Mars เจ้าสงครามครองโลก – บทที่ 938 แผนการของตระกูลจง

บทที่ 938 แผนการของตระกูลจง

“หลินเย่ผู้นี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใช่ไหม? ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่เคยได้ยินไม่รู้จักเขามาก่อนเลย? ”

จงกวงเจ้าบ้านตระกูลจงขมวดคิ้วขึ้นพร้อมกับครุ่นคิด และมองไปที่จงอู่แล้วพูดว่า: “อู่เอ๋อร์ นายเล่าเหตุการณ์ตอนที่ไปพบเจอกับเขาอย่างละเอียดให้ฟังอีกครั้งหน่อย”

จงอู่ไม่กล้าปิดบัง จึงรีบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบ่อนพนันขึ้นอีกครั้ง

จงหมิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่หม่นหมองว่า: “หากไอ้หลินเย่คนนี้มีปัญหา แล้วที่เขาเข้าใกล้ตระกูลจงของพวกเรานี้เพราะเป้าหมายอะไร? หรือเพราะว่าต้องการตำราวิชา? ”

จงกวงไม่สามารถแน่ใจได้ จึงพูดว่า: “รอดูกันก่อน ดูว่าจะสามารถตรวจสอบอะไรได้บ้างไหม หากว่าต้องการตำราวิชา ก็คงจะไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้หรอก แต่ว่า ก็มีคนประหลาดบางคน ที่ชอบกระทำเรื่องที่แปลกประหลาด ไม่สามารถคาดเดาได้ด้วยหลักการเหตุผลทั่วไปได้”

จงอู่พูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า: “คุณพ่อ ลุงรอง หากว่าหลินเย่ผู้นี้ สามารถรักษาโรคของคุณปู่ให้หายได้จริง ๆ ล่ะ? พวกเราจะมอบตำราวิชาให้เขาจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ? ”

จงกวงไม่พูดอะไร ส่วนจงหมิงยิ้มเยาะและพูดว่า: “รดดูกันก่อน หากว่ารักษาให้หายได้ แล้วเราก็ให้ตำราวิชาของแดนฉ่องทิพย์และแดนลอยเมฆไปบ้าง ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อตระกูลจงของเราอยู่แล้ว แต่หากว่ารักษาไม่ได้ ฮึ จะต้องทำให้เขารู้ว่า ตระกูลจงของเรานั้น ไม่ใช่ว่าคิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไป”

จงเหวินปินกับจงเซิงมองหน้าสบตาซึ่งกันและกัน

ซึ่งต่างก็เข้าใจในความหมายของอีกฝ่ายหนึ่ง

หากหลินเย่คนนี้สามารถรักษาอาการป่วยของคุณท่านได้ ตำแหน่งผู้สืบทอดของจงอู่นั้นก็มั่นคงแน่นอนแล้ว

ไม่ได้ ห้ามให้หลินเย่กระทำการสำเร็จโดยเด็ดขาด

รู้แล้วว่า ห้ามให้เขายืนอยู่ฝ่ายเดียวกันกับจงอู่

ครั้นแล้ว จงเหวินปินก็พูดขึ้นว่า: “คุณพ่อ ลุงรอง ตำราวิชานั้นมีความสำคัญอย่างมากกับตระกูลจงของพวกเรา อีกทั้งพวกเราเองก็ไม่อาจรับรองได้ว่าหลินเย่คนนี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ดังนั้นฉันเสนอว่า เปลี่ยนจากตำราวิชาเป็นเงินให้กับเขาแทนจะดีกว่า ในเมื่อเขาชอบเล่นพนัน ก็น่าจะขาดเงินอยู่บ้าง”

จงเซิงรีบพูดเสริมอย่างเห็นด้วยว่า: “ถูกต้องถูกต้อง หากว่าเขาได้รับตำราวิชาไปแล้ว และนำออกไปเผยแพร่ พวกเราเองก็ไม่รู้จะชี้แจงต่อสรวงสวรรค์อย่างไร”

จงอู่โมโห และพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า: “ฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง หากหลินเย่รักษาโรคของคุณปู่ได้แล้วจริง ๆ จากนิสัยของเขาแล้ว จะยอมตกลงแลกเปลี่ยนตำราวิชาเป็นเงินอย่างนั้นเหรอ? หากว่าทำแบบนี้แล้ว พวกเราคงจะล่วงเกินเขาอย่างหนักแน่ หากว่าล่วงเกินยอดฝีมือบู๊คนหนึ่ง ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่หลินเย่เป็นหมอเทวดา เส้นสายความสัมพันธ์และผู้อยู่เบื้องหลังของคนประเภทนี้พวกเราไม่สามารถจินตนาการได้เลย หากไปล่วงเกินเขาแล้ว ก็จะไม่เป็นผลดีอะไรกับตระกูลจงของพวกเราเลย ซึ่งวิชาสิบสามเข็มผีทวนความตาย แม้แต่ท่านยาแห่งตระกูลเหย้ก็ยังไม่เป็นเลย”

จงเหวินปินพูดขึ้นเบา ๆ ว่า: “พี่ใหญ่ คุณจะร้อนใจไปถึงไหน? ฉันก็แค่เสนอความคิดเห็นเท่านั้น”

จงอู่ส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาและพูดว่า: “อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าพวกนายสองคนหมายความว่าอย่างไร แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแข่งขันกัน ฉันแค่ต้องการรักษาคุณปู่ให้หายเป็นปกติ”

“พอได้แล้ว พวกนายเงียบสงบกันหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร? ”

จงหมิงยุติการวิวาทของทั้งสามพี่น้อง และมองไปที่จงกวงแล้วพูดว่า: “ท่านพี่ ฉันเองมีข้อเสนอแนะอย่างหนึ่ง หากว่าหลินเย่รักษาท่านพ่อได้ นั่นก็แสดงว่าวิชาแพทย์ของหลินเย่นี้ เหนือชั้นกว่าท่านยาแห่งตระกูลเหย้มากเลยทีเดียว หากว่าหลินเย่สามารถรักษาโรคของท่านพ่อได้จริง ๆ นั่นแสดงว่าวิชาแพทย์ของเขา ก็มีโอกาสที่จะรักษาโรคร้ายของเซียวเทียนเฉิงเจ้าบ้านตระกูลเซียวได้ พวกเราก็สามารถที่จะแนะนำหลินเย่ผู้นี้ให้กับตระกูลเซียว……”

จงกวงดวงตาเป็นประกายขึ้น เซียวเทียนเฉิงที่เป็นเจ้าบ้านตระกูลเซียวในยุคสมัยนี้ หลายปีก่อนหน้านี้ก็ป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่พบเจอได้ยาก แม้แต่หมอของตระกูลลี้ลับจำนวนมาก ก็ยังหมดปัญญาไม่สามารถรักษาได้

หากว่าหลินเย่ผู้นี้รักษาโรคร้ายของเซียวเทียนเฉิงให้หายได้ อย่างนั้นตระกูลเซียวก็คงจะขอบคุณและซาบซึ้งในตระกูลจงของพวกเราอย่างที่สุดเป็นแน่

หลายปีมานี้ พวกเขาตระกูลจงคิดที่จะพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นมาโดยตลอด แต่ก็ติดอยู่ที่เรื่องของตำราวิชามาตลอดเช่นกัน

ตระกูลจงไม่เคยมียอดฝีมือแดนสะพานเทพเลย และก็เคยได้แอบเสนอขออย่างลับ ๆ ต่อทางตระกูลเซียวไปแล้วกี่ครั้ง ทางตระกูลเซียวก็ไม่เคยเต็มใจที่จะยื่นมือเข้าช่วย

นี่คือความผิดหวังและเสียใจของตระกูลจง

หากในตระกูลมียอดฝีมือแดนสะพานเทพสักท่านหนึ่งคอยผู้ปกป้องคุ้มครอง ถึงจะกลายเป็นตระกูลระดับอันดับหนึ่งได้

จงกวงหรี่ตาลงและพูดว่า: “นี่เป็นการเตือนฉันขึ้นมาเลย หากว่าหลินเย่คนนี้สามารถรักษาท่านพ่อได้จริง ๆ นั่นแสดงว่าเขาก็มีโอกาสที่จะรักษาโรคร้ายของเซียวเทียนเฉิงได้เหมือนกัน นี่ก็คือโอกาสที่ดีของตระกูลจงแล้ว หากว่าวิชาแพทย์ของเขาล้ำเลิศขนาดนั้นจริง ๆ ล่ะก็ ถือได้ว่าเป็นโอกาสดีที่หาได้ยากสำหรับตระกูลจงของพวกเราเลย”

จงอู่ตื่นเต้นดีใจ แต่ก็พูดขึ้นด้วยท่าทางที่กังวลว่า: “คุณพ่อ แต่ถ้าหลินเย่มีปัญหาล่ะ? ”

ได้ยินที่เย่เซิ่งเทียนพูด คนของตระกูลจงก็มีสีหน้าหนักอึ้ง

คุณท่านมีอาการอย่างไร พวกเขาต่างก็ชัดเจนดีอยู่แก่ใจ

ท่านยาตระกูลเหย้ก่อนหน้านี้ได้เคยพูดไว้ ซึ่งเรื่องนี้สามารถสอบถามและรับรู้ได้โดยทั่วไป ดังนั้นพวกเขาเองจึงไม่ได้เห็นเย่เซิ่งเทียนอยู่ในสายตาเลย

จงหมิงท่านรองตระกูลจงยิ้มเยาะและพูดขึ้นว่า: “ไอ้คนที่ไม่รู้จักความเป็นความตายนี้มาจากที่ไหนกัน ถึงได้มาโอ้อวดและพูดหลอกลวงอยู่ที่นี่ได้ อาการของพ่อของฉัน ไปสอบถามที่ไหนก็สามารถรับรู้ได้แล้ว”

จงอู่มองไปที่เย่เซิ่งเทียนด้วยความประหม่า จิตใจร้อนรนอย่างที่สุด

แต่พวกผู้อาวุโสอยู่กันที่นี่ เขายังไม่มีสิทธิที่จะพูดอะไรได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เมื่อครู่นี้หลินเย่ตบหน้าทั้งจงเหวินปินและจงเซิงนั้น แม้ว่าจงอู่จะรู้สึกสะใจ แต่ก็เริ่มเกิดความกังวล

ถ้าหากหลินเย่สามารถรักษาคุณท่านให้หายเป็นปกติได้นั้นก็ถือว่าดีไป แต่ถ้ารักษาไมได้ ก็จะต้องเดือดร้อนมาถึงตัวเขาแน่

คนผู้นี้ เขาเป็นคนพามาที่นี่

จงเหวินปินกับจงเซิง ทนไม่ไหวอยากที่จะจัดการฉีกหลินเย่ให้เป็นชิ้น ๆ

พวกเขาก็แค่พูดขึ้นด้วยความสงสัย คิดไม่ถึงว่าจะถูกตบหน้าอย่างจัง

และยังจะถูกตบต่อหน้าคนจำนวนมากอีกด้วย

เย่เซิ่งเทียนไม่ได้มองไปที่จงกวงกับจงหมิงเลยแม้แต่น้อย ได้แต่จ้องไปที่จงหยู่และพูดขึ้นว่า: “ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่หนึ่งเดือนแล้วล่ะสิ? หากต้องการที่จะให้ฉันช่วยชีวิตนายนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่เพียงแค่ตระกูลจงของพวกนายจะต้องทำตามเงื่อนไขของฉัน”

จงกวงตวาดใส่อย่างเย็นชา: “นายนี่มันช่างบังอาจยิ่งนัก วันนี้หากว่านายรักษาพ่อของฉันไม่ได้ ฉันก็จะเอาชีวิตของนายแทน”

จงหยู่ที่สีหน้าขาวซีดได้ยกมือขึ้นเพื่อยับยั้งความไม่พอใจของทุกคนตระกูลจง และพูดขึ้นว่า: “หมอหลินใช่ไหม? ได้ยินหลานชายของฉันพูดว่า นายใช้วิชาสิบสามเข็มผีทวนความตายได้? พูดเงื่อนไขของนายออกมาสิ หากว่านายเป็นวิชาสิบสามเข็มผีทวนความตายจริง ๆ ล่ะก็ ตระกูลจงของพวกเราจะไม่มีทางคืนคำพูดแน่นอน แต่หากว่าพูดโกหก……เหอะเหอะ ตระกูลจงของฉันก็ไม่ใช่จะถูกข่มเหงรังแกได้โดยง่ายเช่นกัน”

เย่เซิ่งเทียนพูดขึ้นอย่างรำคาญใจว่า: “ในชีวิตของฉันชื่นชอบอยู่สองอย่าง อย่างแรกคือการพนัน อีกอย่างคือรวบรวมสะสมตำราวิชา หากจะให้ฉันช่วยชีวิตนาย ก็เตรียมตำราวิชาแดนฉ่องทิพย์เอาไว้ห้าเล่ม และตำราวิชาแดนลอยเมฆสิบเล่ม หากว่ามีตำราวิชาแดนสะพานเทพ ก็เตรียมไว้สามเล่มก็พอ”

ทุกคนของตระกูลจงที่อยู่ด้านข้างต่างพากันโมโหขึ้น ชัดเจนว่านี่เป็นการเรียกร้องที่สูงเกินไปแล้ว

หากว่าต้องการเงิน พวกเขาตระกูลจงไม่ใส่ใจเลย

แต่ตำราวิชานี่สิ มันคือรากฐานของตระกูล

จะให้คนอื่นไปง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?

ต่อให้หลินเย่นี้จะเป็นวิชาสิบสามเข็มผีทวนความตาย ก็คงไม่สามารถที่จะมอบตำราวิชาให้กับเขาได้

“ท่านพ่อ ห้ามตกลงเด็ดขาด”

จงกวงที่เป็นเจ้าบ้านตระกูลจงในเวลานี้ร้อนใจขึ้นแล้ว หากว่าตอบตกลงจริง ๆ แล้วทางหลินเย่ได้นำตำราวิชาเหล่านี้เผยแพร่ออกไป ก็จะเกิดผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายต่อตระกูลจงอย่างมากเลยทีเดียว

“ฉันรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร”

จงหยู่บอกให้ทุกคนสงบเงียบลง มองไปที่เย่เซิ่งเทียนและพูดว่า: “หมอหลินเย่ หากนายสามารถรักษาโรคร้ายของฉันให้หายได้จริง ๆ ล่ะก็ เงื่อนไขที่เสนอมานั้นไม่ใช่ว่าจะตอบแทนให้ไม่ได้ แต่นายเองก็คงจะชัดเจนดีว่า ตำราวิชาคือรากฐานของตระกูล ยิ่งไปกว่านั้น ตำราวิชาของแดนสะพานเทพ ตระกูลจงของฉันเองก็มีเพียงแค่เล่มเดียว ไม่สามารถให้นายได้ ส่วนตำราวิชาของแดนฉ่องทิพย์ให้หนึ่งเล่มได้ หากเกินสองเล่มก็ไม่ต้องเจรจากันอีก สำหรับตำราวิชาของแดนลอยเมฆนั้น สามารถที่จะให้นายได้หลายเล่ม”

เย่เซิ่งเทียนหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดขึ้นว่า: “ตรงไปตรงมาดี ฉันชอบที่จะพูดคุยกับคนอย่างนายนี้ เมื่อเห็นแล้วว่านายเป็นคนที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ อย่างนั้นก็ตำราวิชาแดนฉ่องทิพย์สองเล่ม และตำราวิชาแดนลอยเมฆสิบห้าเล่มก็แล้วกัน ไม่ต้องพูดไร้สาระอะไรอีกแล้ว ฉันจะรักษาโรคให้นายเดี๋ยวนี้เลย ส่วนคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องนั้นถอยหลังออกไปให้หมด”

จงกวงกับจงหมิงยังต้องการที่จะพูดอะไรเพิ่ม แต่จงหยู่ก็ส่ายมือไปมาอย่างอ่อนแรง

อาการของเขาในตอนนี้หนักหนาอย่างมากแล้ว มิเช่นนั้นคงจะไม่ตอบตกลงในเงื่อนไขที่โหดร้ายแบบนี้แน่

แต่ว่า ในเมื่อหลินเย่กล้าที่จะเสนอเงื่อนไขเหล่านี้ขึ้นมา ก็แสดงว่ามีความสามารถที่แท้จริง จึงทำให้พวกเขาเกิดประกายความหวังขึ้นมาบ้าง

ทุกคนของตระกูลจงเดินจากไปอย่างไม่ยินยอม และก่อนที่จงหมิงจะเดินจากไปนั้นก็เหลือบมองไปที่เย่เซิ่งเทียนอย่างน่าสะพรึงกลัว

หากว่ารักษาให้หายได้ก็ดีไป แต่หากรักษาไม่ได้ จะต้องจัดการไอ้หลินเย่คนนี้ให้ตายทั้งเป็น

“ถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนลงไปบนเตียง ไม่ต้องมัวชักช้ารีรออะไรอยู่อีก”

เย่เซิ่งเทียนจงใจแกล้งทำเป็นว่าตนเองเป็นคนใจร้อน

จงหยู่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนลงไปบนเตียง

เย่เซิ่งเทียนหยิบเข็มเงินออกมาจากบริเวณทรวงอก แล้วเริ่มทำการรักษาให้จงหยู่

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท