Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 939 ได้ตำราวิชามาแล้ว
จงหมิงคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า: “พวกนายทั้งสามคนมีมุมมองความคิดที่แคบเกินไปแล้ว ต่อให้หลินเย่มีปัญหา แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราด้วยล่ะ? พวกเราแค่รู้ว่าเขาเป็นหมอก็เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ในตระกูลลี้ลับมียอดฝีมือมากมายที่แอบซ่อนตัวอยู่ หรือว่าหลินเย่จะเป็นนักพรตหรือปรมาจารย์ไม่ได้หรืออย่างไร? ด้วยความสามารถของพวกเราตระกูลจงแล้ว สามารถที่จะตรวจสอบถึงเบื้องหลังสถานะของคนผู้นี้ได้อย่างนั้นเหรอ? ถึงเวลานั้นพวกเราก็อธิบายให้กับตระกูลเซียวอย่างชัดเจนก็พอแล้ว”
เมื่อพูดแบบนี้ออกไป จงอู่และคนอื่น ๆ ก็เกิดการตอบสนองขึ้นในทันที
สิ่งที่พวกเขาต้องการนั้น ก็คือโอกาส
สำหรับที่ว่าหลินเย่จะมีปัญหาหรือไม่นั้น มันเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาด้วยล่ะ?
เพียงแค่สามารถรักษาโรคร้ายของเซียวเทียนเฉิงได้ แล้วพวกเขาตระกูลจงได้รับในสิ่งที่ตนเองต้องการก็พอแล้ว
ในส่วนที่ว่าหลินเย่จะมีปัญหาหรือไม่นั้น มันไม่สำคัญแล้ว
ต่อให้มีปัญหา ถึงเวลานั้นฝ่ายที่ต้องเป็นกังวล ก็คือตระกูลเซียว
จงกวงกับจงหมิงสองพี่น้อง จ้องหน้าสบตากันพร้อมกับยิ้มหัวเราะขึ้น
ในเวลานี้ ภายในห้อง จุดชีพจรทั้งสิบสามจุดอาทิ จุดเสินถิง จุดเสินฉาง จุดเทียนฝู่ของจงหยู่ ก็ได้ถูกฝังเข็มลงไปสิบสามเข็ม
เย่เซิ่งเทียนใช้เข็มขับเคลื่อนพลังชี่ เริ่มต้นคลายจุดชีพจรทั่วร่างกายของจงหยู่
อาการของจงหยู่นั้น ไม่ใช่โรคร้ายอะไร แต่เป็นอาการช้ำในที่สะสมมาจากการฝึกฝนมานานหลายปี
ทวารและเส้นชีพจรอุดตัน ทางเดินของเลือดลมติดขัด สะสมอาการติดต่อกันมานานหลายปี จึงค่อย ๆ ส่งผลกระทบไปยังอวัยวะภายใน ในที่สุดก็กลายเป็นโรคร้าย ทำให้อายุขัยสั้นลง
สิ่งที่เย่เซิ่งเทียนต้องทำตอนนี้ก็คือ อาศัยเข็มขับเคลื่อนพลังชี่ ใช้ชี่ทิพย์คลายจุดต่าง ๆ ให้กับจงหยู่ และบำรุงอวัยวะภายใน
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไปถึงหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว จงกวงและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอกต่างก็กระวนกระวายใจกันอย่างมาก
“คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรหรอกนะ? ทำไมผ่านไปนานขนาดนี้แล้วยังไม่เห็นมีการเคลื่อนไหวอะไรเลย”
จงเซิงพูดขึ้นด้วยความกังวล
แม้ว่าเขากับจงอู่จะต้องแย่งชิงสถานะผู้สืบทอด แต่เวลานี้ก็ยังคงเป็นกังวลคุณท่านอย่างมาก
เพราะว่าในตอนนี้คุณท่านเป็นเทพพิทักษ์ปกป้องของตระกูลจง เป็นยอดฝีมือแดนฉ่องทิพย์ขั้นสูงสุดเพียงคนเดียวของตระกูลจง
หากคุณท่านเกิดเป็นอะไรไป พวกศัตรูเหล่านั้นของตระกูลจงจะต้องฉวยโอกาสลงมือเล่นงานแน่
ในตระกูลลี้ลับ ตระกูลที่มีแดนสะพานเทพคอยปกป้องคุ้มครองถึงจะได้ชื่อว่าเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง
มีแดนฉ่องทิพย์คอยปกป้องคุ้มครอง ก็เป็นตระกูลอันดับสอง
โดยคนจำนวนมากในตระกูลจงนั้น ผู้ที่มีโอกาสทะลุขั้นแดนไปสู่แดนสะพานเทพได้เพียงคนเดียว นั่นก็คือคุณท่าน
นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมจงกวงและคนอื่น ๆ ถึงได้กระวนกระวายใจ ที่ต้องการได้ตำราวิชาแดนสะพานเทพมาจากตระกูลเซียวมากขนาดนี้
เพียงแค่สามารถกลายเป็นยอดฝีมือแดนสะพานเทพได้ อย่างนั้นตระกูลจง ก็สามารถที่จะแทรกตัวเข้ามาอยู่ในกลุ่มตระกูลอันดับหนึ่งแล้ว
จงอู่ตื่นเต้นจนเหงื่อออกเต็มหน้าผากไปหมดแล้ว
ถ้าหลินเย่นั้นรักษาคุณท่านให้หายเป็นปกติได้ เขาเองก็จะกลายเป็นผู้สืบทอดของตระกูลจงแน่นอน
แต่ถ้ารักษาไม่ได้ เขาเองก็จะต้องไดรับความเดือดร้อนด้วย
แน่นอนว่า หากรักษาไม่ได้ ก็ไม่ส่งผลกระทบกับเขาเท่าไร เพราะนั่นคือการแสดงความกตัญญูของเขา ก่อนหน้านี้ตระกูลจงได้ตามหาหมอจำนวนมากมาทำการรักษาก็ยังรักษาไม่ได้ ครั้งนี้รักษาไม่ได้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ทว่าสิ่งที่เขากังวลใจอย่างแท้จริงก็คือ หากหลินเย่นั้นให้ร้ายต่อคุณปู่ ก็จะเกิดปัญหาความยุ่งยากขึ้นมาทันที
เมื่อถึงเวลานั้น ถึงแม้คุณพ่อจะออกหน้าช่วยปกป้องเขาก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
“อย่าให้เกิดเรื่องเชียวนะ”
จงอู่อธิษฐานวิงวอนในใจอย่างไม่ขาด
จงกวงกับจงหมิงทั้งสองคนนั้น ก็ยังคงกระสับกระส่ายร้อนใจอย่างที่สุด
นี่ผ่านไปตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ยังไม่เห็นมีความเคลื่อไหวอะไรเลย
“หรือว่า พวกเราเข้าไปดูด้านในกัน? ”
จงหมิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้วขึ้น
“รอก่อน”
จงกวงกระวนกระใจอย่างมาก
เขาไม่ได้กังวลว่าหลินเย่จะหลบหนี ในตอนนี้ตระกูลจง ได้แอบกระทำการบางอย่างขึ้น โดยได้ปิดล็อคประตูห้องนี้เอาไว้แล้ว
ต่อให้หลินเย่คิดจะหลบหนีก็คงจะเป็นไปไม่ได้
“เข้ามาด้านในกันเถอะ”
เสียงของจงหยู่ดังออกมา
จงกวงและคนอื่น ๆ รีบผลักประตูพุ่งเข้าไป เมื่อมองเห็นสีหน้าของคุณท่านสดใสขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ก็ดีใจกันขึ้นมาทันที
และรีบถามขึ้นว่า: “ท่านพ่อ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? ”
จงหยู่พยักหน้าเบา ๆ และพูดว่า: “ตำราวิชาที่หมอเทวดาหลินต้องการนั้นได้จัดเตรียมเอาไว้แล้วหรือยัง? ”
ได้ยินคำพูดนี้ คนของตระกูลจงก็ดีใจกันยกใหญ่
นี่หมายความว่ารักษาโรคหายเป็นปกติแล้ว!
มิเช่นนั้นคุณท่านคงจะไม่พูดแบบนี้แน่
จงกวงรีบพูดขึ้นว่า: “ฉันจะไปนำมาเดี๋ยวนี้เลย หมอเทวดาหลินรอสักครู่”
เขาควบคุมความตื่นเต้นดีใจไม่ได้ และรีบไปนำตำราวิชามาให้ทันที
จงหมิงค่อนข้างจะควบคุมความรู้สึกได้มั่นคง จึงรู้ว่าที่คุณท่านพูดแบบนี้ นั่นแสดงว่าไม่มีปัญหาแล้ว จึงไม่ได้สอบถาม
ส่วนพวกเด็กรุ่นหลังอย่างจงอู่อดใจไม่ไหว จึงถามขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า: “คุณปู่ อาการป่วยของท่านหายดีแล้วจริง ๆ เหรอ? ”
“หายเป็นปกติดีแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณหมอเทวดาหลินอย่างมาก จากนี้ไป หมอเทวดาหลินก็คือแขกสำคัญของพวกเราตระกูลจง ทุกคนที่พบเจอกับหมอเทวดาหลิน จะต้องให้ความเคารพ หากใครไม่เคารพ ฉันจะไม่ปล่อยเขาไว้แน่”
เสียงของจงหยู่ดังกังวานมากขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย
เย่เซิ่งเทียนกลับแสดงท่าทางที่ไม่ตอบรับน้ำใจ และพูดขึ้นว่า: “หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ฉันต้องการจะเห็นตำราวิชา”
“ฮ่าฮ่าฮ่า หมอเทวดาหลินตรงไปตรงมา ถูกใจฉันอย่างมาก หมอเทวดาหลินวางใจได้ ในเมื่อฉันตกปากรับคำแล้ว จะไม่มีทางคืนคำพูดอย่างแน่นอน”
จงหยู่มีสภาพจิตใจและอารมณ์ดีมาก โรคร้ายที่เป็นมาหลายสิบปีได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติ เพียงแค่บำรุงดูแลร่างกายให้กลับมาดีเหมือนเดิม การบรรลุขั้นแดนนั้น ต่อให้มีชีวิตอยู่ไปอีกนับร้อยปีก็ไม่เป็นปัญหาแล้ว
แดนสะพานเทพอ่า
นั่นเป็นถึงยอดฝีมือระดับเจ้าพญาสวรรค์ทั้งแปดเลยทีเดียว
เพียงแค่ตนเองได้รับตำราวิชาแล้ว ก็สามารถที่จะบรรลุขั้นได้
ในขณะนั้นเอง จงหมิงจึงฉวยโอกาสพูดขึ้นว่า: “ท่านพ่อ เจ้าบ้านตระกูลเซียวไม่ใช่ว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรงหรอกเหรอ? ทำไมไม่แนะนำหมอเทวดาหลินไปให้กับตระกูลเซียวล่ะ? ในเมื่อหมอเทวดาหลินชอบสะสมตำราวิชา ตระกูลเซียวนั้นก็มีสิ่งเหล่านี้จำนวนมากด้วย”
จงหยู่สายตาเป็นประกายขึ้น เขาอายุมากและมีประสบการณ์โชกโชน เมื่อได้ยินที่จงหมิงพูดแล้วก็เข้าใจถึงความหมายที่แอบแฝงไว้ในทันที
ครั้นแล้วก็หันหน้ามองไปที่เย่เซิ่งเทียน และพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า: “เรื่องนี้ยังต้องถามความยินยอมจากทางหมอเทวดาหลินก่อน หมอเทวดาหลิน ไม่ทราบว่าท่านเต็มใจที่จะช่วยรักษาผู้ป่วยอีกคนหนึ่งไหม? คนผู้นั้นคือเซียวเทียนเฉิงเป็นเจ้าบ้านตระกูลเซียว ป่วยเป็นโรคร้ายมานานหลายปีแล้ว เชิญหมอมารักษาตั้งมากมาย ก็ยังรักษาไม่หาย หากว่าหมอเทวดาหลินเต็มใจที่จะช่วยรักษา ฉันจะแนะนำให้ ทางตระกูลเซียวนั้นมีตำราวิชามากมาย จะต้องเป็นที่พึงพอใจตรงตามความชื่นชอบของหมอเทวดาหลินอย่างแน่นอน”
เย่เซิ่งเทียนเกิดความหวั่นไหว
เขาก็กำลังรอทางตระกูลจงเอ่ยถึงเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
หากว่าเขาเป็นคนที่เอ่ยออกมา ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจงหรือตระกูลเซียว คงจะต้องเกิดความสงสัยในตัวเขาขึ้นเป็นแน่
แม้ว่าเย่เซิ่งเทียนจะแอบตื่นเต้นดีใจ แต่ใบหน้าก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา และยังกลับทำเป็นไม่ค่อยจะยินยอมและพูดขึ้นว่า: “ฉันไม่มีเวลามากนัก และฉันเองก็ไม่ใช่เทวดาสักหนอ่ย ไอ้เซียวเทียนเฉิงอะไรนั่นอยากจะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ ฉันจะไปเล่นพนันก่อนแล้ว สำหรับเรื่องตำราวิชานั้น ก็แค่ความชื่นชอบของฉันเท่านั้น วันนี้ได้รับตำราวิชามาตั้งสิบกว่าเล่ม เพียงพอแล้ว”
ท่าทางที่หยาบคายของเย่อเซิ่งเทียน ไม่เพียงไม่ทำให้จงหยู่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม กลับยังเพิ่มความหวังที่จะแนะนำเขาให้กับตระกูลเซียวอีก
เพียงแค่เย่เซิ่งเทียนสามารถรักษาโรคร้ายของเซียวเทียนเฉิงได้ ถ้าอย่างนั้นตระกูลจงก็สามารถเสนอความต้องการที่จะขอซื้อตำราวิชาแดนสะพานเทพจากตระกูลเซียวได้ เมื่อถึงตอนนั้นตระกูลเซียวก็คงจะไม่ปฏิเสธ
ในเวลานี้ตระกูลจง ต้องการที่จะก้าวขึ้นเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง แต่ขาดอยู่แค่ยอดฝีมือแดนสะพานเทพแล้ว
จงหมิงขยิบตาส่งสัญญาณให้กับจงหยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องทำให้หลินเย่ตอบตกลงเรื่องนี้ให้ได้
นี่คือโอกาสของตระกูลจง ห้ามพลาดไปโดยเด็ดขาด
จงหยู่พูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า: “ฮ่าฮ่า หมอเทวดาหลินอย่าเพิ่งร้อนใจไป พวกเราค่อย ๆ เจรจากันก็ได้ พวกเราตระกูลจงมากที่สุดก็เป็นเพียงแค่ตระกูลอันดับสอง ตำราวิชาที่สะสมนั้นก็มีอยู่จำกัด แต่ตระกูลเซียวไม่เป็นอย่างนี้ ตระกูลเซียวคือตระกูลอันดับหนึ่ง มีตำราวิชาล้ำค่ามากมาย แม้ว่าท่านจะเสนอเงื่อนไขเป็นตำราวิชาแดนสะพานเทพ ตระกูลเซียวก็สามารถนำมามอบให้ท่านได้”
“ค่อยว่ากันเถอะ ฉันไม่ค่อยสนใจสักเท่าไร”
เย่เซิ่งเทียนจงใจที่จะแสดงท่าทางที่ไม่ค่อยสนใจออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดปิดกั้นโอกาสลงทั้งหมด
ตอนนี้เขากำลังล่อเหยื่อตกปลา ให้ตระกูลจงร้อนใจมากขึ้น
จากข้อมูลที่เหย้ซูหลิงให้มานั้น เวลานี้ตระกูลจงขาดยอดฝีมือแดนสะพานเทพหนึ่งท่านที่จะมาเป็นผู้ปกป้องคุ้มครอง แต่การที่พวกเขาจะได้ตำราวิชาแดนสะพานเทพมานั้น จำเป็นต้องซื้อผ่านทางตระกูลเซียวเท่านั้น
ดังนั้น ตระกูลจงยิ่งร้อนใจมากกว่าเขาเสียอีก
วิธีการนี้เรียกว่าปล่อยให้ตายใจแล้วจัดการทีเดียวเลย