

 

ดาบของไผ่โจมตีเข้าที่หัวของมีนเสียอย่างนั้นแต่เพราะความเร็วในการตอบสนองของมีนที่สูงมากทำให้เธอยังสามารถหลบได้ทัน แต่ไผ่ที่เห็นมีนในการประลองมาก่อนหน้านี้แล้วเข้าใจข้อนั้นดี

 

เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ

 

ดาบของไผ่ดึงกลับด้วยความเร็วสูงราวกับการโจมตีก่อนหน้านี้ไม่ได้ใส่แรงอย่างเต็มที่ ก่อนที่ไผ่จะเข้าสู่กระบวนท่าโจมตีด้วยสกิลอย่างรวดเร็ว พริบตานั้นการโจมตีของไผ่ก็กระแทกร่างของมีนเข้าอย่างจังเพราะการเอี้ยวตัวหลบของมีนก่อนหน้านี้ทำให้มีนไม่สามารถหลบการโจมตีครั้งนี้ได้ผล และเมื่อโดนเข้าไปครั้งหนึ่งแล้ว การคอมโบสำหรับสู้กับคนก็เริ่มขึ้น

 

การสู้กับคนนั้นไม่จำเป็นต้องสร้างความเสียหายสูงสุดเสมอไป ไม่จำเป็นต้องเร่งจังหวะให้พลังชีวิตของอีกฝ่ายลดเยอะที่สุด แต่เป็นการดึงให้คู่ต่อสู้โดนโจมตีต่อเนื่องให้ได้มากที่สุด และอาชีพนักดาบก็เป็นอาชีพที่มีท่าโจมตีกระแทกเยอะที่สุดในสายอาชีพขั้นต้นทั้งหลาย ทำให้มันโดนโจมตีสลับอัดกระแทกจนไม่สามารถหลบหลีกได้อีก และด้วยเลเวลที่ห่างกันมาก พอมีนหลบหลีกไม่ได้เหมือนเดิมพลังชีวิตของเธอก็หายไปจนหมดในเวลาเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น

ตอนที่ 41

หลงรัก

 

 

“แล้ว…ไปทำอีท่าไหนถึงได้เป็นแบบนั้นล่ะ”หลังจากกวีใช้วาร์ปจากภายในห้องสมุดลึกลับกลับมายังเมืองทันดร้า กวีก็แยกทางกับแก้วเพราะกวีไม่สามารถพาแก้วมาเจอกับเมฆและไอช่าได้ เพียงแต่สถานที่ที่เมฆนัดพบนั้นกลับเป็นลานประลองของเมืองทันดร้าเสียอย่างนั้น แถมคนที่กำลังลงประลองอยู่ก็เป็นมีนอีกด้วย

 

“ไม่รู้สิ พอจัดการเรื่องของกิลด์อัศวินนภาเสร็จ ก็เห็นว่ามีรายชื่อของมีนลงแข่งในงานประลองแล้ว”เมฆตอบพลางนั่งมองการประลองด้วยท่าทีช่วยไม่ได้ ไม่รู้หรอกว่ามีนเข้าไปร่วมงานประลองได้ยังไง แต่เธอก็กำลังสู้กับคนบนลานประลองอย่างจริงจังทีเดียว ท่าทางนิสัยชอบการต่อสู้ของมีนจะไม่ได้จำกัดแค่มอนสเตอร์เสียแล้ว

 

“ประสาทสัมผัสไวมากเลยนะคะ ถึงจะเลเวลน้อยกว่าแต่ก็สู้ได้ยอดเยี่ยมมากเลย”ไอช่าที่กำลังถือแก้วน้ำกับป๊อปคอร์นในมือจ้องมีนที่กำลังต่อสู้อยู่บนลานประลองอย่างสนใจ นี่เป็นรอบที่ 5 แล้วที่มีนสามารถเอาชนะมาได้ ประสาทสัมผัสของมีนนั้นแหลมคมอย่างกับพวกที่ฝึกมาอย่างหนักไม่มีผิด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นคนที่พึ่งเคยเล่นเกมแนวต่อสู้เป็นครั้งแรก หากฝึกดี ๆบางทีอาจจะมีฝีมือเทียบเท่าเมฆได้เลยก็ได้

 

“ยังหยาบไปหน่อย แต่ก็น่าสนใจ”เมฆยอมรับอย่างจริงใจ ปกติเมฆเป็นพวกเล่นเกมคนเดียวเพราะไม่ชอบให้คนอื่นมาถ่วง แต่สำหรับมีนแล้วเขาสามารถร่วมสู้ได้อย่างสบายใจแทบไม่ต่างจากปาร์ตี้ของพวกเอกเลย หากเข้าใจเกมมากกว่านี้ และใช้สมองในการต่อสู้มากกว่านี้มีนคงเหนือกว่าพวกเอกได้แน่ ๆ

 

เปรี้ยง!!

 

ดาบในมือของมีนโจมตีใส่ร่างของคู่ต่อสู้ตรงหน้าอย่างรวดเร็วจนร่างของชายคนนั้นถอยออกไปกระแทกกับพื้นอย่างแรงพร้อมพลังชีวิตที่เหลือเพียง 1 หน่วยเท่านั้น นั่นหมายความว่ามีนเป็นผู้ชนะในรอบนี้นั่นเอง การแข่งขันในเมืองทันดร้านั้นถือเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งที่มีให้เห็นเป็นประจำทุกวัน โดยการแข่งขันที่มีนลงสมัครนั้นเป็นการแข่งขันของผู้เริ่มต้น ไม่ใช่พวกระดับสูงที่ครองสนามมาอย่างยาวนานทำให้ฝีมือของคู่แข่งที่มีนเจอค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ธรรมดา ทำให้มีนสามารถเอาชนะได้แม้เลเวลจะห่างกัน 10 หรือ 20 เลเวลก็ตาม

 

“เก่งมาก”ขณะมีนกำลังจะเดินลงจากลานประลองเพื่อรอการต่อสู้รอบต่อไป กวีก็เดินมารอตรงขอบสนามเพื่อจะคุยกับมีน เพียงแต่….

 

“พี่กวี มาด้วยเหรอคะ”มีนสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นกวีมาเจอเธอที่กำลังเข้าร่วมการประลองอยู่ ทันทีที่รู้ว่ามีคนรู้จักมาดูการประลองด้วยมีนก็หน้าแดงจัดอย่างกับลูกตำลึงก่อนจะย่อตัวเล็กน้อยเหมือนจะพยายามหาที่หนีไปหลบเสียอย่างนั้น ไอ้นิสัยขี้อายของเธอเนี่ยไม่เหมาะกับท่าทีเวลาต่อสู้เลยสักนิด

 

“มากันหมดนั่นล่ะ เธอทำได้ดีมากเลยนะ”กวียิ้มกว้างพลางชี้ไปที่พวกเมฆที่นั่งรออยู่ด้านบน พอเห็นเมฆกับไอช่าเข้ามีนก็ยิ่งอายเสียยิ่งกว่าเดิมอีก ตอนแรกเธอรู้แค่ว่าสามารถเข้ามาลองสู้กับคนอื่นได้ก็เลยเข้ามาสู้ดู แต่จู่ ๆเธอก็โดนจับเข้างานประลองเสียอย่างนั้นเล่นเอาเธอทำตัวไม่ถูกเลย

 

“มีนทำให้พวกพี่กวีต้องรอหรือเปล่า มีนจะไปขอร้องคนจัดการแข่งดูว่าจะออกไปก่อนได้หรือเปล่า”มีนเห็นว่าพวกเมฆกับไอช่าเองก็มาแล้วกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำให้พวกกวีรอหรือเปล่า ก็เลยจะไปสละสิทธิ์ แต่กวีกลับส่ายหน้าช้า ๆเป็นการปฏิเสธ

 

“ไม่ต้องหรอก พวกเจยังไม่มาเลย แถมรอบต่อไปก็เป็นรอบสุดท้ายแล้วอยู่สู้ให้จบเถอะ”กวียิ้มออกมาก่อนจะเดินกลับขึ้นไปบนที่นั่งคนดู แม้จะเป็นการประลองที่จัดขึ้นทุกวันแต่รางวัลสำหรับผู้ชนะก็ไม่เลวเลย ไหน ๆก็สู้มาขนาดนี้แล้วก็เอาของรางวัลกลับบ้านเสียหน่อยจะเป็นอะไรไป

 

“ค่ะ….”มีนตอบรับก่อนจะเดินกลับเข้าไปตรงที่พักของผู้เข้าแข่งขัน ตอนนี้คู่ต่อสู้ของมีนเหลือเพียงผู้ชนะจากอีกสายเท่านั้น

 

“พี่กวี สวัสดีครับ”หลังจากกวีเดินกลับมาตรงที่นั่งคนดู กวีก็พบว่าเจอยู่ตรงที่นั่งคนดูตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบ เท่านี้ปาร์ตี้ของกวีก็กลับมาจนครบแล้วแม้แต่มายด์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆเจด้วยเช่นเดียวกัน เพียงแต่ท่าทีของทั้งสองนั้นดูแปลก ๆอย่างเห็นได้ชัด การที่มายด์จะไปอยู่ข้าง ๆเจก็เป็นเรื่องปกติ แต่เจมักจะทำตัวเขิน ๆเหมือนไม่ทราบจะทำอย่างไรกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นดี แต่ตอนนี้เจกลับพูดคุยกับมายด์มากขึ้นแถมยังหัวเราะคิกคักกันสองคนราวกับโลกนี้ไม่มีคนอื่นแล้วอีกต่างหาก ไอ้ท่าทางเหมือนคู่รักใหม่นั่นชัดจนไม่ต้องอธิบายเป็นคำพูดเลย

 

“แล้วคู่ต่อสู้ของมีนน่าจะเป็นใครงั้นเหรอ”กวีปล่อยผ่านเรื่องของมายด์กับเจแล้วไปนั่งอยู่ข้าง ๆเมฆอีกครั้ง กวีพึ่งจะมาถึงก็เลยยังไม่รู้เลยว่าใครลงประลองบ้าง แต่พอถามคำถามนี้ออกไปเมฆกลับยิ้มเจื่อน ๆออกมาเหมือนไม่อยากจะตอบเสียอย่างนั้น

 

“ฮ้า ๆ ๆ ไหนใครเป็นเหยื่อคนต่อไปของข้า”ไม่ต้องให้เมฆตอบ ชายคนหนึ่งก็เดินขึ้นมาบนลานประลองพร้อมเสียงหัวเราะเสียอย่างนั้น สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่าเจ้านี่มันบ้าหรือไม่เต็มเพราะมันเล่นเก๊กท่าขึ้นมาบนเวทีอย่างกับตัวละครในการ์ตูนเสียอย่างนั้น

 

“ไอ้..เจ้านั่นงั้นเหรอ”กวียิ้มฝืน ๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าคนแบบเจ้านั่นจะมาลงประลองในรอบมือใหม่แบบนี้ ไม่ใช่ว่าเจ้านั่นเป็นผู้เล่นเก่าหรอกหรือ

 

“เจ้านี่ดวงซวยจริง ๆที่มาเจอกับข้าผู้นี้ วันนี้ข้าจะให้ดาบของข้าได้ดื่มเลือดของเจ้า”ชายหนุ่มที่สวมเสื้อเกราะที่ประดับประดาอย่างกับจะทำให้ตัวเองเรืองแสงได้ชี้ดาบมาทางคู่ต่อสู้ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาโจมตีอย่างต่อเนื่องจนคู่ต่อสู้รับมือแทบไม่ทัน เจ้านั่นเป็นนักดาบสายความเร็วที่โจมตีได้อย่างดุดันมาก แม้จะมีท่าทีไม่เต็มเท่าไรแต่เรื่องฝีมือนั้นกลับเหนือกว่าคู่ต่อสู้คนอื่น ๆอย่างเห็นได้ชัด

 

“ห้าปีแล้วเจ้านั่นก็ยังไม่เปลี่ยนสินะ”กวีส่ายหน้าช้า ๆด้วยท่าทีเอือมระอา ชายหนุ่มบนลานประลองนั่นคือหนึ่งในผู้เล่นระดับสูงของกิลด์อัศวินนภา เป็นคู่ต่อสู้ที่เหล่าสมาชิกปาร์ตี้ของกวีไม่อยากจะเจอเสียเท่าไร ไม่ใช่เพราะฝีมือที่โดดเด่นเกินคน แต่เพราะความไม่เต็มของเจ้าบ้านี่ล่ะ เจ้าบ้าที่ชื่อ ไผ่ นั่นเป็นพวกที่คิดเสมอว่าตัวเองเก่งที่สุดและมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่ภายในร่าง เจ้าบ้านั่นมักจะแหลมมาสู้กับพวกตักหลักของกิลด์กวีเสมอ แม้จะมีฝีมืออยู่บ้างแต่ก็โดนคนของกวีตบกลิ้งไปทุกที แต่สำหรับมีนที่ยังมีประสบการณ์ไม่มากพอแล้วบางทีอาจจะรับมือได้ลำบากก็ได้

 

“ได้ข่าวว่าป่วนไปทั่วเหมือนกัน”เมฆตอบพลางถอนหายใจออกมาเหมือนกัน เจ้านั่นชอบมาสู้กับเมฆที่ได้ชื่อว่าจอมดาบอันดับ 1 อยู่บ่อยครั้ง บางทีถึงกับเสี่ยงเข้าเขตที่มีมอนสเตอร์เลเวลสูงกว่าตัวเองหลายสิบเลเวลเพื่อไปท้าประลองเมฆเลยทีเดียว

 

“ฮ้า ๆ ตายซะ ตายซะ”ไผ่ที่กำลังถล่มคู่ต่อสู้บนลานประลองหัวเราะอย่างสะใจ ก่อนจะโชว์ลีลาการต่อสู้ออกมาจนเกินความจำเป็น เจ้านั่นเป็นพวกเน้นความเร็วก็เลยออกท่าทางมากกว่าปกติ หากสู้ปกติโดยไม่ต้องเก๊กท่าเท่ ๆดาบของเจ้าไผ่คงไวกว่าเดิมเยอะ แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวของไผ่ทำให้เจ้าตัวไม่ยอมทำตามเลย

 

“พี่กวี พี่จะไม่จัดการอะไรกับนั่นจริง ๆเหรอ”ระหว่างดูการต่อสู้ของไผ่ สิ่งหนึ่งที่รบกวนสายตาของไอช่ามากก็คือท่าทีหนุงหนิงของเจกับมายด์ที่ตอนนี้แทบจะเข้าไปอยู่ในโลกของกันและกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับผู้ชายอาจจะดูไม่ออก แต่สำหรับไอช่าแล้วดูออกไม่ยากว่ามันไม่ปกติ ท่าทีของเจเป็นท่าทีของคนที่กำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งเข้าจริง ๆนั่นล่ะ แต่มายด์นี่สิ ท่าทีของมายด์ยังดูคลุมเครืออยู่เลย

 

“ปล่อยไปเถอะ”กวียิ้มก่อนจะเริ่มมองการประลองต่อ กวีไม่ใช่คนตาบอดย่อมเห็นท่าทีของทั้งสองอยู่แล้ว แต่การที่กวีไม่ทำอะไรก็ต้องมีเหตุผลของกวีอย่างแน่นอน ไอช่าพอได้เห็นว่ากวีจงใจปล่อยเรื่องนี้ไปก็ได้แต่ยอมรับฟังแล้วทนกับกลิ่นความรักต่อไป

 

“งั้นเรื่องของผู้หญิงที่อยู่กับพี่ก่อนหน้านี้ล่ะ ถ้าพี่จะมีแฟนต้องให้ไอช่าตรวจดูก่อนนะ”ไอช่าว่าพลางทำหน้ามุ่ยออกมาอย่างไม่พอใจ

 

“ไม่มีอะไรหรอก”กวีหัวเราะเบา ๆออกมาก่อนจะดูการประลองต่อไป

 

“ไม่ได้ เรื่องนี้ไอช่าไม่ยอมปล่อยแน่ ๆ พี่กวีบอกไอช่ามาให้หมดเลยนะ”ไอช่าว่าพลางเกาะแขนของกวีเอาไว้ เธอดูจะจริงจังเรื่องนี้มากกว่าแผนอื่นของกวีเสียอีก

 

“ก็ได้ พี่ไปเจอเกษแก้วกัลยามา ท่าทางเขาจะไม่รู้จักหน้าพี่ก็เลยจะไปดูฝีมือหน่อยเท่านั้นเอง”กวีตอบออกมาตามตรง สำหรับเขาแล้วแก้วเป็นคนที่น่าสนใจ หากดึงมาเข้าร่วมกับตนเองได้ก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งของกิลด์ขึ้นได้ แต่หากไม่เธอก็เป็นคู่ต่อสู้ที่ต้องให้ความสนใจเช่นเดียวกัน เพราะหากมองข้ามเธอไปคงได้เจ็บตัวแน่ ๆ

 

.

 

.

 

“เจ้…..สร้อยนั่นมันมีอะไรเหรอครับ”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของแก้วที่กลับไปยังเมืองที่กิลด์เมฆาใช้เป็นจุดรวมพล เหล่าลูกน้องของแก้วต่างเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าอาเจ้ของกิลด์เปลี่ยนไป เธอยิ้มแย้มมากขึ้นแถมยังชอบเอาสร้อยคอที่ได้มาจากไหนก็ไม่ทราบขึ้นมาดูเล่นอีกต่างหาก ท่าทีแบบนี้ก็ดูน่ารักดีหรอกแต่มันแปลกสำหรับลูกกิลด์ที่มักจะเห็นเธอเป็นอาเจ้ใหญ่ที่น่าเกรงขามนี่สิ

 

“ไม่มีอะไรหรอก ไปทำงานได้แล้ว”แก้วเปลี่ยนท่าทีทันทีก่อนจะสั่งให้เหล่าลูกน้องกลับไปทำงานของตนเอง กิลด์อัศวินนภามีการค้าและการประมูลเป็นรายได้หลัก ส่วนกิลด์ของเมฆาที่ขึ้นตรงกับกิลด์เสียดฟ้าเองก็มีการล่าไอเทมเป็นรายได้หลักเช่นเดียวกัน ทำให้พวกเธอมีกำลังคนคอยหาไอเทมมาป้อนให้ตลาดเป็นจำนวนมาก

 

“เจ้…ได้ข่าวว่าหัวหน้ากิลด์สุริยันจันทรากลับมาแล้วนะ”อยู่ ๆลูกน้องคนหนึ่งของแก้วก็รายงานเรื่องการกลับมาของกวีให้เธอฟัง เรื่องนี้เรย์กระจายข่าวให้พวกเดียวกันจนครบแล้ว แต่ข่าวใหญ่เช่นนี้จะหลุดมาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

“ว่าไงนะ”แก้วชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินว่าหัวหน้ากิลด์ของกิลด์สุริยันจันทรากลับมาแล้ว

 

“เจ้….มันยังเป็นแค่ข่าวลืออยู่พวกเรายังไม่รู้หรอกว่าจริงหรือเปล่า”ลูกน้องคนนั้นเห็นท่าทีของแก้วก็พยายามบอกให้แก้วใจเย็นลงทันที

 

“ถ้ามันกลับมาจริง…..ฉันจะฆ่ามันเอง”แก้วยามเมื่อพูดถึงหัวหน้ากิลด์สุริยันจันทราขึ้นมากลับเปลี่ยนจากท่าทีเมื่อนึกถึงกวีอย่างกับคนละคน ดวงตาของเธอยามนี้ดุดันจนลูกน้องรอบข้างสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร สำหรับแก้วแล้วไอ้ชั่วอย่างกวีหัวหน้ากิลด์สุริยันจันทรานั้นไม่ควรอยู่ในสังคมเกมเสียด้วยซ้ำ 5 ปีที่ผ่านมาสังคมเกมสงบสุขขึ้นมากเพราะมันไม่อยู่ แต่น่าเสียดายแก้วที่ได้เจอกับกวีแล้วกลับไม่สามารถเชื่อมโยงกวีที่ได้เจอในวันนี้กับกวีหัวหน้ากิลด์สุริยันจันทราได้อย่างสิ้นเชิง สำหรับเธอแล้วทั้งสองคนไม่ใช่คนเดียวกันอย่างแน่นอน

ตอนที่ 40

หลักฐาน

 

ทางฝั่งของกวี อยู่ ๆอสรพิษทะเลลึกก็เปลี่ยนท่าทีไปราวกับกำลังโมโหอะไรบางอย่าง แถมดวงตาของมันยังเปลี่ยนเป็นสีแดงคอยจ้องมองมาทางแก้วที่กำลังยิงโจมตีมันอย่างไม่วางตาอีกต่างหาก

 

“ท่าทางมันจะใกล้ตายแล้ว”กวีปิดระบบสื่อสารก่อนจะหันไปมองอสรพิษทะเลลึกด้วยท่ายิ้มแย้ม ในที่สุดบอสที่รุมเล่นงานกับแก้วมานับชั่วโมงก็เริ่มอ่อนแรงให้เห็นแล้ว แถมเจ้าอสรพิษทะเลลึกยังมีท่าทีเดือดจัดเพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็เล่นงานแก้วกับกวีไม่ได้เสียที

 

“หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ ลูกธนูของแก้วใกล้หมดแล้ว”แก้วตอบพลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ การใช้สมาธิเล็งโจมตีจากระยะไกลต่อเนื่องนาน ๆนั้นกินแรงอย่างมาก แม้จะมีสกิลของกวีคอยช่วยแต่กว่าจะสร้างความเสียหายให้อสรพิษทะเลลึกจนเริ่มคลั่งได้ก็เล่นเอาธนูที่เตรียมมาเหลือเพียงไม่ถึงร้อยดอกเท่านั้น

 

“พวกเรารีบปีนขึ้นไปดีกว่า ท่าทางแบบนั้นมันคงจะพุ่งเข้ามาอีกรอบแน่ ๆ”กวีเสนอก่อนจะสร้างกำแพงดินขึ้นไปตรงริมผนังถ้ำเพื่อจะใช้ปีนขึ้นไป ขืนโดนน้ำในบ่อพิษเข้าพวกกวีคงตายแน่ ๆ

 

“ฟ่ออออ”ยังไม่ทันจะได้เดินไปที่กำแพง อสรพิษทะเลลึกก็พุ่งเข้ามาหาพวกกวีจนเกิดคลื่นน้ำขนาดใหญ่ซัดเข้ามาหากำแพงดินของกวีอย่างแรง พอร่างของอสรพิษทะเลลึกเข้ามากระแทกกำแพงดินก็พังลงในพริบตา เพียงแต่พวกกวีเตรียมจะย้ายตำแหน่งกันอยู่แล้วทำให้ตอนนี้กวีอยู่ที่ผนังถ้ำฝั่งหนึ่ง ส่วนแก้วก็อยู่ที่ผนังถ้ำอีกฝั่งหนึ่งทำให้อสรพิษทะเลลึกคว้าได้แต่กำแพงดินเท่านั้น

 

“แย่ล่ะ…”กวีเบิกตากว้างมองไปรอบ ๆตัวอสรพิษทะเลลึก แม้จะเข้ามาใกล้แล้วมันก็ยังปล่อยเวทกระสุนน้ำออกไปโจมตีแก้วต่อได้ ทำให้ตอนนี้มันยิงกระสุนน้ำเข้าไปตรงจุดที่แก้วยืนจากด้านหลังกำแพงได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่า…

 

ฟุบ…

 

แก้วกระโดดขึ้นสูงเพื่อหลบห่ากระสุนน้ำที่ยิงเข้ามาเพื่อใช้พิษเล่นงานตนเอง ทำให้อสรพิษทะเลลึกต้องเงยหน้าเพื่อยิงตามขึ้นไปด้านบน

 

ตูม!!

 

แก้วยิงกระสุนระเบิดเพื่อเบี่ยงหัวของอสรพิษทะเลลึกลงไปด้านล่างก่อนจะลงไปยืนบนร่างของอสรพิษทะเลลึกอีกครั้งเหมือนการต่อสู้ประชิดตัวตอนแรก

 

“ถ้าตอนนี้ยังฆ่าแกไม่ได้ก็ต้องตายจริง ๆแล้วล่ะ”แก้วจ้องมองอสรพิษทะเลลึกอย่างจริงจังก่อนจะอาศัยร่างของมันเพื่อวิ่งเข้าไปใส่ส่วนหัวของมันจากด้านหลัง ตอนนี้ลูกธนูของแก้วแทบจะหมดอยู่แล้วทำให้แก้วต้องแลกหมัดครั้งสุดท้ายกับอสรพิษทะเลลึกและเสี่ยงว่ามันยังเหลือพลังชีวิตอีกเท่าไร

 

ตูม ๆ ๆ ๆ

 

ไม่ปล่อยให้แก้วต้องเสี่ยงอยู่คนเดียว กวีเองก็กระโดดลงมาบนร่างของอสรพิษทะเลลึกเช่นกัน ตอนนี้พอเข้ามาระยะใกล้กระสุนน้ำของอสรพิษทะเลลึกก็หลบยากขึ้นมาก ทำให้กวีต้องอาศัยสร้างกำแพงดินขึ้นมาใต้ลำตัวของอสรพิษทะเลลึกเพื่อหลบกระสุนน้ำที่ยิงเข้ามา และใช้เวทโจมตีของธาตุ ไฟ ลม สายฟ้า และ หอกศิลา เข้าโจมตีอีกเป็นชุด ๆอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเสียหายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

“โอ๊ย….”แต่เพราะกระสุนน้ำจำนวนมากที่ยิงออกมาจากระยะใกล้นั้นหลบยากมากจริง ๆทำให้แก้วโดนกระสุนน้ำเข้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตัวกระสุนน้ำไม่ได้แรงอะไร แต่ทันทีที่สัมผัสกับน้ำสีฟ้าเรืองแสงที่พุ่งเข้าใส่เส้นเลือดบนแขนของแก้วที่โดนโจมตีเข้าก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเสียอย่างนั้น เรียกได้ว่าพิษที่แทรกซึมเข้าไปรุนแรงไม่น้อยเลย

 

ฉึก!!  ฟุบ….

 

แม้จะโดนพิษเล่นงานจนแขนรู้สึกชาไปหมด แก้วก็ยังอาศัยความเคยชินในการยิงธนูต่อไป แต่ดูเหมือนความแม่นยำเหนือมมนุษย์ของแก้วจะลดลงไปมากทำให้มีบางลูกที่ไม่โดนแม้จะเป็นระยะที่แก้วมั่นใจก็ตาม

 

ตูม ๆ ๆ ๆ ๆ

 

ฝ่ายของกวีนั้นไม่ได้สนใจว่าแก้วจะบาดเจ็บหรือไม่ ตอนนี้ต้องจัดการเจ้าอสรพิษทะเลลึกเสียก่อน ทำให้กวีตั้งสมาธิที่การโจมตีจนเหมือนกับว่าตอนนี้รอบตัวกวีมีเวทมนตร์หลากหลายบทลอยอยู่รอบตัวเต็มไปหมด ส่วนแก้วเองแม้จะได้รับบาดเจ็บก็ไม่คิดจะต้องขอความเมตตาหรือให้ใครมาสนใจเป็นห่วง ฝ่ายเธอเองก็ทำหน้าที่โจมตีต่อเนื่องให้ดีที่สุดเท่านั้น

 

“ฟ่อออออ” ในที่สุดอสรพิษทะเลลึกก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดในจังหวะที่แก้วยิงลูกธนูดอกสุดท้ายออกไปพอดี หัวของมันเหวี่ยงขึ้นด้านบนอย่างแรงก่อนที่หัวของมันจะเหมือนหมดสิ้นพลังงานร่วงลงมาอย่างกับโดนปล่อยลมออกจากตัวไม่มีผิด

 

เปรี้ยง!!

 

อยู่ ๆร่างของอสรพิษทะเลลึกก็เหวี่ยงอย่างผิดรูปเข้ามาใส่แก้วที่ยืนอยู่บนตัวมันจนลอยออกไปด้านนอก และหากมองดี ๆจะเห็นว่าแก้วโดนกระสุนน้ำเข้าหลายจุดมาก ท่าทางขาทั้งสองข้างเองก็คงขยับได้ลำบากมากแล้วแน่ ๆ

 

“……….”แก้วมองลงไปบนผืนน้ำสีฟ้าเรืองแสงที่กำลังจะตกลงไป เธอว่ายน้ำไม่เป็นอยู่แล้วยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องพิษในน้ำและในร่างกายของเธอเลย ตกลงไปแบบนี้มีแต่ตายเท่านั้น แต่ก็โชคดีแล้วที่ฆ่าอสรพิษทะเลลึกได้เพราะรางวัลที่เธอได้ก็คือเลเวลจำนวน 3 เลเวลต่อให้ตายก็ยังนับว่าไม่เสียหายเท่าไร

 

ตูม…

 

ร่างของแก้วตกลงไปในน้ำก่อนจะจมหายลงไปในทันที ร่างกายขยับไม่ได้เพราะพิษที่โดนก่อนหน้านี้ทำให้แก้วจมดิ่งลงไปด้านล่างโดยไม่มีแรงต้าน ภาพผืนน้ำเบื้องหน้าทำให้แก้วได้แต่ค่อย ๆหลับตาลงและยอมรับความตายเท่านั้น

 

ตูม….

 

อยู่ ๆภาพเบื้องหน้าของแก้วก็ปรากฏร่างของกวีที่กระโดดตามลงมา ดูเหมือนน้ำจะไม่มีพิษแล้วหลังจากอสรพิษทะเลลึกตายลงทำให้กวีสามารถลงมาในน้ำได้อย่างปลอดภัย แต่พิษที่แก้วโดนก่อนหน้านี้ไม่ได้หายไปไหนทำให้แก้วได้แต่รู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เอายาแก้พิษมาด้วยเท่านั้น….

 

.

 

.

 

“………..”ไม่ทราบเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่แก้วก็ตื่นขึ้นมาภายในห้องสมุดแห่งหนึ่งที่มีสภาพเหมือนห้องทดลองอะไรบางอย่าง เพียงแต่ห้องสมุดแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในอาคาร แต่กลับอยู่ในถ้ำที่พวกแก้วพึ่งสู้กับอสรพิษทะเลลึกไปนั่นเอง

 

“ตื่นแล้วเหรอครับ”กวีถามเมื่อเห็นว่าดวงตาของแก้วกำลังมองไปรอบ ๆอยู่

 

“ค่ะ….แล้วพิษล่ะ”แก้วถามพลางมองร่างกายของตัวเองด้วยท่าทีประหลาดใจ ร่องรอยของพิษหายไปหมดแล้ว แถมเสื้อผ้ายังแห้งสนิทอีกต่างหาก แสดงว่าเธอสลบไปนานพอสมควร หรือว่าห้องนี้จะเป็นห้องที่อสรพิษทะเลลึกเฝ้าเอาไว้

 

“พอดีผมมียาแก้พิษติดมาด้วยก็เลยป้อนให้คุณแก้วกิน โชคดีที่มันได้ผล”กวีตอบพลางเดินเข้ามาหาแก้วเพื่อดูอาการ น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มาจากเกาะเริ่มต้นมีคุณสมบัติล้างสถานะผิดปกติด้วย แต่กวีก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะล้างพิษได้หรือเปล่าก็เลยได้แต่ทดลองดูเท่านั้น ซึ่งอาการของแก้วก็หายเป็นปกตินับว่าได้ผลดีก็คงไม่ผิด

 

“ป้อน……”แก้วกะพริบตาปริบ ๆก่อนจะเอานิ้วแตะไปที่ริมฝีปากของตัวเอง เวลาป้อนยาคนที่สลบอยู่มักจะได้เห็นฉากพระเอกเอายาเข้าปากแล้วป้อนให้กับนางเอกทางปากให้เห็นอยู่บ่อย ๆ ทำให้แก้วอดที่จะคิดอะไรแบบนั้นออกมาไม่ได้

 

“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เกมนี้มีระบบป้องกันการลวนลามอยู่แล้ว”กวีพูดติดตลกออกมาเหมือนรู้ทันว่าแก้วกำลังคิดอะไร เพื่อปกป้องสิทธิ์ของท่านสตรีและบุรุษ ตัวเกมได้มีระบบป้องกันการลวนลามอย่างการสัมผัสร่างกายส่วนต้องห้ามโดยที่อีกฝ่ายไม่ยินยอมเอาไว้อยู่แล้ว หากกวีคิดจะป้อนยาผ่านปากให้แก้วโดยที่แก้วยังสลบอยู่ ระบบจะกระแทกกวีออกจนติดกำแพงทันที เพราะฉะนั้นกวีไม่มีทางทำอย่างที่แก้วเผลอคิดไปได้แน่นอน แต่ถึงจะไม่ทำแบบนั้นการโดนรู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่ก็ทำให้แก้วรู้สึกเขินอายไม่น้อยเหมือนกัน

 

“จริงสิ นี่เป็นรางวัลของพวกเรา คุณแก้วจะแบ่งกันแบบไหนดี”กวีถามพลางนำไอเทมจำนวนหนึ่งออกมาวางตรงหน้า โชคร้ายที่ตรงนี้ไม่มีไอช่ามาด้วยทำให้ไอเทมที่ได้จากอสรพิษทะเลลึกค่อนข้างน้อยทีเดียวโดยตัวอสรพิษทะเลลึกนั้นมีไอเทมอย่าง กระดูกงูสีคราม เกล็ดสีน้ำเงิน และ เขี้ยวพิษของมันเท่านั้น แต่ไอเทมที่กวีพยายามค้นหาในห้องนี้กลับน่าสนใจไม่น้อย โดยอย่างแรกที่ได้รับคือ หนังสือสกิลพิษวิทยาจำนวน 2 เล่ม โดยผู้เขียนหนังสือสกิลทั้ง 2 เล่มนี้คงเป็นเจ้าของห้องแห่งนี้ที่ลงมาศึกษาเรื่องพิษของอสรพิษทะเลลึกซึ่งว่ากันว่าเป็นหนึ่งในพิษที่ร้ายแรงที่สุด ซึ่งสกิลพิษวิทยาก็เป็นสกิลที่ทำให้ผู้เล่นสามารถใช้พิษได้นั่นเอง ซึ่งมันมีประโยชน์มากกับแก้วที่ใช้ธนู แต่เพราะมันเป็นรางวัลเควสที่เหมือนจะจัดให้ทุกคนที่ผ่านอยู่แล้ว ทั้งกวีทั้งแก้วเลยสามารถแบ่งกันได้คนละเล่มพอดี

 

นอกจากนี้ในห้องสมุดลับแห่งนี้ก็ยังมี แหวน เพิ่มพลังโจมตีและผลของพิษขึ้น 10 % หนึ่งวง สร้อยคอป้องกันพิษ 40% หนึ่งวง รวมถึงไม้เท้าอสรพิษอีกหนึ่งชิ้น ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของเลเวล 70 ทั้งสิ้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่ากวีและแก้วยังใส่มันไม่ได้นั่นเอง

 

“คุณกวีเอาไปเถอะค่ะ นี่เป็นเควสของคุณกวีนี่นา”แก้วยิ้มออกมาด้วยท่าทีใจดี สำหรับเธอแล้วแค่รอดมาได้ก็เหลือเชื่อแล้ว

 

“ไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีคุณแก้วผมก็คงล่านกนางแอ่นไม่ได้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยสมุดสกิลก็ต้องให้คุณแก้วเก็บเอาไว้”กวีว่าพลางนำสมุดสกิลที่มี 2 เล่มให้แก้วไปเล่มหนึ่ง ของชิ้นนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องแบ่งกัน

 

“งั้นชิ้นอื่นคุณกวีก็เก็บไว้เถอะ”แก้วรับหนังสือมาด้วยท่าทีขอบคุณ แต่กวีกลับไม่ได้ยื่นมาให้แค่หนังสือนี่สิ

 

“สร้อยอันนี้เหมาะกับผู้หญิงมากกว่า คุณแก้วเก็บเอาไว้เถอะ”กวีว่าพลางนำสร้อยออกมาให้แก้วอีกชิ้น ตัวคทานั้นเหมาะกับจอมเวทอย่างกวีมากกว่า ส่วนแหวนกับสร้อยนั้นไม่ว่าชิ้นไหนกวีก็ยินดีแบ่งทั้งสิ้น

 

“แต่ว่า มันเอาไปขายได้นะคะ”แก้วตอบพลางมองสร้อยคอที่กวียื่นมาให้ตน พอเลเวลสูง ๆมอนสเตอร์ก็จะมีการโจมตีหลากหลายขึ้น และการใช้พิษก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร การมีสร้อยคอป้องกันพิษดี ๆอย่างนี้ต้องเป็นประโยชน์แน่ ๆ

 

“ถือว่า..มันเป็นตัวแทนความทรงจำที่เราได้ร่วมสู้ด้วยกันเถอะครับ”กวียิ้มออกมาพลางวางสร้อยเส้นนั้นลงไปบนมือของแก้วด้วยท่าทีอ่อนโยน คำพูดของกวีเหมือนจะสื่อไปทางอื่นได้แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ แต่ไม่ทราบทำไมแก้วถึงยอมรับสร้อยมาอย่างว่าง่าย แถมยังรู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนผ่าวอย่างประหลาด ท่าทางสร้อยเส้นนี้เธอคงต้องรักษามันเอาไว้อย่างดีเสียแล้ว

 

ตอนที่ 39

ตัวคนเดียว

 

 

“ไม้…..เราไปทำอะไรให้งั้นเหรอ”เมฆถามออกมาด้วยหน้าตาใสซื่อเป็นอย่างมาก ตอนนี้ทั้งสองคนทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม้ถึงเข้ามาหาเรื่องได้แบบนี้

 

“นี่พวกแก”ไม้มองไลฟ์สดของไอช่าด้วยท่าทีตกใจ ตอนนี้ไม้กลายเป็นคนร้ายอย่างสมบูรณ์เลย เพราะนอกจากจะไม่ตอบรับคำเชิญของไอช่าแล้วยังเดินเข้ามาโจมตีคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆไอช่าอีกต่างหาก ซึ่งหากไม้ได้ดูไลฟ์ตั้งแต่แรกจะพบว่าไอช่าแนะนำตัวเมฆว่าเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอที่มาร่วมเล่นเกมด้วยกัน นั่นเท่ากับไม้พึ่งเข้าไปทำร้ายเพื่อนของไอช่านั่นเอง และหากถามว่าไอช่าตอนนี้คือใคร ก็ต้องบอกว่าเธอเป็นไอดอลสาวที่มีคนติดตามเป็นจำนวนมาก แค่การไลฟ์เมื่อครู่ก็มีคนดูหลักแสนคนแล้ว ผลกระทบที่จะตามมาหลังจากนี้แม้แต่ไม้ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นอย่างไร

 

“หัวหน้า แบบนี้ไม่ดีนะครับ งานประมูลของพวกเรากำลังจะเริ่มแล้วถ้ามีข่าวเสีย ๆหาย ๆออกไปละก็….”ลูกน้องของไม้เข้ามาห้ามเอาไว้ก่อนจะพยายามพาไม้ออกมาจากพวกเมฆเสียที ขืนยังทำท่าจะโจมตีพวกเมฆต่อก็มีแต่ผลเสียทั้งนั้น

 

“ไม่ใช่….นี่เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง”พอไม้ได้สติก็รีบเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว ดาบที่กำลังจะฟันลงไปใส่เมฆก็เก็บเข้ากระเป๋าไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ แต่ก่อนที่ไม้จะพูดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดออกมาไลฟ์ของไอช่าก็ดับไปเสียก่อน…

 

“น่าเสียดายนะ แกคงแก้ตัวไม่ทันแล้วล่ะ”เมฆหัวเราะออกมาก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีสบาย ๆไม่ได้มีอาการบาดเจ็บอะไรเลย

 

“อ๊ะ แต่ตอนนี้ยังกินข้าวด้วยกันทันนะคะ อาหารของพวกเรายังไม่มาเสิร์ฟเลย”ไอช่าเปลี่ยนใบหน้าจากจะร้องไห้กลับมาเป็นสดใสร่าเริงอีกครั้งอย่างกับเรื่องโกหก ท่าทีเสียใจก่อนหน้านี้ของไอช่าราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

 

“ในเมื่อแก้ตัวไม่ทันแล้ว ก็ทำให้มันจริงไปเลยแล้วกัน”ไม้เอาดาบออกมาจากกระเป๋าอีกครั้งก่อนจะเดินเข้ามาหาเมฆกับไอช่าด้วยท่าทีโมโหสุดขีดชนิดที่ว่าพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ

 

เปรี้ยง!!!

 

ไม้ยังไม่ทันได้โจมตีอีกรอบ อยู่ ๆก็มีธนูลูกหนึ่งพุ่งเข้ามาตรงหน้าไม้อย่างจังก่อนจะระเบิดออกจนไม้ต้องกระโดดถอยออกไป แต่ถึงจะหลบออกมาแล้วก็ยังเสียหายไม่น้อยอยู่ดี

 

“ใครวะ”ไม้มองผ่านควันระเบิดขึ้นไปมองบนหลังคาร้านอาหารด้วยท่าทีตกใจ ตอนนี้ตัวของไม้ติดโทษตัวแดงเพราะเป็นฝ่ายเข้าไปโจมตีเมฆก่อนทำให้ไม่ว่าใครก็สามารถโจมตีไม้ได้โดยไม่ติดโทษอะไรเพียงแต่ผู้ที่โจมตีไม้จากบนหลังคาร้านนั้นกลับเป็นผู้เล่นติดโทษตัวแดงเหมือนกันเสียอย่างนั้น

 

“น่าเกลียดจริง ๆ กิลด์อัศวินนภาถึงกับยกพวกมารังแกผู้เล่นใหม่กันแล้วเหรอ”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นขณะเดินเข้ามาขวางระหว่างไม้กับพวกเมฆเอาไว้ แม้จะได้ชื่อว่าจอมดาบอันดับ 1 แต่เลเวลแค่ 20 ไม่มีทางเอาชนะคนเลเวลเกือบร้อยและร้อยกว่าหลายคนได้หรอก

 

“เอก…..”ไม้มองชายตรงหน้าด้วยท่าทีไม่พอใจ เอก เป็นหนึ่งในคนรู้จักของเมฆ การที่เองจะมาช่วยเหลือเมฆย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างไร เพียงแต่การที่เอกมาที่นี่ก็หมายความว่าปาร์ตี้ของเอกก็มาที่นี่เช่นกัน

 

“คนเยอะดีนี่ กิลด์อัศวินนภาอยากมีปัญหากับพวกเราขนาดนั้นเลยเหรอ”ชายอีกคนหนึ่งในกลุ่มของเอกพูดเดินเข้าไปหาไม้ด้วยท่าทีหาเรื่อง หมอนี่คือ กล้า ผู้เล่นอาชีพผู้ใช้หมัดระดับต้น ๆของไทย เพียงแต่ไม่ใช่แค่กล้าเท่านั้นที่เป็นผู้เล่นระดับต้น ๆ ปาร์ตี้ของเอกต่างเป็นผู้เล่นระดับต้น ๆที่มีเลเวลเกือบ 170 กันทั้งนั้น ต่อให้ตอนนี้ไม้เอาคนทั้งหมดของตนเองเข้าไปรุมโจมตีก็ไม่แน่ว่าจะชนะหรือเปล่าเลย

 

“พวกแกจะทำอวดเบ่งได้แค่ตอนนี้ล่ะ”ไม้กัดฟันแน่นด้วยท่าทีเจ็บใจ ปาร์ตี้ของเอกเป็นปาร์ตี้ที่เก็บเลเวลได้ไวมาก แต่เพราะไม่ได้สังกัดกิลด์ไหนทำให้สมาชิกของพวกเอกมีน้อยเสมอ ในตอนแรกอาจจะใช้เลเวลที่ห่างหรือไอเทมที่เหนือกว่าช่วยในการสู้กับกองทัพขนาดใหญ่ได้ แต่หลังจากเข้าสู่ช่วงกลางของแต่ละเกม เลเวลก็จะขั้นช้ามากทำให้คนอื่น ๆที่ตามมาเริ่มลดระยะห่างลงทุกที ไม่นานพวกเอกก็ไม่สามารถสู้กับคนจำนวนมากที่มีเลเวลห่างกันนิดหน่อยไม่ไหว แม้จะไม่มีใครไปหาเรื่องเอกเพราะถึงอย่างไรก็เป็นคนกว้างขวาง แต่ถึงตอนนั้นคนที่เกรงใจเองก็จะน้อยลงแน่ ๆ

 

“คราวนี้ไม่ใช่แบบนั้นหรอก”เอกยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ ที่เอกแพ้พวกกิลด์ใหญ่เพราะเรื่องจำนวนเท่านั้น เพียงแต่คราวนี้เอกไม่คิดว่ามันจะเป็นเหมือนครั้งก่อน ๆหรอก

 

“คราวนี้พวกเรามีท่าน…..”

 

“เอก…ปากมากเกินไปแล้ว”เอกยังไม่ทันพูดอะไรออกมา อยู่ ๆเมฆก็ด่าเข้าให้เสียก่อน ปกติเอกเป็นผู้เล่นระดับแนวหน้าที่มีแต่คนเกรงใจ คนที่กล้าด่าเขาต่อหน้าแบบนี้มีไม่มาก แต่สำหรับเมฆแล้วนอกจากเอกจะไม่โกรธยังรู้สึกผิดอีกต่างหาก

 

“ขอโทษครับ….ผมได้ใจไปหน่อย”เอกตอบพลางก้มหัวลงด้วยท่าทีสำนึกผิด

 

“ไม่เป็นไร..แล้วฝั่งนั้นจะเอาไง แลกกันเลยไหม”เมฆตอบรับเอกด้วยท่าทีไม่ถือสา ก่อนจะหันไปมองทางไม้ที่กำลังทำท่าทีลังเลว่าจะเอาอย่างไรต่อ

 

“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ”ไม้กัดฟันแน่นด้วยท่าทีเจ็บใจ แม้จะเสียเงินไปหลายล้านแต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของกิลด์ หากมีเรื่องกับเอกปาร์ตี้ระดับสูงต้องไม่พอใจแน่ ๆ สำหรับกิลด์อัศวินนภาที่หากินด้วยการจัดประมูลไอเทมราคาสูงและมีจำนวนน้อยในตลาด และไอเทมเหล่านั้นต่างก็มาจากปาร์ตี้ระดับสูงกันเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะอย่างไรไม้ก็ต้องรักษาธุรกิจของตนเองเอาไว้ก่อนอยู่ดี

 

“น่าเสียดายนะ นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายแล้ว”เมฆยิ้มออกมาก่อนจะเก็บดาบเข้าฝักไปด้วยท่าทียิ้มแย้ม หลังจากนี้กิลด์อัศวินนภาจะไม่สามารถใช้กิลด์เพียงกิลด์เดียวสร้างความเดือดร้อนให้พวกเมฆได้อีกแล้ว

 

“พี่กวี เรียบร้อยแล้วค่ะ ฝั่งพี่เป็นยังไงบ้าง”หลังจากไม้เดินออกไป ไอช่าก็ติดต่อไปหากวีทันที เพียงแต่ภายในระบบสื่อสารเสียงทางฝั่งของกวีที่ดังเข้ามานั้นมีเพียงเสียงเหมือนฝนเท่านั้น

 

“งั้นเหรอ..ดีมาก….” ตูม!! เสียงของกวียังไม่ทันจบก็มีเสียงระเบิดดังแทรกเข้ามาเสียก่อน แต่เสียงระเบิดในเกมมันก็ออกจะเป็นเรื่องปกตินะ

 

“ดูเหมือนทางนี้จะเป็นศึกยืดเยื้อซะแล้ว คงต้องรออัพพักใหญ่ ๆพี่ถึงจะกลับไปได้”กวีตอบกลับมาพร้อมเสียงห่าฝนและเสียงระเบิดเป็นระยะ ๆ ท่าทางกวีจะเจอศึกหนักจริง ๆ

 

“พอดีเลย เจ กับ มายด์ ส่งข้อความมาบอกว่าจะกลับมาช้าหน่อย งั้นพวกเราจะหาอะไรทำรอในเมืองแล้วกัน”เมฆบอกเรื่องข้อความของเจกับมายด์ให้กวีฟังเพราะไม่มั่นใจว่ากวีมีเวลาเปิดจดหมายดูหรือเปล่า

 

“เข้าใจแล้ว ส่วนนาตาลี ไปที่งานประมูลแล้วจัดการเรื่องที่บอกซะ”กวีสั่งออกมาพร้อม ๆกับเสียงการต่อสู้ ตำสั่งของนาตาลีกวีส่งข้อความไปบอกเป็นการส่วนตัวแล้ว แม้คนอื่น ๆจะไม่รู้ว่ากวีสั่งอะไรแต่ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่กวีจะสั่งงานแยกไปให้ใครสักคนอย่างลับ ๆ

 

“ทราบแล้วค่ะท่าน ดิฉันฝากข้อมูลของเวทมนตร์แรงโน้มถ่วงเอาไว้ให้ที่ท่านเมฆแล้วนะคะ”นาตาลีตอบรับด้วยท่าทีดีใจ แค่ได้ยินเสียงของกวีปาร์ตี้ของเก่งก็มองหน้ากันด้วยท่าทีตื่นเต้นแล้ว แทบจะนับวันรอที่กวีจะสร้างกิลด์ใหม่ขึ้นมาอีกครั้งแทบไม่ไหว แถมตัวนาตาลีที่มีเวทแรงโน้มถ่วงเพียงคนเดียวของเกมก็ยังมอบความลับของเวทแรงโน้มถ่วงให้กวีโดยไม่ต้องร้องขอเสียด้วยซ้ำ ทั้ง ๆที่เวทแรงโน้มถ่วงเป็นเวทมนตร์หายากที่ต้องทำเงื่อนไขบางอย่างให้ผ่านแล้วเข้าไปทำเควสเพื่อรับมาเท่านั้น ไม่ต้องหาคนมาป้องกันพื้นที่เหมือนกิลด์อัศวินนภาก็ป้องกันคนอื่นเอาไปใช้ได้อยู่แล้วแท้ ๆ

 

“ขอบใจมาก เอาไว้จะหาอะไรมาตอบแทนนะ”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ

 

“คุณกวี….อสรพิษทะเลลึกมันมีท่าทีแปลก ๆนะคะ”ระหว่างกำลังขอบคุณนาตาลีอยู่นั้น อยู่ ๆฝั่งของกวีก็มีเสียงของแก้วดังลอดเข้ามาเสียอย่างนั้น เล่นเอาคนทางฝั่งของไอช่ากะพริบตาปริบ ๆด้วยท่าทีตกใจ

 

“พี่กวี ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครคะ เล่ามาให้น้องฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ”ไอช่าได้สติเป็นคนแรกก็รีบโวยวายทันที ไม่นึกเลยว่ากวีจะแอบไปสู้กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ แถมเสียงนั่นยังไม่ใช่เสียงของมีนอีกต่างหาก แม้จะคุ้น ๆเหมือนเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อนไอช่าก็ยังนึกไม่ออกว่ามันเป็นเสียงของใคร แต่ถึงจะถามไปแบบนั้นกวีก็ปิดระบบสื่อสารไปก่อนทำเอาไอช่าไม่ได้รับคำตอบอะไรเลย

 

“แปลกนะเนี่ย ท่านกวีมีเรื่องผู้หญิงด้วยงั้นเหรอ”เอกยิ้มเจื่อน ๆออกมาพลางหันหน้าไปมองทางอื่นเหมือนกำลังรู้สึกแปลก ๆอยู่ ปกติกวีไม่ค่อยสนใจเรื่องผู้หญิงเท่าไร ไม่นึกว่าจะไปเที่ยวเล่นกับผู้หญิงแบบนี้

 

“ยัยนั่นต้องเข้ามาหลอกพี่กวีแน่ ๆเลย ไอช่าจะจัดการเอง”ไอช่าทำท่าขึงขังจริงจังเสียยิ่งกว่าตอนใส่ความไม้เสียอีกทำเอาพวกนาตาลีได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ยังไงนี่มันก็ 5 ปีแล้วกวีจะเปลี่ยนนิสัยไปนิดหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่นา

 

.

 

.

 

“…………….”อีกฝั่งหนึ่งทางด้านของ มีน หลังจากออกไปพักผ่อนทานอาหารจนเสร็จ พอกลับมาก็พบว่ากวีฝากข้อความมาบอกว่ามีธุระ เธอเลยกะจะรอพวกเมฆเพื่อออกไปฆ่ามอนสเตอร์รอกวีกลับมา แต่ไม่นานเมฆกับไอช่าก็ส่งข้อความมาว่ามีธุระต้องไปทำเช่นกันทำให้มีนเหลือแต่รอเจและมายด์เท่านั้น แต่ยังไม่ทันได้เริ่มรอทั้งสองคนก็ส่งข้อความว่าจะกลับมาช้าหน่อยเข้ามาเสียอย่างนั้นทำเอามีนเกิดอาการว่างขึ้นมาเสียเฉย ๆ

 

“ทำอะไรดีล่ะ”มีนถามออกมาลอย ๆก่อนจะมองไปรอบ ๆ จะออกไปฆ่ามอนสเตอร์ก็ได้หรอก แต่ถ้าไปไกลเกินไปจะกลับมาตอนพวกกวีเสร็จธุระแล้วไม่ทัน งั้นก็ต้องหาอะไรทำในเมืองนี่ล่ะ

 

ตอนที่ 38

ทักทาย

 

 

 

“ฟ่ออออ”อสรพิษทะเลลึกส่งเสียงขู่ออกมาก่อนจะเริ่มถอยออกห่างกวีกับแก้วหลังจากโดนกระหน่ำโจมตีต่อเนื่องมาพักใหญ่ ๆ ไม่ว่ามันจะโจมตีใครก็สร้างความเสียหายแทบไม่ได้เลย ทำให้มันเลือกที่จะถอยออกไปมากกว่า แม้แต่มอนสเตอร์ธรรมดายังมีสมองกลที่ไม่ธรรมดามีหรือที่อสรพิษทะเลลึกที่เป็นถึงบอสจะโง่ยอมปล่อยให้พวกกวีโจมตีต่อเนื่องไปโดยไม่ทำอะไรเลย

 

ตูม!

 

ร่างของอสรพิษทะเลลึกกระโดดลงไปในน้ำอย่างแรงจนเกิดคลื่นน้ำกระจายกลายเป็นละอองปลิวไปทั่ว แต่ถึงจะเป็นเพียงละอองพิษในน้ำก็ไม่ได้สลายไปไหน พริบตาที่มันมาโดนผิวหนังของกวีกับแก้วก็รู้สึกแสบร้อนทันที แต่เพราะมันมีจำนวนน้อยมากพลังชีวิตของกวีและแก้วจึงลดลงไปไม่มากเท่าไร

 

“คุณกวี แยกกันก่อนเถอะค่ะ ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร”แก้วจ้องมองการเคลื่อนไหวของมันก่อนจะกระโดดไปที่กำแพงดินที่กวีสร้างขึ้นมาก่อนหน้านี้ เพราะมีกำแพงดินทางเดินเลยเพิ่มขึ้นมากทำให้แก้วสามารถเคลื่อนไหวได้กว้างขึ้นมากทำให้แก้วเองก็สร้างความเสียหายได้มากไปด้วยเช่นกัน

 

“มันถอยแบบนั้นคงเตรียมโจมตีระยะไกลแทนแน่ ๆ ตอนนี้ผมมีสกิลป้องกันแค่สกิลเดียวพวกเราอยู่ด้วยกันไว้ดีกว่าครับ”กวีไม่เห็นด้วยกับแก้ว แม้การแยกกันเพื่อหลบการโจมตีวงกว้างจะเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่เวทกำแพงดินแม้จะอยู่ได้นานแต่ก็ไม่สามารถร่ายต่อเนื่องกันได้ หากมันเลือกที่จะยิงสกิลบางอย่างมาแทนที่จะเป็นการโจมตีแบบวงกว้างกลัวว่ากวีจะป้องกันแก้วเอาไว้ไม่ทัน

 

“แบบนั้น….”แก้วมีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด ปกติแล้วเธอจะเป็นคนตัดสินใจ แต่เพราะเห็นความสามารถก่อนหน้านี้ของกวีแล้วในใจเธอเลยรู้สึกว่าคำพูดของกวีมีน้ำหนักขึ้นมาก เธอเลยมีอาการลังเลอย่างเห็นได้ชัด

 

ตูม!

 

ระหว่างกำลังตัดสินใจอยู่นั้นร่างของอสรพิษทะเลลึกก็พุ่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ด้านในของถ้ำ มันเลือกที่จะอยู่ห่างพวกกวีเอาไว้อย่างที่คิด แถมรอบตัวมันตอนนี้ยังมีลูกบอลน้ำที่สร้างจากน้ำด้านล่างอีกต่างหาก

 

“คุณแก้ว เข้ามาเร็วเข้า”กวีมองไปที่ลูกแก้วน้ำจำนวนมากที่ลอยอยู่รอบ ๆตัวอสรพิษทะเลลึกด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ จำนวนมันเยอะมากต่อให้เป็นกวีก็ไม่มั่นใจว่าจะหลบกระสุนน้ำพวกนั้นได้ทัน แต่หากใช้กำแพงดินมันน่าจะป้องกันได้ไม่ยากเพียงแต่ระยะของกำแพงดินยังคลุมไปไม่ถึงตัวแก้วนี้สิ

 

“ฟ่ออออ” อสรพิษทะเลลึกส่งเสียงร้องออกมาด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด ลูกบอลน้ำจำนวนมหาศาลที่รอยอยู่รอบ ๆตัวมันพุ่งวาบเข้าใส่พวกกวีอย่างรวดเร็วราวกับห่าฝุ่นที่พุ่งเข้ามาในแนวนอนเลย

 

ซ่า…..

 

เสียงของกระสุนน้ำที่ยิงอัดเข้าใส่กำแพงดินของกวีและผนังถ้ำดังราวกับเสียงฝน โชคดีที่ทั้งกวีทั้งแก้ววิ่งเข้าหากันพอดีทำให้ทั้งสองอยู่ในระยะของกำแพงดินแบบหวุดหวิด แถมกระสุนน้ำยังเจาะผ่านกำแพงดินเข้ามาไม่ได้อีกต่างหากเพราะทันทีที่กระทบกับกำแพงมันก็ซึมเข้าไปด้านในทันที ท่ากระสุนน้ำท่านี้ความน่ากลัวไม่ได้อยู่ที่ความรุนแรงแต่เป็นพิษที่อยู่ในน้ำต่างหาก

 

“ไม่เป็นไรนะครับ”กวีถามพลางจ้องมองแก้วด้วยท่าทีเป็นห่วง หากแก้วตายไปกลัวว่ากวีจะฆ่าอสรพิษทะเลลึกไม่ได้นี่สิ

 

“ค่ะ…..ขอบคุณค่ะ”แก้วตอบพลางหลบสายตาของกวีไปทางอื่น นานมากแล้วที่เธอไม่ได้โดนคนอื่นช่วยเอาไว้แบบนี้ ปกติแก้วจะเป็นคนนำแล้วคอยช่วยเหลือเสียมากกว่าเลยไม่ชินกับอะไรแบบนี้เท่าไร นาน ๆทีก็มีผู้ชายที่ดูน่าเชื่อถืออยู่เหมือนกัน…

 

“แบบนี้เข้าใกล้ไม่ได้เลย คุณแก้วยิงโดนหรือเปล่าครับ”กวีถามพลางลอบมองออกไปด้านหลังกำแพง ดูเหมือนท่ากระสุนน้ำของอสรพิษทะเลลึกจะเป็นท่าโจมตีระดับสูงพอตัวเลย เพราะมันสามารถยิงออกมาได้ต่อเนื่องราวกับไม่มีวันหมด แม้จะพอยิงจากด้านหลังกำแพงได้ แต่ระยะห่างขนาดนี้กลัวว่าจะยิงไม่โดนนี่สิ

 

ฟุบ…..

 

 

แก้วลองยิงย้อยจากมุมขอบกำแพงเพื่อให้ลูกธนูพุ่งโค้งไปด้านบนเข้าหาอสรพิษทะเลลึกดู แต่ก็เหมือนตอนอยู่บนถ้ำด้านบน ระยะขนาดนี้อสรพิษทะเลลึกสามารถเอี้ยวหัวหลบได้สบาย และผลก็คงไม่ต่างจากอยู่บนถ้ำแล้วยิงลงมาเท่าไร

 

“ไม่โดนงั้นเหรอ”กวีส่ายหน้าช้า ๆก่อนจะสร้างกำแพงดินอีกชั้นเพื่อป้องกันตัวเอง ตอนนี้ที่ยืนไม่ใช่ปัญหาแล้วเพราะนอกจากมีกำแพงดินที่เหยียบได้ง่ายกว่ามากแล้วอสรพิษทะเลลึกยังไม่เข้ามาโจมตีอีกต่างหาก เพียงแต่พวกกวีก็ยังไม่สามารถโจมตีอสรพิษทะเลลึกได้เท่านั้น

 

“คุณแก้ว….จำตำแหน่งของอสรพิษทะเลลึกเอาไว้ดี ๆนะครับ”กวีพูดพลางสร้างกำแพงดินขึ้นมาอีกครั้งหลังจากคูลดาวน์หมดลง แม้ไม่ทราบว่ากวีกำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่แก้วก็พยายามมองร่างของอสรพิษจากมุมของกำแพงเพื่อดูว่ามันอยู่จุดไหนตามที่กวีบอก

 

ตูม ๆ ๆ ๆ

 

อยู่ ๆกวีก็ร่ายเวทศรเพลิงต่อเนื่องและเวทกระสุนเพลิงเข้าใส่พื้นน้ำตรงหน้าอสรพิษทะเลลึกเสียอย่างนั้น เมื่อความร้อนของเวทมนตร์กระทบกับผิวน้ำไอระเหยก็พวยพุ่งขึ้นมาจนแทบมองไม่เห็นตัวอสรพิษทะเลลึก แม้จะน่าเสียดายที่ต้องเสียสกิลโจมตีไปเพื่อสร้างไอน้ำ แต่แก้วที่ได้เห็นก็เข้าใจทันทีว่ากวีจะทำอะไร

 

ฉึก ๆ ๆ

 

แก้วไม่รอช้ายิงธนูออกไปตรงจุดที่อสรพิษอยู่ ตอนนี้มันมองไม่เห็นเพราะไอน้ำทำให้แก้วสามารถโจมตีได้โดยไม่ต้องสนเรื่องระยะทาง แถมกำแพงดินที่มากขึ้นยังทำให้กระสุนน้ำของมันเริ่มไม่ได้ผลอีกต่างหาก ตอนนี้แก้วและกวีสามารถซ่อนตัวใต้กำแพงดินคนละอันเพื่อโจมตีจากทั้ง 2 ทางได้แล้ว นับว่าเป็นความซวยของอสรพิษทะเลลึกจริง ๆที่พึ่งออกไปโจมตีระยะไกลหลังจากกวีได้เวทมนตร์ระดับ 2 แล้ว เพราะหากมันยิงกระสุนน้ำแบบนี้ตอนกวียังไม่มีเวทกำแพงดิน ต่อให้เป็นกวีก็คงได้แต่ยอมรับชะตากรรมเท่านั้น

 

.

 

.

 

“หัวหน้า มันอยู่นั่นครับ”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของไม้ ตัวเขาเองโดนเมฆทำให้เสียมูลค่าสินค้าไปไม่น้อย ไม่แปลกเลยที่จะอยากแก้แค้น แม้จะทราบดีว่าเมฆไม่ใช่คนที่จะไปหาเรื่องได้ง่าย ๆ แต่โดนหาเรื่องแบบนี้ไม้ก็ไม่ใช่คนที่จะยอมอยู่เฉย ๆ ทำให้คำสั่งแรกของไม้คือการตามหาตัวเมฆให้เจอนั่นเอง และผลลัพธ์ก็ออกมาไวกว่าที่คิด ลูกกิลด์ของเขาในเมืองส่งรายงานมาแทบจะทันทีว่าเมฆอยู่ในเมืองทันดร้า แถมพอไม้ตามมาเมฆก็ยังไม่หนีไปไหนอีกต่างหาก ทำให้ตอนนี้เมฆโดนคนของกิลด์อัศวินนภาล้อมเอาไว้ไม่ให้ไปไหนแล้ว

 

“มาจนได้”เมฆนั่งอยู่บนโต๊ะของร้านอาหารริมทางด้วยท่าทีสบาย ๆราวกับเป็นฝ่ายรออยู่แล้ว เพียงแต่ที่ข้าง ๆเมฆยังมีไอช่าที่พึ่งเข้าเกมมานั่งอยู่ด้วย ซึ่งเรื่องนี้ไม้ก็คิดเอาไว้อยู่แล้ว

 

“พอดีเลยพี่ไม้ มานั่งด้วยกันสิคะ”ไอช่าเห็นไม้พร้อมคนของไม้เข้ามากลับทำท่าทียิ้มแย้มก่อนจะชวนไม้เข้ามานั่งด้วยกันเสียอย่างนั้น แม้จะเป็นศัตรูกันแต่ก็เล่นเกมด้วยกันมานาน ไอช่ากับไม้รวมถึงเมฆจะรู้จักกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 

“พวกแก….คิดว่าตลกหรือไง”ไม้เดินเข้าไปเอาดาบจ่อไปที่หน้าของเมฆด้วยท่าทีโมโห ต่อให้เมฆน่ากลัวแค่ไหน แต่โดนคนหลายสิบล้อมเอาไว้แบบนี้ก็ไม่ใช่จะผ่านไปได้ง่าย ๆ

 

“พี่ไม้เป็นอะไรไปคะ พวกเราแค่ชวนนั่งทานข้าวด้วยกันเท่านั้นเอง”ไอช่าถามด้วยท่าทีตกใจ อยู่ ๆไม้ก็เอาดาบมาชี้หน้าพวกเธอแบบนี้ทำไมกัน

 

“พวกแกเป็นคนเอาเวทสายฟ้าไปขายใช่หรือเปล่า”ไม้ถามด้วยท่าทีโมโห ด้วยเลเวลที่ต่างกันมากทำให้ไอช่ากับเมฆรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากไม้ได้อย่างดี เพียงแต่ทั้งสองไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาให้เห็นเลย

 

“ใช่ค่ะ”ไอช่าตอบพลางพยักหน้าตาใสโดยไม่คิดจะปิดบังอะไร ก็หากนับกันจริง ๆพวกไอช่าก็เป็นคนขายเวทมนตร์สายฟ้าให้กวีจริง ๆนี่นา

 

“ไม้….เป็นอะไรไปงั้นเหรอ พวกเราแค่ได้เวทสายฟ้ามา แต่พวกเราไม่ได้เล่นอาชีพสายโจมตีเวทก็เลยขายไปเท่านั้นเอง ทำไมนายต้องเดือดร้อนด้วยล่ะ”เมฆถามออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉยราวกับไม่เข้าใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นเล่นเอาไม้โกรธจนแทบจะพ่นไฟออกมา เขาเสียหายขนาดนี้แต่ตัวต้นเหตุกลับทำตาใสนั่งกินข้าวกันสบายใจเฉิบ แถมเมฆกับไอช่ายังไม่ใช่คนที่เพิ่งเคยเล่นเกม ไม่มีทางรู้หรอกว่าการขายเวทสายฟ้าที่พวกเขาครอบครองอยู่ฝ่ายเดียวออกไปในตลาดจะส่งผลกระทบอะไรตามมา พูดง่าย ๆคือท่าทีของทั้งสองคนตอนนี้คือกำลังกวนโอ๊ยไม้อยู่นั่นเอง

 

“แก….”ไม้โมโหจนเลือดขึ้นหน้าใช้ดาบฟันใส่เมฆทันที เพียงแต่เมฆที่รู้อยู่แล้วว่าไม้มาทำไมก็กลับสามารถยกดาบขึ้นมาป้องกันเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว โชคดีแม้อาวุธของไม้จะเป็นอาวุธชั้นดีแต่ตัวไม้ดันวุ่นวายกับการจัดงานประมูลอยู่เกือบครึ่งเดือนทำให้ตอนนี้ไม้พึ่งเลเวลเพียง 65 เท่านั้น

 

“พี่ไม้ ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”ไอช่าเห็นภาพตรงหน้าก็เข้าไปขวางระหว่างไม้กับเมฆเอาไว้ทันที ท่าทีเช่นนี้แปลกตาไม้เป็นอย่างมาก หากเป็นเมฆยามปกติต้องหันมาสู้แล้วสิ ทำไมถึงไม่ตอบโต้เลย

 

“หัวหน้า….แย่แล้วครับ”ลูกน้องของไม้ที่สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดรีบเข้ามาขวางไม้ที่กำลังจะโจมตีไอช่าไปด้วยเอาไว้

 

“มีอะไร”ไม้ถามพลางพยายามสะบัดแขนของลูกน้องตนเองออก

 

“พวกเรา…..พวกเราอยู่ในไลฟ์ของไอช่าครับ”ลูกน้องคนนั้นตอบพลางพยายามดึงแขนของไม้เอาไว้ แต่พอได้ยินว่าตนเองกำลังอยู่ในไลฟ์ของไอช่า ตัวไม้เองกลับเป็นฝ่ายหยุดมือไปด้วยตนเอง

 

“อะไรนะ….”ไม้มองไปที่ไอช่าด้วยท่าทีตกใจ มิน่าเล่าเมฆถึงไม่โจมตีกลับมา แถมไอช่ายังเข้าไปปกป้องเมฆทั้ง ๆที่เมฆไม่ควรจะต้องการใครมาปกป้องแท้ ๆ และที่แย่ที่สุดคือใบหน้าเหมือนจะร้องไห้ของไอช่ายังทำเอาไม้ดูเป็นผู้ร้ายทันที

 

[ไอ้กิลด์สวะ มาทำน้องไอช่าของพวกเราได้ยังไง]

 

[ เลวมาก อีกฝ่ายเป็นแค่ผู้เล่นใหม่แท้ ๆยังกล้าทำได้ลงคอ กิลด์อัศวินนภาเป็นพวกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร ]

[ กรี๊ด น้องไอช่าน่าสงสาร มุแง อย่าทำน้องนะ]

 

“……….”ไม้มองหน้าจอที่ลูกน้องส่งมาให้ดูด้วยท่าทีตกใจ ตอนนี้แฟน ๆของไอช่ากำลังด่าไม้และกิลด์อัศวินนภากันอย่างรุนแรง นี่มันการประจานกันชัด ๆ

ตอนที่ 37

พร้อมกัน

 

 

“กิลด์ของคุณแก้ว…..”กวีมองไปทางแก้วครู่หนึ่งด้วยท่าทีสนใจ กิลด์ของแก้วหากจำไม่ผิดก็คือกิลด์เมฆาหนึ่งในกิลด์ย่อยของกิลด์เสียดฟ้ากิลด์ใหญ่ที่เคยสู้กับกิลด์สุริยันจันทราของกวี สมัยก่อนนั้นกิลด์ใหญ่เหล่านี้รวมกันเพื่อต่อต้านกิลด์ของกวีอย่างจริงจังจนทำให้กวีลำบากหลายครั้งเลยทีเดียว

 

“ใช่ กิลด์เมฆาของเราถึงจะไม่ใช่กิลด์ใหญ่ แต่ก็เป็นกิลด์ที่ดีนะ เรื่องเงินเดือนเองก็มีให้แถมคนในกิลด์ยังเป็นเหมือนครอบครัวอีกต่างหาก”แก้วตอบพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้ามีความสุข เธอย่อมต้องรักกิลด์เมฆามากอยู่แล้วเพราะแต่เดิมแก้วก็อยู่กิลด์เมฆามาตลอด แม้พายัพหัวหน้ากิลด์เสียดฟ้าจะพยายามขอให้แก้วย้ายไปอยู่กิลด์เสียดฟ้าหลายต่อหลายครั้ง แต่แก้วก็สบายใจกว่าหากได้อยู่กับครอบครัวในกิลด์เมฆา

 

“ขอโทษด้วย”แม้จะเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่กวีไม่มีทางตอบรับข้อเสนอเข้ากิลด์ของคนอื่นอยู่แล้ว ต่อให้ไม้หรือพายัพก้มหัวขอร้องให้กวีไปเป็นหัวหน้ากิลด์ของพวกเขากวีก็คงปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดเลย

 

“ผมตั้งใจจะสร้างกิลด์ของตัวเองขึ้นมา แล้วก็เล่นร่วมกับเพื่อน ๆ ผมคงไปอยู่กิลด์อื่นไม่ได้หรอก”กวีตอบด้วยท่าทีจริงจังเป็นอย่างมาก เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามเขาไม่ได้ทั้งนั้น

 

“งั้นเหรอ น่าเสียดายจัง…”พอเห็นท่าทีของกวี แก้วก็ไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรอีก ท่าทีแบบนั้นเป็นท่าทีของคนที่ตัดสินใจแล้ว เซ้าซี้ไปก็ทำให้รำคาญมากกว่า

 

“เอาไว้แก้วจะรอดูนะ กิลด์ที่คุณกวีสร้างต้องเป็นกิลด์ที่ดีแน่”แก้วพูดให้กำลังใจกวีอย่างจริงใจ 5 ปีที่ผ่านมานี้กิลด์ต่าง ๆผุดขึ้นมากมาย ดีบ้างร้ายบ้างปนเปกันไป แต่สำหรับแก้วแล้วที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็นับว่าสงบสุขดีมาก กิลด์พันธมิตรของพวกไม้กับพายัพนั้นยังมีอีกหลายกิลด์เข้าร่วม พวกเขาเป็นกิลด์ที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ยุคสมัยเกมคอมพิวเตอร์ทำให้ความสัมพันธ์เหนียวแน่นกว่ากิลด์ที่บริษัทใหญ่ ๆเข้ามาเปิดหลายเท่า หลังจากฟันฝ่าอุปสรรคหลาย ๆอย่างกิลด์พันธมิตรของพวกเขาก็ทำให้สังคมเกมเข้ารูปเข้ารอยแล้วอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขจนได้

 

“ไม่หรอก อาจจะไม่ใช่กิลด์ที่ดีก็ได้”กวียิ้มเจื่อน ๆออกมาเหมือนกำลังถ่อมตน ซึ่งแก้วในตอนนี้เองก็คิดว่ากวีเพียงพูดเพื่อถ่อมตนเท่านั้น แต่หากรู้ว่ากิลด์ที่กวีกำลังจะสร้างคือกิลด์อะไรแก้วคงต้องถอนคำพูดเองเสียด้วยซ้ำ

 

“ฟ่อออออ”ระหว่างกำลังพูดคุยอยู่กับแก้ว อยู่ ๆก็มีเสียงขู่ดังมาจากอสรพิษทะเลลึกที่ถูกลืมมาได้พักใหญ่ เจ้านั่นยังจ้องผู้บุกรุกอย่างกวีกับแก้วไม่วางตา และไม่ลืมว่าหน้าที่ของมันคืออะไร

 

“ยิงจากตรงนี้ได้หรือเปล่านะ”กวีเดินออกไปตรงหน้าถ้ำเพื่อมองลงไปยังร่างของอสรพิษทะเลลึก โชคดีที่ถ้ำแห่งนี้ใหญ่มากอสรพิษทะเลลึกเลยขึ้นมาไม่ถึง ตามหลักแล้วน่าจะยิงธนูหรือยิงเวทมนตร์ลงไปได้โดยที่พวกแก้วกับกวีไม่ต้องลงไปเสี่ยง

 

ฟุบ….

 

ไม่ต้องเดา แก้วยกคันธนูขึ้นมาเล็งไปที่ตัวอสรพิษทะเลลึกก่อนจะยิงออกไปในพริบตาเดียว เพียงแต่ระยะห่างมากแบบนี้การยิงให้โดนก็ยากขึ้น แต่เรื่องความแม่นยำกวีค่อนข้างมั่นใจในตัวแก้วเลยทีเดียวเพียงแต่อสรพิษทะเลลึกกลับเคลื่อนไหวหลบลูกธนูของแก้วที่ยิงมาจากระยะไกลได้อย่างรวดเร็วเสียอย่างนั้น

 

“มันรู้ว่าเราอยู่ตรงไหนก็เลยหลบลูกธนูจากระยะไกล ๆได้ แบบนี้ต่อให้ยิงโดนบ้างก็เปลืองลูกธนูเกินไป”แก้วตอบพลางลดธนูลง ก่อนหน้านี้เธอยิงลูกธนูในระยะที่อสรพิษทะเลลึกหลบไม่ทันมาตลอด เลยพออ่านปฏิกิริยาของมันได้ว่ามันเร็วแค่ไหน หากยิงจากระยะไกลโดยไม่มีใครดึงความสนใจของมันโอกาสที่จะโดนก็น้อยมากเหลือเกิน แม้แก้วจะเตรียมลูกธนูมาเยอะมาก แต่หากให้ยิงทิ้งยิงขว้างแบบนั้นก็อาจจะหมดก่อนฆ่าบอสได้อยู่ดี

 

“งั้นก็คงต้องลงไปลุยกับมันอีกรอบ คุณแก้วหายเหนื่อยหรือยัง”กวีถามพลางมองค่าพลังเวทขอตนเอง ตอนนี้พลังเวทของกวีฟื้นกลับมาเป็นส่วนใหญ่แล้ว

 

“แน่นอนค่ะ”แก้วยิ้มรับก่อนจะเดินไปที่ขอบหินเพื่อจะกระโดดลงไปร่วมต่อสู้กับอสรพิษทะเลลึกอีกรอบ

 

ฟุบ….

 

แก้วโรยตัวลงไปพร้อมง้างธนูไปทางอสรพิษทะเลลึกที่อยู่ด้านล่าง เพียงแต่เจ้าอสรพิษทะเลลึกพอเห็นแบบนั้นก็อ้าปากรอแก้วทันทีทำเอาได้เห็นภายในปากของมันได้อย่างชัดเจนถึงขั้นทำเอาแก้วรู้สึกขนลุกขึ้นมาเลย แต่เธอก็สู้กับมันมาพักใหญ่แล้วจะมากลัวกับเรื่องแค่นี้คงไม่ใช่

 

ตูม!!

 

ศรระเบิดของอาชีพสายธนูยิงอัดเข้าไปในปากของอสรพิษทะเลลึกอย่างจังทำให้มันหุบปากแล้วสะบัดหน้าลงมาด้วยความเจ็บปวดก่อนที่แก้วจะใช้หัวของมันเป็นแท่นเหยียบเพื่อกระโดดก่อนจะยิงธนูด้วยสกิลสามหมู่ดาวที่ยิงธนูออกมา 3 ดอกพร้อมกันเข้าใส่ร่างของมันอย่างจัง

 

เปรี้ยง!!

 

พอแก้วลงมาแล้ว ฝ่ายกวีเองก็ตามลงมาด้วยเช่นกัน แม้จะสร้างความเสียหายได้ไม่มากแต่ก็ดีกว่าไม่โจมตีเลย กวียิงกระสุนอัสนี กระสุนเพลิง กระสุนลม เข้าร่างของอสรพิษทะเลลึกอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างที่เหยียบให้แก้วอย่างแม่นยำไม่ต่างจากก่อนหน้านี้เลย  นอกจากกวีจะร่ายเวทเร็วมากแล้วกวียังจัดคูลดาวน์สกิลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้อีกต่างหาก น่าเสียดายที่เวทมนตร์ธาตุน้ำใช้กับอสรพิษทะเลลึกไม่ได้ ไม่อย่างนั้นกวีคงสร้างความเสียหายได้ดีกว่านี้

 

“แบบนี้คงไม่ทันแน่ ๆ”กวีมองความเสียหายที่แก้วกับตนเองสร้างได้ด้วยท่าทีลำบากใจ แม้แก้วกับกวีจะระดมโจมตีด้วยชุดคอมโบที่แทบไม่มีช่องว่าง แต่ด้วยความต่างของเลเวลทำให้อสรพิษทะเลลึกเสียพลังชีวิตได้ช้ามาก แถมเจ้าอสรพิษทะเลลึกนี่ยังไม่มีจุดอ่อนเลย ทั่วทั้งตัวของมันไม่ว่าจะโจมตีตรงไหนก็แทบไม่ต่างกัน จะมีแค่ดวงตากับภายในปากเท่านั้นที่เวลาโดนโจมตีแล้วจะชะงักนิดหน่อย

 

“ช่วยไม่ได้นะ”กวีถอนหายใจออกมาช้า ๆ ก่อนจะกระแทกไม้เท้าลงกับพื้น ก่อนหน้านี้กวีพบว่าการร่ายเวทในหัวนั้นขอเพียงแยกสมองอ่านเวทมนตร์พร้อมกันได้ก็สามารถใช้เวทมนตร์ 2 บทออกมาพร้อมกันได้ มันก็เหมือนการเขียนหนังสือ 2 มือพร้อมกันนั่นล่ะ

 

ตูม!!

 

เวทกระสุนเพลิงและเวทกระสุนลงถูกร่ายออกไปพร้อมกันและยิงเข้าหาอสรพิษทะเลลึกอย่างจังในเวลาเดียวกัน ด้วยผลส่งเสริมพลังของกันและกันของลมและไฟทำให้แรงระเบิดของเวททั้งสองแรงขึ้นเสียยิ่งกว่าการยิ่งกว่าการยิงทีละครั้งหลายเท่า เทคนิคนี้เป็นการผสมเวทมนตร์ของผู้เล่นระดับสูง เพียงแต่การผสมเวทระดับต่ำที่ยิงเพียงชั่วพริบตานั้นเป็นเรื่องยากมาก หากไม่แม่นยำจนสามารถยิงเวทมนตร์ 2 บทกระแทกเข้าพร้อมกันในจุดเดียวก็ไม่สามารถทำได้แน่ ๆ

 

ตูม!!

 

แต่สำหรับกวีแล้วการร่ายเวทพร้อมกัน 2 บทและเล็งจุดกระทบอย่างแม่นยำนั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นเลย เพียงแต่กวีไม่อยากเผยความลับของตนให้แก้วเห็นเท่าไร เพราะไม่ว่าอย่างไรแก้วก็ยังเป็นศัตรูอยู่

 

“คุณกวี”อยู่ ๆความเสียหายที่กวีทำก็มากขึ้น เมื่อเทียบกับกวีที่สามารถยืนยิงได้ตลอดเวลากับแก้วที่ต้องหลบไปโจมตีไปแล้วการสร้างความเสียหายต่อเนื่องกวีย่อมทำได้ดีกว่า เพียงแต่ก่อนหน้านี้กวีใช้เวทมนตร์ธรรมดาเท่านั้นเลยยังไม่สามารถดึงความสนใจของอสรพิษทะเลลึกไปได้ แต่ตอนนี้กวีใช้เวทประสานที่มีพลังโจมตีเหนือกว่ามาก ทำให้อสรพิษทะเลลึกหันไปมองกวีแทนแก้วจนได้

 

ติ๊ง……

 

ระหว่างกำลังยิงเวทมนตร์ใส่อสรพิษทะเลลึกที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาตนเองอยู่นั้น อยู่ ๆข้อความของระบบก็เด้งขึ้นมาเบื้องหน้าของกวีพอดี

 

“ทันเวลาพอดี”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจเมื่อได้เห็นข้อความที่แจ้งขึ้นมาตรงหน้าตนเอง ก่อนจะ….

 

เปรี้ยง!!

 

กำแพงดินถูกสร้างขึ้นมาเบื้องหน้าของกวีทำให้อสรพิษทะเลลึกชนเข้ากับกำแพงตรงหน้าอย่างจัง กำแพงดินนั้นเป็นเวทมนตร์ขั้นที่ 2 ของเวทดินที่กวีพึ่งได้รับมาเมื่อครู่ เพราะทั้งก่อนหน้านี้และช่วงเวลาที่สู้ร่วมกับแก้ว กวีใช้เวทมนตร์ต่อเนื่องหลายครั้ง ทำให้เวท ดิน ไฟ และ ลม เลื่อนขึ้นมาเป็นขั้นที่ 2 พร้อมกันจนได้ แต่เวทน้ำที่ไม่ได้ใช้สู้กับอสรพิษทะเลลึกเลยกับเวทสายฟ้าที่พึ่งได้มากลับยังไม่เลื่อนขั้น แต่เท่านี้กวีก็สามารถสร้างความเสียหายได้ต่อเนื่องกว่าเดิมหลายเท่าแล้ว

 

ตูม ๆ ๆ ๆ

 

ลูกศรสีแดงเพลิงจากเวท ศรเพลิงต่อเนื่อง จำนวน 3 ดอกพุ่งเข้าไปกระแทกร่างของอสรพิษทะเลลึกพร้อมกระสุนเพลิงธรรมดาที่ยิงออกไปพร้อมกระสุนลมอีก 1 ลูกทำเอาหัวของอสรพิษทะเลลึกเซไปอีกทางเลยทีเดียว แถมกวียิงใช้เวทเคียวสายลมและกระสุนอัสนีโจมตีออกไปจนทำให้เกิดความเสียหายได้หลายครั้งมาก เพียงมีเวทมนตร์เพิ่มขึ้นจอมเวทก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

“……….”แก้วมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้ง ๆ ก่อนหน้านี้แค่ร่ายเวทได้เร็วและเล็งเป้าอย่างแม่นยำก็นับว่ายอดแล้ว แต่นี่กวีกลับร่ายเวทประสานรวมทั้งร่ายเวทระดับ 2 อย่างต่อเนื่องราวกับสกิลพวกนั้นไม่ต้องร่ายเวทอะไรเลย ไม่ใช่แค่นั้นตอนนี้อสรพิษทะเลลึกหันไปโจมตีกวีอยู่ด้วย แม้จะมีกำแพงดินกั้นเอาไว้แต่ก็ทำแค่ลดความเร็วของอสรพิษทะเลลึกเท่านั้น ทำให้กวีตอนนี้ทั้งหลบหลีกการโจมตีของอสรพิษทะเลลึก ทั้งร่ายเวทโจมตีและเล็งโจมตีได้อย่างแม่นยำ ไม่ใช่แค่นั้นเขายังสร้างพื้นเหยียบด้วยเวทกำแพงดินเอาไว้ให้เธออีกต่างหาก

 

“สมองของคนเราทำได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”แก้วที่กำลังวิ่งเข้าไปโจมตีอสรพิษทะเลลึกกลับไม่ได้มองไปทางอสรพิษทะเลลึกเลยแม้แต่น้อย เธอกลับมองไปทางกวีตาค้างโดยไม่ทราบจะหาคำใดมาอธิบาย นี่เขาทำได้แค่ไหนกันแน่ อย่าบอกนะว่าต่อให้เป็นเวทมนตร์ระดับสูงเขาก็สามารถร่ายเวทได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องแบบนี้อยู่ดี แบบนั้นมันเหมือนกับนนท์จอมเวทอันดับ 1 ของโลกแห่งเกมเลยไม่ใช่หรือไง

 

“คุณแก้ว รีบจัดการให้จบเถอะครับ”กวียิ้มก่อนจะหันไปบอกแก้วด้วยท่าทียิ้มแย้ม แต่การทำแบบนั้นระหว่างกำลังร่ายเวทไปด้วยนั้นทำเอาแก้วได้แต่ยกมือยอมแพ้ในใจ ยอมแล้วคนคนนี้ต่อสู้ไปร่ายเวทไปด้วยแถมยังหันมาคุยกับเธอได้อีก ทำไมคนแบบเขาถึงไม่เคยมีชื่อเสียงในเกมมาก่อนนะ อย่างน้อย ๆคนที่ทำแบบนี้ได้ก็ต้องเป็นจอมเวท 1 ใน 10 ของไทยเลยแท้ ๆ

ตอนที่ 36

เสียหาย

 

 

“เชิญเลยครับคุณลูกค้า”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของเมฆที่พอเข้ามาในเกมก็เจอจดหมายของกวีฝากเอาไว้ถึงตนเองว่าจะแยกไปทำธุระสักครู่ เมฆเลยใช้เวลาว่างระหว่างรอคนอื่น ๆไปเดินเล่นในตลาดสักหน่อยเพื่อหาซื้อของที่ตนเองต้องการ

 

แม้จะไม่ได้รับส่วนแบ่งจากหนังสือสกิลเวทสายฟ้า แต่เมฆก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเรื่องเงินอยู่แล้ว แม้เมฆจะไม่ยอมรับแต่ชื่อนักดาบอันดับ 1 ที่เหล่าผู้เล่นตั้งให้ก็สมกับฝีมือของเมฆอย่างมาก เขาเล่นนำผู้เล่นคนอื่นไปแบบไม่เห็นฝุ่นเสมอ และไอเทมที่เขาได้มาต่างก็เป็นไอเทมระดับสูงกว่าเลเวลปัจจุบันของตัวละครคนอื่น ๆทั้งนั้น ทำให้เงินที่เมฆทำได้จากการขายไอเทมระดับสูงผ่านเรย์ก็ถือว่ามั่งคั่งไม่น้อย

 

“มีดาบใหญ่เลเวลยี่สิบหรือเปล่า”เมฆถามพลางเดินเข้าไปในร้านขายอาวุธที่มีผู้เล่นเป็นพนักงานต้อนรับอยู่หน้าร้าน ขอเพียงมีเงินมากพอผู้เล่นก็สามารถซื้อสถานที่ภายในเมืองเพื่อเปิดเป็นร้านได้ และทันดร้าที่มีแต่ผู้เล่นเงินหนาก็ย่อมต้องมีคนอยากจะมาลงทุนอยู่แล้ว ทำให้เมืองทันดร้าในตอนนี้เหมือนโดนผู้เล่นยึดครองไปส่วนใหญ่เลยก็ว่าได้

 

“เชิญทางนี้ครับ”โชคดีมากที่ร้านค้าแห่งนี้ถือเป็นร้านที่เข้าใจลูกค้าเป็นอย่างมาก ผู้เล่นรวย ๆที่เข้ามาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจในเมืองทันดร้าไม่ค่อยสนใจเรื่องเก็บเลเวลกันหรอก แต่ถึงอย่างไรที่นี่ก็ยังเป็นโลกในเกมพวกเขาก็ต้องเก็บเลเวลเพื่อไปสถานที่ที่มีมอนสเตอร์เลเวลสูงอยู่ดี ทำให้มีคนพกเงินมามากมายเพื่อซื้ออาวุธเลเวลต่ำสำหรับออกไปล่าตลอด

 

“นี่ครับ”พนักงานของร้านพาเมฆเข้าไปดูตรงส่วนของอาวุธประเภทดาบใหญ่ พวกมันมีน้ำหนักมากและทำให้ต้องใช้ค่าพลังเยอะพอสมควรในการถือ ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับเมฆที่อัพค่าพลังล้วน ๆตั้งแต่แรกเพราะมันเป็นเงื่อนไขอาชีพที่เมฆต้องการ

 

วูบ…

 

เมฆเหวี่ยงดาบที่หยิบขึ้นมาดูครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ สำหรับเมฆแล้วอาวุธไม่ได้ดูแค่พลังโจมตีเท่านั้น แต่ยังต้องดูความเหมาะมือด้วยเพราะการโจมตีให้โดนไม่ได้อาศัยโชคหรือสเตตัสของตัวละคร แต่ต้องอาศัยความสามารถของผู้เล่น และผู้เล่นระดับสูงก็มีความสามารถหลบหลีกการโจมตีได้อย่างกับภูตผีกันทั้งนั้น เมฆเลยมักจะเลือกดาบที่เหมาะมือมากกว่าหากดาบที่มีให้เลือกอยู่ระดับเดียวกัน

 

“มีหินเสริมแกร่งหรือเปล่า”เมฆถามขณะมองดาบในมืออย่างพึงพอใจ ดาบที่เมฆเลือกนั้นเป็นดาบใหญ่ที่หนาเหมือนแบกท่อนซุงเดินไปเดินมา นอกจากพลังโจมตีจะรุนแรงแล้วมันยังหนักมากอีกด้วย

 

“มีครับ….แต่เอาหินเสริมแกร่งไปใช้กับอาวุธเลเวลยี่สิบมัน…..”พนักงานถามด้วยท่าทีสงสัย หินเสริมแกร่งเป็นไอเทมสำหรับเพิ่มพลังให้อาวุธ ได้จากมอนสเตอร์บางชนิดแถมยังมีอัตราการได้น้อยมากเลยทีเดียวทำให้หินเสริมแกร่งพวกนี้มีราคาสูงกว่าดาบเลเวล 20 ของเมฆเสียอีก

 

“ไม่ต้องถามมาก เอามาทั้งหมดนั่นล่ะ”เมฆตอบพลางลองเหวี่ยงดาบในมือดู ตอนนี้พวกตนพึ่งหาเรื่องกิลด์อัศวินเมฆาไปหมาด ๆ หากจะมีคนของอัศวินนภามาหาเรื่องก็ไม่แปลกเลย แถมคนของกิลด์อัศวินนภายังเป็นผู้เล่นเลเวลสูงกันอีกต่างหาก ถ้าเมฆจะสู้ในตอนนี้อย่างน้อยอุปกรณ์สวมใส่ทุกชิ้นของเมฆต้องพร้อมที่สุด ไหนจะยาเพิ่มค่าพลังที่ต้องไปหาจากงานประมูลอีกต่างหาก

 

.

 

.

 

“ไม้….ข่าวพวกนี้มันหมายความว่ายังไง”เสียงจากระบบสื่อสารจากผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้าง ๆหูของไม้หัวหน้ากิลด์อัศวินนภา เพียงแค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายโกรธมากแค่ไหนแต่ทว่าไม้กลับมีท่าทีงุนงงเพราะตัวเขายังเฝ้าอยู่ที่เนินราชสีห์เพื่อจับเวลาเกิดของเซียนหูยาว

 

“ไปดูหน้าเพจเอาสิ มีแต่คนพูดถึงการขายเวทมนตร์สายฟ้าเต็มไปหมดเลย”หญิงสาวจากอีกฝั่งของระบบสื่อสารตอบก่อนจะวางสายไปทำเอาไม้ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรได้แต่กะพริบตาปริบ ๆก่อนจะเปิดดูหน้าเพจเกมแต่โดยดี เรื่องการขายเวทมนตร์สายฟ้านั้นทุกคนก็น่าจะรู้แล้วนี่นา ก็เขาเป็นคนจัดประมูลเอง ไม่นานทุกคนในเกมก็ต้องได้ข่าวแล้วว่าเวทมนตร์สายฟ้าเล่มที่ 2 ถูกปล่อยออกมาแล้ว มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะถือครองเวทสายฟ้าเอาไว้คนเดียวไปตลอดทั้งเกม

 

“นี่มัน_อะไรวะ”ไม้มองหน้าเพจเกมด้วยใบหน้าตกใจ ข่าวเรื่องการขายเวทสายฟ้าของกิลด์อัศวินนภากำลังได้รับความสนใจก็จริง แต่ก็มีข่าวอื่นเกี่ยวกับเวทสายฟ้าเบียดความสนใจของข่าวเดิมจนมิด ทุกคนเริ่มโพสต์เรื่องเวทมนตร์สายฟ้าที่ถูกขายในราคา 1 ล้านบาทที่เมืองทันดร้า แถมยังมีการเปรียบเทียบราคากับราคาเปิดประมูลของกิลด์อัศวินนภาอีกต่างหาก ทำเอาผู้เล่นจำนวนมากบอกว่าอัศวินนภากำลังค้ากำไรเกินตัว และเวทมนตร์สายฟ้าไม่ได้มีแค่ 2 เล่มอีกต่อไปเพราะเล่มที่ 3 ได้ทำการซื้อขายไปแล้ว

 

ไม่ใช่แค่นั้น โพสต์ล่าสุดที่กำลังถกเถียงกันอยู่นั้นคือเรื่องของเวทสายฟ้าเล่มที่ 4 โดยข้อมูลบอกว่ามีผู้เล่นใหม่ใช้เวทสายฟ้าที่หน้าเมืองก่อนจะถูกคนของกิลด์อัศวินนภาเข้าไปข่มขู่ ผู้เล่นใหม่ที่น่าสงสารคนนั้นยอมบอกแต่โดยดีว่าซื้อเวทสายฟ้ามาจากชายแปลกหน้าในราคา 1,000 บาท ราคานี้ทำเอาผู้เล่นตกใจกันอย่างมาก หรือว่าจริง ๆแล้วเวทสายฟ้าเป็นไอเทมที่หาได้ไม่ยากแค่ต้องมีวิธีหาเท่านั้นหรือเปล่า

 

“หาไม่ยากบ้านแกสิ เดือนเดียวได้มาแค่สองเล่มมันจะไปมีเล่มที่สี่ได้ไง”ไม้ได้อ่านคอมเมนต์ต่าง ๆก็กัดฟันแน่นด้วยท่าทีโกรธจัด เขาคุมบอสเซียนหูยาวเอาไว้ทั้งหมดยังได้แค่ 2 เล่ม ต่อให้เมฆเข้ามาแล้วเก็บไปได้ 1 เล่มเพราะโชคของไอช่า ก็ไม่ควรมีเล่มที่ 4 นี่นา แล้วเจ้าผู้เล่นใหม่นั่นมันใครกัน หรือว่าเมฆเอาไปขายให้ใครสักคนแล้วคนคนนั้นเอาไปขายต่อในราคาถูก…..

 

แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะตอนนี้ข่าวลือในเน็ตเริ่มแพร่กระจายอย่างกับไฟลามทุ่ง ตอนนี้ทุกคนต่างเชื่อกันว่ามีเวทสายฟ้ามากกว่า 4 เล่มออกมาแล้ว และคงเลี่ยงไม่ได้ที่ราคาประมูลของเวทสายฟ้าที่กิลด์อัศวินนภาจะต้องตกลง ไหนจะชื่อเสียงที่ไม้เอาไปรับประกันความหายากของเวทสายฟ้าอีก แบบนี้ไม่เท่ากับว่าไม้เป็นพวกโกหกหลอกลวงเพื่อปั่นราคาประมูลหรอกหรือ

 

ติ๊ง….

 

[ ฉันได้ข่าวว่ากิลด์อัศวินนภาใช้คนจำนวนมากกั้นพื้นที่เนินราชสีห์แถว ๆเมืองทันดร้าอยู่ด้วย หรือว่าเวทสายฟ้าจะมาจากที่นั่น ]

 

[ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ผมเคยโดนไล่ออกจากเนินราชสีห์มาแล้ว ที่นั่นเป็นแค่พื้นที่เลเวลยี่สิบเท่านั้น มันต้องมีอะไรแน่ ๆ ]

 

[ เวทสายฟ้าในข่าวลือมาจากเมืองทันดร้าทั้งนั้น เวทสายฟ้าจะต้องได้มาจากเนินราชสีห์แน่ ๆ แบบนี้กิลด์อัศวินนภาก็กำลังผูกขาดสินค้าอยู่ไม่ใช่หรือไง ]

 

คอมเมนต์ใหม่จำนวนมากเด้งเข้ามาในเพจอย่างล้นหลามทำเอาไม้ที่อ่านอยู่เหมือนมีไฟมาลนก้น เรื่องการยึดพื้นที่โดยกิลด์ใดกิลด์หนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไร แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง กิลด์อัศวินนภาและพันธมิตรต่างเป็นกิลด์ที่มีชื่อเสียงในด้านดี ๆมาเสมอ การทำแบบนี้จะสร้างชื่อเสียให้กิลด์อัศวินนภาอย่างมาก แต่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือการประกาศออกไปว่าเวทสายฟ้าอยู่ที่เนินราชสีห์ต่างหาก

 

โครม!!

 

ไม้เอาดาบใหญ่ของตนเองฟันลงไปบนต้นไม้ข้างหน้าจนมันล้มลงไปนอนอยู่กับพื้น นอกจากจะมีเวทสายฟ้าออกมาในตลาดเพิ่มแล้ว สถานที่หาไอเทมยังโดนประกาศออกไปอีก เจ้าพวกที่พิมพ์คอมเมนต์พวกนี้ต้องเป็นคนของกิลด์อื่นแน่ ๆ แบบนี้อย่าว่าแต่ราคาตกเลย แค่จะขายต่อให้ได้ราคาตามที่หวังก็ยากแล้ว คิดว่าไม้ลงทุนลงแรงไปเท่าไรกับการประมูลครั้งนี้ การจ้างคนมาเฝ้าเนินราชสีห์เอาไว้ทั้งเดือนมันใช้เงินไม่น้อยเลยนะ

 

ติ๊ง

 

“ไม้ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมอยู่ ๆเวทสายฟ้าก็มีเกลื่อนไปหมดแบบนี้”เสียงของชายคนหนึ่งดังเข้ามาจากระบบสื่อสาร ทำให้ไม้ที่กำลังโมโหสุด ๆรีบปรับอารมณ์เพื่อจะไม่ให้เสียมารยาทกับอีกฝ่าย

 

“ใจเย็นครับเฮีย มันก็แค่พวกปั่นข่าวเท่านั้นครับ”ไม้ตอบด้วยรอยยิ้มฝืนสุด ๆ ต่อให้โมโหแค่ไหนแต่อีกฝ่ายก็เป็นคนใหญ่คนโตไม่ควรสร้างความเคืองใจให้

 

“ปั่นข่าวอะไร ทุกคนเห็นว่ามีคนอื่นใช้เวทสายฟ้า แถมยังมีรูปการณ์ขายเวทสายฟ้าอีก นี่มันจากสองคนกลายเป็นสี่คนเลยนะ ได้ยินไหมนี่มันสองเท่าเลยนะ อีกหน่อยก็คงกลายเป็นแปด แล้วก็สิบหกคนงั้นเหรอ”ชายที่อยู่ปลายสายตะโกนออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ แต่เดิมราคาของเวทสายฟ้าประมูลกันในราคาสูงก็เพราะมีเพียง 2 เล่มในเกมเท่านั้น มันก็เหมือนรถหรูที่มีเพียงคันเดียวในโลก พอบอกว่าจริง ๆแล้วมี 2 คันขึ้นมาราคาก็คงตกลงไปมากกว่าครึ่งแน่ ๆ เหล่าคนรวยที่ต้องการเวทสายฟ้าตอนนี้ไม่ได้อยากได้เวทมนตร์สายฟ้า แต่ต้องการคำว่าของที่มีไม่กี่ชิ้นในโลกต่างหาก

 

“ไม่ต้องห่วงครับ…..ครับ…..ครับ…..”ไม้พยายามจะแก้ตัวแต่เสียงจากปลายสายก็ด่าไม้อย่างหนักจนไม้ตอบได้แต่ ครับ เท่านั้น

 

ปึง….

 

พออีกฝ่ายวางสายไปแล้วไม้ก็กระทืบพื้นเสียงดังสนั่นทันที เพียงแต่ยังไม่ทันได้ระบายอารมณ์อะไรออกมา อยู่ ๆก็มีสายจากเถ้าแก่คนอื่น ๆที่ไม้โม้เรื่องเวทสายฟ้าเอาไว้โทรเข้ามาต่อว่าอีกหลายคน ทำเอาไม้ได้แต่ขอโทษไปแล้วไม่ต่ำกว่าร้อยครั้งเลยก็ว่าได้

 

“หน็อยแน่….เราได้เห็นดีกันแน่เมฆ”ไม้กัดฟันกรอดด้วยท่าทีเจ็บใจหลังจากโดนลูกค้าจำนวนมากด่าไม่ยั้งอย่างกับไปฆ่าลูกของพวกเขามา งานนี้ท่าทางจะเป็นแผนของเมฆแน่ ๆ เพราะคนที่เข้ามาฆ่าเซียนหูยาวในตอนนั้นได้มีแต่เมฆตามที่อรุณรายงานมาเท่านั้น…..

 

.

 

.

 

“เฮ้อ…..ไม่นึกเลยว่าจะมีที่พักตรงนี้ด้วย”แก้วถอนหายใจออกมาช้า ๆด้วยท่าทีโล่งอกหลังจากปีนกำแพงขึ้นมาหลบอยู่บนซอกหินเกือบ ๆจะถึงเพดานถ้ำ แม้ลูกธนูของเธอจะยังไม่หมดแต่เธอก็เคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วงทำให้ร่างกายของเธอเริ่มล้าไปหมดแล้ว เมื่อความเร็วลดลงการโจมตีและการหลบหลีกก็ยากขึ้น หากไม่พักผ่อนเสียก่อนก็คงโดนอสรพิษทะเลลึกฆ่าตายแน่ ๆ

 

“พลังเวทของผมเองก็จะหมดแล้วเหมือนกัน แต่เจ้างูนั่นเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลยนะ”กวีว่าพลางมองลงไปยังอสรพิษทะเลลึกที่กำลังขู่ฟ่อ ๆอยู่ด้านล่าง เพราะพวกกวีกับแก้วปีนขึ้นมาหลบด้านบนโดยการปีนเวทหอกศิลาขึ้นมาทำให้มันไม่สามารถตามขึ้นมาได้ รวมถึงโจมตีไม่ถึงอีกด้วย

 

“แต่คุณก็สุดยอดมากเลยนะคะ ถ้ามีแค่ฉันคนเดียวคงสู้อะไรไม่ได้เลยแน่ ๆ”แก้วยิ้มออกมาพลางมองลงไปยังถ้ำทางด้านล่าง เจ้างูนั่นยังขู่ขึ้นมาโดยทำอะไรไม่ได้อยู่เลย

 

“จริงสิ คุณกวีสนใจจะมาเข้ากิลด์ของเราหรือเปล่า”แก้วถามออกไปด้วยท่าทีคาดหวัง หากเป็นกวีละก็ต้องสามารถสร้างชื่อเสียงให้กิลด์เมฆาได้แน่นอน

ตอนที่ 35

รับ

 

“อย่างน้อยก็มีแท่นหินให้เดินไปได้นะคะ”แก้วมองไปบนพื้นที่ภายในดันเจี้ยนด้วยท่าทีเหมือนกำลังปลอบใจตัวเอง อย่างน้อยดันเจี้ยนแห่งนี้ก็ยังไม่ได้ใจร้ายถึงขีดสุดขนาดจะให้ว่ายน้ำไปสู้กับมอนสเตอร์ไป เพราะบนพื้นที่ที่มีแต่น้ำนั้นก็ยังมีก้อนหินโผล่พ้นขึ้นมาให้ได้ใช้เหยียบอยู่บ้าง

 

ตุบ….

 

ถึงจะบอกว่ามีก้อนหินโผล่พ้นพื้นน้ำขึ้นมาให้เหยียบก็เถอะ แต่มันก็มีพื้นที่ให้เหยียบไม่มาก หากก้าวพลาดหรือเผลอลื้นก็ต้องตกน้ำแน่ ๆทำให้แก้วมีท่าทีระวังตัวอย่างมากในการก้าวเดินแต่ละครั้ง

 

“คุณ…..กวี ถ้าเจอมอนสเตอร์แล้วฉันจะบอกคุณก่อนนะคะ”แก้วเปิดหน้าต่างปาร์ตี้ขึ้นมาก่อนจะเรียกชื่อของกวีตามชื่อที่ลงทะเบียนเอาไว้ แม้ตอนแรกจะไม่ได้คิดอะไรแต่พอได้อ่านชื่อกวีขึ้นมาแล้วแก้วก็มีท่าทีแปลก ๆทันที

 

“ครับ”กวีตอบรับพลางยิ้มออกมาด้วยใบหน้าอ่อนโยน ใบหน้าเช่นนั้นทำให้แก้วปัดเรื่องที่ตนเองคิดออกไป ไม่มีทางหรอกกวีคนนั้นไม่ใช่คนที่จะมายิ้มด้วยท่าทีเป็นมิตรแบบนี้เสียหน่อย คงจะเป็นแค่คนชื่อเหมือนกันเท่านั้นเอง

 

[ อสรพิษทะเลลึก บอสมอนสเตอร์เลเวล 70 ตื่นจากการหลับใหล ผู้เล่นที่ถูกอสรพิษทะเลลึกสังหารจะถูกลดเลเวลลง 5 เลเวล]

 

เดินเข้ามายังไม่ทันไร อยู่ ๆประกาศแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น นี่เดินเข้ามาก็เจอบอสเลยงั้นเหรอ ดันเจี้ยนนี้มันไม่มีเงินจ้างลูกน้องหรือยังไง แถมโดนบอสฆ่าตายยังลดเลเวลลงตั้ง 5 เลเวลอีกต่างหาก แบบนี้มันเอาเปรียบกันในยามยากแท้ ๆ

 

“คุณกวี ถอยไปก่อนค่ะ”แก้วรีบตั้งท่าเตรียมพร้อมก่อนจะสอดส่องสายตาไปรอบ ๆ โชคดีที่ภายในดันเจี้ยนถ้ำอสรพิษใต้สมุทรนั้นมีแสงจากผลึกสีฟ้าที่อยู่บนผนังถ้ำทำให้สามารถมองเห็นได้ไม่ต่างจากมีหลอดไฟติดเอาไว้ทั่วดันเจี้ยน ทำให้การมองเห็นไม่ได้มีปัญหาเหมือนตรงทางเข้า เพียงแต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนแก้วก็ไม่พบอสรพิษทะเลลึกเลย

 

ตูม!!

 

อยู่ ๆพื้นน้ำด้านหลังของกวีก็เกิดคลื่นน้ำซัดกระแทกขึ้นมาเสียงดังสนั่นพร้อมน้ำจำนวนมหาศาลที่พัดเข้าใส่ร่างของกวีพร้อมหัวของงูสีฟ้าที่พุ่งขึ้นมาโถมเข้าใส่จุดที่กวียืนอยู่ก่อนหน้านี้

 

“คุณกวี…”แก้วหันไปมองทางด้านหลังของตนเองก็เห็นเพียงร่างของอสรพิษทะเลลึกที่กำลังหันมามองเธอด้วยท่าทีดุร้าย มันเป็นงูขนาดใหญ่ที่มีสีฟ้าเป็นส่วนใหญ่โดยจะมีลวดลายสีน้ำเงินไล่ไปตามตัว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นงูทะเลที่มีพิษแน่ ๆ เพียงแต่ถึงมันจะไม่ใช้พิษก็คงฆ่าผู้เล่นเลเวล 20 อย่างกวีตายได้อย่างง่ายดายแน่ ๆ

 

“เจ้านี่มันอยู่ในน้ำนี่เอง”กวีพูดออกมาขณะยืนอยู่บนหินปลายแหลมที่แทงขึ้นมาจากน้ำ เพียงแต่แก้วจำไม่เห็นได้เลยว่ามีหินแบบนั้นอยู่ตรงที่กวียืนอยู่ด้วย

 

เปรี้ยง!!

 

กวีไม่รอช้าร่ายเวทกระสุนอัสนีใส่ร่างของอสรพิษทะเลลึกทันที อย่างน้อยมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในน้ำส่วนใหญ่ก็ต้องแพ้สายฟ้าไม่มากก็น้อย ถึงเลเวลจะห่างกันมากก็เถอะ แต่…..

 

“ฟ่ออออ” ไม่ได้ผลเลยสักนิด แม้จะเป็นเวทสายฟ้าที่แพ้ทางแต่เลเวลของกวีก็ห่างเกินไป กับบอสเลเวล 70 แล้วเวทสายฟ้าของกวีนั้นสร้างความเสียหายได้เล็กน้อยจนน่าเจ็บใจ เพียงแต่ผลที่ได้นอกจากจะไม่ทำให้เจ้าอสรพิษทะเลลึกบาดเจ็บแล้วมันยังมีท่าทีโมโหมากอีกด้วย

 

ฉึก ๆ ๆ

 

พอเห็นว่ากวียังมีชีวิตอยู่แก้วก็อาศัยจังหวะที่อสรพิษทะเลลึกกำลังส่งเสียงขู่อยู่นั้นยิงลูกศรใส่ไป 3 ครั้งติด แม้จะเลเวลห่างจากกวีไม่มาก แต่คนระดับแก้วไม่ใช่ธรรมดาเลย ธนูของเธอผ่านการเสริมแกร่งมาอย่างดี แถมอุปกรณ์สวมใส่ต่าง ๆล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น ไม่ต้องพูดถึงยาเพิ่มความสามารถที่เหมือนกับน้ำผึ้งหมอกม่วงที่กวีเคยกินเข้าไปอีกทำให้แม้จะไม่รุนแรงเท่าพวกเลเวลสูง ๆ แต่แก้วก็สร้างความเสียหายได้รุนแรงกว่ากวีหลายเท่า

 

“ฟ่ออออ”ทันทีที่โดนสร้างความเสียหายอย่างฉับพลัน อสรพิษทะเลลึกก็หันหน้าไปทางแก้วก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปใส่อย่างรวดเร็วหมายจะฉกใส่แก้วให้ตายคาที่

 

ฟุบ…..ฉึก ๆ

 

แก้วกระโดดถอยไปยืนบนหินด้านหลังอย่างแม่นยำก่อนจะยิงธนูสวนเข้าหัวของอสรพิษทะเลลึกอย่างแม่นยำ พอเริ่มต่อสู้ท่าทีลังเลว่าจะตกน้ำหรือเปล่าของแก้วก็หายไปทันที ยามนี้นี่สิคือเกษแก้วกัลยาที่กวีรู้จัก ใบหน้านิ่งสงบในยามต่อสู้ ใจเย็นได้แม้อสรพิษตรงหน้าจะกำลังแยกเขี้ยวใส่อย่างดุร้าย

 

โครม ตูม!!!

 

ทันทีที่โดนโจมตีเข้าไปอย่างจัง อสรพิษทะเลลึกก็มีท่าทีโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัด มันพุ่งตัวลงน้ำทะเลก่อนจะโผล่พรวดขึ้นมาด้านหลังของแก้วด้วยความเร็วที่สูงขึ้นกว่าเดิมเสียอีก แต่ก็เหมือนกับพวกวี ตัวแก้วแก้วนั้นไม่ได้โดนโจมตีกันง่าย ๆ เธอกระโดดขึ้นสูงก่อนจะขึ้นไปยืนบนร่างของอสรพิษทะเลลึกก่อนจะง้างคันศรยิงสกิลของนักธนูลงไปบนตัวของมันอีกหลายครั้ง

 

แต่….ก้อนหินที่เป็นที่ยืนของแก้วโดนเจ้างูทะเลตัวนี้ซัดจนแตกกระจายไม่เหลือทางให้ลงเลย ทำให้แก้วต้องใช้ร่างของอสรพิษทะเลลึกเป็นที่เหยียบเพื่อไม่ให้ตกลงไปในน้ำ แต่ดูเหมือนการทำเช่นนี้จะง่ายกว่าการเรียนว่ายน้ำเสียอีกเพราะแก้วสามารถใช้ร่างของอสรพิษทะเลลึกเพื่อโจมตีต่อไปได้เรื่อย ๆ

 

ตูม!!

 

แต่ดูเหมือนอสรพิษทะเลลึกจะไม่ได้โง่ มันเห็นว่าแก้วพยายามใช้ร่างของมันเป็นที่ยืนมันก็ตัดสินใจมุดลงน้ำเพื่อไม่ให้แก้วมีที่ยืนในทันที

 

ซ่า….

 

แก้วกระโดดขึ้นมาบนอากาศก่อนที่ปลายหางของอสรพิษทะเลลึกจะจมหายลงไปในน้ำพร้อมกับร่างกายส่วนใหญ่ของมันพอดี เพียงแต่ตอนนี้ในระยะของแก้วไม่มีที่ให้ยืนอีกเลย หากแก้วตกลงไปในน้ำละก็มันคงจบไม่สวยนัก….

 

ฉึก ๆ ๆ ๆ ๆ

 

แก้วยังไม่ทันตกถึงพื้น อยู่ ๆก็มีก้อนหินปลายแหลมแทงขึ้นมาจากใต้น้ำพอดี ทำให้แก้วสามารถใช้มันเพื่อเป็นแท่นเหยียบได้ ขอเพียงหลบปลายแหลมของมันก็พอ

 

“คุณกวี สกิลนี้คูลดาวน์เท่าไร”แก้วถามพลางมองไปทางกวีที่กำลังถือไม้เท้าที่ชี้มาทางแก้ว หินปลายแหลมที่สร้างขึ้นมาเหล่านี้คือสกิลหอกศิลาของเวทธาตุดินนั่นเอง แม้จะโจมตีอสรพิษทะเลลึกไม่เข้าแต่กวีก็สามารถสร้างแทนยืนให้แก้วได้ อย่างน้อยก็ยังสู้ต่อได้แน่ ๆ

 

“เจ็ดวินาที ส่วนที่ร่ายแล้วจะอยู่ได้สามสิบวินาที”กวีตอบอย่างมั่นใจเพราะก่อนหน้านี้เคยทดลองมาก่อนแล้วว่าแต่ละเวทมนตร์ทำอะไรได้บ้าง หากแก้วจะเปลี่ยนสถานที่ยืนก็ต้องรอ 7 วินาทีเพื่อสร้างแท่นยืนใหม่ และเมื่อเวลาผ่านไป 30 วินาทีแท่นอันเก่าจะหายไป ซึ่งหมายความว่ากวีจะสร้างแท่นยืนให้แก้วค้างเอาไว้ได้เพียง 4 แท่นเท่านั้น

 

ตูม!!!

 

ยังไม่ทันได้ตกลงว่าจะทำอะไรกันต่อ อสรพิษทะเลลึกก็พุ่งพรวดขึ้นมาจากน้ำก่อนจะเปล่งแสงสีฟ้าออกมาจากร่างกาย พริบตานั้นที่เขี้ยวของมันก็ปรากฏของเหลวสีฟ้าเรืองแสงหยดลงไปบนพื้นน้ำด้านล่าง ก่อนที่พื้นน้ำทั้งหมดจะเปลี่ยนมาเป็นสีฟ้าเรืองแสงราวกับสีตัวของอสรพิษทะเลลึก นอกจากจะทำให้เห็นตัวมันเวลาอยู่ในน้ำได้ยากขึ้นแล้วยังแทบไม่ต้องบอกอีกด้วยว่าน้ำทะเลตอนนี้กลายเป็นบ่อพิษไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

“แบบนี้ผมเองก็ตกน้ำไม่ได้ด้วยสินะ”กวียิ้มเจื่อน ๆออกมาก่อนจะมองน้ำด้านล่าง ไม่เกี่ยวแล้วว่าแก้วจะว่ายน้ำได้หรือไม่ ในเมื่อเจ้าอสรพิษทะเลลึกเปลี่ยนน้ำทั้งหมดให้เป็นบ่อพิษ ไม่ว่าใครก็ไม่ควรลงไปอยู่ดี

 

ฟุบ….

 

แต่สำหรับแก้วแล้วไม่ว่าน้ำจะมีพิษหรือไม่เธอก็ไม่คิดจะลงไปอยู่แล้ว ทำให้สิ่งที่เธอต้องทำก็เหมือนเดิมนั่นคือโจมตีต่อไปแล้วอาศัยตัวของอสรพิษทะเลลึกหรือไม่ก็แท่นเหยียบที่กวีสร้างให้เพื่อทรงตัวเอาไว้นั่นเอง

 

ฉึก ๆ ๆ ๆ ตูม!!

 

ร่างของแก้วกระโดดขึ้นไปเหนือร่างของอสรพิษทะเลลึกก่อนจะใช้สกิลธนูระเบิดยิงอัดใส่ร่างของอสรพิษทะเลลึกทันที แม้จะยิงไปขนาดนี้แล้วแต่ท่าทางพลังชีวิตของอสรพิษทะเลลึกจะยังลดไปได้ไม่เท่าไรเลย หากให้เปรียบเทียบหลอดพลังชีวิตของอสรพิษทะเลลึกคงลดลงเหมือนธูปเวลาติดไฟเลยมั้ง

 

เปรี้ยง!!

 

น่าเสียดาย แม้จะหลบเก่งแค่ไหนก็ตามแต่การหลบการโจมตีกลางอากาศก็เป็นเรื่องแทบจะเป็นไปไม่ได้ แก้วที่กระโดดเพื่อหลบการโจมตีจากส่วนหัวของอสรพิษทะเลลึกกลับโดนส่วนของลำตัวมันกระแทกเข้าให้ แม้จะไม่รุนแรงนักเพราะเป็นการฝึกส่งลำตัวมากระแทกตัวแก้ว แต่หากลอยออกไปพ้นร่างของมันก็มีแต่ตกบ่อพิษเท่านั้น

 

ตุบ…..

 

ร่างของแก้วตกลงมาบนเวทมนตร์หอกศิลาที่กวีสร้างเอาไว้พอดี ทำให้แก้วยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ เธอไม่รู้ว่ากวีคือใคร สามารถใช้เวทมนตร์ได้คล่องแคล่วแค่ไหน แต่จากการที่เขาเล็งจุดที่เธอโดนกระแทกออกมาได้นั้นก็หมายความว่าเขาแม่นยำพอสมควรเลย

 

ฟุบ…..

 

แก้วพุ่งตัวกลับเข้าไปโจมตีอสรพิษทะเลลึกอย่างต่อเนื่อง การสร้างหอกศิลาของกวีแม่นยำกว่าที่เธอคิดมาก ขอเพียงนับเวลาคูลดาวน์ให้แม่นยำแก้วก็สามารถต่อสู้ได้เหมือนอยู่บนพื้นเลย

 

ตูม!!

 

ไม่ใช่แค่นั้นกวีที่อยู่ด้านหลังยังร่ายเวทไฟและเวทสายฟ้าเข้ามาโจมตีอสรพิษทะเลลึกได้อีกต่างหาก ความแม่นยำและสมาธิของกวีทำเอาแก้วที่กำลังลอยอยู่บนฟ้าอดประหลาดใจไม่ได้จริง ๆ

 

ตุบ…

 

“ยอดเลย”แก้วพูดออกมาด้วยท่าทีชื่นชมเมื่อเท้าของตัวเองแตะลงบนหอกศิลาที่กวีร่ายออกมาอีกครั้ง เธอไม่เคยรู้สึกเชื่อใจคนในปาร์ตี้ได้มากขนาดนี้มาก่อน ไม่ว่าเธอจะตกไปที่ไหนขอแค่คูลดาวน์สกิลของกวีหมดลงแก้วก็จะยืนอยู่บนหอกศิลาของกวีเสมอ สิ่งเดียวที่เธอต้องทำก็คือถ่วงเวลาบนอากาศให้ได้ 7 วินาทีเท่านั้น

 

ฟุบ….

 

ไม่ทราบทำไมแก้วถึงรู้สึกอยากจะลองเชื่อใจกวีดูสักหน่อย ไม่ใช่สิไม่ใช่แค่เชื่อใจแต่ยังคาดหวังอีกด้วยว่ากวีจะตามความเร็วจริง ๆของเธอทัน แก้วสลัดเรื่องหาที่ยืนทิ้งและตั้งสมาธิไปที่การเคลื่อนไหวแทน พริบตานั้นร่างของแก้วกระโดดจากหอกศิลาที่ยืนอยู่ไปที่หอกศิลาอันเก่าพร้อมกระโดดขึ้นเพื่อยิงสกิลของตนเองใส่ร่างของอสรพิษทะเลลึกอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ความเร็วของแก้วต่างไปจากเดิมมาก เธอทั้งกระโดด ตีลังกา และไถลไปกับร่างของอสรพิษทะเลลึกพร้อมโจมตีอย่างต่อเนื่องจนอสรพิษทะเลลึกส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทันทีที่มันดิ้นจนแก้วหลุดออกมาจากร่างกาย แก้วก็ไม่เสียเวลามองพื้นอีกต่อไป เธอทำเหมือนกับว่ากำลังสู้อยู่บนดินปล่อยให้เท้าตัวเองตกลงไปใกล้กับผิวก่อนจะเหยียบลงไปบนหอกศิลาที่กวีสร้างขึ้นมารับอย่างพอดิบพอดีแล้วใช้มันเพื่อกระโดดเข้าไปโจมตีอสรพิษทะเลลึกอีกรอบ ตอนนี้แก้วไม่รู้หรอกว่าจะสามารถล้มอสรพิษทะเลลึกได้หรือไม่ แต่เธอสัญญากับตัวเองเลยว่าพอกลับไปที่เมืองแล้วเธอจะชวนกวีเข้ากิลด์เมฆาให้ได้

ตอนที่ 34

หมดหวัง

 

 

“มอนสเตอร์งั้นเหรอ”กวีกับแก้วเห็นร่างของงูยักษ์ตัวหนึ่งโผล่พ้นขึ้นมาจากในทะเลก็รีบคว้าอาวุธขึ้นมาทันที ในข้อมูลที่กวีอ่านมาไม่เคยมีใครพบเห็นมอนสเตอร์แบบนี้ใกล้ ๆกับเมืองทันดร้ามาก่อน ยิ่งเป็นเขตที่ไม่ห่างจากตัวเมืองนักมอนสเตอร์ไม่ควรจะเลเวลสูงนักไม่ใช่หรือไง

 

“เจ้านั่นมาเพราะกลิ่นเลือดของนกนางแอ่นงั้นเหรอ”แก้วมองไปยังร่างของมันที่มีเกล็ดสีน้ำเงินปกคลุมร่างกายเอาไว้ เพราะไม่มีข้อมูลก็เลยไม่รู้ว่ามันเลเวลเท่าไรกันแน่ แต่แค่มองด้วยตาเปล่าก็น่าจะรู้แล้วว่ามันไม่ใช่มอนสเตอร์ทั่วไป หรือว่าเควสจัดการนางแอ่น 20 ตัวจะเป็นเควสเรียกบอสออกมา แต่ผู้เล่นเลเวลน้อยแบบนี้ไปหาเควสเรียกบอสมาจากไหนกัน

 

“คุณหลบไปก่อนฉันจะล่อมันเอาไว้เอง”แก้วไม่พูดพร่ำทำเพลงยิงธนูใส่ดวงตาของงูยักษ์ตรงหน้าทันที แต่ถึงจะยิงเข้าดวงตาอย่างแม่นยำแต่ลูกศรของแก้วกลับหักไม่เหลือชิ้นดีราวกับดวงตาของมันแข็งจนลูกธนูเจาะไม่เข้าเสียอย่างนั้น

 

เปรี้ยง!!

 

แม้แก้วจะบอกให้กวีหนีไปก่อน แต่กวีไม่ยอมไปแถมยังร่ายเวทสายฟ้าใส่งูยักษ์ตรงหน้าอีกต่างหาก แต่ถึงค่าปัญญาของกวีจะเยอะมากจนทำให้พลังโจมตีพอ ๆกับนักเวทเลเวล 25 ถึง 30 ก็ตาม แต่กระสุนอัสนีที่ยิงออกไปก็ไม่สร้างความเสียหายให้มันเลย

 

“กี๊สสสสส”เสียงแผดร้องของงูยักษ์ดังขึ้นมาพร้อมปากที่อ้ากว้างจนเห็นภายในของมันได้ พริบตานั้นร่างของงูยักษ์ก็โน้มไปข้างหลังก่อนฉกใส่พวกกวีอย่างรวดเร็ว

 

ตูม!!

 

แม้จะร่างกายใหญ่โตแต่การโจมตีของมันกลับเร็วมาก พริบตาเดียวปากของมันก็งับพื้นทรายที่แก้วและกวียืนอยู่เข้าไปทั้งหมดก่อนจะกลืนเอาทั้งพื้นทรายและตัวกวีและแก้วเข้าไปในท้องโดยไม่ให้ทั้งสองตั้งตัวเลย

 

.

 

.

 

“คุณแก้ว…….คุณแก้ว…..”ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่หลังจากหมดสติไปเพราะโดนเจ้างูยักษ์โจมตีกวีก็ตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกก่อนจะเข้าไปปลุกแก้วที่อยู่ข้าง ๆ แต่ดูเหมือนแก้วจะยังไม่ได้สตินี่สิ

 

จ๋อม…

 

กวีขยับร่างของตนเองที่จมอยู่ในน้ำไปเกือบครึ่งตัว ตอนนี้ตัวของกวีและแก้วเหมือนกำลังนอนอยู่บนหายทรายเพียงแต่รอบ ๆตัวกลับไม่ใช่ท้องฟ้ากว้างใหญ่เหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับเป็นก้อนหินยาวไปทั้งแถบ ตอนนี้เหมือนว่ากวีจะอยู่ในถ้ำที่มีทางเข้าเป็นทะเลไม่มีผิด หรือว่าเจ้างูนั่นจะเอากวีกับแก้วมาทิ้งเอาไว้ที่นี่งั้นเหรอ

 

“ที่ไหนกันเนี่ย”กวีถอนหายใจออกมาก่อนจะมองไปรอบ ๆ ด้านหลังก็เป็นถ้ำลึกที่ไม่รู้ว่าเข้าไปแล้วจะเจออะไร ข้างหน้าก็เป็นกำแพงถ้ำที่มีแค่น้ำทะเลเข้ามาได้เท่านั้น ไม่รู้ว่าหากดำน้ำออกไปจะสามารถออกไปได้หรือไม่ เป็นสถานที่ที่ชวนให้ปวดหัวจริง ๆ แถมเพื่อนร่วมทางยังไม่ได้สติอีกต่างหาก

 

“บางทีความสมจริงก็ลำบากเหมือนกันนะ”กวียิ้มเจื่อน ๆออกมาก่อนจะเหลือบไปมองทางแก้วที่นอนอยู่ เพราะพวกเขานอนแช่น้ำกันทั้งคู่ สภาพของกวีและแก้วเลยเปียกปอนไปทั้งตัว ทำให้ตอนนี้กวีสามารถมองเห็นทรวดทรงองเอวของอีกฝ่ายได้ชัดกว่าปกติมากจนรู้สึกเสียมารยาทไปเองเลย

 

“ที่นี่ ที่ไหนเนี่ย”ระหว่างกำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงดีแก้วที่นอนอยู่ข้าง ๆก็ได้สติเสียที เธอลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะลุกขึ้นมานั่งกับพื้นทราย

 

“ตื่นแล้วเหรอครับคุณแก้ว”กวีถามพลางมองไปทางแก้วอย่างโล่งอก อย่างน้อยแก้วก็ตื่นเสียที แต่ถ้าแก้วตายไปแล้วจริง ๆร่างกายก็ต้องกลายเป็นแสงสีขาวแล้วไปเกิดที่เมืองสิถึงจะถูก

 

“ค่ะ…นี่เราอยู่ในท้องงูงั้นเหรอคะ”แก้วถามพลางมองไปรอบ ๆ อาจจะเพราะสายตาของแก้วยังไม่ชินกับความมืดก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน

 

“โชคดีสุด ๆเลยครับที่ไม่ใช่”กวียิ้มเจื่อน ๆออกมาเพราะตัวเขาเองก็คิดแบบนั้นในตอนแรกเช่นเดียวกัน หากตื่นขึ้นมาในท้องของงูโดยยังไม่ตาย ภาพความทรงจำตอนนั้นคงเลวร้ายน่าดู

 

“งั้นที่นี่ที่ไหนกัน”แก้วลุกขึ้นยืนช้า ๆก่อนจะเริ่มมองไปรอบ ๆ อย่างที่กวีเห็นก่อนหน้านี้ทั้งสองทางไม่รู้ว่าจะนำพาไปที่ไหน หากเป็นคนธรรมดาก็คงต้องรู้สึกหวาดกลัวทำอะไรไม่ถูก แต่กวีไม่คิดว่าแก้วจะเป็นผู้หญิงประเภทที่เอาแต่กลัวไม่ยอมทำอะไรหรอก

 

“ตอนนี้พวกเราต้องเลือกระหว่างเข้าไปในถ้ำกับลองดำน้ำออกไปดู อย่างมากก็ตายแล้วกลับเมืองกันทั้งคู่”กวีตอบด้วยรอยยิ้มสบาย ๆ นี่คือข้อได้เปรียบอย่างหนึ่งของเกมพวกเขาไม่มีวันตายจริง ๆต่อให้เสี่ยงสักหน่อยก็ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดอยู่ดี

 

“งั้นพวกเราลองไปสำรวจถ้ำกันเถอะค่ะ”แก้วแทบจะไม่คิดให้เสียเวลาชี้ไปที่ถ้ำด้วยท่าทีมั่นใจ ทั้ง ๆที่การดำน้ำลงไปดูตรงปากถ้ำอาจจะพาพวกกวีออกไปได้เร็วกว่าแท้ ๆ

 

“ทำไมถึงเลือกทางนั้นเหรอครับ”กวีถามด้วยท่าทีสนใจ เจ้างูที่พาพวกกวีเข้ามาดูท่าทางแข็งแกร่งมาก และสาเหตุที่มันพากวีกับแก้วเข้ามานั้นก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง และคงเดาได้ทันทีว่ามันเป็นเควสอะไรสักอย่างแน่ ๆ บางทีถ้ำข้างหน้าอาจจะเป็นดันเจี้ยนเลเวลสูงที่ยังไม่ถูกค้นพบก็เป็นได้ แบบนั้นแทบจะมีแต่ตายกับตายไม่ใช่หรือไง

 

“ก็แค่….ทางนั้นน่าสนใจกว่าแล้วก็ท้าทายกว่า…..”แก้วตอบพลางหลบสายตากวีไปทางอื่นเสียอย่างนั้น

 

“แล้วอะไรอีกครับ”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีสนุกสนานก่อนจะถามย้ำแก้วไปอีกที ดูเหมือนเธอจะมีเหตุผลที่ไม่อยากบอกกวีอยู่แต่ไม่ยอมบอกออกมา

 

“ฉัน….ว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ”แก้วตอบออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ ความจริงลองลงไปดำน้ำดูก็ไม่เสียหาย แต่แก้วกลับว่ายน้ำไม่เป็นนี่สิ

 

“ฮะ ๆ ๆ ๆ เป็นเหตุผลที่คิดไม่ถึงเลย”กวีได้ยินเหตุผลของแก้วก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เกษแก้วกัลยา คนนั้นน่ะนะว่ายน้ำไม่เป็น ศัตรูที่ทำให้กวีต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลามีกิลด์เมฆาร่วมสงครามด้วยคนนั้นกำลังทำหน้าแดงสารภาพกับเขาว่าว่ายน้ำไม่เป็น…..

 

“โถ่ คุณจะหัวเราะเยาะเกินไปแล้วนะคะ คนเราก็ต้องมีเรื่องไม่ถนัดบ้างสิ”แก้วเห็นกวีหัวเราะจนลืมตัวก็โวยวายออกมาทันที ทำให้กวีต้องพยายามกลั้นขำอย่างช่วยไม่ได้

 

“ก็ได้ งั้นพวกเราลองไปสำรวจในถ้ำกันก่อนก็แล้วกัน ไม่แน่ที่นี่อาจจะเป็นถ้ำขุมทรัพย์ก็ได้”กวียังหลุดหัวเราะออกมานิดหน่อยก่อนจะหยิบไม้เท้าขึ้นมาเตรียมพร้อมเอาไว้ เมื่อเห็นเช่นนั้นฝ่ายแก้วเองก็นำอาวุธของตัวเองออกมาเช่นกัน จะบอกว่าโชคดีมากก็คงได้ที่อาวุธของแก้วกับกวียังไม่หายไปไหนแถมแก้วยังเตรียมลูกธนูเอาไว้สำหรับสู้กับเซียนหูยาวเอาไว้จำนวนมาก หากมีอันตรายเกิดขึ้นแก้วก็มั่นใจว่าจะสู้ต่อเนื่องได้แน่ ๆ

 

“นี่มัน ประตู…..”กวีกับแก้วเดินเข้ามาในถ้ำได้แค่ไม่กี่เมตรก็พบว่าทางด้านหน้าถูกประตูหินสลักลวดลายงูปิดทางเอาไว้จนมิด

 

“หรือว่าจะเป็นดันเจี้ยน…”แก้วเห็นประตูแบบนี้ก็คิดออกได้ไม่กี่อย่างเท่านั้น ในโลกของเอคโค่ที่พึ่งเปิดให้เล่นได้แค่เดือนเดียวนั้นยังมีความลับมากมายที่ผู้เล่นยังหาไม่เจอ และดันเจี้ยนแห่งนี้ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

 

ติ๊ง…

 

[ ถ้ำอสรพิษใต้สมุทร อันตรายเกินไปสำหรับระดับเลเวลของผู้เล่นในปัจจุบัน โปรดระวังตัวให้มากเพื่อเอาชีวิตรอด ]

 

ทันทีที่กวีลองเอามือไปแตะที่ประตูหินก็พบว่ามันเป็นดันเจี้ยนจริง ๆแถมมันยังอันตรายเกินไปสำหรับกวีในตอนนี้อีกด้วย แต่ดูเหมือนตัวเกมจะไม่ห้ามหากผู้เล่นจะเข้าไปทดสอบความสามารถตัวเองในดันเจี้ยนที่มีเลเวลสูงกว่าตนเองสินะ

 

“ท่าทางจะเป็นดันเจี้ยนเลเวลสูงน่าดู”แก้วเห็นกวีลองแตะไปที่ประตูก็ลองแตะไปที่ประตูบ้าง เธอเองก็ได้รับข้อความเตือนแบบเดียวกันนั่นทำให้มั่นใจได้เลยว่าดันเจี้ยนแห่งนี้ต้องมีเลเวลสูงกว่า 45 ซึ่งเป็นเลเวลปัจจุบันของแก้วอย่างแน่นอน แถมยังต้องสูงกว่าเกิน 10 เลเวลขึ้นไปถึงจะแจ้งเตือนข้อความแบบนี้ได้

 

“งั้น…พวกเราลองเข้าไปดูกันเถอะครับ”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีสนใจก่อนจะเปิดระบบข้อความของตนเองขึ้นมา ตอนนี้หากจะเข้าไปในดันเจี้ยนกวีต้องร่วมปาร์ตี้กับแก้วเสียก่อน และการมีชื่อเมฆกับไอช่าอยู่ในปาร์ตี้เดิมนั้นคงเป็นเรื่องไม่ดีเท่าไร กวีเลยตัดสินใจส่งจดหมายไปบอกเพื่อน ๆว่าตนเองเจอเควสบางอย่างต้องออกจากปาร์ตี้ชั่วคราวและให้คนอื่น ๆไปเก็บเลเวลล่วงหน้ากันก่อนได้เลย

 

“จะเข้าไปเหรอคะ”แก้วถามด้วยท่าทีประหลาดใจ อีกฝ่ายน่าจะเลเวลน้อยกว่าเธอเสียอีก แล้วทำไมยังกล้าเข้าไปในดันเจี้ยนที่ดูน่ากลัวแบบนี้

 

“ดันเจี้ยนนี้ชื่อว่า ถ้ำอสรพิษใต้สมุทร งั้นก็หมายความว่าที่นี่น่าจะอยู่ใต้ทะเล”กวีตอบพลางมองไปทางที่ตนพึ่งเดินผ่านมา แสดงว่าถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่ต้องดำลงมาในน้ำเพื่อจะเข้าไป และการจะออกก็ต้องดำน้ำออกไป ต่อให้ไม่ใช่แก้วที่ว่ายน้ำไม่เป็นก็ยังไม่แน่ว่าจะออกไปได้หรือเปล่าเลย

 

“ยังไงพวกเราก็ต้องออกไปจากที่นี่ จะผ่านดันเจี้ยนแล้วค่อยออกไป หรือโดนมอนสเตอร์ฆ่าตายแล้วค่อยออกไปก็คือเป้าหมายเดียวกัน”กวีชวนแก้วเข้าปาร์ตี้พร้อมจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอราวกับจะถามว่าจะร่วมทางไปกับกวีหรือเปล่า

 

“นั่นสินะ….”แก้วกดรับเข้าร่วมปาร์ตี้ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ ไหน ๆก็ต้องกลับอยู่แล้วก็ขอเข้าไปเห็นด้านในก่อนจะเป็นอะไรไป

 

“งั้นก็…..”กวีออกแรงผลักประตูหินเพียงเล็กน้อยประตูหินก็เปิดออกเองราวกับจะแสดงความยินดีต้อนรับทั้งสองให้เข้าไป ต่อให้เจอมอนสเตอร์ยากแค่ไหนกวีก็มีความเชื่อมั่นในฝีมือของแก้วอยู่เต็มเปี่ยม….

 

คลืนนน…..

 

“…………….”เพียงแต่เมื่อเห็นสภาพของดันเจี้ยนที่อยู่ด้านในใบหน้ามั่นใจของกวีก็เปลี่ยนไปนิดหน่อยเพราะดันเจี้ยนแห่งนี้เป็นภายในถ้ำกว้างใหญ่ที่มีน้ำปกคลุมไปทั้งดันเจี้ยนราวกับจะให้ว่าน้ำผ่านไป แน่นอนว่าการว่ายน้ำไปด้วยต่อสู้ไปด้วยย่อมเป็นเรื่องยาก แต่…

ตอนที่ 33

ยอดนักธนู

 

 

“เขาก็บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าซื้อของมา พวกนายจะเอาอะไรนักหนา”แก้วถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจนัก ก่อนหน้านี้กิลด์อัศวินนภาก็ไล่เธอออกจากเขตยึดครองทั้ง ๆที่กิลด์เมฆาที่แก้วอยู่นั้นก็เป็นกิลด์ย่อยของกิลด์เสียดฟ้าซึ่งมีฐานะเป็นพันธมิตรกับกิลด์อัศวินนภาแท้ ๆ พอออกมาเดินเล่นก็เจอคนของกิลด์อัศวินนภารังแกผู้เล่นใหม่อีกทำเอาเธออดโมโหแทนไม่ได้เลย

 

“แต่ว่าเวทมนตร์สายฟ้ามัน…..”คนของกิลด์อัศวินนภากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  แม้แก้วจะเป็นคนของกิลด์ย่อย แต่ทุกคนก็ทราบดีว่าพายัพหัวหน้ากิลด์เสียดฟ้านั้นเอ็นดูเธอแทบไม่ต่างจากน้องสาว บางทีอาจจะลำเอียงกับแก้วมากกว่าคนอื่น ๆในกิลด์เสียด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะคราวก่อนแก้วไปเจอกับคนของอรุณละก็คนในกิลด์อัศวินนภาไม่มีใครกล้าหาเรื่องเธอหรอก

 

“งั้นก็ไปตามหาคนที่มาขายสิ เด็กใหม่ที่แค่ซื้อของมามีความผิดอะไรกัน”แก้วต่อว่าคนทั้งสองอย่างจริงจัง การรังแกผู้เล่นใหม่จะทำให้กิลด์ดูแย่ในสายตาคนอื่น แม้จะเป็นกิลด์พันธมิตรแต่ก็มีโอกาสที่ชื่อเสียงเสีย ๆหาย ๆจะลามมาถึงกิลด์ของแก้วได้ด้วยเช่นกัน

 

“ครับ……”คนของกิลด์อัศวินนภาทั้งสองตอบพลางเดินถอยออกไปแต่โดยดี หาเรื่องแก้วก็ไม่ใช่เรื่องดี จะลากตัวเด็กใหม่ที่ซื้อหนังสือสกิลมาเฉย ๆก็คงไม่ได้เรื่องอะไรมากมาย

 

“ขอโทษด้วยนะ คนพวกนั้นจริง ๆก็ไม่ใช่คนไม่ดีหรอก”พอคนของอัศวินนภาจากไป แก้วก็หันมาขอโทษกวีแทนทั้งสองคนนั้นด้วยท่าทีรู้สึกผิด

 

“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ตกใจนิดหน่อยเอง”กวีตอบพลางยิ้มเจื่อน ๆออกมา ไม่นึกเลยว่าจะมีวันที่เขาได้เจอกับแก้วใกล้ ๆแบบนี้ หากแก้วรู้ว่าเขาคือใครละก็นอกจากจะไม่เข้ามาช่วยแล้วเธอยังจะยิงธนูใส่เขาอย่างไม่ลังเลอย่างแน่นอน

 

เกษแก้วกัลยา คือชื่อตัวละครที่โดดเด่นมากคนหนึ่งในเกมสมัยเป็นเกมคอมพิวเตอร์ เธอเป็นหนึ่งในคนที่สามารถสู้กับคนกลุ่มหลักของกวีได้อย่างสูสี เป็นตัวปัญหาที่กวีต้องเก็บเอามาใส่ใจเสมอเวลาวางแผน เธอเป็นคนจริงจังและมีความสามารถสูงทีเดียว อย่างน้อย ๆก็มี 2 ครั้งที่แก้วสามารถเอาชนะคนของกวีอย่าง วิน กับ เนตร ได้ เพราะฉะนั้นแก้วคนนี้ไม่ใช่คนกระจอก ๆที่กวีจะประมาทได้ เพียงแต่กวีไม่รู้ว่าพอเป็นเกมในโลกเสมือนจริงแล้วเธอยังจะมีฝีมือเหมือนเดิมหรือเปล่านี่สิ

 

“คราวหน้าฉันจะบอกพวกเขาไม่ให้ทำแบบนี้อีก คุณสบายใจได้เลยนะคะ”แก้วยิ้มบาง ๆออกมาด้วยท่าทีใจดี ทำเอากวีที่มองอยู่อดประหลาดใจขึ้นมาไม่ได้ สมัยก่อนกวีไม่เคยเห็นแก้วตัวเป็น ๆเช่นเดียวกัน นึกว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่แข็งกร้าวกว่านี้เสียอีก ไม่นึกเลยว่าเกษแก้วกัลยาคนนั้นจะยิ้มหวานแบบนี้ได้ด้วย แถมว่ากันตามตรงเธอเองก็เป็นผู้หญิงที่สวยเอาเรื่องเหมือนกัน แม้จะไม่ใช่สาวอ่อนหวานเรียบร้อยแต่เธอก็เป็นหญิงสาวหุ่นดีที่ต่อให้อยู่ในชุดมิดชิดก็ยังดูยั่วยวนได้

 

“คุณช่วยผมไว้จริง ๆ ถ้ามีอะไรที่ผมตอบแทนได้ละก็….”กวียิ้มออกมาพลางเสนอสิ่งตอบแทนกับการช่วยเหลือของแก้ว อย่างน้อยการที่แก้วเข้ามาก็ทำให้กวีไม่ต้องโดนพวกนั้นโจมตี แม้กวีจะไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะฆ่าเขาได้ก็ตาม

 

“คิก ๆ….ถ้าบังเอิญคุณไม่มีก้อนปุยเมฆละก็ฉันก็ไม่ต้องการอะไรตอบแทนหรอกค่ะ”แก้วพูดติดตลกออกมาด้วยท่าทีขำ ๆ ที่เธอมาเมืองทันดร้านั้นทั้งหมดก็เพื่อไอเทมอย่างก้อนปุยเมฆที่ได้จากเซียนหูยาวเท่านั้น มันเป็นไอเทมสำหรับเควสของเธอเพียงแต่เธอโดนพวกคนของกิลด์อัศวินนภาขวางเอาไว้ไม่ยอมให้เข้าไปล่า เธอจึงทำได้แต่พึ่งพาหัวหน้ากิลด์ใหญ่อย่างพายัพให้คุยกับไม้หัวหน้ากิลด์อัศวินนภาเพื่อขอไอเทมชิ้นนั้นมาให้เธอบ้างเท่านั้นเอง เพราะหากกิลด์อัศวินนภาครอบครองพื้นที่ตรงนี้คนที่จะมีไอเทมนั้นก็มีเพียงอัศวินนภาเท่านั้น

 

“บังเอิญจริง ๆ ผมมีมันอยู่พอดีเลย”กวีตอบพลางนำเศษปุยเมฆออกมา ก่อนหน้านี้พวกกวีตกลงแบ่งไอเทมกัน เพราะเจได้รับเงินค่าหนังสือสกิลไปแล้วเขาเลยบอกว่าไอเทมที่เหลือซึ่งไม่ทราบว่าเอาไปทำอะไรดีนั้นยกให้กวีทั้งหมด ทำให้ไอเทมอย่างก้อนปุยเมฆที่ได้มาจากเซียนหูยาวอยู่ในมือกวีทั้งหมด

 

“เอ๊ะ คุณได้มันมายังไงคะ”แก้วมีท่าทีตกใจอย่างมากเมื่อเห็นก้อนปุยเมฆที่ลอยอยู่บนมือของกวี ไม่ใช่ว่ากวีเป็นผู้เล่นใหม่หรอกหรือ ดูจากไอเทมสวมใส่แล้วกวีน่าจะเลเวลไม่ถึง 25 เสียด้วยซ้ำ แม้จะเสียมารยาทไปหน่อยแต่จอมเวทเลเวลต่ำกว่า 25 คนเดียวไม่น่าจะฆ่าเซียนหูยาวได้แน่ ๆเพราะสายฟ้าของมันน่ารำคาญมากนอกเสียจากจะโจมตีจากระยะไกลอย่างที่แก้วคิดจะมาทำ

 

“คนที่ขายหนังสือให้ผมเขาแถมมาครับ เขาบอกว่ามันได้มาพร้อมกันแต่เขาไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร จริงสิถ้าคุณอยากได้ผมยกให้ก็แล้วกัน”กวียิ้มรับด้วยใบหน้าแสนจะใจดี

 

“จะดีเหรอคะ ถึงคุณจะได้แถมมาแต่ถ้าเอามันไปขายละก็…..”แก้วนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะมองก้อนปุยเมฆในมือกวี ของจากบอสบางชิ้นก็เป็นไอเทมเควส และหากคนที่ทำเควสนั้น ๆหาไม่ได้ก็ต้องซื้อเอาจากคนที่ฆ่าบอสตัวนั้นได้เท่านั้น แล้วแก้วในตอนนี้ก็อยากผ่านเควสนี้ไปให้ได้ถึงขั้นไปขอร้องหัวหน้ากิลด์หลักให้ช่วยคุยกับไม้ให้เลยทีเดียว ซึ่งตอนนี้ต่อให้กวีเรียกเงินเธอมาละก็เธอก็ยินดีจ่ายให้อย่างแน่นอน

 

“คุณช่วยผมเอาไว้นี่ครับ ถือว่าเป็นของแทนคำขอบคุณก็แล้วกัน”กวียื่นก้อนปุยเมฆใส่มือแก้วทันทีโดยไม่คิดอะไรมาก ต่อให้วันหนึ่งเขาบังเอิญได้เควสที่ต้องใช้เจ้าก้อนปุยเมฆขึ้นมาก็แค่มาล่าใหม่เท่านั้น

 

“มัน….ออกจะมากเกินไปสำหรับคำขอบคุณนะคะ จริงสิคุณมีไอเทมอะไรที่อยากได้หรือเปล่า ฉันสามารถหาไอเทมมาตอบแทนคุณได้นะ”แก้วตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี เธอเองก็อยากได้ก้อนปุยเมฆชิ้นนี้มาก การได้รับมาโดยไม่ต้องทำให้พายัพเดือดร้อนย่อมดีกว่าอยู่แล้ว

 

“ถ้าอย่างนั้น….ผมมีไอเทมเควสชิ้นหนึ่งที่ยังหาไม่ได้”กวียิ้มออกมาบาง ๆ แก้วยังเป็นศัตรูกับกวีอยู่ พอเธอรู้ตัวก็คงหันปลายธนูใส่กวีแน่ ๆ อย่างน้อยตอนนี้กวีก็อยากจะรู้ว่าแก้วมีฝีมือในโลกเสมือนจริงมากแค่ไหน….

 

.

 

.

 

“เป็นเควสที่แปลกจังเลยนะคะให้มาล่านกนางแอ่นเนี่ย”หลังจากกวีเล่าเรื่องเควสที่สร้างขึ้นมาเองให้แก้วฟัง แก้วก็ยินดีรับปากช่วยเหลือกวีอย่างเต็มใจโดยเนื้อหาเควสที่กวีเล่ามามั่ว ๆนั้นเป็นเควสฆ่านกนางแอ่นที่บินอยู่ริมโขดหินนอกเมือง โดยอ้างว่ามี npc ต้องการขนของนกนางแอ่นเพื่อผ่านเควส

 

“นั่นสิครับ พวกมันเร็วเกินไปเวทมนตร์ของผมโจมตีไม่โดนเลย”กวีตอบพลางยิ้มเจื่อน ๆออกมา นกนางแอ่นพวกนี้ไม่ใช่มอนสเตอร์เป็นเพียงสัตว์ป่าทั่วไปเท่านั้น พวกมันเลยไม่ได้โจมตีมนุษย์ทำเพียงบินไปมาเหนือทะเลและโขดหินเท่านั้น และด้วยความที่มันมีขนาดเล็กและรวดเร็วทำให้โจมตีพวกมันได้ยากลำบากมาก

 

“ต้องล่าพวกมันกี่ตัวนะคะ”แก้วถามพลางนำธนูออกมาถือเอาไว้พร้อมขึ้นสายลูกธนูด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ

 

“ยี่สิบครับ”กวีตอบพลางยิ้มออกมา นกนางแอ่นพวกนี้มีกันเป็นร้อยตามแถวโขดหิน พวกมันบินว่อนกันตลอดทั้งวัน ซึ่งการใช้ธนูโจมตีพวกมันให้โดนถือเป็นเรื่องยากมากทีเดียว

 

“งั้นก็เริ่มกันเลย”แก้วตอบด้วยท่าทีมั่นใจอย่างมากก่อนจะเริ่มเล็งไปทางนกนางแอ่นที่กำลังบินเล่นกันอยู่ตามโขดหิน

 

ฉึก ๆ ๆ

 

ลูกธนูของแก้วยิงเข้าไปปักบนร่างนกนางแอ่นอย่างแม่นยำอย่างกับจับวาง แถมไม่ใช่แค่ตัวเดียวแต่ยังปักเข้าไปถึง 3 ตัวอีกต่างหาก ความแม่นยำของเธอนอกจากจะไม่ลดลงแต่ยังเหมือนจะสูงขึ้นด้วยไม่ใช่หรือไง

 

ฟุบ!!

 

ลูกธนูลูกที่ 2 พุ่งออกไปในวิถีโค้งราวกับมันมีชีวิต แม้จะบอกว่าได้สกิลของสายอาชีพนักธนูเข้ามาเสริมแต่การเล็งยิงก็ต้องอาศัยความสามารถของผู้เล่นเช่นเดียวกับการร่ายเวทมนตร์ของนักเวทหรือการตั้งท่าดาบของอาชีพนักดาบ ยิ่งทำได้โดดเด่นเท่าไรก็ยิ่งเก่งกล้าในสายอาชีพนั้น ๆมากขึ้น

 

ฉึก ๆ ๆ ๆ

 

น่ากลัวมาก ความแม่นยำและการอ่านทางการเคลื่อนไหวของนกนางแอ่นนั้นเกินมนุษย์ไปมาก แม้กวีจะพูดเองแล้วดูแปลก ๆแต่แก้วคนนี้ยังใช่คนอยู่หรือเปล่า….

 

“ครบแล้ว…”ใช้เวลาแค่อึดใจเดียวแก้วก็ล่านกนางแอ่น 20 ตัวสำเร็จ ที่เหลือก็แค่ปล่อยให้คลื่นซัดพวกมันเข้ามาที่ฝั่งแล้วลงไปเก็บเท่านั้น

 

“ยอดเลย คุณเป็นนักธนูที่เก่งมาก ๆเลยนะครับ”กวีว่าพลางปรบมือออกมาด้วยท่าทีชื่นชม

 

“ไม่หรอกค่ะ ถึงจะเห็นแบบนี้แต่ฉันก็เป็นแค่ที่สองเท่านั้นเอง”แก้วยิ้มด้วยท่าทีเขิน ๆก่อนจะบอกปัดคำชมแบบเกรงใจ ในตารางยอดฝีมือด้านธนูเกษแก้วกัลยานั้นเป็นเพียงผู้เล่นสายธนูอันดับ 2 เท่านั้นโดยอันดับ 1 กลับเป็นผู้เล่นปริศนาที่ไม่เคยมีใครพบเห็นตัวมาก่อน ลูกธนูของคนคนนั้นมักมาจากระยะไกล และเข้าเป้าทุกครั้ง แม้จะมีคนพยายามจับตัวเขาคนนั้นให้ได้แต่ก็ไม่มีใครเคยพบเจอคนผู้นั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว

 

“ไม่หรอกครับ คุณต้องเป็นนักธนูที่เก่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย”กวีกล่าวชมอย่างจริงใจ ฝีมือธนูของแก้วโดดเด่นมากจนอยากจะได้มาเป็นพวกเดียวกันเลยล่ะ

 

คลืน……

 

ระหว่างกำลังพูดชมความสามารถของแก้วอยู่นั้น อยู่ ๆตรงจุดที่นกนางแอ่นร่วงลงไปบนทะเลก็ปรากฏเงาดำเงาหนึ่งเคลื่อนตัวเข้ามาหาศพของนกนางแอ่นอย่างช้า ๆ เลือดของนกนางแอ่นที่ตกลงไปบนทะเลเรียกให้มันโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำเลยทีเดียว

 

ปึง!!

 

เสียงกรามของมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่กัดร่างของนกนางแอ่นจำนวนมากลงไปในคอของมันดึงเอาความสนใจของแก้วกับกวีไปในทันที บริเวณทะเลรอบข้างเมืองทันดร้าไม่น่าจะมีมอนสเตอร์แบบนี้อยู่นี่นา เจ้านั่นมันมาจากไหนกัน….

ตอนที่ 32

ซื้อมา

 

 

“เอาล่ะ วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว พักผ่อนกันสักชั่วโมงก็แล้วกัน”หลังจากจัดแจงเรื่องค่าหนังสือสกิลเสร็จ กวีก็มองนาฬิกาของระบบก่อนจะพบว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาเช้าของอีกวันแล้ว เท่ากับว่าตั้งแต่ไปล่าปูเสฉวนจนถึงกลับมาฆ่าบอสเซียนหูยาวพึ่งจะผ่านไปได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น

 

“ครับ….”เจที่ยังไม่หายอึ้งกับเงินในบัญชีของตนเองพยักหน้าช้า ๆก่อนจะมองกวีที่กำลังออกจากเกมไป ตอนนี้ค่าเงินบาทของไทยแข็งกว่าแต่ก่อนมาก เพราะคนที่คิดค้นเครื่องสร้างโลกเสมือนจริงได้ก็คือคนไทยคนหนึ่งนั่นเอง ทำให้ประเทศอื่น ๆที่ต้องการใช้ระบบโลกเสมือนจริงนั้นนอกจากจะต้องเรียนรู้ภาษาไทยเพื่อใช้เขียนโปรแกรมต่าง ๆแล้วยังต้องเสียค่าใช้งานให้กับประเทศอีกด้วย ทำให้เศรษฐกิจของไทยจากประเทศกำลังจะพัฒนากลายเป็นประเทศระดับต้น ๆของโลกในเวลาเพียงไม่กี่ปี เงินจำนวนนี้จึงมีค่ามากกว่าสมัยก่อนหลายเท่า

 

“งั้น….ผมขอตัวก่อนนะครับ”เจลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปลาเมฆกับไอช่าที่ยังนั่งอยู่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะออกไปไหน ส่วนมีนพอเห็นว่าทุกคนเริ่มทำท่าจะออกจากเกมแล้วก็ได้แต่เปิดหน้าต่างเมนูเกมขึ้นมาเพื่อดูเวลาก่อนจะบอกลาเช่นกัน

 

“พี่เมฆ…พี่ว่าพี่กวีหายไปไหนมางั้นเหรอ”หลังจากที่พวกเจ มีน และมายด์ ออกจากเกมไปแล้วไอช่าที่อยู่กับเมฆตามลำพังก็เอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยท่าทีผ่อนคลายลง

 

“คงไปฝึกวิชาบนเขามาละมั้ง”เมฆตอบพลางเปิดหน้าต่างเมนูขึ้นมาเพื่อเตรียมจะออกจากเกมเช่นเดียวกัน การเคลื่อนไหวของกวีดีเกินไปสำหรับเมฆที่เคยรู้จักกวีจากนอกเกม ตัวเมฆที่เคยเล่นเกมโลกเสมือนจริงครั้งแรกใน 5 ปีก่อนนั้นไม่ได้เคยชินกับเกมได้เร็วเหมือนกวี หากไม่ใช่เพราะในโลกภายนอกกวีไม่ได้เคลื่อนไหวได้ยอดเยี่ยมแบบนั้นมาแต่แรกก็คงไม่มีทางบังคับตัวละครให้หลบหลีกการโจมตีได้ไม่แพ้ยอดฝีมือที่ฝึกมานานอย่างเมฆกับไอช่าได้แน่ ๆ

 

“โถ่ ทำไมเหมือนเป็นฉากในหนังไปได้ล่ะ”ไอช่าทำหน้ามุ่ยด้วยท่าทีไม่พอใจ นี่ไม่ใช่หนังจีนกำลังภายในเสียหน่อยจะได้ไปฝึกบนเขาแล้วกลับลงมาเล่นเกมแบบนี้

 

“ใครจะไปรู้ล่ะ แต่อะไรที่กวีไม่บอกต่อให้เค้นปากยังไงก็ไม่บอกหรอก”เมฆตอบด้วยท่าทีนิ่งเฉยอย่างมาก หากรู้จักกวีดีอะไรที่กวีบอกว่าเป็นความลับ นั่นคือลับจริง ๆไม่ใช่ว่าเซ้าซี้แล้วจะได้คำตอบกลับมาแน่ ๆ ทั้งเมฆ ไอช่า หรือเรย์เองต่างไม่คิดจะถามต่อเมื่อกวีบอกว่ามันเป็นความลับแต่อย่างไร

 

“เดี๋ยวสิ พี่เมฆจะออกจากเกมแล้วเหรอ ไม่อยู่เป็นเพื่อนไอช่าหน่อยหรือไง”ไอช่าถามพลางเกาะแขนเมฆเอาไว้

 

“พี่ไม่ได้มีคนใช้มาเสิร์ฟอาหารเช้าให้ถึงเตียงเหมือนเรานี่”เมฆตอบก่อนจะออกจากเกมไปโดยไม่สนใจสายตาอ้อนของไอช่าทำเอาไอช่าทำแก้มป่องออกมาด้วยท่าทีงอน ๆแต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยู่ก็ทำอะไรไม่ได้นี่นา

 

“ออกก็ได้”ไอช่าบ่นกับตัวเองก่อนจะออกจากเกมไปแต่โดยดี ถึงจะบอกว่าสามารถลาออกจากงานนักร้องได้ทันที แต่เพื่อนของพี่ชายต้องขอร้องให้พี่ชายมาพูดกับไอช่าแน่ ๆ ถ้ายังอยู่ในเกมพี่ชายก็ไม่มายุ่งหรอก แต่ถ้าออกไปมีหวังโดนเข้ามาถามแน่ ๆ

 

.

 

.

 

“…………..”เจที่ออกจากเกมมาแล้วยังมองจำนวนเงินที่อยู่ในบัญชีผ่านมือถือไม่เลิก ต่อให้เข้ากิลด์กรีนโลตัสได้จริง ๆก็ไม่แน่ว่าจะได้เงินมากขนาดนี้ในเวลาไม่นาน แบบนี้ค่าเครื่องสร้างโลกเสมือนจริงก็วางใจไปได้พักใหญ่ ๆเลย แถมยังมีเงินส่งไปให้พ่อแม่ได้อีกด้วย นับว่าความกังวลตอนหางานของเจหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว

 

ติ๊ง….ติ๊ง…

 

ขณะกำลังเหม่อมองยอดเงินในบัญชีอยู่นั้น อยู่ ๆโทรศัพท์ของเจก็ดังขึ้นพร้อมชื่อ มายด์ ที่แสดงขึ้นมาบนหน้าจอ ระบบรายชื่อเพื่อนของเกมต่าง ๆนั้นต่างเชื่อมต่ออยู่กับระบบเครือข่ายของโลกเสมือนจริง และเพื่อความสะดวกทำให้สามารถติดต่อเพื่อนในโลกความจริงผ่านรายชื่อเพื่อนในเกมได้ การที่มายด์สามารถโทรหาเจได้ถือเป็นเรื่องไม่แปลกอะไรเลย

 

“สวัสดีครับ….”เจมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่พักใหญ่ก่อนจะกดรับแต่โดยดี แม้จะอยู่กับมายด์มาทั้งวันในโลกเสมือนจริง แต่พออีกฝ่ายติดต่อมาในโลกความจริงแบบนี้อดรู้สึกแปลก ๆไม่ได้จริง ๆ

 

“เจ ตอนนี้ว่างหรือเปล่า”เสียงที่คุ้นเคยของมายด์ดังออกมาทันทีที่เจรับสาย แต่นี่คือเสียงจริงของโลกความจริงเชียวนะ

 

“ว่างสิ พึ่งออกเกมมาเองนี่นา”เจตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเขิน ๆ ก่อนหน้านี้เจมัวแต่กังวลเรื่องหาเงินเลยไม่ได้คบหาผู้หญิงเลยแม้แต่ในเกม เพราะฉะนั้นโลกความจริงยิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

“นั่นสินะมายด์ก็ถามอะไรแปลก ๆ เจออกมากินข้าวเป็นเพื่อนมายด์หน่อยได้หรือเปล่า”มายด์ถามด้วยน้ำเสียงอ้อน ๆทำเอาเจอดที่จะกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ ก่อนหน้านี้ที่เจได้อยู่กับมายด์ก็มีเรื่องพูดคุยกันตลอด เรื่องที่ทั้งสองต่างอยู่ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ กันทั้งคู่ การมาเจอกันจึงไม่ใช่เรื่องยากเลย

 

“ได้….ถ้ามายด์สะดวกนะครับ”เจตอบด้วยท่าทีเกร็ง ๆอย่างเห็นได้ชัด ไม่นึกเลยว่ามายด์จะเป็นฝ่ายชวนตนเองออกไปเจอแบบนี้ เพราะอย่าว่างั้นงี้เลยมายด์ก็ถือเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่ง ระดับเจผู้หญิงอย่างมายด์ไม่เคยได้แม้แต่จะคุยเสียด้วยซ้ำ

 

.

 

.

.

“ครับ…เป็นอาทิตย์หน้านะครับ”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของกวี นอกจากจะออกมาหาข้าวกินแล้วกวียังต้องนัดผู้รับเหมามาจัดการเรื่องตกแต่งห้องในหอพักของตนเองใหม่เพราะปล่อยทิ้งร้างไว้นานอีกด้วย ที่กวีบอกเวลาเอาไว้ว่าจะพักสักชั่วโมงนั้นก็เพราะกวีอยากจะมีเวลาคุยตกลงกับผู้รับเหมาด้วย แต่กลายเป็นว่าผู้รับเหมามีปัญหาก็เลยต้องขอเลื่อนกวีมาดูหอพักให้ในอาทิตย์หน้าแทนเสียอย่างนั้น ทำให้กวีเหลือเวลาอีกนานเลยทีเดียว สุดท้ายกวีก็เลยได้แต่กลับห้องมาหลังจากกินข้าวเสร็จเท่านั้น

 

สุดท้ายกวีที่ว่างกะทันหันก็ได้แต่กลับมาที่ห้องแล้วเข้าเกมมาอีกครั้งเพื่อรอเพื่อน ๆ แต่เวลาเกือบชั่วโมงมันก็เยอะจริง ๆ กวีเลยตัดสินใจจะเดินไปที่หน้าเมืองเพื่อทดสอบสกิลที่พึ่งได้มาเสียก่อน

 

วูบ….

 

หนังสือเวทสายฟ้าถูกอ่านทันทีที่กวีเปิดมันออก พริบตานั้นหนังสือเวทมนตร์สายฟ้าก็ซึมซับเข้าไปในตัวกวีพร้อมสร้างบทร่ายเวทมนตร์สายฟ้าขั้นที่ 1 อย่าง กระสุนอัสนี ขึ้นมาในหัวกวีทันที เท่านี้เพียงกวีอ่านบทร่ายในหัวก็สามารถใช้เวทสายฟ้าได้เช่นเดียวกับเวทอื่น ๆแล้ว

 

เปรี้ยง!!

 

กวีเดินไปที่หน้าเมืองก่อนจะเริ่มทดสอบเวทสายฟ้าของตนเองกับมอนสเตอร์หน้าเมืองอย่างปูยักษ์ที่มีเลเวลเพียง 12 เท่านั้น ซึ่งกระสุนอัสนีนั้นมีบทร่ายที่สั้นกว่าเวทมนตร์อื่น ๆทำให้ร่ายได้เร็วกว่า และพลังทำลายยังรุนแรงมากยิ่งกับมอนสเตอร์ธาตุน้ำอย่างปูยักษ์ด้วยแล้วยิ่งแรงเข้าไปใหญ่ แต่จุดอ่อนของมันก็อย่างที่ลือกัน เวทสายฟ้ากินพลังเวทเยอะไม่ใช่เล่น นี่แค่เวทขั้นที่ 1 ยังเสียพลังเวทไปหลักร้อยเลยทีเดียว หากไม่ได้สกิลคลังปัญญาที่เพิ่มพลังเวทขึ้น 10 เปอร์เซ็นต์กับพรพิเศษจากคราวที่เพิ่มให้อีก 10 เปอร์เซ็นต์ละก็พลังเวทของกวีคงใช้ร่ายได้ไม่กี่ครั้งแน่ ๆ

 

เปรี้ยง!!

 

แต่ว่ากันตามตรง ความรุนแรงและประกายสายฟ้าที่พุ่งออกไปนี่มันเท่จริง ๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกิลด์อัศวินนภาถึงได้หวงกันนัก…

 

“นั่นเวทสายฟ้าไม่ใช่เหรอ”ระหว่างกำลังทดสอบสกิลอยู่นั้น ผู้เล่นรอบ ๆตัวกวีก็เริ่มหันมาให้ความสนใจกับเวทสายฟ้าของกวีกันเรื่อย ๆ แต่จะถือว่าไม่แปลกก็คงได้เพราะเวทสายฟ้านั้นเป็นเวทมนตร์ที่กิลด์อัศวินนภาครอบครองเอาไว้เพียงผู้เดียวมาพักใหญ่แล้วนี่นา

 

“ไอ้นั่นมันมีเวทสายฟ้าได้ไง”และแน่นอนว่านอกจากสายตาของเหล่าผู้เล่นทั่วไปแล้ว กวีก็ไปดึงความสนใจของเหล่าผู้เล่นของกิลด์อัศวินนภาที่พึ่งเดินทางมาจากสถานที่จัดประมูลเพื่อเฝ้าบอสเซียนหูยาวเข้าพอดี แน่นอนว่ากวีจงใจให้พวกเขาเห็นอยู่แล้ว เพราะการแสดงให้เห็นกันโต้ง ๆแบบนี้เป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่าเวทมนตร์สายฟ้าหลุดจากการควบคุมของกิลด์อัศวินนภาแล้ว

 

“เห้ย ไอ้ผู้เล่นใหม่ตรงนั้นหยุดเลยนะ”คนของกิลด์อัศวินนภาที่เห็นกวีใช้เวทสายฟ้าเข้าก็ตรงไปหากวีทันที ดูจากอุปกรณ์สวมใส่แล้วพวกนี้น่าจะยังเลเวลไม่ถึง 100 เพราะอุปกรณ์ต่าง ๆยังดูธรรมดาอยู่เลย

 

“ครับ…”กวีทำหน้าไม่รู้เรื่องหันไปหาคนเหล่านั้นด้วยท่าทีตกใจ

 

“แกไปเอาสกิลสายฟ้ามาจากไหน”ชายที่ตรงเข้ามาหากวีถามออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ คนของกิลด์อัศวินนภาภูมิใจเรื่องที่รองกิลด์ของตนเป็นเพียงคนเดียวที่ถือครองเวทสายฟ้ามาก พวกเขาเลยทั้งตกใจและไม่พอใจที่เห็นกวีใช้เวทมนตร์ออกมาเลย

 

“มีพี่ชายตัวสูง ๆเอามาขายให้ผม ผมก็เลยซื้อเอาไว้ครับ”กวีตอบด้วยท่าทีเหมือนผู้เล่นใหม่ไม่รู้เรื่องเสียอย่างนั้น

 

“ซื้อมา…ซื้อมาเท่าไร”ชายคนนั้นถามด้วยท่าทีข้องใจ มีคนเอาเวทมนตร์สายฟ้ามาขายผู้เล่นใหม่ด้วยงั้นเหรอ

 

“สองพันบาทครับ”กวีโกหกคำโตออกไปทันที สำหรับผู้เล่นใหม่ทั่วไปแล้วเงินจำนวนนี้นับว่าไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าจริง ๆของเวทสายฟ้านั้นเรียกได้ว่าถูกยิ่งกว่าถูก

 

“ได้ยินหรือเปล่า สองพันเนี่ยนะ”เหล่าผู้เล่นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวได้ยินเพียงแต่ว่าผู้เล่นใหม่คนนั้นซื้อสกิลเวทสายฟ้ามาเพียง 2,000 บาทเท่านั้นทำเอาพวกเขาต่างซุบซิบกันเป็นการใหญ่

 

“จะบ้าหรือยังไงซื้อมาแค่นั้น บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าไอ้คนขายมันคือใคร ชื่ออะไร”พอได้ยินแบบนั้นคนของกิลด์อัศวินนภาก็ไม่พอใจทันทีรีบเค้นหาคนขายจากกวีอย่างเร่งร้อน

 

“ผมไม่รู้ครับ เขานั่งขายอยู่ตรงประตู พอขายได้แล้วเขาก็ไปเลย”กวีตอบด้วยท่าทีกลัว ๆเหมือนกำลังถูกคุกคาม ผู้เล่นใหม่ที่พึ่งลงมาจากเกาะเริ่มต้นโดนผู้เล่นเก่าล้อมเอาไว้แบบนี้ช่างเป็นภาพที่น่าสงสารจริง ๆ แต่กวีอยู่ห่างจากประตูเมืองไม่มาก ทหารของเมืองก็ยังยืนอยู่ถ้าพวกนั้นโจมตีเข้ามากวีก็แค่หลบไปใกล้ ๆทหารของเมืองทันดร้าคนของกิลด์อัศวินนภาที่น่าจะไม่เก่งพอจะสู้กับทหารคงทำอะไรไม่ได้แล้ว

 

“ไม่รู้ได้ไง มากับพวกเราเดี๋ยวนี้ถ้ายังไม่อยากกลับไปเกิดใหม่”ชายตรงหน้ากวีชักดาบออกมาก่อนจะกระชากคอเสื้อของกวีเอาไว้ ขอเพียงโดนโจมตีเล็กน้อยตัวของชายตรงหน้ากวีก็จะขึ้นแสงสีแดง เท่านี้ทหารหรือแม้แต่ผู้เล่นคนอื่น ๆก็สามารถโจมตีชายคนนี้ได้ทันที

 

“ทำอะไรน่าเกลียด กิลด์อัศวินนภากลายเป็นกุ๊ยข้างถนนตั้งแต่เมื่อไร”ชายคนนั้นยังไม่ทันทำอะไร อยู่ ๆก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาก่อนที่เธอจะเดินเข้ามายืนข้าง ๆกวีแล้วจ้องมองอีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่พอใจอย่างมาก

 

“คุณแก้ว……”คนของกิลด์อัศวินนภาเห็นว่าใครเข้ามาขวางก็พากันถอยออกไปทันที คนที่เข้ามาช่วยกวีกลับกลายเป็นแก้วหนึ่งในศัตรูของพวกกวีเสียได้

ตอนที่ 31

เสียหาย

 

 

“นี่มันกี่ชั่วโมงแล้ว”ไม้ หัวหน้ากิลด์อัศวินนภาถามพลางเดินขึ้นมายืนข้างบนชะง่อนผา จากมุมมองตรงนี้สามารถมองเห็นป่าได้ทั้งหมดอย่างน้อยหากมีอะไรเกิดขึ้นก็น่าจะมองเห็นได้ไม่ยาก

 

“สี่ครับ”ชายคนหนึ่งในกลุ่มอัศวินนภาตอบขณะช่วยกันค้นหาอะไรบางอย่างในเนินราชสีห์ บอสของที่นี่เซียนหูยาวจะเกิดในทุก ๆ 3 วัน แต่เวลาที่บันทึกเอาไว้ก็เป็นเพียงเวลาที่คนของพวกตนทำสถิติเอาไว้เท่านั้น ยังไม่ทราบเวลาที่แน่นอนว่าเซียนหูยาวใช้เวลาเกิดน้อยสุดหรือมากสุดเท่าไร แต่เวลานี้มันควรจะเกิดมาได้แล้วแท้ ๆแต่กลับไม่มีวี่แววเลย

 

ปึง..

 

ไม้กระแทกดาบลงบนพื้นด้วยท่าทีไม่พอใจ ไม่นึกเลยว่าไอช่าจะมาที่นี่ด้วย ต่อให้พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าเซียนหูยาวอาจจะแค่เกิดช้ากว่าปกติ แต่ใจของไม้ก็ยังหวั่นว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายอย่างการที่ไอช่าบังเอิญดวงดีมาเจอบอสกำลังเกิดแบบผิดเวลาพอดี แล้วเมฆก็ฆ่าตายและได้ไอเทมอย่างหนังสือสกิลเวทสายฟ้าไป หากหนังสือเล่มนั้นไปโผล่ในตลาด ไม่ว่าจะมากหรือน้อยมันต้องส่งผลกระทบกับราคาประมูลที่ไม้กำลังจัดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

.

 

.

 

“ถึงจะไม่ได้หูกระต่ายอย่างที่ไอช่าอยากได้ก็เถอะ แต่ไอเทมพวกนี้ก็มีราคาอยู่พวกเราแบ่งกันเถอะ”อีกฝั่งหนึ่งทางด้านของกวี พวกเขาไม่ได้ทุกร้อนอะไรกับความเสียหายของไม้เลย แน่นอนว่าแต่เดิมไม้ก็เป็นคนฝ่ายศัตรูอยู่แล้ว งานประมูลของไม้มีปัญหามีหรือกวีจะไม่ยินดี

 

“ไม่ใช่ว่ามันเยอะไปหน่อยเหรอครับ”เจถามด้วยท่าทีลำบากใจ จะว่าไปตั้งแต่ไอช่าเข้ามาร่วมปาร์ตี้ไอเทมที่ได้จากมอนสเตอร์ก็มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไอเทมสวมใส่หรือของที่หาได้ยากก็มีให้เห็นเรื่อย ๆ อย่างดาบที่มีนกับมายด์ใส่อยู่ก็เป็นดาบก้ามปูที่ได้มาจากปูเสฉวนก่อนหน้านี้เหมือนกัน

 

“ไอช่าไม่เอาหรอก ทุกคนแบ่งกันเถอะ”ไอช่าตอบพลางมองของบนโต๊ะ แม้จะมีไอเทมมากมายแต่ก็ไม่มีของที่ไอช่าอยากได้ทั้งนั้น แม้หากเป็นคนอื่นจะรู้สึกเกรงใจ แต่สำหรับกวีกับเมฆที่อยู่กับไอช่ามานานรู้ดีว่าอะไรที่ไอช่าอยากได้เธอก็จะบอกออกมาตรง ๆ ส่วนอะไรไม่อยากได้ก็จะบอกออกมาตรง ๆเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเวลาเธอไม่อยากได้ไอเทมอะไรเลย

 

“ฉันเองก็ขอผ่านเหมือนกัน”เมฆตอบพลางมองไอเทมที่อยู่บนโต๊ะ นอกจากขนกระต่ายและเขากระต่ายที่ได้มาจากกระต่ายเขาเดียวแล้ว ของที่ได้มาจากเซียนหูยาวก็มี หนังสือเวทมนตร์สายฟ้า 1 เล่ม เขาของเซียนหูยาว 1 ชิ้น ก้อนปุยเมฆ 1 ชิ้น เศษคทาของเซียนหูยาว 1 ชิ้น และเงินจำนวน 2,000 เหรียญ เรียกได้ว่าไอเทมเกือบทั้งหมดที่เซียนหูยาวมีให้นั้นต่างถูกรีดออกมาไม่น้อย เพียงแต่นอกจากหนังสือสกิลเวทมนตร์สายฟ้าแล้วของชิ้นอื่น ๆไม่ใช่ของสวมใส่แต่กลับเป็นไอเทมหน้าตาแปลก ๆที่ไม่ทราบเอาไว้ทำอะไร

 

“งั้นผมจะขอรับหนังสือสกิลไปพร้อมจ่ายเงินทดแทนให้ทุกคนด้วยคิดว่าไง”กวีถามพลางมองไปทางสมาชิกในปาร์ตี้ของตัวเอง หนังสือเวทมนตร์สายฟ้านั้นแม้มีเพียงผู้ครอบครองเพียงคนเดียวนั่นคือกิลด์อัศวินนภา เรื่องราคาของมันจึงสูงที่สุดในเหล่าไอเทมทั้งหมดที่ได้มาอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้แบ่งไอเทมทั้งที่เหลือให้ทุกคนก็ยังดูไม่คุ้มเท่าไร

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่กวี ของชิ้นนี้พวกเราให้พี่กวีไปเลยดีกว่า”เจเสนอออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้ม หากไม่มีเมฆกับกวีและไอช่าคงไม่ได้ไอเทมชิ้นนี้มาหรอก เขาไม่กล้าเสนอตัวรับส่วนแบ่งแน่ ๆ

 

“เจ….นายเข้ามาในเกมนี้เพื่อหางานไม่ใช่เหรอ”กวีถามพลางถอนหายใจออกมาน้อย ๆ ไม้โลภเลยมันก็ดีหรอก แต่แบบนี้ก็เท่ากับเขาเอาเปรียบเจนะสิ

 

“ก็..ใช่ครับ”เจตอบพลางพยักหน้าช้า ๆ แม้จะไม่ทราบว่ามายด์กับมีนเข้ามาเล่นเกมนี้ทำไม แต่เจนั้นกวีทราบอย่างชัดเจนเลยว่ามาเพื่อสมัครเข้ากิลด์กรีนโลตัสเพื่อหาเงินให้ตัวเอง

 

“ถ้ามัวแต่เกรงใจกันแบบนี้แล้วเมื่อไรจะหาเงินได้ล่ะ”กวีตำหนิเจไปนิดหน่อยเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเจยังสร้างรายได้แบบเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เลยสักครั้ง คราวนี้ได้ตำราเวทมนตร์ราคาแพงมาก็จะปล่อยไปอีก แบบนั้นเมื่อไรจะหาเงินได้กัน

 

“แต่ว่า…”เจไม่ทราบว่าจะตอบอย่างไรดีเพราะในใจของเจนั้นยังคิดเสมอว่าตนเองยังไม่คู่ควรกับส่วนแบ่งที่จะได้รับ

 

“ถ้างั้นเราก็เอาหนังสือเล่มนี้ไปขาย แล้วเอาเงินที่ได้มาแบ่งเท่า ๆกันเป็นไง”กวีถามพลางจ้องมองเจด้วยท่าทีสงสัย หากทำแบบนั้นก็เป็นขั้นตอนการแบ่งไอเทมตามปกติไม่มีอะไรต้องเกรงใจ เพียงแต่การแบ่งเงินของกวีก่อนหน้านี้แค่เปลี่ยนจากขายให้คนอื่นเป็นขายให้คนในเท่านั้น

 

“งั้น…ขายให้พี่กวีแล้วคิดราคากันเองก็แล้วกันครับ”เจตอบพลางยิ้มเจื่อน ๆออกมา ตัวเขาเองก็มีภาระที่ต้องใช้เงิน ไหนจะค่าห้องค่าไฟรวมถึงค่าผ่อนเครื่องสร้างโลกเสมือนจริงอีกต่างหาก ในเมื่อกวียืนยันว่าจะแบ่งก็แบ่งอย่างยุติธรรมก็แล้วกัน

 

“ว่าแต่หนังสือเล่มนี้ราคามันเท่าไรล่ะ”ไอช่าถามพลางเปิดหน้าต่างระบบออกมาก่อนจะติดต่อไปหาเรย์ทันที

 

“มีอะไร”เหมือนเดิม เรย์รับสายของไอช่าทันทีอย่างกับรออยู่แล้ว แต่น้ำเสียงของเรย์ก็ยังนิ่งเรียบไม่ไหวติงแต่อย่างไร

 

“เรย์ หนังสือเวทมนตร์สายฟ้าตอนนี้ราคาเท่าไร”ไอช่าถามออกไปโดยไม่คิดอะไร แน่นอนว่าเสียงของเธอย่อมดังพอจะทำให้คนในร้านอาหารได้ยิน แต่ถึงจะได้ยินกวีก็ไม่มีท่าทีจะห้ามไอช่าเลยแม้แต่น้อย

 

“ตอนนี้มีหนึ่งเล่มกำลังเปิดประมูลในชื่อของกิลด์อัศวินนภา ราคาคงไม่ต่ำกว่าสิบล้านหรอก”เรย์ตอบกลับมาด้วยท่าทีเฉยชามาก แต่คนที่ได้ยินราคาอย่างเจ มายด์ รวมถึงมีนเองต่างก็มีท่าทีตกใจไม่น้อย หนังสือเล่มเดียวราคาเป็นสิบล้าน แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือไง

 

“แล้วถ้าเป็นราคาซื้อขายกันเองล่ะ”กวีโน้มตัวเข้าไปหาหน้าต่างระบบสื่อสารของไอช่าพลางเอ่ยปากถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดังพอจะทำให้คนในร้านได้ยิน

 

“คุณลูกค้าหมายความว่ายังไงครับ ซื้อขายกันเอง….ของชิ้นนี้เหลือเพียงชิ้นเดียวในมือของกิลด์อัศวินนภา ไม่มีใครเอามาขายได้หรอก”เรย์ตอบด้วยโทนเสียงที่เป็นทางการขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อทราบว่ากวีเป็นคนพูดตอบกับตน เจ้าเด็กนี่ยังไม่หายโกรธอีกงั้นเหรอ

 

“ถ้ามีหนังสือเล่มที่สามออกมา แล้วจะขายกันเองในกลุ่มเพื่อนคิดว่าควรตั้งราคาเท่าไรดี”กวีถามพลางยิ้มออกมาบาง ๆ

 

“เล่มที่สาม….ถ้าของมันมีหลายชิ้นราคาก็ต้องตกลงมาหน่อย”เรย์นิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะแอบถอนหายใจโดยไม่ให้เสียงเข้าไปในระบบสื่อสาร สมกับเป็นไอช่ากับพี่กวีจริง ๆ แค่วันเดียวก็ไปเอาไอเทมที่กิลด์อัศวินนภากำลังจะเปิดประมูลมาได้ แถมยังจะขายให้เพื่อนอีกต่างหาก ขืนเรื่องนี้รู้ถึงหูผู้ประมูลละก็ราคาของหนังสือเวทมนตร์สายฟ้าต้องตกลงแน่ ๆ แบบนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับกิลด์อัศวินนภาได้แสบอยู่บ้าง

 

“ราคาจริง ๆของสกิลหายากคือสามล้าน ถ้ามันไม่ได้มีแค่เล่มหรือสองเล่ม แต่กลับมีเล่มที่สาม สี่ หรือ ห้า หลุดออกมาแบบนี้เรื่อย ๆก็คงตกลงมาราคานี้ในอีกไม่ช้า แถมถ้าซื้อขายระหว่างเพื่อนกันราคาสักหนึ่งล้านก็ไม่เลว”เรย์ตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายใจ ไม่ต้องเดาเลยว่าตอนนี้เสียงของตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางผู้คนแน่ ๆ จริง ๆแล้วราคาไม่ตกถึง 1 ล้านหรอก แถมต่อให้มีเล่มต่อ ๆไปออกมาก็ต้องใช้เวลาถึงจะทำให้ราคาเล่มที่ 2 ตกลงมา ที่เรย์จงใจพูดออกไปแบบนั้นก็เพื่อลดทอนความสำคัญของเวทสายฟ้าที่จะประมูลกันในงานของอัศวินนภาเท่านั้น

 

“งั้นก็หนึ่งล้านสินะ”กวีตอบพลางมองไปทางปาร์ตี้ของพวกตัวเอง ราคานี้นับว่าถูกมากสำหรับหนังสือสกิลหายากอย่างเวทมนตร์สายฟ้า นอกจากจะต้องรอบอสเกิดแล้วยังต้องหวังให้ไอเทมดรอปมาให้อีกต่างหาก แต่สำหรับเจที่ไม่เคยได้แตะของมีราคาขนาดนี้รวมทั้งมายด์และมีนเองต่างทำหน้าอึ้งไปพร้อม ๆกัน หากหารกัน 6 คนตามจำนวนสมาชิกในปาร์ตี้ก็ได้กันราว ๆคนละ 165,000 บาทเลยนะ

 

“ไอช่า เมฆ จะหารกันด้วยหรือเปล่า”กวีถามพลางมองไปทางไอช่ากับเมฆที่อยู่ข้าง ๆ ทั้งสองคนนี้ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินกันอยู่แล้ว ของที่เมฆเสียไปตอนลบตัวละครยังมากกว่านี้ชนิดเทียบกันไม่ติด ส่วนไอช่านั้นที่บ้านฐานะดีอยู่แล้วแถมก่อนหน้านี้ยังรับงานเป็นไอดอลมาอีกต่างหาก

 

“ไม่”เมฆตอบพลางส่ายหน้าช้า ๆ เงินก้อนนี้ให้พวกเจไปตั้งตัวก็แล้วกัน แม้จะเสียดายที่ต้องแบ่งให้มายด์ที่แทบไม่ได้สร้างความเสียหายให้บอสอยู่บ้างแต่ยังไงเธอก็สนิทกับเจ จะหักเธอออกเลยก็คงไม่ได้ ซึ่งฝั่งไอช่าเองก็ส่ายหน้าปฏิเสธแล้วหันไปดื่มน้ำที่ตนเองสั่งมาแทน

 

“งั้น….”เจกะพริบตาปริบ ๆมองหนังสือเวทมนตร์ตรงหน้าอึ้ง ๆ หากไม่นับเมฆกับไอช่า ก็เท่ากับว่าเงินที่ได้มาจะหารกัน 4 คน นั่นก็คือพวกเจจะได้เงินกันคนละ 250,000 บาทงั้นเหรอ

 

“นี่เป็นค่าเหนื่อยของทุกคน รับไปเถอะ”กวียิ้มออกมาก่อนจะเปิดหน้าต่างโอนเงินผ่านระบบธนาคารของโลกความจริงออกมา แค่เงินที่แบ่งกันได้ขนาดนี้เจยังหัวใจจะวาย แต่กวีที่เป็นคนโอนเงินกลับทำหน้าตานิ่งเฉยราวกับไม่สะทกสะท้านกันการเสียเงินขนาดนี้ไป

 

“พี่กวี….พี่เป็นใครกันแน่”เจถามออกมาด้วยท่าทีจริงจังอย่างเห็นได้ชัด กวีรู้จักทั้งไอช่า รู้จักทั้งพี่เมฆซึ่งต่อให้เจ้าตัวปฏิเสธก็เจก็ยังคิดว่าเมฆต้องเป็นคนเดียวกันกับจอมดาบอันดับ 1 แน่ ๆ ไหนจะคนอื่น ๆที่เข้ามาทักทายกวีอย่างกับกวีเป็นคนใหญ่คนโตอีก

 

“ถ้าให้พูดตรง ๆผมก็เป็นหัวหน้ากิลด์คนหนึ่งนะ”กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ กวีไม่ได้จะปิดบังอะไรเสียหน่อยนี่นา

 

“กิลด์…..”เจกะพริบตาปริบ ๆมองไปทางเมฆกับไอช่า ไอดอลสาวที่มีผู้คนหลงใหลนับไม่ถ้วนกับจอมดาบอันดับ 1 ที่ไม่เคยเข้ากิลด์ไหนเลย ไหนจะพ่อค้าชื่อดังอย่างเรย์อีก กิลด์ของกวีมันเป็นกิลด์แบบไหนกันแน่

 

“ใช่ พี่จะสร้างกิลด์ขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ชวนเพื่อน ๆกลับมาเล่นด้วยกันอีก เจเองก็มาอยู่ที่กิลด์พี่ด้วยสิ”กวียิ้มออกมาด้วยใบหน้าอ่อนโยน แม้จะไม่ทราบว่ากิลด์ของกวีเป็นกิลด์แบบไหน แต่เจที่อยากจะเข้ากิลด์สักกิลด์เพื่อหารายได้ย่อมต้องสนใจแน่นอน บางทีกิลด์นี้อาจจะดีกว่ากิลด์กรีนโลตัสหลายเท่าเลยก็เป็นได้

ตอนที่ 30
มืออาชีพ

“ว่าแล้วเชียว ที่นี่สุดยอดเลย”ไอช่ายิ้มกว้างพลางเดินขึ้นไปบนชะง่อนผาที่ยื่นออกมาจากบนเนินสูง ความรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนแท่นพิธีสำหรับราชาเป็นเช่นนี้นี่เอง ราวกับว่าเบื้องล่างชะง่อนผานี้มีสัตว์มากมายกำลังก้มกราบอยู่เลย

“น้องไอช่า ยังไงก็ช่วยรักษาก่อนเถอะ”เจยิ้มเจื่อน ๆออกมาหลังจากโดนกระต่ายเขาเดียวโจมตีไปหลายที หากไม่ใช่เพราะเจเป็นผู้ได้รับพรจากคราวทำให้มีพลังชีวิตเยอะกว่าคนอื่น ๆละก็มีหวังตายไปแล้ว

“ได้ค่ะ”ไอช่าตอบพลางเดินเล่นอยู่บนชะง่อนผาด้วยท่าทีสบายใจ แถมยังเดินไปนั่งอยู่ตรงปลายสุดแล้วแกว่งขาฮัมเพลงเสียอย่างนั้นทำเอาเจไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดีเพราะเขาเองก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าไอช่ากำลังร่ายเวทรักษาอยู่หรือเปล่า ก็ทั้งกวีทั้งไอช่าเล่นร่ายเวทไปด้วยทำอย่างอื่นไปด้วยจนมองไม่ออกเลยนี่นา

ตูม!!

เวทมนตร์ของกวีพุ่งเข้าไปโจมตีศัตรูอย่างรวดเร็วทั้ง ๆที่กวียังมองไปรอบ ๆอยู่เลยว่าจะเจอบอสหรือเปล่า ส่วนเมฆกับมีนเองก็ฟันกระต่ายเขาเดียวที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกันอย่างสบายใจเฉิบ ถ้าไม่มีทั้ง 3 คนละก็มีหวังเจตายไปนานแล้วเช่นกัน

วิ๊ง…..

ไม่นานหลังจากไอช่าเริ่มฮัมเพลง แสงสีขาวก็ส่องสว่างขึ้นบนตัวเจจนได้ อย่างน้อยน้องไอช่าก็ร่ายเวทอยู่ละนะ แถมตอนนี้ไอช่ายังได้เวทมนตร์สนับสนุนอย่าง เพิ่มพลังโจมตี เพิ่มพลังป้องกัน รวมถึงเพิ่มความเร็วมาใช้ให้คนในปาร์ตี้แล้ว แม้เธอจะทำเหมือนกำลังเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนาน แต่บัพต่าง ๆของเธอก็ไม่เคยหมดเลย เรียกได้ว่าไอช่าแทบจะร่ายบัพให้ทุกคนในวินาทีที่บัพเก่าหมดเลยทีเดียว

เปรี้ยง!!

เจใช้โล่เหล็กขนาดเล็กรับการโจมตีของกระต่ายอย่างยากลำบาก ในใจก็อดคิดไม่ได้ว่าคนพวกนี้ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ทั้งเมฆทั้งมีนต่างประสาทสัมผัสไวมาก ร่างกายของพวกเขาแทบจะขยับไปก่อนที่กระต่ายจะออกตัวเสียอีกส่วนกวี…

“เจ วางเท้าให้ชิดกว่านี้หน่อยแล้วถ่ายน้ำหนักไปข้างหน้าเพิ่มอีกนิด”กวีพูดพลางเอาไม้เท้ามาจัดท่าให้เจก่อนจะยิงกระสุนเพลิงออกไปจัดการกระต่ายที่กำลังพุ่งเข้ามาหาเจ คนคนนี้สอนไปด้วยร่ายเวทไปด้วยได้ยังไงกัน….

“พี่กวี มาแล้ว”ไอช่าที่นั่งเล่นอยู่ที่ปลายสุดของชะง่อนผามองไปเห็นอะไรแปลกประหลาดเหนือท้องฟ้าตรงช่วงที่พวกกวียืนอยู่พอดี แม้พวกกวีจะมีเวลาไม่มาก แถมโอกาสที่บอสจะเกิดเร็วขนาดนี้ก็แทบจะไม่มี แต่กวีก็เชื่อว่าเทพแห่งโชคชะตาก็ยังไม่ทิ้งไอช่าไปไหน

ตูม!!

ร่างอ้วนกลมของกระต่ายที่มีขนปุยนุ่มจนเหมือนก้อนสำลีกลม ๆร่วงลงมาจากท้องฟ้า ขนาดและน้ำหนักของมันที่ตกลงมาทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นสะเทือน

“………..ตายแล้วมั้ง”เจถามพลางกะพริบตามองร่างของกระต่ายตัวยักษ์ที่ตกลงมากระแทกพื้นอย่างจัง ช่างเป็นฉากเกิดของบอสที่ตลกสิ้นดี เจ้านี่เกิดจากท้องฟ้าแล้วร่วงลงมากระแทกพื้นนอนจุกอยู่พักหนึ่งเลยไม่ใช่หรือไง

เปรี้ยง!!

อยู่ ๆสายฟ้าเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใส่เจอย่างจังทำเอาเจที่ยืนมองอยู่รีบยกโล่ขึ้นมาป้องกันทันที แต่สายฟ้าที่พุ่งเข้าใส่โล่ก็สร้างแรงกระแทกมหาศาลจนร่างของเจต้องถอยกรูดไปกับพื้นทันที

“ท่าทางมันจะไม่พอใจนะ”กวีหัวเราะออกมาพลางมองไปยังร่างของกระต่ายก้อนกลมที่กำลังลอยขึ้นมาบนอากาศอีกครั้ง ตอนนี้รอบ ๆตัวมันเหมือนมีเมฆหมอกคอยอุ้มเอาไว้ แถมด้านข้างของมันยังมีคทาลอยอยู่อีกต่างหาก

“คราวนี้กลายเป็นลูกโป่งไปแล้ว”ไอช่ามองไปที่ตัวเซียนหูยาวบอสเลเวล 30 ของเนินราชสีห์แห่งนี้ มันคือกระต่ายเซียนที่สามารถใช้เวทสายฟ้าได้ เพียงแต่ตัวของมันที่ลอยอยู่เหมือนลูกโป่งอย่างที่ไอช่าบอกไม่มีผิด

“เจยังไหวหรือเปล่า”เมฆถามพลางเตรียมดาบของตัวเองเพื่อจะเข้าไปต่อสู้ เรื่องได้เจอบอสนั้นไม่ใช่เรื่องที่พวกเมฆประหลาดใจอยู่แล้วเพราะเมฆที่เคยอยู่ปาร์ตี้เดียวกับไอช่าออกจะชินกับความโชคดีของเธออยู่แล้ว เธอเป็นประเภทที่สามารถเปิดกาชาได้ตัวละครแรร์สุด ๆติดต่อกันได้อย่างหน้าตาเฉยเลยนี่นา

“ไหวครับ”เจตอบพลางมองไปที่มือของตัวเอง นอกจากสายฟ้าจะแรงแล้วยังทำให้รู้สึกชาอีกด้วย โชคดีที่ไอช่าร่ายเวทล้างสถานะผิดปกติเอาไว้ตั้งแต่เจโดนโจมตี ทันทีที่ไอช่าใช้เวทล้างสถานะใส่เจเขาก็รู้สึกหายชาไปเลย

“งั้นฝากเรื่องแทงค์ด้วยนะ พวกเราจะเริ่มโจมตีกันแบบจริงจังแล้ว”กวีชี้ไม้เท้าไปทางเซียนหูยาวที่กำลังลอยอยู่เบื้องหน้า แม้จะลอยอยู่แต่มันก็ลอยจากพื้นไม่มาก แถมความเร็วยังน้อยอีกด้วย เทียบกับพวกกระต่ายหรือพวกผึ้งก่อนหน้านี้แล้วความเร็วแค่นี้เจตามทันได้สบาย ขอแค่ทนสายฟ้าของมันเอาไว้ให้ได้

เปรี้ยง!!

สายฟ้าของเซียนหูยาวกระแทกใส่ร่างของเจเข้าอย่างจัง แม้จะรุนแรงมากเพราะมันเป็นบอสเลเวล 30 แต่เจก็มีพลังชีวิตเยอะจนน่ากลัวไม่น้อย บางทีเจอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าตนเองที่มีพลังชีวิตหลักหมื่นนั้นไม่ใช่ตัวละครระดับเลเวล 20 อีกต่อไปแล้ว

“งั้นก็มาเริ่มกันเลย”กวียิ้มก่อนจะพุ่งเข้าไปใช้ไม้เท้าเวทมนตร์หวดเข้าใส่ร่างของเซียนหูยาวอย่างกับใช้ดาบโจมตี ถึงนักเวทจะโจมตีธรรมดาได้ แต่นักเวทส่วนใหญ่ไม่คิดจะทำเพราะนอกจากจะทำให้ร่ายเวทช้าลงแล้วพลังโจมตียังน้อยอีกต่างหาก

ตูม ๆ ๆ

ระหว่างกวีกำลังโจมตีอย่างต่อเนื่อง ที่ด้านข้างของกวีก็ปรากฏกระสุนน้ำ หอกศิลา และกระสุนวายุพุ่งเข้าใส่เซียนหูยาวอย่างต่อเนื่อง ส่วนเมฆและมีนนั้นต่างเข้าไปอัดสกิลอย่างไม่หยุดพักเพื่อเร่งพลังโจมตีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

วูบ…..

โจมตีไปได้พักเดียวร่างของเซียนหูยาวก็เปล่งแสงสีฟ้าออกมาก่อนที่คลื่นพลังสายฟ้าจะแผ่ออกมาเป็นวงกลมรอบ ๆตัวมัน กวี เมฆ และ มีนบ้างก็ก้มบ้างก็กระโดดหลบคลื่นพลังสายฟ้าไปได้อย่างง่ายดาย ส่วนเจที่ตอบสนองช้าไปหน่อยโดนคลื่นพลังสายฟ้าเข้าอย่างจังทำเอาพลังชีวิตลดลงไปไม่น้อย แต่ที่แย่ที่สุดก็คือร่างกายของเขาชาและขยับไม่ได้เลย

วูบ…

เจยังรู้สึกชาได้ไม่เท่าไร อยู่ ๆเวทล้างสถานะของไอช่าก็สว่างวาบขึ้นมาบนตัวเขาอีกครั้งทำให้เจสามารถสู้ต่อไปได้อย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอช่าจะล้างสถานะได้เร็วขนาดนี้ สมแล้วที่เป็นผู้เล่นแนวหน้า

“พี่กวีสู้ ๆ พี่เมฆสู้ ๆ”ไอช่าร้องตะโกนเชียร์อยู่ด้านหลังด้วยท่าทีสนุกสนานร่าเริง คลื่นสายฟ้าก่อนหน้านี้ไปถึงแค่ตรงหน้าไอช่าเท่านั้นก็หยุดนับว่าเป็นการยืนที่ปลอดภัยมาก แถมตอนนี้พวกกวียังสู้กันอยู่ตรงฐานของชะง่อนผา ส่วนไอช่ายืนอยู่ตรงยอดบนสุดของชะง่อนผา แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีกระต่ายเขาเดียวเกิดมาระหว่างกลางแล้วเข้าไปโจมตีไอช่า เรียกได้ว่าตรงนั้นเป็นจุดยืนที่ปลอดภัยที่สุดแล้วก็ว่าได้

“พี่เจ สกิลต่อไปจะมาแล้วนะ”ไอช่าร้องเชียร์อยู่ได้พักหนึ่งก็ตะโกนบอกสัญญาณสกิลของเซียนหูยาว หน้าที่ของซัพพอร์ตที่มีฝีมือดี ๆไม่ใช่แค่การรักษา แต่เป็นการสังเกตสกิลของบอสจากวงนอกด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกตนสู้กับเซียนหูยาวไม่ใช่เหรอ ทำไมไอช่าถึงรู้ได้ว่าสกิลต่อไปกำลังจะมาล่ะ

คลืนนนน…… เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ ๆ!!

ยังไม่ทันได้หายสงสัย อยู่ ๆเจ้าเซียนหูยาวก็ทำท่าเหมือนโกรธออกมา พริบตานั้นท้องฟ้าเบื้องบนราวกับกำลังโกรธที่พวกตนรุมรังแกเซียนหูยาวเสียอย่างนั้น มันแปลเปลี่ยนจากท้องฟ้าที่สว่างสดใสกลายเป็นเมฆหมอกดำราวกับพายุกำลังจะเข้าก่อนที่สายฟ้าจำนวนมากจะพุ่งลงมาใส่พื้นอย่างต่อเนื่องราวกับเปลี่ยนพื้นที่ให้เป็นสนามไฟฟ้าไม่มีผิด

เปรี้ยง ๆ ๆ ๆ ๆ!!

ไม่ใช่แค่สายฟ้าจากด้านบน ที่ตัวของเซียนหูยาวเองก็ปล่อยสายฟ้าออกมาโจมตีเรื่อย ๆอีกต่างหาก ทำเอาสภาพรอบด้านวุ่นวายไปหมดอย่างกับพระเจ้ากำลังจะลงโทษมนุษย์ไม่มีผิด แต่ถึงอย่างนั้นเบื้องหน้าของเจกลับมองเห็นเพียงกลุ่มคนที่กำลังรุมรังแกเซียนหูยาวโดยไม่สนใจสายฟ้าที่ปล่อยออกมารอบตัวเลย คนพวกนี้หลบได้แม้กระทั่งสายฟ้าแล้วยังโจมตีสวนอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเจที่ยืนป้องกันการโจมตีหลักของเซียนหูยาวแม้จะป้องกันได้ไม่หมดแต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตาย เพราะไอช่าทั้งล้างสถานะและคอยรักษาให้ทำเอาสถานะชาและอัมพาตที่เกิดจากเวทสายฟ้าของเซียนหูยาวแทบไม่มีผลอะไรกับเจเลย ทั้ง ๆที่สถานะพวกนี้ทำให้ปาร์ตี้ของกิลด์อัศวินนภาแทบจะเอาตัวไม่รอดมาแล้ว

เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!

สายฟ้าที่ฟาดลงมาจากท้องฟ้าเรื่อย ๆสุ่มผ่าลงมาไปทั่วบริเวณ แต่ตรงจุดที่ไอช่ายืนอยู่กลับไม่โดนสายฟ้าเลยสักนิดทั้ง ๆที่ไอช่าไม่ได้เปลี่ยนจุดยืนไปไหนเลย ซัพพอร์ตของปาร์ตี้อื่น ๆต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหลบสายฟ้าพวกนี้แต่ไอช่ากลับยืนเชียร์พวกกวีอย่างสบายใจเสียอย่างนั้น

“………….”นี่สินะสิ่งที่เรียกว่าผู้เล่นแนวหน้า แม้รอบด้านจะวุ่นวายเพราะสายฟ้าของเซียนหูยาว แต่ความเป็นจริงก็คือเซียนหูยาวกำลังจะตายเพราะการรุมโจมตีของพวกกวี ไม่ว่ามันจะงัดสกิลอะไรออกมาก็แทบทำอะไรพวกกวีไม่ได้เลย ถึงจะฆ่าได้ไม่เร็วเท่าพวกเลเวลสูง ๆที่เข้ามาล่าบอสโดยเฉพาะ แต่พวกกวีก็จัดการเซียนหูยาวได้อย่างอยู่หมัดแบบไม่มีข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้น

“ไอช่า ตัดริบบิ้นหน่อย”กวีถอยออกมาจากตัวเซียนหูยาวที่ใกล้จะตายเต็มที่แล้ว ความจริงไม่ต้องให้ไอช่าโจมตีปิดท้ายหรือทำการลาสก็ได้แต่หากเชื่อมั่นในดวงของไอช่าละก็ขอแค่มีเธออยู่ด้วยก็ต้องได้ของดี ๆอยู่แล้ว

“ค่ะ”ไอช่าได้ยินเช่นนั้นก็วิ่งเข้ามาใช้ไม้เท้าตีปุ๊กลงไปบนร่างของเซียนหูยาวทันที พริบตานั้นร่างของเซียนหูยาวก็สลายกลายเป็นแสงสีขาวก่อนจะเหลือทิ้งไว้แต่ไอเทมที่ได้จากการฆ่าครั้งนี้

“พี่กวี….”ไอช่ามองไอเทมตรงหน้าด้วยใบหน้าตกใจปนผิดหวัง เธอเชื่อมั่นในดวงของตัวเองมากไปงั้นเหรอผลถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้

“ไอช่าไม่ได้หูกระต่ายมาให้พี่มีนใส่เลย ได้แต่หนังสือเวทมนตร์อย่างเดียวเอง”ไอช่าทำหน้ามุ่ยออกมาด้วยท่าทีผิดหวัง นอกจากเวทสายฟ้าแล้วดูเหมือนบอสกระต่ายจะมีหูกระต่ายที่เป็นไอเทมสวมใส่อยู่ด้วย มันมีคุณสมบัติเพิ่มความเร็วทำให้น่าจะเหมาะกับมีนไม่น้อย

“หูกระต่าย……….”มีนได้ยินเช่นนั้นก็มองซ้ายมองขวาทำหน้าแดงออกมาทันที ถึงในโลกนี้จะใส่คอสตูมกันเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับมีนที่พึ่งเข้ามาเล่นใหม่แล้วออกจะน่าอายไปหน่อยที่ต้องใส่หูกระต่ายเดินไปเดินมา นับว่าโชคดีสำหรับมีนมากกว่าที่พวกตนไม่ได้หูกระต่ายอย่างที่ไอช่าหวัง

ตอนที่ 29

เทพี

 

 

“สวัสดีครับท่านวิทย์”อีกด้านหนึ่ง ณ ใจกลางเมืองใหญ่ของอาณาจักรทริช เหล่าคนของกิลด์อัศวินนภาต่างมาร่วมต้อนรับท่าน วิทย์ เจ้าสัวชื่อดังที่กำลังเข้ามาเยี่ยมเยือนกันอย่างตื่นเต้น แถมดูเหมือนหัวหน้ากิลด์จะจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้เรียบร้อยอีกต่างหาก

 

“ไม้ สินะของที่ว่าอยู่ไหน”เจ้าสัววิทย์ถามพลางมองไปทางไม้หัวหน้ากิลด์อัศวินนภาด้วยท่าทีน่าเกรงขาม สมัยนี้แม้แต่คนอายุมากอย่างเจ้าสัววิทย์ก็ยังเข้ามาเล่นเกม เพราะต่อให้แก่ชราแค่ไหนในโลกเสมือนจริงก็ยังเคลื่อนไหวได้สะดวกสบายราวกับตอนยังหนุ่ม แถมเกมที่พึ่งเคยได้เล่นหลังจากทำธุรกิจมานานก็สนุกไม่เลวอีกต่างหาก

 

“เชิญทางนี้ครับ”หัวหน้ากิลด์ใหญ่อย่างไม้ก้มหัวอย่างกับพนักงานต้อนรับทำเอาพวกลูกกิลด์ที่รับเงินเดือนจากไม้พากันเกร็งไปหมด หากทำอะไรให้เจ้าสัวโกรธมีหวังพวกตนโดนไล่ออกจากกิลด์แน่ ๆ

 

อาคารของเกมเอคโค่สามารถซื้อขายได้เหมือนอาคารในโลกความจริงทุกประการ เพียงใช้เงินเหรียญในเกมไปซื้อเท่านั้น ทำให้กิลด์อัศวินนภาที่มีผู้เล่นมากมายสามารถซื้อตึกกลางเมืองได้ไม่ยาก แถมการตกแต่งภายในยังดูดีอย่างมากอีกต่างหาก เพราะในโลกของเกมนั้นมีวัสดุสวยงามมากกว่าโลกความจริงหลายเท่า แถมการสร้างยังมีสกิลช่วยเหลือไม่ต้องฝึกฝนแรมปีถึงจะเป็นยอดฝีมือด้านการแกะสลักหรือปูนปั้นอีกต่างหาก

 

เพียงแต่ของเหล่านี้ไม่ได้น่าสนใจเลยสำหรับเจ้าสัววิทย์ ของพวกนี้เขาเองก็ใช้เงินหามาได้ไม่ยาก สำหรับเขาแล้วสิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่อาคาร หรือห้องหรูหรา แต่เป็นของชิ้นหนึ่งที่วางประดับเอาไว้กลางห้องที่ไม้พาเข้ามาต่างหาก

 

“เจ้านี่งั้นเหรอ”เจ้าสัววิทย์เดินไปดูที่แท่นหินที่สร้างเอาไว้เหมือนใช้โชว์สินค้าอย่างสนใจ สิ่งที่อยู่ตรงกลางแท่นนั้นก็คือหนังสือสีม่วงเล่มหนึ่งที่มีรูปสายฟ้าวาดเอาไว้ที่หน้าปก มันคือหนังสือสกิลธาตุสายฟ้าที่กิลด์อัศวินนภาครอบครองเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว หากเจ้าสัววิทย์ซื้อเล่มนี้ไปก็เท่ากับว่าท่านเป็นคนที่ 2 ที่ได้ครอบครองเวทมนตร์สายฟ้านั่นเอง

 

“ถูกต้องแล้วครับ แถมเวทสายฟ้ายังเป็นเวทมนตร์ที่ดีมาก ๆอีกด้วยครับ นอกจากจะรุนแรงแล้วยังรวดเร็วอีกด้วยครับ”ไม้พูดจบก็ผายมือไปทางโอม รองหัวหน้ากิลด์ของอัศวินนภา จอมเวทคนแรกที่ได้เรียนเวทมนตร์สายฟ้า

 

เปรี้ยง!!

 

ทันทีที่ไม้ส่งสัญญาณโอมก็ร่ายสกิลสายฟ้าของตนเองใส่หุ่นทดลองที่ตั้งเอาไว้อีกส่วนของห้องเข้าอย่างจัง แม้จะเป็นเพียงเวทมนตร์บทแรกแต่สายฟ้าฟาดธรรมดาที่ไม่มีใครใช้ได้ก็สร้างความสนใจให้กับเจ้าสัววิทย์ไม่น้อย

 

“แต่ได้ข่าวว่ามันกินพลังเวทมากเลยไม่ใช่หรือไง”เจ้าตัววิทย์ถามพลางมองไปทางโอม แม้จะได้เวทสายฟ้ามานานแล้ว แต่โอมก็ยังพัฒนาระดับของเวทสายฟ้าไปได้แค่ขั้น 3 เท่านั้นทั้ง ๆที่เวทมนตร์ธาตุอื่น ๆต่างขึ้นไปขั้น 6 กันหมดแล้ว และการที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะเวทมนตร์สายฟ้ากินพลังเวทที่ใช้อย่างมาก แม้จะแรงและน่าขนลุกแต่การใช้งานต่อเนื่องมาก ๆเป็นเรื่องยาก ทำให้การพัฒนาระดับขั้นที่ต้องใช้เวทมนตร์ธาตุนั้น ๆบ่อย ๆก็ยิ่งเป็นเรื่องลำบากไปด้วย นั่นเลยเป็นข้อเสียหลักของเวทมนตร์สายฟ้าเลยทีเดียว

 

“แน่นอนครับ แต่พลังทำลายที่แสนน่ากลัวและความหายากของมันก็ทำให้คู่ต่อสู้ต้องหวาดกลัวอยู่ดี แถมในโลกนี้ยังไม่มีใครครอบครองเวทสายฟ้านอกจากทางเราอีกแล้วครับ”ไม้ยิ้มกว้างด้วยท่าทีมั่นใจ ตอนนี้เวทมนตร์สายฟ้าเป็นสิทธิ์ขาดของกิลด์อัศวินนภา แน่นอนว่าต้องมีคนระแคะระคายเรื่องที่ไม้ส่งคนไปป้องกันเนินราชสีห์เอาไว้บ้าง แต่คนที่กล้าจะหาเรื่องกิลด์อัศวินนภานั้นมีไม่มาก แถมโอกาสได้เวทมนตร์สายฟ้ายังน้อยมากอีกต่างหาก โดยเวทมนตร์สายฟ้านั้นจะได้จากการฆ่าบอสของเนินราชสีห์ที่จะสุ่มเกิดใน 3 วัน แถมโอกาสที่จะได้ยังน้อยอีกด้วย ขนาดกิลด์ของเขาเฝ้าบอสตัวนี้ทุกตัวตั้งแต่เกมเปิดก็ยังได้เพียง 2 เล่มเท่านั้น

 

“งานประมูลจะเริ่มเมื่อไหร่”เจ้าสัววิทย์ถามพลางมองหนังสือเวทมนตร์อย่างพึงพอใจ หากไม่ใช่เพราะมันเป็นเวทมนตร์แรร์ที่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้ครอบครองละก็ราคาของมันคงไม่สูงถึงหลักหลายล้านขนาดนี้แน่ ๆ

 

“อีกสามวันครับ แน่นอนว่าพวกเราจัดที่เอาไว้ให้ท่านวิทย์แล้ว”ไม้ตอบพลางก้มหัวลงอย่างนอบน้อม นี่คือสาเหตุที่ไม้ลงทุนลงแรงส่งคนไปเฝ้าเนินราชสีห์เอาไว้ แม้จะเป็นเพียงบอสระดับธรรมดา แต่เวทมนตร์สายฟ้าที่มันมีนั้นก็คุ้มค่ากับการลงแรงจริง ๆ หากไม่ใช่เพราะวันนี้มีแขกที่จะเข้าร่วมการประมูลมาชมสินค้าละก็กิลด์อัศวินนภาคงส่งคนไปคุ้มกันเนินราชสีห์มากกว่านี้แล้วแน่ ๆ แต่บอสก็พึ่งตายไปได้แค่ 2 วัน หากไม่ดวงดีจริง ๆบอสก็ไม่เกิดเร็วขนาดนี้หรอก

 

.

 

.

 

“ฆ่าตัวตายซะ”อีกด้านหนึ่งที่หน้าเนินราชสีห์หลังจากกวีกับอรุณแยกไปคุยกันจนได้ข้อสรุปแล้ว อรุณก็เดินกลับมาหาลูกน้องของตนเองก่อนจะออกคำสั่งแปลก ๆไปเสียอย่างนั้น

 

“อะไรนะลูกพี่”คนของอรุณหันไปมองทางอรุณด้วยท่าทีงุนงง ทำไมได้ข้อสรุปออกมาแบบนั้นล่ะ

 

“ก็ไม่เห็นแปลก พี่เมฆบุกมาด้วยตัวเองพวกเราแค่นี้สู้ไม่ไหวหรอก พอตายพวกเราก็รายงานไปว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในเนินราชสีห์ แต่แค่ส่งข้อความไปที่เพจแจ้งปัญหาทั่วไปของกิลด์เท่านั้น”อรุณตอบพลางถอดอุปกรณ์สวมใส่ของตนเองออกทั้งหมด เพจแจ้งปัญหาทั่วไปของกิลด์นั้นเป็นเพจสำหรับรับเรื่องต่าง ๆจากลูกกิลด์ แน่นอนว่ามันตอบช้าสุด ๆเลย

 

“เอ่อ….”พวกลูกน้องของอรุณมองไปทางลูกพี่ของตนด้วยท่าทีอึ้ง ๆก่อนจะเริ่มถอดไปเทมของตัวเองออกเช่นเดียวกัน พวกเขาเป็นคนที่ติดตามอรุณเข้ามาทำงาน ไม่ได้ซื่อสัตย์กับกิลด์อัศวินนภาแต่อย่างไร ในเมื่อลูกพี่เลือกทางนี้พวกเขาก็จะเลือกทางนี้เช่นเดียวกัน

 

“โดนพี่เมฆฆ่าตายก็ไม่ถือว่าแย่อะไรนะ”อรุณว่าพลางกำหมัดต่อยใส่เมฆทันที การโจมตีผู้เล่นคนอื่นก่อนจะทำให้ผู้เล่นคนนั้น ๆสวนกลับมาได้โดยไม่ติดโทษอะไร ทำให้เหล่าลูกน้องของอรุณเดินกันมาสะกิดเมฆกันคนละทีสองทีเพื่อยอมตายตามข้อตกลง

 

เปรี้ยง!!

 

แม้จะเลเวลสูง แต่เมื่อไม่มีพลังป้องกันจากอุปกรณ์สวมใส่แถมเจ้าตัวยังไม่หลบการโจมตีเลยอีกต่างหากทำให้พวกอรุณโดนเมฆฆ่าตายทีละคน ๆอย่างรวดเร็ว

 

“นี่ไปตกลงอะไรกับเจ้านั่นกันแน่”เมฆถามพลางมองแสงสีขาวที่จางหายไปตรงหน้า ถึงกับยอมเสียเลเวลขนาดนี้กวียื่นข้อเสนออะไรให้อรุณกันแน่

 

“ความลับ”กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ เท่านี้ก็ไม่มีใครเข้ามาขวางพวกกวีแล้ว ขอเพียงหาบอสให้เจอและฆ่ามันก็เท่านั้น แต่…การหาบอสให้เจอนั้นก็ต้องพึ่งดวงเป็นอย่างมากแถมการจะฆ่ามันแล้วได้ไอเทมเลยนั้นก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ หากไม่กักพื้นที่แล้วครองบอสเอาไว้คนเดียวอย่างกิลด์อัศวินนภาละก็โอกาสจะได้มันน้อยมาก ๆเลยนะ

 

“ไอช่า เราจะไปตรงไหนดี”กวีถามไปทางไอช่าทันทีที่เดินเข้ามาในเขตเนินราชสีห์ อย่างที่บอกตอนนี้กิลด์อัศวินนภาติดธุระเรื่องงานประมูลที่กำลังจะมาถึง จำนวนคนเฝ้าเลยน้อยกว่าปกติมาก

 

“ไอช่าอยากลองไปบนชะง่อนผานั่นดู”ไอช่าตอบพลางชี้ไปบนชะง่อนผาด้วยท่าทีตื่นเต้น แน่นอนว่ากวีก็ไม่ขัดใจเธออยู่แล้ว

 

“ทำไมให้น้องไอช่านำทางล่ะครับ”เจที่เดินอยู่ระยะเดียวกันกับเมฆถามออกไปด้วยท่าทีสงสัย ปกติกวีจะเป็นคนนำทางเสียมากกว่าแต่คราวนี้ทำไมถึงถามไอช่าล่ะทั้ง ๆที่เวลามีไม่มากไม่ใช่เหรอ

 

“เพราะเธอคือเทพีแห่งโชคของพวกเราไงล่ะ”เมฆตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก แต่คำตอบของเมฆนั้นกลับทำให้เจงุนงงเข้าไปใหญ่

 

ตุบ….

 

เดินเข้าไปใกล้ชะง่อนผาเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้ากลางดงมอนสเตอร์เท่านั้น ไม่นานเบื้องหน้าของกวีก็มีมอนสเตอร์เจ้าถิ่นอย่างกระต่ายเขาเดียวเข้ามาขวางจนได้ พวกมันเป็นมอนสเตอร์เลเวล 24 ที่มีการโจมตีหลักเป็นท่าพุ่งเอาเขาชน แน่นอนว่าสำหรับพวกกวีที่ตอนนี้เลเวล 20 และมักจะสู้กับมอนสเตอร์เกินระดับเลเวลของตัวเองเสมอนั้น กระต่ายเหล่านี้ดูไม่น่ากลัวเสียเท่าไหร่เลย เพียงแต่ว่า…

 

“พี่กวี เราไม่ฆ่ามันไม่ได้เหรอ พวกมันน่ารักมากเลย”ไอช่าถามพลางชี้ไปทางพวกกระต่ายที่กระโดดดุ๊ก ๆเข้ามายืนตรงหน้าพวกกวี พวกมันเป็นกระต่ายที่ใหญ่กว่าปกติไม่มาก มันเลยดูเหมือนกระต่ายป่าทั่วไปที่ทั้งน่ารักและขนฟูไปทั้งตัว แถมดูเหมือนไม่ใช่ไอช่าแค่คนเดียวที่ไม่อยากฆ่าพวกกระต่าย ท่าทางดาบของมีนเองก็ชักไม่ค่อยออกเสียอย่างนั้น

 

“ถ้าไม่ฆ่าละก็พวกมันจะเป็นฝ่ายฆ่าเรานะ เจ้าพวกนี้โจมตีผู้เล่นก่อนด้วยสิ”กวียิ้มเจื่อน ๆออกมาพลางเดินไปหลบข้างหลังเจ ถึงหน้าตาจะน่ารักแต่เจ้าพวกนี้มากันหลายตัว แถมยังเป็นฝ่ายโจมตีผู้เล่นก่อนอีกด้วย

 

“เอ๊ะ โจมตีก่อน”เจอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะมองไปทางกระต่ายที่อยู่ข้างหน้าตนเอง ตอนแรกเห็นมันวิ่งดุ๊ก ๆเข้ามานึกว่าเข้ามาดูเฉย ๆเสียอีก ถ้ามันเป็นฝ่ายโจมตีก่อนละก็หมายความว่าพวกมันวิ่งเข้ามา…

 

เปรี้ยง!!

 

.

 

.

 

“หัวหน้า แย่แล้วครับ”อีกฝั่งทางด้านของกิลด์อัศวินนภา ลูกน้องคนหนึ่งของกิลด์ก็พลันวิ่งเข้าไปหาหัวหน้ากิลด์อย่างเร่งด่วนทันที แต่เพราะตอนนี้หัวหน้ากิลด์กำลังรับรองแขกอยู่ก็เลยเข้าพบไม่ได้มาสักพักแล้ว

 

“มีอะไร”ไม้หัวหน้ากิลด์อัศวินนภาถามพลางมองไปทางลูกน้องของตนเองด้วยท่าทีตำหนิ เห็นเจ้านี่พยายามเข้ามาหลายครั้งแล้ว หากไปรบกวนแขกเข้าจนท่านไม่ยอมมาร่วมงานประมูลจะทำไง

 

“มีคนบุกเข้าไปในเนินราชสีห์ครับ แถมคนที่มาดูเหมือนจะเป็นจอมดาบอันดับหนึ่งอย่างเมฆด้วยครับ”พอได้ยินรายงาน ไม้ก็ชะงักไปทันที จอมดาบอันดับ 1 อย่างเมฆมาทำอะไรที่นี่ หรือว่าความลับจะแตกแล้ว ไม่สิเวลาบอสเกิดมันยังไม่ควรมาถึงนี่นา แถมเมฆก็ไม่ได้เล่นสายเวทอีกด้วย

 

“มีใครมากับเมฆอีกหรือเปล่า”ไม้ถามด้วยท่าทีสงสัย ชื่อของกวีที่ประกาศออกไปทั่วโลกนั้นสร้างความแคลงใจให้กับเหล่าผู้เล่นมือเก่าอย่างมาก การที่เมฆจอมดาบอันดับ 1 ซึ่งเคยเห็นคนของกวีเคลื่อนไหวแปลก ๆแบบนี้ย่อมทำให้ไม้ไม่สบายใจเสียเท่าไหร่

 

“ดูเหมือนจะมากันเป็นปาร์ตี้ครับ ดูเหมือนในนั้นจะมีคุณไอช่าด้วย”ลูกน้องของไม้ตอบพลางด้วยท่าทีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้ผู้เล่นยุคใหม่จะรู้จักไอช่าในฐานะไอดอลชื่อดัง แต่ผู้เล่นยุคเก่ากลับรู้จักเธอในอีกชื่อหนึ่ง

 

“เทพีแห่งโชคนะเหรอ…..เร็วเข้าส่งคนไปขวางเอาไว้เร็วเข้า”ทันทีที่ได้ทราบว่าคนที่มาด้วยคือไอช่า ท่าทีของไม้ก็เปลี่ยนไปทันที อย่างน้อยถ้าโชคดีก็อาจจะขวางพวกเมฆเอาไว้ทัน ไม่สิจะพึ่งโชคไม่ได้ตั้งแต่มีไอช่าอยู่อีกฝั่งพวกตนก็เลิกหวังพึ่งโชคไปได้เลย

Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์

Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์

Status: Ongoing

หลังจากเกมระบบโลกเสมือนจริงเกมแรกของโลกกำลังเปิดต้อนรับเหล่าผู้เล่น เหล่าสหายของ กวี กลับพบว่าหัวหน้ากิลด์ของพวกตนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจนกระทั่ง 5 ปีต่อมาเขาถึงได้กลับมาอีกครั้ง

สวัสดีครับ คราวนี้ก็ขอฝากผลงานอีกเช่นเคยนะครับ เรื่องใหม่ในครั้งนี้เป็นแนว เกมออนไลน์ นะครับ อาจจะเป็นแนวที่มีอยู่เยอะแยะแล้วก็จริงแต่ก็หวังว่าทุกคนจะสนุกกับผลงานชิ้นนี้นะครับ

จริงๆแล้วผมเคยเขียนนิยายเกมออนไลน์มาก่อนเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ เลยอยากจะสานต่อเรื่องราวที่เคยสร้างเอาไว้ให้จบ

แต่กลายเป็นว่าต้องเปลี่ยนรายละเอียดใหม่หมดจนแทบไม่เหมือนเดิมเลยซะอย่างนั้น 555 แต่ก็จะพยายามแต่งให้สนุกเต็มฝีมือเลยครับ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท