Shoujo Grand Summoning ไปจีบสาวที่โลกอนิเมะกันเถอะ – ตอนที่ 295

ตอนที่ 295

บทที่ 295 3P! ทรีซั่ม!

 

ร่างกายเล็กๆที่ใกล้เคียงกับคินุฮาตะ และหน้าอกที่แบนเป็นกระดาษได้ปรากฏขึ้น

 

ต่อหน้าวู่หยานและคินุฮาตะ

 

ทั้งสองคนไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้น……

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วู่หยานได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าของทั้งสามสาว ถ้าจะพูดให้ถูก

 

คือเขาได้เห็นทุกวันเลยต่างหากล่ะ!

 

ภาพถ่ายแบบคมชัดลึกที่เขาเคยใช้แบล็คเมล์พวกเธอ ตอนนี้ก็ยังคงหลับใหลอยู่ใน

 

แหวนมิติของเขา และยังคงถูกหยิบขึ้นมาชื่นชมอยู่ทุกวัน……..

 

นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาได้เห็นทั้งสามเปลือยพร้อมกัน แถมครั้งนี้น่าจะได้ทำมากกว่า

 

ครั้งแรกที่ได้แค่จับๆลูบๆด้วย!

 

แถมตอนนี้คินุฮาตะก็ยังถูกจับกดอยู่ใต้ตัวเขา!

 

คินุฮาตะเริ่มคิดว่าวันนี้เธอได้รู้สึกเซอร์ไพรส์มากพอเท่ากับจำนวนครั้งที่เหลือใน

 

ชีวิตแล้ว มุมมองต่อโลกของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พูดให้ถูกคือถูกทำลายป่น

 

ปี้! เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ คินุฮาตะก็ลนลานทันที!

 

“ดะ-ดะ-เดี๊ยว! โครตหยุดก่อนคะ!!!”

 

คินุฮาตะได้ใช้พลังงานที่เหลืออยู่ตะโกนออกไป เห็นแบบนี้วู่หยานก็ยกคิ้วขึ้นด้วย

 

ความประหลาดใจ ทว่าคินุฮาตะก็ไม่มีเวลาหรือแรงมายุ่งกับเขา

 

มองดู เฟรนด้า กับ ทาคิสึโบะ ที่ไม่ฟังคำพูดตน ทั้งคู่ยังคงเดินเข้ามาใกล้ คินุฮาตะ

 

ก็ใกล้จะเป็นบ้าเข้าไปทุกที เธอแหกปากตะโกนอย่างกับคนบ้า

 

“พวกเธอโครตทำบ้าอะไร! รู้ตัวกันมั้ยว่ากำลังทำอะไรอยู่?! เป็นบ้ากันไปแล้วหรือ

 

ไง!!”

 

คินุฮาตะอยากต่อยตัวเองด้วย Offense Armor มองดูทั้งสองเดินเข้ามา ไม่ว่าใคร

 

ที่เห็นก็คงคิดได้อย่างเดียว่าพวกเธออยากจะมาเข้าร่วมด้วย!

 

คินุฮาตะพูดสั่งตัวเองในใจว่าเพื่อเธอไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ความจริงก็คือเฟรนด้า

 

กับ ทาคิสึโบะ ยังเดินเข้ามา!!!

 

“หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ! พวกเธอไม่คิดฟังฉันเลยเหรอ?!!”

 

สองสาวก็ยังคงเมินเหมือนเดิม เห็ยแบบนี้คินุฮาตะก็พังทลายจนได้

 

หมัดทั้งสองข้างหุ้มไว้ด้วย Offense Armorคินุฮาตะกระโดดลุกขึ้นด้วยร่างกายที่

 

อ่อนปวกเปียกราวกับว่าเธอโดนสิง ในตอนนี้หัวของเธอคิดอยู่เพียงอย่างเดียวคือ

 

ต้องการทำลายทุกอย่างที่เห็นให้หมด! เพื่อบรรเทาอารมณ์อันมากมายในใจ!

 

เพียงแต่เธอยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็โดนหมาป่าข้างหลังดึงเข้าอ้อมกอด!

 

โดนกอดแบบนี้ คินุฮาตะก็ชูหมัดขึ้นเตรียมต่อยเขา! ทว่าวินาทีต่อมามือที่ชูขึ้นก็ผ

 

ล่อยตกลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง!

 

“อึก! อื้ออ ~ ~ ~!!”

 

คินุฮาตะเบิกตากว้าง รู้สึกได้ถึงแท่งแข็งๆได้เข้ามาในตัวเธออีกครั้ง จากนั้นเธอก็

 

ร้องออกมา…

 

“ฮึก ฮึก นะ..นาย.อย่างน้อยก็ช่วยเวลาและสถานที่หน่อยได้มั้ย? ในเวลาแบบนี้

 

นายยังจะ…?”

 

คำพูดที่เหลือคินุฮาตะไม่ได้พูดออกมา เป็นเพราะวู่หยานได้เริ่มโยกตัวด้วย

 

ความเร็วที่สูงเป็นประวัติการณ์!

 

“อื้ออ ~ ~ ~อ๊าย ~ ~ ~!”

 

คินุฮาตะหวังจริงๆว่าในตอนนี้เธอจะสลบไป เธอไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลยว่า

 

ครั้งแรกของเธอจะต้องมาโดนทำต่อหน้าเพื่อนตัวเองแบบนี้

 

ส่วนทางวู่หยานก็กำลังเมามันด้วยใจที่ตื่นเต้นสุดๆ ถ้าเป็นวู่หยานในยามปกติเขา

 

คงสังเกตุเห็นความผิดปกติของสองสาวได้ไปแล้ว แต่ว่าด้วยความที่ยุ่งอยู่ตัวโลลิ

 

ทำให้IQสมองเขาลดพรวดพราด

 

เขากระทุ้งคินุฮาตะไม่หยุด ขณะที่มีสองสาวยืนอยู่ตรงหน้า ไม่นานนักวู่หยานก็

 

ยืนมือไปคว้าเอวบอบบางของเฟรนด้า จากนั้นดึงเธอเข้ามา

 

“ไม่…อื้อออ….ไม่ได้นะ….”

 

คินุฮาตะกระเสือกกระสนพยายามเปร่งเสียงพูด “บะ…แบบนี้มัน…คะ…โครตไม่

 

ถูกต้อง…..”

 

วู่หยานเมินคินุฮาตะแล้วคงจังหวะโยกตัวไปโดยใช้มือนึงจับตัวเธอไว้ ส่วนอีกมือก็

 

ยื่นออกมาลูบไล้ตัวเฟรนด้า ไม่นานนักผิวเธอก็เริ่มขึ้นสีชมพู

 

วู่หยานเช็คส่วนล่างของเฟรนด้า จากนั้นเขาก็จับตัวเธอมาอยู่บ้างบนคร่อมตัวคินุ

 

ฮาตะ โดยไม่สนเลยว่าสาวเจ้าด้านล่างจะยอมหรือไม่

 

“นะ-นายคิดจะทำอะไร?…….”

 

ลูกตาคินุฮาตะว่อกแว่กไปมา เธอพอจะเดาได้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ก็เพราะเดาได้

 

นี่แหละ เธอถึงได้ถามออกไป เธอไม่อยากเชื่อว่าครั้งแรกของตนจะต้องเข้มข้นถึง

 

ขั้นนี้!

 

เมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดลงมา หัวของคินุฮาตะก็กลายเป็นขาวโพลน เธอจับ

 

ตัวเฟรดด้าไว้ตามจิตใต้สำนึก จากนั้นเธอก็พยายามจะส่งเสียงเรียกเฟรนด้า แต่

 

ทุกครั้งที่อ้าปากก็มักจะแทนที่ด้วยเสียงคราง………

 

หน้าเผชิญหน้ากับเฟรนด้า ในที่สุดคินุฮาตะก็สังเกตเห็นว่าแววตาของเฟรนด้าดูไร้

 

ชีวิตชีวา (@ตอนนี้ตัวหยานมันเล่นท่ามิชชันนารีกับคินุฮาตะอยู่ จากนั้นมันก็

 

เอาเฟรนด้ามานอนทับ แซนวิซอ่ะแหละ)

 

รู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ คินุฮาตะยื่นมือไปหาวู่หยานโดยหวังว่าเขาจะรับฟังคำพูด

 

เธอ

 

เพียงแต่นี่เป็นได้แค่ความหวังลมๆแล้งๆ……….

 

วู่หยานชักน้องชายออกมาแล้วเสียบเข้าไปในตัวเฟรนด้า ทำให้เดิมที่สาวน้อยเฟ

 

รนด้าที่เดิมทำตัวยังกับหุ่นเชิดครางออกมา

 

แววตาเฟรนด้าเริ่มสั่นไหวคืนสติ เอาจริงๆถ้าเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากจะตื่นในเวลา

 

นี้เลย……

 

ก่อนหน้านี้เฟรนด้ารู้เห็นทุกอย่างแต่ทำไมก็ไม่รู้ เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายได้

 

ทำได้แค่มองตัวเองกับทาคิสึโบะเดินเข้าไปใน ‘พื้นที่ต้องห้าม’ณ ตอนนั้นเธอคิด

 

หวังว่าจะมีใครสักคนมาฆ่าเธอ………

 

ความคิดนี้ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเมื่อโดนวู่หยานกอดเอวแล้วลากมานอนทับคินุฮาตะ

 

แบบหน้าชนหน้า!

 

เมื่อตระหนักได้ว่าวินาทีต่อไปจะโดนอะไร วินาทีสุดท้ายก็ที่ไอ้แท่งนั่นของเขาจะ

 

แทงเข้ามา เธอก็อ้าปากด่าด้วยน้ำเสียงเกลียดชัง

 

“ฉันเกลียดเธอ! โชคุโฮ มิซากิ!!”

 

เมื่อแท่งเขาเข้ามาในตัวเธอ เฟรนด้าก้รู้สึกว่าตัวเธอได้กลับเข้ามาควบคุมร่างอีก

 

ครั้ง

 

สองสาวโลลิที่มีนัยน์ตาสีต่แตกางกันได้จดจ้องกันแบบใกล้ชิดขนาดเห็นขนตาอีก

 

ฝ่าย ถ้าจะมีอะไรที่ทั้งสองเหมือนกันก็คือความกระอักกระอ่วนและอับอายขั้นสุด!

 

ทางวู่หยานก็ฉีกยิ้มกว้างจนแทบถึงหู เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดนี่ได้ทำให้เขายิ้มกว้าง

 

เขาแทบจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสองโลลินอนทับกันเป็นแซนวิซ!

 

โครตดี!! ต่างโลกสุดยอด!!!

 

เขาสลับเปลี่ยนไปมาจากตัวเฟรนด้าและคินุฮาตะ ความสุขที่ได้มันมากล้นจนเขา

 

ไม่อยากพูดอะไรเลย และเขาก็ทำแบบนั้นจริงๆ วู่หยานสลับแทงสองโลลิไม่หยุด

 

เขาแค่อยากจะเอ็นจอยให้มากๆก่อนจะไปจากโลกนี้ ถึงแม้เขาจะเอ็นจอยแบบนี้

 

แทบจะทุกวันอยู่แล้วก็เถอะ…….

 

โลลิที่ได้รับ ‘รัก’จากวู่หยานไม่หยุด นอกจากมองหน้าเพื่อนตัวเองอย่างสิ้นหวัง

 

ทั้งสองก็ทำได้แค่ครางและคราง…….

 

คินุฮาตะ กับ เฟรนด้า กำลังทำสีหน้าอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา มองดูสีหน้า

 

อับอายของกันและกันทั้งคู่ก็ตัดสินใจหลับตาลง เพียงแต่ลมหายใจร้อนๆที่พวก

 

เธอพ่นออกมาโดนหน้ากันไปมานี่ก็ยังคงบอกพวกเธอว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง!ไม่ได้

 

ฝัน!

 

คินุฮาตะ กับ เฟรนด้า สองสาวโลลิได้เผชิญกับค่ำคืนอันไม่รู้ลืม ค่ำคืนที่จะคงอยู่

 

ในใจเธอทั้งคู่ไปอีกตลอดกาล……

 

ขณะเดียวกัน สาวหุ่นนางแบบทาคิสึโบะที่มีสติทุกอย่างแต่ควบคุมร่างกายไม่ได้ก็

 

ยังยืนนิ่งมองกิจกรรมร่วมรักของทั้งสาม ซึ่งอีกไม่นานเธอก็จะได้เข้าร่วมด้วย

 

……….

บทที่ 294 จริงๆแล้วตูไม่ได้อยากเล่น4P!

 

วู่หยานโอบกอดร่างนุ่มนิ่มของคินุฮาตะ แล้วเอ็นจอยกับไปเสียงครางและกลิ่น

 

หอมหวานที่ออกมาจากเหงื่อเธอ เขาขยับร่างกานอย่างหนักขณะหลับตาไปด้วย

 

ในปัจจุบันมันมีอยู่สองเสียงที่หูเขาชมชอบที่สุด หนึ่งก็คือเสียงครวญครางของสาว

 

น้อย และสองคือเสียงเนื้อชนเนื้อที่ดังขึ้นทุกครั้งที่เขาขยับสะโพก ไม่ว่าจะฟังมากี่

 

ครั้งเขาไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยกับเสียงทั้งสองแบบ………

 

คินุฮาตะไม่ได้รู้สึกอย่างวู่หยาน เธออับอายมากกว่าทุกครั้งที่ได้เสียงตัวเองคราง

 

แบบนั้น และเธอยังต้องกัดฟันกรอดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเนื้อหนังปะทะกันของเธอ

 

กับเขา ถึงแม้เธอจะรู้สีก็เถอะ…….

 

เธอไม่ได้ผิวหน้าหนาเหมือนวู่หยาน ในฐานะที่เป็นผู้หญิงถึงเธอจะจะแข็งกระด้าง

 

แต่เธอก้รู้สึกอัดอัดและไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะส่งเสียงร้องน่าอายแบบนี้

 

เธอพยายามหยุดเสียงตัวเองหลายรอบแล้ว แต่ทุกครั้งที่วู่หยานโยกเอวเข้ามาชน

 

เธอก็รู้สึกยังโดนไฟฟ้าช๊อตไปทั้งตัว จากนั้นปากมันก็ร้องออกมาเอง ถึงอยากจะ

 

หยุดร้องก็ทำไม่ได้……..

 

นี่เป็นครั้งแรกของเธอ แต่แค่นี่เธอก็รู้สึกราวกับวิญญาณจะหลุดลอยออกจากร่าง

 

แล้ว สติที่เหลือส่วนสุดท้ายได้โบกมือลาเธอและนั่นทำให้คินุฮาตะรู้สึกว่าร่างกาย

 

ตัวเธอมันยังกับไม่ใช่ของเธอยังไงยังงั้น………

 

แต่คินุฮาตะก็ไม่ได้ปฏิเสธความจริงที่ว่าเธอเองก็รู้สึกดีสุดๆเช่นกัน……..

 

ทว่านี่ก็ไม่อาจปกปิดความอับอายของเธอได้ ใบหน้าของคินุฮาตะแดงก่ำโดย

 

ครึ่งนึงเป็นเพราะรู้สึกดีส่วนอีกครึ่งมาจากความอาย

 

วันนี้เป็นวันที่คินุฮาตะได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ๆหลายอย่าง และยังเป็นวันที่

 

เธอรู้สึกได้ถึงความไร้พลังของตัวเองด้วย ทั้งโดนลักพาตัวมาโดยที่ขัดขืนไรไม่ได้

 

และโดนข่มขืนอีก ยังไม่พอเธอยังถูกบังคับให้อยู่ในท่าบ้าๆนี้ด้วย?!

 

หน้าก้มลงไปจนแทบจูบเตียงก้นยกขึ้น คินุฮาตะจับผ้าปูที่นอนด้วยจิตใต้สำนึก

 

มองดูผ้าปูที่นอนตรงหน้าพร้อมกับรับแรงกระแทกจากด้านหลังที่มาไม่หยุด คินุ

 

ฮาตะร้องไห้ในใจ

 

อย่างน้อยนายก็ช่วยใช้ท่าอื่นได้มั้ย?………

 

ประโยคนี้คินุฮาตะอยากพูดออกไปมากๆเพียงแต่ทุกครั้งที่จะพูดมันก็เปลี่ยนเป็น

 

เสียงครางอยู่ร่ำไป ท้ายที่สุดเธอก็ต้องอยู่ในท่าทุเรศนี่มานานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว

 

………….

 

ในหัวแทบไม่เหลือคำว่าเหตุผลแต่ทว่าความอับอายนี่ยังอยู่ครบไม่หายไปไหน

 

ภายใต้อิทธิพลของความอายบวกกับความขมขื่นในที่สุดคินุฮาตะก็ไม่ไหวอีก

 

ต่อไป!

 

หลังจากส่งเสียงครางยาวออกไป คินุฮาตะก็หน้าทิ่มเตียงผิวเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน

 

ด้วยความเหน็ดเหนื่อย เห็นแบบนี้วู่หยานก็ขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจด้วยความ

 

ผิดหวังกับเรี่ยวแรงของเธอ

 

วู่หยานกดตัวเองลงบนตัวเธอ ใช้ร่างกายเขาเพื่อบอกเธอว่าตนเองยังห่างไกลจาก

 

คำว่า ‘พอ’………..

 

คินุฮาตะเพิ่งรื้อฟื้นสติมาได้เล็กน้อยพอที่จะรู้สึกได้ถึงอ้อมกอดของเขา เธอหน้า

 

ขึ้นสีทันทีแต่ทว่าเธอยังไม่ทันได้พูดอะไร วู่หยานก็กระแทกเข้ามาอีกแล้ว บีบ

 

บังคับให้เธอต้องร้องเพลงอีกครั้ง………

 

ภายในห้อง นอกจากเสียงครางชนกันของทั้งสองและเสียงครางของคินุฮาตะ

 

มันก้ยังมีเสียงอื่นอยู่ นั่นก็คือสียงสั่นไหวของเตียง!

 

เสียง ‘แคร๊ก’ นี่ยิ่งทำให้วู่หยานคึกคัก เขาแทงเธอหนังหน่วงกว่าเดิม นี่ทำให้คินุ

 

ฮาตะเกลียดไอ้เตียงบ้านี่เข้าไส้

 

คินุฮาตะเริ่มที่จะพังเหมือนเตียง เธอครางออกมาจากนั้นเกร็งตัวเสร็จเป็นครั้งที่

 

สองของวัน……..

 

แน่นอนว่ามันเหมือนรอบแรก วู่หยานไม่ให้โอกาสเธอได้พักหายใจหายคอ เขายัง

 

ส่งน้องชายเข้าไปเหมือนเดิม…..

 

คินุฮาตะหวาดกลัว แล้วหันสายตาเบลอๆที่ปริ่มไปด้วยน้ำตามองเขา “นะ…นาย

 

ยังไม่เหนื่อยอีก?”

 

วู่หยานตอบคำถามด้วยการกระแทก……..

 

สวรรค์ ใครก็ได้ โปรดมาช่วยฉัน…….

 

คินุฮาตะร้องไห้ในใจเป็นครั้งที่เก้าของวันแล้ว ก่อนหน้านี้เธอยังเชื่อมั่นและมั่นใจ

 

ในความอึดของตัวเอง เป็นเพราะพลัง Offense Armor ของเธอจำเป็นต้องมี

 

ร่างกายที่แข็งแรงเพื่อใช้มัน

 

ทว่าตอนนี้ความมั่นอกมั่นใจของเธอได้ปลิวหายไปแล้ว เมื่อมาเจอความอึดอย่าง

 

กับไม่ใช่คนของวู่หยาน!

 

พูดตามตรงต่อให้เธอฝึกร่างกายมาดีแค่ไหน แต่มันจะสามารถเอามาเทียบกับ

 

True Ancestor ได้เหรอ?

 

ดังนั้นคินุฮาตะจึงได้เริ่มูดร้องขอความเมตา วู่หยานก็ตอบรับเธอโดยการเปิด

 

สงครามอีกครั้ง……..

 

คินุฮาตะทำได้แค่ยอมรับโชคชะตา เธอหลับตาลงแล้วคิด ‘ร่างกายอันมีเสน่ห์ของ

 

ฉัน หวังว่าเธอจะอดทนไปได้จนจบน่ะ…….’

 

ทันใดนั่นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาขัดทั้งสอง ถึงมันจะดังแค่แป๊ปเดียว แต่มันก็ดึงความ

 

สนใจของทั้งคู่ไปได้

 

ที่ต้องสนก็เพราะ….มันเป็นเสียงประตูเปิดไงล่ะ!!!

 

วู่หยานหยุดตัวเองด้วยจิตใต้สำนึก จากนั้นทั้งคินุฮาตะที่หอบหายใจหนักและวู่

 

หยานก็หันไปมองประตู ก่อนจะอึ้งไปทั้งคู่

 

“เฟรนด้า! ทาคิสึโบะ!” คินุฮาตะตะโกนออกมาให้กับแขกทั้งสองคน

 

เฟรนด้า ทาคิสึโบะ ยืนตรงประตูมองวู่หยานและคินุฮาตะที่กอดกับแบบเนื้อแนบ

 

เนื้อ แต่ถึงจะเห็นภาพบัดสีนี้แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าเลย ราวกับที่เห็นไม่ใช่มี

 

อะไรกัน แต่เห็นเป็นเล่นหมากรุกแทน………

 

ทั้งสองคนที่กำลังอึ้งไม่ได้สังเกตุเห็นความผิดของเฟรนด้า ทาคิสึโบะที่ดูเหมือนคน

 

ไม่ได้สติ!

 

คินุฮาตะตอบสนองก่อน เธอหน้าแดงก่ำเมื่อตระหนักได้ว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของตน

 

กำลังมองตัวเองเปลือยอยู่ ความอายได้ระเบิดขึ้นจากข้างในตัว!

 

“ว้าย!!!”

 

ตะโกนร้องเสียงดังเสร็จ คินุฮาตะก็ยกมือปิดหน้าตัวเอง ร่างกายเองก็ดิ้นไปมา

 

พยายามสลัดตัวให้หลุดจากวู่หยาน ขณะเดียวกันเสียงพูดที่เต็มไปด้วยความอับ

 

อายก็ดังลอดออกมา

 

“ฮื้อออ…..เฟรนด้า ทาคิสึโบะ อย่ามองนะ อย่ามองฉันนะ……”

 

เสียงของเธอส่งไปไม่ถึงเพื่อนทั้งสอง แต่ถึงวู่หยานแทน เขาได้สติกลับมา พอเห็น

 

สายตาที่มองมาของเฟรนด้า กับ ทาคิสึโบะ ขณะที่น้องชายของเขายังอยู่ในตัวคินุ

 

ฮาตะ ทันใดนั้นความตื่นเต้นก็ทะลักเข้ามาในตัวเขา!

 

วู่หยานอ้าแขนยอมรับดาร์คไซด์(ด้านมืด) แล้วปล่อยตัวไปกับแรงปรารถนา

 

เขาเริ่มกระแทกเข้าและออกใหม่อย่างหนักหน่วงและรวดเร็วราวกับเครื่องยนต์

 

ดังนั้งผลคือคินุฮาตะของเราก็ครางออกมาดวยความสุขผสมอาย

 

อย่างที่คิด ไอ้บ้านี่มันเป็นโครตโรคจิต!

 

คินุฮาตะไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการว่าสภาพตอนนี้ของเธอมันเป็นยังไง เธอรู้อยู่

 

อย่างเดียวคือ ตัวเธอจบสิ้นแล้ว หลังจากนี้เธอคงไม่กล้าที่จะเจอผู้คนแล้ว……

 

ทว่าคินุฮาตะไม่ได้รู้เลยว่าคนที่อายจนไม่กล้าไปเจอคนอื่นมากกว่าเธอก็คือสอง

 

สาวที่เข้ามาในรังรักนี้………..

 

เสียงปิดประตูอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้วู่หยานหยุดเคลื่อนไหว และคินุ

 

ฮาตะก็ได้ใช้โอกาสล้ำค่านี้หันไปมองด้วยเช่นกัน

 

และการมองนี่ก็ได้ทำให้หนึ่งชายและหนึ่งโลลิอึ้งไปอีกครั้ง…….

 

เฟรดด้า กับ ทาคิสึโบะ ไม่เพียงไม่วิ่งหนีออกไป แต่กับปิดประตูเข้าห้องแทน!

 

นี่ยังไม่เท่าไหร่นะ พอปิดประตูเสร็จ สองสาวก็ยืนนิ่งมองวู่หยานกับคินุฮาตะอยู่

 

ชั่วครู่ ก่อนที่จะ…..ถอดเสื้อผ้าตัวเอง!

 

คินุฮาตะนิ่งอึ้ง วู่หยานนิ่งอึ้ง……..

 

นี่อย่ายอกนะว่าตูกำลังจะทำลายสถิติของตัวเอง? นี่เขากำลังจะได้เล่น4P?………..

บทที่ 293 บ๊ายบาย ความสาวของฉัน!

 

คินุฮาตะต่อต้านด้วยแรงอันน้อยนิด ปากส่งเสียงประท้วง ‘อื้อ! อื้อ!’ส่วนวู่หยานก็

 

ถอดเสื้อผ้าเธอออกอย่างผู้เชี่ยวชาญ ไม่นานนักเสื้อผ้าทั้งหมดบนตัวเธอก็หายไป

 

……..

 

วู่หยานโยนเสื้อผ้าไปทางอื่นแบบไม่สนใจ ในเวลานี้ คินุฮาตะ ได้ตัวเปลือยเปล่า

 

ร่างกายโลลิของเธอไม่อาจหยุดยั้งไฟในตัววู่หยานได้!

 

เพราะถึงแม้จะเป็นร่างกายไซส์โลลิ แต่แค่นี้ก็มีเสน่ห์อย่างมากแล้ว มองดูขาอ่อน

 

ขาวๆนี่สิ มันขาวเสียจนแทบทำวู่หยานรู้สึกตาบอด ยังมีซาลาเปาน้อยๆสองลูกน่า

 

ลิ้มลองนี่อีก และกลิ่นตัวหอมสดชื่นแบบเด็กๆที่ลอยเข้ามาแตะจมูกเขา

 

รู้สึกตัวมันเย็นๆคินุฮาตะก็เข้าใจสภาพในตอนนี้ของตัวเอง ในใจเธอทั้งอับอาย

 

และโกรธเคือง นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอโดนผู้ชายเห็นตอนตัวล่อนจ้อนแบบนี้………

 

คินุฮาตะกำลังจะยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองจากสายตาแข็งกร้าวของวู่หยาน

 

แต่เธอยังไม่ทันได้ขยับเขาก็จับมือทั้งสองของเธอไปขึงไว้เหนืออีกแล้ว……….

 

“…อึ้ก…..นายมัน…เลวที่สุด…..”

 

ถึงแม้จะรู้ว่าพูดไปก็ไม่อาจเปลี่ยนชะตากรรมที่ต้องเสียตัวได้ แต่คินุฮาตะก็อดที่

 

จะด่าไม่ได้อยู่ดี

 

ทางวู่หยานก็กำลังชื่นชมเรือนร่างของคินุฮาตะที่ไม่เห็นเสียนาน จากนั้นเขาก็มอ

 

หน้าเธอแล้วหัวเราะใส่

 

“คินุฮาตะจัง ยังคิดที่จะขัดขืนอีกเหรอ? เปล่าประโยชน์น่า เปล่าประโยชน์ ยอม

 

แพ้เสียเถอะ ถ้าเธอยอมเป็นเด็กดีว่าง่ายๆล่ะก็ ฉันสัญญาว่าจะทำ ‘เบาๆ’ ให้นะดี

 

เปล่า~ ~ ~”

 

ได้ยินแบบนี้ คินุฮาตะก็ถลึงตามองแล้วร้องว่า “นายหมายความว่าไงที่ให้โครต

 

ยอมแพ้น่ะ? ถ้าฉันไม่ต่อต้าน มันก็ไม่ใช่บอกว่าฉันสมยอมนายรึไง?”

 

สีหน้าวู่หยานกลานเป็นกระอักกระอ่วน “นี่เธอยังรู้ตัวอยู่สินะว่าตัวเองกำลังโดน

 

จับกดน่ะ? แล้วยังมีหน้ามาพูดเถียงฉอดๆงี้อีกนะ…….”

 

คินุฮาตะสะดุ้งตกใจ ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆด้วยสีหน้ารู้แจ้ง “ใช่แล้ว! ฉันกำลัง

 

โดนจับกดอยู่ มันไม่ใช่เวลามาพูดอะไร…….”

 

จากนั้นคินุฮาตะก็เบิกตากว้างมองวู่หยานด้วยความสงสัย “เดี๊ยวสิ ไม่ใข่ว่านายก็

 

กำลังเล่นเป็นฝ่ายจับกดอยู่เหรอ? แล้วนายยังมีเวลามาคุยกับโดนกดด้วย?”

 

วู่หยานอ้าปากอย่างตกใจ “ใช่แล้ว! ฉันกำลังจับกดอยู่ แล้วดันมาพูดคุยสบายๆ

 

เสียเวลาแบบนี้อีกทำไม……..”

 

พอพูดถึงจุดนี้ ทั้งสองก็เบิกตากว้างมองกันและกันอย่างอึดอัดและไม่มีใครพูด

 

อะไรออกมาอีก………

 

มันอเมซิ่ง(amazing)มากที่เธอและเขายังมีเวลามาพูดกันแบบนี้ในตอนที่กำลังยุ่ง

 

อยู่กับการเอากัน……

 

วู่หยานเป็นฝ่ายเปิดปากพูดทำลายความเงียบก่อน “เธอ….คงไม่ใช่ว่าคิดจะพูด

 

ถ่วงเวลาหรอกนะใช่มั้ย?”

 

คินุฮาตะหน้าแข็งค้าง ก่อนจะกลายเป็นสีหน้าไม่พอใจ บ่งบอกวู่หยานอย่างอ้อมๆ

 

ว่าเขาเดาถูก………..

 

มุมปากวู่หยานบิดเบี้ยว ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมืออกไปบีบนวดหน้าเล็กๆของเธอ ทำ

 

ให้คินุฮาตะครางออกมา

 

“อ๊า ~ ~ ~ระ-ปล่อยฉันเด๊ยวนี้ อื้ออ ~ ~ ~”

 

วู่หยานเมินคำพูดคินุฮาตะ เขากำลังจดจ่อไปกับการเล่นร่างกายโลลิ วู่หยานแล่บ

 

ลิ้นออกมาแล้วเริ่มเลียตัวเธอ

 

“อ๊ายย ~ ~ ~ งื้อออ ~ ~”

 

คินุฮาตะผู้ซึ่งไม่เคยเจอการโจมตีแบบนี้เธอจึงเกร็งตัวและขบริมฝีปากแน่น เธอ

 

สัมผัสได้ว่ายิ่งเขาเลียตัวเธอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึก่าร่างกายตัวเองมันกลายเป็น

 

แปลกไป

 

แปลกแต่คุ้นเคยซึ่งมาจากส่วนลึกในตัวของคินุฮาตะได้เริ่มระเบิดออกมา ที่บอก

 

ว่ามันแปลกแต่คุ้นเคยก็เพราะเธอเคยเจอความรู้สึกแบบนี้มาแล้วหนึ่งครั้ง……….

 

วันนั้น หลังที่แพ้ให้กับวู่หยาน ความรู้สึกที่โดนเขาจับทั่วเธอก็ได้ย้อนเข้ามาในหัว

 

เธอ………

 

วู่หยานเอามือไปตรวจสอบน้องสาวของคินุฮาตะที่ยังไม่มีหญ้าขึ้น ไม่นานเขาก็

 

พบว่าเธอพร้อมแล้ว รู้แบบนี้วู่หยานก็เริ่มปลดเสื้อผ้าตัวเองด้วยความเร็วระดับ

 

ก๊อด จากความเร็วนี่จะเห็นได้ทักษะการถอดชุดของเขาได้พัฒนาไปจนถึงขอบเขต

 

อันเกินจินตนาการแล้ว!

 

เมื่อน้องชายของวู่หยานโผล่ออกมาตรงหน้าเธอ คินุฮาตะก็ตื่นตระหนกทันทีเธอ

 

กรีดร้องออกมา จากนั้นไม่รู้ว่าเธอไปเอาแรงมาจากไหนคินุฮาตะก็ได้ผลักวู่หยานอ

 

อกไปแล้วคลานหนี!

 

เพิ่งคลานไปได้ไม่กี่ก้าวเธอก็คลานต่อไม่ได้แล้ว เป็นเพราะเอวน้อยๆของเธอได้ถูก

 

มือทั้งสองของวู่หยานล็อคไว้!

 

วินาทีต่อมา คินุฮาตะก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรแข็งๆมาทิ่มตรงก้นเธอ…….

 

“ม่ายยย!!”

 

ตระหนักได้ว่าตัวเองหนีไม่รอด เธอก็ร้องออกมาเป็นครั้งสุดท้าย โดยที่ในเจอก็พูด

 

บอกลาความสาวของเธอด้วยน้ำตานองหน้า…….

 

เสียงกลืนน้ำลายดังออกมาจากคินุฮาตะ จากนั้นวู่หยานก็โยกเอวเข้าไป ตามมา

 

ด้วยเสียงร้องของคินุฮาตะ

 

อะไร…ทำไมมันถึงได้…..โครตเจ็บแบบนี้?…..

 

คินุฮาตะขมวดคิ้วแน่น ปากก็ร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายเกร็งแน่นไม่กล้าขยับ

 

แม้แต่น้อย จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าความเจ็บที่เธอได้รับมันเยอะมาก…….

 

คินุฮาตะกัดปากข่มกลั้นน้ำตาที่ใกล้จะไหลเต็มที เธอจะร้องไม่ได้เด็ดขาด ด้วยนิ

 

สับดื้นรั้นทำให้เธอไม่อณุยาติให้ตัวเองร้องไห้เพียงเพราะเจ็บ…….

 

ที่น่าโมโหคือความเจ็ยมันมาเร็วแต่ดันหายช้า ทว่าด้วยความที่ยังเป็นเด็กอายุ12

 

ทำให้คินุฮาตะควบคุมความเจ็บด้วยการสะกดจิตตัวเอง…..

 

“ไม่เจ็บ….มันไม่เจ็บ….โครตไม่เจ็บเลยซักนิด…….”

 

ได้ยินเสียงพูดพึทพำของคินุฮาตะ วู่หยานก็ส่ายหน้าอย่างขบขัน จากนั้นเขาก็ก้ม

 

ตัวแนบจิดไปกับหลังเธอแล้วกระซิปข้างหูว่า

 

“ถ้ามันเจ็บเธอก็ปล่อยมันออกมา เชื่อฉันสิ มันจะรู้สึกดีสุดยอดเลยล่ะ~ ~ ~”

 

ได้ยินคินุฮาตะก็หันไปถลึงตาใส่วู่หยาน “นายไอ้เลว ไอ้โครตโรคจิต นายทำกับฉัน

 

แบบนี้แล้วยังกล้ามาล้อฉันเล้นอีกนะ……”

 

วู่หยานหัวเราะแห้งๆ แล้วหุบปากไม่พูดต่อ เอาจริงๆมาพูดกวนเธอในเวลาแบบนี้

 

มันก็ไมควรจริงนั่นแหละ……..

 

ทว่าคินุฮาตะที่โดนวู่หยานแหย่กลับเริ่มรู้สึกว่าความเจ็บมันได้หายไปเยอะมาก

 

ทำใหคิ้วที่ผูกอยู่คลายออก แต่พริบตาต่อมาเธอก็หน้าแข็งทื่อเมื่อรู้สึกถึงความว่าง

 

เปล่าในช่องท้องน้อย

 

ความรู้สึกว่างเปล่านี่ได้ทำให้อดที่จะเกิดความอยากต่อตัววู่หยานไม่ได้ คินุฮาตะ

 

ต้องการเปิดปากพูด แต่จู่ๆเธอก็ตระหนักไดว่าตัวเองเป็นเหยื่อนะ แล้วเหยื่อจะไป

 

พูดขอเองได้ไงล่ะ?…….. (คือขอให้วู่หยานขยับเอวสักที)

 

ด้วยเหตุนี้จิตใจของคินุฮาตะจึงเริ่มแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายตีกันไปมายุ่งเหยิง………

 

ถ้าวู่หยานรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงจะกรอกตามองบนใส่ ในเวลาแบบนี้เธอ

 

ยังมาคิดเรื่องพรรณ์นี้ได้อีก? อย่าบอกนะว่าเธอเป็นพวก

 

วู่หยานไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ก็จริง แต่เขารู้อย่างคือตอนนี้เขาอดทนไม่ไหวอีก

 

ต่อไปแล้ว โดยไม่สนว่าเธอยังเจ็บอยู่หรือไม่ วู่หยานก็ได้บดสะโพกใส่ร่างกายเล็กๆ

 

ของเธอ!

 

“อ๊ายย~~~”

 

คินุฮาตะครางเสียงยาวด้วยความสุข ความรู้สึกว่างเปล่าเมื่อกี้ในที่สุดก็โดนเติม

 

เต็มจนได้ ทว่าเสียงครางนี่ของเธอก็เปรียบดังแตร่ลั่นสงครามด้วย หลังจากเธอ

 

หยุดครางก็ตามมาด้วยเสียงเนื้อชนเนื้อแบบเน้นๆและเสียงครางดังบ้างเบาบ้าง

 

…….

บทที่ 292 Lucky Day ของวู่หยานล่ะ!

 

มิซากิ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ มองวู่หยานหิ้วคินุฮาตะเข้าห้องไปตาค้าง

 

จนกระทั่งเสียงปิดประตู ‘ปัง!’ดังออกมาทั้งสามถึงได้สติ

 

ต่อให้คนโง่ยังดูออกว่าวู่หยานคิดจะทำอะไร ยิ่งไม่พูดถึงมันสมองระดับสามสาว

 

บวกกับคำพูดกำกวมก่อนหน้านี้ของเขา มันจึงเดาได้ไม่ยากเลย……..

 

แต่เอาจริงๆนะ เห็นเขาลากสาวเข้าห้องไปแบบนั้น แล้วถ้าเจ้าตัวมาบอกทีหลังว่า

 

ไม่ได้ทำอะไรเลย มันไม่มีใครเชื่อหรอก……….

 

มิซากิกัดฟันแน่นอย่างขมขื่น แล้วปล่อยเสียงเย็นชา ‘ฮึ่ม!’ แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร

 

แม้ว่าวู่หยานจะพาสาวคนอื่นเข้าห้องต่อหน้าเธอ เธอสามารถเดาจากคำพูดเมื่อกี้

 

ว่าเขายังจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างก่อนถึงจะไปจากโลกนี้ได้

 

แต่ไอ้ธุระที่ว่ามันคือการนอนกับผู้หญิงงั้นเหรอ?

 

จริงสิ พวกเธอ……..

 

นัยน์ตาดวงดาวตวัดไปมองตัวเฟรนด้าและทาคิสึโบะ จากนั้นไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรได้

 

มิซากิก็ตาเป็นประกายแม้กระทั่งมุมปากยังโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยม

 

ขณะที่มองดูคินุฮาตะโดนลากเข้าห้อง ทันใดนั้นเองเฟรนด้ากับทาคิสึโบะก็รู้สึก

 

เย็นสันหลังวาบราวกับโดนนักล่าจ้อง ทั้งสองเลิกมองห้องวู่หยานทันที แล้วหัน

 

ซ้ายหันขวาพยายามหาที่มาของความรู้สึกไม่ดีนี่

 

ทว่าในเวลานี้เจ้าของสายตาที่ทั้งสองตามหา มิซากิกำลังแอบยิ้มมอง เฟรนด้ากับ

 

ทาคิสึโบะ จากนั้นหันไปมองห้องวู่หยาน แล้วหยิบรีโมคควบคุมออกมาอย่างเงียบ

 

วินาทีต่อมาเธอก็กดใส่โดยมีเป้าหมายคือ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ…………

 

อีกด้านนึง ณ ห้องวู่หยาน………

 

“อย่าเข้ามานะ! ฉันขอเตือนคุณก่อนนะว่าฉันน่ะโครตเก่ง!!”

 

คินุฮาตะค่อยๆกระดึ๊บถอยเข้าไปข้างในเตียง ในขณะเดียวกันวู่หยานก็คลานเข้า

 

ไปหา มองดูเขาใกล้เข้ามาหัวใจน้อยๆของเธอก็เต้นโครมครามทำให้สีหน้าเธอ

 

ค่อยๆแดงขึ้น คินุฮาตะทำได้แค่ส่งเสียงขู่ฟ่อๆราวกับแมวทว่าน้ำเสียงมันไม่ได้แข็ง

 

กร้าวเลยกลับมันอ่อนแอมาก………

 

วู่หยานได้ยินคำขู่คินุฮาตะเขาก็ขำก๊ากแล้วส่ายหัว จากนั้นหยุดเข้าใกล้เธอแล้วยก

 

มือกอดอกมองดูสาวน้อยที่ขดตัวเข้าไปในเตียงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

 

คินุฮาตะเองก็หยุดพูด เธองุนงงว่าทำไมเขาถึงหยุดทั้งที่เธอเองก็ขู่ไปงั้นๆแท้ๆ

 

อย่าบอกนะว่าจู่ๆเขาก็เห็นแสงแห่งธรรมน่ะ?…….

 

ขณะที่คินุฮาตะคิดถึงตรงนี้ วู่หยานก็หัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นกระโจนตัวใส่

 

เธอราวนักล่า!

 

คินุฮาตะหน้าถอดสีด้วยความตกใจ เธอร้องออกมาแล้วรีบถอยหลัง ทว่าครั้งนี้เธอ

 

ขยับตัวช้าเกินไป วินาทีต่อมาวู่หยานก็ได้กระโจนขึ้นมาคร่อมตัวเธอแล้ว!

 

กลิ่นอายอันเข้มข้นของผู้ชายได้ตีเข้าไปในจมูกคินุฮาตะและเธอยังรู้สึกได้ถึง

 

น้ำหนักตัวเขาที่กดทับลงร่างกายบอบบางนี้ ทั้งหมดนี่ได้ทำให้เธออึ้ง

 

“ปล่อยฉันนะ!!!”

 

คินุฮาตะดิ้นดุกดิกปากก็ตะโกนใส่เขา แต่น่าเสียดาย วินาทีต่อมาฝ่ามือของวู่

 

หยานก็ได้เข้ามารวบมือทั้งสองของเธอขึ้นไปบนหัว……..

 

“ช่วยด้วยยยย! โครตช่วยด้วยเฟรนด้า! ทาคิสึโบะ! รีบมาช่วยฉันเร็วเข้า!!!”

 

รู้สึกได้ว่าตัวเองหมดหนทางรอด ความกลัวในใจเธอจึงได้เพิ่มพูนขึ้น จนในที่สุด

 

เธอก็อ้าปากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง

 

ถ้าเป็นในยามปกติ กลยุทธ์นี้ของคินุฮาตะย่อมได้ผล เพราะยังไงซะ พวกฮินางิคุก็

 

ไม่มีทางอยู่เฉยเมื่อมีคนร้องขอความชวยเหลือในบ้านตัวเองหรอก

 

เพียงแต่ตอนนี้ มิโคโตะกำลังซ่อนตัวอยู่ในห้องด้วยความอับอาย ฮินางิคุ แอสเท

 

รีย และ อิคารอสก็ได้เข้ามาอยู่ในห้องด้วย ด้วยเหตุนี้ในเวลาอันสั่นพวกเธอย่อม

 

ไม่ได้ยินเสียงของคินุฮาตะ

 

ถ้าคินุฮาตะตะโกนต่อไป ท้ายที่สุดสาวๆคนอื่นย่อมเข้ามาช่วยแน่นอน แต่….คิด

 

เหรอว่าวู่หยานจะปล่อยให้เธอตะโกนต่อน่ะ?

 

วู่หยานเลียปากแล้วหัวเราะ จากนั้นก้มหน้าลงเอาปากตัวเองข้าไปปิดริมฝีปาก

 

น้อยๆที่กำลังร้องอยู่ของเธอ ผลก็คือเสียงร้องหาบแว่บ!

 

คินุฮาตะเบิกตากว้างทันที ในใจเธอได้ร้องไห้น้ำตานองหน้า นี่เป็นครั้งที่สองนะ

 

จูบครั้งที่สองของเธอก็ยังโดนไอ้บ้านี่ฉกเอาไปอีกเหรอ? โอ้ สวรรค์ ทำไมท่านถึง

 

ต้องประทานเรืองร่างอันงดงามนี่มาให้ฉันด้วย? เห็นมั้ยตอนนี้ฉันโดนไอ้หมาป่านี่

 

จับกินแล้ว……

 

คินุฮาตะเริ่มคิดอะไรไปเรื่อยด้วยผลของหัวใจที่ปั่นป่วน ขณะเดียวกันลิ้นของวู่

 

หยานก็ได้บุกทะลวงฝ่านด้านฟันที่ปิดแน่นของเธอเข้าไปราวกับจอมมารไร้เทียม

 

ทาน(ด้านบนเตียง) จากนั้นเขาได้ทำให้ลิ้นน้อยๆของเธอกลายเป็นเฉลยศึกของ

 

เขา ลิ้นของวู่หยานได้เข้าไปพันเกี่ยวรอบๆลิ้นเธอ………

 

ความรู้สึกดีๆได้ไหลบ่าเข้าไปในจิตใจคินุฮาตะอย่างรวดเร็ว ทำให้หัวใจที่แข็งแกร่ง

 

ของเธอสั่นไหวถึงแม้เธอจะเคยดูหนังเกรดBมามากมากแล้วก็เถอะ

 

นัยน์ตาเธอเริ่มทีชั้นหมอกบางๆปรากฏขึ้น เธอแทบจะเสีบการควบคุมให้กับรส

 

จูบอันเร้าร้อนนี้ เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเธอเริ่มร้อนขึ้นคินุฮาตะก็ตัดสินใจกัดฟันเข้า

 

ให้!

 

ทว่าชั่ววินาทีที่คินุฮาตะกำลังจะงับ เธอก็ได้สูญเสียเรี่ยวแรงไป…….

 

เหตผุลน่ะเหรอ? แน่นอนว่าคือมือมารของวู่หยานที่บัดนี้ได้เลี้อยเข้าไปในเสื้อคินุ

 

ฮาตะแล้วฉกลงบนซาลาเปานุ่มนิ่ม!

 

เดิมทีมือสองข้างของวู่หยานกำลังจับขึงมือทั้งสองของคินุฮาตะอยู่ ทว่าในตอนนี้

 

มือที่มันได้เหลือเพียงข้างเดียว ส่วนอีกข้างแน่นอนว่าได้เข้าไปละเล่นบนร่างกาย

 

เด็กน้อยของเธอแล้ว!

 

“มูวว…อื้ออ….”

 

สัมผัสได้ว่าหน้าอกตนกำลังโดนบีบเป็นจังหวะ คินุฮาตะก็ได้เบิกตากว้างอีกครั้ง

 

และชั้นหมอกในตาของเธอก็เพิ่มขึ้น บนหน้ามีแต้มสีแดงจางๆปรากฏขึ้น ปากก็

 

อ้าๆหุบๆเป็นปลาทอง ความน่ารักเอาไป10แต้ม………..

 

แม้ว่าเขาจะเคยลองรสชาติของโลลิไปคนนึงแล้ว แต่ตอนนี้วู่หยานก็ยังอดใจเต้น

 

ไม่ได้ เฟรนด้าก็มีเสน่ห์เฉพาะของเธอ แทบทุกอย่างของเธอเป็นโลลิหมด และเธอ

 

ยังมีใบหน้าที่น่ารักและนิสัยที่ชอบทำแอ๊บแบ๊วไปทั่ว ทั้งหมดนี่ได้ทำให้วู่หยานเอ็น

 

จอยมาก

 

ทว่าคินุฮาะนั่นมีรสชาติต่างออกไปจากเฟรนด้า ทำวู่หยานเกิดความรู้สึกอยาก

 

ลองของใหม่มาก

 

โดยเฉพาะ……ขาอ่อนอันยั่วยวนคู่นั่นของเธอ……..

 

ตอนเช้านอนกับควีนซามะ ส่วนบ่ายก็มานอนกับโลลิน้อย วู่หยานเริ่มคิด ทำไมตูดู

 

ชั่วจังว่ะ?……..

 

แต่กับความชั่วในวันนี้ของตน วู่หยานไม่เพียงไม่รู้สึกผิด กลับกันเขาคิดว่าวันนี้

 

เป็นวันที่โชคดีมาก เขาชอบการละเล่นบนเตียงแบบนี้ที่สุดอยู่แล้ว!

 

อย่างที่ว่ามา ไม่นานนักวู่หยานเราก็เริ่มไม่พอใจกับแค่จับหน้าอก เขาปล่อยมือ

 

ออกมาจากซาลาเปาขาวๆของเธอ นี่ทำให้คินุฮาตะโล่งอกอย่างอดไม่ได้ ทว่าเธอก็

 

ไม่ได้โล่งนานนัก

 

การที่เขาปล่อยมือมันไม่ได้หมายความว่าเขาเลิกแล้ว อนึ่งวู่หยานมีกระบวนการ

 

คิดง่ายๆอยู่อย่าง คือถ้าหนึ่งอันยังไม่สาแก่ใจ งั้นก็เพิ่มไปอีกข้างสิ……..

 

ด้วยความคิดสุดเรียบง่ายอันนี้ มือของวู่หยาก็ได้จับหน้าอกเธอทั้งสองข้างพร้อม

 

กัน แล้วเริ่มบีบนวดพวกมันเป็นรูปร่างต่างๆ!

 

คินุฮาตะรู้สึกราวกับกระดูกเธอได้ละลาย ต่อให้ไม่อยากยอมรับแตเธอก็ต้อง

 

ยอมรับ ทักษะการใช้มือของเขามันดีมาก หลักฐานก็คือความรู้สึกของเธอ

 

ในตอนนี้……..

 

ร่างกายค่อยๆร้อนขึ้น ตาของคินุฮาตะเริ่มเบลอ แรงในการดิ้นเริ่มอ่อนลง ในเวลา

 

นี้แรงที่เหลือทั้งหมดได้มารวมตัวกันที่ปากเธอเพื่อใช้ในการคราง……..

 

ตอนนี้เองวู่หยานก็ได้ถอนมือออกมาจากเสื้อคินุฮาตะ จากนั้นเขาก็ถอดชุดเธอ

 

ออกด้วยความเร็วแสง………

บทที่ 291 ชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงของคินุฮาตะล่ะ!

 

เมื่อมิโคโตะ ฮินางิคุ แอสเทรีย และ อิคารอส จากไปห้องก็ดูกว้างขึ้นทันตา คนที่

 

เหลืออยู่คือคนที่ต้องไปจากโลกนี้กับเขา

 

บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้อิคารอสถึงได้ลังเล เธออยากอยู่ต่อกับวู่หยาน แต่ไม่

 

อยากรบกวนตอนเขาจัดการกับ มิซากิ คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ

 

ดังนั้นอิคารอสถึงได้ไป วู่หยานพอเดาความคิดเธอได้ในใจเขายกยิ้มเอ็นดู เขาควร

 

จะให้ความรักกับอิคารอสมากกว่านี้……

 

จู่ๆมิซากิก็พูดขึ้นมาว่า “ผู้หญิงคนเมื่อกี้ อิคารอส เธอสามารถอ่านอารมณ์ได้งั้น

 

เหรอ?……”

 

ภายใต้สายตาสงสัยของมิซากิ วู่หยานส่ายหน้า “ไม่ มันไม่ใช่การอ่านอารมณ์

 

อะไรนั่นหรอก แค่บางอย่างในตัวอิคารอสมันผิดปกติเล็กน้อย……”

 

มองตามทิศทางที่อิคารอสเดินหายไป วู่หยานพูดด้วยเสียงอบอุ่น “เธอค่อนข้าง

 

ซื่อบื้อในด้านอารมณ์น่ะ มันมีอะไรหลายอย่างที่เธอยังไม่เข้าใจ…….”

 

“แต่ว่านะ……”

 

“อิคาอรสก็ยังคงพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเปลี่ยนตัวเอง จริงๆมันไม่จำเป็นต้อง

 

เปลี่ยนเลย เพราะฉันชอบตัวเธอที่เป็นแบบนี้มากที่สุดอยู่แล้ว!”

 

มิซากิพยักหน้าหลังจากเข้าใจบางอย่าง จากนั้นหันมามองเขาแล้วหัวเราะ

 

“พูดแบบนี้ต่อหน้าฉัน นายไม่กลัวเลยเหรอว่าฉันจะหึงนะ?”

 

วู่หยานหันมามองมิซากิแล้วยิ้มอ่อนให้ “ไอย๊ะ เชิญตามสบายเลยควีนซามะ ฉัน

 

เองก็อยากเห็นเธอตอนหึงเหมือนกัน…….”

 

มิซากิทำเสียง ‘เชอะ’แล้วหันหน้าไปอีกทางจากนั้นพูดด้วยเสียงไม่พอใจ “อะไร

 

เล่า คิดว่าฉันหึงบ้างไม่เป็นรึไง? นายชมผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าฉันอยู่นะ……”

 

“ครับๆ รู้แล้ว…..”

 

มิซากิยิ่งไม่พอใจเมื่อได้ยินเสียงตอบแบบไร้อารมณ์ของเขา แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะ

 

ได้บ่น วู่หยานก็พูดมาก่อนว่า “ใช่แล้ว เรื่องฟรานเป็นไงบ้าง?”

 

ได้ยินนัยน์ตามิซากิก็หดตัวทันที เธอมองไปยังฟรานตรงอกวู่หยานที่ได้นอนหลับ

 

ลึกไปแล้วเพราะพลังเธอด้วยสายตาซับซ้อน “นายไม่ต้องเป็นห่วงเธอโอเคแล้ว

 

ถึงแม้ว่าจิตใจเธอจะไม่เสถียรก็จริง แต่ว่าพอเวลาผ่านไปเธอก็จะค่อยๆกลับไป

 

เป็นเด็กสาวธรรมดาเอง”

 

อารมณ์แรกของวู่หยานคือตกใจก่อนจะตามมาด้วยความสุข เขากอดฟรานในอก

 

แน่นแล้วพูดด้วยสีหน้าเบิกบาน “ขอบคุณนะ ควีนซามะ!”

 

มิซากิอึ้งไป เธอไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ทำอะไร

 

ทั้งนั้น”

 

“ไม่ได้ทำอะไร?” วู่หยานจ้องหน้ามิซากิดว้ยความสงสัย หลังจากมองจนแน่ใจว่า

 

เธอไม่ได้เล่นตลก เขาก็ขมวดคิ้วมองฟรานในอก

 

“ไม่ได้ทำอะไรแล้วทำไมเธอถึงบอกว่า เวลาผ่านไปสภาพจิตฟรานจะกลับเป็น

 

ปกติเองล่ะ?”

 

มิซากิมองฟรานทีนึงแล้วยกมือขึ้นลูบผมบลอนด์ทองของตัวเอง “เดิมทีเด็กคนนี้ที่

 

ชื่อฟราน เป็นเพราะมีพลังมากเกินไป มันได้ครอบงำจิตใจที่ยังไม่เติบโตของเธอ

 

ทำให้สภาพจิตของเด็กคนผิดปกติเล็กน้อย…..”

 

“แต่ว่าตอนนี้นายได้ผนึกพลังเธอไปแล้ว และพอไม่มีพลังที่เป็นภาระมหาศาลนั่น

 

เธอก็จะค่อยๆฟื้นฟูขึ้นมาเอง มันก็เหมือนบ่อน้ำพุร้อนที่โดนอุดไว้นั้นแหละ พอ

 

เอาที่อุดออกน้ำก็จะไหลกลับมาเอง สภาพจิตของเธอจะดีขึ้นเรื่อยๆตามวันเวลา

 

จนสุดท้ายก็กลับมาเป็นปกติ!”

 

ได้ยินแบบนี้ วู่หยานก็หัวเราะ ทว่าไม่นานนักเขาก็นึกถึงฟรานที่หลับสนิทในแขน

 

เขาจึงรีบหยุดหัวเราะ

 

“ดี! ดีจริงๆ!”

 

มิซากิมองฟรานที่หลับอย่างสบาย เธอก็ถอนหายใจ “ยากที่จะเชื่อจริงๆว่าภายใน

 

ตัวเด็กคนนี้จะมีพลังน่ากลัวแบบนั้นอยู่ บางทีต่อให้รวมเลเวลห้าทั้งหมดมาก็คง

 

ยันเธอไว้ได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยมั้ง? พลังที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่งอย่าง ‘The

 

Eyes’ สินะ? น่าสะพรึงกลัวจริงๆ……..”

 

“นี่เธอรู้มากถึงขนาดนี้เลย?”

 

มิซากิมองบนใส่วู่หยาน จากนั้นเรียกคืนด้านควีนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจขึ้น

 

แล้วพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ “แน่นอนว่า ถึงพลังของฟรานจะทรงพลังมากแต่ก็โดน

 

ผนึกไปแล้ว บวกกับจิตใจที่ไม่มั่นคงทำให้ฉันเจาะเข้าไปข้างในได้ง่ายมากๆ ก็

 

อย่างที่ว่ามาตอนนี้ฉันได้รู้ทุกอย่างที่เธอรู้แล้ว!”

 

“เรื่อง เก็นโซเคียว เธอก็รู้เหรอ?”

 

เห็นมิซากิพยักหน้า วู่หยานลังเลชั่วครู่แล้วถามต่อด้วยน้ำเสียงกังวล “แล้วเอ่อ….

 

เรื่องของฟรานในเก็นโซเคียวเธอก็รู้ด้วย?”

 

มิซากิมองหน้าวู่หยาน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน “นายคงไม่ใช่กำลังคิดว่าฉัน

 

จะกลัวเพราะแค่รู้ว่าฟรานเป็นแวมไพร์และก็เรื่องที่ฟรานเคยเล่นกับคนจนตัว

 

ระเบิดหรอกนะ?”

 

วู่หยานหัวเราะแหะๆอย่างอึดอัด “รู้จริงๆด้วย…..”

 

มิซากิมองบนใส่วู่หยานแล้วถอนหายใจ “รู้อะไรมั้ย? พวกนักวิจัยในเมืองแห่ง

 

การศึกษาที่จับผู้มีพลังจิตไปเป็นหนูทดลองมันแย่ยิ่งกว่าฟรานอีกนะ ฉันได้มองดู

 

สิ่งเหล่านี้มากจนเกินพอตั้งแต่เด็กๆแล้วด้วยพลัง Mental Out น่ะนะ…….”

 

วู่หยานเงียบทันที บางทีเธอคงจะได้เห็นด้านมืดของเมืองแห่งการศึกษามาเยอะ

 

จนใครจะคาดคิดด้วยพลังMental Outมันจึงทำให้เธอสามารถมีประสบการณ์

 

ผ่านความทรงจำของคนอื่นได้……..

 

เห็นสีหน้าของวู่หยาน มิซากิก็หัวเราะคิกคัก จากนั้นพูดด้วยเสียงหวานใส “Ara

 

อย่าบอกนะว่าหยานจังกำลังเป็นห่วงฉันอยู่น่ะ?”

 

ได้ยินมิซากิพูดล้อ สีหน้าเป็นห่วงของวู่หยานก็พังทลายทันที เขามองค้อนใส่เธอ

 

แล้วพูดว่า

 

“ถ้าเมื่อกี้ล่ะก็ใช่ แต่ว่าตอนนี้ไม่แล้ว!”

 

มิซากิเดินเข้าไปชิดตัววู่หยานแล้วยกมือคล้องคอเขา “ไม่เอาน่าอย่างอนสิ ฉัน

 

ชอบเห็นสีหน้านายตอนเป็นห่วงฉันนะ……”

 

วู่หยานปากกระตุก “เห็นฉันเป็นห่วงแล้วดันชอบอีกน่ะเธอ…..”

 

มิซากิหัวเราะร่าเริง จากนั้นก็พูดใส่เขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หยานจัง

 

เมื่อไหร่เราถึงจะไปจากที่นี่ไปยังโลกซิลวาเลียเหรอ? ฉันค่อนข้างสนใจต่างโลก

 

มากเลยนะ……”

 

วู่หยานส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ต่างโลกมันมีอะไรให้สนใจกันควีนซามะ……”

 

“ต้องมีอยู่แล้วสิ!” มิซากิพูดด้วยความไม่พอใจเล็กๆ “ตอนเราเจอกันครั้งแรก

 

นายบอกว่าโลกนั้นจะเป็นเวทีของคุณมิซากิ แลวฉันล่ะ?ไม่ได้เหรอ?”

 

ทันใดนั้นวู่หยานก็รู้สึกปวดหัวจี๊ด “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าที่เธออยากรีบไปก็เพราะจะ

 

เอาชนะมิโคโตะ?……”

 

“แล้วตกลงไปเมื่อไหร่?”

 

“เห้อ ถ้าเธออยากรีบไปขนาดนั้น ก็ต้องดูความร่วมมือของคนๆนึงก่อนล่ะนะ

 

…….”

 

พูดเสร็จ วู่หยานก็ตวัดสายตาไปมองยังโลลิน้อยที่กำลังแอบย่องหนี สาวเจ้ารู้สึก

 

ได้ถึงสายตาที่มองมาเธอก็ตัวแข็งทื่อทันที

 

แน่นอนว่าคนๆนั้นก็คือ คินุฮาตะ!

 

ไม่รู้ทำไมหลังจากที่พวกมิโคโตะทั้งสี่คนพากันเดินจาก จู่ๆคินุฮาตะก็รู้สึกสังหรณ์

 

ใจไม่ดีขึ้นมายังกับจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น!

 

กับผู้หญิงแล้วพวกเธอมักจะเชื่อในประสาทสัมผัสที่หกของตัวเอง ดังนั้นทันที่เธอ

 

รู้สึกไม่ดีคินุฮาตะก็ตัดสินใจแอบย่องหนีอย่างไม่ลังเล

 

ทว่าท้ายที่สุดเธอก็หนีไม่พ้น………

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงวู่หยานลางร้ายที่เธอรู้สึกได้มันก็ทวีคูณขึ้นในใจคินุฮาตะ โดยไม่

 

มีการลังเลเธอเปลี่ยนจากย่องเป็นวิ่งสุดชีวิตไปยังทางออก ทว่าไม่นานนักเธอก็

 

รู้สึกได้ว่าเท้าตัวเองกำลังวิ่งอยู่ในอากาศ (โดนยกตัว)

 

ด้วยความสิ้นหวัง คินุฮาตะได้ดิ้นไปมาสุดชีวิต ปากก็ร้องว่า “ปล่อยฉัน!ไอ้โครต

 

โรคจิต!!”

 

ได้ยินวู่หยานก็ยิ้มทั้งที่กัดฟัน “คุณหนูคินุฮาตะ วันนี้ต่อให้เธอมีปีกงอกออกมาก็

 

อย่าหวังว่าจะหนีรอดได้เลย……….”

 

จากนั้นโดยไม่สนคินุฮาตะที่สะบัดตัวดิ้นไปมา วู่หยานก็ได้เดินไปที่ห้องตัวโดยที่

 

มือก็ยังคอเสื้อเธอไปด้วย……

 

เห็นฉากนี้เฟรนด้าก็ตบหน้าอกตัวเองด้วยความยินดี ทว่าวินาทีต่อมาเธอก็นึกออ

 

กว่าตัวเองโดนวู่หยานจับกดไปล้วนี่หว่า……

 

ทาคิสึโบะยืนอึ้งมองคินุฮาตะโดนลากไปที่ห้อง เมื่อเธอตระหนักได้ว่าเขาจะทำ

 

อะไรเธอก็หน้าขึ้นสี………

บทที่ 290 วิถีแห่งการกำราบเมียล่ะ!

 

ต้องพูดเลยว่าครั้งนี้วู่หยานคำนวณผิดไปจริงๆ แต่ว่าในอีกแง่นึงนี่ก็ช่วยแก้ปัญหา

 

ให้เขาเหมือนกัน……

 

ที่บอกว่าคำนวณผิดไปก็คือเขาไม่คิดว่าควีนซามะจะแอบถ้ำมองความทรงจำฟ

 

รานส่วนที่ระบบมันส่งเข้าไปให้เธอตอนอัญเชิญ…….

 

และส่วนที่บอกว่านี่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาให้ก็คือตัว มิซากิ คินุฮาตะ เฟรนด้า และ

 

ทาคิสึโบะ

 

ต้องรู้ก่อนว่าภารกิจสุดท้ายของเขาคือการจับกดผู้หญิงให้ได้สามคนหรือมากกว่า

 

และพาออกไปจากโลกนี้

 

ในเวลานี้เขาได้กินอย่างเร้าร้อนไปสองคนแล้ว แต่เขายังไม่เจอโอกาสดีๆอธิบาย

 

เรื่องราวของตัวเองเลย

 

ทว่าในตอนนี้เองควีนซามะก็ได้ให้โอกาสนั่นกับวู่หยาน โอกาสที่ให้เขาอธิบายทุก

 

อย่างกับทุกคนโดยตรง ดังนั้นในอีกแง่มุมเธอก็ได้ช่วยแก้ไขปัญหาของเขา…….

 

ณ ห้องรับแขกอันกว้างใหญ่ มิซากิ คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ ทั้งสี่สาว

 

ฟังวู่หยานอธิบายที่มาของตน ยกเว้นมิซากิที่แอบมองความทรงจำฟรานไปไม่มาก

 

ก็น้อยทำให้หลังจากฟังเธอจึงสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วจะมีก็แค่ความ

 

ประหลาดใจอยู่ชั่วครู่และถอนหายใจ แต่กรณีสามสาวนั่นเพิ่งได้ฟังเป็นครั้งแรก!

 

ผลคือ…..ช็อคจนพูดไม่ออกไปแล้ว

 

กับทั้งสามแล้วเรื่องที่ได้ฟังมันดูเหลือเชื่อเกินไป!

 

ระบบเอย ต่างมิติเอย โลกซิลวาเลียเอย โลกดันเจี้ยนเอย ทั้งหมดทั้งมวลนี้แทบ

 

ทำให้หัวเล็กๆของพวกเธอลัดวงจร

 

พูดตามตรง คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ นั่นไม่เต็มใจเชื่อคำพูดวู่หยาน

 

อย่าลืมว่าที่นี่คือเมืองแห่งการศึกษ! เมืองที่ยืดมั่นในวิทยาศาสตร์!

 

ทว่าเมื่ออิคารอสกับแอสเทรียโชว์ปีกออกมา แม้แต่ฟรานเองก็ยังงัดเอาปีกคริสตัล

 

และหางออกมา แน่นอนว่านี่ย่อมทำให้ทั้งสามสาวช็อคจนตัวนิ่งไม่ไหวติง ส่วนมิ

 

ซากิที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกเธอก็ยกมือปิดปากด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก

 

“งั้นทั้งหมดที่คุณพูดมาก็คือเรื่องจริงสินะค่ะ?”

 

คินุฮาตะเบิกตากว้างมองฮินางิคุกับมิโคโตะ ถ้าวู่หยานเป็นคนพูดต่อให้ตีให้ตาย

 

เธอก็จะไม่เชื่อเด็ดขาด จากตรงนี้จะเห็นได้เลยว่าค่าความไม่ชอบต่อตัววู่หยานข

 

องคินุฮาตะนั่นสูงแค่ไหน

 

แต่พอเปลี่ยนคนพูดเป็นฮินางิคุกับมิโคโตะเธอก็เชื่อทันที!

 

เป็นเพราะเธอรู้ว่าวู่หยานมันเชื่อถือไม่ได้ แต่ฮินางิคุกับมิโคโตะน่ะต่างออกไปสอง

 

คนนี้เชื่อได้

 

เห็นทั้งสองคนพยักหน้า คินุฮาตะก็ยกมือจับหัวแล้วเดินเซด้วยสีหน้าประมาณว่า

 

‘โลกนี้จบสิ้นแล้ว’ ดูเหมือนว่าเธอยังจำเป็นต้องใช้เวลาในการยอมรับ……..

 

ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งคำพูดของวู่หยานก็ได้ทำลายโลกที่รี่พวกเธอรู้จักจริงๆน่ะ

 

แหละ ไม่สิถ้าพูดให้ถูกคือ โลกข้างนอกมากกว่า……

 

“สรุปก็คือ…..” คินุฮาตะหันไปมองวู่หยานด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

 

“วันหนึ่งคุณก็จะไปจากโลกนี้สินะคะ? ใช่มั้ย?”

 

วู่หยานพยักหน้า เห็นแบบนี้คินุฮาตะก็แทบจะกระโดดฮูเร่ด้วยความสุข ในใจเธอ

 

น้ำตาไหลพรากๆ ในที่สุดก็จะได้เป็นอิสระจากไอ้ปีศาจนี่แล้วเรา!!!

 

เห็นสายตาตื่นเต้นของคินุฮาตะ มีหรือที่วู่หยานจะไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร?

 

ดังนั้นเขาจึงพูดใส่ด้วยรอยยิ้มว่า “ถูกต้องวันหนึ่งพวกเราก็จะไปจากโลกนี้ แต่ไม่

 

ต้องห่วงว่าฉันจะทิ้งนะเดี๊ยวพอถึงเวลานั้นฉันก็จะพาพวกเธอไปด้วยเอง!”

 

“อะไรนะ!”

 

คินุฮาตะใจหาบวาบ เธอกระโดดขึ้นโหยงราวแมวโดนน้ำร้อน จากนั้นเธอชี้นิ้วใส่

 

หน้าวู่หยานแล้วแหกปากว่า

 

“ไอ้โครตโรคจิตนี่! อย่าบอกนะว่าตอนไปจากโลกคุณก็ยังไม่คิดจะปล่อยพวกเรา

 

ไปน่ะ?!!”

 

“น่าๆ ใจเย็นก่อน หนูน้อย……”

 

วู่หยานตบไหล่คินุฮาตะป้าบๆด้วยรอยยิ้ม “พวกเราสนิทกันจะตาย แล้วฉันจะไป

 

ทิ้งเธอได้ยังไงล่ะจริงมั้ย? ฉันไม่มีทางทิ้งเมดสุดน่ารักให้เหงาหงอยได้หรอก!”

 

“คุณสิเมด! ตระกูลคุณเป็นเมดทั้งหมด!!!”

 

ใกล้กัน เฟรนด้าถอนหายใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “ฉันรู้อยู่แล้ว รู้อยู่แต่

 

แรกแล้วว่าไอ้บ้านี้ไม่มีทางปล่อยพวกเราไปง่ายๆ”

 

ทางด้านทาคิสึโบะ รายนี้แตกต่างจากเพื่อนตัวเองคือเธอยอมรับคำพูดวู่หยาน

 

สำหรับเธอจะเป็นเมืองแห่งการศึกษาหรือที่ไหนมันก็ไม่ต่างกัน ในฐานะอดีตสมา

 

ชิคITEMเธอได้มองดูด้านมืดของเมืองนี้มาเยอะแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่มีความรู้สึก

 

อะไรให้เมืองนี้มากนัก

 

ส่วนควีนซามะของเรานั่นกำลังแสดงสีหน้าสนอกสนใจสุดๆ เธอยกหลังมือขึ้นปิด

 

ปากอย่างลูกคุณหนูแล้วพูดยิ้มๆว่า “โลกซิลวาเลียสินะ? น่าสนใจ ฉันอยากเห็น

 

ต่างโลกที่นายว่าจริงๆ……”

 

ได้ยินเธอ วู่หยานก็พูดว่า “ควีนซามะ เธอกำลังคิดจะเกาะพวกเราไปต่างโลกด้วย

 

เหรอ?”

 

“โอ้? มันไม่ดีเหรอ?” โชคุโฮ มิซากิ ปรายตามองวู่หยาน จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียง

 

ระทมใจ

 

“อย่าบอกนะว่าหยานจังคิดจะฟันแล้วทิ้งน่ะ? จับกดคนอื่นแล้วไม่คิดรับผิดชอบ

 

งั้นเหรอ?”

 

ได้ยินคำพูดมิซากิ วู่หยานก็ขนลุกคิดในใจ ‘ชิบหายแล้ว!’ แทบจะในทันที ฮินางิคุ

 

มิโคโตะ คินุฮาตะ และ เฟรนด้า สี่สาวก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ

 

“จับกด!!!”

 

ทุกคนตกใจแต่ไม่มีออกอาการรุนแรงเท่ามิโคโตะ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นเธอก็คงแค่

 

โกรธซักแป๊ป แต่นี่ไม่ใช่กับโชคุโฮ มิซากิ! คนที่ไม่ชอบที่สุด!

 

‘เปรี๊ยะ!’ เสียงไฟฟ้าดังออกมาจากมิโคโตะ ทำให้วู่หยานตัวสั่นเขาเกือบจะ

 

ควบคุมขาตัวเองไม่ให้ออกวิ่งไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆหันไปมองทางมิโคโตะ

 

ภาพที่เห็นคือตัวเธอที่อาบด้วยกระแสไฟฟ้า!

 

มิโคโตะที่ก้มหัวลงต่ำได้ชูมือที่กำแน่นขึ้นแล้วพูดเสียงมืดมน “หยาน นายไม่คิดจะ

 

อธิบายหน่อยเหรอ?”

 

วู่หยานยิ้มขมขื่น เขาชูมือขึ้นราวกับจะบอกให้มิโคใจเย็นลงก่อน ทว่าในสายตา

 

ของมิโคโตะในยามนี้การชูมือของวู่หยานมันหมายถึงเขายอมรับ! มิโคโตะเข้า

 

โหมดเบอร์เซิร์กเกอร์!

 

ได้ยินเสียงไฟฟ้ารุนแรงกว่าเดิม วู่หยานก็กัดฟันมองมิซากิที่กำลังมองคนอื่นมีทุกข์

 

อย่างมีความสุข จากนั้นมองดูมิโตะที่ราวกับจะวิ่งมาสับหัวเขาได้ทุกวินาที หัวใจวู่

 

หยานเต้นโครมคราม จากนั้นเขาก็ตัดสินใจเสี่ยงตายลงมือก่อน

 

วู่หยานวิ่งเข้ามิโคโตะโดยที่ยังอุ้มฟรานไว้ในมือนึง แล้วใช้อีกมือแหวกไฟฟ้าเข้าไป

 

ดึงตัวเธอเข้าอ้อมกอดตน!

 

มิโคโตะร้องออกมาด้วยความตกใจ ไฟฟ้ารอบตัวหายไปหมด โดยไม่รอให้เธอได้

 

ตั้งตัว วินาทีต่อมาวู่หยานก็ก้มหน้าเข้าไปจูบทำเธอเบิกตากว้าง!

 

“โอ้!!!” คินุฮาตะ เฟรนด้า และ แอสเทรีย ตกใจ ส่วนฮินางิคุได้ยกมือขึ้นปิดตา

 

คิดถึงเด็กบ้างไอ้บ้า…….

 

เสียงร้องของสามสาวได้ทำให้มิโคโตะได้สติ มองดูใบหน้าเขาที่ใกล้ตัวเองสุดๆ

 

ทันใดนั้นมิโคโตะก็หน้าร้อนฉ่าแดงเป็นลูกแอปเปิล

 

เสียงดัง ‘ตู้ม’ มีควันสีขาวลอยออกมาจากบนหัวมิโคโตะ แสดงให้เห็นถึงระดับ

 

ความอายของเธอ

 

มิโคโตะผลักตัววู่หยานออกไปแล้วยกนิ้วชี้หน้าเขา จากนั้นตะโกนด้วยความอาย

 

ผสมโกรธ “นะ…นายทะ..ทำบ้าอะไร!…ที่นี่..ที่นี่มีคนอยู่ตั้งหลายคน….นายมัน…”

 

มองดูใบหน้าแดงก่ำของมิโคโตะ วู่หยานก็หัวเราะชั่วร้ายแล้วคิด ‘นี่แหละวิถีแห่ง

 

การกำราบเมีย!’ จากนั้นแล่บลิ้นเลียไปรอบปากอย่างยี่ยวน

 

เห็นแบบนี้ใบหน้ามิโคโตะก็แดงขึ้นกว่าเดิม ณ ตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของทุก

 

คนที่มองมันให้ความรู้สึกทิ่มแทงยังกับเข็ม! เธอก้มหน้าลงแล้วรีบวิ่งจู๊ดไปที่ห้อง

 

ตัวเอง

 

ฮินางิคุมองค้อนวู่หยานแล้วรีบเดินตามไป เห็นพี่สาวทั้งสองไปหมดแอสเทรียก็วิ่ง

 

ตามไปด้วย อิคารอสมองวู่หยานด้วยท่าทางลังเลก่อนที่จะตัดสินใจตามพวกมิโค

 

โตะไป…….

 

ส่วนทางวู่หยานก็กำลังโล่ง ในที่สุดตูก็รักษาชีวิตน้อยๆนี่ไว้ได้แล้ว……..

บทที่ 289 ควีนซามะเห็นข้อมูลต่างโลกล่ะ!

เห็นมิซากิวางแผนพูดปั่นหัวมิโคโตะต่อ และเขาก็รู้ว่าเธอทำสำเร็จแน่ๆด้วยความ

ที่ไม่อยากเห็นมิโคโตะคลั่ง วู่หยานรีบพูดแทรก “ควีนซามะ!เธอช่วยหยุดแล้วมา

ทำธุระที่ฉันขอให้เสร็จก่อนแล้วค่อยคุยกันได้มั้ย?”

ได้ยินมิซากิก็มองค้อนวู่หยานด้วยความไม่พอใจเล็กๆที่เขายืนข้างมิโคโตะแล้วมา

ขัดความสุขของเธอ วู่หยานที่เห็นก็ทำได้คหัวเราะแห้งๆ

ดูเหมือนเราต้องรีบหาทางทำให้สองคนนี้ลงรอยกันให้ได้เร็วๆแล้วแฮะ เพราะ

ยังไงซะทั้งสองก็เป็นผูหญิงของเรา…..

คิดถึงตรงนี้วู่หยานก็น้ำตาไหลพรากๆในใจเพราะเขายังมองหาทางไม่เจอเลย……..

มิโคโตะและสาวๆคนอื่นก็รู้ว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆวู่หยานถึงพา โชคุโฮ มิซากิ มา

และพอเอามารวมกับที่วู่หยานบอกพวกเธอก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นมิโคโตะกับฮินางิ

คุก็หันไปมองฟรานในอกวู่หยานพร้อมกันด้วยแววตาสงสาร…….

มิโคโตะทำเสียง ‘เหอะ’ แล้วหันหน้าไปอีกทางไม่มองโชคุโฮต่อ ถึงแม้ฟรานจะตัว

ติดแค่กับวู่หยานแต่พวกเธอทุกคนยกเว้นอิคารอสที่ระบบอารมณ์ยังไม่พัฒนาต่าง

ก็ชอบฟรานจัง

เห็นมิโคโตะไม่สนใจตัวเองอีก มิซากิก็รู้สึกไร้รสชาติเธอจึงหันหน้าหนีไปทาง

เช่นกัน เห็นภาพนี้วู่หยานก็พูดไม่ออก เขาเริ่มรู้สึกว่าควีนซามะไม่ช่วยอะไรเลย

กลับกันดูเหมือนเธอจะสร้างปัญหามากกว่า………

ทว่าไม่นานมิซากิก็สังเกตเห็นฟรานในอกวู่หยาน มองดูใบหน้าสุดน่ารักของฟราน

นัยน์ตาดวงดาวของเธอก็เป็นประกาย

แม้แต่ควีนซามะยังไม่อาจต้านทานเสน่ห์อันเหลือล้นของฟรานได้ จากตรงนี้จะ

เห็นได้ว่าฟรานจังนั่นน่ารักจริงๆ……..

เมื่อมิซากิเหลือบไปเห็นนัยน์ตาสีแดงของฟรานที่เหมือนกับวู่หยาน เธอก็ช็อคอ

ย่างแรง จากนั้นพูดออกมาได้ไม่ผ่านสมองว่า

“อย่าบอกนะว่าเด็กคนนี้ เป็นลูกของนาย?”

ได้ยิน ฮินางิคุ มิโคโตะ แอสเทรีย เฟรนด้า คินุฮาตะ และทาคิสึโบะ ก็แทบจะล้ม

ลงพื้น อิคารอสเองก็มองมิซากิด็แววตาช็อค….

ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะกำลังอุ้มฟรานอยู่ วู่หยานก็อยากจะล้มลงพื้นให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

จริง เขามองบนใส่มิซากิแล้วพูดว่า

“ฉันขอถามหน่อยเถอะ อะไรที่มันทำให้เธอได้ข้อสรุปแบบนี้กันห๊ะ?”

มิซากิก็มองสลับวู่หยานกับฟรานด้วยสีหน้าสงสัย จากนั้นชี้ไปตาตัวเองแล้วพูด

อย่างมีเหตุผลว่า

“นายดูสิไม่ใช่ว่านายกับเธอมีตาแบบเดียวกันหรือไง?”

วู่หยานสำลักน้ำลายอย่างพูดไม่ออก ถึงแม้ในโลกนี้จะมีคนสีตาเดียวกันอยู่มากก็

จริง แต่คนที่มีตาสีแดงนั่นหายาก มันคงไม่แปลกถ้าคนอื่นจะคิดแบบนั้นบางคน

อื่นอาจจะไม่เคยเห็นคนนัยน์ตาสีแดงตลอดชีวิตเลยด้วยซ้ำ…..

วู่หยานอยากจะอธิบายไปมากๆว่าฟรานจังไม่ใช่ลูกสาวตัวเอง แต่เขาก็ไม่สามารถ

อธิบายว่าทำไมเขาและเธอถึงมีตาสีแดง ดังนั้นวู่หยานจึงทำได้แค่พูดว่า

“ถ้าฉันบอกว่าไม่ใช่ เธอจะเชื่อมั้ย?”

ได้ยินมิซากิก็เอานิ้วจิ้มคางตัวเองก่อนที่จะตอบคำตอบที่ตรงข้ามกับที่วู่หยานคิด

“ฉันเชื่อ!”

วู่หยานยกคิ้ว “ทำไมเธอเชื่อแบบนี้ล่ะ?”

มิซากิหัวเราะ เธอมองวู่หยานด้วยแววตาขบขัน จากนั้นพูดว่า “ก็เพราะว่าฉันไม่

เชื่อว่านายจะมีความสามารถมากพอที่จะทำเด็กน่ารักขนาดนี้ได้ไง!”

สิ้นเสียงมิซากิ สาวๆทุกคนก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างพังทลาย พอหันไป

มองก็เห็นว่ามันมาจากตัววู่หยาน

สูดลมหายใจเข้าลึกวู่หยานพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นเข้าไว้ เพราะด้านฝีปาก

ยังไงเขาก็ไม่ชนะควีนซามะแน่ๆ ถ้าเขาอยากเอาคืนก็ต้องตอนอยู่บนเตียง ใช่แล้ว

บนเตียง……..

คิดถึงตรงนี้วู่หยานก็ผ่อนคลาย บนใบหน้าผุดเอารอยยิ้มแจ่มใสออกมา ทำให้สาว

บางคนที่คุ้นเคยกับเขาสงสัย มีเพียงแค่มิซากิที่มีสีหน้าตกใจราวกับว่าคิดอะไรได้

เธอก็ก้มหน้าลงด้วยความเสียใจ

ใจคันยุบยิบทำให้หัวใจมิซากิเต้นเร็วขึ้น ราวกับจำอะไรได้แข้งขาเธอก็อ่อนตัวลง

มิซากิรีบพูดเปลี่ยนเรื่อง

“มะ-ไม่ใช่ว่านายให้ฉันมาดูอาการเด็ก? ถ้างั้นก็รีบๆเริ่มได้แล้ว!”

ได้ยินวู่หยานก็หรี่ตามอง ก่อนที่จะคิดในใจประมาณว่าไว้วันหลังค่อยไปคิดบัญชี้

เจ้าหล่อน

มองดูเด็กน้อยในอ้อมอก วู่หยานพูดกับฟราน “ฟรานจังให้พี่สาวตรงนั่นดูตัว

หน่อยนะ…..”

ฟรานงุนงง เธอไม่รู้จริงๆว่าวู่หยานกับผู้หญิงตรงนั้นจะทำอะไรเธอ แต่ในเมื่อวู่

หยานพูดเธอก็ยอม ฟรานหันไปพยักหนักให้กับมิซากิ

มิซากิตอบรับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นดึงรีโมทคอนโทรลออกมาจากกระเป๋าแล้วยกชี้

ไปที่ฟรานเสร็จแล้วก็กดปุ่ม!

หลังจากเกิดเสียง ‘เปรี๊ยะ’วินาทีต่อมาลูกตาของฟรานก็แข็งทื่อ นัยน์ตาเดิมที่มี

ชีวิตชีวาก็ได้หายไปหมดมันสงบนิ่งราวผิวน้ำ

เห็นภาพนี้ ฮินางิคุ มิโคโตะ และ แอสเทรีย ก็กลั้นลมหายใจตัวเองราวกับกลัวว่า

เสียงหายใจตนจะไปรบกวนมิซากิ เฟรนด้า คินุฮาตะ และทาคิสึโบะ ถึงแม้จะไม่

เข้าใจแต่ถ้าพอมีสมองหน่อยเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ย่อมรู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ

ดังนั้นพวกเธอจึงยืนเฝ้ารออย่างสงบ……

นัยน์ตาของมิซากิเองก็ดูไร้ชีวิตชีวาเช่นกัน ดวงดาวในนัยน์ตาเธอก็ไม่ได้เปร่ง

ประกายเหมือนปกติ ผ่านไปครู่นึงจู่ๆนัยน์ตาเธอก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ในขณะเดียวกันมิซากิก็ทำสีหน้าสุดช็อคออก ทำให้คนที่มองอยู่หัวใจตกไปอยู่

ตาตุ่มด้วยความกลัวที่ว่าฟรานจะเป็นไรไป

โชคดีที่มิซากิได้เก็บสีหน้าช็อคๆกลับไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ทุกคนโล่งอก วู่หยาน

ฝืนหัวเราะ ควีนซามะควรที่จะฝึกควบคุมสีหน้าหน่อยนะหรือไม่ทุกคนก็จะเป็น

โรคหัวใจกันหมด……

ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ๆ ในที่สุดมิซากิก็ทำงานตัวเองสำเร็จ เธอได้เก็บรีโมตกลับมา

ทว่าในนัยน์ตาของเธอกลับกำลังเปร่งประกายวาววับด้วยสีหน้าซับซ้อน

“เป็นไงบ้าง? มีวิธีมั้ย?” เห็นมิซากิเก็บรีโมทวู่หยานก็รีบส่งเสียงถาม คนอื่นก็หัน

มามองมิซากิเป็นตาเดียว

โชคุโฮ มิซากิ มองวู่หยานด้วยสีหน้าซับซ้อน ในแววตาของเธอได้ซ่อนความข่มขื่น

เอาไว้ ทำให้วู่หยานไม่รู้ตัว เห็นสีหน้าสงสัยของเขา มิซากิก็ถอนหายใจแล้วพูดว่า

“ไม่คิดเลยนะว่าต้นกำเนิดของนายจะลึกลับได้ขนาดนี้ ต่างโลกเอย ระบบเอย คิด

ไม่ถึงเลยจริงๆ…….”

ได้ยิน วู่หยาน ฮินางิคุ และ มิโคโตะ ก็ประหลาดใจมาก วู่หยานมองมิซากิอย่าง

อึ้งๆ แล้วถามเธอด้วยความสงสัยว่า “นี่เธอรู้แล้ว?”

ทันทีที่เขาถามออกไป วู่หยานก็ฉุกคิดได้ว่า ‘Mental Out’ ของมิซากินั่นสามารถ

‘แอบมอง’ ความทรงจำคนอื่นได้!

พูดอีกอย่างก็คือมิซากิได้ดูความทรงจำของฟรานจังไปแล้ว รวมไปถึงความทรงจำ

ได้ที่จากระบบตอนถูกอัญเชิญด้วย!

สรุปก็คือ ควีนซามะรู้เรื่องหมดทุกอย่างแล้ว!

มิซากิมองวู่หยานที่ทำสีหน้าโง่งม จากนั้นเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงประมาณ ‘ฉัน

เข้าใจแล้ว’

“ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้นายพูดยังมีโลกที่กว้างใหญ่กว่านี้รอคุณมิซากิไป

แสดงความสามารถอยู่ อืม ฉันเห็นด้วยเลย เทียบกับผู้ข้ามมิติอย่างนาย สถานที่

เล็กๆอย่างโทคิวะไดคงไม่อยู่ในสายตานายเลยสินะ…….”

วู่หยานหัวเราะเล็กน้อย เขารู้ว่าควีนซามะกำลังพูดถึงตอนที่เขาเจอกับเธอครั้ง

แรกอยู่……. (@อยู่ตอนไหนก็ไม่รู้นะ)

ทว่าถึงมิซากิจะเข้าใจก็ใช่ว่าคนอื่นจะเข้าใจ……

“เฮ้ เฮ้ เฮ้! นี่พวกคุณกำลังโครตพูดเรื่องอะไรกันน่ะ?”

คินุฮาตะร้องออกมา “ต่างโลกอะไร? ระบบอะไร? แล้วข้ามมิติอะไร? พูดให้คน

อื่นเค้ารู้เรื่องด้วยสิ!”

หยาน ฮินางิคุ และ มิโคโตะ ทั้งสามหันมามองหน้ากันด้วยแววตาจนปัญญาสุดๆ

…….

บัดซบ ความลับมันไม่เป็นความลับแล้ว นี่มันชักจะเป็นปัญหาแล้วแฮะ……..

บทที่ 288 ประสาทแห่งฮาเร็มได้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้ว!

เมืองแห่งการศึกษา โรงเรียนเขต7 ณ บ้านวู่หยานที่แต่เดิมเงียบสงบทันใดนั่นเอง

ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้น!

“แงงงง!!!!”

ภายในบ้านตรงห้องรับแขกได้มีเด็กผู้หญิงคนนึงกำลังนอนดิ้นไปมาบนโต๊ะโดยที่

เท้าก็เตะไปรอบๆ เจ้าของเสียงที่กำลังงอแงอยู่ก็คือฟราน!

ฮินางิคุ มิโคโตะ แอสเทรีย เฟรนด้า คินุฮาตะ และทาคิสึโบะ เหล่าหญิงสาวทั้งหก

ต่างก็กำลังยกมือปิดหูกันด้วยสีหน้าทรมาน มีเพียงแค่อิคารอสที่ยืนนิ่งมองฟราน

ร้อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอไม่สนใจหรือเป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบสนองยังไง……

ฮินางิคุ มิโคโตะหันมามองตากันภายในแววตาทั้งสองนั่นเต็มไปด้วยความจน

ปัญญา นอกจากวู่หยานก็มีพวกเธอสองคนที่รับหน้าที่ดูแลคนในบ้าน แต่กับเด็กที่

กำลังร้องไห้ทั้งสองไม่รู้จริงๆว่าควรจะรับมือยังไง

อย่าว่าแต่พวกเธอสองคนเลย สาวๆคนอื่นทั้งหมดก็ไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็ก

ถึงแม้ ฮินางิคุ และ มิโคโตะ จะเคยดูแล ลิลิน อยู่ช่วงนึง แต่ลิลินเป็นเด็กดีเชื่อฟัง

ไม่ก่อปัญหา ดังนั้นสองสาวจึงทำไรไม่ถูกพอเจอเด็กอย่างฟราน

ฮินางิคุปวดหัวจี๊ดมองดูฟรานที่ดิ้นแด่วๆอยู่บนโต๊ะ จากนั้นเธอก็ก้าวเท้าไปหาแล้ว

พูดว่า “ฟรานเป็นเด็กดีนะช่วยหยุดร้องก่อนได้มั้ย?”

“ไม่เอา!ไม่เอา!ไม่เอา!”

ฟรานไม่ฟังแม้แต่น้อย เธอยังคงนอนดิ้นบนโต๊ะเท้าถีบไปทั่วและมือก็ป่ายปัดไป

รอบด้าน ทำให้ ฮินางิคุ กับ มิโคโตะ ไร้หนทางที่จะเดินเช้าใกล้

“ฉันต้องการโอนี่จัง! โอนี่จังคนเดียว! ฟรานต้องการโอนี่จัง!” (@ฟรานจังจะใช้คำ

ว่า ‘หนู’เฉพาะกับวู่หยานหรือคนที่ไว้ใจ)

ใช่แล้ว นี่คือเหตุผลที่ทำให้ฟรานต้อลงมาดิ้นบนโต๊ะล่ะ!

ฟรานผู้ซึ่งได้มายังโลกแปลกใหม่ได้เจอผู้คนที่ไม่รู้จักและไม่มีคนของคฤหาสน์มาร

แดงเลยแม้แต่คนเดียว คนที่เธอพึ่งพาได้จึงมีแค่คนที่พบเจอกันเมื่อวาน ซึ่งได้

กลายเป็นคนที่สำคัญมากๆสำหรับเธอไปแล้ว!

บางทีอาจเป็นเพราะพลังถูกปิดผนึกไป ทำให้ความรู้สึกที่ต้องพึ่งพาผู้อื่นของฟราน

มันรุนแรงขึ้น แต่จากอีกมุมมองนึงนี่ก็เป็นเรื่องปกติ

ลองคิดดู ถ้าเกิดเด็กคนนึงโดนผู้ปกครองพามาอยู่ในบ้านที่ไม่คุ้นเคยจากนั้นก็หาย

หัวไป แล้วคิดว่าเด็กคนนั้นจะรับได้เหรอ?

ก็อย่างที่ว่านี่คือสถานการณ์ของ ฟราน ในตอนนี้!

นอกจากนี้ยังมีสภาพจิตไม่ปกติของฟรานอีกเพราะงั้นมันจึงไม่แปลกถ้าเธอจะ

กลายมาเป็นแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะพลังเธอถูกผนึกไว้อยู่ล่ะก็ ป่านนี้บ้านทั้งหลังคง

ไม่เหลือยให้เห็นแล้วรวมไปถึงตัวคนด้วย…….

เคยมีคนพูดอยู่ว่า เสียงร้องของเด็กมีแหมปวดแสบแก้วหูเกินจะทานทนไหว ถึงฟ

รานจะเสียพลังไปแต่เสียงร้องของเธอมันก็มากพอที่จะทำให้คนทั้งบ้านปวดหัว

แล้ว

อนึ่ง ฟรานจังได้เริ่มร้องมาตั้งแต่ตอนเช้ายาวมาจนถึงปัจจุบัน…….

นี่ทำให้สาวๆในบ้านปวดหัวสุดขีด ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่พอใจพวกเธอต่างก็มี

ความคล้ายๆกันว่า ไอ้หมอนั่นมันมีเสน่ห์อะไรถึงทำให้เด็กน้อยน่ารักแบบนี้ติดแจ

ได้!

มองดูฟรานที่ยังคงดิ้นถีบเท้าไปมา ฮินางิคุกับมิโคโตะก็น้ำตาปริ่มๆแล้ว จากนั้นมิ

โคโตะก็ตะโกนออกมาด้วยความคลั่ง

“หยานอยู่ไหน! หมอนั่นมันไปตายอยู่ไหนกัน! รีบกลับมาเดี๊ยวนี้นะ!”

บางทีอาจเป็นเพราะได้ยินเสียงร้องของมิโคโตะ ทันใดนั่นเองตรงหน้าพวกเธอก็

เกิดแสงสว่างขึ้น ทำให้สาวๆนอกจากคินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ หน้า

สดใสขึ้นมาทันที

เมื่อแสงหายไป ร่างวู่หยานก็ปรากฏออกมาในห้องรับแขกต่อหน้าหญิงสาวของตน

พอเห็นเขาพวกเธอต่างก็โล่งอก

ส่วนพวกคินุฮาตะทั้งสามก็กำลังเบิกตากว้างด้วยความสงสัยว่าเขาโผล่ออกมาจาก

ไหน………

เพิ่งกลับมาถึงบ้านวู่หยานเห็นสีหน้าของสาวๆเขาก็อึ้งไป “เดี๊ยวสิพวกเธอเป็น

อะไรกัน? ทำไมถึงมองฉันแบบนั้น?”

“โอนี่จัง!!!”

เสียงตะโกนด้วยความสุขดังออกมาจากด้านหลังวู่หยานทำเขาสะดุ้ง ก่อนที่จะหัน

ไปมองและเห็นร่างเล็กๆกระโดดเข้าหาเขาจากบนโต๊ะ จากนั้นฟรานก็ได้กระแทก

เข้ากับหน้าอกวู่หยาน!

ด้วยสัญชาติญาณวู่หยานก็ได้กอดรับเธอเอาไว้เสร็จแล้วถามด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ

“ฟรานจัง?”

“พี่ชายพี่ไปไหนมา รู้มั้ยฟรานคิดถึงมากเลย……”

ใบหน้าน้อยๆได้ถูไถกับตัววู่หยานไม่หยุด มือเล็กๆก็ได้จับเสื้อเขาแน่นราวกับกลัว

ว่าอีกฝ่ายจะหายไปอีกครั้ง ฟรานมองวู่หยานด้วยดวงตาที่ยังมีน้ำตาไหล เธอดู

ราวกับว่าจะร้องไห้ได้ทุกเมื่อนี่ทำให้วู่หยานตกใจ

ยกมืกแตะหลังฟรานวู่หยานพูดด้วยเสียงอบอุ่น “พี่ชายไม่ได้ไปไหนเลยนะ ก็แค่มี

ธุระนิดหน่อย……”

“พี่ชายบ้าที่สุด อย่าได้ทิ้งฟรานไว้แบบนี้อีกนะ…….”

ฟรานพองแก้มด้วยความไม่พอใจจากนั้นหันหน้าหนีไม่มองวู่หยานอีก ทว่ามือ

เล็กๆของเธอก็ยังคงจับเสื้อเขาไม่ปล่อย นี่ทำให้วู่หยานรู้สึกขบขัน

“กลับมาจนได้นะ! ถ้ายังไม่กลับมาบ้านได้แตกแน่!”

ฮินางิคุมองฟรานที่สงบลงเธอถอนหายใจโล่งอก จากนั้นหันไปมองวู่หยานด้วย

ความดีใจ เห็นสีหน้าของพวกเธอวู่หยานผู้ที่ไม่ได้อยู่ฟังเสียงร้องดุจสิงโตคำราม

ของฟรานก็งุนงงไป

มิโคโตะเองก็มองวู่หานด้วยความสุขและดีใจเช่นกัน ถ้าเขากลับมาช้ากว่านี้เธอคง

ได้ปล่อยสายฟ้าโจมตีไปไปทั่วเพื่อระบายความอัดอั้นแน่ๆ นี่แสดงให้เห็นเลยว่ามิ

โคโตะสิ้นหวังขนาดไหน

เพียงแต่สีหน้ามีความสุขนี่ก็ได้ชะงักค้างไปเมื่อเธอได้ยินเสียงหัวเราะ

“Ara Ara คุณมิซากะนี่ยังร่าเริงเหมือนเดิมเลยนะ……”

รอยยิ้มบนหน้ามิโคโตะแข็งค้างบนหน้าผากมีเส้นสายไฟฟ้าเส้นเล็กๆโผล่ออกมา

“น้ำเสียงนี้ อย่าบอกนะว่า……”

มิโคโตะยังไม่ทันพูด ใกล้กันคินุฮาตะกับเฟรนด้าก็ร้องออกมา

“อันดับห้า!”

มิโคโตะยกมือตบหน้าผากตัวเอง จากนั้นเลื่อนลงมาปิดตา “เป็นเธอจริงๆสินะ โช

คุโฮ มิซากิ…….”

ได้ยินมิซากิก็ยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก “อะไรค่ะ? ดูเหมือนคุณมิซากิจะไม่ดีใจ

เลยนะที่เห็นฉันน่ะ…..”

“เห็นเธอมันจะไปดีใจได้ยังไงกันห๊ะ!”

มิโคโตะตอบกลับทันทีแม้กระทั่งน้ำเสียงยังใช้สูงกว่าปกติ เธอไม่อยากได้แขก

แบบยัยนี้ จากนั้นมิโคโตะก็ชี้นิ้วใส่มิซากิแล้วพูดว่า

“ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่?”

มิซากิก็แบมือราวกับจะบอกว่าตนเองก็จนปัญญาเหมือนกัน จากนั้นเธอก็พูดตอบ

ด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าเป็นหยานจังพาฉันมาไง!”

ปากมิโคโตะบิดเบี้ยว “ถึงจะเดาไว้อยู่แล้วก็เถอะ แต่ถึงจะเดาได้ฉันก็ยังรู้สึก

อยากจะ……”

มิโคโตะหันมาหาวู่หยานที่ยืนใกล้กันแล้วพูดต่อโดยมีประกายไฟฟ้าเป็นเอฟเฟคห

ลัง “ช๊อตคนแถวนี้อยู่ดี…….”

เห็นมิโคโตะมองมา วู่หยานก็ยิ้มแห้งๆ ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าการให้พี่สาวเรลกัน

กับควีนซามะมาเจอกันสุดท้ายคนที่เจ็บจะเป็นเขา แต่ว่าถ้าเพื่อฟรานจังล่ะก็……

ใกล้กัน คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ กำลังมองตาค้างกับบทสนทนาระหว่าง

มิโคโตะและมิซากิ พอได้ยินคำพูดมิซากิ คินุฮาตะก็ยกคิ้ว

“อย่าบอกนะว่าแม้แต่อันดับห้าก็ยังโดนไอ้โครตโรตจิตนี่พาเข้าแก๊งฮาเร็ม

น่ะ?…….”

เฟรนด้ามองขึ้นๆลงๆมิซากิ จากนั้นหันมามองวู่หยานด้วยสายตาอึ้งทึ้ง

“สุดท้ายแม้แต่ Mental Out ยังกลายเป็นผู้หญิงของหมอนี่…….”

คินุฮาตะกำหมัดแน่นแล้วพูดด้วยความเกลียดว่า “ไอ้โครตโรคจิตนี่ทั้งที่มีผู้หญิง

เยอะอยู่แล้วแท้ๆ แต่กลับยังเที่ยวไปไล่เก็บผู้หญิงคนอื่นอีก อย่าบอกนะว่าในหัว

นั่นมันไม่คิดอะไรอย่างอื่นเลยนอกจาะผู้หญิงน่ะ?”

เฟรนด้าที่ได้ยินก็ตอกกลับมาว่า “สุดท้ายแล้วไม่ใช่ว่าพวกเราเองก็เป็นผู้หญิงที่

หมอนั่นเล็งไว้?”

คินุฮาตะเงียบ ในแววตาของเธอกำลังหมุนวนไปมาราวกับกำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่

ทาง ทาคิสึโบะ ก็กำลังมองวู่หยานด้วยแววตาเศร้าๆ……

เขา…ยังจำฉันได้อยู่มั้ย?……

บทที่ 287 ควีนซามะของผมไม่มีทางที่จะเชื่อฟังแบบนี้หรอก!

มิซากิที่คิดหวังเอาคืน ทว่าความเป็นจริงมันไม่ได้หวานหมูแบบนั้น……

ด้วย Mental Out เธอสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เป็นเสือสาวที่ดุดันบนเตียงได้……

แต่…มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่า…..แรงกายเธอมันน้อยนิดมาก……

ด้วยเหตุนี้ควีนซามะของเราจึงได้ร่วงลงไปหลังจากเล่นใหญ่ไปสามนาที จะเรียก

เธอว่าวีรสตรีสามนาทีก็ได้……..

มิซากินึกดีใจที่ตัวเองไม่ได้เกิดมาเป็นผู้ชาย ไม่งั้นเธอคงโดนคู่ของเธอล้อที่หมด

น้ำยาภายในสามนาที……

หลังจากสงครามรอบที่สองจบไป ทั้งคู่ก็นอนหลับตาลงไปบนเตียงขณะที่ปากก็ยัง

หอบหายใจแรงอยู่

ตอนนี้ผ้าปูที่นอนได้เปียกจนมันเปียกไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นปกติคนที่นอน

บนผ้าแบบนี้ก็ควรที่จะรู้สึกไมสบายตัว แต่ไม่รู้ทำไมวู่หยานกลับรู้สึกสดชื่นแทน

ราวกับกำลังนั่งแช่ในบ่อน้ำพุร้อนยังไงยังงั้น

ส่วนทางสาวเจ้า ควีนซามะก็กำลังนอนอยู่บนตัววู่หยานแทนที่นอน

เอามือลูบหลังเนียนสวยของเธอวู่หยานก็อดไม่ได้ที่ต้องยอมรับบว่าหุ่นของควีนซา

มะมันเร้าร้อนปลุกอารมณ์ดีจริงๆ ต่อให้ไม่มีหน้าอกใหญ่ๆนี่เอาแค่รูปร่างหุ่นเธอก็

กินขาดแล้ว

แน่นอนว่ามิซากิย่อมไม่รู้ว่าวู่หยานนั่นคิดอะไรอยู่ แต่ว่าด้วยไอ้แท่งที่คาอยู่ในตัว

เธอจู่ๆมันก็คืนชีพลุกสู้ขึ้นใหม่ แค่นี้ก็ทำให้เธอเดาได้แล้วว่าในหัวอีกฝ่ายมันมีอะไร

รู้สึกถึงแท่งที่กลับมาชีวิตชีวา มิซากิก็รีบพูดกลับวู่หยาน “ขอร้องล่ะ ไม่ต่อแล้วนะ

ฉันไม่ไหวแล้ว…..”

ได้ยินวู่หยานก็จำต้องหยุดมืออย่างหมดหนทาง ด้วยสภาพร่างกายของควีนซามะ

มันก็ปาฏิหาริย์แล้วที่เธอสามารถทำกับมาได้นานขนาดนี้

เห็นเขายอม มิซากิก็ถอนหายใจโล่งอก หลังจากนั้นในใจเธอก็รู้สึกโกรธและสิ้น

หวัง

ตัวเธอได้ร้องขอความเมตตาจากเขาอีกแล้ว…..

คิดกลับไปถึงเมื่อกี้ที่เธอพูดขอร้องเขาไม่หยุด มิซากิก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เธอ

ตวัดนัยน์ตาดวงดาวที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจมองไปยังวู่หยาน “เอาล่ะ ตอนนี้

นายก็ได้เล่นสนุกจนเต็มอิ่มแล้ว คงจะได้เวลาพูดแล้วมั้ง? เป้าหมายที่นายมาหา

ฉันคืออะไรกันแน่?”

วู่หยานหัวเราะแห้งๆ ครั้งนี้เขามาหาเธอเพราะมธุระจริงๆ ส่วนไอ้การจับกดนี่มัน

สถานการณ์พาไปล้วนๆ……

ด้วยมันสมองและพลังของมิซากิ เขาคงไม่สามารถพอที่จะปกปิดอะไรจากเธอได้

ถ้าเขาพูดว่า ‘ที่มาก็เพราะอยากเจอเธอไง’ เขาคงถูกจับได้ทันที่แน่ มันดูเฟค

เกินไป

ทว่าถึงจะคิดยังงั้น ปากวู่หยานก็พูดไปว่า “แน่นอนว่าที่มาก็เพราะอยากเจอเธอ

ไง!”

ตอแหล! โครตตอแหล! อย่าว่าแต่มิซากิจะเชื่อหรือไม่เลย เอาแค่ตัวเขาเองยังพูด

ไม่คิดเชื่อเลย…..

มันช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็เขาเล่นมาจับกดคนอื่นถึงห้องนานขนาดนี้พอเสร็จกิจแล้วก็

พูดว่า ‘อ่ะ ที่มาก็เพราะมีธุระล่ะ’ มันคงจะทำให้ควีนซามะระเบิดลงแน่ ดังนั้นถึง

จะต้องกลายเป็นคนตอแหลเขาก็ต้องยอม

นัยน์ตาดวงดาวของมิซากิราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปยังหัวใจวู่หยานได้ยังไงยัง

งั้น เธอมองสำรวจหน้าเขาเมื่อเดาความคิดอีกฝ่ายได้เธอก็หันหน้าไปอีกทางแล้ว

ทำเสียงเย็นชาดัง ‘เหอะ’ แต่ถึงงั้นดูจากสีหน้าแล้วเธอก็ดูเหมือนจะพอใจกัล

คำตอบหน่อยๆเหมือนกัน

แต่ถึงจะพอใจ มิซากิก็ไม่สามารถแสดงมันออกมาให้วู่หยานเห็นได้ ไม่งั้นมัน

เหมือนกับว่าเธอยอมสยบให้เขาแล้วน่ะสิ

“อย่าพูดมาก รีบๆพูดธุระมา แต่…ถ้าจะให้ฉันเดานายคงต้องการความช่วยเหลือ

จากฉันสินะ?”

วู่หยานยกมือจับจมูกก่อนจะยอมรับ “อื้ม ฉันมีเรื่องขอให้เธอช่วยจริงๆน่ะแหละ”

“โอเค!”

สิ้นเสียงวู่หยาน มิซากิก็ตอบกลับมาทันที นี่เล่นทำวู่หยานที่เตรียมพูดกล่อมเป็น

อันต้องอึ้งไป

อนึ่ง วู่หยานเรายังไม่ได้ลืมถึงความจริงที่ว่าเขาโดนตามล่าตัวอย่างหนักตอนไป

เดทกับเธอที่สวนสนุก ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาเคยไปขอให้เธอช่วยเรื่องซิสเตอร์เขาจึง

ต้องมาออกเทดกับเธอ

ทั้งๆที่ครั้งนั้นตูต้องอ้อนขอร้องอยู่นานกว่าจะยอมช่วยแถมไม่ใช่ช่วยฟรีอีก แต่

แล้วไหงครั้งนี้ถึงได้ตกลงง่ายจัง?……

อย่าบอกนะว่า……นี่คือประโยชน์ของการโดนจับกด?

คิดถึงตรงนี้ วู่หยานก็ส่ายหน้าทันที ถ้าควีนซามะเป็นผู้หญิงประเภทที่จะตาม

ผู้ชายที่ตัวเองนอนด้วย เธอก็ไม่ใช่ควีนซามะแล้ว…..

นัยน์ตาสีแดงได้มองตรงเข้าไปในดวงตาของมิซากิ วู่หยานหรี่ตาเล็กน้อยราวกับว่า

คิดจะมองทะลุถึงแผนการที่เธอวางไว้

“อย่าว่างั้นงี้เลยนะควีนซามะ เธอกลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ?”

“พูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ” มิซากิยกมือมาที่แก้มตัวเองด้วยท่าเตรียมร้องไห้ จากนั้น

พูดด้วยเสียงสะอื้นชวยให้ผู้คนรู้สึกสงสาร “นายทำกับฉันแล้ว ถ้าไม่ใช่ฉันตาม

นายแล้วจะให้ฉันไปตามใครล่ะ?”

ถ้ามิซากิไม่พูดก็ดีไป แต่พอเธอพูดวู่หยานก็ยิ่งตื่นตัว ถ้าเมื่อกี้คำพูดเขาคือตอแหล

งั้นของมิซากิก็ตอแหลยิ่งกว่า!

ราวกับสามารถเห็นความสงสัยในดวงตาวู่หยาน มิซากิหัวเราะออกมาทันที เห็น

เธอหัวเราะวู่หยานก็ปากกระตุกในใจอดคิดไม่ได้ว่า

‘ไอ้สีหน้าจวนเจียนจะร้องไห้เมื่อกี้ มันไปลงหลุมไหนแล้วว่ะ?……..’

อย่างที่เค้าว่ากันเลย ผู้หญิงนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนสีเร็วยิ่งกว่าการเปิดหน้า

หนังสือ ทั้งที่เมื่อกี้ยังจะร้องไหน วินาทีต่อมาก็หัวเราะ ก่อนจะทำสีหน้าใจร้อน

……

“จะพูดไม่พูด? ถ้าไม่พูดฉันก็จะไม่ช่วยแล้วนะ!”

ได้ยินเธอพูด วู่หยานที่ยังไม่อาจมองเห็นแผนการอีกฝ่ายก็ทำได้แค่ยักไหล่อย่าง

จนปัญญา โอเค ช่างมัน ยังไงซะอีกฝ่ายก็กลายเป็นคนของเราไปแล้วนี่นะ…….

วู่หยานเอาสีหน้าจริงจังออกมาแล้วพูดว่า “ฉันอยากให้เธอช่วยไปดูเด็กคนนึงให้

หน่อย!”

“ดูเด็ก?”

มิซากิมีสีหน้าแปลกๆ จากนั้นนัยน์ตาเธอก็เปร่งประกาย เธอมองตรงเข้าไปในตาวู่

หยานแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆว่า

“นาย….พวกเราเพิ่งทำเรื่องอย่างว่าไป แต่นายก็มาขอให้ฉันมีลูกให้แล้ว?”

ได้ยินเธอพูด วู่หยานก็สำลักน้ำลาย “นี่หัวเธอคิดอะไรอยู่? ฉันแค่อยากให้เธอไปดู

สภาพจิตใจของเด็กคนนึง!”

“สภาพจิต?”

คราวนี้มิซากิไม่พูดเล่นอีก เธอขมวดคิ้วเรียวงามแล้วพูดเสียงนุ่มว่า “เด็กที่นายพูด

ถึงอย่าบอกนะว่ามีปัญหาด้านจิตน่ะ?”

“ใช่!”

วู่หยานพูดด้วยสีหน้าจนปัญญา “สภาพจิตใจเธอมันไม่มั่นคงมาก ก่อนหน้านี้เธอก็

เพิ่งคลั่งไปแต่ฉันได้สะกดมันไปแล้ว แต่นี่มันไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ มันทำได้แค่ช่วย

ยับยั้งไม่ให้เธอคลั่ง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาสภาพจิตใจเด็ก……”

จากนั้นวู่หยานก็มองมิซากิ “ดังนั้น ฉันถึงต้องการให้เธอช่วยไปดูให้หน่อยว่ามีทาง

ไหนบ้างที่สามารถทำให้สภาพจิตเด็กกลับมาเป็นปกติ!”

“คลั่งงั้นสินะ……” มิซากิไม่ได้สนใจวิธีการสะกดของวู่หยาน ที่เธอสนใจคือคำขอ

ของเขา เธออยากรู้ว่ามันจะมีเด็กแบบไหนที่ถึงขนาดทำให้อันดับสามแห่งเมือง

การศึกษา ‘ประกายแสง’ พูดคำว่าบ้าคลั่งออกมาได้

ส่วนสำหรับคำขอที่ช่วยให้ดูสภาพจิตใจเด็ก มิซากิไม่ให้ความสนใจนัก ด้วยพลัง

ของเธอมันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะแก้ปัญหาที่ว่า!

นี่เป็นเหตุผลที่วู่หยานมาหา โชคุโฮ มิซากิ!

บทที่ 286 ควีนซามะโจมตีกลับล่ะ!

 

ณ หอโทคิวะได คุณหนูทั้งหลายไม่ได้รู้ตัวเลยว่าขณะที่พวกเธอกำลังคุยกันว่า

 

เครื่องสำอางแบบไหนดีที่สุด หรือเสื้อผ้าไหนสวย คนที่พวกเธอรักและเทิดทูน

 

ที่สุด โชคุโฮ มิซากิ ก็กำลังโดนคนที่พวกเธอเรียกว่า ขยะ กัดกินอย่างเอร็ดอร่อย

 

……

 

สงครามยังคงดำเนินต่อไปสภาพภายในห้องกับนอกห้องนั่นช่างแตกต่างราวกับอยู่

 

คนล่ะโลก

 

ที่แตกต่างก็คือข้างนอกนั่นเงียบสงบแต่ข้างในห้องกลับเต็มไปด้วยกลิ่นแปลกและ

 

เสียงครางอันมีเสน่ห์ที่ชวนให้คนได้ยินรู้สึกหัวใจเต้นตึกตัก…….

 

ในเวลานี้ควีนซามะได้เลิกต่อต้านแล้ว เธอนอนไปกับเตียงโดยที่มือทั้งสองจับผ้าปู

 

ที่นอนแน่น บนใบหน้าเธอปรากฏความสุขที่สุดอยู่บ่อยครั้งพร้อมทั้งเสียงคราง

 

ที่มาจากปากเธอ……..

 

ร่างกายสั่นไหวโยกไปมาไม่หยุด แน่นอนว่านี่ย่อมทำให้หน้าอกโตๆของเธอแกว่ง

 

ไปมาด้วย ทุกครั้งที่มันแกว่งเอก็จะครางออกมาอย่างรุนแรง…..

 

ส่วนตัวการที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ก็มาจากหมาป่าด้านหลังที่กำลังคุกเข่ามือทั้งสอง

 

จับเอวแล้วเคลื่อนสะโพกอย่างรวดเร็ว!

 

“อื้ออ~ ~ ~”

 

โชคุโฮทำได้เพียงแค่คล้อยตามเหมือนเรือลำเล็กๆท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำ ซึ่ง

 

มีท่าทีว่าจะทนไปได้อีกไม่นานแล้ว…….

 

มิซากิไม่ได้รู้ตัวเลยว่ารูปร่างอันยั่วนวนและหน้าอกที่แกว่งไปมาของเธอมันได้

 

กระตุ้นคนด้านหลังขนาดไหน ผลคือเธอต้องทนรับพายุที่โหมกระหน่ำรุนแรงกว่า

 

เก่า……

 

หยาดเหงื่อหยดแล้วหยดเล่าได้ไหลออกมาจากผิวหนังเนียนนุ่มที่บัดนี้ได้ขึ้นสีชมพู

 

ของมิซากิ ทุกครั้งที่มีเหงื่อออกมาก็จะมีกลื่นแปลกแต่หอมหวานลอยออกมาจากรู

 

ขุนขนของเธอมาปะปนกับอากาศในห้องด้วย ทำให้ชายหญิงทั้งคู่คึกคักกว่าเก่า

 

ชนิดที่ว่าถึงอยากหยุดก็หยุดไม่ได้แล้ว

 

แน่นอนว่าเมื่อเหงื่อออกมาตามตัวได้ชั่วครู่พวกมันก็ไหลไปตามสัดส่วนน่าหลงใหล

 

ของเธอก่อนจะหยดลงบนผ้าปูเตียง นี่จึงทำให้ตอนนี้ผ้าปูเปียกแฉะไปหมด……

 

ทว่าความชื่นนี่ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ทั้งสองรู้สึกไม่สบายตัวกลับกัน พวกเขารู้สึกว่า

 

มันยังไม่มากพอ!

 

และนี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่วู่หยานทุ่มสุดตัวกระแทกไม่ยั่ง!

 

เหตุผลอย่างอื่นก็คือตอนที่เขากระแทก มิซากิก็จะเปล่งเสียงครางอันเย้ายวนที่

 

ขนาดพระได้ยินยังต้องตบะแตก!

 

ชั่วขณะนึง ร่างกายมิซากิก็หดเกร็ง มือที่จับผ้าปูก็ออกแรงกำมากกว่าเดิม และ

 

ตรงเท้าก็เริ่มบิดไปมา ความรู้สึกที่ไม่รู้จักได้ก่อตัวขึ้นภานในร่างกายมิซากิอย่าง

 

รวดเร็ว

 

มิซากิไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่เธอรู้สึกในปั่นปวน มิซากิรีบหันไปหาวู่หยานแล้วพูด

 

ด้วยใบหน้าแดงก่ำชุ่มชื่นด้วยเหงื่อว่า

 

“…..เดี๊ยว…..”

 

ลมหายใจวู่หยานขาดช่วงไปเมื่อเห็นใบหน้ามิซากิ เจ้าตัวไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองมี

 

เสน่ห์แค่ไหนด้วยสีหน้าแดงๆและนัยน์ตาที่เปียกชื้นนั่น

 

วู่หยานหอบหายใจถี่รัว เขาไม่หยุดตามคำขอเธอ แต่เร่งความเร็วกระแทกหนัก

 

กว่าเดิม!

 

แรงกระแทกอันรุนแรงได้ทำให้มิซากิครางออกมาทันที เธอรู้สึกได้ว่ายิ่งเขาทำมาก

 

เท่าไหร่บางอย่างในตัวเธอก็จวนจะแตกออกมาเท่านั้น ไม่นานนักมิซากิก็เงยหน้า

 

ขึ้นร้อง

 

“อื้อออ!!!”

 

ราวกับเสียงคร่ำครวญ เสียงร้องเธอดังก้องไปทั่วทั่งห้อง แม้แต่ประตูก็ไม่อาจ

 

ป้องกันเสียงเธอได้หมด…….

 

ถ้าในเวลานี้มีคนเดินผ่านห้องเธอมาล่ะก็ต่อให้หูไม่ดีแค่ไหนก็ต้องได้ยิน…….

 

ขณะเดียวกันวู่หยานก็ครางฮ่าออกมาด้วยความพอใจใบหน้าเขาสดใสมากราวกับ

 

ว่าความกลุ้มใจทุกอย่างได้ถูกชำละล้างไปหมดแล้ว…..

 

“งึ้ม….”

 

หลังจากครางเสียงยาวออกไป ตัวมิซากิก็กระตุก เธอล้มพับไปโดยที่ปากก็ส่งเสียง

 

น่ารักออกมา เป็นเสียงที่สามารถทำให้คนได้ยินตัวร้อนรุ่มไปด้วยราคะได้!

 

น่าเสียดายที่ในห้องนี้มีผู้ชมแค่คนเดียว ตอนที่มิซากิเสร็จไปไฟในตัววู่หยานเองก็

 

ได้มอดดับลงเช่นกัน ทว่ามันก็ดับได้ไม่นาน เวลาผ่านไปมันก็จะถูกจุดติดขึ้นอีก

 

ครั้ง…….

 

วู่หยานหัวเราะออกมาด้วยความสบายตัวแล้วล้มลงไปนอน ส่วนมิซากิก็นอนหอบ

 

หายใจหนักโดยที่หน้าอกเธอก็ยกขึ้นลงตามจังหวะหายใจด้วย

 

มิซากิลืมตาขึ้น แล้วหันไปมองหน้าวู่หยานด้วยความยากลำบาก

 

เมื่อเห็นหน้าชอบใจของเขา หน้าผากเธอก็มีเส้นเลือดปูดขึ้นมาจากนั้นเอื้อมมือไป

 

บีบเนื้ออ่อนตรงเอววู่หยาน อย่างแรง ทันที!

 

แน่นอนว่าไอ้ อย่างแรง เนี่ยมันก็แค่ในความคิดของเธอคนเดียว เพราะตอนนี้แรง

 

ส่วนใหญ่ของเธอได้หมดไปกับสงครามเมื่อกี้แล้ว…..

 

“พูด!! ทั้งหมดนี่นายตั้งใจใช่ไหม!!!”

 

การที่มิซากิจะคิดแบบนี้มันก็มีเหตุผลอยู่ คิดดูเล่นมาตอนที่ตนกำลังอาบน้ำมอง

 

ยังไงมันก็ตั้งใจชัดๆ

 

อนิจจัง มิซากิไม่ได้รู้เลยว่าในโลกนี้ก็ยังมีไอ้หัวเม่นที่สามารถบังเอิญ ล้มจับ

 

หน้าอกหรือเปิดประตูเห็นตอนจังหวะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ราวกับ ‘ตั้งใจ’ อยู่…….

 

ถึงแม้แรงของมิซากิจะน้อยนิดขนาดทำร้ายเส้นผมของวู่หยานยังไม่ได้เลยก็ตาม

 

แต่เขาก็ยังทำสีหน้าเจ็บปวดแบบสุดๆแล้วร้องออกมาอย่างโอเวอร์ “ใช่ที่ไหน! นี่

 

มันบังเอิญจริงๆนะ!”

 

“เชื่อนายก็โง่แล้วย่ะ!”

 

มิซากิมองค้อนใส่เขา เธอยังจำได้เลยว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายเล่นบังคับเธอให้เปลี่ยนท่าตั้ง

 

หลายรอบ ยิ่งคิดมิซากิก็ยิ่งโกรธ (@ท่าตอนมีอะไรกันนั่นแหละ)

 

เมื่อไหร่กันที่ โชคุโฮ มิซากิ คนนี้ตกต่ำถึงขนาดมาโดนคนอื่นควบคุม?……

 

บางทีอาจเป็นเพราะเหตุการณ์ในอดีต ทำให้มิซากิไม่ชอบการถูกควบคุมมาก ไม่

 

เว้นแม้แต่เรื่องบนเตียง ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเอาคืน!

 

เธอลุกขึ้นแล้วขึ้นไปนั่งบนตัววู่หยานด้วยท่าcowgirl เห็นใบหน้าอึ้งๆชองเขา มิซา

 

กิก็ยิ้มแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหวานใส

 

“เมื่อกี้นายเล่นจนพอใจแล้ว ถ้างั้นก็ถึงตาฉันบ้างล่ะ!”

 

ได้ยินวู่หยานก็ตะลึง แล้วพูดออกมาอย่างติดๆขัดๆ “คะ..คะ…ควีนซามะ….”

 

มิซากิก็ถลึงตามองวู่หยานอย่างดุดัน แล้วพูดแทรกว่า “อะไร! หรือนายมีปัญหา!”

 

วู่หยานสะดุ้งกลัว เขาพูดไม่ออกไปครู่นึง แล้วเอ่ยปากว่า “เอ่อ..คือ..ธะ..เธฮยังมี

 

แรงเหลือ?”

 

ได้ยินมิซากิก็หน้าแดง จากนั้นความอายก็เปลี่ยนเป็นความโกรธเธอตะโกนออกมา

 

“ไม่ใช่เรื่องของนาย! นายเป็นคนเริ่มก่อนนะ! หยุดพูดมากได้แล้ว!!”

 

ด้วยเหตุนี้วู่หยานของเราจึงหุบปากลงอย่างว่าง่าย ขณะที่ในใจก็รู้สึกแปลกใหม่

 

บางทีการโดนควีนรุกบ้างก็คงไม่เลว……

 

มิซากิกัดฟันกรอดด้ยความขมขื่น ตัวเธอสั่นระริกขณะที่ข่มกลั้นความเขินอาย

 

แล้วค่อยๆกดตัวลงไปบนไอ้นั้นของเขา…….

 

เมื่อร่างกายทั้งสองเชื่อมต่อกันอีกครั้ง วู่หยานก็ร้องออกมาด้วยความสดชื่น ส่วนมิ

 

ซากิก็ครางออกมาเสียงหวานนุ่ม……

 

หลังจากนั้น ความทรงจำเรื่องบนเตียงที่ได้มาจากการใช้ Mental Out กับคนอื่น

 

ก็ค่อยๆส่งผลออกมาบนสนามจริง…..

 

มองดูเต้านมคู่โตที่เด้งไปมาตรงหน้าตน บวกกับเสียงครางที่ดังเข้ามาในหู และ

 

ความรู้สึกสบายที่ร่างกายส่งมา วู่หยานก็หลับตาลงเอ็นจอยไปกับช่วงเวลานี้…….

 

เสียงคราง….ยังคงดำเนินต่อไป……

บทที่ 285 ควีนซามะของผมไม่น่ารักขนาดนั้นหรอก!

 

“ฮ่า..ฮ่า…”

 

ในตาของมิซากินั่นนองไปด้วยหยาดน้ำตา เธอดูราวกับเป็นสาวน้อยที่กำลังสะอื้น

 

ไห้ถ้าไม่ได้ยินเสียงครางจากปากสวยๆนั่นล่ะก็คนที่เห็นคงคิดว่าเธอร้องไห้อยู่

 

จริงๆ………

 

ลิ้นทั้งสองสอดประสานกันไม่หยุด ถึงปากจะเปียกชื่นไปด้วยน้ำลายก็ไม่อาจ

 

ป้องกันเสียงครางให้ดังออกมาได้ ด้วยร่างกายที่ถูกกระตุ้นจนตื่นตัวอย่างมาก

 

ในตอนนี้ของเธอตราบใดที่มีคนเป่าลมหายใจใส่เธอเบาๆก็คงทำเธอร้องสะอื้นด้วย

 

ความเสียวแน่นอน

 

เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ๆ………

 

ภายใต้ความพยายามเล็กน้อยของวู่หยาน ในที่สุดปากของทั้งคู่ก็แยกออกจากกัน

 

ตอนที่แยกมันได้เกิดเสียงบ๊อปขึ้น ทำให้มิซากิหน้าแดงด้วยความอายขึ้นหลาย

 

ส่วน

 

ควีนซามะไม่ได้รู้เลยว่าเสน่ห์ในตอนนี้ของเธอมันมีแรงดึงดูดมากขนาดไหน แทบ

 

ทำวู่หยานมองตาค้างแถมตัวเธอยังเปลือยหมดทั้งตัวด้วย……

 

“ว้าย!”

 

มิซากิร้องออกมา เป็นเพราะตอนนี้วู่หยานได้ใช้มือทั้งสองเข้าไปจับเนินเขาด้าน

 

ล้างของเธอ จากนั้นเขาก็บีบมัน!

 

“อ๊าย!”

 

มิซากิโดนสยบอย่างง่ายดายโดยการถูกบีบจุดเสียว เธอเงยหน้าขึ้นร้องออกมา

 

ด้วยความสุข ทำให้ไฟในตัววู่หยายยิ่งร้อนแรง ในใจคิดอยากจะกินควีนซามะ

 

ซะเดี๊ยวนี้!

 

ทว่าพอเอามือลูบๆตรงนั้นของเธอวู่หยานก็รู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา เขาทำได้แค่

 

อดทนแล้วหยอกล้อจุดเสียวของเธอต่อไป เป็นเรื่องที่น่าแปลกทั้งที่เธอมีร่างกาย

 

ไวต่อความแต่กลับสามารถอดทนมาได้นานขนาดนี้

 

ในขณะเดียวกัน พลังบางอย่างที่คอยสนับสนุนมิซากิก็ได้ค่อยๆหายไป ทำให้มือ

 

ทั้งสองของเธอที่เกาะเขาอยู่ร่วงลงมาราวกับไร้กระดูกยังไงยังงั้น

 

เธอเหลือแรงที่ทำได้แค่เปิดปิดปากหอบหายใจและพูดร้องขอความเมตาจากเขา

 

………

 

ดูเหมือนว่าการจูบอย่างดุเดือดเมื่อกี้ได้ดึงเอาพลังแทบทั้งหมดของควีนซามะไป

 

…….

 

กอดร่างกายเพอร์เฟคของมิซากิ วู่หยานสามารถรู้สึกได้ถึงความนุ่มและความ

 

เนียนได้จากเนื้อหนังเธอ จากนั้นวู่หยานก็ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดแล้วกอดเธอใหม่อีก

 

ครั้ง ครั้งนี้ทั้งสองคนได้ตัวแนบชิดสนิทกันราวกับว่าจะรวมเป็นหนึ่งเดียว เขา

 

เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกดีๆนี้……..

 

ไม่ว่าเขาจะจับตรงส่วนไหนของเธอมันก็นุ่มนิ่มไปเสียหมด มันนุ่มซะอย่างยังกับว่า

 

จะดูดตัวเขาลงไปเลย…….

 

“นะ…นายจะ..จะทำอะไร….”

 

ทางมิซากิก็สัมผัสได้ถึงเนื้อหนังและหัวใจเธอที่เต้นรัวอย่างทรงพลังของวู่หยาน

 

เช่นกัน มิซากิจับแขนเขาและรีดพลังที่เหลือออกมาเป็นพูด

 

โชคุโฮ มิซากิ ยังไม่พร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกินต่อจากนี้ แม้ว่าจะไม่มีคำพูดอะไร

 

ออกมา แต่วู่หยานก็สามารถสัมผัสได้ถึงความกังวลของเธอ มันก็เหมือนกับมิซากิ

 

ที่สามารถเข้าใจความคิดในหัวของเขาตอนนี้ได้

 

มันเข้าใจได้ที่มิซากิเป็นกังวล เพราะนี่มันเร็วเกินไปสำหรับเธอ เมื่อไม่นานมา

 

นี่เองเธอก็เพิ่งจะได้สัมผัสใกล้ชิดกับวู่หยานเป็นครั้งแรกเอง นี่มันเร็วมากปุปปับ

 

เสียจนเธอหายใจไม่ทัน…….

 

ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอยังอาบน้ำเป็นปกติอยู่แท้ๆ สุดท้ายกลับต้องโดนผู้ชายบุกเข้า

 

มาในห้องน้ำแล้วลากตัวเธอมาที่เตียง…….

 

มิซากิไม่คิดเลยว่าวู่หยานจะวางแผนกดเธอ!

 

เธอกับเขายัง…..รู้จักมาไม่ถึง3เดือนเลย…….

 

แถมจำนวนครั้งที่ได้พบกันก็ยังน้อยนิดด้วย…….

 

อะแฮ่ม ดังนั้นถึงได้บอกไงล่ะว่าโลกเรามันก็วิเศษแบบนี้แหละ

 

“แน่นอนว่าต้องทำไอ้อย่างว่าไงล่ะควีนซามะ……”

 

ณ เวลานี้ มือข้างนึงของวู่หยานก้ยังคงจับอยู่ตรงน้องสาวของมิซากิ ส่วนอีกมือก็

 

จับก้อนเนื้อโตๆและนุ่มนิ่มของเธอ เขาคงสภาพท่าน่าอายไว้แล้วหันมาพูดกับมิซา

 

กิด้วยรอยยิ้มวายร้าย

 

วู่หยานรู้สึกได้เลยว่าตอนที่ตนพูดประโยคนี้ออกไป มือข้างที่จับหน้าอกเธอมัน

 

สัมผัสได้ถึงอัตราเต้นของหัวใจที่รุนแรงขึ้น ‘ตึก!ตึก!’

 

ไม่ต้องสงสัยเลย มิซากิกำลังใจเต้นล่ะ…….

 

“เดี๊ยว…รอก่อน….” มิซากิส่ายหัวรัวๆด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “มะ..มันไม่เร็วเกินไป

 

หน่อยเหรอ?”

 

“ควีนซามะ….” วู่หยานจับหน้าอกที่ร้อนรุ่มของเธอแล้วบีบมันเบาๆ ทำให้พวก

 

มันสงบลง…..

 

“เรื่องบางอย่างมันก็ไม่ใช่อะไรที่เวลาสามารถวัดได้หรอกนะ”

 

ถึงแม้คำพูดของวู่หยานมันจะฟังดูสมเหตุสมผล และแฝงไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง

 

ของปรัชญาได้เป็นอย่างดี แต่พอเข้ามาในหูมิซากิเธอก็รู้สึกว่ามัน…..

 

พูดเข้าข้างตัวเองสุดๆ! หน้าด้านไร้ยางอายมาก!!

 

ทว่าตอนนี้เอง วู่หยานก็ได้จับก้นเธอแล้วยกขึ้นจากเตียงมานั่งบนตักเขาแทน ไม่รู้

 

ทำไมแต่เขากลับรู้สึกชอบท่านี้…….

 

ทางมิซากิเมื่อโดนวู่หยานยกตัวแล้วเอามานั่ง เธอก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรแข็งๆอยู่ใต้

 

ก้นเธอ นาทีนี้มิซากิได้ลนลานถึงขีดสุด!

 

“เดี๊ยว!”

 

สองคว้าจับไหล่วู่หยานแน่น มิซากิร้องออกมาด้วยความใจหาย ทว่าช่วงเวลาที่

 

เธอร้องออกมานี่เองวู่หยานก็ได้จับเอวเธอแล้วกดตัวเธอลงไป…..

 

“อ๊าย!!!!!!”

 

เสียงฉีกขาดดังขึ้น มิซากิรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเข้ามาในตัวเธอในเวลาเดียวกัน

 

ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็ได้ปะทุขึ้น!

 

ราวหับห่านที่ถูกลูกศรนายพรานยิง มิซากิเอนตัวไปด้านหลังแล้วร้องออกมาด้วย

 

น้ำเสียงเจ็บปวดรวดร้าวที่ดังก้องไปทั่วทั้งห้อง แสดงเห็นว่าเจ้าตัวเจ็บมาก

 

“…ฮึก…ฮึก..ฮึก….”

 

โชคุโฮ มิซากิที่ไม่เคยรู้สึกเจ็บขนาดนี้มาก่อน เธอจึงพังทลายร้องไห้ออกมาทันที

 

น้ำตาไหลออกแล้วร่วงหยดบนตัววู่หยาน

 

“เจ็บ….มันเจ็บ….นายไอ้บ้า…ทำฉันเจ็บ…..ฮื้อฮื้อ..”

 

มือทั้งสองที่จับไหล่วู่หยานได้ออกแรงบีบอย่างแรง แรงขนาดมือเธอเปลี่ยนเป็นสี

 

เขียว แต่มิซากิก็ยังคิดว่าแค่นี้มันยังไม่เทียบเท่าความรู้สึกเจ็บที่เธอได้รับ ดังนั้น

 

เธอจึงหันไปตะโกนใส่เขาด้วยความโกรธ ในเวลานี้เธอมีสิทธที่จะทำเช่นนี้ได้

 

“โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ…ไม่ร้องคนดี…..”

 

ราวกับพูดปลอบเด็ก ทว่าวิธีที่ไม่น่าได้ผลนี่กลับได้ผลดีชะงัก มันทำให้มิซากิรู้สึกดี

 

ขึ้นอย่างมาก น้ำตาได้ไหลน้อยลง…..

 

เมื่อความเจ็บปวดหายไป ความรู้สึกว่างเปล่าแบบอธิบายไม่ถูกก็เข้ามาแทนที่ ทำ

 

ให้มิซากิจำต้องบิดตัว

 

ได้รับสัญญาณจากมิซากิ วู่หยานก็ขยับเอวขึ้นอย่างง่ายๆ ทำเธอร้องออกมาอีก

 

ครั้ง ทว่าครั้งนี้ส่วนใหญ่มันเต็มไปด้วยความสุข……

 

เมื่อสาวเจ้าหายเจ็บก็ได้เวลาที่เขาจะเอ็นจอยไปกับสาวงามคนนี้เสียที่ วู่หยานโอบ

 

ตัวมิซากิแล้วเริ่มโยกขึ้นลง มีความสุขไปทั้งทางกายและทางใจ…….

 

เสียงคราง…ได้ดังขึ้นติดต่อกันอย่าง….ไม่หยุดพัก……

บทที่ 284 มาเลิฟๆกันเถอะ! ควีนซามะ!

 

ภายในหอโทคิวะได ได้มีสองสาวคุณหนูกำลังเดินไปคุยไปอย่างออกรส เมื่อทั้ง

 

สองเดินผ่านห้องนึงก็อดไม่ได้ที่จะแอบชำเลืองมองเสียทุกครั้ง

 

เป็นเพราะห้องนี้เป็นห้องของคนที่พวกเธอเคารพเทิดทูนมากที่สุด โชคุโฮ มิซากิ!

 

ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่แปลกที่พวกเธอจะชอบมองห้องคนที่เคารพ

 

ทว่าทั้งสองสาวไม่ได้ยินเสียงแปลกๆที่ดังขึ้นภายในห้องนี้……

 

“…..อึ้ก…อื้ม…..”

 

เสียงส่อสองแง่สองง่ามดังขึ้น ห้องนี้เรียกได้ว่าไม่เล็กเลย และเสียงที่ร้องนี่ก็ไม่เบา

 

เช่นกัน แต่ว่าพอเสียงดังไปถึงประตูก็ถูกบล็อคไว้ได้หมด แสดงให้เห็นความล้ำ

 

หน้าในการปกปิดเสียง……

 

ในเวลานี้วู่หยานกับมิซากิไม่ได้อยู่ในห้องน้ำแล้ว ทั้งสองย้ายสนามรบไปที่เตียง

 

นอน ลมหายใจของมิซากินั่นถี่รัว เขาได้ยินมันชัดเจนก็เพราะเธอกำลังนอนซบตัว

 

เขาอยู่ไงล่ะ

 

“อื้ออออ~ ~ ~”

 

มือของเขากำลังวุ่นวายอยู่กับจับบีบภูเขาขาวๆของเธอให้เป็นรูปทรงต่างๆ มิซากิ

 

ไม่อาจหยุดตัวเองให้ไม่ครางออกมาได้ ตอนนี้เธอกำลังเผชิญหน้ากับความสุขที่ซึ่ง

 

แปลกใหม่สำหรัวเธอ ภายใต้การกระตุ้นนี้ ตัวเธอจึงไม่อาจหาที่ว่างไปคิดเรื่องอื่น

 

ได้…..

 

นี่เป็นเรื่องธรรมดา เพราะยังไงควีนซามะก็เพิ่งเคยมีประสบการณ์แบบนี้เป็นหนที่

 

สองเองนี่นะ……

 

ภายใต้ฝ่ามือของวู่หยานที่ขยับไม่หยุด ทำให้เสียงสุดสยิวดังลอดออกมาจากริม

 

ฝีปากสีเชอร์รี่ไม่หยุดเช่นกัน เธอจะทำอะไรได้ก็เขาเล่นไม่หยุดแบบนี้ แค่หายใจ

 

ให้ทันยังยากเลย……

 

“เป็นไงควีนซามะรู้สึกดีไหม?”

 

ขณะที่ปากถามมือก็ไม่ได้หยุดนิ่ง เขาส่งยิ้มชั่วร้ายให้เธอ นี่เป็นโอกาสแรร์ที่นานที

 

จะเจอควีนซามะไร้หนทางสู้แบบนี้ ถ้าเขาไม่ได้ทำอะไรเลยเขาคงไม่ให้อภัยตัวเอง

 

แน่

 

มิซากิหน้าแดงก่ำราวดอกไม้ที่ผลิบานไปทั้งหน้า ต้องรู้ก่อนนะว่ามันไม่บ่อยนักที่

 

จะเห็นเธอหน้าแดง แต่ก็มีไอ้บ้าคนนึงได้เห็นไปหลายครั้งแล้ว……..

 

มิซากิไม่ตอบไม่ใช่เพราะไม่อยากแต่เป็นเพราะเธอไม่เหลือแรงจะพูด ตรงหน้าอก

 

ที่ไวต่อความรู้สึกของเธอมันได้ส่งกระแสไฟฟ้าเข้าไปช็อตข้างในตัวเธอไม่หยุด ทำ

 

ให้มิซากิเกร็งไปทั้งตัว ราวกับเป็นเชือกที่ถูกดึงจนสุดแล้วขอเพียงแค่ออกแรงอีก

 

นิดเธอก็จะพังทลายทันที

 

และวู่หยานก็เป็นแรงสุดท้ายที่ว่านั่น!

 

มือวู่หยานได้แอบเคลื่อนลงจากหน้าอกเธอผ่านหน้าท้องแล้วลงไปยัง……

 

“อ๊าย!”

 

สัมผัสได้ว่าจุดที่สำคัญที่สุดถูกบางอย่างลูบคล้ำไปทั่ว มิซากิลืมตาขึ้นทว่าภายใน

 

แววตาดวงดาวของเธอตอนนี้นั้นได้เต็มไปด้วยหมอกอันชุ่มชื้น นี่ทำให้วู่หยานที่

 

เห็นใจสั่นอย่างรุนแรง

 

ขยับปากไปประชิดใบหูมิซากิ แล้วพูดเสียงนุ่มว่า “ควีนซามะ ตาของเธอมันสวย

 

มากเลยนะ……”

 

ได้ยินนัยน์ตาดวงดาวของมิซากิก็เกิดอารมณ์ซับซ้อนขึ้น ในใจเธอรู้สึกมีความสุข

 

โดยไม่รู้ตัวเธอก็ถูกชักจูงให้คิดว่าเรื่องต่อจากนี้มันคงไม่น่ากลัวอย่างที่คิด….

 

อดีตของ โชคุโฮ มิซากิ นั่นไม่มีใครรู้ พ่อแม่เธอเป็นใคร ผ่านอะไรมาบ้าง อะไรที่

 

ทำให้เธอก้าวขึ้นมาเป็นเลเวล5ยืนอยู่เหนือผู้คนหลายแสนคนแบบนี้ แม้กระทั่งวู่

 

หยานก็…ไม่รู้…..

 

เธอได้สัมผัสกับความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดของเมืองแห่งการศึกษาบวกกับพลังในการ

 

ควบคุมผู้อื่นทั้งหมดนี้ทำให้มั่นใจได้เลยว่าอดีตของเธอมันไม่ได้โรยด้วยกลีบ

 

กุหลาบแน่นอน

 

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย เอาแค่ลูกตาแปลกที่มีดาวข้างในกับท่าทางแปลกๆของ

 

เธอที่มีต่อวู่หยาน(@เดาว่าน่าหมายถึงตาแดงๆของหยาน) ก็บอกได้แล้วว่าควีนซา

 

มะไม่ได้มีความทรงจำดีกับดวงตาคู่นี้ของตัวเลย……

 

ดังนั้นย้อนกลับไปครั้งแรกที่วู่หยานได้เจอมิซากิ เธอถึงมีท่าทีไม่ปกติพอเขาเอ่ยชม

 

ตาเธอไป…..

 

และในตอนนี้ได้มาพูดชมอีกครั้งมันจึงได้เข้าไปเติมเต็มหัวใจของมิซากิ เธอ

 

หลับตาลงอย่างแผ่วเบา จากนั้นแอ่นหน้าอกขึ้นไปทางวู่หยานด้วยตัวเองเป็นครั้ง

 

แรก

 

วู่หยานรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่นี่ก็ไม่อาจขวางกั้นฝ่ามือของเขา

 

ไม่ให้เคลื่อนที่ได้……

 

ต้องพูดจริงๆว่าหน้าอกคู่นี้ของมิซากิมันนุ่มจริงๆยิ่งจับยิ่งมีความสุขทำวู่หยานจับ

 

ไม่หยุด การเคลื่อนไหวของเขาแต่ล่ะครั้งได้ทำให้ตัวมิซากิสั่น……

 

“…..อื้ก…..”

 

ทันใดนั้นมิซากิก็รู้สึกความสุขแปลกๆ เธอสัมผัสได้ว่าร่างกายตัวเองใกล้จะแตก

 

สลายยังไงยังงั้น มิซากิรีบยกมือขึ้นมาอุดปากตัวเองแต่มันก็ไม่สามารถป้องกัน

 

เสียงที่ดังออกมาจากปากเธอได้อยู่ดี…..

 

“Woo ~ ~ ~ Woo ~ ~ ~” (@ไม่รู้จะแปลเสียงครางแบบนี้ว่าไงดี55)

 

เสียงหอบหายใจหนักดังลอดออกมาจากง่ามนิ้วมือเธอ ความรู้สึกจากทั้งหน้าอก

 

และจากด้านล่าง ได้ทำให้หัวใจเธอเริ่มปั่นป่วนอย่างมาก

 

ด้วยความที่ไม่อาจทนความรู้สึกนี้และเสียงน่าอายของตัวเองได้ มิซากิจึงโผเข้าไป

 

คล้องคอวู่หยานแล้วจูบเขาด้วยตัวเอง!

 

วู่หยานเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อ มองใบหน้าอันงดงามของควีนซามะที่

 

ชิดหน้าตน ไม่อยากเชื่อก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นฝ่ายโดนจูบก่อน!

 

เมื่อได้สติ วู่หยานก็แทบจะร้องออกมา ไอ้เขาก็คิดว่าตัวเองสยบมิซากิได้อยู่หมัด

 

แล้ว แต่ควีนก็ยังเป็นควีนอยู่วันยังค่ำจริงๆ ไม่ยอมโดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว…….

 

แต่ทว่าวินาทีต่อมาวู่หยานก็โยนความคิดไร้สาระนี้ทิ้งออกไป เป็นเพราะตอนที่ลิ้น

 

ของเขาเข้าไปพันเกี่ยวกับลิ้นหอมกรุ่นของเธอ วู่หยานก็รู้สึกดีสุดยอด เข้าประกบ

 

ปากตัวเองเข้าไปชิดกว่าเดิมแล้วจูบดูดดื่มกับมิซากิ……

 

โชคุโฮ มิซากิ หน้าแดงไม่รู้เพราะอายหรือเพราะรู้สึกดี ไม่ว่าจะเพราะอะไรตัวเธอ

 

ในตอนนี้ก็ดูน่ารักมาก

 

ทั้งสองแลกเปลื่ยนน้ำลายของกันและกัน ลิ้นทั้งคู่พัวพันแนบชิดกัน ส่งผลให้ทั้ง

 

สองรู้สึกถึงความสุขอันมากมายมหาศาล โดยเฉพาะวู่หยานที่ติดลมกับลิ้นหอม

 

หวานเนียนนุ่มของเธอใหญ่ เขาส่งลิ้นเข้าไปโจมตีไม่หยุด

 

ทางมิซากิถึงจะรู้สึกต่างจากวู่หยาน แต่ก็ไม่ต่างมากนัก……

 

เธอไม่เคยคิดเลยว่าแค่จูบมันจะทำให้รู้สึกดีขนาดนี้ ครั้งก่อนที่สวนสนุกถึงจะเคย

 

จูบไปแล้วครั้ง แต่เป็นเพราะครั้งนั้นมันเป็นจูบแรกทำให้เธอเหลือสติไม่มากนักจึง

 

ไม่รู้รสชาติของจูบ…..

 

พอมาตอนนี้เธอมีสติดี ได้จูบอย่างเร้าร้อนกับวู่หยาน มิซากิถึงได้รู้ว่าการจูบมันมี

 

ความสุขอย่างงี้นี้เอง……

 

ก่อนหน้านี้ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงจำเป็นต้องมีผู้ชายด้วย ถึงเธอจะเป็น

 

ผู้หญิงคนนึงเหมือนกัน แต่เธอก็เป็นควีนด้วย เธอจึงคิดว่าผู้ชายก็เป็นแค่ของเล่น

 

ในกำมือ

 

โชคุโฮ มิซากิ มีสิทธ์ที่จะพูดแบบนี้ เพราะเธอมี Mental Out!

 

ได้อ่านความคิดสกปรกของพวกผู้ชายทั้งหลายจึงยิ่งทำให้มิซากิเชื่อมั่นในความคิด

 

ของตน(ที่ว่าผู้ชายไม่จำเป็น)

 

ทว่าตอนนี้พอได้จูบดูดดื่มกับวู่หยาน มิซากิจึงเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงจำเป็นต้องมี

 

ผู้ชาย……

 

ความคิดของวู่หยาน เธอไม่สามารถดูได้ แต่ถ้าดูได้จริงๆในหัวของเขาคงเต็มไป

 

ด้วยความความคิดสกปรกไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นที่เธอดูถูกแน่!

 

แต่ว่าโลกเรามันก็วิเศษแบบนี้แหละ จากเดิมที่ดูถูกผู้ชาย ในเวลานี้ มิซากิก็คิดว่า

 

ถ้าผู้ชายที่มีความคิดสกปรกเป็นวู่หยาน เธอก็ยอมรับได้……..

 

ดังนั้นบางเวลาผู้หญิงก็ยากที่จะเข้าใจ พวกเธอสามารถตามืดบอดได้ ดังนั้นผู้หญิง

 

ถึงจำเป็นต้องได้รับความรักจากผู้ชายไงล่ะ…….

 

ไม่เว้นแม้แต่ โชคุโฮ มิซากิ

บทที่ 283 ในเมื่อของมันโดนจับไปแล้วจะจับอีกครั้งก็ไม่เป็นไรเนอะ!

 

ได้ยินคำพูดของวู่หยาน มิซากิก็หน้าแดงด้วยความตระหนักว่าอีกฝ่ายน่าจะได้ยิน

 

คำพูดตนเมื่อกี้

 

“นาย…ได้ยิน?…” มิซากิเม้มปาก นัยน์ตาดวงดาจ้องวู่หยานด้วยความอายที่พุ่ง

 

สูงขึ้นถึงขีดสุด

 

เพราะถ้าอีกฝ่ายได้ยินจริงๆงั้นก็หมายความว่าเขาได้ยินเธอตอนบ่นเหมือนเด็ก

 

สาวไปแล้วนะสิ!

 

แล้วแบบนี้เธอจะไปวางมาดราชินีต่อหน้าเขาได้ยังไงล่ะ?

 

วู่หยานยิ้มอ่อน เป็นการบอกนัยๆให้ควีนซามะรู้ว่าเขาได้ยินทุกอย่างที่เธอพูดใน

 

ห้องน้ำเมื่อกี้ นี่ทำให้ใบหน้าอันงดงามของมิซากิแดงสุดๆ

 

มิซากิก้มหัวลงใหญ่พยายามที่จะฝังหน้าตัวเองเข้าไปในร่องอกอุดมสมบูรณ์ของ

 

เธอ ในหัวมีความคิดอยากที่จะมุดลงไปใต้น้ำแต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะไม่ทำ

 

เห็นท่าทางดุจสาวน้อยไร้เดียงสาของควีนซามะ วู่หยานก็ยกมือลูบหน้าผากแล้ว

 

หัวเราะ

 

เห็นได้ชัดว่าเขาสนุกกับารหยอกล้อเธอ…….

 

ด้วยความแค้นมิซากิคิดอยากจะทุ่มMental Outใส่วู่หยานแล้วสั่งให้อีกฝ่าย

 

ออกไปวิ่งเปลือยด้านนอกสักหลายๆรอบเพื่อบรรเทาความแค้น แต่นี่ก็เป็นได้แค่

 

จินตนาการด้วย บาเรียสนามแม่เหล็ก ของเขาทำให้พลังของเธอไร้ผล…….

 

ในเวลานี้เองวู่หยานของเราก็ตระหนักได้ว่าถ้าตนยังแกล้งเธอไม่เลิกมีหวังควีนซา

 

มะได้คลั่งจริงๆแน่ ดังนั้นเขาจึงเก็บสีหน้าล้อเลียนกลับมา เขาเป็นชายที่รู้ว่าตอน

 

ไหนควรหยุด ยกมือไอแค่กๆแล้วเดินเข้าหามิซากิ……….

 

เห็นเขาเดินมามิซากิก็ตกใจ หลังจากนั้นก็กลายเป็นตื่นตระหนก อย่าลืมว่าตอนนี้

 

เธอยังเปลือยทั้งตัวอยู่…….

 

ในใจเกิดลางสังหรณ์อัปมงคลขึ้น มิซากิหลีบตัวเข้าไปในอ่างอาบน้ำมากขึ้น แต่

 

ทว่าน่าเสียดายอ่างอายน้ำของหอโทคิวะไดมันไม่ได้ใหญ่ขนาดให้เธอถอยไปไหน

 

ได้ ดังนั้นวินาทีต่อมามิซากิก็พบว่าเธอไร้ทางหนีแล้ว…..

 

“นะ..นาย..คิดจะทำอะไร…..”

 

มิซากิแกล้งทำเป็นใจเย็นถามวู่หยาน ทว่าในแววตาของเธอมันไม่อาจปกปิด

 

ระลอกคลื่นแห่งความกังวลได้เลย ริมฝีปากวู่หยานโค้งขึ้นดูราวกับรอยยิ้มของตัว

 

ร้าย…..

 

มิซากิคิดอยากจะอ้าปากตะโกนไล่เขาออกไป แต่ด้วยความกลัวว่าคนอื่นในหอจะ

 

ได้ยิน ดังนั้นเธอจึงทำได้แต่มองวู่หยานเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆอย่างหมดหนทาง

 

ขณะที่ตัวก็พยายามซ่อนในน้ำให้มากที่สุด

 

เห็นแบบนี้วู่หยานก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย แล้วพูดล้อ “เป็นไรไป อย่าบอกนะว่า….

 

ควีนซามะเกิดกลัวเข้าน่ะ?”

 

“คะ..ใคร..ใครกลัวไม่ทราบ…..”

 

มิซากิอยากจะแอ่นหน้าอกพูดตอบกลับไปด้วยความมั่นใจเหมือนอย่างเคยจริงๆ

 

เพียงแต่ว่าถ้าเธอทำก็มีแต่จะถูกไอ้เจ้าบ้านี่เอาเปรียบ ด้วยเหตุนี้เธอจึงยอมแพ้

 

เห็นสภาพอ่อนแอของควีนซามะ วู่หยานก็ช็อคในเวลาเดียวกันก็จดจำจุดอ่อนนี้

 

ของเธอเข้าสมอง

 

ยังไงซะควีนซามะก็เป็นเป้าหมายสำหรับเควส3ของเขานี่นะ…..

 

และตอนนี้มันก็เป็นโอกาสอันหาได้ยากด้วย!

 

ตระหนักได้ถึงจุดนี้ หัวใจวู่หยานก็เต้นแรงทันทีราวกับจะทำให้เลือดในกายร้อน

 

ระอุ เมื่อสังเกตุเห็นสายตาร้อนแรงของหัวใจมิซากิก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น…..

 

“ควีนซามะ…….”

 

วู่หยานเดินมาถึงตรงหน้ามิซากิ แล้วมองเข้าไปในดวงตาคู่งามนั่น จากนั้นชำเลือง

 

มองผิวกายเธอที่ชุ่มช้ำไปด้วยน้ำเขาก็หัวเราะ

 

“เรามาคุยไอ้เรื่องที่เธอพูดเมื่อกี้ว่าใครจะมาเปรียบใครกันดีไหม?”

 

“คุยบ้านนายสิ!”

 

มิซากิอดไม่ได้จนต้องด่าออกไป เธอไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าถึงได้หน้าด้านถึง

 

ขนาดนี้ ทั้งๆที่มีดวงตาน่าหลงไหลขนาดนั้นแท้ๆ……

 

แต่ที่ทำให้มิซากิไม่เข้าใจยิ่งกว่าคือ ทั้งที่ตัวเธอโดนเอารัดเอาเปรียบขนาดนี้แต่ตัว

 

เธอไม่ยักจะรู้สึกเกลียดเขาเลย……

 

พูดได้เพียงว่าเวลาจะช่วยให้เธอเข้าใจเอง ที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือ……

 

วู่หยานยื่นหน้าเข้าไปประชิดหูเธอแล้วพูดกระซิบว่า “ควีนซามะ ฉันขอเป็นคน

 

‘เอาเปรียบ’ เธอนะ……”

 

“นาย…..”

 

มิซากิจ้องเขม็งแต่พอสบตากับนัยน์ตาสีแดงอันเร้าร้อนคู่นั้นเธอก็จำต้องหลบ

 

สายตาไปทางอื่นทันที

 

ทว่าเธอได้ประเมินนัยน์ตาเร้าร้อนเพราะเพลิงราคะของเขามากไป ถึงเธอจะหลบ

 

สายตาออกไปแล้วแต่ตัวเธอก็ยังรู้สึกถึงสายตาเขาที่จ้องอย่างไม่วางตาทำให้มิซากิ

 

รู้สึกราวกับกำลังมีมือที่มองไม่เห็นลูบไล้ไปทั่วทั้งตัวเธออยู่…….

 

ภายใต้สายตานี้มิซากิจึงเลือกที่จะ….

 

“ฉะ…ฉันขอตัวออกไปก่อนนะ…”

 

ตระหนักได้ว่าถ้าตัวเธออยู่ที่นี่นานไปกว่านี้มีหวังได้เกิดเรื่องน่าอายที่ยากจะ

 

จินตนาการขึ้นได้ ด้วยหัวใจที่เต้นแรงมิซากิก็ตัดสินใจเด็ดขาดเธอลุกขึ้นพรวด

 

โดนดูครั้งเดียวยังดีกว่านั่งแช่ในน้ำปล่อยให้เขามองหลายรอบ เธอก้าวขาออก

 

จากอ่งน้ำด้วยความคิดที่จะรีบวิ่งออกไป

 

ทว่ามิซากิจะเร็วไปกว่าวู่หยานได้เหรอ? แน่นอนว่าไม่!

 

เห็นอีกฝ่ายคิดหนีวู่หยานยิ่งมีความสุข เพราะถ้าเธอเอาแต่ซ่อนในน้ำเขาก็ไม่รู้จะ

 

เริ่มยังไงดีเหมือนกัน แต่ตอนนี้…หึๆ…..

 

ยื่นมือออกไปรวบมิซากิที่กำลังวิ่งผ่านตัวเขาไป แววตาสีแดงของวู่หยานเปล่ง

 

ประกายราวกับว่าเขามองเห็นการเคลื่อนไหว จุดอ่อน และความคิดของอีกฝ่ายได้

 

หมดยังไงยังงั้น

 

วินาทีต่อมาฝ่ามือของวู่หยานก็ยื่นออกไปกำเต้านมข้างนึงของมิซากิ!

 

“อื้ออ~~~”

 

คิดว่าตนจะรอดแล้ว เห็นประตูห้องน้ำห่างออกไปไม่ไหลเธอก็แสดงสีหน้ามี

 

ความสุขออกมา ทว่าวินาทีต่อมาความสุขก็ได้เปลี่ยนเป็นเสียงคราง

 

สาเหตุก็มาจากมือที่เอื้อมมาจากด้านหลังเธอ!

 

เดิมทีหน้าอกก็เป็นจุดไวต่อความรู้สึกของมิซากิอยู่แล้ว ขอแค่สัมผัสเบาๆก็ทำสยิว

 

ได้ แล้วนับประสาอะไรกับตอนนี้ที่วู่หยานเล่น ‘ตะปบ’ ซะแน่นเลย

 

เรี่ยวแรงที่เดิมก็มีน้อยอยู่แล้วมาตอนนี้ก็ได้หายไปหมด ดังนั้นเธอจึงล้มไปทาง

 

ด้านหลังเข้าหาอกแกร่งของเขา

 

“ม่ายย อ๊ายย~~~ปล่อยฉันเดี๊ยวนี้~~~”

 

เธอจับมือที่เล่นซนตรงหน้าอกด้วยความคิดที่อยากจะสลัดมือบ้านี้ทิ้ง เพียงแต่เธอ

 

มีแรงไม่พอ

 

มิซากิหอบหายใจ จุดอ่อนถูกวู่หยานจับอีกครั้งตอนนี้เธอรู้สึกอายมาก และเธอก็

 

มองเห็นจุดจบของตัวเองแล้วด้วย….

 

วู่หยานเพิ่มสปีดมือทำให้ความคิดมากมายในหัวเธอปลิวหายไปหมด สมองเธอได้

 

ลัดวงจรโดยความสุขที่ทะลักเข้ามา เวลานี้คำว่า ‘เหตุผล’ ดูจะเป็นคสวยหรูที่ห่าง

 

ไหลตัวเธอมาก……

 

มือทั้งสองบีบนวดอย่างลื่นไหล ขณะที่มิซากิส่งเสียงครางใหญ่มือทั้งสองข้างของ

 

เธอก็จับมือของเขาไว้ มองจากภายนอกมันดูเหมือนเธอใช้มือตัวเองชักจูงเขาให้

 

จับมาก……

 

“อื้ม~~~อย่านะ อื้ย~~~”

 

โชคุโฮ มิซากิ ได้ใช้สติและเหตุผลที่เหลืออยู่น้อยนิดพูดออกมา ทว่านี้ไม่ได้ส่งผล

 

อะไรเลย หน้าอกเธอก็ยังโดนเล่นเหมือนเดิม

 

“อื้อ~~~อื้อ~~~”

 

ภายใต้การเคลื่อนไหวของวู่หยาน ฟางเส้นสุดท้ายของมิซากิที่ชื่อว่าเหตุผลก็ได้

 

ขาดออกจนได้ เธอหลับตาลงแล้วปล่อยให้ร่างกายตัวเองจมไปกับคลื่นความสุขที่

 

เข้ามา เสียงครางและเสียงหอบหายใจของเธอได้กลายเป็นทำนองเพลงอันไพเราะ

 

สำหรับผู้ชายด้านหลัง……

บทที่ 282 Golden Timeล่ะ!

เมืองแห่งการศึกษา โรงเรียนเขต7 ณ หอโทคิวะได……….

เป็นที่รู้กันดีว่า หนึ่งห้องของหอโทคิวะไดจะให้อาศัยอยู่กันสองคน อย่างเช่นมิโค

โตะกับคุโรโกะในสมัยก่อน……….

สำหรับปัจจุบัน มิโคโตะได้ย้ายมาอยู่บ้านวู่หยานแล้ว และนี่ได้ทำให้คุโรโกะมี

บาดแผลทางใจแสนสาหัส ทุกๆวันเธอทำตัวราวกับคนบ้าปากก็ตะโกนว่า ‘คุณพี่

ไม่มีวันทิ้งหนูหรอก’ หรือไม่ก็ ‘สักวันนึงคุณพี่จะต้องกลับมาแน่’ ด้วยเหตุนี้เธอจึง

ปกป้องสิทธิ์ไม่ยอมให้ใครย้ายเข้ามานอนแทนที่มิโคโตะ……..

แต่ท้ายที่สุดด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ของผู้ดูแลหอ จึงทำให้ห้องของคุโรโกะมีคนใหม่

ย้ายเข้าไปอยู่จนได้……….

แม้ว่ามิโคโตะจะเป็นเลเวล5 แต่มันก็ไม่ทำให้เธอมีสิทธิพิเศษมากกว่าใคร นี่แสดง

ให้เห็นถึงความเข้มงวดในกฎระเบียบของคุณผู้ดูแลล่ะ………

แต่ว่าไอ้ความเข้มงวดในกฎนี้ มันก็ยังมีคนที่แหก..แค่กๆมีสิทธิพิเศษในการใช้ห้อง

คนเดียวได้อยู่!

คนๆนั้นก็คือ ควีนซามะ โชคุโฮ มิซากิ!

ถึงจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษ แต่ด้วยพลังของโชคุโฮที่สามารถควบคุมผู้คนได้ แม้แต่

การเปลี่ยนหอทั้งหอให้กลายเป็นหอส่วนตัวของเธอยังเรียกได้ว่าง่ายดายมาก!

ในเวลานี้เอง ณ ห้องอาบน้ำ……….

โชคุโฮกำลังค่อยๆปลดเสื้อผ้าออกอย่างช้าๆ ทำให้เรือนร่างอันงดงามออกมาอวด

โฉมต่อโลก เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังจะอาบน้ำ……..

ก้มตัวลงไปถอดถุงน่องสีขาวออกจากต้นขาเรียบเนียนมีเสน่ห์ ถ้าภาพนี้มีผู้ชายมา

เห็นล่ะก็รับรองได้เลยว่าคนๆนั้นต้องเลือดกำเดาแตกแน่

โยนเสื้อผ้าลงตะกร้าใกล้ๆ โชคุโฮลูบไล้ผิวของตัวเอง จากนั้นบนใบหน้าเธอก็ผุด

เอารอยยิ้มมั่นใจขึ้น ก่อนที่จะเริ่มอาบน้ำ…….

น้ำร้อนไหลลงมาจากบนสู่ล่าง พรมรดลงบนผิวกายขาวเนียน หยดน้ำไหลรินลงไป

ตามหุ่นอันน่าหลงใหลของเธอ เกิดเป็นภาพอันงดงามขึ้น

ยื่นขาออกมาอย่างเป็นธรรมชาติราวกับเป็นนางแบบชั้นยอด แล้วยังมีหน้าอก

ใหญ่โตนี่อีก……..

ถ้าวู่หยานอยู่ที่นี่ล่ะก็ เขาคงจะพูดว่า แหกกฎเกินไปแล้ว (@สวยเกินจนเรียกว่า

แหกกฎ)

โชคุโฮส่ายผมบรอนด์ทองของเธอไปมาไล่น้ำ จากนั้นก็ปิดสวิตช์ฝักบัว แล้วนั่งไป

ลงในอ่างอาบน้ำ จากนั้นหลับตาลงด้วยความพึงพอใจ เธอเอ็นจอยไปกับการแช่

น้ำที่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เธอชอบที่สุด

ผ่านไปพักนึง โชคุโฮก็ลืมตาขึ้นแล้วยกมือสัมผัสหน้าอกตัวเอง แม้ว่าเธอจะใช้แรง

จับน้อยนิดขนาดที่ว่าตบยุงยุงยังไม่ตาย โชคุโฮก็ยังรู้สึกวูบวาบจนใบหน้าอัน

งดงามของเธอขึ้นสี

ถอนหายใจ โชคุโฮไม่เข้าใจว่าทำไมหน้าอกตัวเองถึงเซนซิทีฟขนาดนี้…….

และเพราะเหตุนี้นานๆทีโชคุโฮจึงจะจับหน้าอกตัวเอง……….

นอนแช่ในอ่างอาบน้ำ โชคุโฮก็เผลอหวนคิดไปถึงช่วงเวลาในวันนั้น วันที่ได้ไปเดท

กับไอ้บ้าโรคจิต คนที่จับหน้าอกเธอตามใจชอบ ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโกรธ

ยกมือตบลงบนผิวน้ำอย่างแรงราวกับคิดจะระบายอารมณ์ จากนั้นโชคุโฮ มิซากิ

ก็พูดด้วยความโมโหว่า “ไอ้บ้า ทั้งๆที่ฉวยโอกาสกับฉันไปตั้งขนาดนั้นแท้ๆ แต่

กลับเงียบหายหัวไปไม่ยอมมาหาฉันเลยสักครั้ง! ไอ้เจ้าบ้า!!”

หลังจากได้ระบายไป โชคุโฮก็กลับไปนอนแผ่ในน้ำต่อ ถอนหายใจ “หมอนั่น

ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่นะ?…..”

หลังจากพูดประโยคนี้ไป โชคุโฮก็กรอกตา “คงกำลังหวานแหววอยู่กับ มิซากิ มิโค

โตะ ล่ะสิ! ฮึ้ม! ไม่เข้าใจจริงๆว่ายัยอกกระดานนั่นมีอะไรดี!”

พูดเสร็จลูกตาโชคุโฮก็ผุบลงมาที่หน้าอกตัวเอง มองดูหน้าอกใหญ่โต เธอก็พูด

พึมพำกับตัวเองว่า

“ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะโดนนายเอาเปรียบอีกไหมนะ……”

“งั้นฉันขอจับตอนนี้เลยนะ!”

ทันใดนั้นก็มีเสียงหยอกล้อดังออกมา ทำโชคุโฮช็อคอย่างมาก เธอมุดตัวลงไปใน

น้ำตามสัญชาติญาณเพื่อปกปิดร่างตัวเอง จากนั้นเธอก็หันไปตะโกนใส่ที่ต้นเสียง

“ใคร!”

“โอ้? ทั้งที่เมื่อกี้ยังบ่นคิดถึงกันอยู่แท้ๆ แล้วตอนนี้กลับมาถามเนี่ยนะว่าฉันเป็น

ใคร?”

เสียงบุคคลปริศนาดังขึ้นตอบ ได้ยินเสียงคุ้นเคยในที่สุดโชคุโฮก็รู้ว่าเป็นใคร

นัยน์ตาดวงดาวของเธอเป็นประกาย หลังจากนั้นเธอก็เห็นเขายืนอยู่ตรงประตู

ห้องน้ำ………

ผมสีดำที่ยาวลงมาถึงหน้าผาก นัยน์ตาสีแดงนุ่มลึกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันลี้ลับ

นัยน์ตานี้ได้ทำให้ใบหน้าที่แต่เดิมธรรมดาดูหล่อขึ้นเยอะ

ในเวลานี้เองนัยน์ตาสีแดงของเขากำลังเต็มไปด้วยความสุข มองดูร่างกายเปลือย

เปล่าที่แช่ในน้ำ เขามองดูตรงๆอย่างไม่คิดปกปิด

“นาย!”

โชคุโฮไม่รู้ว่าตอนพูดตัวเองมีอารมณ์แบบไหน มันมีทั้งความสุขที่เห็นอีกฝ่าย และ

ความโกรธที่เห็นเขามองร่างกายที่เปลือยหมดทั้งตัวของเธอ และยังมีความรู้สึก

อยากตะโกนด่าอีกฝ่ายที่หายหัวไปนานไม่ยอมติดต่อเธอเลย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำ

ให้อารมณ์ของเธอกลายเป็นซับซ้อน

ในที่สุดความเป็นลูกผู้หญิงก็ได้เอาชนะอารมณ์อื่นๆไป จากนั้นใบหน้าของเธอก็

ขึ้นสีแดง แล้วตะโกนใส่ด้วยความอายและโกรธว่า “ยังไม่รีบออกไปอีก!”

วู่หยานหันหัวไปอีกทางด้วยความผิดหวัง เขาเดาะลิ้นแล้วพูดว่า “เห้อ พระเจ้า

ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังบ่นว่าไม่ยอมมาหาแท้ๆ ตอนนี้พอมาก็ไล่ให้ไป…….”

ได้ยินโชคุโฮก็ปรี๊ดทันที เธอตะโกนกลับไปด้วยความโมโหและเขินอาย “อย่าง

น้อยนายก็ดูเวลาและสถานที่หน่อยสิ!”

วู่หยานหัวเราะแหะๆ แล้วหันกลับไปมองสำรวจผิวที่เปร่งประกายจากแสง

สะท้อนบนหยดน้ำตามตัวโชคุโฮ จากนั้นเขาก็พูดยิ้มๆว่า “ไม่ใช่ว่าตอนนี้ก็เป็น

เวลาที่ดีสุดๆแล้วงั้นเหรอ? ฉันถึงกับขอบคุณตัวเองในอดีตเลยนะที่เลือกมาเวลา

นี้น่ะ”

“นาย…..”

โชคุโฮไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับไอ้คนหน้าด้านตรงหน้าดี เธอรู้เพียงแต่ว่าสีหน้าของเธอ

ตอนนี้มันคงจะน่าขบขันกับอีกฝ่ายไม่น้อย นี่ทำให้โชคุโฮก่นด่าตัวเองในใจ

ในฐานะที่เป็นราชินีแห่งโทคิวะได เธอสมควรที่จะมีกริยาท่าทางสงบและเต็มไป

ด้วยความมั่นใจ แต่พอมาอยู่ต่อหน้าวู่หยานเธอกลับอารมณ์ขึ้นลงไม่สงบเหมือน

ปกติ นี่ทำให้เธอไม่พอใจ

บางทีวู่หยานอาจรู้สึกได้ว่าเธอเริ่มไม่พอใจแล้ว เขาจึงแบมือออกแล้วทำหน้า

ประมาณว่า ‘โทษตนไม่ได้นะ’ “น่า ควีนซามะ อย่าคิดมากนักเลย จับก็เคย

มาแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับแค่มองล่ะ…….”

ใบหน้าที่แต่เดิมก็ขึ้นสีอยู่แล้ว พอได้ยินคำพูดวู่หยาน เธอก็หน้าแดงขึ้นอีกหลาย

ส่วน จนสุดท้ายโชคุโฮก็ทำได้แค่ซุกร่างกายลงใต้น้ำเพื่อเพิ่มความรู้สึกปลอดภัย

ให้กับตัวเอง

แม้ว่าเธอจะยอมแพ้ที่จะทำเป็นเข็มแข็งและมั่นใจไป แต่เธอก็ยังแคร์กับการที่

ร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองโดนเพศตรงข้ามมอง แต่ว่าเธอคงไม่รู้ว่าไอ้ท่าทางนี่

มันยิ่งทำให้ตัวเธอดูน่ารักขึ้น…….

นัยน์ตาดวงดาวของเธอได้มองประสานเข้ากับนัยน์ตาสีแดงของเขา ไม่รู้ว่าทำไม

แต่เธอก็รู้สึกชอบนัยน์ตาอันแปลกประหลาดของเขา โชคุโฮรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้มอง

เข้าไปในดวงตาคู่นั้น

ทว่าไม่นานนักเธอก็หลุบสายตาลง และมองบนใส่วู่หยาน “นายเล่นมาซะถูกเวลา

แบบนี้ มีเรื่องอะไรรึไง?”

วู่หยานตอบกลับด้วยสีหน้าขึงขัง “แน่นอนว่ามาเพื่อเจอควีนซามะยังไงล่ะ!”

ได้ยินโชคุโฮก็จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งโดยที่ไม่พูดอะไร วู่หยานก็พยายามรักษา

ใบหน้าจริงจัง ทว่าเวลาผ่านไปภายในห้องอาบน้ำอันเงียบเชียบ สุดท้ายเขาก็ยอม

แพ้

“ก็ได้ ฉันมาเพราะมีเรื่องจะคุยกับเธอ…..”

โชคุโฮหันหน้าไปอีกทางแล้วทำเสียง ‘เหอะ’ เธอรู้ดีว่าไม่มาหาเธอถ้าไม่มีเรื่อง

อะไร นี่ทำให้วู่หยานจำต้องหัวเราะแห้งๆ

“มีอะไรก็พูดมา!”

วู่หยานยกนิ้วเกาแก้ม แล้วมองผิวกายน่าหลงไหลของอีกฝ่ายต่อ

“อืม มันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร เอาเป็นว่าเรามาคุยเรื่องที่เธอพูดเมื่อกี้กันดีกว่าไอ้

ที่ว่า ‘ใครจะมาเอาเปรียบตัวเอง’ นั่นน่ะ…….”

บทที่ 281 อิคารอสบุกล่ะ!

กลางคืน……..

ตรงหน้าอกวู่หยานได้มีโลลิน้อยฟรานจังนอนหลับอยู่ เธอหลับในท่าที่เอานิ้วโป้ง

เข้าไปในปากตัวเองขณะที่มืออีกข้างก็กำเสื้อเขาแน่น เห็นแบบนี้วู่หยานก็อดที่จะ

อมยิ้มให้กับความน่ารักของเธอไม่ได้

เพียงแต่ว่าไอ้อมยิ้มนี้มันอยู่ได้เพียงไม่นานก็เปลี่ยนเป็นรอมยิ้มฝืนๆ………….

เพื่อฟรานจังวู่หยานได้ลงแรงอธิบายต้นสายปลายเหตุให้ฮินางิคุกับมิโคโตะฟังไป

ไม่ใช่น้อยเลย

บางทีอาจเป็นเพราะฟรานเป็นเด็ก และยังเป็นเด็กที่ฮินางิคุกับมิโคโตะรู้สึกถูก

ชะตาและรู้สึกรักใคร่เอ็นดูตั้งแต่แรกเห็น ทำให้ปกติตอนที่วู่หยานพาผู้หญิงมา

บ้านสองสาวจะหึงจะโกรธจากนั้นเขาก็จะโดนลงโทษ แต่ครั้งนี้ทั้งสองกลับไม่ได้

ลงโทษเขา………

แน่นอนว่านี่เป็นแค่เหตุผลส่วนเล็กๆที่สองสาวปล่อยเขาไป เหตุผลที่เหลือคือมี

พระแม่มาโปรดช่วยวู่หยาน! ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้อิคารอสก็ได้กลายเป็นภรรยา

สาวผู้เชี่ยวชาญในการทำความสะบ้านไปแล้ว……..

ย้อนกลับไป ขณะที่วู่หยานกำลังพาฟรานเที่ยวเล่นในเมืองแห่งการศึกษา ภายใน

ระยะเวลาสั้นๆอิคารอสก็ได้จัดการฟื้นฟูสภาพห้องที่พินาศให้กลับมาใหม่เหมือน

ดังเดิมได้ นี่ทำให้วู่หยานแปลกใจสุดๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะวู่หยานได้เช็คหน้าจอค่าสถานะของอิคารอสไปแล้วว่ามันไม่มี

ความสามารถจำพวกหยุดเวลา เร่งเวลา อยู่เขาคงคิดว่าเธอจะกลายเป็นเพอร์เฟ

คเมดคนใหม่……….

แต่ก็เพราะอิคารอสฟื้นฟูห้องนั่งเล่นได้นี่แหละ วู่หยานถึงได้รอดตายไป ไม่อย่าง

งั้นคืนนี้สองสาวคงไม่ยอมมีเซ็กกับเขา…….

ไม่สิ ไม่ใช่ คืนนี้ทั้งสองก็ยังไม่ยอมนอนกับเขาอยู่ดี……

สาเหตุก็มาจากโลลิน้อยที่นอนสบายใจตรงอกเขานี่แหละ

บางทีอาจเป็นเพราะได้มาอยู่ต่างโลก หรืออาจจะเป็นเพราะพลังถูกผนึก ไม่ว่าจะ

ด้วยเหตุผลอะไรแต่มันก็ทำให้ฟรานรู้สึกขาดความปลอดภัย ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธ

แบบหัวชนฟาว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมนอนในห้องคนเดียวเด็ดขาด

ตอนที่ได้ยินฟรานพูดว่าไม่อยากนอนคนเดียว วู่หยานยังจำได้ติดตาว่าสามสาว ฮิ

นางิคุ มิโคโตะ และ แอสเทรีย ต่างก็ยิ้มแก้มแทบปริ แล้วจ้องมองฟรานด้วยแวว

ตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าจะได้นอนกับฟราน

เพียงแต่ไม่นานนักฟรานก็ดับฝันอันสวยงามของทั้งสามลงด้วยคำพูดที่ว่า ‘หนูจะ

นอนกับพี่ชายเท่านั้น!’ด้วยเหตุนี้จากใบหน้ายิ้มแย้มก็ได้ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ

และความอิจฉาอันหนาแน่น!

แน่นอนว่าเป้าหมายของแรงอาฆาตนี้ก็คือตัววู่หยาน……….

ดังนั้น ฮินางิคุ มิโคโตะ จึงส่งเสียง ‘ฮึ้ม’อย่างเย็นชาแล้วปิดประตูห้องนอนอย่าง

แรง ทำให้คืนนี้คงที่จะได้นอนกับวู่หยานก็คือฟรานจัง……..

วู่หยานทั้งมีความสุขและหดหู่ในเวลาเดียวกัน มีความสุขก็คือดีใจที่ฟรานไว้ใจ

ตัวเองถึงขนาดนี้

ส่วนหดหู่ก็คือ…..เห้อ…..

คืนนี้เขาจะไม่ได้แอ้มใครเลยน่ะสิ………

ถอนหายใจไปที วู่หยานผู้ที่มากด้วยราคะก็ได้หันไปมองฟรานที่หลับอย่างน่ารัก

น่าเอ็นดู จากนั้นเขาก็รีบท่อง ‘อมิตาพุทธ’ในใจอย่างรวดเร็ว (@ท่องดับความคิด

ชั่วๆ555)

วู่หยานเอามือฟรานที่จับเสื้อตัวเองออกและเอานิ้วโป้งที่เธออมอยู่ออกมาด้วย

จากนั้นวางเธอไว้บนเตียงแล้วห่มผ้าห่มให้ จากนั้นลุกขึ้น

วู่หยานดึงเอาหมวกบนหัวเธอออกมาวางไว้ที่ข้างเตียง แล้วมองฟรานไม่นานเขาก็

หัวเราะ

เอื้อมมือไปบีบจมูกน้อยๆของเธอ วู่หยานพูดเสียงเบาว่า “ทำไมหนูถึงได้น่ารัก

ขนาดนี้นะ……”

ฟรานที่หลับอยู่ราวกับรับรู้ได้ว่าตนเองโดนแกล้งเธอย่นจมูกเล็กๆของตัวเองด้วย

ความไม่พอใจ จากนั้นพลิกตัวหนีด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง น่ารักมาก!

เห็นแบบนี้วู่หยานก็ใจสั่น เขาฝืนยิ้ม “สงสัยจะใช้คำว่า น่ารัก มาอธิบายตัวฟราน

จังไม่ได้แล้วแหะ เธอมันน่ารักหลุดโลกเกินไป……”

ทันใดนั่นเอง วู่หยานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องตัวเอง เขาหันไปมองด้วยความ

ฉงนสงสัย ก่อนที่จะเดินเข้าไป……..

นี่มันก็ดึกมากแล้ว ใครมากัน?………..

กลัวว่าจะทำให้ฟรานตื่น วู่หยานจึงค่อยๆเปิดประตู เมื่อเห็นว่าเป็นใครเขาก็เบิก

ตากว้างด้วยความช็อค ก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดจมูก

“มาสเตอร์……..”

คนที่มาคือ อิคารอส!

แน่นอนว่าถ้าเป็นอิคารอสยามปกติย่อมไม่ทำให้วู่หยานออกอาการช็อค ตอนนี้

เธอได้สวมชุดเมดล่ะ!

ชุดเมดสีขาวเพียวได้ห่อหุ้มร่างสูงอวบของอิคารอส ตรงหน้าอกเธอมีลูกกลมๆนูน

ออกมาเด่นอย่างเห็นได้ชัด มันใหญ่มากจนเสื้อเมดเธอปกมันได้แค่ครื่งเดียว ทำให้

คนอื่นสามารถเห็นก้อนกลมขาวเนียนได้เล็กน้อย! เรียกได้ว่าล่อตาล่อใจมาก!

ใบหน้าอิคารอสแดงเล็กน้อย ยืนตรงหน้าวู่หยาน มือทั้งสองจับกระโปรงแน่น ด้วย

ใบหน้าที่งดงามซึ่งเขินอายหน่อยๆบวกกับชุดเมดสีขาว ทำให้เสน่ห์ของอิคารอส

พุ่งสูงทะลุลิมิตร……..

สวรรค์……..

ในใจวู่หยานเหลืออยู่เพียงแค่คำนี้คำเดียว

นี่…นี่คืออิคารอสจริงๆ?…..

ความคิดที่สองของวู่หยานลอยขึ้นมา……..

“อิคารอส…….”

วู่หยานใจสั่นระรัว ถ้าฟรานเป็นพวกมีความน่ารักเกินผู้เกินคน งั้นอิคารอสก็เป็น

พวกที่มีเสน่ห์เกินมนุษย์!

สะกดข่มไม่ให้ความหื่นเข้าครอบงำ วู่หยานกลืนน้ำลายฝืดคอ แล้วพูดติดๆขัดๆว่า

“อิ…อิคารอส..ทะ…ทำไมเธอถึงได้สะ….ใส่ชุดนั้น…?”

ได้ยินอิคารอสก็ก้มหน้าลงด้วยความอาย ทำให้ไฟในใจวู่หยานร้อนแรงกว่าเดิม

ขณะที่วู่หยานกำลังสะกดมันอย่างยากลำบาก อิคารอสก็หันตัวไปอีกทางแล้วพูด

เสียงเบาว่า

“คือ….ในอินเตอร์บอกไว้ว่าผู้ชายชอบให้ผู้หญิงใส่ชะ…ชุดนี้น่ะคะ……”

วู่หยานเหงื่อไหลพราก นี่อิคารอสผู้ใสซื่อของเขาต้องแปดเปื้อนเพราะไอ้พวก

ในเน็ตเหรอเนี่ย?……….

แต่เขาก็ต้องยอมรับว่า อิคารอสเหมาะกับชุดนี้จริงๆ…….

“มาสเตอร์…..” ผ่านไปสักพักก็ยังไม่ได้ยินเสียงวู่หยาน อิคารอสจึงเงยหน้าขึ้น

มองวู่หยาน แล้วพูดด้วยความกังวลนิดๆว่า

“มาสเตอร์….ไม่ชอบ?”

ใบหน้าอันทรงเสน่ห์ได้เปลี่ยนไปเป็นหน้าเศร้าๆ บวกกับนัยน์ตาสีน้ำทะเลที่ชวน

ให้คนที่มองนิ่งค้างราวกับต้องมนต์ ยังมีชุดเมดสีขาวนี่อีก ทั้งหมดนี้ทำให้หัวใจวู่

หยานบิดไปมา

วู่หยานหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วน “มะ..ไม่ใช่หรอก…ตรงกันข้ามต่างหาก…..”

ได้ยินวู่หยานก็มีสีหน้าความสุขทันที เธอพูดด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “งั้น มาสเตอร์

ชอบสินะ?”

“อื้ม….ชอบมากเลย….” วู่หยานลังเลก่อนจะพูดว่า “แต่ทำไมวันนี้…อิคารอสถึง

ได้มาหาฉันก่อนล่ะ?….” (@คือปกติหยานมันจะเป็นฝ่ายไปหาเอง)

อิคารอสสะดุ้ง ก่อนจะก้มหน้าลงไปแล้วพูดเสียงอ่อนแอว่า “ก็เพราะมาสเตอร์

…….”

คำพูดช่วงหลังเธอไม่ได้พูดออกไป เธอทำเพียงแค่หันไปมองทางฟรานที่นอน

สบายด้วยสายตาไม่ดี……

เห็นแบบนี้ถถึงจะไม่รู้ว่าทำไมแต่วู่หยานก็พอจะเดาได้ สงสัยเพราะเห็นเขาตัวติด

กับฟรานมาก คงจะทำให้อิคารอสอิจฉาเล็กน้อย…….

คิดถึงตรงนี้ วู่หยานก็ส่ายหน้าด้วยความขบขัน ชำเลืองมองฟรานทีนึงแล้วหัน

กลับมามองอิคารอสด้วยแววตาที่เต็มอันร้อนแรง!

วู่หยานเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูลงเบาๆ เสร็จแล้วหันมามองอิคารอสที่มีสี

หน้าประหลาดใจ เขาส่งยิ้มอ่อนให้

มือมารเอื้อมออกไปจับไหล่บางของเธอ จากนั้นกระชากเสื้อเมดเธอลงมา!

อิคารอสร้องออกมาเสียงนุ่ม จากนั้นหน้าคู่โตก็ได้ปรากฏออกมาต่อหน้าวู่หยาน

ทำให้เขาเลือดสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง!

ผลักอิคารอสไปชิดกำแพง แล้วเลื่อนมือลงไปที่กระโปรงเธอ ก่อนที่จะถอดมัน

ออก

“มาสเตอร์….” อิคารอสหน้าแดงก่ำ เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็โดนวู่

หยานขัด

“เบาเสียงหน่อย…..”

โดยไม่รอให้อิคารอสได้ตอบสนอง วู่หยานเสียบน้องชายตัวเองเข้าไป ทำให้คำพูด

ที่กำลังจะออกมาต้องกลายเป็นเสียงครางแทน…….

บทที่ 280 อิคารอสอิจฉาล่ะ!

 

วู่หยานยืนอยู่หน้าประตูบ้านตัวเองโดยที่ตรงอกก็ยังอุ้มฟรานด์ไว้ มองดูประตู

 

ตรงหน้าวู่หยานรู้สึกกังวลปากถอนหายใจไม่หยุด เท้าราวกับมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น

 

หลายเท่า….เขาไม่กล้าพอที่จะเปิดประตู……..

 

ในวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นหลายอย่าง แต่ว่าวู่หยานก็ยังจำรายละเอียดทุกอย่างได้หมด

 

ด้วย Perfect Memory ต่อให้เขาอยากลืมมันก็เป็นไปไม่ได้……

 

วันนี้ถ้าจำไม่ผิด ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และ แอสเทรีย ได้ออกไปข้างนอกกัน

 

โดยที่ก่อนไปก็ได้อ้อนวอนขอร้อง(?)ตัวเองให้ช่วยทำความสะบ้าน……..

 

วันนี้ถ้าจำไม่ผิด ตนได้ให้ คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ ใส่ชุดเมด แล้วไหว้

 

วานให้ทำความสะบ้านบ้านให้หน่อย…….

 

วันนี้ถ้าจำไม่ผิด คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ ได้ทำความสะอาดบ้านดีจน

 

‘พินาศ’ไปหมด…….

 

วันนี้ถ้าจำไม่ผิด ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และ แอสเทรีย คงไม่คิดช้อปปิ้งกันจน

 

ดึกจนดื่นหรอกมั้ง? ป่านนี้คงกลับบ้านมาแล้ว…….

 

แถมให้อีก วันนี้ถ้าจำไม่ผิด เขาได้ทิ้งยัยโลลิ คินุฮาตะ และ เฟรนด้า ที่ยังโกรธเขา

 

ไว้ที่บ้าน…………..

 

พูดอีกอย่างก็คือยัยสองคนนั้นไม่มีทางทำความสะอาดให้เขาแน่!

 

หรือก็คือตอนนี้ ฮินางิคุ และ มิโคโตะ ได้เห็นภาพห้องนั่งเล่นที่มีสภาพไม่ต่างจาก

 

โดนเฮอริเคนถล่ม!

 

ทั้งๆที่เป็นบ้านตัวเองที่ออกเงินซื้อเองแท้ แต่เจ้าของบ้านกลับต้องมายืนอยู่หน้า

 

บ้านตัวเองนานกว่า15นาทีโดยที่ไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป สภาพราวกับว่าตนเอง

 

เพิ่งออกไปเที่ยวผู้หญิงแล้วสุดท้ายจำต้องกลับบ้านเสียดึกดื่น เหตุเพราะกลัวเมีย

 

จะลงโทษจึงไม่กล้าเข้าบ้านยังไงยังงั้น

 

ตัวอย่างด้านบนคล้ายคลึงกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย

 

เขาออกไปข้างนอกกับผู้หญิง ไม่สิไม่มี จะมีก็มีแต่โลลิหนึ่งคน……..

 

ส่วนดึกดื่น จริงๆตอนนี้มันก็ยังไม่ขนาดนั้น ก็แค่พระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปชั้ว

 

โมงกว่าเอง…..

 

ส่วนฟรานด์กำลังมองบ้านตรงหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น แล้วหันมามองวู่

 

หยานอย่างใคร่รู้ แม้ว่าเธอจะได้เล่นมาทั้งวัน แต่โลลิน้อยคนนี้ที่โดยผนึกพลังไป

 

แล้วก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยเลย…….

 

มองดูวู่หยานที่ยืนหน้าประตูอย่างไม่ไหวติง ฟรานด์ก็ดึงเสื้อเขาแล้วพูดว่า “พี่ชาย

 

เป็นอะไรรึเปล่า? พี่เกลียดประตูบานนี้เหรอ? อยากให้ฟรานด์ทำลายมันให้มั้ย?”

 

พูดเสร็จฟรานด์ก็ทำหน้าตกใจ จากนั้นแล่บลิ้นออกมาอย่างอึดอัดว่า “ฟรานด์ลืม

 

ไป ฟรานด์ทำลายอะไรไม่ได้แล้ว……”

 

คำพูดของฟรานด์ ได้ดึงสติวู่หยานกลับเข้าตัว พอได้ยินว่าเธอพูดอะไรวู่หยานก็ยิ้ม

 

แห้งๆแล้วยกมือวางบนหัวเธอ

 

“พี่ชายไม่ได้เกลียดประตูนี่หรอกนะ ที่นี่เป็นบ้านของพี่เอง แล้วพี่จะไปเกลียดมัน

 

ได้ยังไง……….”

 

“บ้าน?” ฟรานด์พยักหน้าอย่างเข้าใจ หลังจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วพูด

 

ออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

“บ้านของพี่ชาย งั้นแสดงว่าพี่ชายจะพาฟรานด์เข้าบ้าน?”

 

ได้ยิน หัวใจวู่หยานก็กระตุก เขารีบก้นหัวมองหน้าฟรานด์ เมื่อมั่นใจได้ว่าเธอ

 

ไม่ได้ทำสีหน้าแปลกๆอะไร วู่หยานก็หัวเราะแห้งๆ “จะพูดแบบนั้นก็….ใช่แหละ

 

แต่ทำไมตูถึงรู้สึกเหมือนว่ากำลังทำผิดกฎหมายอยู่เลยล่ะ? ทำไมหว่า?……..”

 

คำพูดของวู่หยาน ฟรานด์ถึงจะได้ยินแต่ก็ไม่เข้าใจ แต่ที่เธอเข้าใจคือวู่หยานพา

 

เธอมาบ้านตัวเองจริงๆ ดังนั้นฟรานด์จึงพองแก้มด้วยความไม่พอใจ

 

“ฟรานยังเล่นต่อได้อีกนะ ทำไมถึงต้องพามาบ้านด้วย!”

 

ได้ยินหัวใจวู่หยานก็เต้นแรงจนเขาเกือบจะกระอักเลือดออกมา พอหันมามองก็

 

เห็นฟรานที่คึกคักแรงดีไม่มีตก วู่หยานจึงจินตนาการว่าตัวเองพลิกโต๊ะกินข้าวใน

 

ใจ

 

ยังเล่นต่อได้อีก? ถ้าเล่นต่อ คงได้กลับหลังเที่ยงคืนจริงๆแน่!

 

“เน่ โอนี่จัง ไม่กลับบ้านนะ พาฟรานไปเล่นต่อดีกว่า!!”

 

ฟรานมองวู่หยานด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า แม้แต่มือยังจับเสื้อเขาแน่น ความ

 

น่ารักโมเอะเกินร้ายได้กลายเป็นลุกศรแทงหัวใจวู่หยาน ทำเขาเกือบจะเลือด

 

กำเดาแตก ภายในใจสั่นสะเทือนอย่างหนัก

 

วู่หยานอยากกลับบ้านแต่ฟรานไม่ นี่เป็นครั้งแรกของเธอที่ได้ออกมาเห็นโลก

 

ภายนอก ได้เข้าใจว่ายังมีอะไรสนุกๆอีกเยอะแยะ ทำให้ฟรานที่ต้องอาศัยอยู่ใน

 

ห้องใต้ดินมามากกว่าครึ่งชีวิตรู้สึกเกรงกลัวคำว่า ‘บ้าน’

 

เป็นเพราะกลับบ้านไปแล้วเธอจะไม่ได้เล่นอีก………

 

ด้วยเหตุทั้งหลายที่ว่ามา จึงทำให้ฟรานตัดสินใจทำท่า ‘แอ๊บแบ๊ว’ ถึงเธอจะไม่

 

เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งวันทำให้ฟรานรู้ว่า

 

ถ้าเธอทำแอ๊บแบ๊วล่ะก็พี่ชายจะตามใจตัวเองทุกอย่าง! (@555555555555555)

 

ต้องพูดเลยว่าฟรานจับจุดอ่อนวู่หยานได้ถูกต้องที่สุดจริงๆ พอเห็นสีหน้าวู่หยา

 

นตอนนี้ฟรานก็รู้แล้วว่ามันได้ผล

 

แต่ถ้าเขาไม่กลับบ้านตอนนี้ วู่หยานก็กลัวว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะพาเธอ

 

ออกมาเล่น เพราะเขากลัวว่าจุดยืนตัวเองจะโดนฟรานทำร้าย ด้วยเหตุนี้วู่หยา

 

นจึงทำใจแข็ง

 

ด้วยเสียงที่สั่น วู่หยานฝืนยิ้ม พยายามต้านทานความโมเอะสุดOPของฟราน แล้ว

 

บอกเธอไปว่า “ฟรานจังตอนนี้มันมืดแล้วนะ เราควรกลับบ้านได้แล้ว ฟรานจัง

 

เป็นเด็กดีก็ควรที่จะกลับบ้านได้แล้วนะรู้ไหม?……”

 

“เพราะมืดแล้วถึงต้องกลับบ้าน?”

 

ฟรานเงยหน้าขึ้นด้วยความงุนงง มองวู่หยานแล้วถามด้วยความสงสัย “แต่ท่านพี่

 

บอกฟรานว่าตอนกลางคืนเป็นเวลาที่เราจะออกมาข้างนอกนี่?”

 

ได้ยินวู่หยานก็เหงื่อไหลพรากๆ ขณะที่ในใจก็ก่นด่าตัวเองว่าไอ้โง่ ทั้งๆที่มี

 

Perfect Memory แต่กลับลืมสถานะของเด็กคนนี้ไปได้ยังไง!

 

ตอนกลางคืน มันไม่ใช่เป็นเวลาออกหากินของแวมไพร์?……….

 

ตูนี่มันโครตไง่……..

 

วู่หยานหัวเราะเสียงแห้ง เขาไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดีดันทำพลาดไปแบบโง่ๆ ทว่าตอน

 

ที่วู่หยานกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกอยู่นั้นเองประตูบ้านก็เกิดเสียง……

 

ตึ้ง!

 

ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงไม่รู้ว่าใช้อะไรเปิด จากนั้นภาพในประตูก็ปรากฏเข้ามา

 

ในสายตาของวู่หยานและฟราน และนี่ได้ทำให้ฟรานตกใจ และยังทำให้วู่หยาน

 

เหงื่อไหลจากตอนแรกแค่ที่หน้าเป็นทั้งตัวแล้ว!

 

ตรงประตูได้มีสองเทพ..ไม่สิ..ภรรยาทั้งสองของเขากำลังยืนเคียงข้างไหล่ชนไหล่

 

กัน นัยน์ตาสีน้ำตาลกับสีเหลืองเขียวได้มองมาที่วู่หยานพร้อมกัน นี่ทำให้วู่หยานห

 

วาดกลัวแทบตาย

 

เพียงแต่เมื่อสายตาสองสาวลดลงมาที่หน้าอกวู่หยาน เห็นใบหน้าอยากรู้อยากเห็น

 

ของฟรานที่มองมาที่ตน ทั้งสองก็พร้อมใจกันช็อค ยืนค้างมองฟรานด้วยความ

 

ตะลึง โดยที่ปากไม่ได้พูดอะไรออกมา…….

 

เห็นภรรเมียเงียบกริบ วู่หยานยิ่งเหงื่อแตกมากขึ้น จนเม็ดเหงื่อจวนเจียนจะตกลง

 

มาบนหน้าฟรานอยู่แล้ว

 

ณ หน้าประตูบ้านคนสามคนกับอีกหนึ่งโลลิได้เงียบสนิทไป จนกระทั่ง………

 

“มาสเตอร์!”

 

อิคารอสกับแอสเทรียเดินออกมาจากในบ้าน พอเห็นวู่หยานทั้งสองก็มีสีหน้า

 

ความสุขทันที แอสเทรียร้องเรียกออกมาอย่างเต็มไปด้วยพลัง ส่วนอิคารอสก็

 

เรียกแต่เป็นเสียงนุ่มนวล

 

ทว่าพออิคารอสเรียกมาสเตอร์เสร็จ สายตาเธอก็มาหยุดอยู่ที่ตัวฟราน ทันใดนั้น

 

ในนัยน์ตาสีฟ้าก็เกิดระลอกคลื่นที่อธิบายไม่ได้ขึ้น……..

 

ตอนนี้เอง ฮินางิคุ และ มิโคโตะ รวมทั้งแอสเทรียที่เพิ่งเห็นฟรานก็ได้ตอบสนอง

 

ทั้งสามตาส่องแสงเป็นประกายพร้อมกัน แล้วพูดออกมาว่า

 

“นะ-น่าร้ากกกกก!!!!”

 

จู่ๆก็ได้ยินเสียงตะโกนดัง ทำวู่หยานกับฟรานสะดุ้งกลัว ขณะที่หนึ่งหนุ่มหนึ่งโลลิ

 

ยังไม่ทันตอบสนอง ฮินางิคุ มิโคโตะ และ แอสเทรีย ก็มาโผล่หน้าตรงหน้าเขาราว

 

กับวาร์ปมา จากนั้นร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นสุดๆว่า

 

“น่ารัก! น่ารัก! อะไรกันเนี่ยเด็กคนนี้!”

 

“นี่ๆ หนูชื่ออะไรเหรอ? ส่วนฉันชื่อ แอสเทรีย นร้า~ ~ ~”

 

“ฉันขออุ้มหน่อยได้มั้ย? ขอร้องล่ะ!”

 

มองดูทาสโลลิทั้งสาม วู่หยานเหงื่อไหล่หนักจนราวกับเพิ่งไปอาบฝนมา

 

ฟรานอึ้งมองและฟังเสียงพูดของ ฮินางิคุ มิโคโตะ แอสเทรีย ที่ดังเข้ามาในหูไม่

 

หยุด ฟรานมีท่าทางราวกับเป็นสัตว์น้อยที่ตื่นกลัว เธอจึงเอื้อมมือออกมาตรงหน้า

 

ทั้งสามแล้วบีบซะ

 

ทว่าฟรานได้หลงลืมไปว่าพลังตนเองได้โดนผนึกไปแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่

 

มองดูด้วยสายตาว่างเปล่งอย่างอึ้งๆ ก่อนที่จะหันหน้ามุดตัวเข้าไปซ่อนในอกวู่

 

หยาน

 

เมื่อเห็นแบบนี้ ฮินางิคุ มิโคโตะ และ แอสเทรีย ก็หยุดกระดี๊กระด๊าจนได้ จากนั้น

 

หันมามองวู่หยานที่กำลังหัวเราะแห้งๆ ทันใดนั้นในแววตาของทั้งสามก็เปร่ง

 

ประกายอันตรายขึ้น

 

ตรงประตู อิคารอสมองฟรานที่ซุกหน้ากับตัววู่หยาน แล้วมองมือเขาที่กำลัง

 

ประคองตัวฟรานแน่น อิคารอสก็ยกมือขึ้นมากุมตรงหน้าอก…….

 

เธออยากทำแบบเดียวกับเด็กคนนั้นบ้าง………..

บทที่ 279 ฟรานด์จังเที่ยวเมืองแห่งการศึกษาล่ะ!

 

“พี่ชาย นั่นอะไร?”

 

“ไหนๆ อ้อ ขนมสายไหมน่ะ!”

 

“แล้วอันนั้นล่ะ?”

 

“อมยิ้มไง!”

 

“ไอ้ยืดๆตรงนู่นคืออะไรคะ?”

 

“นั่นเป็นหมากฝรั่งแบบเป่า!”

 

“แล้วอันนี้ล่ะ?”

 

“อันนี้ก็เป็นหมากฝรั่งนะแต่เป็นแบบไว้เคี้ยวเล่…เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน! อย่ากลืนนะ! รีบ

 

คายออกมาเร็ว!”

 

ไม่ง่ายเลยที่วู่หยานจะเอาหมาดฝรั่งที่เกือบจะลงกระเพาะฟรานด์ออกมาได้ ตอน

 

นี้วู่หยานเหนื่อยแทบขาดใจ เขาดูถูกความอยากรู้อยากเห็นของเด็กมากเกินไป

 

โดยเฉพาะกับฟรานด์ที่โดนขังอยู่แต่ในบ้านมาไม่รู้กี่ตั้งปี

 

เขาเพิ่งพาฟรานด์มาเดินเล่นได้ไม่นานแต่เธอก็ถามว่า ‘นี่คืออะไร’ เป็นพันครั้ง

 

แล้ว ทำวู่หยานรู้สึกอย่างกับว่าตัวเองจะเป็นโรคหอบหืดแล้ว……….

 

มองดูฟรานด์ที่แล่บลิ้นน้อยๆเลียอมยิ้ม วู่หยานก็พูดออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง

 

“ฟรานด์จัง แม้แต่ไอ้นี่เธอก็ยังไม่รู้?”

 

“ไม่รู้….” ฟรานด์ไม่ได้หันหน้ามามอง เธอจดจ่ออยู่กับการกินอมยิ้มในมือ นี่ทำ

 

ให้วู่หยานรู้สึกหดหู่และน้อยใจที่เธอเห็นอมยิ้มสำคัญกว่าตัวเอง…….

 

“นี่ไม่เคยกินจริงๆ? ถ้างั้นปกติที่บ้านเธอกินอะไรล่ะ?”วู่หยานอุ้มตัวฟรานด์เดิน

 

ต่อไป ขณะที่ทนรับสายตาทิ่มแท่งมากมาย เขาถามเธอด้วยความสนใจ

 

ได้ยินฟรานด์จังก็เอามือจังคางน้อยๆแล้วเอียงคอ ทำท่านึกผ่านไปสักพัก เธอก็

 

ตอบว่า “กินเค้กกับชาดำที่ซาคุยะทำคะ!”

 

วู่หยานอึ้ง ก่อนจะถามฟรานด์ที่กลับไปเลียอมยิ้มต่ออย่างสงสัยว่า “แค่นี้?”

 

“อืม….” ฟรานด์หัวเราะคิกคัก ก่อนจะพูดประโยคที่ทำวู่หยานเหงื่อไหล “ท่านพี่

 

เคยบอกไว้ว่า เค้กเป็นของหวานที่ต้องเอาไว้กินหลังอาหาร ส่วนชาดำเป็นอาหาร

 

ที่ต้องกินก่อน อืม….ใช่ๆชาดำมันมีกลิ่นเหมือนของเหลวที่ไหลออกมาจากตัวคน

 

ที่ฟรานด์มักตะทำพังบ่อยๆด้วยล่ะ”

 

วู่หยานหัวเราะแห้งๆ แล้วยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก เขาเกือบจะลืมไปแล้ว

 

ว่าฟรานด์จังเป็นแวมไพร์ปกติ ไอ้ชาดำคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเลือด…….

 

ฟรานด์ไม่รู้ว่าตัวเองเพิ่งพูดประโยคที่ทำวู่หยานเหงื่อแตก เธอยังคงพูดต่อไปราว

 

กับอยากจะระบายความรู้สึกที่อัดอั้นมานานหลายปี

 

“ถึงเค้กกับชาดำที่ซาคุยะทำจะอร่อยมาก แต่ฟรานด์ชอบไอ้ที่เรียกว่าอมยิ้มนี้

 

มากกว่า แล้วที่นี่ก็ยังสนุกมากด้วย สนุกกว่าที่คฤหาสน์มารแดงเยอะเลย ถึงที่นี่

 

มันจะเล็กกว่าคฤหาสน์ก็เถอะ แต่ของน่าเล่นน่าสนุกมีมากกว่าที่คฤหาสน์มารแดง

 

แถมมันยังสนุกกว่าดันมาคุด้วย ฟรานด์ชอบที่นี่ล่ะ!!!”

 

เล็กกว่าคฤหาสน์มารแดง? ล้อกันเล่นแล้ว! ที่นี่มีนถนนคนเดินเลยนะ คฤหาสน์

 

นั่นมันใหญ่ปานนั้นเลย? ดูเหมือนว่าคุณหัวหน้าเมดจะเทพจริงๆนั้นแหละ

 

สามารถใช้พลังของตัวเอง จัดการทั้งคฤหาสน์ได้เนี่ย……

 

ในใจตบมุขไป แต่รอยยิ้มบนใบหน้าวู่หยานก็ยังไม่หาย เขาลูบผมสีทองอ่อนของฟ

 

รานด์แล้วพูดติดๆขัดๆว่า “อะฮ่าฮ่า..ถะ..ถ้าชอบ…ก็ดีแล้ว…..”

 

ฟรานด์ยิ้มพยักหน้า แล้วหันไปจัดการอมยิ้มต่อ นี่ทำให้วู่หยานถอนหายใจให้กับ

 

ความจริงที่ว่า อมยิ้มเป็นไอเท็มที่ไว้รับมือเด็กได้ดีที่สุด…….

 

ถ้ารู้เร็วกว่านี้ล่ะก็ ก่อนที่ฟรานด์จะถูกอัญเชิญเขาจะได้ไปเตรียมอมยิ้มหลายสิบ

 

อันไว้ บางทีตัวเขาตอนนั้นอาจจะไม่ต้องมีสภาพอนาถขนาดนั้นก็ได้…….

 

ขณะที่บ่นในใจด้วยความเสีย วู่หยานก็ลืมนึกไปว่า ฟรานด์จังถูกอัญเชิญมาด้วย

 

ความบังเอิญ ความตั้งใจเดิมของเขาคือการอัญเชิญคุณเมดสุดเทพมาทำความ

 

สะอาดบ้านก่อนภรรเมียกลับบ้าน……

 

อีกอย่างคิดเหรอว่าซาคุยะจะยอมให้วู่หยานกอดเอาเปรียบได้? มีแต่คุณหนูเล็กที่

 

ใสซื่อนี่แหละที่จะยอมให้เขากอด……

 

บางทีเขาคงจะโดนซาคุยะปามีดใส่จนตายแทนมากกว่า………

 

ฟรานด์จังไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้ตกลงมายังรังหมาป่า เธอเลียอมยิ้มไม่หยุด

 

ขณะที่หันหัวมองไปรอบด้าไม่หยุด ในแววตาเธอเต็มไปด้วยความสุข

 

ด้วยอายุที่มีมากถึง495ปี มันมากกว่าคนที่เธอเรียกว่าพี่ชายกว่า30เท่า แต่จิตใจ

 

เธอยังเป็นของเด็ก5ขวบที่ขาดสามัญสำนึก

 

เพราะอย่างน้อยๆเด็ก5ขวบทั่วไปก็รู้จักเดินเอง ซื้อขนมเอง ไปเล่นเกมเอง มี

 

เพื่อนเล่น แต่ในหัวฟรานด์นอกจาก พี่สาวของตนเรมิเลีย เพื่อนของพี่สาวแพทชูว์

 

ลี่ หัวหน้าเมดซาคุยะ ยามเฝ้าประตูบ้านเหม่ยหลิง และยัยมาริสะที่ชอบแอบเข้า

 

คฤหาสน์มารแดงบ่อยๆ ที่เหลือก็มีแค่ความจำในห้องใต้ดินเท่านั้น เรียกได้ว่าใน

 

หัวเธอว่างเปล่าอย่างน่าสงสาร……..

 

พอถูกวู่หยานอัญเชิญออกมา ได้รับความทรงจำจากระบบ รู้ว่าตัวเองได้ออกมา

 

จากคฤหาสน์มารแดง กระทั่งออกมาจากโลกเดิม นี่ทำให้ฟรานด์มีความสุขมาก

 

ได้เดินเล่นในเมืองแห่งการศึกษากับวู่หยาน ได้เห็นผู้คนมากมาย ตึกรามบ้านช่อง

 

แปลกตา สิ่งของใหม่ๆที่ไม่เคยเห็น และได้กินของอร่อย ทั้งหมดที่เธอเจอวันนี้มัน

 

มากกว่าสิ่งที่เธอรู้จักในหัวมากกว่าหลายเท่า!

 

กับฟรานด์แล้ว การเดินเล่นกับวู่หยานเพียงไม่กี่ชั่วโมงนี้ มันได้เติมเต็มตัวเธอ

 

มากกว่าวันเวลาที่ใช้ชีวิตมา495ปีเสียอีก!

 

ด้วยเหตุนี้ ฟรานด์จึงได้กวาดสายตามองทุกสิ่งอย่าง สมองจดจำอย่างบ้าคลั่ง

 

เท่าที่เธอจะทำได้ นับตั้งแต่ฟรานด์ยอมใส่ ‘วงแหวนปิดผนึก’รอยยิ้มบนหน้าเธอก็

 

ไม่เคยจางหายไปเลย…….

 

วันนี้กับฟรานด์แล้วนับว่าเป็นวันสำคัญเป็นวันที่พิเศษมาก เธอได้รู้จักอมยิ้ม รู้จัก

 

ขนมสายไหม ได้รู้จักของใหม่ๆเต็มไปหมด และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือวันนี้เธอได้

 

รู้จักวู่หยานที่เป็นคนเปิดโลกใหม่พาตัวเธอมารู้จักสิ่งของทั้งหมดนี้……..

 

ฟรานด์เงยหน้าขึ้นแอบมองใบหน้าวู่หยาน นัยน์ตาสีแดงจ้องหน้าเขาตาไม่

 

กระพริบ เธอต้องการที่จะแกะสลักใบหน้าของเขาลงไปในส่วนที่ลึกที่สุดในใจ……

 

คนที่เธอมีความสัมพันธ์ด้วยรวมพี่สาวและคนอื่นในคฤหาสน์มารแดงแล้วก็มีแค่5-

 

6คน กับสิ่งที่วู่หยานทำให้เธอในวันนี้มันก็เพียงพอ มากพอที่จะทำให้เธอจดจำตัว

 

เขาไว้ในใจไปตลอดแล้ว……

 

จู่ๆฟรานด์ก็ฉุกคิดได้ว่า ถ้าก่อนหน้านี้ตนเองทำพี่ชาย ‘พัง’ ไปจริงๆล่ะก็ เธอจะ

 

ได้มาสนุกแบบนี้ไหม? เธอสามารถได้รับความทรงจำแบบนี้ไหม?

 

คำตอบแน่นอนว่าไม่!

 

คิดถึงตรงนี้ฟรานด์ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที มือเล็กๆของเธอจับเสื้อวู่หยานแน่น แล้ว

 

กดหน้าตัวเองเข้าอกเขา…..

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟรานด์รู้สึกผิดบาปนับตั้งแต่ใช้ชีวิตมา495ปี!

 

ถ้าวู่หยานรู้เข้าล่ะก็เขาคงจะมีความสุขมากแน่ๆ

 

ในอดีต เธอได้ฆ่าผู้คนและที่ไม่ใช่คนไปมากมายเพียงเพราะความอยากเล่น รวม

 

ไปถึงพลังที่มากเกินไปและจิตใจที่ไม่มั่นคง แล้วในตอนนี้ฟรานด์ก็เริ่มหวนคิดถึง

 

การกระทำของตัวเองอย่างจริงจังแล้ว!

 

นี่มันจะสื่อถึงอะไร?

 

มันสื่อว่าจิตใจของฟรานด์เริ่มกลับเข้ารูปเข้ารอยแล้วไงล่ะ!

 

จิตใจเด็กๆที่หยุดเติบโตมาอย่างช้านาน ได้เริ่มพัฒนาขึ้นแล้ว!

 

แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ต้นเหตุที่ทำให้จิตใจฟรานด์บิดเบี้ยวมันมาจากพลังที่มาก

 

เกินวัย ทำให้ใจเธอไม่มั่นคง และตอนนี้ตัวต้นเหตุก็ได้ถูกผนึกไปแล้ว การที่ฟ

 

รานด์เริ่มกลับมาเป็นคนปกติจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

 

ปัญหาก็คือตอนที่ผนึกถูกคลาย เธอจะยังคงความ ‘ปกติ’ แบบนี้ได้อยู่รึเปล่า……..

 

สัมผัสได้ว่าเสื้อตัวเองถูกบีบ วู่หยานก็ก้มมองด้วยความสงสัย เห็นฟรานด์ซุกหน้า

 

กับอกตัวเอง เขาก็เอียงคออย่างงุนงง “เป็นอะไรรึเปล่า?”

 

ฟรานด์ส่ายหน้าโดยที่ยังไม่ดึงหัวออกมา เธอก็ถามเสียงนุ่มว่า “พี่ชาย ในอนาคต

 

พี่ชายยังจะพาฟรานด์มาเล่นอีกมั้ย?”

 

ได้ยินถึงวู่หยานจะรู้สึกแปลกๆ แต่เขาก็พยักหน้า ตราบใดที่มันไม่ใช่เล่นดันมาคุ

 

นรกแตกนั่น เขาก็สามารถเล่นกับเธอได้เสมอ

 

ถึงแม้มันจะแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่วู่หยานก็ต้องยอมรับว่า เขาชอบโลลิน้อยที่ทั้งน่ารัก

 

และใสซื่อคนนี้ที่ไม่รู้จักอะไรสักอย่างไปแล้ว…….

 

วู่หยานเพิ่มแรงแขนกอดตัวเธอแน่นขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

 

“พี่ชายจะอยู่ข้างๆฟรานด์จะเล่นกับฟรานด์ไปตลอดเอง!”

 

“สัญญานะ….”

 

“อื้ม! สัญญาเลย…..”

บทที่ 278 ฟรานด์จังกับเมืองแห่งการศึกษาล่ะ!

 

เมืองแห่งการศึกษา โรงเรียนเขต7……..

 

ณ ถนนแห่งนึงได้ทีเด็กหนุ่มผมดำกำลังเดินอยู่ ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างหัน

 

กลับมามองที่เขาด้วยแววตาช็อค

 

ไม่สิถ้าจะให้ถูก ต้องบอกว่าพวกเขากำลังมองมายังเด็กน้อยแสนน่ารักที่เขาอุ้มอยู่!

 

ผู้หญิงที่เดินผ่าน เมื่อหันมาเห็นสาวน้อยในแววตาของพวกเธอก็มักจะเป็น

 

ประกายวิงวับด้วยความชื่นชอบ มีแม้กระทั่งผู้หญิงรสนิยมแปลกๆที่ถึงกับเลือด

 

กำเดาไหลแล้วล้มลงไปนอนที่พื้นทันที……….

 

ส่วนทางผู้ชาย เมื่อสายตาตกมายังร่างสาวน้อยแววตาพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นสัตว์

 

ป่า จากที่มองดูแล้วผู้ชายที่มีอาการแบบนี้จะมีอายุมากทุกคน……

 

ส่วนพวกที่ยังหนุ่มๆอยู่ก็ตาเป็นประกาย แล้วตัดสินใจก้าวเดินบนเส้นทางที่ไม่มี

 

วันหวนกลับอย่าง ‘โลลิค่อน’……..

 

แน่นอนว่าต้องมีสายตาที่มองมายังเด็กหนุ่มเช่นกัน จะต่างก็เพียงแค่ว่าสายตาที่

 

มองมามันมีแต่ ความอิจฉา ความโกรธเกลียด และสายตาทิ่มแทง……….

 

ส่วนเด็กหนุ่มผมดำที่เป็นเป้าสายตาของผู้คนมากมายนั่นยังคงเดินต่อไปด้วยความ

 

มั่นใจ ต่อให้พวกเอ็งมองจนตาทะลุออกมาแล้วมันได้อะไรมั้ย? หึ! ก็ได้แค่มอง

 

ล่ะว่ะ!

 

แน่จริงพวกเอ็งมากัดตูดิ!

 

เด็กหนุ่ม…..ไม่สิ คุณลุงท่านนี้ก็คือวู่หยานนั่นเอง ส่วนเด็กสาวก็เป็นใครไปไม่ได้

 

นอกจากฟรานด์จัง!

 

แขนเล็กๆทั้งสองยกขึ้นไปคล้องคอวู่หยาน ส่วนวู่หยานก็กอดตัวไว้ไม่ให้ตก

 

ฟรานด์หันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ดูตึกระฟ้าและร้านค้าที่สะท้องแสง

 

ระยิบระยับ ปากเธออ้าออกส่งเสียงวี้ดว้าย

 

ในเก็นโซเคียว ถึงจะมีหมู่บ้านมนุษย์อยู่แต่ว่ามันก็มีสิ่งก่อสร้างของยุคปัจจุบันอยู่

 

เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฟรานด์ที่ไม่เคยไปหมู่บ้านมนุษย์แม้แต่ครั้ง

 

เดียว ดังนั้นพอเห็นเมืองแห่งการศึกษาที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยทุกอย่างที่เธอเห็นจึง

 

แปลกตาและสร้างความประหลาดใจให้ฟรานด์ได้ทั้งหมด

 

ได้เห็นอะไรใหม่ๆที่ไม่เคยได้เห็น ตอนนี้ในแววตาสีแดงของฟรานด์จึงเต็มไปด้วย

 

ความช็อคและความสุข เธอหัวเราะออกมาจากใจจริงไปตลอดทาง

 

เสียงหัวเราะของเธอมันใสซื่อและไพเราะมาก ทำให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกเย็นสดชื่นขึ้นมา

 

ในวันที่แดดร้อนเปรี้ยงๆแบบนี้ อย่างน้อยๆคนที่เดินผ่านไปมาต่างก็มีรอยยิ้มบน

 

ใบหน้าทุกคนไม่มีอาการร้อนอะไรเลย

 

เพียงแต่เสียงหัวเราะของฟราดน์มันไม่ได้ทำเพียงแค่เพิ่ม ‘ความสดชื่อให้ผู้คน’

 

เท่านั้น…….

 

ตอนนี้ตรงหน้าของวู่หยานและฟรานด์ได้มีลุงคนนึงเดินมาหาขณะที่มือยกกุมจมูก

 

ซึ่งกำลังมีเลือดกำเดาไหลมาพ่วงด้วยเสียงหอบหายใจอันร้อนแรงราวกับวัวป่าใกล้

 

คลั่ง…..

 

นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความรักจ้องเขม็งไปตรงอกวู่หยาน ไปยังตัวฟรานด์ จากนั้น

 

ลุงแกก็ยกมือขึ้นมากอดตัวเองพร้อมโยกตัวไปมาขณะที่ปากก็ยังส่งเสียงแฮ่กๆ

 

ไอ้เชี่ยอ้วนนี่วอนซะแล้ว…….

 

ลุงผู้น่าขยะแขยงได้กลืนน้ำลายเสียงดังจนคนอื่นยังได้ยิน จากนั้นเขาก็หยิบหวี

 

ออกมาจัดผมตัวเอง เสร็จแล้วเขาก็แกล้งทำเป็นกะแอ้มไอด้วยหน้าจริงจัง

 

เพียงแต่มันจะดูน่าเชื่อถือกว่านี่เยอะถ้าไม่มีไอ้ภาพชวนอ้วกเมื่อกี้……..

 

“เจ้าหนุ่ม……” ลุงมองฟรานด์ทีนึง แล้วหันมาตะค่อกเสียงดังใส่วู่หยานพร้อม

 

ปล่อยรัศมีแรงกดดันที่คนธรรมดาไม่มี

 

“ได้โปรดยกโลลิน่ะ…..แค่กๆๆ….เด็กน้อยในแขนเธอมาให้ฉันอุปถัมภ์ทีเถอะ จะ

 

บอกให้นะว่าในเมืองแห่งการศึกษา ฉันคนนี้ครอบครอง ห้างสรรพสินค้าถึงสอง

 

แห่ง บริษัทอีกห้า และบ้านหลายสิบหลัง ฉันเป็นคนที่พวกเธอเรียกว่า ‘รวยล้น

 

ฟ้า’ ถ้าเธอยกเด็กคนนี้มาให้ฉันอุปถัมภ์ล่ะก็ เธอ(ฟรานด์)จะได้มีชีวิตที่ไร้อุปสรรค

 

เงินทองมีให้ใช้ไม่ขาดเลยนะ! ว่าไง?สนใจล่ะสิ! จงอย่าลังเล! ขอแค่เธอส่งเด็กคนนี้

 

มาทุกอย่างฉันจะจัดการเอง!!”

 

คำพูดคำจาฟังดูดีนะ เพียงแต่ทุกคนที่นี่ต่างก็มองเจตนาแอบแฝงของลุงแกออก

 

หมด แถมตอนนี้เลือดกำเดาตรงจมูกลุงเริ่มไหลหนักข้อเข้าใหญ่แล้วยังสีหน้าลุงที่

 

แดงก่ำอย่างกับหมูนี่อีก รวมๆแล้วแม่งโครต……

 

น่าขยะแขยง……..

 

ตรงขมับวู่หยานมีเส้นเลือดปูดออกมา มองดูตาลุงที่กล้ามายืนขวางทางตัวเองไม่

 

พอยังจะกล้ามาขอฟรานด์จังไปอีก วู่หยานยิ้ม ทว่าถึงจะยิ้มแต่ด้านหลังเขากลับ

 

แผ่ออร่าน่าสยดสยองออกมา!

 

คุณลุงรู้สึกหลังเย็นเชียบยังไม่ทันได้ทำอะไร จู่ๆสายตาเขาก็เห็นหมัดลอยเข้ามา

 

หลังจากนั้นแว่นตาลุงก็แตก ตามมาด้วยเสียงร้องอย่างหมูถูกเชือดร่างลุงถูกส่ง

 

ลอยกระเด็นไป!

 

จากนั้นลุงแกก็ปลิวไปชนเด็กหนุ่มคนนึงที่เดินอยู่ห่างไปไม่ไกล ทั้งคู่พากันกลิ้งไป

 

กับพื้น ทำให้ถุงซึ่งข้างในมีแค่วัถุดิบทำอาหารทั่วไปที่เด็กหนุ่มกอดไว้ราวกับเป็น

 

สมบัติล้ำค่าร่วงตกกระจายเต็มพื้น

 

“ม่ายยย! วัตถุดิบทำอาหารสุดพิเศษของฉ้านนน! วัตถุดิบที่ฉันใช้เงินที่เหลืออยู่

 

ทั้งหมดซื้อมา!!”

 

เด็กหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจกับหัวตัวเองที่มีเลือดไหลออกมา กลับกันเขาหันมา

 

สนใจไอ้ ‘วัตถุดิบสุดพิเศษ’ นี่แทน ราวกับว่าเขาเจ็บตัวจนชินแล้ว……..

 

ขณะที่กำลังจะก้มลงไปเก็บของที่พื้น จู่ๆเด็กหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะโกนว่า

 

“ทำไมถึงได้มีคนตกมาจากฟ้า! แล้วทำไมถึงต้องตกมาที่ฉันด้วย! อ๊ากกก! ซวย

 

โครตตต!”

 

ฟังเสียงคุ้นเคยพูดประโยค ‘ซวยโครต’ อันคุ้นเคย มุมปากวู่หยานบิดเบี้ยว พอหัน

 

ไปมองเขาก็เห็นใบหน้าอับโชคและผมแหลมๆชี้ฟ้าเป็นเม่น……..

 

ส่วนผู้คนรอบๆก็หันไปมองเด็กหนุ่มหัวเม่นที แล้วหันมามองตาลุงโรคจิต จากนั้น

 

พร้อมใจกันทำเป็นมองไม่เห็น…….

 

วู่หยานแม้กระทั่งเห็นคนที่เตรียมจะมาจับเขาเพราะไปทำร้ายผู้อื่น แต่พอได้ฟัง

 

ที่มาที่ไปเขาก็วิ่งไปหาตาลุงแทนจากนั้นใส่กุญแจมือลุง……

 

“นี่จัสเมนท์! ข้อจับกุมคุณในช้อหาล่อลวงผู้เยาว์! ถ้าคุณอยากพูดอะไรไว้ไปพูดที่

 

ศาล ผมขอเตือนไว้เลยนะว่าหลังจากนี้ทุกคำพูดที่คุณพูดมามันจะเป็นตัวตัดสิน

 

โทษของคุณ!”

 

พูดเสร็จคุณจัสเมนท์ก็หันมาชูนิ้วโป้งให้วู่หยาน ราวกับจะบอกว่าหมัดเมื่อกี้เจ๋

 

งมาก

 

เฮ้ย เดียวดินี่เอ็งข้ามขั้นตอนสอบสวนไปขึ้นศาลเลยเหรอ!

 

มันเรื่องปกติที่เขาจะอัดไอ้คนที่กล้ามาหาคิดไม่ดีกับฟรานด์ แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึง

 

รู้สึกว่าตัวเองควรจะมองคนในเมืองแห่งการศึกษานี่ใหม่? (@เมืองเต็มไปด้วยหมี)

 

วู่หยานมองดูตาลุงโดนลากตัวไปอย่างพูดไม่ออก ส่วนฟรานด์ก็มองสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ทั้งหมดด้วยความร่าเริงสนุกสนาน ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองจะโดนพาตัวไปแล้ว เธอหัน

 

มาพูดกับวู่หยานด้วยความสุขว่า

 

“พี่ชาย! คนพวกนี้น่าสนใจจัง! ดูน่าสนุกมาก!”

 

ได้ยินวู่หยานก็หันมาลูบหัวฟรานด์ภายใต้สายตาร้อนแรงของผู้คนรอบๆ เขาพูด

 

ด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นสิเนอะ แล้วฟรานด์จังมีความสุขมั้ย?”

 

“อื้ม! มีความสุข!”

 

ฟรานด์ตอบกลับมาอย่างไม่เสียเวลาคิด เธอชูมือขึ้นแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้นใส่วู่

 

หยานว่า “ฟรานด์มีความสุขมาก! ที่นี่มีบ้านแปลกๆเต็มไปหมด! สนุกสุดๆเลย

 

คะ!!”

 

ฟรานด์หันมามองผู้คนที่เดินผ่านที่งตอนนี้กำลังจะขาดใจตายเพราะความCute

 

ของเธอ แล้วหันมายิ้มให้วู่หยานด้วยแววตาอึมครึม “แถมที่นี่ยังมีคนเยอะแยะ

 

เต็มไปหมดเลย…..”

 

วู่หยานตกใจ “คนเยอะงั้นเหรอ?”

 

ฟรานด์พยักหน้าหงึกๆ แล้วพูดต่อเสียงแผ่วเบาว่า “ฟรานด์ไม่เคยเห็นคน

 

มากมายแบบนี้มาก่อนเลย นอกจากพวกที่เคยมา ‘เล่น’ กับฟรานด์ก็มีแค่ ท่านพี่

 

ซาคุยะ เหม่ยหลิง แพทชูว์ลี่ แล้วคนแปลกๆที่ใส่ชุดสีขาวดำ นอกจากนี้ฟรานด์ก็

 

ไม่เคยเห็นใครอีกเลย…….”

 

วู่หยานถอนหายใจ แล้วหยิกแก้มฟรานด์ที่เข้าโหมดจิตตกจนเธอร้องโอ๊ยออกมา

 

จากนั้นเขาก็พูดยิ้มๆว่า “ถ้างั้นวันนี้พี่ชายจะพาเราไปเที่ยวเล่นทุกที่เลย! จะได้

 

เห็นคนอีกเยอะๆไงดีไหม?”

 

นัยน์ตาของฟรานด์เป็นประกายทันที แล้วร้องออกมาอย่างมีความสุขว่า

 

“ดี! เย้! พี่ชายดีที่สุดเลย!!!” (@ตรงนี้ฟรานด์บอก วู่หยาน is the best)

บทที่ 277 ผนึก!

 

ภายใต้การปลอบประโลมของวู่หยานทำให้จิตใจของฟรานกลับมาสงบจนได้ ทำ

 

ให้โลกที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเลือดจางหายไป……

 

ท้องฟ้าได้คืนกลับเป็นสีเดิมและพื้นดินที่เป็นมีเลือดเจิงนองก็ได้หายไป สีแดง

 

ทั้งหมดได้ค่อยๆหายไป……

 

กลิ่นคาวเลือดอันแน่นขนัดเองก็หายไปเช่นกัน แรงกดดันอันน่ากลัวของฟรานได้

 

ถูกเก็บกลับไป ชายหาดนี่ได้คืนกลับสู่สภาพเดิม……….

 

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเสื้อผ้าวู่หยานขาดรุ่งริ่ง บวกกับตรงแขนเสื้อที่ขาดหายไปทั้งยวง

 

จนถึงไหล่ บางทีคนที่เพิ่งมาเห็นคงจะคิดไม่ถึงว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้จะมีห่า

 

กระสุนแสงถล่ม…………

 

ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ วู่หยานโล่งอก เขายกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก ขณะที่ใน

 

ใจยิ้มขมขื่น ไอ้การบังเอิญอัญเชิญครั้งนี้เล่นเอาเขาทนไม่ไหวจนตายไปสองครั้ง

 

เลย…….

 

ส่วนฟรานด์ที่เมื่อกี้ยังหวาดกลัวแรงกดดันของสายเลือดแท้อยู่ก็ได้หายกลัว

 

กลับมาชอบกลิ่นของวู่หยานเหมือนเดิม เธอเอาใบหน้าเล็กๆถูไถหลายต่อหลาย

 

ครั้ง ก่อนที่เงยหน้าขึ้นมองวู่หยาน

 

“หลังจากนี้พี่ชายจะยังเล่นกับฟรานด์อยู่ใช่มั้ยคะ?”

 

ได้ยินวู่หยานก็ถอนหายใจด้วยความปวดร้าว นี่ไม่ใช่เพราะเขาได้ยินฟรานด์บอก

 

อยาก เล่น แต่เป็นเพราะชุดเขาที่เดิมมันก็เละอยู่แล้วมาตอนนี้ยังเลอะไปด้วย

 

น้ำตาและน้ำมูกอีก…….

 

ทว่าพอเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของฟรานด์ วู่หยานก็คิดในใจว่า ต่อให้ต้องเปื้อน

 

มากกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่าพันเท่ายังไงก็คุ้ม…….

 

เพราะยังไงซะชุดของเขามันก็พังเละตั้งแต่ตอนฟรานด์ถล่มเมื่อกี้แล้ว………

 

เอานิ้วไปบีบจมูกน้อยๆของฟรานด์ วู่หยานยิ้มอ่อนโยน “ถ้าฟรานด์จังเป็นเด็กดี

 

เชื่อฟัง พี่ชายจะพาฟรานด์ไปเล่นเดี๋ยวนี้เลย!”

 

“จริงนะ?”ฟรานด์ตาเป็นประกายเธอรีบพยักหน้าอย่างแรงราวกับกลัวว่าวู่หยา

 

นจะกลับคำพูด เธอจับเสื้อเขาแน่นขณะที่มองหน้าวู่หยานตาแป๋ว

 

“ฟรานด์จะเชื่อฟังที่พี่ชายพูดคะ!”

 

“ถ้างั้น…..”

 

วู่หยานยื่นส่งสร้อยสีแดงให้ฟรานด์ด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ได้โปรดใส่สร้อยผนึกนี่ทีนะ……”

 

ตอนแรกฟรานด์ก็ชอบสร้อยเส้นนี้อยู่แล้วด้วยรูปลักษณ์และสีที่ถูกใจ แต่พอตอน

 

หลังได้ยินการทำงานของมันเธอก็คิดว่าวู่หยาจะทำแบบพี่ตัวเองดังนั้นจากชอบก็

 

กลายเป็นเกลียดไป

 

วู่หยานได้ใช้โอกาสที่อารมณ์ของฟรานด์กลับมาสงบยกเรื่องสร้อยมาพูด ทำให้ฟ

 

รานด์กลับมาชอบสร้อยนี้อีกครั้ง!

 

เด็กก็เหมือนผู้หญิงจริงๆ สามารถพลิกกับอารมณ์ได้เร็วเสียยิ่งกว่าพลิกหน้า

 

หนังสือ……

 

ฟรานด์ยกมือปาดคราบน้ำตาทั้งข้างแล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง เธอรับสร้อยจาก

 

มือวู่หยานแล้วค่อยๆนำมันมาใส่ที่ข้อมือ…..

 

เมื่อใส่เสร็จ สร้อยที่เดิมใหญ่กว่าข้อมือฟรานด์ก็ได้เปร่งสีแดงขึ้น

 

สร้อยหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนมันพอดีกับขนาดข้อมือฟรานด์…….

 

วินาทีต่อมาทั้งสร้อยสีแดงของฟรานด์และสีขาวของวู่หยานก็เปร่งแสงพร้อมกัน

 

ผ่านไปไม่กี่วิแสงก็หายไป มองดูสร้อยวู่หยานมีแววตางุนงง เขาลังเลชั่วครู่ก่อนจะ

 

ยกมือขึ้นแล้วพูดว่า

 

“ผนึก!”

 

สิ้นเสียงสร้อยสีขาวก็เปร่งแสงอย่างแรง ภายใต้สีหน้าอยากรู้อยากเห็นของฟรานด์

 

สร้อยสีแดงของเธอก็สั่นระริกก่อนที่จะมีพลังบางอย่างไหลเข้าไปในตัวเธอ

 

ตอรที่วู่หยานพูดว่าผนึก ฟรานด์รู้สึกได้ว่ามีคลื่นเย็นจากสร้อยตรงข้อมือไหลเข้า

 

มาในร่างกายตน………

 

ขณะที่คลื่นความเย็นหมุนวน พลังอันมากมายที่พุ่งพล่านทั่วตัวก็ได้ค่อยๆลดลง

 

ภายใต้การนำทางของคลื่นความเย็นพลังของเธอได้ถูกชักนำไปยังร่างกายส่วนลึก

 

ข้างใน………..

 

ฟรานด์ตกใจ ในแววตาเธอเกิดความสงสัยขึ้น เพราะ Eyes ที่เธอมองเห็นอยู่ทั่ว

 

ทุกที่กำลังหายไปอย่างรวดเร็ว!

 

จนกระทั่งพลังของเธอถูกสะกดไว้ในตัวจนหมด Eyes ที่เธอเห็นก็หายไปหมด

 

เช่นกัน ในเวลานี้เองสร้อยสีแดงก็หยุดส่งคลื่นความเย็นออกมา…..

 

และแสงที่สร้อยสีขาวของวู่หยานเปล่งออกมาก็มืดดับลงจนกระทั่งหายไปจนหมด

 

……..

 

วินาทีที่แสงบนสร้อยหานไปตรงหน้าวู่หยานก็มีจอระบบเด้งออกมา……….

 

…………………..

 

ชื่อ : ฟราน สคาร์เลท

 

ความสามารถ : ไม่มี (ผนึก)

 

พลัง(พละกำลัง) : ไม่มี (ผนึก)

 

ความอึด : ไม่มี (ผนึก)

 

ความเร็ว : ไม่มี (ผนึก)

 

จิตใจ : ไม่มี (ผนึก)

 

อุปกรณ์ : ไม่มี(ผนึก)

 

Level : 0 (ผนึก)

 

………………………..

 

ค่าต่างๆขึ้นโชว์เป็น ไม่มี และเลเวลก็ถูกลดเหลือ0!

 

ค่าพลังจากร่างกายพิเศษของแวมไพร์ก็ถูกผนึกเช่นกัน ตอนนี้ฟรานด์นอกจากมี

 

การฟื้นฟูที่ท้าทานสวรรค์แล้วก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กธรรมดา เธอทำร้ายใครไม่ได้

 

อีกแล้ว………

 

ณ เวลานี้สร้อยสีขาวของวู่หยานได้มีสีแดงล้อมไว้อยู่ มันแสดงให้เห็นว่าพลังของฟ

 

รานด์ยังถูกผนึกไว้

 

หลังจากนี้ขอแค่วู่หยานพูด คลาย ฟรานด์ก็จะกลับไปเป็นโลลิน้อยแรงค์9อีกครั้ง!

 

เขาสามารถ คลายผนึก หรือ ผนึกใหม่ได้ทุกเมื่อ เรียกได้ว่าสะดวกสุดๆและกับฟ

 

รานด์ที่เป็นประเภทคุมพลังตัวเองไม่ได้ไอเท็มชิ้นนี้จึงเหมาะมาก!

 

อีกอย่างสร้อยทั้งสองเมื่อสวมใส่แล้วจะถอดออกไม่ได้อีกชั่วนิรันดร์ แถมมันยังถูก

 

ทำลายไม่ได้ด้วย!

 

หรือก็คือหลังจากนี้ วู่หยานจะเป็นคนจัดการคุมพลังของฟรานด์หมด!

 

นี่ทำให้วู่หยานถอนหายใจอย่างโล่งอกให้กับสร้อยสุดเทพอันนี้ ถ้าสามารถให้คน

 

ซุปเปอร์เก่งใส่สร้อยสีแดงไว้ แล้วต่อให้คนที่ใส่สร้อยสีขาวเป็นคนธรรมดา เขาคน

 

นั้นก็จะมีพันธมิตรสุดแกร่งคอยช่วยเหลือ!

 

พลังทั้งหมดถูกอีกฝ่ายควบคุมไว้ ต่อให้เป็นคนธรรมดาก็เถอะ แล้วคนที่ถูกผนึกจะ

 

เรียกร้องอะไรได้? มันทำได้แค่เชื่อฟังคำสั่งเท่านั้นแหละ

 

แต่เรื่องนี้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากแทบจะเป็นไปไม่ได้ ถึง ‘วงแหวนปิดผนึก’จะมี

 

เอฟเฟคขั้นเทพและยังไม่มีวันถูกทำลาย แต่เงื่อนไขในการใส่ก็โหดหินมากเช่นกัน

 

…….

 

ต้องรู้เอฟเฟคของสร้อยและยังต้องเต็มใจใส่อีก แล้วคิดว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนยอมใส่

 

กัน?

 

ส่วนฟรานด์ด้วยความที่เป็นเด็กพอโดนวู่หยานเอาเรื่องเล่นมาหลอกล้อสุดท้าย

 

เธอจึงยอมใส่…….

 

ดังนั้นการจะหวังจะไปจับคนเก่งๆมาเป็นทาสเรียกได้ว่าฝันกลางวัน…….

 

แต่วู่หยานไม่แคร์ กรณีของฟรานด์มันพิเศษเขาถึงจำเป็นต้องผนึก โดยส่วนตัว

 

แล้วเขาไม่ได้มีความสนใจที่จะไปควบคุมพลังใคร

 

วู่หยานกอดตัวฟรานด์แน่นด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข

 

หลังจากนี้เขาจะสามารถพาฟรานด์กลับบ้านได้แล้ว สามารถทำให้เธออยู่รวมกับ

 

พวกฮินางิคุได้แล้ว!

 

มองฟรานด์ที่ดูจะโล่งสบายสุดๆเพราะมองEyesไม่เห็นอีกต่อไป วู่หยานก็พูดในใจ

 

เงียบๆว่า……

 

หลังจากวันนี้เป็นต้นไป เธอจะไม่ต้องเหงาและไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว

 

นะ!

 

บทที่ 276 ไม่มีใครเกลียดเธอหรอก ฉันเองก็เหมือนกัน

 

“เธอเล่นพอรึยัง?”

 

เสียงเย็นชาดังออกมาจากปากวู่หยาน ทำให้หัวใจของฟรานด์หล่นวูบ จู่ๆเสียง

 

อบอุ่นที่คอยกล่อมเธอหลายต่อหลายครั้งก็เปลี่ยนเป็นเสียงเย็นเยียบ ฟรานด์จึง

 

ปรับตัวไม่ทัน

 

พอเธอมองเข้าไปตาวู่หยานฟรานด์ก็ตัวสั่น

 

นัยน์ตาที่เดิมเป็นสีแดงเหมือนตนเองได้เปลี่ยนเป็นสีทองแล้ว!

 

ในเวลาเดียวกันแรงกดดันลึกลับก็ถูกปล่อยออกมาจากร่างวู่หยานที่แขนขาดเข้า

 

ไปกดทับตัวฟรานด์!

 

แรงกดดันนี่สำหรับฟรานด์มันไม่ต่างอะไรจากสายลมเบาพัดเข้ามา แต่ว่ามันก็ทำ

 

ให้ฟรานด์ตัวสั่นได้ ความตื่นเต้นและความบ้าคลั่งในแววตาเธอได้หายไปแทนที่

 

ด้วยความหวาดกลัว…….

 

กลางอากาศ ฟรานด์อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าวพยายามหลีกเลี่ยงแรงกดดัน

 

นี่ ถึงมันจะอ่อนแอสำหรับเธอแต่ฟรานด์ก็ยังอดที่จะรู้สึกหวาดกลัวไม่ได้

 

ทว่าน่าเสียดาย การถอยของเธอมันไร้ผล………..

 

ราวกับว่าแรงกดดันประหลาดนี่ได้เกาะติดตัวฟรานด์ ไม่ว่าเธอจะถอยไปไกล

 

เพียงใดมันก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม นี่ทำให้หัวใจฟรานด์เริ่มสั่นแรงขึ้น

 

ถึงวู่หยานจะอ่อนปวกเปียกแค่ไหน แต่เขาก็ยังเป็นถึง True Ancestorราชาของ

 

เหล่าแวมไพร์ เป็นตัวตนระดับสูงสุด แม้ว่าแรงกดดันเฉพาะของ True Ancestor

 

จะยังอ่อนแออยู่ แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ฟรานด์ที่เป็นแวมไพร์กลัวได้………

 

เป็นเพราะนี่เป็นแรงกดดันที่ออกมาจากสายเลือด!

 

ยามที่วู่หยานใช้พลังของสายเลือดแท้ตอนที่เขาเอาจริง นัยน์ตาจะกลายเป็นสี

 

ทอง!

 

ตายอย่างอนาถสองครั้ง ครั้งที่สามกลายเป็นคนพิการ และความรู้สึกจนปัญญา

 

ของวู่หยานก็ได้เปลี่ยนเป็นความโกรธอันหนาแน่นที่ระเบิดออกมา!

 

ภายใต้แรงกดดันเฉพาะตัวของ True Ancestorบวกกับน้ำเสียงหนาวเหน็บของวู่

 

หยานเมื่อกี้ ทำให้หัวใจของฟรานด์ที่เดิมที่มันก็ไม่มั่นคงอยู่แล้วพังทลายลง………

 

“……ฮึก..ฮึก..ฮึก…..”

 

ฟรานด์ร่วงตกลงมาที่พื้นแล้วนั่งลงแบะขาบนชายหาด มองดูวู่หยานฟรานด์ก็ตา

 

แดงขึ้นเรื่องๆจนในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมา…….

 

“ฮึกฮึกฮึก…..พี่ชายเป็นคนไม่ดี…..ฮึกฮึก….เป็นคนไม่ดีเหมือนท่านพี่…..ฮึกฮึกฮึก

 

ฮึก….”

 

มือเล็กๆทั้งสองยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาทว่ายังไงมันก็ไม่ยอมหยุดไหล เธอเช็ดไปร้องไห้

 

ไปไม่หยุด

 

เห็นสภาพน่าสงสารของฟรานด์ ใบหน้าเย็นชาของวู่หยานก็พังทลายทันที

 

ถึงแม้จะตายไปสองแขนหายไปข้าง จะทำ ให้วู่หยานโกรธหน่อยๆ แต่พอ

 

มองเห็นฟรานด์ร้องไห้แบบนี้ แล้วเขาจะเอาโหดร้ายพอที่จะไปดุด่าเธอได้ยังไง?

 

ท้ายที่สุดแล้วฟรานด์ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เธอแค่เกิดมามีพลังที่มากมายเกินไป

 

ซึ่งมันไม่สมดุลกับจิตใจเด็กๆของเธอ ทำให้ฟรานด์กลายเป็นแบบนี้ น่าสงสารมาก

 

แถมเธอยังโดนเรมิเลียขังไว้ในห้องใต้ดินหลายร้อยปีอีก…….

 

เมื่อตอนที่เขาบอกจะผนึกพลังเธอ ด้วยนิสัยของเด็ก ฟรานด์คงจะคิดไปว่าเขาจะ

 

ทำแบบเดียวกับพี่สาวตน

 

สุดท้ายเธอก็ยังเป็นแค่เด็กคนนึง…….

 

คิดถึงตรงนี้ ความโกรธในใจก็ปลิวหายไป วู่หยานถอนหายใจ ตรงหัวไหล่เกิดแสง

 

สีแดงปกคลุมจากนั้นแขนก็ฟื้นสภาพกลับมา…….

 

วู่หยานเดินมาตรงหน้าฟรานด์ มองดูน้ำตาเธอที่ไหลไม่หยุด วู่หยานก็ส่ายหน้า

 

หัวเราะอย่างอดไม่ได้ จากนั้นเอื้อมมือไปลูบหัวเธอ

 

ฟรานด์ไม่ได้ต่อต้านการกระทำของวู่หยาน เขาจึงอุ้มตัวเธอขึ้นมากอดได้อย่าง

 

ราบรื่น

 

มือลูบหลังฟรานด์ วู่หยานพูดเสียงอ่อนโยนว่า “โอ๋ๆอย่าร้องนะฟรานด์จัง……”

 

“ฮึกฮึกฮึก…..พี่ชายเป็นคนไม่ดี พี่ชายเป็นเหมือนท่านพี่ ทุกคนเป็นคนไม่ดี ทุกคน

 

เกลียดฟรานด์ ไม่ยอมเล่นกับฟรานด์ หนูก็แค่อยากจะเล่นด้วยกันกับพี่ชายแค่

 

นั้นเอง ฮึกฮึกฮึก…..”

 

น้ำเสียงเจ็บปวดของเธอแทบทำวู่หยานใจสลาย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไร แต่เขา

 

ก็ยังสบถด่าตัวเองในใจว่าไอ้บัดซบ กับคนอย่างเขา เพียงแค่ฟรานด์ร้องไห้ก็มาก

 

พอที่จะให้เขาด่าตัวเองแล้ว

 

ลูบหลังฟรานด์เบาๆ วู่หยานถอนหายใจแล้วยิ้มพูดด้วยเสียงนุ่มนวล “ฟรานด์จัง

 

เธอเข้าใจผิดแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ใช่คนดี แต่ว่าพี่สาวเธอน่ะไม่ใช่คนไม่ดีนะ

 

ทั้งหมดที่เธอทำก็เพราะหวังดีกับฟรานด์ทั้งนั้น…..”

 

“โกหก…พี่ชายโกหก…..”

 

ฟรานด์ส่ายหัวอย่างแรง แล้วตะโกนออกมาทั้งที่น้ำตายังไหลอยู่

 

“ท่านพี่น่ะแย่ที่สุด! ไม่เล่นกับฟรานด์ไม่พอยังปิดประตูขังฟรานด์ไว้อีก ฟรานด์พ

 

ยายามเป็นเด็กดีเชื่อฟังแล้วนะ แต่ท่านพี่ก็ยังไม่ยอมเล่นกับฟรานด์อยู่ดี ท่านพี่

 

เกลียดฟรานด์แล้ว…..ฮึกฮึกฮึก…”

 

“ฟรานด์จัง……” วู่หยานกอดร่างกายนุ่มๆของเธอแน่น แล้วพูดปลอบใจว่า “ที่

 

พี่สาวขังฟรานด์ไว้เป็นเพราะกลัวว่าฟรานด์จะออกไปสร้างปัญหาน่ะสิ เห็นไหม

 

แล้วแบบนี้พี่สาวจะเกลียดฟรานด์ได้ยังไงล่ะ? เธอรักฟรานด์มากที่สุดเลยนะ”

 

ได้ยินฟรานด์หยุดสะอื้น ถึงแม้ว่าน้ำตาจะยังคงไหลอยู่ แต่ความถี่ได้ลดลงไปเยอะ

 

เธอเงยหน้าขึ้นมองวู่หยานด้วยตาที่บวมเพราะร้องไห้ แล้วพูดว่า

 

“แต่ฟรานด์เป็นเด็กดีนะ ไม่ก่อปัญหาหรอก…….”

 

วู่หยานส่านหน้าด้วยรอยยิ้มฝืนๆ ถ้าฟรานด์เป็นเด็กดีจริงเขาคงไม่ตัวระเบิดตาย

 

ไปสองครั้งหรอก แต่ว่าเธอเป็นเด็กสิ่งที่เธอในตอนนี้ต้องการได้ยินที่สุดก็คือ…….

 

“ฉันรู้ว่าฟรานด์เป็นเด็กดีมาก แต่ว่าลองคิดตามนะ……”

 

วู่หยานเรียงเรียงคำพูดในใจ จากนั้นพูดไปว่า “ทุกครั้งที่พี่สาวเธอพาแขกมาจาก

 

ข้างนอกมาเล่นด้วย สุดท้ายพวกเขาเป็นไง? ถูกเธอทำ ‘พัง’ ไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”

 

ฟรานด์ตกใต ก่อนจะลองคิดตามไม่นานนักเธอก็พยักหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียง

 

อ่อนๆ “แต่ว่าคนพวกนั้นพังง่ายเกินไปเอง มันไม่ใช่ความผิดของฟรานด์นะ…..”

 

ช้าก่อน นี่เธอฆ่าคนไปแล้วยังจะบอกว่าตัวเองไม่ผิดอีก?….อย่างที่คิด โลลิคนนี้

 

โครตOP…..

 

กรอกตาไปมา วู่หยานทำได้แค่ยิ้มแห้งๆให้ฟรานด์ “แต่เธอก็เป็นคนทำพวกเขาพัง

 

ใช่ไหมล่ะ? แขกที่พี่สาวเธออุตสาพามากลับต้องมาพังเพราะเธอ มันก็ปกติอยู่แล้ว

 

ที่พี่สาวเธอจะโกรธ แต่ว่านะไอ้ที่พูดว่าถูกพี่สาวเกลียดเป็นไปไม่ได้แน่นอน!

 

ตรงกันข้ามเลย เธอน่ะรักฟรานด์มากที่สุดเลยนะ!”

 

ฟรานด์ก้มหน้าลงเงียบไปพักนึง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองวู่หยาน เธอลังเลแต่

 

สุดท้ายก็ถามออกมาด้วยความหวังว่า

 

“ท่านพี่รักฟรานด์จริงๆเหรอ?”

 

“แน่นอนสิ! พี่ชายคนนี้ขอรับประกันเลย!”

 

“จริงนะ? ไม่เกลียดฟรานด์แน่นะ?”

 

วู่หยานยิ้มพยักหน้า เห็นแบบนี้น้ำตาฟรานด์ก็หยุดไหล เธอมองวู่หยานแล้วถาม

 

ด้วยความคาดหวังว่า “แล้วพี่ชายรักฟรานด์มั้ย?”

 

ได้ยิน วู่หยานก็หัวเราะ หัวเราะอย่างมีความสุขมาก เขาลูบผมสีทองอ่อนน่า

 

หลงใหลของฟรานด์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงแน่วแน่ว่า

 

“แน่นอน!! พี่ชายเองก็รักฟรานด์มากที่สุดเลย…….”

 

แววตาของฟรานด์เป็นประกาย ความสุขทะลักเข้ามาในหัวใจเธอจากนั้นวิ่งมาถึง

 

ตาเธอ ทำให้แววตาเธอเต็มไปด้วยความสุข

 

“พี่ชายจะไม่เกลียด..ไม่เกลียดฟรานด์จริงๆนะ?”

 

มองดูใบหน้าเด็กๆของฟรานด์ที่พยายามถามให้แน่ใจ วู่หยานก็ส่ายหน้าอย่างจน

 

ใจ

 

“ฟรานด์จังไม่มีใครเค้าเกลียดเธอหรอกนะ ฉันเองก็เหมือนกัน!”

 

ในที่สุดฟรานด์ก็ยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่มีคราบน้ำตา เธอยิ้มอย่างมีความสุข มือ

 

เล็กๆทั้งสองจับเสื้อวู่หยานแน่นแล้วหันหน้าเอาแก้มเข้าไปถูไถเขาก่อนที่เธอจะ

 

หลังตาลงด้วยความสุขสบายใจ……

 

มือวางบนหัวฟรานด์ บนใบหน้าวู่หยานมีรอยยิ้มอบอุ่นจากใจราวกับพ่อแม่ที่มอบ

 

ความรักให้ลูกตัวเอง

 

ยังเป็นเด็กอยู่จริงๆด้วยนะ…….

บทที่ 275 เธอเล่นพอรึยัง?

 

หนึ่งวินาทีต่อมา วู่หยานก็ตัวแตกกลายเป็นน้ำเลือดสาดกระจายเต็มพื้นอีกครั้ง

 

……..

 

แม้ว่าจะมีร่างกายอมตะ แต่วู่หยานก็ยังอดรู้สึกหัวใจเย็นยะเยือกไม่ได้ กับความ

 

จริงที่ว่าฟรานด์สามารถตัดสินชีวิตใดๆก็ได้ภายในหนึ่งวินาที….ฟรานด์แข็งแกร่ง

 

มาก แข็งแกร่งจริงๆ…….

 

ไม่แปกใจเลยที่ว่าทำไมในโลกเก็นโซเคียว ยาคุโมะ ยูคาริ ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับ

 

ต้นๆของโลกนั้นยังต้องปวดหัวกับฟรานด์ ในโลกเก็นโซเคียวที่มีแรงค์7เกลื่อน

 

กลาดไม่ต่างจากหมาแมว แล้วแรงค์8ที่เดินกันให้เห็นเต็มไปหมด เอาแค่พลังที่

 

สามารถทำลายได้ทุกอย่างนี้ ก็มากพอที่จะทำให้ฟรานด์นับได้ว่าเป็นตัวตนที่

 

แข็งแกร่งที่สุดแล้ว! ถ้าไม่นับเหล่าคนที่มีพลังเหนือกว่าฟรานด์อย่าง ยาคุโมะ ยูคา

 

ริ นะ…….พวกนี้มันกึ่งๆพระเจ้าแล้ว……

 

ตัวการดูจะไม่ได้ทุกข์ร้อนเลยว่าคนที่เพิ่งโดนตัวเอง ‘บีบ’ ตายไป นั้นมีชีวิต

 

‘หลอมรวม’กับตัวเอง สีหน้าของฟรานด์กลับเต็มไปด้วยความคาดหวังมองจุดที่

 

เต็มไปด้วยเลือดกระจายว่า พี่ชายของเธอจะกลับมา ‘ดี’ อีกครั้ง แล้วมาเป็น

 

เพื่อนเล่นเธอต่อ……….

 

และพี่ชายก็ไม่ได้ทำให้เธอผิดหวังจริงๆ วู่หยานฟื้นคืนสภาพกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เพราะถึงเขาจะเป็น True Ancestorเป็นอมตะก็เถอะ แต่นี่ตู

 

ตายไปสองรอบแล้วนะเฮ้ย!

 

ไอ้ความตายทีสภาพศพทุเรศแบบนี้น่ะขอทีเถอะ ความรู้สึกที่ร่างกายแตกสลาย

 

มันไม่ได้รู้สึกดีเลยแม้แต่นิดเดียว จะมีโชคดีก็แค่เขาไม่จำเป็นต้องทุกข์ทรมาน

 

เจ็บปวดนานนัก มันเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆร่างเขาก็ถูกแยกเป็นชิ้นเล็กๆหมดแล้ว

 

แต่ถึงมันจะแค่แป๊ปเดียวมันก็เจ็บสุดๆอยู่ดี

 

ฟรานด์จังมีสีหน้าแฮปปี้มาก เธอตบมือแปะๆบ่งบอกว่าตัวมีความสุขแค่ไหน

 

“ฮิฮิ! พี่ชายกลับมาแล้ว!!”

 

สร้อยปิดผนึกสีแดงยังคงถูกวู่หยานกำแน่น แม้ว่าวู่หยานจะตายไปสองครั้งแล้ว

 

แต่สร้อยนี่ก็ไม่มีแม้แต่รอยร้าวเลย ความคงทนนี่สมแล้วจริงๆที่ตรงช่องอธิบายมัน

 

บอกว่า ‘ไม่สามารถทำลายได้’ น่ะ

 

ไม่ใช่แค่สร้อยนี่ กระทั่งสร้อยสีดำที่เก็บน้องสาวมิซากะไว้ก็ไม่เป็นไรเช่นกัน นี่ตู

 

ควรพูดว่าสมแล้วจริงๆที่เป็นสินค้าของระบบไหมว่ะ?…….

 

วู่หยานส่ายหัวแล้วถอนหายใจ นี่ตูยังมีเวลามาคิดเรื่องแบบนี้ตอนที่ยังติดสู้กันคน

 

ที่แข็งแกร่งกว่าสุดๆอย่างฟรานด์ได้อีก?…..

 

มองดูบนฟ้า ใบหน้าน้อยๆของฟรานด์ที่เต็มไปด้วยความสุข หัวใจวู่หยานก็หนัก

 

อึ้ง

 

“ไม่คิดจะ…ใส่จริงๆงั้นเหรอ?”

 

วู่หยานเพิ่มแรงบีบสร้อยจนมือเขียว แล้วพูดเสียงครางต่ำดังออกมา แสดงให้เห็น

 

ถึงอารมณ์เจ้าตัวตอนนี้…….

 

ในเวลานี่สภาวะอารมณ์ของวู่หยานั้นต่ำมาก ฟรานด์ที่ไม่เต็มใจใส่วงแหวนปิด

 

ผนึกก็เท่ากับว่าเขาจะสูญเสียโอกาศที่จะได้อยู่ร่วมกันกับฟรานด์ไป………

 

ระยะเวลาที่ฟรานด์ถูกอัญเชิญออกมาเพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งชั่ว ถึงเขาจะมีความ

 

ประทับใจดีๆให้เธอมาตั้งแต่แรก เขาก็โดนฆ่าไปสองครั้ง แล้วถ้าเขาพาฟรานด์ที่

 

ไม่ถูกผนึกพลังกับไปล่ะ?……

 

เขากล้าที่จะพาฟรานด์กลับเมืองแห่งการศึกษา พากลับบ้านไปเจอพวกฮินางิคุ

 

เหรอ?……

 

ยิ่งคิดวู่หยานก็ยิ่งเครียดจนแทบจะเป็นบ้า

 

ได้ยินเสียงแหบต่ำของวู่หยานใบหน้ายิ้มๆของฟรานด์ก็แข็งทื่อหัวใจที่เธอเต้นตึกๆ

 

ด้วยความตื่นเต้นได้ช้าลงกลับเป็นปกติ ถึงปากจะบอกเกลียดพี่ชาย แต่กับคนที่

 

ช่วยเธอออกมาจากห้องใต้ดินและยังมีกลิ่นอายที่เหมือนกับตัวเอง จริงๆแล้วในใจ

 

เธอไม่ได้รู้สึกเกลียดเลยแม้แต่นิดเดียว

 

แม้ว่าจะอยู่มา495ปีแล้ว แต่จิตใจของฟรานด์ก็ยังเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิม ถ้าให้กะ

 

อายุก็ประมาณเด็ก6-7ขวบ เพราะงั้นการโอ๋เธอทำอะไรดีๆให้หน่อยก็เพียงที่จะทำ

 

ให้เธอมองคุณดีขึ้นแล้ว

 

เพียงแต่ว่าที่ที่เธออยู่เก็นโซเคียวมันเอาสามัญสำนึกปกติมาใช้ไม่ได้บวกกับจิตที่

 

ผิดปกติของฟรานด์ ทำให้เธอไม่มีความคิดที่ว่า ‘ไม่สามารถทำร้ายคนอื่นได้’ อยู่

 

เลย ดังนั้นก่อนหน้านี้สำหรับเธอจึงเป็นได้แค่ ‘การละเล่น’…………

 

เมื่อเห็นสร้อยสีแดงในมือวู่หยาน หัวใจที่เพิ่งกลับมาวงบนิ่งของฟรานก็พุ่งพล่าน

 

อีกครั้ง เธอไม่เข้าใจความคิดของวู่หยาน เหมือนกับที่ไม่เข้าใจความคิดของพี่สาว!

 

ใครดีต่อเธอ ฟรานด์จำ ใครร้ายกับเธอ ฟรานก็จำ พี่สาวได้ขังเธอไว้ในห้องใต้ดินที่

 

เธอไม่ชอบ นี่คือไม่ดีกับเธอ ดังนั้นฟรานด์จำ

 

ส่วนวู่หยานที่คิดจะผนึกพลังเธอ นี่คือไม่ดีต่อเธอแน่นอน!

 

ดังนั้นฟรานด์จึงต่อต้าน ถึงจริงๆเธอจะไม่แคร์ว่าตัวเองจะมีพลังหรือไม่มีก็เถอะ

 

เธอต่อต้านก็เพราะไม่ชอบมัน!

 

หรือก็คือฟรานด์เป็นเด็กที่ทำตามใจตัวเองล่ะ………

 

และเพราะไอ้การทำตามใจนี่เองได้ทำให้วู่หยานเราตายไปถึงสองครั้ง………

 

ด้วยความโกรธ นัยน์ตาเธอเรืองแสงแรงกว่าเดิม โดยไม่พูดอะไรต่อเธอก็สร้างวง

 

เวทย์ปล่อยห่าฝนที่มาในรูปบอลแสงที่มีหลายสีคละกันใส่วู่หยาน

 

Forbidden Barrage “Starbow Break”!

 

ฟรานด์ตะโกนชื่อท่าออกมา ทำวู่หยานหน้าเปลี่ยนสี เขาพับเก็บความคิดต่างๆ

 

ทันที ถึง Starbow Break จะดูมีเสน่ห์สวยงามราวภาพลวงตา แต่เขาไม่คิดจะดู

 

แคลนเพียงเพราะมันสวยเด็ดขาด

 

วู่หยานก้าวเท้าไปยังอากาศที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นตรงฝ่าเท้าของเขาก็มีทรายเหล็ก

 

ลอยออกมาโคจรพาตัวเขาบินขึ้นฟ้า จากนั้นเริ่มบินหลบหลีกห่ากระสุนนรกที่มี

 

เยอะยิ่งกว่าตอนเจอป้ามุกิโนะ Meltdowner

 

บนหน้าผากมีเหงื่อไหลซึมออกมาไม่หยุด ระยะทำการของกระสุนแสงหลากสี

 

พวกนี้มันกว้างเกินไป วู่หยานทำได้แค่บินหลบซ้ายขวาแบบทุลักทุเลเพื่อรักษา

 

ชีวิตที่สามนี่ไว้

 

แต่ฟรานด์ที่เห็นก็ราวกับคิดว่ามันไม่พอ เธอจึงโบกมือปล่อยมาอีกระลอก!

 

กระสุนแสงที่แน่นขนัดปกคลุมทั่วท้องฟ้าที่ตาเขาเห็น ราวกับวันพิพากษามาถึง

 

ต่อหน้าดงกระสุนแสงจำนวนมากพวกนี้ตัววู่หยานดูเล็กกระจ้อยไปเลย……..

 

ก่อนที่วู่หยานจะได้ทันตั้งตัว กระสุนแสงก็ได้มาถึงแล้ว!

 

ทันใดนั้นตัววู่หยานก็ถูกห่ากระสุนแสงถล่มลากตัวเองลงสู่พื้นด้านล่างอีกครา ถ้า

 

จ้องมองดีๆจะเห็นว่ามีชั่วพริบตานึงที่เกิดประกายไฟฟ้าขึ้น………

 

เสียงระเบิดดังขึ้นถี่ๆสนั่นฟ้า ดังไปพร้อมกับเสียงโห่ร้องตื่นเต้นของฟรานด์………

 

ฝุ่นควันปกคลุมไปทั่ว ทำให้ฟรานด์มองไม่เห็นอะไร เธอเม้มปากขณะที่มอง

 

ด้านล่างซึ่งยังเกิดเสียงระเบิดไม่หยุด

 

ผ่านไปพักนึง เสียงระเบิดก็ได้เงียบหายไป ทว่าฝุ่นควันไม่ได้หายไปด้วย อาจเป็น

 

เพราะความใจร้อน ฟรานด์จึงตะโกนไปยังด้านล่างด้วยความไม่พอใจ

 

“พี่ชาย! รีบออกมาเร็วเข้า!”

 

เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบกลับ ฟรานด์หงุดหงิดเธอโบกมือไปทีนึงเกิดลมแรงพัดฝุ่น

 

ควันออกไป………

 

เธอโก่งตัวกวาดตามองเมื่อเห็นเงาคน ฟรานด์ก็ยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นคนที่เธอ

 

มองหาอยู่จนได้

 

ทว่าวินาทีต่อมาฟรานก็ตัวแข็งค้าง

 

ด้วยหัวที่ก้มต่ำ ผมหน้าร่วงลงมาปิดตา ทำให้คนมองไม่เห็นสีหน้าเขา………..

 

หน้าอกสั่นขึ้นลงอย่างรุนแรง ปากกัดฟันแน่นจมูกสูดลมหายใจเข้าออกอย่างหนัก

 

และตรงไหล่เขาได้อาบไปด้วยเลือด ตรงจุดที่เคยมีแขนอยู่…….

 

ภายใต้การจ้องมองของฟรานด์ วู่หยานก็สูดหายใจอีกครั้ง แล้วค่อยเงยหน้าขึ้น

 

อย่างช้าๆมองไปที่ฟรานด์ ด้วยนัยน์ตาที่ในเวลานี้กลายเป็นเย็นชาไปเรียบร้อย

 

แล้ว…….

บทที่ 274 พลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวของ The Eyes ล่ะ!

 

คงไม่เคยมีใครผ่านประสบการณ์มองร่างกายตัวเองโดนฆ่าอย่างโหดด้วยตาตัวเอง

 

หรอกมั้ง?………

 

ทว่าวู่หยานได้เห็นแล้วในตอนนี้!

 

ภายใต้การกำมือของฟรานด์ วู่หยานไม่มีแม้แต่โอกาสตอบสนองทำอะไร ทันใด

 

นั้นเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลัง ‘ลอย’ หลังจากนั้นเขาก็เห็นร่างกายตัวเองค่อยๆปริ

 

แตก…….

 

ในความเป็นจริง หัวของวู่หยานได้แยกออกจาตัวตกลงมาก่อน แถมยังตกไป

 

ด้านหน้าตัวเองด้วย…….

 

ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่สติของวู่หยานจะวูบดับหายไป เขาจึงต้องจำใจมาเป็นผู้ชมแถว

 

หน้าสุดมองร่างกายตัวเองถูกแยกชิ้นส่วนตายแบบคมชัดลึกทุกอณู…….

 

ฝ่ามือที่กำแน่นของฟรานด์ได้คลายออก มองดูชิ้นส่วนร่างกายอีกฝ่ายที่กระจัด

 

กระจายไปทั่วพร้อมกับพื้นดินที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดสดๆจำนวนมาก ฟรานด์ก็ฉีก

 

ยิ้มอย่างกระหายเลือดทว่ารอยยิ้มนี่ไม่นานนักก็ได้หายไป……..

 

ฟรานด์พองแก้มด้วยความไม่พอใจ แล้วพูดอย่างไร้หัวใจว่า “เห้อ พี่ชายพังซะ

 

แล้ว แม้แต่พี่ชายยังพัง ฮึ้ม ไม่สนุกเลย……”

 

คำพูดพวกนี้ ราวกับ ‘ศพ’ วู่หยานที่ร่างแตกกระจัดกระจายได้ยิน ภายใต้สี

 

หน้าช็อคของฟรานด์ เลือดทั้งหมดบนพื้นก็ได้ลอยขึ้น!

 

หลังจากนั้น พวกมันก็มารวมตัวกันด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง ภายใต้การจ้องมอง

 

ของฟรานด์ มันได้ไปรวมตัวกันที่ตำแหน่งเดิมที่เขาตายอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก

 

น้ำเลือดทั้งหมดก็ได้รวมกันจนเกิด บลัดเซลล์ ขึ้น!

 

เมื่อน้ำเลือดที่เหลือพุ่งเข้าไปในบลัดเซลล์ มันก็เกิดการบิดตัวไปมา หลังจากนั้นก็

 

ก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์ขึ้นมา เสร็จแล้วก็เริ่มสร้างอวัยวะภายในขึ้นด้วยความเร็ว

 

ที่ตาเปล่าสังเกตุเห็นได้ ไม่นานนักก็เกิด กระดูก และ ผิวหนัง………

 

ในชั่วระยะเวลานึง คนที่ควรจะตายไปแล้วก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งต่อหน้าฟ

 

รานด์……

 

เงยหน้าขึ้นพรวดมองฟรานด์ ในนัยน์ตาสีแดงของวู่หยานมีความตื่นตัวและความ

 

กลัวฉายขึ้น……..

 

น่ากลัวเกินไปแล้ว! พลังของฟรานด์โครตน่ากลัว!!

 

ใครจะคิดล่ะว่าเมื่อกี้ตอนคนกำลังปวดหัวเพราะใช้พลังจิตมากเกินไป วินาทีต่อมา

 

ต้องมาเห็นตัวเองตาย!

 

เหตุผลที่ตายก็ง่ายๆเลยคือฟรานด์กำมือ…….

 

เมื่อคิดกลับไปถึงตอนที่เห็นร่างกายตัวเองแตกกลายเป็นละอองน้ำเลือดเต็มพื้น

 

หัวใจวู่หยานก็เต้นระรัวด้วยความกลัว ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากมีประสบการณ์

 

สยองแบบนั้นอีกแล้ว

 

ในขณะเดียวกันวู่หยานก็นึกของคุณตัวเองในอดีตที่ฉลาดเลือกเป็น True

 

Ancestor ไม่งั้นตอนนี้เขาคงได้ไปทัวร์นรกแล้ว……

 

อีกด้านนึง ฟรานด์ที่เห็นวู่หยานฟื้นคืนชีพกลับมา ใบหน้าตกใจของเธอก็ค่อยๆถูก

 

เก็บไปแทนที่ด้วยรอยยิ้มร่าเริง เธอกระโดดขึ้นๆลงๆบนอากาศด้วยความดีใจ

 

“เย้! พี่ชายกลับมาแล้ว! พี่ชายไม่พังแล้วดีมากเลย!”

 

ฟังเสียงดีใจของฟรานด์ วู่หยานไม่แฮปปี้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะประโยคต่อมา

 

ของเธอ…..

 

“พี่ชายเก่งไม่เลวเลย! เล่นกับฟรานด์ได้ด้วย! มาเล่นกันต่อนะพี่ชาย! เล่นกันๆ!!”

 

ได้ยินสีหน้าของวู่หยานก็จมดิ่งมืดมัว ไม่รู้ว่าในใจเขาจินตนาการว่าตัวเองพลิกโต๊ะ

 

ระบายอารมณ์ไปกี่ครั้งแล้ว…..

 

ทั้งที่ฟรานด์เป็นซัมมอน(ผู้ที่ถูกอัญเชิญ)ของเขาแท้ๆ แล้วแต่ละอย่างที่เธอเล่นนี่

 

มากพอที่จะฆ่าเขาได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นดันมาคุหรือThe Eyes…….

 

นี่หรือว่าฟรานด์ไม่ได้รับความทรงจำจากระบบ? ไม่รู้หรือไงว่าถ้าตูตายเธอก็ต้อง

 

ตายตามด้วยน่ะ?…..

 

ฟรานด์ได้รับความทรงจำจากระบบมาแน่นอน จุดนี่ไม่ต้องสงสัยเลย เพราะตอน

 

แรกฟรานด์ก็พูดไม่ใช่เหรอว่าเขาช่วยเธอออกมาน่ะ? นี่ก็ยืนยันได้ว่าเธอได้รับ

 

ความทรงจำมาจริงๆ…..

 

แต่ว่าด้วยนิสัยของฟรานด์มีความเป็นไปได้ว่า……เธอได้ลืมมันไปหมดเกลี้ยงแล้ว

 

…….

 

ถ้าจะให้มาพูดมาบอกเธอตอนนี้ วู่หยานคิดว่ามันคงไม่ช่วยอะไรซ้ำร้ายเธอจะยิ่ง

 

ลงมือหนักกว่าเดิมอีก…..

 

ถอนหายใจ วู่หยานมองฟรานด์ในแววตาเขามีประกายความโกรธขึ้น เชื่อได้เลย

 

หลังโดนฆ่าสักครั้งคงไม่มีใครอารมณ์ดีอยู่หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นฟรานด์

 

เขาจะไม่ใช่แค่โกรธอย่างเดียว ป่านนี้เขาจะหยิบNight of Meteorขึ้นสายเตรียม

 

ยิงแล้ว

 

“ฟรานด์จัง ตอนนี้หยุดได้แล้มใช่ไหม?”

 

ได้ยินฟรานด์ก็ส่ายหัวทันที “ไม่เอา! ทำไมต้องหยุดล่ะ? ความสนุกมันเพิ่งจะเริ่ม

 

เองนะ……”

 

เพิ่งเริ่ม…?

 

ในใจวู่หยานหัวเราะขมขื่น ใช่แล้วฟรานด์ที่เป็นถึงแรงค์9กับเขาที่เป็นแรงค์7

 

สำหรับเธอเมื่อกี้คงจะอุ่นเครื่อง……

 

“ไม่เล่นแล้วฟรานด์ อย่าดื้อสิ! ฟังกันหน่อย!”

 

ตอนที่พูดประโยคนี้วู่หยานแทบอยาจะลงไปคุกเข่าขอให้หยุดเลย ถึงแม้เขาพอสู้

 

ไม่สิ…..ต้านไว้ได้ แต่ถ้าให้เลือดเขาก็ไม่อยากสู้เลย…..

 

แต่ว่าถึงเขาจะไม่อยาก แต่อีกฝ่ายเล่า? กี่ครั้งแล้วที่เขาขอให้เธอหยุด มีสักครั้ง

 

ไหมที่ฟรานด์ฟังน่ะ…….

 

ฟรานด์หุบรอยยิ้ม แล้วพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เชื่อฟัง เชื่อฟัง พี่ชายนี่เหมือน

 

ท่านพี่จริงๆเลยนะ ชอบพูดบอกให้หนูเชื่อฟังตลอด หนูก็เชื่อฟังแล้วนะ ฟรานด์ก็

 

แค่อยากจะเล่นด้วยกับพี่ชายเอง……”

 

แต่ทางนี้ขอพูดจากใจเลยว่าไม่อยากเล่นด้วย……

 

คิดแล้ววู่หยานก็อยากจะร้องไห้ เด็กนี่เป็นประเภทเดียวกับผู้หญิงเลย พวกเธอจะ

 

น่ากลัวที่สุดตอนที่สูญเสียเหตุผลแล้วใช้แต่อารมณ์……

 

ดังนั้น นอกจากฝืนยิ้ม วู่หยานก็ทำได้แค่ยิ้มขมขื่น……

 

พอเห็นรอยยิ้มฝืนๆของวู่หยาน ฟรานด์ก็พูดด้วยความหงุดหงิดว่า “ยังไงพี่ชายก็

 

ไม่คิดอยากเล่นกับฟรานด์ใช่ไหมล่ะ! แต่ฟรานด์ไม่สนหรอกนะ ฟรานด์จะเล่นกับ

 

พี่ชาย!!”

 

เมื่อฟรานด์พูดอย่างเอาแต่ใจเสร็จ แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากตัวฟ

 

รานด์อีกครั้ง แถมครั้งนี้เทียบกับคราวก่อนมันทั้งมากกว่าและแข็งแกร่งกว่า!

 

เมื่อวู่หยานตอบสนอง ภาพตรงหน้าเขาก็มีแต่บอลแสงแล้ว!

 

ในใจสบถด่าไปที จากนั้นวู่หยานก็ถอยหนีทันที จะไม่ถอยก็ไม่ได้ เพราะตรงหน้า

 

บอลแสงมันอัดแน่นเยอะเกินจนไม่มีพื้นที่ให้เขาหลบได้เลย!

 

“ฮ๊า!!” ตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็มีกระไฟฟ้าจำนวนมากระเบิดออกมารอบตัววู่

 

หยาน ไฟฟ้าดุดันบ้าคลั้งได้ไหลอาบตัวเขา เสียงไฟฟ้าเสียดสีกันดังกระหน่ำ

 

เผชิญหน้ากับบอลแสงของฟรานด์วู่หยานทำได้แค่โอเวอร์โหลดพลังจิตตัวเองเขา

 

ถึงจะต้านไว้ได้ ถ้าฟรานด์เป็นศัตรูก็คงดีเขาจะได้ลงมือได้อย่างเต็มที่ แต่เธอดัน

 

เป็นคนของเขานี่สิ ดังนั้นวู่หยานจึงทำได้แค่ป้องกัน

 

ราวกับคลื่นทรายเหล็กก่อนหน้านนี้ จะต่างก็เพียงแค่ว่ามันเป็นไฟฟ้า ใช่แล้วเป็น

 

ตาข่ายไฟฟ้าขนาดยักษ์ เขาส่งมันไปปะทะกับกลุ่มบอลแสง

 

เมื่อตาข่ายคลุมบอลแสงก็เกิดเสียงระเบิดขึ้นยืนยันว่าบอลแสงที่มากพอที่จะ

 

ทำลายทั้งชายหาดหลายครั้งได้หายไปแล้ว จะมีก็เพียงแค่เศษหินเศษทรายที่ปลิ

 

นว่อนเพราแรงลมจากการระเบิด…….

 

แต่แน่นอนว่าวู่หยานไม่มีเวลาหรือพลังมากพอที่จะไปห่วงสภาพชายหวด เพราะ

 

ตอนนี้เขายังแทบเอาชีวิตไม่รอด แล้วจะเอาอะไรไปห่วงชายหาด?

 

รอดจากห่าบอลแสงนรกได้ ลมหายวู่หยานก็กลายเป็นถี่ระรัวหอบแฮ่กๆ อาการ

 

ปวดหัวอย่างรุนแรงส่งตรงมาจากสมองอีกครั้ง จากนั้นวู่หยานก็พูดกับฟรานด์ด้วย

 

รอยยิ้มฝืนๆ

 

“ฟรานด์จังช่วยฟังฉันสักครั้งไม่ได้เหรอ?”

 

ฟรานด์มีสีหน้าเย็นชา แต่ในใจเธอกำลังโกรธอยู่หน่อยๆ ทำเสียง เหอะ ใส่ทีนึ

 

งเธอก็หันหน้าหนีไปอีกทาง แล้วยื่นมือเล็กๆออกมา…….

 

หัวใจวู่หยานสั่นระริก เขายังไม่ทันได้ทำอะไร ร่างกายก็แตกออกกลายเป็นเศษ

 

เนื้ออีกครั้ง……

 

พลังที่สามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง ช่างน่ากลัวจริงๆ………

บทที่ 273 เล่น? วิ่งไล่จับ? วู่หยานตายล่ะ!

 

บนท้องฟ้า ฟรานด์ก้มหน้าจ้องลงมาที่ตัววู่หยานด้วยนัยน์ตาเรืองแสงสีแดง มุม

 

ปากเธอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มโหดเหี้ยมกระหายเลือด ปีกคริสตัลเจ็ดสีด้านหลังสั่นไป

 

มา มันกระทบกันจนเกิดเป็นเสียงระฆังขึ้น……

 

ติ๊งต่อง………..ติ๊งต่อง………ติ๊งต่อง………..

 

พริบตานั้นเองท้องฟ้าก็มืดมนลง สีดั้งเดิมได้เลือนหายไป แทนที่ด้วยสีเลือดที่

 

ข้นคลั้ก!

 

เลือด! ทั้งโลกมีแต่เลือด! พื้นดินเจิงนองไปด้วยเลือดราวกับเพิ่งผ่านสงครามมา

 

แม้แต่ทะเลสีฟ้าครามด้านหลังฟรานด์ก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดง ทั้งพื้นดินและอากาศ

 

ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงหมด!

 

ชุดโกธิคโลลิต้าของฟรานด์ที่เดิมมีสีแดงขาว มาตอนนี้ก็ได้กลายเป็นสีแดงทั้งชุด

 

ราวกับเพิ่งไปอาบเลือดมา วู่หยานกระทั่งมองเห็นเลือดหยดลงมาจากชุดฟรานด์

 

ไปยังทะเลด้านล่าง………

 

มันไม่ใช่เลือดจริง แต่มันเกิดมาจากแรงกดดันเฉพาะตัวของฟรานด์………

 

ตัวที่หยุดนิ่งบนฟ้าอยู่ๆก็เซไปมา ใบหน้าที่ไร้เดียงสาของฟรานด์ได้ถูกสีแดง

 

กระตุ้นไปจนถึงจิตวิญญาณ ทำร่างกายสั่นไหว

 

ในใจเธอ…ได้ยินเสียงคนกระซิบบอกว่า….

 

จงทำลาย!…..จงทำลายมันให้หมดทุกอย่าง!

 

นัยน์ตาสีแดงของเธอได้ฉายแววบ้าคลั่งอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา ฟรานด์ก้มหน้ามองวู่

 

หยานที่พื้นแล้วยิ้มให้……

 

“เน่…พี่ชาย…มาเล่นกันเถอะ…..”

 

สิ้นเสียง พื้นที่วู่หยานยืนอยู่ก็สั่นไหว เขาหน้าเปลี่ยนสีบนหน้าผากเกิดประกาย

 

ไฟฟ้าออกมา ทันใดนั้นก็มีทรายดำขนาดจิ๋วลอยออกมารวมตัวที่เท้าวู่หยานพาเขา

 

บินขึ้นฟ้า!

 

“ตู้ม!!!”

 

เท้าวู่หยานเพิ่งลอยขึ้นจากพื้นได้เพียง10เซนติเมตร จุดที่เขายืนเมื่อกี้ก็ก็ระเบิด

 

ออกทันที ก่อนจะมีวงเวทย์สีแดงปรากฏออกมาแทน จากนั้นกระสุนแสงก็เรียง

 

แถวลอยออกมาไม่หยุด ในไม่ช้ามันก็มีรูปร่างเป็นแส้! แล้วหวดไปทาองวู่หยาน!

 

Taboo “Cranberry Trap!”

 

เป็นหนึ่งใน Spell Card ของฟรานด์!

 

วู่หยานถูกล้อมด้วยกระสุนแสงจำนวนมหาศาล มองลูกบอลแสงนับไม่ไหวาดไม่

 

ไหวเขาก็ขนลุก รีบกวาดมือไปพื้นดินสั่นอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีวงเวทย์โผล่ออกมาแต่

 

เป็นทรายเหล็ก!

 

ทรายสีดำก่อตัวเป็นดาบจำนวนมากอย่างรวดเร็ว จากนั้นสั่งให้มันบินเข้าใส่บอล

 

แสง!

 

“ตู้ม!” “ตู้ม!” “ตู้ม!”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง ราวกับดอกไม้ไฟ บอลแสงยังคงออกมาอยู่เรื่อยๆ

 

“ฟลานด์หยุดเดี๊ยวนี้!”

 

“ไม่!” ฟรานด์ปฏิเสธอย่างดื้อดึง ไม่เพียงไม่หยุดเธอยังสร้างวงเวทย์ Cranberry

 

Trap ออกมาที่มือแล้วยิงบอลแสงใส่วู่หยานอีกครั้ง

 

วู่หยานกัดฟัน แล้วโบกมือสร้างดาบเหล็กดำใหม่เข้าไปต้าน ไม่รู้ว่าฟรานด์ออมมือ

 

ให้เขาหรือเปล่า เพราะการโจมตีของแรงค์9เขาเป็นแรงค์7กลับสามารถต้านไว้ได้

 

วู่หยานบินไปด้านหน้าฟรานด์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “ถ้ายังไม่หยุด ฉันจะ

 

โกรธจริงๆแล้วนะ!”

 

ได้ยินฟรานด์ก็ตัวสั่น แล้วตะโกนกลับไปด้วยความโกรธ “ไม่เอา! ไม่เอา! ไม่เอา!”

 

“ฟรานด์อยู่ตัวคนเดียวตลอด ไม่มีใครเลยที่มาคุยกับฟรานด์ ไม่มีใครเลยที่มาเล่น

 

กับฟรานด์!!!” เธอยังคงตะโกนใส่วู่หยาน “ทำไมถึงต้องขังหนู! ฟรานด์ไม่ได้ทำ

 

อะไรผิดสักหน่อย! ฟรานด์ก็แค่ต้องการเล่นด้วยกันกับพี่ชายเท่านั้นเอง!!”

 

“ฟรานด์จัง…….”

 

มองดูฟรานด์ที่ตะโกนใส่ตน ในใจเขาก็เกิดรู้สึงสงสารอย่างมาก……..

 

ตัวเขาเองก็จนใจเหมือนกัน ถ้าเกิดไม่ทำแบบนี้ฟรานด์ก็จะทำลายล้างทุกอย่าง

 

รอบตัว บางทีอาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกวู่หยานไม่อยากเห็นเด็กน้อยน่ารักอย่าง

 

เธอที่จิตใจยังไม่โตด้วยซ้ำต้องมาทำเรื่องโหดร้ายต่อหน้าตัวเอง ดังนั้นเขาจึงต้อง

 

ผนึกพลังเธอ!

 

วู่หยานถอนหายใจ “เอาเป็นว่าอย่างแรกเลยฟรานด์จัง เธอหยุดแล้วช่วยฟังฉัน

 

ก่อนนะโอเคมั้ย? ฉันไม่ได้คิดจะขังหรือผนึกเธอนะ!”

 

“พี่ชายเป็นคนไม่ดี! ฟรานด์เกลียดพี่ชายที่สุด!” ฟรานด์ไม่คิดจะฟังเธอตัดขาดทุก

 

อย่าง จากนั้นปล่อยบอลแสงออกมาแบบไม่สนทิศทางถล่มทุกอย่างรอบตัว!

 

Ripples of 495 Years!

 

สเปลการ์ดที่มีชื่อแฝงความหมายลึกซึ้งมาพร้อมกับพลังทำลายอันน่าหวาดกลัว!

 

บอลแสงสีขาว! สีขาวบริสุทธ์! ทว่าจำนวนที่ออกมา มันมากเสียจนทำให้คนที่เห็น

 

จำต้องหยุดหายใจเลย!

 

ลูกบอลพลาสม่าของแอคเซราเรเตอร์ตอนนั้น เทียบกับ Ripples of 495 Years

 

ไม่ติดเลย!

 

“พี่ชาย! มาเป็นเพื่อนเล่นดันมาคุกับฟรานนะ!”

 

พลังงานอันน่ากลัวได้แผ่ออกมาจากบอลแสง ภาพเบื้องหน้าของวู่หยานทั้งหมดได้

 

ปกคลุมไปด้วยบอลสีขาว ทำเขาหน้าซีด!

 

วู่หยานดีดนิ้ว จากนั้นดาบทรายเหล็กที่มีทั้งหมดก็สลายตัวเป็นคลื่นทรายเหล็กที่

 

มากเสียจนดูราวกับซึนามีสีดำ แล้วสั่งให้มันซัดเข้าใส่บอลแสงตรงหน้าเขา!

 

แต่เห็นได้ชัดว่าทางบอลแสงมีจำนวนมากกว่าทรายเหล็กดำ วู่หยานกัดบนขมับมี

 

เส้นเลือดปูดออกมา จากนั้นคลื่นทรายเหล็กลูกใหม่ก็พุ่งขึ้นมาจากพื้น แล้วขึ้นไป

 

ช่วยสนับสนุนคลื่นอันเก่า!

 

บนหน้าผากมีเส้นโป่งผองหลายเส้น วู่หยานครางในลำคอด้วยความเจ็บปวด นี่

 

ชี้ให้เห็นว่าการจะต้านทาน Ripples of 495 Years ของฟรานด์ได้เขาจำต้องฝืน

 

ใช้การคำนวณที่เกินขีดจำกัด!

 

แต่ว่าด้วยการฟื้นฟูอันทรงพลังของสายเลือดแท้ ทำให้สมองที่ไหม้ของเขาฟื้นฟู

 

กลับมา!

 

คลื่นทรายสีดำขนาดใหญ่ และลูกบอลสีขาวที่มีจำนวนมากกว่าเม็ดฝนได้ต้านกัน

 

ไปมาบนท้องฟ้า ในไม่ช้าคลื่นสีดำดูที่ราวกับฝ่ามือก็ได้โอบล้อมบอลแสงไว้ข้างใน

 

ได้! (@นึกถึงตอนกาอาระสู้อ่ะ555)

 

ด้วยเสียงดังกระหึ้มและแรงสั่นสะเทือน ทั้งบอลแสงและทรายเหล็กก็ได้ระเบิด

 

เกิดเป็นภาพตระการตากระจัดกระจายลงสู่พื้นโลก……

 

ภายใต้ภาพสวงงามด้านหน้า วู่หยานมีสีหน้าขาวซีดสุดๆ ในแววตาเต็มไปด้วยเส้น

 

เลือดฝอย และนัยน์ตาที่เดิมทีก็เป็นสีแดงอยู่แล้วมาตอนนี้ลูกตาทั้งสองของเขาจึง

 

มีแดงทั้งหมด บนหน้าผากชุ่มไปด้วยเหงื่อ ความเจ็บปวดอย่างรุ่นแรงส่งออกมา

 

จากสมองทำวู่หยานอดทนไม่ไหวจนต้องยกมือกุมหัว……

 

มองดู Ripples of 495 Years ที่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ฟรานด์ไม่ผิดหวังเธอกลับ

 

ยิ่งตื่นเต้น พอเห็นใบหน้าเจ็บปวดของวู่หยาน สีหน้าตื่นเต้นของเธอก็เพิ่มพูนขึ้น

 

ทันที!

 

แลบลิ้นเล็กออกมาเลียริมฝีปาก ฟรานด์หัวเราะเสียงใส “Hahaha สนุกมากเลย!

 

พี่ชายเก่งมาก! แต่ฟรานด์เก่งกว่า! มาเล่นกันต่อเถอะพี่ชาย!”

 

ขณะที่มือยังกุมหัว เสียงหอบหายใจของวู่หยานได้เบาลง เส้นเลือดฝอยในตาก็ลด

 

น้องอย่างเร็วจนตาเปล่ายังเห็นได้ชัด อาการปวดหัวก็น้อยลงเรื่อยๆ การฟื้นฟูและ

 

พลังชีวิตอันทรงพลังของแวมไพร์สายเลือดแท้ได้แสดงผลออกมาให้เห็นแล้ว

 

ในตอนนี้! สามารถคืนสภาพสมองที่เกือบจะไหม้กลับมาได้!

 

มือข้างนึงกุมหัว อีกมือกุมดวงตา แล้วใช้ตาข้างที่เหลือมองฟรานด์บนฟ้า และการ

 

มองครั้งนี้ก็ได้ทำให้นัยน์ตาเขาหดลงอย่างถึงที่สุด!

 

ข้างบน ฟรานด์ยิ้มร่าแสดงให้เห็นถึงความสุขอันมากล้น เป็นรอยยิ้มที่ดูสดใส

 

และบริสุทธ์เหมือนตอนแรกที่วู่หยานเจอเธอ

 

ยกเว้นก็เพียงแต่ว่ามือของเธอกำลังยกขึ้น……

 

เห็นท่านี่หัวใจทั้งดวงของวู่หยายก็เย็นเยียบทันที ถ้าเลือกได้เขายินดีที่จะเจอบอล

 

แสงเมื่อกี้อีกรอบดีกว่ามาเห็นฟรานด์ยื่นมือออกมาแบบนี้………

 

ภายใต้นัยน์ตาที่หดตัวลงอย่างรุนแรง ฟรานด์ก็กำฝ่ามือ!

 

“โพล๊ะ!”

 

พริบตาต่อมา วู่หยานก็ได้พบการตายอันโหดร้ายครั้งแรกตั้งแต่เกิดมา รอบๆจุดที่

 

เขาเคยยื่นอยู่ได้เต็มไปด้วยเลือดเปรอะเปื้อนไปทั่ว………

บทที่ 272 จบไม่สวย? ฟรานด์คลั่งล่ะ!

 

จมูกน้อยๆของฟรานด์สั่นไหวไม่หยุดราวกับได้กลิ่นอาหารชั้นเลิศ ยิ่งมาเธอยิ่ง

 

ตื่นเต้นจมูกสูดดมฟุดฟิดตรงหน้าอกเขา วู่หยานก็ไม่ได้ขัดขืนเขากำลังรู้สึกสนุก

 

และเอ็นดู………..

 

ดูจากภายนอก ฟรานด์ก็เป็นแค่เด็กสาวปกติทั่วไป เป็นเด็กน้อยที่ชอบเล่นซุกซน

 

มือจับตัวฟรานด์วู่หยานเพ็งพินิจมองหน้าเธอ ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกชอบ

 

ทว่าประโยคต่อมาของฟรานด์ได้ทำให้หัวใจของวู่หยานเย็นเชียบลงอย่างรวดเร็ว

 

……….

 

จู่ๆฟรานด์ก็เงยหน้าขึ้นแล้วฉีกยิ้มให้วู่หยาน “พี่ชาย! มาเล่นกับฟรานด์หน่อย

 

ได้มั้ยค่ะ?”

 

เป็นเรื่องปกติที่เด็กๆจะอยากเล่น อืมปกติเลยล่ะ

 

แต่วู่หยานรู้ดีว่าไอ้ เล่น ของเด็กแสบในอกเขาเนี่ย มันไม่ได้สนุกเอาซะเลย…….

 

ถ้าเธอเผลอนิดล่ะก็ชีวิตคนที่เล่นด้วยได้ดับสูญแน่!

 

แม้ว่าวู่หยานจะเป็นอมตะ แต่นาทีนี้เขาก็รู้สึกกดดันจนหายใจไม่ออก……..

 

มองดูนัยน์ตาที่มีสีคล้ายกับของตน เป็นดวงตาใสแป๋วที่เต็มไปด้วยความหวังว่าเขา

 

จะยอมเล่นด้วย ถึงจะรู้ว่าเล่นกับฟรานมันอันตรายโครตๆแต่เขาก็โหดร้ายไม่

 

พอที่จะปฏิเสธเธอ

 

ถอนหายใจ วู่หยานลูบผมสีทองอ่อนของฟรานด์ “ฟรานด์จังอยากเล่นอะไรล่ะ?”

 

ได้ยิน ฟรานด์ก็ตาเป็นประกายทันที เธอชูมือขึ้นฟ้าร้องเย้อย่างมีความสุข

 

“พี่ชาย! ฟรานด์ชอบเล่นดันมาคุ(Danmaku)ล่ะ! เรามาเล่นดันมาคุกันมั้ย?”

 

อย่างที่คิด………

 

วู่หยานขมวดคิ้ว แล้วมือลูบหลังฟรานด์ ปากก็พูดด้วยเสียงนุ่มๆ “ฟรานด์จัง ดัน

 

มาคุน่ะ เอามาเล่นตามใจไม่ได้น่ะ…..”

 

รอยยิ้มร่าเริงของฟรานด์ค่อยๆหายไปเมื่อได้ยินคำพูดวู่หยาน นัยน์ตาสีแดงของ

 

เธอเข้มขึ้นกว่าตอนแรก

 

“พี่ชายไม่อยากเล่นกับฟรานด์เหรอ?”

 

ใบหน้าจิ้มลิ้มของเธอก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่ทว่าตอนที่เธอพูดประโยคนี้

 

บรรยากาศรอบตัวเธอกลับส่งกลิ่นคาวเลือดออกมา!

 

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นชายหาดยังคงเงียบสงบ แต่วู่หยานกลับมองเห็นทะเลเลือดที่เต็ม

 

ไปด้วยเจตนาฆ่าฟันได้ม้วนตัวเข้ามาหาเขา!

 

คิ้ววู่หยานผูกเป็นปม ตอนนี้เองจู่ๆเขาก็รู้สึกว่าร่างเล็กๆที่ตนกำลังอุ้มอยู่ได้มี

 

น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างมาก ด้วยสายเลือดแท้ทำให้เขาสามารถต้านทานจิตสังหารที่

 

มากจนมาให้เห็นเป็นภาพทะเลเลือดแบบนี้ได้โดยที่มีอาการแค่ขมวดคิ้ว ไม่

 

เพียงแต่ไม่รู้สึกอึดอัด ด้วยจิตสังหารรอบตัวแบบนี้เขายิ่งเป็นเหมือนปลาที่ได้กลับ

 

ลงน้ำด้วยซ้ำ

 

วู่หยานรู้สึกได้เลยว่า ตอนฟรานด์พูดประโยค ‘พี่ชายไม่อยากเล่นกับฟรานด์

 

เหรอ’ จิตใจของเธอได้เปลี่ยนไป……..

 

กอดตัวฟรานด์แน่น คิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายออก เขาถอนหายใจแล้วชู วงแหวนปิด

 

ผนึก ขึ้นมาตรงหน้าฟรานด์ เมื่อเห็นเธอก็อึ้ง

 

“สวยจัง!”

 

ฟรานด์ยื่นมือเล็กๆออกมาจับสร้อยในมือวู่หยาน เห็นแบบนี้เขาก็ไม่รู้ว่าจะ

 

หัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ก็นะ เขาเข้าใจ กับฟรานด์ที่เป็นคนชอบสีแดง สร้อย

 

ข้อมืออันนี้จึงดึงดูดเธอได้มาก

 

มองดูฟรานด์ที่กำลังจับๆลูบๆวงแหวนปิดผนึก วู่หยานก็พูดว่า “สร้อยข้อมืออันนี้

 

มีชื่อว่า วงแหวนปิดผนึก!”

 

“วงแหวนปิดผนึก?”

 

ฟรานด์เงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน ราวกับว่าไม่เข้าใจว่าทำไมสร้อยสวยๆแบบนี้

 

ถึงได้มีชื่อแปลกๆ แล้วทำไมจู่ๆวู่หยานถึงได้พูดเรื่องนี้……..

 

เห็นใบหน้าสงสัยของฟรานด์ วู่หยานก็ทำได้แค่ยิ้มขมขื่นในใจ ช่วยไม่ได้นี่หว่า ใคร

 

ใช้ให้มันมีเงื่อนไขยุ่งยากแบบนี้ล่ะ ต้องให้คนที่จะใส่รู้ผลกระทบของมันก่อนและ

 

เต็มใจด้วย ถึงจะใส่ได้ บัดซบเอ้ย………..

 

วู่หยานพูดกับฟรานด์ต่อ “นี่ฟรานด์จังอยากได้สร้อยเส้นนี้มั้ย?”

 

“หนูยากได้! ฟรานด์ออยากได้คะ!” ฟรานด์ตะโกนตอบวู่หยานอย่างไม่ลังเล ใน

 

เวลาเดียวกันก็จับสร้อยแน่น ราวกับกลัวว่าเขาจะเอาคือน ดูน่ารักสุดๆเลยล่ะ…….

 

“ถ้าเธออยากได้ล่ะก็ เอาไปเลย……”

 

คำพูดของวู่หยาน ทำให้มีฟรานด์ยิ้มหน้าบานทันที แต่ว่าคำพูดต่อของเขาได้ทำให้

 

รอยยิ้มเธอหายไป…….

 

“ฟรานด์จัง สร้อยอันนี้มันสามารถผนึกพลังในตัวเธอได้นะ!”

 

ฟรานด์หน้านิ่งพูดว่า “ผนึก…พลัง?…”

 

“ใช่……”

 

มองดูฟรานด์ แล้วมองดูสร้อยข้อมือสีขาวที่ตนใส่ ก่อนจะหันไปดูสร้อยสีแดงอีก

 

มือ วู่หยานมีสีหน้าซับซ้อน “ตราบใดที่เธอเต็มใจที่จะใส่มัน พลังในตัวเธอก็จะถูก

 

ผนึก ยิ่งกว่านั้นถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากฉัน เธอก็จะไม่สามารถใช้พลังในตัวได้

 

……”

 

มองดูฟรานด์ วู่หยานถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเขาถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ว ไม่นานนัก

 

เขาก็ทำสีหน้าจริงจังมองเธอ

 

“ฟรานด์จัง ถ้าเธออยากจะเล่นด้วยกันกับฉัน เธอก็ต้องใส่มัน ใส่สร้อยเส้นนี้เพื่อ

 

ปิดผนึกพลังในตัวเธอ!”

 

ได้ยิน ฟรานด์ก็เงียบไป…………

 

เธอค่อยๆถอนมือกลับมาจากสร้อบสีแดง จากนั้นสีหน้าเธอก็กลายเป็นนิ่งเงียบ

 

อย่างน่ากลัว………

 

“เข้าใจแล้ว…..”

 

ฟรานด์ก้มหน้าลงทำให้ผมลงมาปิดตา จากนั้นเสียงพูดต่ำลึกก็ได้ดังเข้ามาในหูวู่

 

หยาน ทำให้หัวใจที่เริ่มกลับมาอบอุ่นของเขากลายเป็นเย็นยะเยือกทันที…….

 

“เป็นแบบนี้นี่เอง พี่ชายก็เหมือนกับท่านพี่ เกลียดพลังในตัวฟรานด์ เพราะแบบนี้

 

ถึงไม่ยอมเล่นกับฟรานด์ใช่ไหม?……”

 

เห็นอารมณ์ของฟรานด์กลายเป็นไม่ดี วู่หยานก็รีบพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่ใช่นะ คือ

 

……”

 

ไม่รอให้วู่หยานพูดจบ ฟรานด์ก็พูดขึ้นแทรก “ท่านพี่เป็นแบบนั้น พี่ชายก็เป็นไป

 

ด้วย ทั้งที่ฟรานด์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ๆ แล้วทำไมทุกคนถึงต้องเกลียดฟรานด์

 

ด้วย?”

 

“ไม่ใช่แบบนั้น ฟรานจังค์ พลังของเธอมันอันตรายเกินไปก็เท่านั้น…..”

 

ได้ยินคำพูดวู่หยาน ฟรานด์ก็หัวเราะออกมาทันที เป็นเสียงหัวเราะที่ทำให้เขาขน

 

หัวลุก “ฮิๆ ท่านพี่ก็พูดแบบนี้เหมือนกัน จากนั้นก็จับฟรานด์ขังไวในห้องใต้ดินบ้า

 

นั่น แล้วตอนนี้พี่ชายก็คิดจะทำแบบเดียวกับท่านพี่ใช้สร้อยบ้านั่นผนึกฟรานด์ใช่

 

ไหมลล่ะ?”

 

“ไม่ใช่นะ ที่ผนึกมีแค่พลังไม่ใช่ตัวเธอ…..”

 

“มันก็เหมือนกันนั้นแหละ!”

 

ฟรานด์เงยหน้าขึ้นพรวด ตะโกนใส่วู่หยานด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแล้วยังมี…..ความ

 

บ้าคลั่งด้วย!

 

“ทุกคนก็เป็นเหมือนกันหมด! ทั้งท่านพี่ทั้งพี่ชาย!! ทุกคนเกลียดฟรานด์กัน

 

หมด!!!”

 

เธอกลับตัวดึงแขนวู่หยานออกอย่างแรง ปีกคริสตัลอันงดงามด้านพลังสั่นไหว

 

จากนั้นตัวเธอก้ลอยขึ้นฟ้า แล้วก้มหน้ามองลงมาที่เขาด้วยระยะที่ห่างกันอย่าง

 

มาก……..

 

นัยน์ตาสีแดงเลือดของทั้งคู่จดจ้องกันและกัน ดวงตาทั้งสองเหมือนกันคือดูมี

 

เสน่ห์ดึงดูด แต่ที่ต่างกันคือภายใน! คนนึงมีแววตาตื่นตัวและกังวล ส่วนอีกคนมี

 

แววตาที่บ้าคลั่งและบิดเบี้ยว!

 

ทันใดนั้น ตาของฟรานด์ก็เรืองแสงสีแดง ภายใต้การเรืองแสงนี่แต่เดิมใบหน้า

 

น่ารักของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเป็นใบหน้าโหดเหี้ยมน่าสะพรึงกลัว!

 

ปากส่งเสียงหัวเราะคิกคักอย่างชั่วร้าย สายตาเธอจดจ้องที่ตัววู่หยาน จากนั้นพูด

 

ประโยคที่ทำให้เขาตื่นกลัว……

 

“พี่ชาย ฟรานด์เกลียดพี่ล่ะ แต่ถึงจะเกลียดฟรานด์ก็ยังอยากจะเล่นกับพี่ชายมาก

 

นะ ในเมื่อพี่ชายไม่อยากเล่นกับฟรานด์ ถ้างั้นฟรานด์ก็จะมาเล่นกับพี่ชายเอง

 

……”

บทที่ 271 ฟรานด์ สคาร์เลท ลืมตาตื่น!

 

วงแหวนปิดผนึก : ไอเท็มนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสร้อยข้อมือสีแดงและสีขาว ฝ่ายที่

 

สวมใส่สีแดงจะถูกปิดผนึกพลังในตัวทั้งหมด และสามารถปลดผนึกได้โดยให้ฝ่ายที่

 

สวมสร้อยสีขาวพูด ‘คลาย’ เมื่อสวมใส่ไปแล้วจะไม่สามารถถอดออกหรือทำลาย

 

ได้! คำ เตือน : ไอเท็มนี้จะสวมใส่ได้ก็ต่อเมื่อผู้ที่จะสอมได้รับรู้ได้เข้าใจ

 

ความสามารถของสร้อยข้อมือและยินยอมที่จะสวมแล้ว ถ้าไม่ยินยอมหรือไม่

 

เข้าใจก็ไม่สามารถใส่ได้! ; 200,000แต้มไอเท็ม

 

(@เหมือนจะมีบางคนเข้าใจผิดอยู่ วงแหวนผนึก หยานมันไม่สามารถแอบเอาไป

 

ใส่ให้น้องได้นะ ต้องอธิบายให้คนที่จะใส่รู้และยอมที่จะใส่ก่อนไม่งั้นก็ใส่ไม่ได้ แล้ว

 

คิดดูใครจะยอมให้ตัวเองโดนปิดผนึกพลังล่ะ?……………)

 

วงแหวนปิดผนึก! เยี่ยม!

 

วู่หยานมีความสุขย่างมาก แต่เมื่อเห็นราคาสองแสน สีหน้าดีใจเขาก็พังทลายทันที

 

ทั้งเนื้อทั้งตัวตอนนี้เขาก็มีแต้มไอเท็มแค่สองแสนเอง…….

 

ส่ายหน้าไปมาจากนั้นเขาก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นแน่วแน่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหวง

 

แต้ม คนไม่ตายยังไงก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าไม่มีไอเท็มชิ้นนี้เขาก็ไม่สามารถอยู่ร่วมกับฟ

 

รานจังได้!

 

นิ้มจิ้มลงไปอย่างรวดเร็ว มองดูตัวเลขแต้มที่ลดลงไปเป็น 0 สร้อยข้อมือสีขาวและ

 

แดงก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าตกลงมาบนมือเขา…………

 

พอได้มาวู่หยานก็จับวงแหวนสีขาวใส่ข้อมือตัวเองทันที ใส่ข้างเดียวกันกับกำไรสี

 

ดำที่เป็นไอเท็มที่มีตัวน้องสาวมิซากะจำศีลอยู่ ทำเสร็จเขาก็กำสร้อยข้อมือสีแดง

 

อีกแน่น สายตามองสาวน้อยตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด

 

ต่อไปก็มาหาทางทำให้ฟรานจังยอมใส่วงแหวนปิดผนึกนี่กัน……………

 

อธิบายเหมือนนานแต่ในความเป็นจริงแล้วมันเกิดขึ้นเร็วมาก ตอนที่วู่หยานทำ

 

ทั้งหมดที่ว่ามาเสร็จ ทางด้านฟรานก็มีการตอบสนองแล้ว!

 

เส้นแสงเล็กๆพุ่งออกมาจากตำแหน่งหัวใจของฟรานตรงดิ่งมาเชื่อมต่อกับหัวใจวู่

 

หยาน ความรู้สึกของการหลอมรวมชีวิตอันคุ้นเคยได้เกิดขึ้นอีกครั้ง!

 

เมื่อจังหวะของเสียงหัวใจทั้งสองคนได้จูนจนเท่ากัน เส้นแสงก็สั่นไหวแล้วแตก

 

สลายเป็นบอลแสงลูกเล็กๆจากนั้นลอยเข้าไปในตัววู่หยาน……..

 

พิธีการรวมชีวิตของทั้งคู่ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว………

 

คนสองคนที่แต่เดิมอยู่อาศัยในโลกที่แตกต่างกัน มีชะตาชีวิตที่แตกต่างกัน และมี

 

วิถีชีวิตที่แตกต่างกัน วินาทีนี้เองก็ได้ชะตาที่ไม่อาจแยกจากอีกฝ่ายไปได้อีกตลอด

 

ชีวิต……….

 

เขากำสร้อยสีแดงในมือแน่นขณะที่มองฟราน ไม่นานนักเปลือกตาเธอก็สั่นไหว

 

เบาๆ ราวลูกนกแรกเกิดที่พยายามเปิดตาขึ้นเพื่อมองดูโลกใหม่…….

 

ในที่สุดความพยายามของฟรานก็ประสบผลสำเร็จ เธอลืมตาขึ้นเผยให้เห็น

 

นัยน์ตาสีแดงที่แทบจะเหมือนกับตาของวู่หยาน

 

แววตาเธอยังดูเบลอๆเหมือนคนยังไม่ตื่นเต็มที่ ฟรานสะบัดหัวไปมองแล้วมอง

 

ซ้ายมองขวา จากนั้นยกมือเล็กๆของตนขึ้นมาขยี้ตา……..

 

วู่หยานที่มองดูการกระทำทุกอย่างของฟรานมาตั้งแต่แรก ณ ตอนนี้หัวใจเขา

 

กำลังได้รับดาเมจอย่างหนักมันเต้นตึกตักอย่างรุนแรง มองดูฟรานด้สนสีหน้าโง่ๆ

 

ขณะที่ในใจก็ตะโกนเสียงดังว่า

 

โครตน่ารักเลยว้อยยยยย!!!!!!

 

ฟรานปล่อย อื้ม ออกมาด้วยความเบลอ จากนั้นความสับสนในแววตาของเธอก็

 

ค่อยๆหายไปนัยน์ตาเธอกลับมาเป็นกระจ่างใสเหมือนเดิม

 

ทว่าวู่หยานที่เห็นหัวใจเขาก็หนักอึ้งทันที…….

 

เป็นเพราะเขาเห็น เห็นว่าในแววตาที่ดูกระจ่างใสของฟรานมันมีความบ้าคลั่งแฝง

 

อยู่ด้วย……….

 

ฟรานจังเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่จู่ๆเธอก็ทำหน้ามีความสุข และเมื่อ

 

สายตาเธอมาตกอยู่ที่ตัวสู่หยาน ฟรานก็ตาเป็นประกายทันที ความสุขบนใบหน้า

 

เธอก็เพิ่มพูนมากขึ้น!

 

ภายใต้สีหน้าอึ้งๆของวู่หยาน ฟรานก็ยิ้มออกมาหลังจากนั้นเธอก็กระโจนตัวบินมา

 

หาวู่หยาน!

 

มองดูฟรานที่บินมาเป็นมุมโค้งสวยงามลงมาทางตน วู่หยานนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะ

 

ได้สติแล้วรีบก้าวเท้าออกมาสองก้าวเข้าไปรับตัวเล็กๆของฟรานจังเข้าสู่อกตัวเอง

 

…….

 

ทว่าวู่หยานได้ประมาทเรี่ยวแรงของฟรานไป ด้วยจิตที่ไม่ปกติทำให้เธอไม่เข้าใจ

 

คำว่าควบคุมพลัง ดังนั้นเมื่อรับตัวฟรานวู่หยานจึงรู้สึกเหมือนโดนก้อนเหล็ก

 

หนักๆพุ่งอัดเข้าใส่ ทำเอาเขากระอักออกซิเจนในปอดออกมาส่วนนึง……..

 

ลูบหน้าอกตัวเอง วู่หยานหัวเราะอย่างขมขื่น ดีนะที่แลกเปลี่ยนสายเลือดแท้มา

 

ไม่งั้นเราคงไม่มีปัญญารับตัวโลลิน้อยที่มีพลังแหกกฏแบบนี้…….

 

กอดตัวนุ่มนิ่มของฟรานจัง วู่หยานรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็รู้สึก

 

อยากรู้อยากเห็นว่าทำไมฟรานถึงได้ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาแบบนี้………..

 

อย่าบอกนะว่าระบบมันเห็นใจเลยเพิ่มค่าความสนิทของฟรานจังไปเต็มร้อย

 

เลย?………….

 

คิดถึงตรงนี่วู่หยานก็หัวเราะออกมา อย่างแรกเลยระบบมันไม่ใจดีแบบนั้นหรอก

 

สองเมื่อก่อนอัญเชิญพวกฮินางิคุก็ไม่เคยเกิดอะไรขึ้น และแถมพวกเธอนั้นไม่ใช่

 

เพียงข้อมูลที่ปรากฏในหน้าจออีกแล้ว ณ ตอนนี้พวกเธอมีตัวตนจริง มีชีวิตจริง!

 

ระบบเคยบอกว่า ตัวตนของผู้ที่ถูกอัญเชิญสามารถมีได้เพียงหนึ่ง ไม่มีทางมีคนที่

 

สองปรากฏขึ้นได้ พูดง่ายๆก็คือตัวพวกเธอมีแค่หนึ่งเดียว!

 

ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ใช่หุ่นเชิด ระบบไม่สามารถควบคุมพวกเธอได้ ที่ระบบมันทำ

 

ได้มีเพียงแค่เป็นสะพานที่ทอดสายพานเชื่อมโชคชะตาของเขาและพวกเธอ………

 

ยกมือตบหลังฟรานเบาๆ วู่หยานพูดกับฟราน “ฟรานจัง เธอ…..รู้จักฉันงั้น

 

เหรอ?”

 

บางทีอาจเป็นเพราะได้ยินน้ำเสียงสงสัยของเขา ฟรานจึงเงยหน้าขึ้นมาจากอกวู่

 

หยาน มองดูใบหน้าเขา จากนั้นตาของฟรานก็หรี่ลงกลายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ดู

 

เหมือนเธอจะมีความสุขอย่างบอกที่ได้ยินวู่หยานเรียกตนว่า ฟรานจัง “ก่อนหน้า

 

นี้ฟรานน่ะไม่รู้จักพี่ชาย(โอนี่จัง)หรอกนะ!”

 

ได้ยินแบบนี้ วู่หยานก็ยิ่งสงสัย “ถ้างั้นแล้วทำไมเธอถึงได้มาใกล้ชิดฉันแบบนี่ล่ะ?

 

อย่าบอกนะว่าพี่เธอไม่เคยสอนว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้าน่ะ?”

 

ตอนที่พูดวู่หยานก็เกิดรู้สึกแปลกๆ ราวกับตัวเองกำลังหลอกเด็กตัวเล็กๆอยู่ยังไง

 

ไม่รู้……….

 

ฟรานได้ยิน ในแววตาก็เป็นประกายหวนนึกถึงอดีต จากนั้นพูดกับวู่หยานด้วย

 

ความไม่พอใจ “ฮึ้ม อย่ามาคุยเรื่องท่านพี่กับหนูน่ะ………”

 

วู่หยานตกใจหลังจากนั้นเขาก็ยิ้มฝืนๆ ดูเหมือนฟรานจะไม่ชอบเรมีเลียพอสมควร

 

เลย ไม่ว่ายังต่อให้เป็นพี่สาวสุดที่รัก แต่เล่นมาขังตัวเองไว้แต่ในห้องใต้ดิน ดีแค่

 

ไหนแล้วที่เธอแค่ไม่ชอบไม่ใช่เกลียด………..

 

อารมณ์ของเด็ก มาเร็วและไปเร็ว พริบตาต่อมาฟรานก็กลับมายิ้มร่าเริงอีกครั้ง

 

“ท่านพี่เคยบอกไว้ว่าอย่าเชื่อคนแปลกหน้าก็จริง แต่ฟรานชอบพี่ชายมากๆ

 

เพราะงั้นนี่เป็นข้อยกเว้นล่ะ~ ~ ~”

 

ได้ยินเสียงใสๆนุ่มๆน่าเอ็นดูของเด็กมาพูดว่า ‘ชอบมาก’ แทบทำวู่หยานกระอัก

 

เลือดออกมา แต่หลังจากนั้นเขาก็เกิดสงสัยขึ้น…..

 

“แต่….ก่อนหน้านี้เธอบอกไม่รู้จักฉัน แล้วทำไมถึงได้ชอบล่ะ?”

 

“เพราะว่าพี่ชายช่วยเอาฟรานออกมาจากห้องใต้ดินบ้านั่น ดังนั้นฟรานเลยชอบ

 

พี่ชายที่สุดเลย แล้วก็……..”

 

ยื่นจมูกน้อยๆเข้ามาดมตัววู่หยาน ขณะที่ตัวยังกอดเขาไว้ เธอหรี่ตาลงแล้วพูด

 

ออกมาด้วยน้ำเสียงหลงใหลว่า

 

“ฟรานชอบกลิ่นตัวของพี่ชายมากเลยล่ะ กลิ่นมันคล้ายกับของท่านพี่มากๆเลย

 

และก็คล้ายกับฟรานด้วย…….”

 

ผู้ที่ถูกอัญเชิญมาจะได้รับความทรงจำเกี่ยวกับตัวเขาและระบบ ดังนั้นหลังจากได้

 

ความทรงจำฟรานคงปะติดปะต่อว่าเขาเป็นคนช่วยเธอออกมา ดังนั้นเลยชอบ

 

มาก……….

 

แต่ไอ้กลิ่นคล้ายกันนี่คงมาจาก True Ancestorที่เป็นแวมไพร์เหมือนกัน……….

 

หรือก็คือไอ้คำว่าชอบของฟราน มันก็เป็นคำพูดไร้เดียงสาของเด็กเวลาที่บอกกับ

 

คนที่เอาลูกอมมาให้ตัวเองนั่นแหละ…….

 

ถอนหายใจ วู่หยานรู้สึกผิดหวัง………

 

ไอ้เราก็นึกว่าค่าความสัมพันธ์มันจะเต็มแม็กซ์แล้วซะอีก เฮ้อ…….

บทที่ 270 คุณหนูเล็กมาแล้ว! และมองหาทางแก้ไขล่ะ!

 

มันเป็นปีกแน่เหรอ คุณกำลังสงสัยอยู่ใช่ไหม?

 

จริงๆจะเรียกมันว่าปีกก็ไม่ถูกเสียทีเดียว มันดูเหมือนสร้อยคอหรือสร้อยข้อมือ

 

ขนาดใหญ่มากกว่า

 

จากที่เห็นมันดูเหมือนปีกก็จริงแต่ตรงที่ควรจะมีขนปีกกลับไม่มี ดันไปมีคริสตัล

 

หลากหลายสีสันห้อยไว้แทน

 

…………………..

 

ชื่อ : ฟรานด์ สคาร์เลท

 

ความสามารถ : The Eyes(เป็นพลังที่สามารถทำลายได้ทุกสพรรสิ่ง) , Spell

 

Card , สายเลือดแวมไพร์

 

พลัง(พละกำลัง) : A

 

ความอึด : S

 

ความเร็ว : A

 

จิตใจ : D

 

อุปกรณ์ : ` Lævateinn ’ ( ระดับ B )

 

Level : 82

 

………………………..

 

เลเวล82! แรงค์9!

 

หัวใจวู่หยานสั่นไหวด้วยความช็อคไปทันที!

 

นอกจาก ราขินีแมงมุมยักษ์ นี่ก็เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่วู่หยานได้เจอแรงค์9!

 

แถมเลเวลของฟรานยังมากกว่าราชินีแมงมุมในตอนนั้นอีก!

 

มองดูโลลิน้อยที่ยังหลับอยู่ตรงหน้า ใครมันจะไปคิดกันล่ะว่าเด็กแบบเธอจะเป็น

 

แรงค์9ได้?……….

 

แต่ว่าการที่ฟรานเป็นแรงค์9 วู่หยานไม่คิดว่ามันแปลกเลย!

 

เหตุผลน่ะเหรอ?ก็พลังของเธอไง! พลังที่สามารถทำลายได้ทุกอย่าง ‘ตา’ นั้นน่ะ!

 

ตา ที่ว่ามา มันก็คล้ายคลึงกับ นัยน์ตามรณะ(The Mystic Eyes of Death

 

Perception) ที่สามารถเห็น จุดจบ ได้นั้นแหละ!

 

ฟรานสามารถมองเห็นบางสิ่งที่คล้ายกับ ‘ดวงตา’ ที่มีอยู่ในตัวของทุกสรรพสิ่งได้

 

ไม่ใช่มองเห็นอย่างเดียวเธอยังย้าย ‘ดวงตา’ ที่แทบไม่ต่างจากจุดตายมาไว้ที่กลาง

 

ฝ่ามือของตัวเองได้ และเมื่อเธอกำมือก็ตู้ม! ดวงตาแตกเจ้าของก็ตาย!

 

พูดให้เข้าใจง่ายก็คือตอนที่คุณเห็นเธอส่งยิ้มไร้เดียงสาให้ขณะที่ยกมือขึ้น นั้น

 

แหละมันหมายความว่า ‘ตา’ของคุณได้ไปอยู่ในมือเธอเรียบร้อยแล้ว! ถ้าเธอบีบ

 

มันเมื่อไหร่ล่ะก็นั้นก็หมายถึงเวลาที่คุนต้องหายไปจากโลกนี้ได้มาถึงแล้ว!

 

เป็นพลังที่น่ากลัวอะไรแบบนี้!

 

แต่ถึงจะบอกว่าคล้าย นัยน์ตามรณะ จริงๆแล้วพลังของฟรานมันน่ากลัวกว่ามาก

 

เพราะนัยน์ตามรณะนั้นยังต้องวิ่งเอามีดไปฟันไปแทงจุดจบของสิ่งนั้นๆถึงจะฆ่าได้

 

แต่พลังของฟรานมันไม่จำเป็นต้องลำบากแบบนั้นเลย! เธอทำแค่ มอง>ยกมือ>

 

กำ>ตาย!!

 

แค่ฟรานเห็นคุณ มันก็หมายถึงชีวิตคุณได้ไปอยู่ในกำมือเธอเรียบร้อยแล้วนั้น

 

แหละ……….

 

ยิ่งกว่านั้นเธอยังเป็น แวมไพร์ ด้วย!

 

ถึงแม้จะไม่ใช่ แวมไพร์สายเลือดแท้ แต่กับ สายเลือดแท้ บางคนเธอยังแข็งแกร่ง

 

กว่าด้วยซ้ำ!

 

พลังที่สามารถกุม ‘ดวงตา’ ได้บวกกับการฟื้นฟูที่เข้าขั้นโกงของแวมไพร์ โลลิน้อย

 

คนนี้สามารถเป็นจอมมารได้เลย!

 

ใช่! จอมมาร! คำพูดนี่ไม่ถือว่ามากเกินไปเลย!

 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเธอครอบครองพลังอันแข็งแกร่งเกินไปหรือเปล่าฟรานถึงได้มี

 

ปัญหาด้านจิตใจ หรือก็คือฟรานจิตไม่ปกติ เธอมีอารมณ์ที่แปรปรวนมาก ดังนั้น

 

เธอจึงไม่สามารถควบคุมพลังตัวเองได้เต็มร้อย!

 

พูดให้เห็นภาพหน่อยก็คือ ฟรานนั้นไม่ต่างจาก โทโนะ ชิกิ ที่ไม่สามารถปิด

 

นัยน์ตามรณะของตัวเองได้นั้นแหละ!

 

พอเห็นบางอย่างที่เคลื่อนไหวได้ ฟรานก็จะอดไม่ไหวที่จะไป ‘เล่น’ กับสิ่งนั้น ผล

 

ก็คือหายนะ!

 

เมื่อการละเล่นได้เริ่มต้นขึ้น ฟรานก็จะเผลอบีบ ‘ดวงตา’ ของคนที่เล่นด้วยอยู่รำ

 

ไป!

 

ถ้าไม่ได้มีความอมตะผลคือตายสถานเดียว!

 

แต่เดิมพลังที่สามารถจับต้อง ‘ดวงตา’ ของคนอื่นได้มันก็น่ากลัวอย่างถึงที่สุดอยู่

 

แล้ว พอเอามารวมกับจิตที่ไม่ปกติของฟรานอีกยิ่งน่าหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ ทำให้

 

พี่สาวแท้ๆของฟราน เรมิเลีย สคาร์เล็ต จำต้องฝืนใจขังเธอไว้ที่ห้องใต้ดินของ

 

คฤหาสน์มารแดง…….

 

ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ชีวิตที่ผ่านมาของฟรานสามารถพูดได้เลยว่าอยู่แต่ห้องใต้ดิน

 

…………

 

แต่ก็อย่างที่ว่ามาแหละ นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนที่เห็นว่าได้สุ่มได้ฟราน วู่หยา

 

นถึงได้กังวลจนหน้าเขียวแบบนั้น!

 

เด็กสาวที่จะเล่นกับทุกอย่างที่เคลื่อนไหวได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้า

 

อยู่ๆเธอถูกย้ายจากห้องใต้ดินที่มีแต่ตุ๊กตาและข้าวของเครื่องใช้ที่ไร้ชีวิตมายัง

 

เมืองที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนกว่า2.3ล้านคนแบบนี้! ได้ตายกันบานแน่นอน!

 

ด้วยความเข้าใจในตัวฟรานของวู่หยาน เขาจึงพออนุมานได้ว่าตอนที่เธอวิ่งออก

 

จากบ้านเขาไปยังถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนวินาทีต่อมาก็เธอก็อาจจะเปลี่ยนทุกคนที่

 

เห็นเป็นเศษเนื้อก็ได้ ภายใต้พลังที่แทบจะไร้เทียมทานของฟราน เมืองแห่ง

 

การศึกษาคงได้กลายเป็นเมืองร้าง………

 

ไม่มีใครสามารถหยุดเธอได้! ไม่แม้แต่ อเลสเตอร์ และ เอวัส! อย่างน้อยวู่หยานก็

 

ไม่เชื่อว่าสองคนนั้จะสู้กับฟรานที่เวลเหนือกว่าบวกกับมีพลังขี้โกงแบบนี้ได้……..

 

ดังนั้นด้วยความรันทด วู่หยานจึงทำได้แค่ใช้คัมภีร์วาร์ปมายังชายหาดแทน ถึงมัน

 

จะยังแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลยก็เถอะ แต่อย่างน้อยที่นี่ก็มีแค่เขาคนเดียวล่ะนะ

 

………

 

นัยน์ตาสีแดงนุ่มลึกมองไปยังเด็กน้อยหน้าที่ตาใสซื่อของฟราน ทันใดนั้นในแววตา

 

ของเขาก็เกิดความสงสารขึ้น………

 

ถ้าไม่มองที่อายุ เอาแค่รูปลักษณ์ภายนอกฟรานก็เป็นแค่เด็กอายุ7-8ขวบที่ยังต้อง

 

เข้าไปอ้อนแม่อยู่เลย……..

 

แต่ด้วยพลังและจิตที่ไม่ปกติทำให้วู่หยานเกิดกลัวเธอขึ้น เขาจึงได้วาร์ปมาที่ไม่มี

 

ใครแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ถึงแม้ตัวเองจะเจ็บปวดแต่ เรมีเลีย ก็ยังคงเลือกที่จะ

 

ขังฟรานไว้………

 

มันจะวิเศษขนาดไหนนะถ้าเราสามารถออกไปเที่ยวเล่นกับฟรานได้……….

 

ในตอนนี้วู่หยานกำลังสับสนอย่างมาก เขาจะทำยังไงดี? ฟรานได้ถูกอัญเชิญให้มา

 

เคียงข้างเขาแล้ว นี่คือความจริง แต่ตัวตนของฟรานมันอันตรายเกินไป นี่ก็คือ

 

ความจริงเช่นกัน…….

 

หรือว่าเขาต้องทำแบบเดียวกับเรมีเลีย ขังฟรานไว้อีกครั้ง?………..

 

ความคิดนี่ผุดขึ้นมาตัววู่หยานก็สั่นทันที จากนั้นสายตาเขาก็กลายเป็นแน่วแน่แล้ว

 

ยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองอย่างแรงวินาทีต่อมาก็เกิดเป็นรอยฝ่ามือสีแดงขึ้นบน

 

หน้าเขา เห็นได้ชัดว่าวู่หยานใช้แรงไม่น้อยเลย!

 

แต่ด้วยการฟื้นฟูเหนือธรรมชาติของสายเลือดแท้ ทำให้เสี้ยววินาทีต่อมารอยมือก็

 

หายไป ทว่าความเจ็บมันได้ถูกประทับในใจของเขาแล้ว………

 

ฉันจะไม่ทำแบบเรมีเลีย! ไม่เด็ดขาด!

 

กำมือแน่นเปรี๊ยะ วู่หยานหันมามองฟรานทีนึง ก่อนจะเปิดระบบขึ้น…….

 

…………………..

 

ชื่อ : วู่หยาน

 

ความสามารถ : ปรมาจารย์ดาบ ปรมาจารย์อาหาร ความจำสมบูรณ์ ดาราพลิก

 

สวรรค์ Electro Master LV.5 แวมไพร์สายเลือดแท้

 

อุปกรณ์ : นิเอโทโนะ โนะ ชานะ(C) เกราะมังกรไร้ลักษณ์(C) Night of Meteor

 

(B)

 

ซัมมอน : มิซากะ มิโคโตะ , คัตซึระ ฮินางิคุ , อิคารอส , แอสเทรีย , ฟราน สคาร์

 

เลท

 

แต้มอุปกรณ์ : 21,000

 

แต้มไอเท็ม : 200,000

 

แต้มอบิลิตี้ : 1,000

 

แต้มอัญเชิญ : 220,000

 

เลเวล : 67

 

…………………….

 

ปล่อยลมหายใจออกมา แล้วมองค่าสถานะตัวเอง ในหัวเขาเริ่มทำงานอย่างบ้า

 

คลั่ง ขบคิดหาทางว่าจะทำยังไงถึงจะทำให้ฟรานกลับมาเป็นเด็กปกติได้

 

หน้าจอของ อุปกรณ์ ไอเท็ม อบิลิตี้ แม้กระทั่งหน้าจออัญเชิญ ก็ได้ถูกเปิดขึ้น จาก

 

นั้นวู่หยานก็กวาดตามองเลื่องลงอ่านอย่างรวดเร็ว มองหาวิธีแก้ไข……..

 

วู่หยานไม่ได้นึกกลัวว่าระบบมันจะไม่มีทางออกให้เขา ในอดีตเขามารถหาสิ่งที่

 

ต้องการได้จากระบบทุกครั้ง

 

ถ้าจะกลัว วู่หยานก็กลัวแค่ว่าตัวเองจะมีแต้มไม่พอ……..

 

แต่ว่าโชคดีที่ครั้งนี้ระบบมันไม่ทำให้เขาผิดหวัง

 

วงแหวนปิดผนึก : ไอเท็มนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสร้อยข้อมือสีแดงและสีขาว ฝ่ายที่

 

สวมใส่สีแดงจะถูกปิดผนึกพลังในตัวทั้งหมด และสามารถปลดผนึกได้โดยให้ฝ่ายที่

 

สวมสร้อยสีขาวพูด ‘คลาย’ เมื่อสวมใส่ไปแล้วจะไม่สามารถถอดออกหรือทำลาย

 

ได้! คำ เตือน : ไอเท็มนี้จะสวมใส่ได้ก็ต่อเมื่อผู้ที่จะสอมได้รับรู้ได้เข้าใจ

 

ความสามารถของสร้อยข้อมือและยินยอมที่จะสวมแล้ว ถ้าไม่ยินยอมหรือไม่

 

เข้าใจก็ไม่สามารถใส่ได้! ; 200,000แต้มไอเท็ม

บทที่ 269 กดผิด? ชิบหายแล้ว!!

 

ในใจปรากฏภาพสาวงามขึ้น สายตาวู่หยานก็ยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นและมากขึ้น

 

สีหน้ามีความสุขก็ค่อยๆลอยขึ้นมาบนหน้าเขา………

 

ถ้าเป็นเธอล่ะก็ต้องสามารถทำความสะอาดหมดนี่ได้ในพริบตาแน่!

 

เขาไม่แคร์ว่าตรงนี้ยังมีคินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะอยู่ วู่หยานเปิดระบบ

 

ขึ้นมาทันที

 

ยังไงซะสามสาวก็ไม่ได้หลอมรวมชีวิตกับเขาย่อมไม่สามารถมองเห็นหน้าจอระบบ

 

ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องแคร์ อย่างมากสุดคนที่เห็นก็คงแค่งุนงง เหมือน

 

อย่างทั้งสามตอนนี้ที่มีสีหน้าสับสน

 

เปิดระบบได้ วุ่หยานก็เข้าไปที่หน้าอัญเชิญ นิ้วลากหน้าจอเลื่อนลงอย่างรวดเร็ว

 

ในไม่ช้าเขาก็เจอชื่อที่ตามหาจนได้………

 

อิซาโยอิ ซาคุยะ : จากเรื่อง Land of Fantasy(Touhou) เธอเป็นหัวหน้าเมด

 

ของคฤหาสน์มารแดง หรือรู้จักกันในชื่อ เพอร์เฟคเมด ถ้าไม่นับหมู่บ้านมนุษย์

 

เธอก็เป็นหนึ่งในมนุษย์ที่มีอยู่น้อยนิดในโลกเกนโซวเคียวที่เต็มไปด้วยโยวไคอัน

 

ทรงพลัง ; 100,000แต้มอัญเชิญ

 

(อิซาโยอิ = แรมหนึ่งค่ำ / ซาคุยะ = ราตรีที่เบ่งบาน ซึ่งทั้งสองคำนี้ล้วนหมายถึง

 

สิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อผีดูดเลือด) (@อวยมากกกก)

 

เมื่อพูดถึงเมด จะมีใครโดดเด่นไปกว่าซาคุยะได้อีก? ไม่มีแล้ว!

 

เลื่องลื่อในชื่อ เพอร์เฟคเมด วู่หยานนั่นต้องการอัญเชิญเธอมานานแล้วแต่ด้วย

 

อะไรหลายๆอย่างที่ฉุดรั้งไว้ ทำให้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้อัญเชิญสักที…..

 

ตอนนี้ แต้มก็เพียงพอแล้ว โอกาสก็เหมาะเจาะ ถ้าไม่อัญเชิญเธอตอนนี้จะให้ทำ

 

วันไหน?……..

 

เห็นชื่อ ‘อิซาโยอิ ซาคุยะ’ วู่หยานก็ยิ้มฮิๆอย่างมีความสุข จากนั้นยื่นนิ้วไปจิ้มที่

 

ปุ่มอัญเชิญ…….

 

มันคงจะไม่มีมารอะไรมาขัดขวางการอัญเชิญหรอกนะใช่มั้ย?

 

ขณะที่กำลังจะจิ้มโดนปุ่ม อัญเชิญ จู่ๆความคิดนี้ก็เด้งขึ้นมาในหัวเขา วู่หยานก็

 

หัวเราะขบขันกับมุขตลกนี้ในใจโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้ามันจะ

 

เป็นจริง……..

 

ใกล้กัน คินุฮาตะ เฟรนด้า ทาคิสึโบะ สามสาวมองตรงอากาศว่างเปล่าที่วู่หยาน

 

กำลังยืนนิ้มไปจิ้ม แล้วหันกลับมามองใบหน้าเขาที่กำลังหัวเราะอย่างโง่งม บนหัว

 

พวกเธอก็ปรากฏเครื่องหมายคำถามขึ้นมากมาย

 

คินุฮาตะมองวู่หยานด้วยสายตาแปลกๆขมวดคิ้วเล็กๆขณะที่คิดในใจ อย่าบอกนะ

 

ว่าหมอนี่เป็นบ้าไปแล้ว?…….

 

คินุฮาตะวิ่งเยาะๆมาหาวู่หยาน จากนั้นตะโกนใส่เขาว่า

 

“เฮ้! คุณทำอะไรน่ะ!”

 

เสียงตะโกนดังของเธอ ทำให้วู่หยานสะดุ้งเฮือกนิ้วที่กำลังจะจิ้มอัญเชิญก็เบี่ยงไป

 

โดน ‘สุ่มอัญเชิญ’ แทน…..

 

ยังจำกันได้อยู่มั้ย? รางวัลของเควสสองที่ให้เอาชนะแอคเซราเรเตอร์ก็คือสุ่ม

 

อัญเชิญนี่แหละ…….

 

และตอนนี้ด้วยเสียงของคินุฮาตะ เขาก็ได้กดมันเข้าให้แล้ว…….

 

“………..”

 

วู่หยานตะลึงอ้าปากค้างมองนิ้วตัวเอง อารมณ์และความคิดนับไม่ถ้วนในใจเขาได้

 

พ่นมันออกมาสั้นๆเพียงคำเดียวคือ

 

“เหี้ยยย!!!”

 

เสียงสบถดังก้องสะท้านไปทั่วบ้าน ทำให้สามสาวตกใจ

 

วู่หยานหน้าดำเถือกก่อนจะจ้องเขม็งหน้าจอที่กำลังเริ่มสุ่มตาไม่กะพริบ ชื่อแล้ว

 

ชื่อเล่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้ามันก็เริ่มช้าลง……

 

จากนั้นภายใต้การแหกตามองของวู่หยานมันก็ได้หยุดลง ณ ชื่อนึง………

 

พอเห็นชื่อเท่านั้นแหละหน้าวู่หยานจากสีดำก็กลายเป็นขาวซีดทันที

 

“ทำไมถึงเป็นเธอ!”

 

มองดูชื่อตาลอย ก่อนที่จะตะโกนออกมาเสียงหลง วู่หยานผู้ที่กำลังช็อคจึงไม่ได้

 

เห็นว่าตอนนี้ทั้งสามสาวกำลังมองเขาด้วยแววตาสงสารและกังวลปะปนกันไป……

 

ตอนนี้วู่หยานไม่มีเนื้อที่ว่างพอให้มาสนใจยัยสามสาวโมเอะนี่แล้ว เขากำลังกังวล

 

สุดขีด!

 

ทำยังไงดี! ทำยังดี!

 

ในหัวเขามีแต่ประโยคนี้ ขณะที่อีกใจก็อยากจะยกค้อนขึ้นมาทุบระบบให้มันพัง

 

ข้อหาที่สุ่มเธอให้เขา!

 

นัยน์ตาสีแดงมองชื่อตรงหน้าจอด้านหน้า หัวใจเขาก็อดสั่นสะเทือนอย่างอดไม่ได้

 

……

 

เธอไม่เก่งเหรอ? เธอนิสัยไม่ดีเหรอ? วู่หยานถึงได้มีปฏิกิริยาแบบนี้

 

ผิดแล้ว! เธอมีปัญหาด้านนิสัยก็จริง แต่ด้านพลัง ถ้าบอกว่าเธอไม่เก่งงั้น…ก็คงไม่มี

 

ใครที่สามารถเรียกว่าเก่งได้อีกแล้ว!!!

 

เพียงแต่ถ้าเธอมาที่เมืองแห่งการศึกษาล่ะก็ทั้งเมืองได้เจอหายนะแน่!

 

ไม่ว่าตอนนี้วู่หยานจะกังวลยังไงตื่นกลัวแค่ไหน แต่การสุ่มชื่อก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว

 

ดังนั้นรายชื่อของเธอจึงเริ่มเปล่งแสงขึ้น!

 

แสงสว่างนี่ได้เจิดจ้าจนทำวู่หยานตาพร่ามัว หัวใจวู่หยานเต้นโครมครามราวกับ

 

จะหลุดออกมาจากอก วินาทีต่อมาเขาก็ดึง คัมภีร์วาร์ป ออกมาแล้วฉีกมันทันที

 

เกิดแสงส่วางขึ้นจากนั้นเขาก็หายแวบไป……….

 

คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ ช็อคจนพูดไม่ออก มองดูจุดที่วู่หยานหายไป

 

ด้วยสีหน้าโง่งม ก่อนที่ทั้งสามจะหันมามองหน้ากันด้วยสายตาว่างเปล่า…..

 

นี่อย่าบอกนะว่าเขาเป็นผู้มีพลังด้านสเปซด้วย?……….

 

………………………

 

ณ ชายหาด จุดที่เคยต่อสู้กับอัครทูตสวรรค์กาเบรียล

 

เกิดแสงสว่างขึ้นก่อนที่จะมีร่างวู่หยานปรากฏออกมา!

 

แทบจะวินาทีเดียวกันกับที่วู่หยานโผล่ออกมา แสงส่างจากหน้าจอระบบก็ได้เรื่อง

 

แสงถึงขีดสุด!

 

ขณะเดียวกัน แสงอัญเชิญที่คุ้นเคยก็ได้ปรากฏตรงหน้าวู่หยาน!

 

ถึงจะเห็นภาพนี่มาหลายครั้งแล้วก็ตาม เขาก็ยังไม่สามารถปรับลูกตาตัวเองให้กับ

 

แสงจ้าๆนี่ได้สักที ภายใต้แสงที่แรงกล้าเขาก็จะต้องยกมือขึ้นมาบังตา…….

 

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ แสงสว่างก็เริ่มที่จะมืดลงอย่างช้าๆ และเงาร่างเล็กๆก็

 

เริ่มที่จะก่อรูปร่างขึ้น…….

 

รูปร่างด้านนอกของเธอปรากฏขึ้นก่อนตามมาด้วยรายละเอียดภายใน ระหว่างที่

 

รอวู่หยานก็มีรอยยิ้มขมๆขณะที่นึกถึงสถานะของสาวน้อยตรงหน้าไปด้วย

 

หลังจากที่เธอปรากฏออกมาทั้งหมดแสงอัญเชิญก็ได้หายไป และเธอที่ทำวู่หยา

 

นแทบประสาทแดกก็โผล่มาโลกนี้จนได้……..

 

เธอมีร่างเล็กๆจะเรียกว่าเป็นโลลิน้อยก็ไม่ถือว่าผิดเลย เป็นเพราะความสูงของเธอ

 

นั้นยังต่ำกว่าเฟรนด้าอีก ต่ำกว่ามาก ดูราวกับเป็นแค่เด็กน้อยอายุ10ขวบ…….

 

ผมบลอนด์ทองที่ยาวถึงหัวไหล่ได้เปร่งประกายสะท้อนแสงอาทิตย์ออกมา บนหัว

 

ด้านซ้ายของเธอได้มัดเป็นโพนี่เทลและยังสวมใส่หมวกน่ารักๆ ชุดเป็นชุดโกธิคโล

 

ลิต้าสีแดงขาว และมีหน้าตาน่ารักมาก

 

นัยน์ตาทั้งสองปิดสนิท มือทั้งสองได้กำไว้ตรงหน้าอก พอเอามารวมกับใบหน้า

 

สวยงามนี้แล้วเธอช่างดูเหมือนเจ้าหญิงตัวน้อยๆที่กำลังหลับใหลอยู่ไม่ผิด

 

เพียงแต่ว่าถึงเธอจะน่ารัก แต่ด้านหลังเธอก็มีปีกที่เป็นเอกลักษณ์อยู่คู่นึง……..

บทที่ 268 ธีมวันนี้คือเมด! เมด! และเมดล่ะ!!!

 

เมืองแห่งการศึกษา โรงเรียนเขต7 ณ บ้านวู่หยาน…………

 

มองดูสภาพห้องรับแขกที่เละเทะราวกับเพิ่งมีพายุเฮอริเคนพัดผ่าน วู่หยานทำ

 

อะไรม่ได้นอกจากยิ้มแห้งๆ

 

ใกล้ๆกันมีสามสาวที่เชิดหน้ามองเพดานด้วยท่าทางที่ยังกับจะบอกว่า ‘เรื่องนี้ฉัน

 

ไม่เกี่ยวนะ/คะ!’

 

แน่นอนว่าสามคนนี้ก็คือ คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ!

 

ในเวลานี้ทั้งสามได้ยืนเรียงกระดานอยู่หน้าวู่หยานในชุดเมด ความน่ารักความ

 

โมเอะส่งออกมาเต็มทำให้ยามแรกที่วู่หยานเห็นถึงกับตาเป็นประกาย

 

ทว่าพอเห็นภาพเบื้องหลังพวกเธอ ห้องที่เละเทะเขาก็ไม่มีกระจิตกระจิตจะทำ

 

อะไรแล้ว ได้แต่ถอนหายใจอย่างหดหู่และเจ็บปวด

 

ในเวลานี้วู่หยานเริ่มรู้สึกเสียใจหน่อยๆแล้วที่พาทั้งสามมาบ้านโดยบอกว่าเป็นเมด

 

ไป นี่มันไม่ใช่หาเรื่องให้ตัวเอง?

 

แต่นี่จะว่าวู่หยานก็ไม่ได้ ลองคิดดูมีเมดสาวหน้าตารักมากวาดถูเช็ดบ้านมันเจริญ

 

หูเจริญตาขนาดไหน

 

โชคยังดีที่ตอนนี้ ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส และ แอสเทรีย ทั้งสี่สาวได้เข้าเมืองไป

 

ไม่งั้นล่ะก็…………

 

แต่ว่าที่ทำวู่หยานงุนงงก็คือทำไมอยู่ดีๆฮินางิคุกับมิโคโตะถึงได้มาใช้ให้เขาทำ

 

ความสะอาดบ้านทั้งหลัง? ปกติไม่ใช่ว่าอิคารอสจะเป็นคนทำ?

 

แล้วยังมีตอนสั่งให้ทำความสะอาดบ้าน ทำไมพวกเธอถึงได้มีสีหน้าโกรธแค้นแบบ

 

นั้น?……….

 

จนถึงตอนนี้สัตว์ป่าหื่นกามบางตัวก็ยังไม่รู้ว่าฉากที่ตัวเองกำลังกดเด็กสาวโลลิได้

 

โดนภรรยาตัวเองพบเข้าแล้ว………

 

บางทีฮินางิคุกับมิโคโตะคงคิดว่าเหตุผลที่วู่หยานไปจับกดเฟรนด้าเป็นเพราะพวก

 

เธอไม่ให้เข้าห้องด้วยกระมั้ง ดังนั้นครั้งนี้ทั้งคู่ถึงไม่ได้ลงโทษแรงอะไร แค่ให้วู่หยา

 

นทำความสะบ้านทั้งหลังโดยพวกเธอยังพออิคารอสไปด้วยเพื่อไม่ให้ช่วย…….

 

แต่ถ้าสองสาวผู้น่ารักรู้ว่าอันนี้เป็นจุดประสงค์แต่แรกของวู่หยานที่พวกเธอเข้า

 

บ้านไม่รู้จุดจบจะเป็นยังไง………..

 

ส่วนสำหรับวู่หยานถึงจะรู้สึกตะหงิดๆใจแต่เขาก็ไม่ได้อะไรรับคำสั่งมาทำแต่โดยดี

 

อย่างน้อยมันก็แค่บ้านหลังเดียวไม่ใช่ทั้งเมืองแห่งการศึกษาสักหน่อย……..

 

ดังนั้งถึงบอกไงว่าฮินางิคุกับมิโคโตะใจดีมากแล้ว…….

 

แต่ว่าตอนหลังวู่หยานเพิ่งมารู้ตัวว่าตัวเองคิดง่ายไป……

 

เขาลืมไปว่าบ้านที่สามารถบรรจุทั้งตัวเขา ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส แอสเทรีย คิ

 

นุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ คนแปดคนได้มันควรจะใหญ่มาก……

 

ดังนั้นเมื่อ ฮินางิคุ มิโคโตะ อิคารอส แอสเทรีย เดินออกจากบ้านไป วู่หยานก็จับ

 

ไม้กวาดแล้วมองไปสแกนพื้นที่ หลังจากมองอย่างโง่ๆอยู่พักนึงเขาก็โยนไม้กวาด

 

ทิ้ง ยอมแพ้ความคิดที่จะทำคนเดียวไป…….

 

ในเวลาพอเหมาะนี่เอง คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะที่เขาพาเข้าบ้านใน

 

ฐานะเมดจึงตกเป็นแพะรับบาปไปโดยปริยาย…….

 

ใช้เหตุผลที่ว่า ‘เป็นเมดก็ต้องใส่ชุดเมดสิ!’ วู่หยานก็ได้ใช้โอกาสนี่จับพวกเธอใส่ชุด

 

เมด จากนั้นเขาก็ไปนั่งที่โซฟารอให้บ้านสะอาดวิ่งวับ

 

ทว่าอย่างรวดเร็ววู่หยานก็พบว่าตัวเองคิดง่ายไปอีกแล้ว………

 

มองดูภาพ ‘หายนะ’ ตรงหน้า ถ้าเขายังไม่รู้ตัวว่าตัดสินใจผิดอีกก็บ้าแล้ว!

 

นี่เขาเรียกว่าทำความสะอาด? มองยังไงก็ทำลายล้างชัดๆใช่ไหม? ใช่! มองยังไง

 

แม่งก็ใช่!

 

วู่หยานปัดเอาเศษชิ้นโต๊ะนับไม่ถ้วนออกไป เพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บตัว………

 

นี่อย่าบอกนะว่าพวกเธอทำความสะอาดไม่เป็น?

 

บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลแค่ส่วนเดียว ที่เหลือน่าจะเป็นเพราะความไม่พอใจของ

 

สามสาว ไม่สิ! ที่แม่งกลายเป็นแบบนี้เพราะยัยโลลิสองคนนี้ไม่พอใจแน่ๆอ่ะ!

 

ถูกบังคับจับตัวมาบ้านนี้ เมื่อวานก็ถูกฉวยโอกาสให้เป็นเมด พอมาวันนี้ก็ถูกสั่งให้

 

ทำความสะอาดบ้าน ถ้าไม่ทำลายอะไรบ้าง เธอ ‘คินุฮาตะ ไซไอ’ก็คงไม่สามารถ

 

มองหน้าตัวเองในกระจกได้อีกเลยมั้ง?

 

ดังนั้นด้วยหัวใจที่อัดแน่นด้วยความไม่พอใจ ฉากหน้าก็รับคำทำตามทุกคำสั่ง

 

บอกให้เช็ดก็เช็ดให้ บอกให้ถูก็ทำตาม บอกให้กวาดก็ทำ เรียกได้ว่าเชื่อฟังสุดๆ!

 

แต่เพียงแค่ว่าตอนเธอทำความสะอาด เธอได้ใช้ ‘Offense Armor’ คลุมไว้ที่มือ

 

ตัวเองด้วย

 

ดังนั้นตอนที่เช็ดพื้นแต่ละครั้งต่อให้เบามือแค่ไหนพื้นก็แตกได้อย่างน่าอัศจรรย์

 

ตอนเช็ดโต๊ะโต๊ะก็สลายเป็นผุยผง ตอนเช็ดเก้าอี้เก้าอี้ก็ลาจากโลกนี้ทันที…….

 

ขนาดคินุฮาตะยังไม่พอใจถึงขนาดนี้ อย่าว่าแต่เฟรนด้าเลย เมื่อวานโดนจับกด

 

ตื่นเช้ามาโดนซ้ำอีก พอเดินออกจากห้องมาได้ก็ให้มาทำ……ความสะอาดบ้าน?…..

 

แถมยังต้องสวมชุดเมดอีกต่างหาก!

 

ด้วยเหตุนี้เฟรนด้าจึงแอบระบิดอารมณ์เงียบๆ!

 

ดังนั้นทั้งเฟรนด้าและคินุฮาตะที่มีความคิดแบบเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย ผลก็

 

คือบ้านหลังนี้พบหายนะ……

 

คินุฮาตะที่ใช้ Offense Armor ทำลายบ้าน แล้วมีหรือที่เฟรนด้าผู้ได้ชื่อว่า จอม

 

ระเบิด จะน้อยหน้าน่ะ?

 

เธอทำแค่นำเส้นด้านแหลมคมมาแปะติดข้าวของเครื่องใช้ พอเธอทำความสะอาด

 

เล็กน้อยพวกมันก็ถูกตัดขาดแยกชิ้นส่วนทันที……….

 

สำหรับ ทาคิสึโบะ

 

จริงๆเธอทำแค่ยืนดู……….

 

ทั้งหมดที่ว่าคือเหตุผลที่ตอนนี้สามสาวมายืนเรียงหน้าวู่หยานโดยมีสองโลลิกำลังสี

 

หน้าไม่รู้ไม่ชี ส่วนอีกคนก็ก้มหน้าขณะที่แอบมองวู่หยาน เห็นแบบเขาก็ยกมือตบ

 

หน้าผากตัวเองแล้วพูดว่า

 

“นี่เธอสองคนเกลียดบ้านหลังนี้ขนาดไหนกันเนี่ย…..”

 

ได้ยิน คินุฮาตะกับเฟรนด้าก็ทำเสียงขึ้นจมูกดัง ‘เหอะ’ แล้วหันหน้าไปอีกทาง

 

ส่วนทาคิสึโบะเธอก็มีท่าทีลนลานมองซ้ายขวาสลับสองสาวราวกับพยายามจะ

 

หยุดความขัดแย้งนี้

 

วู่หยานถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เขาพอเดาได้ว่ายัยโลลิโมเอะนี่มีความแค้นกับ

 

เขาโดยตรงมากกว่าบ้าน……

 

แต่อย่าเอาไปลงที่บ้านสีเฮ้ย! บ้านนี้มันบริสุทธ์นะ! พวกเธอไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ไม่ได้

 

หมายความว่าทางนี้ไม่นะโว้ย!

 

แต่เอาเถอะถือว่านี่เป็นความผิดเขาล่ะกัน(@ความผิดเอ็งเต็มๆอยู่แล้วเอาจริง)

 

เขาเข้าใจว่าทำไมคินุฮาตะกับเฟรนด้าถึงทำแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจปล่อย

 

ผ่านไป

 

มือลูบแก้มตัวเอง วู่หยานพูดกับสองโลลิ “ทำลายขนาดนี้คงหายโกรธได้แล้วมั้ง?

 

เดียวอีกไม่นานพวกฮินางิคุก็จะกลับกันมาแล้ว ตอนนี้ควรที่จะทำความสะอาดดีๆ

 

ได้แล้วมั้ง?”

 

สิ่งที่ตอบวู่หยานกลับมาคือเสียง ‘เหอะ’ สองเสียงอีกครั้ง สองสาวสะบัดหน้าไป

 

อีกทาง ทาคิสึโบะกระอักกระอ่วนทันทีไม่รู้จะทำยังไง เห็นยัยสองแสบนี่มุมปากวู่

 

หยานก็กระตุก

 

เขาพยายามโน้มน้าวสองโลลิสุดใจ แต่ก็มีแต่เสียง ‘เหอะ’ ตอบกลับมาเสียทุกครั้ง

 

บอกเป็นนัยๆว่าตัวเองยังโกรธอยู่ เห็นสองสาวเมินตัวเองไม่เลิกวู่หยานเองก็ชักมี

 

น้ำโห

 

‘ยัยสองคนนี้ต้องจับมาปราบพยศหน่อยแล้ว…..’

 

แต่ว่านี่ต้องรอไปก่อนตอนนี้ห้องนั่งเล่นยังเละเทะรอให้จัดการอยู่ วู่หยานจึงทำได้

 

แค่สะกดข่มความอยากจับมาปรับทัศนคติของสองสาว เขาพยายามหว่านล้อมให้

 

ทั้งสองช่วยแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล……

 

ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปต่อให้นับรวมทาคิสึโบะไปด้วยยังไงก็ทำความสะอาดไม่ทัน

 

พวกฮินางิคุกลับมาแหงๆ………

 

ทำไงดีหว่า?……..

 

วู่หยานจับหน้าผากอย่างปวดหัว มองดูเมดตัวเล็กใหญ่ตรงหน้าแล้วก็ถอนหายใจ

 

ถ้าบ้านเรามีเมดที่เป็นเมดจริงๆก็ดีสิเฮ้อ……

 

แต่ว่าใครมันจะเก่งกาจขนาดทำความสะอาดได้ในพริบตาบ้างล่ะ? ทำทั้ง

 

ห้องนั่งเล่นนี้เสร็จในพริบตาน่ะ…….

 

เหอะๆ ถ้าหยุดเวลาได้นะ…….

 

ทันใดนั่นในหัวก็มีความคิดนึงแว่บเข้ามา ทำให้วู่หยานตาโตทันที

 

“….เมด…เวลา…หยุดเวลาได้….”

 

ปากพึมพำสองสามคำอย่างอดไม่ได้ ยิ่งพูดนัยน์ตาวู่หยานก็ยิ่งส่องประกายแรง

 

กล้าขึ้น………

บทที่ 266 คืนนี้เองผมก็ได้กินโลลิน้อยจนได้ล่ะ!

 

“อืมมม…..”

 

เฟรนด้านอนเปลือยการบนเตียงด้วยผิวกายและสีหน้าที่ขึ้นสีชมพูระรื่อ ในแววตา

 

สีน้ำทะเลของเธอได้ถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกบางๆ บ่งบอกว่าเธอกำลั0ฟัวหมุนง

 

สับสนงุนงงอยู่……….

 

เสียงหอบหายใจดังออกมาแสดงให้เห็นว่าเธอนั่นกำลังตึงเครียด ร่างกายบอบบาง

 

ไร้มลตำนิ ในตอนนี้ได้มีชั้นเหงื่อปกคลุมพร้อมกับผิวกายที่สั่นไหวเบาๆ……….

 

ทั้งหมดนี่ทำให้ร่างกายที่ยังไม่เจริญเติบโตของเธอดูมีเสน่ห์ขึ้น……

 

ฟังเสียงครางน้อยๆที่เฟรนด้าปล่อยออกมาไม่หยุด วู่หยานฉีกยิ้มอย่างพอใจ ราว

 

กับว่าภูมิใจกับเทคนิคฝีมือที่ทำให้เธอเครื่องติดได้แบบนี้ เขาก้มตัวลงไปเลีย

 

หน้าอกที่นูนเล็กน้อย ก่อนจะลากขึ้นไปที่คอเธอแล้วขบกัด……

 

“อื้อออ…..” เสียงครางดังออกมาอีกครั้ง ทำเฟรนด้าตกใจ ตอนนี้เธอรู้สึกได้เลยว่า

 

ร่างกายตัวเองมันหลุดออกจากการควบคุมของเธอไปเรียบร้อยแล้ว

 

เกร็งตัว เฟรนด้ารู้สึกว่าหัวเองเริ่มว่างเปล่ามากขึ้นทุกที เป็นเพราะร่างกายที่ไวต่อ

 

ความรู้สึกกับเทคนิคของวู่หยาน ทำให้ตัวเธอชักกระตุกรับไม่ไหวแล้ว

 

เลื่อนหน้าลงมาจากคอยังหน้าอกอีกครั้ง มองดูอกเล็กที่ส่งกลิ่นหอมกลุ่นเขาก็

 

อดทนไม่ไหวอีกต่อไปอ้าปากงับเข้าใส่ลูกเชอร์รี่สีชมพูของเธอ!

 

“อ๊าย!” เฟรนด้าร้องออกมา เธอที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนจึงทำให้ตอนนี้

 

หัวใจเธอเต็นตึกๆถี่รัว ปากก็ครางออกมาไม่หยุด

 

ภายใต้การโจมตีของวู่หยาน ร่างกายเฟรนด้าสั่นไหวอย่างแรง เธออดไม่ไหวจน

 

ต้องเอื้อมมือออกไปจับหัววู่หยานราวกับว่าไม่อยากให้เขาจากไปยังไงยังงั้น

 

มืออีกข้างของเธอได้กำแน่นเพื่อช่วยในการข่มเสียงครางที่ออกมาจากปาก เธอ

 

แม้กระทั่งกัดเล็บตัวเองเพื่อไม่ให้เสียงครางดังออกมา จึงเกิดเป็นเสียงกลืนน้ำลาย

 

มีเสน่ห์ดังขึ้นมาแทน

 

วู่หยานยิ่งมายิ่งรุนแรง ในเวลาเดียวกันเฟรนด้าก็รู้สึกราวกับได้ลอยขึ้นฟ้า

 

ความรู้สึกแปลกใหม่นี่ทำให้เธอกังวล

 

เธอต้องการผลักผู้ชายที่กำลังกดเธอติดเตียงออกไป แต่ตอนนี้ร่างกายเซนซิทีฟ

 

ของเธอมันไม่ฟังคำสั่งแล้ว เธอไม่สามารถเรียกเค้นเรี่ยวแรงมาผลักเขาได้เลย แล้ว

 

นับประสาอะไรกับการร่างกายตัวเอง? ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้เธอมีเตียงให้นอนล่ะก็

 

ป่านนี้เธอคงได้ลงล้มลุกคลุกคลานบนพื้นแล้ว……..

 

ร่างกายเธอราวกับมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เพียงแต่ไม่ปฏิเสธวู่หยานแต่ยัง

 

ขยับตัวชิดเขามากกว่าเดิม ราวกับจะบอกว่าอณุญาติให้อีกฝ่ายทำเต็มที่ นี่ทำ

 

ให้เฟรนด้าทั้งโกรธทั้งเขินอายอารมณ์ผสมปนเปไปหมด

 

ถ้าวู่หยานรู้ความคิดเฟรนด้าในตอนนี้ล่ะก็ เขาคงจะหัวเราะชั่วร้ายออกมาแน่ ถ้า

 

แค่นี้ยังทนไม่ได้ แล้วหลังจากนี้ล่ะ?…….

 

ไม่นานนักมือมารวู่หยานก็ได้ยื่นไปหาจุดลับที่สุดของเฟรนด้า…….

 

“ไม่นะ!..อึก!..อื้อออ…” เมื่อมีนิ้วเล็ดลอดเข้าไปในร่างกายตัวเอง ขาทั้งสองข้าง

 

ของเธอก็สั่นเทิ้ม เพิ่งพูดปฏิเสธไปเธอก็อดทนไม่ไหวจนต้องส่งเสียงครางที่นุ่มนวล

 

ปนไปด้วยความสุขออกมา……

 

ภายใต้การหยอกล้อของนิ้ววู่หยาน ส่วนสงวนของเด็กสาวก็ไม่อาจทนไหวอีก

 

ต่อไปมีสายน้ำเล็กๆไหลออกมา ทำให้วู่หยานหัวเราะร่า นี่มันเพิ่งผ่านไปแป๊ป

 

เดียวเองนะ? หนึ่งนาทีเองมั้ง? เธอจะเซนซิทีฟเกินไปแล้ว………

 

เฟรนด้าเกร็งตัวอีกรครั้ง ความรู้สึกดีอัดเข้าตัวเธอในเวลาเดียวกันก็รู้สึกโหวงเหวง

 

ด้วย เมื่อเสียงครางสุดท้ายดังออก ตัวเธอก็ฝุบลงไปกับเตียงปากหอบแฮ่กๆ

 

ทว่าการหอบหายใจของโลลินี่ได้ทำกระตุ้นปีศาจในตัววู่หยาน!

 

เขาเคลื่อนไหวทันที ลากลิ้นลงมาจากหน้าอกกระดานของเธอลงมาด้านล่างยังจุด

 

ที่ชุ่มช้ำด้วยน้ำที่ปิดสนิทก่อนที่จะแทงลิ้นเข้าไป!

 

“อ๊าย!” เฟรนด้าตาเปิดตาพรึ่บทันทีแล้วส่งเสียงร้องครางออกมา จากเดิมร่างกาย

 

ที่ผ่อนคลายลงแล้วก็กลับมาตึงแน่นอีกครั้ง สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรเธอก็

 

ร้องออกมาพร้อมกับยื่นแขนดันหัวเขา

 

“ตรงนั้นไม่ได้นะ!”

 

ทว่าวู่หยานเมินสนิท เขาอยากลองทำแบบนี้มานานแล้ว ในอดีตตอนที่เขาอยาก

 

ลองทำแบบนี้กับฮินางิคุและมิโคโตะก็มักจะถูกปฏิเสธ สำหรับอิคารอสตอนนั้น

 

เขาแค่แตะลิ้นใส่นิดเดียวเธอก็เสร็จอย่างหนักแล้ว…….

 

ดังนั้นครั้งนี้วู่หยานจึงอดไม่ไหวอยากจะลองดูสักครั้ง!

 

ด้วยเหตุนี้ภายติเสียงกรีดร้องของโลลิ วู่หยานก็ได้ใช้ลิ้นบุกแทงเข้าไปลิ้สรสชาติ

 

ใหม่ทันที!

 

“อื้อ!”

 

มือเฟรนด้าสั่นเทิ้มก่อนที่จะร่วงลงมา ตาหรี่ลงปากเองก็ครางเสียงดัง ร่างกาย

 

เล็กๆของเธอบิดซ้ายบิดขวาไปมาพยายามให้หลุดจากการจับกุมของเขา……

 

ทว่าผลลัพธ์ก็เห็นๆกันอยู่คือแพ้ราบคาบ! ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เริ่มเสียงเสียงขอ

 

ความเมตตา แต่ว่ามาถึงขนาดนี้แล้วมีหรือวู่หยานจะหยุดน่ะ?

 

ทำเป็นหูหนวกไม่ได้ยินเสียงเฟรนด้า มือไต่ไปยังก้นขาวนวลของเธอ จากนั้นยกตัว

 

ของเฟรนด้ามาไว้บนตักตัวเองในท่านั่งคร่อม!

 

และในนาทีนี้เอง น้องชายของเขาก็ได้ออกมาดูโลกแล้ว!

 

สัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังนั่งทับอะไรแข็งๆอยู่ เฟรนด้าเริ่มตื่นกลัวกับการมาของ

 

ประสบการณ์แรก เธอจึงเค้นแรงขอความเมตตาอีกครั้ง

 

“ไม่เอานะ…ขะ..ขอร้องล่ะ….ไม่เอา…”

 

เพียงแต่ว่าการขอร้องนี่ยิ่งทำให้วู่หยานตัวร้อนรุ่มกว่าเดิม อนึ่งโลลิมีจุดเด่นอยู่

 

สามอย่าง คือ เสียงน้อยๆน่ารัก ตัวนุ่มนิ่ม และง่ายต่อการจับกดล่ะ……

 

เขายังไม่เข้าใจว่าอะไรคือจับกดง่าย แต่เสียงน่ารักและตัวนุ่มนิ่มอันนี้เขาเห็นด้วย

 

เลย…….

 

สติของเฟรนด้าใกล้จะระเบิดอยู่ร่อมร่อแล้ว ทว่าทางวู่หยานนั่นระเบิดไปแล้ว!

 

มองดูร่างกายเล็กๆของเฟรนด้า วู่หยานกังวลเล็กน้อยว่ามันจะรับน้องชายตัวเอง

 

ได้ไหมนะ?………

 

ทว่าความกังวลนี้ก็โดนวู่หยานขว้างทิ้งออกจากสมองไป ตอนนี้มันมาถึงขั้นนี้แล้ว

 

ถ้าเขาไม่ใส่เข้าไปเขาคงได้ดูถูกตัวเองแน่!

 

กอดตัวนุ่มๆของเธอแน่นขึ้น ฉวยโอกาสตอนที่เธอไม่ได้ตั้งตัว แล้วกดเฟรนด้าลง

 

ไป!

 

ด้วยเสียงฉีกขาดที่ดังชัด ร่างกายเล็กๆของเฟรนด้าโดนทะลวงแล้ว!

 

“อ๊า!!!!!!”

 

ราวกับม้าที่กรีดร้อง เฟรนด้าที่เงยหน้าร้องออกมาเสียงดังด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วย

 

ความเจ็บ

 

มือและขาทั้งสองข้างกอดรัดตัววู่หยานแน่น หางตาเฟรนด้ามีน้ำตาเอ่อขึ้นมา “ไม่

 

เอาแล้ว….อย่าขยับ….มันเจ็บ….”

 

วู่หยานเองก็เชื่อฟังดีมากเขาหยุดการกระทำทุกอย่าง สัมผัสได้ถึงการบีบรัดจาก

 

ช่องคลอดของเธอแล้วยังความรู้สึกเสียวซ่านที่ส่งมาทำเขาพูดไม่ออก

 

หลังจากนั้นพักนึง วู่หยานก็รู้สึกได้ว่าข้างในเฟรนด้าบิดตัวเล็กน้อย เขายิ้มออกมา

 

จากนั้นเริ่มขยับเอว…….

 

เฟรนด้าครางออกมา สัมผัสถึงความรู้สึกดีที่ร่างกายส่งมาอย่างต่อเนื่องเธอก็

 

หลับตาลง เอ็นจอยไปกับมัน ขณะที่ปากก็ไม่หยุดส่งเสียงหวานใส…….

 

 

บทที่ 267 เช้าที่สดใสล่ะ!

 

ยามเช้า…..

 

แสงแดดสาดส่องผ่านม่านหน้าต่างลงมายังห้องนอน สายลมพัดผ่านผ้าม่านพลิ้ว

 

ไหว ในห้องนี่กำลังมีชายคนนึงนอนหลับตาสนิทอยู่ล่ะ……….

 

วู่หยานที่กำลังหลับฝันดีอยู่ก็ได้ถูกแสงแดดที่ตกกระบนตาปลุกขึ้น เขาค่อยๆได้สติ

 

อย่างช้าๆก่อนที่จะลืมตาขึ้น….

 

ปกติตอนเช้าตื่นนอนมาเขาจะยืดหลังบิดขี้เกียจเพื่อความสาบ แต่ว่าวันนี้เขาไม่

 

ทำเพราะตอนนี้เขาก็รู้สึกสบายตัวมากอยู่แล้ว……

 

ความรู้สึกแน่นๆส่งมาจากด้านล่าง ทำเขาต้องครางออกมาด้วยความสุข วู่หยาน

 

ได้สติครบถ้วนแล้วแน่นอนว่าเขาย่อมจำสิ่งที่เกิดเมื่อคืนได้

 

สัมผัสได้ว่าตรงเอวมีแขนเล็กๆกอดอยู่ เนื้อนุ่มนิ่มอีกฝ่ายแนบกับร่างกายตัวเอง

 

ทำวู่หยานหัวเราะออกมาทีนึง คนที่กอดเขาอยู่เป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก……

 

“อืมมม…..”

 

การเคลื่อนไหวของวู่หยานได้ทำเธอตื่น เฟรนด้าลืมขึ้นเผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำ

 

ทะเล

 

ด้วยสติที่ยังมาไม่ครบ เธอหันมองซ้ายมองขวาพอเห็นแต่ภาพเบลอๆเฟรนด้าก็ยก

 

มือขึ้นมาขยี้ตา พอเห็นสภาพตอนนี้ตัวเองเธอก็ตื่นเต็มตาทันที!

 

รู้สึกได้ความรู้สึกอิ่มเอมที่สดใหม่ เธอก็นึกย้อนกลับไปถึงเมื่อคืนหน้าเธอก็แข็งทื่อ

 

ทันที ก่อนทีจะเห็นว่าตัวเองกำลังอยู่บนตัวใครบางคนอยู่ เธอก็ค่อยๆเงบหน้าขึ้น

 

และภาพที่เห็นคือใบหน้ายิ้มแฉ่งของวู่หยาน……

 

เฟรนด้านิ่งอึ้งมองหน้าวู่หยาน ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเองผัวะ เมื่อรู้สึก

 

ได้ถึงความเจ็บเธกก็ถอนหายใจ “ทำไม…ทำไมกัน…ทำไมมันถึงไม่ใช่ความฝัน

 

……”

 

ได้ยินเสียงเธอ วู่หยานก็ถอนหายใจตาม แล้วพูดด้วยสีหน้าพอใจว่า “นั่นสิ เมื่อ

 

คือฉันฝันดีมากเลยล่ะ……”

 

เฟรนด้ากัดฟันกรอดอย่างขมขื่น ฟังเสียงกวนๆของวู่หยานทำเธออยากลุกขึ้นไป

 

ต่อย ไม่ก็กระโดดงับคอ แต่ว่าความเป็นจริงมันทำไม่ได้……..

 

ในใจเธอก็มีน้ำตาไหลนองหน้า เธอคิดไว้อยู่แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึงถ้าเธอติดตาม

 

อีกฝ่ายมา แต่ที่เธอคิดไม่ถึงก็คือมันจะมาเร็วถึงเพียงนี้!!

 

ฉะ…ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงวันดีเลยนะ…….

 

เมื่อคืนเธอถูกกินไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือ แล้ววันต่อจากนี้

 

ล่ะ?เธอจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง?นี่ขนาดแค่วันแรกนะ……..

 

แต่ที่ให้อภัยไม่ได้มากที่สุดเลยก็คือร่างกายเธอ ทั้งๆที่โดนอีกฝ่ายทำอย่างโหดร้าย

 

แบบนั้นแต่กับเกิดความรู้สึกอยากพึ่งพอซะได้!

 

ในโลกนี้มันยังจะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้มั้ย?……..

 

คิดถึงตรงนี้เฟรนด้าก็ร้องไฟ้โฮในใจ ไม่สิตอนนี้ภายนอกเธอก็เริ่มมีน้ำตาปริ่มๆ

 

แล้ว อ่ะ มันไหลออกมาแล้ว…….น้ำตาบวกกับใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มของโลลิทำให้

 

ตอนนี้เธอดูน่าเอ็นดูมาก…….

 

มองดูน้ำตาไหลผ่านแก้มขาวๆของเฟรนด้า วุ่หยานก็ยิ้มนี่เป็นใบหน้าแบบเดียวกัน

 

กับตอนที่ฮินางิคุกับมิโคโตะเสียครั้งแรกให้เขาเลย น่าคิดถึงจริงๆ วู่หยานยิ้มเยาะ

 

อย่างสะใจ สมควรโดนแล้ว ใครกันนะที่เมื่อวานยังทำหน้าเบิกบานตอนเห็นเขา

 

โดนอัด……

 

ยืดตัวขึ้นแล้วลุกขึ้นนั่ง เนื่องจากเฟรนด้านอนอยู่ตรงเอวเขา เมื่อวู่หยานลุกขึ้นนั่ง

 

ทำให้ตอนนี้เธออยู่ในท่านั่งคร่อมเขา

 

และจริงๆแล้วตอนนี้นีโออาร์มสตรองไซโคลนเจ็ทอาร์มสตรอง(น้องชาย)ของวู่หยา

 

นยังอยู่เสียบค้างอยู่ข้างในเฟรนด้า ดังนั้นตอนที่เขาเคลื่อนไหวมันจึงสั่นสะเทือน

 

ไปถึงข้างในทำให้เฟรนด้าร้องออกมา

 

“อยู่ๆนายทำอะไรเนี่ย!”

 

ด้วยเสียงที่ร้องออกไปเมื่อกี้ ทำให้เธอเผลอนึกกลับไปถึงเมื่อคืนที่ตัวเองร้องขอ

 

ความเมตตานับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ถูกอีกฝ่ายเมินเสียทุกครั้ง และเธอยังเสียงน่าอายที่

 

ตัวเองเปล่งออกไปนับครั้งไม่ถ้วนนี่อีกเช่นกัน…….

 

เฟรนด้าหดหู่ นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แค่เพราะตัวเองบีบบังคับเธอให้ยอม

 

ตามมาได้แล้วคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบหรือไง? เขาคิดจริงๆเหรอว่าเธอจะ

 

ยอมอยู่เฉยๆโดยที่ไม่กล้าปลดปล่อยความโกรธจริงๆน่ะ?!

 

ด้วยเหตุนี้เฟรนด้าจึงแหกปากร้องออกมาด้วยความโกรธด้วยลืมความน่ากลัวที่มี

 

ต่อวู่หยานไป วู่หยานยกคิ้วขึ้นก่อนจะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา เห็นแบบนี้เฟ

 

รนด้าก็เริ่มตัวสั่น

 

ก่อนที่เธอจะได้ร้องประท้วงต่อ เธอก็รู้สึกได้ว่าตรงนั้งของวู่หยานกำลังแทงใส่เธอ

 

อยู่ ทันใดคลื่นฟ้าเสียวซ่านแฝงไปด้วยความสุขแบบเมื่อวานก็เข้ามาตีหัวใจน้อยๆ

 

ของเธอ!

 

ทว่านี่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น…..

 

ยังมีครั้งที่สองและอีกหลายๆครั้งตามมา…..

 

“อื้อ…อ๊าย…..”

 

ใบหน้ากระจ่างใสของเฟรนด้าเริ่มค่อยๆขึ้นสีแดง ร่างกายเล็กๆของเธอเด้งขึ้นเด้ง

 

ลงตามวู่หยานโยก ผมบลอนด์ทองของเธอปลิวไสวขึ้นลงในอากาศ นี่ทำให้เธอจำ

 

ใจต้องเปล่งเสียงครางน่าอายนั่นออกมาอีกครั้ง

 

มองดูหน้าวู่หยาน เฟรนด้าก็พูดก็พยายามพูดออกมาทั้งๆที่ครางไปด้วย “นะ..

 

นาย..อื้ม!…ยัง…ยังจะทำต่อ…อีกเหรอ!”

 

ได้ยินแบบนี้ วู่หยานไม่เพียงไม่หยุดเขายังเร่งสปีดในการกระแทกเธอขึ้น ก่อนจะ

 

ผุดเอารอยยิ้มไม่แยแสออกมา

 

“แน่นอนว่าต้องต่อสิ นี่หรือว่าเธอคิดว่าฉันไร้น้ำยา? เธอกำลังดูถูกฉัน?…..”

 

จริงๆเมื่อคืนวานทั้งคืนวู่หยานก็ทำตลอดไม่หยุด ถ้าเปลี่ยนไปเป็นตัวเขาก่อนหน้า

 

นี้คงไม่สามารถทำหลายรอบได้อย่างองอาจเหมือนตอนนี้……

 

แต่ว่า อย่าลืม เขาคือ True Ancestor!

 

แรงกายและการฟื้นฟูที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้ตอนนี้วู่หยานกลายเป็นนักรับ

 

ที่ห้าวหาญผู้ซึ่งสามารถรบทำศึกกับผู้หญิงหลายคนได้! เป็นชายเหนือชาย ยอด

 

ชาย!

 

จริงๆวู่หยานก็ไม่คิดเหมือนกันว่าสายเลือดแท้มันจะ มีประโยชน์ด้านนี้ด้วย นี่ทำ

 

ให้เขาอดกลับมาชื่นชมในความฉลาดของตัวเองในอดีตไม่ได้ที่ตัดสินใจเลือด

 

เปลี่ยนเป็น สายเลือดแท้…….

 

คิดถึงตรงนี้ วู่หยานก็หัวเราะฮ่าๆออกมาเสียงดังอย่างแฮปปี้ แล้วโถมตัวเข้าใส่ร่าง

 

เล็กๆในอ้อมกอดแรงขึ้น ทำให้เธอครางออกมาถี่กว่าเดิม

 

ในตอนนี้แสงแดดได้ฉายแสงออกมาทั่วทั้งเตียงแล้ว ทำให้ตอนนี้เนื้อตัวของวู่

 

หยานกับเฟรนด้าเปร่งประกาย ในใจเฟรนด้ามีความรู้สึกอับอายพวยพุ่งขึ้นมา

 

ทันที เมื่อคิดว่าตัวเองต้องมาล่อนจ่อนกลางแสงแดด เธอก็อายจะตายแล้ว……

 

ยิ่งกว่านั้นยังทำเรื่องอย่างว่าทั้งๆที่มีพระอาทิตย์ส่องแสงแรงกล้าแบบนี้ เฟรนด้า

 

อาย อายจริงๆ…….

 

มือทั้งสองข้างจับหัวไหล่วู่หยานแน่น เธอครางออกมาเสียงหวานด้วยใบหน้าแดง

 

ก่ำ ไม่นานนักเธอก็พูดออกมาว่า

 

“….นี่..ยังเช้าอยู่เลยนะ…..”

 

ได้ยินวู่หยานไม่หยุดแต่เพิ่มสปีดขึ้น ทำให้เฟรนด้ารู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่าร้อง

 

ออกมาอีกครั้งและอีกครั้ง เห็นแบบนี้วู่หยานก็พูดออกมาด้วยความขบขัน “โอ้

 

เช้าแล้วเหรอ? อรุณสวัสดิ์! รู้อะไรไหม? ตอนเช้าน่ะเป็นช่วงเวลาที่ผู้ชายตื่นตัว

 

ที่สุดล่ะ! เวลาดีๆแบบนบี้เราควรมาต่อกันอีกซักยกนะ คิดงั้นไหม?เฟรนด้าจัง

 

…….”

 

เฟรนด้าไม่ตอบ เพราะทุกครั้งที่เธออ้าปากอยากจะพูดมันก็มักจะเปลี่ยนเป็นเสียง

 

ครางแทน ตอนนี้เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากคราง……

 

วู่หยานหัวเราะออกมาอย่างคึกคัก โยกตัวใส่ร่างเล็กๆไม่หยุดขณะที่หูก็ฟังเสียง

 

ร้องหวานใสข้างหู ทั้งตัวทั้งใจจมจ่อไปกับการตักต่วงความสุข…….

 

วู่หยานไม่ได้รู้ตัวอะไรเลยว่าตอนนี้ตรงหน้าประตูห้องมีสองร่างยืนอยู่……..

 

ฮินางิคุ!

 

มิโคโตะ!

 

ฟังเสียงครางของเฟรนด้าที่ดังทะลุห้องออกมา ฮินางิคุกับมิโคโตะก็กัดฟันแน่น

 

อย่างขมขื่น ก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วถอนหายใจพรืด ขณะที่ในใจรู้สึกอิจฉา

 

นิดๆ…….

 

มิโคโตะสะกดข่มไม่ให้ตัวเองปล่อยไฟฟ้าออกมา แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธ

 

เคือง “ฉันรู้อยู่แล้ว! หยานพาผู้หญิงกลับมาบ้านก็เพื่อทำเรื่องแบบนั้น!!!”

 

ฮินางิคุกอดหน้าแล้วถอนหายใจ “ใช่…..พวกเราคิดไว้อยู่แล้ว….แล้วทำไมเมื่อคืน

 

พวกเราถึงไม่ให้หยานเข้าห้องด้วย? ถ้าเราให้เขาเข้ามา บางทีเขาคงจะไม่……”

 

พูดถึงตรงนี้ฮินางิคุก็หน้าแดง ใกล้กันมิโคโตะก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา เห็น

 

ด้วย ถ้าเมื่อวานให้วู่หยานเข้าห้องด้วย เขาคงไม่ไปจับกดผู้หญิงอื่น……

 

ทั้งสองสาวตระหนักดีตั้งแต่เห็นเขามาผู้หญิงสามคนกลับมาบ้าน แต่ไม่รู้ทำไมพวก

 

เธอถึงใช้สติใช้เหตุผลไม่ได้(@หึงๆ)แล้วไปผลักใสวู่ยหยานให้ไปหาผู้หญิงอื่น

 

ทางอ้อม…….

 

ทั้งสองหันมามองหน้ากันอีกครั้งแล้วถอนหายใจ………

 

ซวยจริงๆ…….

บทที่ 265 ของจริงมันต่อจากนี้ล่ะ!
ตัวนุ่มนิ่มเล็กๆของเฟรนด้า ทำวู่หยานอดไม่ไหวแล่บลิ้นออกมาเลียปากตัวเอง
แล้วจับหลังเธอด้วยความรู้สึกตื่นเต้น!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะต้องมีรสชาติดีเลิศแน่นอน เฟรนด้าต่างจากฮินางิคุกับมิ
โคโตะที่หุ่นเลยที่จะเรียกว่าโลลิแล้ว แต่เฟรนด้าเธอถึงจะเป็นเด็กม.ปลาย แต่
ร่างกายโลลิแท้!
ในใจของโลลิค่อนทุกคนมีความฝันอยู่ ความฝันที่ว่าตนได้จับกดโลลิ ถึงแม้เขาจะ
ไม่ใช่โลลิค่อน(?) แต่เขาก็เข้าใจในความฝันของโลลิค่อน
ดังนั้น ตอนนี้วู่หยานจึงกำลังรู้สึกตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด!
วู่หยานอดใจไม่ไหวยกมือไปจับหัวไหล่เล็กๆของเธอ ตอนที่เขาสัมผัส ตัวเฟรนด้า
ก็กระตุกสั่นทันทีด้วยใบหน้าแข็งทื่อ
“สุดท้ายแล้วทำไมถึงต้องเป็นฉัน? เห็นได้ชัดว่ารูปร่างทาคิสึโบะดีกว่าฉันตั้งเยอะ
คินุฮาตะก็ยังมีขาอ่อนที่น่าหลงใหลนั่นอีก ทำไมนายถึงได้เลือกฉัน?” ด้วยน้ำตา
คลอเบ้า เฟรนด้าบ่นออกมา ทำให้วู่หยานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เขาตบไหล่เธอเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เฟรนด้าจัง อย่าได้ดูถูกเสน่ห์ของ
ตัวเองสิ เธอต้องเข้าใจนะว่า ‘โมเอะคือความถูกต้อง’ น่ะ แล้วตัวเธอก็มีความ
โมเอะอยู่เต็มเปี่ยมเลยนะ ยืดอกมั่นใจในตัวเองเข้าไว้!”
ได้ยินแบบนี้ เฟรนด้าก็อ้าปากค้าง ฟังคำพูดที่มาจากต่างโลก เส้นเลือดเธอก็ปูด
ขึ้นที่ขมับ ในวลาแบบนี้ยังจะมาพูดไร้สาระอีกนะ…….
แต่ถึงเธอจะโกรธเธอก็ไม่อาจระบายมันออกมาได้ เป็นเพราะตอนนี้วู่หยานได้โถม
ตัวเข้ามาทับเธอแล้วประกบปากจูบแล้ว!
ในหัวเธอมีเสียงระเบิดดังขึ้นตู้ม เธอเบิกตากว้างด้วยความช็อค สัมผัสได้ว่ามีลิ้น
ใหญ่ๆบุกเข้ามาในปากตัวเอง เฟรนด้าไม่อยากจะเชื่อ
จูบแรกนั่นสำคัญและล้ำค่ากับผู้หญิงทุกคนมาก แต่จูบแรกเธอกับเป็นแบบนี้มัน
มาไม่ให้เธอได้เตรียมใจเลย ของสำคัญแบบนี้กับเสียไปในพริบตา……..
แถมนี่ยังไม่ใช่จูบธรรมดา แต่เป็นจูบที่ทำเฉพาะกับคนรัก ดีปคิส! จูบแบบดูดดื่ม!
ลิ้นของวู่หยานสามารผ่านประการป้องกันหรือฟันของเธอเข้าไปได้อย่างง่ายดาย
เนื่องจากตอนนี้เจ้าตัวกำลังอยู่ในสภาวะช็อค ก่อนที่จะไปฟัวพันกับลิ้นหอมๆของ
เธอ………
เธอเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อลิ้นเขาเข้ามาสัมผัสลิ้นตัวเอง แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้
นอกจากยอมรับวู่หยาน…….
ลิ้นพันกันไปมาไม่หยุด ภายใต้การนำของวู่หยาน ทำให้เธอเริ่มตัวอ่อนลง จากนั้น
ภายใต้สัญชาติญาณเธอก็เป็นฝ่ายเคลื่อนไหวลิ้นเอง!
ทว่าการเคลื่อนไหวนี่มันช่างเต็มไปด้วยการขวยเขิน ทำให้วู่หยานผู้ผ่านสนามจูบ
มามากมายหัวเราะเย้ยในใจให้กับเทคนิคอ่อนๆของเฟรนด้า
แต่ว่าวู่หยานก็ยินดีที่จะให้เฟรนด้าเป็นคนนำ ดังนั้นเขาจึงผ่อนลิ้นลง แล้วลิ้ม
รสชาติลิ้นหอมๆของเธอ ขณะที่เอ็นจอยไปกับการนำแบบมือใหม่อายๆของเธอ
เฟรนด้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ลิ้นมันเคลื่อนไหวไปเอง มันไม่ยอมหยุดเลย ไม่
ยอมที่จะทิ้งความสุขนี้ไป ดังนั้นจึงทำได้แค่ปล่อยให้จิตใต้สำนึกเป็นคนนำเธอไป
หลังจากปากทั้งสองแยกจากกัน เฟรนด้าราวกับกลายเป็นคนเมาหน้าเธอแดงก่ำ
ร่างกายไร้เรี่ยวแรง ไม่ใช่เพราะวู่หยานจับเธอไว้อยู่ล่ะก็ ตอนนี้เธอตงลงไปนอน
กับเตียงแล้ว
ผ่านไปหลายสิบวิ เฟรนด้าก็ได้สติฟื้นขึ้นมาจากความรู้สึกดีแบบแปลกๆ เธอเบิก
ตากว้างขึ้นอีกครั้ง มองไปที่วู่หยานอย่างไม่อยากเชื่อ แต่ครั้งนี้ที่ไม่อยากเชื่อมัน
คือตัวเธอเองต่างหาก
ไม่คิดมาก่อนเลยว่าการจูบกันมันจะสบายแบบนี้ เฟรนด้าได้มัวเมาไปกับรสสัมผัส
เมื่อกี้หมด แต่ที่เธอไม่อยากเชื่อคือตัวเองจะเป็นคนนำลิ้นอีกฝ่าย……
ไม่! นั่นไม่ใช่ฉัน! ฉันถูกบังคับนะ!!
เฟรนด้าตะโกนในใจอย่างบ้าคลั่ง แต่เธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเสียงตะโกนในใจของเธอ
มันเบาลงเบาลงขึ้นเรื่อยๆ……..
ไม่นานนัก วู่หยานก็ผลักเฟรนด้าลงไปนอนที่เตียงเบาๆ ทำให้เธอช็อคมาก รู้สึกได้
ถึงแรงกดจากเขา สุดท้ายความดิ้นรนในใจเธอก็………
“สุดท้าย….ละ…แล้ว….ชะ…ช่วยอ่อน…อ่อนโยนหน่อยนะ…..ฉัน…กลัวเจ็บ….” เฟ
รนด้าหลับตาลงด้วยความอาย เธอเริ่มเตรียมตัวเตรียมใจรับช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
ของเด็กสาว!
ได้ยินคำพูดเฟรนด้า วู่หยานสตันมองดูเธอที่หลับตาแน่น ทันใดนั่นเขาก็ยิ้ม
ออกมา อะไรกันไอ้เราก็นึกว่าต้องใช้ ‘กำลัง’ ซะอีก……..
หลังจากนั้น วู่หยานก็เริ่มตัวร้อนรุ่มดังไฟ เขาทนไม่ไหวแล้ว!
แต่ว่าวู่หยานก็ไม่ได้เร่งรีบ เขาจรดปากไปที่หูเธอแล้วแลบลิ้นเลียติ่งหู ขณะเดียวก็
ใช้มือลูบก้นเธอ…….
“อื้อ!”
เฟรนด้านึกว่าวู่หยานจะกินตัวเองทันที แต่นี่กลับเริ่มจับร่างกายตนอย่างอ่อนโยน
ทำให้เธอรู้สึกตัวเบา…..
ถึงแม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้น แต่ความอบอุ่นจากฝ่ามือเขาก็ยังส่งผ่านมาให้เธอรู้สึกได้
เฟรนด้าเกร็งตัวแน่น
ทุกที่ที่เขาสัมผัส ตรงนั้นก็จะรุ้สึกร้อนรุ่มเป็นพิเศษ แต่ว่าตรงก้นเธอรู้สึกร้อนยิ่ง
กว่ากับมือเขาที่ลูบไม่หยุด ในเวลาเดียวก็รู้สึกชาด้วย……..
วู่หยานที่มีประสบการณ์ด้านนี้เป็นกะตัก และเขารู้ดีว่าต้องทำยังไงกับครั้งแรก
ของเฟรนด้า
“เป็นไง? รู้สึกดีไหม?” วู่หยานก้มลงไปเอาปากติดหูด้านซ้ายเธอแล้วพูดแหย่
“อืม รู้สึกดี…….”
เฟรนด้าเผลอตัวตอบกลับไป ก่อนที่จะรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองเพิ่งพูดอะไรไปเธอก็เริ่ม
หน้าแดงอายแบบสุดๆ
นี่ฉันพูดอะไรออกไป……..
วู่หยานหัวเราะด้วยความพอใจ ขณะที่นวดให้เธอต่อไป โดยมีเป้าหมายที่ด้านล่าง
ของเธอ เมื่อมือเขาลงไปสัมผัสวู่หยานก็ตกใจ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตรงนั้นของเฟรนด้าก็ได้เปียกชุ่มแล้ว!
วู่หยานมองเธออย่างอึ้งๆ เขาเห็นตัวเธอเกร็งแน่นจนผิวมีสีชมพูและสีหน้าเขิน
อายของเธอ จากนั้นเขาก็ตระหนักว่า….
เฟรนด้าเป็นประเภทความรู้สึกไวล่ะ!
“ไม่มีทาง…..” วู่หยานฉีกยิ้มชั่วร้าย ขณะที่เอามือออกมาจากตรงนั้นของเธอ แล้ว
นำมือข้างนั้นมาชูมือตรงหน้าเฟรนด้า
“นี่เธอ…..”
“อื้อออ” เฟรนด้าหน้าแดงจนแดงไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว คนที่คุ้ยเคยกับร่างกาย
ตัวเองที่สุดก็ย่อมเป็นตัวเธอ แต่พอเห็นมือของวู่หยาน เธอก็ทำได้แค่ส่งเสียง อื้ออ
ออกมาด้วยความอาย
วู่หยานหัวเราะ เขาไม่แหย่เธอต่อ ภายใต้สีหน้าตกใจของเฟรนด้า เขาก็เริ่มถอด
เสื้อผ้าเธอออกด้วยความเร็วสูง! เขาถอดชุดทั้งหมดของเธอออกได้อย่างง่ายดาย!
ภายใต้เสียงกรีดร้องของเธอ ร่างกายอันมีเสน่ห์ส่งกลิ่นหอมของสาวน้อยก็ได้
ปรากฏออกมาต่อหน้าเขา……..
ถึงแม้เขาจะเคยเห็นผู้หญิงเปลือยมามากจนนับไม่ไหวแล้ว แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคย
เปลี่ยน นั่นก็คือ เขาตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็น!
ร่างกายของเฟรนด้าแตกต่างจากของฮินางิคุกับมิโคโตะที่มีพัฒนาไปบ้างแล้ว และ
ยังแตกต่างจากหุ่นดินระบิดของอิคารอสด้วย ร่างกายเล็กๆตรงหน้าเขาอันนี้มันไม่
มีพัฒนาอะไรเลยมันเป็นของเด็กเป็นของโลลิ นี่ทำให้หัวใจวู่หยานเริ่มเต้นโครม
คราม
ของจริงมันต่อจากนี้ล่ะ………__

บทที่ 264 คนแรก? โชคดี?
สุดท้าย ขณะที่วู่หยานคิดว่าตัวเองปกปิดทุกอย่างได้แล้ว ทว่าความเป็นจริงอัน
โหดร้ายก็ได้ทำลายจินตนาการอันสวยงามของเขา มีคำพูดอยู่ที่ว่าทำดีได้ดีทำชั่ว
ต้องชดใช้กรรม……………
และกรรมนั่นก็มาในรูปแบบดาบคริสตัลและดาบทรายเหล็กที่กำลังตัดผ่าอากาศ
มายังตัววู่หยาน เมื่อเห็นดาบเขาก็ได้ตระหนักว่าตัวเองคิดตื้นแค่ไหนว่าวิธีเมื่อกี้จะ
หลอกพี่สาวเรลกันกับท่านประธานที่นอนเตียงเดียวกับเขาแทบทุกวันได้?
พูดได้เลยว่าที่ความแตกเพราะเขาทำตัวเองล้วนๆ………..
ทว่าเขาก็ยังมีโชคอยู่ ที่ทั้งสองคนไม่รุนแรงมากนัก เมื่อวู่หยานล้มลงพื้นด้วยเนื้อ
ตัวที่เต็มไปรอยฟกช้ำโดยเฉพาะตรงหัว ทั้งสองคนก็ปล่อยเขาไป เห็นได้ชัดว่าพวก
เธอหึงเขาเล็กน้อยที่พาสาวๆคนอื่นมาบ้าน
สุดท้าย คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะก็ได้เข้ามาในรังหมาป่า ไม่รู้ว่าฮินางิคุ
กับมิโคโตะได้รู้ถึงความตั้งใจซ่อนเร้นของเขารึเปล่า แต่ไม่ว่ายังไงทั้งสามคนก็ได้
เข้ามาบ้านนี้ในฐานะ ‘เมด’……..
ต่อจากนั้น เขาก็ได้ถูกพี่สาวเรลกันและท่านประธานไล่ออกจากห้องให้มานอนคน
เดียว ส่วนอิคารอสก็โดนสองสาวลากตัวไปอีกครั้ง โดยพูดไว้ว่า ‘คืนนี้มีเรื่องต้อง
คุยกัน’
ตอนที่อิคารอสโดนลากตัวไปเธอมีสีหน้าไม่ยิมยอมดูน่าสงสารมาก เห็นได้ชัดว่าไม่
อยากแยกจากเขา หลังจากนั้นเธอก็โดนดึงตัวไป วู่หยานที่เห็นก็ร้องโอดครวญ
ก่อนจะฉีกยิ้มออกมา………
ที่เขาร้องก็เพราะอุตสามีภรรยาสาวสวยๆถึงสามคนแต่กลับต้องมานอนคนเดียว
ทำไมมันน่าอดสูแบบนี้ บางทีคนที่มีเมียเยอะก็ลำบากเหมือนกันนะ……..
ที่ยิ้มออกมา แน่นอนว่าเป็นเพราะตอนนี้โอกาสที่รอคอยมันเปิดโล่งแล้วไงล่ะ
………
คืนนี้หม่ำภรรยาทั้งสามไม่ได้ งั้นว่าที่ภรรยาทั้งสามในอนาคตก็ได้สิ? พวกเธอกำลัง
รอให้เขาไปให้ ‘ความอบอุ่น’ อยู่!
ส่วนสำหรับยัยตะกละนั่น……..
ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนนึง เขายอมรับว่าตัวเองต้านทานเสน่ห์สาวผมบลอนด์ไม่ได้
แต่พอมองแอสเทรียที่ทำสายตาลูกหมาก่อนจะแหกปากใส่เขาว่า ‘โง่ๆ’ แล้ววิ่ง
หายเข้าห้องไป แค่นี้วู่หยานก็รู้แล้วว่าเขาไปหวังอะไรจากตัวเธอไม่ได้……
แถมด้วยนิสัยของยัยนางฟ้ากระเพาะหลุมดำนั่น ถ้าเขาเข้าไปแตะห้องเธอล่ะก็
มั่นใจได้เลยว่าสาวๆทั้งบ้านต้องรู้หมดแหงๆ ดังนั้นเขาจึงได้ยอมแพ้ในตัวแอสเท
รีย
สำหรับอีกสามคน คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ…………
คินุฮาตะ ยัยเด็กนี่เขายังไม่คิดไปทำอะไรเธอตอนนี้ เพราะในหมู่ทั้งสามคนเรียก
ได้ว่าเธอนั่นเป็นคนที่กระตือรือร้นอยากเห็นเขาโดนพี่สาวเรลกันกับท่านประธาน
สับจนตายมากที่สุดแล้ว ถ้าเกิดเขาเข้าห้องเธอล่ะก็ยัยนี่คงได้แหกปากร้องจนคอ
แตกแน่…..
ด้วยเหตุนี้ คินุฮาตะจึงถูกจัดให้อยู่ในหมวดเดียวกับแอสเทรีย เป็นประเภทที่เวลา
เห็นเขาโดนลงทัณฑ์ก็ยังจะเอาป๊อปคอร์นขึ้นมากินขณะที่ปากก็ตะโกนด้วย
ความสุขไปด้วย……….
ดังนั้น คนนี้ผ่านชั่วคราว!
ถัดมา ทาคิสึโบะ…….
พูดถึงทาคิสึโบะ หัวใจวู่หยานก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น พูดได้เลยว่าด้วยความรู้สึกที่
เธอมีให้เขาตอนนี้ เขาสามารถจับกดเธอได้อย่างไม่มีปัญหา!
แถมหุ่นของทาคิสึโบะเทียบกับเฟรนด้าและคินุฮาตะแล้วเธอโดดเด่นที่สุด แม้แต่
เอามาเทียบกับสาวๆในบ้านเขาก็ยังจัดว่าติดท๊อปหนึ่งในสาม!
ดังนั้นกับการจับกดทาคิสึโบะแล้ววู่หยานจึงรู้สึกถึงแรงดึงดูดมากเป็นพิเศษ แต่
พอขบคิดอย่างจริงจัง เขาก็ต้องส่ายหัว คนนี้ผ่าน!
กับคนที่เต็มใจมากับเขา และยังมีความรู้สึกให้เขามากที่สุดในหมู่ทั้งสามคน วู่หยา
นจึงไม่โหดร้ายมากพอที่จะทำ ไม่สิต้องพูดว่า……
ของดีสุด! อร่อยที่สุด! ต้องเก็บไว้กินหลังสุด!
ดังนั้น จึงเหลือแต่โลลิผมบลอนด์ที่เป็น ‘ผู้โชคดี’ โดนวู่หยาน ‘เลือก’ ไป…….
เพียงแต่ ทั้งหมดทั้งมวลที่เอ่ยมานี่ แน่ใจนะว่ามันไม่ใช่ข้ออ้างเพื่อที่เอ็งจะได้ไปลิ้ม
รสชาติโลลิน่ะ?…….
………………
กลางคืน
เมื่อความมืดได้กลืนกินไปทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้ เมื่อเสียงหายใจเป็น
จังหวะดังขึ้นจากห้องสาวๆ ประตูของหมาป่าตัวนึงก็ได้เปิดขึ้น…….
วู่หยานชะโงกหัวออกไปมองซ้ายมองขวา ก่อนจะแอบมองไปที่ห้องฮินางิคุกับมิโค
โตะอย่างเงียบๆ จากนั้นมุมปากวู่หยานก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มพึงพอใจ หลังจากนั้น
เขาก็เดินไปหาห้องเฟรนด้า
ระหว่างทางจนถึงห้องเธอ วู่หยานก็ได้เขย่งเท้าย่องเดินตลอด ราวกับว่าเขามี
พรสวรรค์เป็นโจรแต่กำเนิดยังไงยังงั้น แถมยังทำในบ้านตัวเองด้วย……….
ตอนนี้เองหัวใจวู่หยานก็เต้นเร็วขึ้นเลือดสูบฉีด ด้วยนิสัยของเขาไม่มีหรอกความ
กังวลตอนจะจับกดสาวสักคน จะมีก็เพียงแค่ความตื่นเต้น………
ในเวลานี่เองวู่หยานก็ได้รู้สึกยินดีอย่างมากที่ตนได้พลังมิโคโตะมา มัน
สะดวกสบายทั้งมากเวลาแอบลักลอบเข้าห้องสาว ทั้งตอนแฮ็คเข้าระบบคนอื่น
ถ้าขาดพลังมิโคโตะไปงานแอบเข้าขโมยดอกไม้บริสุทธ์ของเขาคงยากขึ้นอีกไม่
น้อยเลย
กระแสไฟฟ้าแล่นเขาลูกบิดประตู จากนั้นก็เกิดเสียงกริ๊กขึ้น ประตูห้องโลลิถูกเปิด
แล้ว………..
หลังจากเข้าไปในห้องภาพที่เขาเห็นคือ โลลิผมทองในชุดนอนกำลังนอนกอด
หมอนข้างอยู่ ทำให้แววตาวู่หยานเปร่งกระกาย เขาพยักหน้าพึงพอใจก่อนจะยก
ยิ้มชั่วร้ายขึ้น…….
บางทีอาจเป็นเพราะวู่หยานไม่ได้ปกปิดเสียงหรือกลิ่นอาย ทำให้เฟรนด้าผู้ที่คลุก
ตัวอยู่ในเงามืดมานานพอสมควร ความตื่นตัวที่ฝึกสะสมนานหลายปี จึงทำให้เธอ
รู้ตัวว่าทันทีตอนนี้ห้องตัวเองโดนบุก!
ลืมตาโพรง ขณะเดียวกันในใจก็มีความสงสัยขึ้นประมาณว่า มีไอ้โง่ที่ไหนน่ะที่กล้า
มาบุกบ้านน่าสะพรึงกลัวแบบนี้ แถมยังเป็นห้องตัวเองด้วย…….
การที่เธอพูดว่า ‘น่าสะพรึงกลัว’ นั่นไม่ได้มากเกินไปเลย นอกเสียจากตัวเธอและ
เพื่อนอีกสองคน ที่นี่ก็มีทั้งอันดับ2และ3 นี่ยังไม่เรียกน่ากลัวอีก?……
แน่นอนว่าเฟรนด้าย่อมไม่รู้ คนที่คู่ควรกับคำว่า ‘น่ากลัว’ จริงๆมันเป็นสองสาว อิ
คารอสที่สีหน้านิ่งสนิท กับ ยัยโง่แอสเทรีย……..
เมื่อเห็นหน้าผู้บุกรุก เฟรนด้าก็รู้แล้วว่าใครคือ ‘ไอ้โง่ไม่กลัวตาย’ คนนั้น ทำไมถึง
ต้องอีก? ในเมื่อบ้านนี้เป็นบ้านของเขา!
“นะ…นาย…”
มองดูวู่หยานที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าประตู เฟรนด้าอึ้งไป ปากเล็กๆอ้าออก นิ้วชี้ไป
ที่วู่หยาน พูดได้แค่ นายๆ
เขาที่ขืนใจพาตัวพวกเธอมาที่นี่ด้วยความตั้งใจไม่ดี แล้วตอนนี้อีกฝ่ายดันมาตอนที่
คนอื่นเขาหลับกันหมดอีก เฟรนด้าคิดแค่เล็กน้อยเธอก็เข้าใจแล้วว่าเขามาทำไม
เธอไม่ได้ดีใจเลยแม้แต่น้อยที่เข้าใจจุดประสงค์ของเขา ยังไม่ทันที่เธอจะได้ฟื้นสติ
ขึ้นมาจากความช็อค ร่างที่ยืนตรงประตูก็กลายเป็นภาพเบลอ ทันใดนั้นประตูก็ถูก
ปิด!
นัยน์ตาสีแดงฉานจ้องเข้าไปในตาของเฟรนด้า ทำเธอใจสั่นด้วยความกลัว เธอ
กำลังจะถอยหลังตามจิตใต้สำนึก ทว่าตอนนั้นเองก็มีมือข้างนึงมาปิดทางเธอไว้!
“โย่ว เฟรนด้าจัง……”
วู่หยานยิ้มชั่วร้ายขณะที่เอามือเชยคางเธอ เฟรนด้าสามารถมองเห็นความเร่าร้อน
ในนัยน์คู่นั่นของเขาได้ ทำให้เธอใจเต้น ‘ตึกๆ’ เสียงหัวใจดังชัดมากในเวลา
กลางคืนที่เงียบสงบแบบนี้
มองดูใบหน้าน่ารักๆของเฟรนด้า วู่หยานก็ลงลิ้นเลียหน้าเธอ ก่อนจะยิ้มออกราว
กับวายร้ายเกรดต่ำ
“เธอพร้อมรึยัง?”
โดยไม่อธิบายเหตุผลอะไรทั้งนั้น วู่หยานถามเธอไปตรงๆว่าพร้อมมั้ย ความหมาย
มันเห็นได้ชัดมาก ทำให้ร่างกายบอบบางของเฟรนด้าสั่นระริก ในใจเธอร้องไห้
น้ำตานองหน้า ขณะที่ตะโกนอบ่างบ้าคลั่งว่า
‘ทำไมถึงต้องเป็นฉัร?!’

บทที่ 263 พวกเธอเป็นใครน่ะเหรอ? ก็เมดคนใหม่ไงล่ะ!
“เพราะงั้นนายก็เลยกลายเป็นอันดับสามสินะ?……”
มิโคโตะเล่นผมปอยตรงหน้าผาก แขนทั้งสองก็ยกขึ้นมากอดหน้าอก มองดูวู่หยา
นเบื้องหน้าตน เธอไม่คิดเหมือนกันว่าคาคิเนะจะตายไปทั้งๆแบบนั้น……….
“แหม่ ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันน่ะแหละ…….”วู่หยานเกาแก้มด้วยท่าทางขวย
เขิน นัยน์ตาสีแดงนุ่มลึกของเขาเผยให้ถึงความเหนื่อยใจ เขาคิดไม่ถึงเหมือนกัน
ว่าจะโดนอเลสเตอร์มันประเคนอันดับสามให้โดยไม่ถามแบบนี้…….
“แต่ไม่ใช่ว่านายได้ไปคุยกับผู้อำนวยการแล้วหรอกเหรอ? เขาควรจะรู้จักนายแล้ว
สิ ทำไมเขาถึงนายเป็นอันดับสาม?”
มิโคโตะถามด้วยความสับสน “ถ้าต้องการให้นายเป็นเลเวลห้า ทำไมก่อนหน้านี้ถึง
ไม่ประกาศล่ะ?”
“แหม่ ฉันเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน…….” วู่หยานหัวเราะแหะๆ ตอบด้วยคำพูด
เดียวกันกับเมื่อกี้ เขายอมรับว่าหัวตัวเองมันไม่ได้ดีเท่าไหร่…..
เทียบกับ พี่สาวเรลกัน และ ท่านประธาน ที่มีIQสูงลิบ กับ อิคารอส ที่สามารถคิด
วิเคราะห์อะไรได้ง่ายๆเหมือนนคอมพิวเตอร์ อะไรที่เขาคิดไม่ออกก็โยนให้พวก
เธอคิดซะก็โอเคแล้ว นี่แหละถึงได้บอกไงว่าเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว……..
ขณะที่มิโคโตะกำลังขบคิดอย่างจริงจัง ฮินางิคุที่ยืนรอทั้งสองคุยกันก็ยกมือขึ้นมา
เบรกมิโคโตะไว้
“เรื่องพวกนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะ เดียวค่อยคุยกันทีหลังก็ได้ ตอนนี้ที่ฉันอยากรู้
มากกว่าก็คือ……”
นัยน์ตาสีเหลืองเขียวของฮินางิคุได้เปร่งกระกายวิบวับดูอันตรายยิ่งนัก มองดูวู่
หยาน มุมปากเธอก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มสยดสยอง จากนั้นชี้นิ้วเรียวขาวดุจหยกของ
ตัวเองไป แล้วตะโกนเสียงดังว่า
“สามคนนี้เป็นใคร! ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่!!”
ทิศที่ฮินางิคุชี้ไป แน่นอนว่าเป็นทางที่ คินุฮาตะ เฟรนด้า ทาคิสึโบะ ยืนอยู่!
ได้ยินคำถาม รอยยิ้มวู่หยานก็แข็งค้างไปทันที หลังจากนั้นเขาก็พยายามพูด
ออกมาด้วยน้ำเสียงใจเย็น “พวกเธอ ชื่อ คินุฮาตะ เฟรนด้า แล้วก็ ทาคิสึโบะ
……”
“ฉันไม่ได้บอกให้นายแนะนำตัว!!!” ฮินางิคุพูดขัดวู่หยานขึ้นมา แล้วจ้องเขม็งไปที่
เขา “ที่ฉันอยากถามนายก็คือ ในเวลานี้ที่จะเข้านอนแบบนี้ นายพาเด็กผู้หญิง
สามคนกลับมาเพื่ออะไรกันแน่!!!”
ใกล้กันมิโคโตะก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันใหญ่กว่า เธอจึงหันขวับมาจ้องวู่หยาน แล้วมอง
สาวน้อยน่ารักทั้งสาม จากนั้นเส้นกระแสสไฟฟ้าก็ปรากฏออกมาตรงหน้าผากเธอ
…….
รอยยิ้มบนใบหน้าของวู่หยานยังไม่ได้หายไป ทว่าหลังของเขาได้เปียกชุ่มไป
เรียบร้อยแล้ว นี่บ่งชี้ว่าที่จริงเขาไม่ได้ใจเย็นเหมือนฉากหน้าเลย………
หัวข้อของเควสสาม ทำไมก็ไม่รู้ ระบบมันไม่ได้แชร์ให้พวกฮินางิคุเหมือนตอนแอค
เซราเรเตอร์ ดังนั้นจนถึงตอนนี้ฮินางิคุกับมิโคโตะก็ยังไม่รู้ว่าเควสสามมันให้ไปทำ
เลิฟๆกับผู้หญิงคนอื่น……..
แน่นอนว่าวู่หยานย่อมใจไม่กล้าพอที่จะบอกพวกเธอไปตรงๆ จะให้ตูพูดออกไป
หรอกว่า ‘อ่อสามคนนี้เหรอ? ฉันพามานอนด้วยน่ะ……’
ถ้าพูดไปแบบนี้ วู่หยานมั่นใจว่าวินาทีต่อมา ชิโระซากุระกับหอกสายฟ้าได้พุ่งเข้า
มาอัดตัวเขาแน่นอน ได้มีฟันร่วงเลือดตกยางออกแหง…..
ในขณะเดียวกัน คินุฮาตะ และเฟรนด้า กำลังเอ็นจอยไปกับการมอง ‘เจ้าวาย
ร้าย’ โดนเล่นงานอยู่ พวกเธอไม่คิดปกปิดสีหน้ายินดีนี่เลยแม้แต่น้อย
ใครใช้ให้วู่หยานบีบบังคับพวกเธอแบบนี้ล่ะ? คินฮาตะเกลียดวู่หยานมาก
ถึงแม้เฟรนด้าจะหวาดกลัวเขาแต่ในใจเธอก็ขบเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง
เช่นกัน…….
การที่ได้เห็นวู่หยานซวยแน่นอนว่าพวกเธอต้องยินดีอยู่แล้ว แม้กระทั่งยังแอบหวัง
ในใจว่า อันดับสองเรลกัน กับ คุณหัวชมพูจะฆ่าเขาซะ………..
ส่วนทาคิสึโบะเธอกำลังมองวู่หยานด้วยแววตาเป็นกังวล เธอไม่โหดร้ายมาก
พอที่จะทนเห็นวู่หยานตกที่นั่งลำบากได้ เช่นเดียวกับอิคารอสในตอนนี้……..
อะแฮ่ม แน่นอนว่ายังมียัยโง่ผมบลอนด์อกสะบึ้มที่กำลังเอ็นจอยกับโชว์ทรมาน
มาสเตอร์ตัวเองอยู่ด้วย…….
วู่หยานกำลังร้อนกายร้อนใจเหมือนเด็กที่กำลังโดนแม่จับผิด เขาคิดไว้อยู่แล้วว่า
จะเกิดเหตุการณ์ขึ้นถ้าพาสามสาวมาบ้าน แต่เมื่อมาเจอจริงๆเขาก็อดกลัวไม่ได้ นี่
ทำให้วู่หยานคิดได้ว่า สาวน้อยโลลิก็ดีอยู่หรอก แต่ชีวิตตัวเองนั่นสำคัญกว่า ขึ้นมา
…….
แอบชำเลืองตามองไปทางสามสาว พอเห็นสียิ้มระรื่นของคินุฮาตะ กับ เฟรนด้า
เส้นเลือดก็ปูดขึ้นมาบนหน้าเขาทันที ในใจก่นดาทั้งสองว่าไม่มีความเห็นใจกันเลย
รึไง? ทว่าวู่หยานไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองเคยทำอะไรไปบ้างถึงทำให้สองสาว
กลายเป็นแบบนี้…..
อาจเป็นเพราะเห็นสายตาวู่หยานมองมา รอยยิ้ม ‘มีความสุขที่เห็นคนอื่นซวย’
ของทั้งคู่ก็ได้กว้างขึ้น เห็นแบบนี้คิ้ววู่หยานก็เลิกขึ้น ในใจกัดฟันกรอด ตอนนั้นเอง
ความคิดนึงก็ผุดขึ้นมาในใจเขา ทำให้วู่หยานเลือดสูบฉีด!
ภายใต้การจ้องมองของ คินุฮาตะ เฟรนด้า ทาคิสึโบะ วู่หยานหันไปมองฮินางิคุ
กับมิโคโตะ แล้วพูดรอยยิ้มผ่อนคลาย
“สามคนนี้จริงๆแล้ว เป็นเมดล่ะ!”
“เมด!!!!!”
ฮินางิคุ มิโคโตะ ตะโกนเสียงดัง รวมทั้ง คินุฮาตะ เฟรนด้า ด้วย ราวกับว่าที่ได้ยิน
ไม่ใช่ เมด แต่เป็นอะไรที่น่ากลัวกว่านั้น
“ถูกต้อง!” วู่หยานฉีกยิ้มกว้างให้ ฮินางิคุ มิโคโตะ แล้วพูดต่อว่า “พวกเธอดูสิ
บ้านเรามันใหญ่พอสมควรเลยใช่ไหมล่ะ? ปกติมีแต่อิคารอสที่คอยทำความสะอาด
คิดดูสิบ้านใหญ่ขนาดนี้เลยนะมีอิคารอสทำคนเดียวไม่สงสารเธอบ้างเหรอ? ดังนั้น
ฉันถึงได้ไปเชิญทั้งสามคนมา…….”
ได้ยินแบบนี้ ฮินางิคุ มิโคโตะก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ว่าอิคารอสพอได้ยินว่า
มาสเตอร์เป็นห่วงตัวเอง นัยน์ตาสีทะเลของเธอก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น ตอนนี้เธอมี
ความสุขมาก
ใกล้กัน คินุฮาตะ เฟรนด้า ทาคิสึโบะ สามสาวต่างตะลึง หันซ้ายหันขวามองไป
รอบๆ คินุฮาตะ กับเฟรนด้า ก็แทบจะคลุ้มคลั่ง เมื่อได้ยินคนที่ลักพาตัวเองมา
กลับหน้าด้านบอกว่าไปเชิญมา……..
ทาคิสึโบะเองก็เริ่มรู้สึกสงสัยในการตัดสินใจตามวู่หยานมาแล้วเหมือนกัน………
ฮินางิคุ มิโคโตะ ขมวดคิ้วทองดูพวกคินุฮาตะ ในแววตายังคงมีความสงสัยอยู่
“พวกเธอมาเป็นเมดจริง?”
“แน่นอนสิ!”
วู่หยานตอบด้วยสีหน้าจริงจังโดยไม่เสีเวลาคิด ทำให้พวกคินุฮาตะผงะไป โดยไม่
รอให้พวกเธอมีโอกาสได้พูด วู่หยานหันหัวไปจ้องเฟรนด้าทันที
“ใช่ไหม? เฟรนด้า!”
ตอนที่พูดประโยคนี้นัยน์ตาวู่หยานก็กลายเป็นดุดันมองตรงไปที่เฟรนด้า ทำให้
ร่างกายเล็กๆของเธอสั่น คลุ้มคลั่งอะไร ความยินดีที่เห็นอีกฝ่ายซวยอะไร ทั้งหมด
ได้หายเข้ากลีบเมฆหมด เธอพยักหน้าตอบรัวๆราวลูกไก่จิกข้าวสาร
วู่หยานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ หลังจากนั้นหันไปมองทาคิสึโบะ
“เป็นแบบนั้นใช่ไหม? ริจัง……”
คราวนี้ตอนที่พูด นัยน์ตาวู่หยานก็เปลี่ยนไปเป็นนุ่มนวลอ่อนโยน ทำให้ทาคิสึโบะ
หน้าขึ้นสีหัวใจเต้นระรัว บวกกับชื่อเล่น ‘ริจัง’ ที่ดูสนิทสนมอีก ทำให้หน้าเธอแดง
ก่ำทันที จากนั้นก้มหน้าลงแล้วพยักหน้าอย่างเหนียมอาย
เห็นแบบนี้ วู่หยานก็ฉีกยิ้มอย่างผู้มีชัย เขาข่มกลั้นความรู้สึกอยากหัวเราะดังๆ
แล้วหันไปมองคินุฮาตะที่ยืนอึ้งเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองโดนซื้อตัวไปง่ายๆแบบนี้ เขา
ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ใช่ไหม? ไอจัง!”
ครั้งนี้ตอนพูด วู่หยานก็กวาดสายตามองทั่วตัวคินุฮาตะด้วยแววตาร้อนแรง ทำให้
เธอรู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นกำลังลูบไล้ร่างกายตัวเองอยู่ยังไงยังงั้น หัวใจเธอ
เต้นแรงรู้สึกแข้งขาอ่อนจนแทบจะล้มพับลงไป
มองดูรอยยิ้มแฝงความหมายของอีกฝ่าย บวกกับลูกตาที่กวาดมองร่างกายตัวเอง
คินุฮาตะจึงยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกตัวเองตามจิตใต้สำนึก แต่ทว่านี่ก็ไม่อาจห้าม
สายตาร้อนแรงนี่ได้เลย
คินุฮาตะรู้ว่า ถ้าตัวเองกล้าพูด ‘ไม่ ’ ไป มีหวังคืนนี้เธอคงได้สูญเสียร่างกายอันบริ
สุทธ์นี้ไปแน่…….
ด้วยเหตุนี้คินุฮาตะจึงทำได้แค่ฝืนพยักหน้าอย่างยากลำบาก เห็นแบบนี้วู่หยานก็
ยิ้มแก้มแทบปริ เขาชนะอีกครั้ง…….
ที่นี่ บ้านหลังนี้ ได้มีผู้ชายคนนึงที่สามารถเปลี่ยน อารมณ์ สีหน้า สายตา ได้
ภายในระยะเวลาสั้นๆโดยไม่มีความละอายใจต่อความหน้าด้านของตัวเองเลยอยู่
ล่ะ…….

บทที่ 262 สืบทอดตำแหน่งของมิโคโตะล่ะ!!
“อันดับสามแห่งเมืองการศึกษา ‘Dark Matter’ คาคิเนะ เทอิโทคุ ได้พ่ายแพ้
ให้กับเลเวล5คนใหม่ ‘Lightning Flash(ประกายแสง)’ วู่หยาน! ด้วยเหตุนี้จึงทำ
การปรับเปลี่ยนอันดับใหม่ ‘Lightning Flash(ประกายแสง)’ วู่หยาน ได้ขึ้นมา
เป็นอันดับสาม แทนที่ Dark Matter’ คาคิเนะ เทอิโทคุ!!”
เมื่อข่าวรี้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอเรือเหาะ ผู้คนกว่า2.3ล้านคนในเมืองแห่ง
การศึกษาต่างก็ส่งเสียงอึกทึกครึกโครม!
ที่มีคนส่งเสียงร้องออกมาดังที่สุดเห็นจะเป็นพวกนักวิจัย กับเหล่าคุณหนูโทคิวะ
ได!
ในเวลานี้พวกนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยต่างก็ตกตะลึงจนหัวว่างเปล่า!
เมืองแห่งการศึกษาปรากฏเลเวล5คนที่8 ข่าวนี้เพียงพอที่จะทำให้พวกนักวิจัย
วุ่นวายกันไปได้พันนึงเลยล่ะ เพราะยังไงซะงานหลักของพวกเขาก็คือการพัฒนา
พลังจิต!
และการปรากฏตัวของเลเวล5คนใหม่ ไม่เพียงแต่จะทำให้ความแข็งแกร่งของ
เมืองแห่งการศึกษามากขึ้น แต่ยังทำให้พวกนักวิจับมีหัวข้าให้ศึกษาเพิ่มแล้ว!
ในอดีต ทุกครั้งที่มีเลเวล5คนใหม่ปรากฏขึ้น พวกนักวิจัยต่างก็จะทะเลาะกันเพื่อ
แย่งชิงสิทธในการทำวิจัย มันจึงไม่แปลกเลยที่เวลานั้นจะมีนักวิจัยบางคนถูกสั่ง
เก็บเพื่อลดคู่แข่ง………
แต่ทว่าครั้งนี้ มันไม่มีการแก่งแย่งอะไรกันเกิดขึ้น นั้นเป็นเพราะพวกเขากำลัง
คลั่ง!
ก่อนหน้านี้ตอนเห็นข่าว พวกเขาต่างก็ขยี้หัวตัวเองแต่ทำยังไงก็นึกข้อมูลของคนที่
ชื่อวู่หยานไม่ออก พอพวกเขาหาข้อมูลในคลังก็เจอข้อมูลของวู่หยานเต็ม!
และข้อมูลนี่ได้ทำให้พวกเขาช็อคและคลั่ง เลเวล5คนที่8 ก่อนหน้านี้เป็นแค่เลเวล
0!
เป็นคนที่ถูกซิสเต็มสแกนตัดสินว่าจะเป็นเลเวล0ไปตลอดชีวิต!
นี่มันบ่งบอกถึงอะไร?
มันบ่งบอกว่าระบบมันตัดสินผิดอีกแล้วนะสิ! ครั้งก่อนก็ตัดสินมิโคโตะผิดไปที
แล้ว!
แต่ว่าคราวมิโคโตะมันก็ยังพออธิบายได้ว่า ‘เพราะเธอเป็นเลเวล5มันจึงเป็นเรื่องที่
เข้าใจได้ถ้าจะตัดสินผิดไปบ้าง’ แต่ครั้งนี้มันทำไม่ได้แล้ว!
พวกนักวิจัยยังค้นพบว่ามิโคโตะกับวู่หยานนั่นเป็นคู่รักกัน!
นี่มันบังเอิญเกินไป บังเอิญจนทำให้พวกเขาเชื่อว่ามิโคโตะพบวิธีเพิ่มพลังตัวเอง
เกินกว่าที่ระบบคาดการณ์ไว้ได้!
แล้วนี่ชายที่ชื่อวู่หยานก็ใช้วิธีนั่นด้วย?
ถ้าเป็นจริงล่ะก็ ไม่ได้หมายความว่าต่อจากนี้เมืองแห่งการศึกษาจะสามารถผลิต
เลเวล5จำนวนมากได้?
ความคิดเหล่านี้ได้ทำให้นักวิจัยจำนวนนับไม่ถ้วนคลุ้มคลั่ง!
อนึ่ง อนาคตอันใกล้ต่อจากนี้ก็คือพวกนักวิจัยได้ส่งคำเชิญให้มิโคโตะกับวู่หยานมา
เข้าร่วมการวิจัย แต่ก็โดนปฏิเสธทั้งหมด จึงมีคนบางคนได้แอบใช้วิธีมืดอย่างข่มขู่
หรือใช้กำลังแทน แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่มาก็ถูกวู่หยานส่งลงไปหายมบาลหมด!
สำหรับคุณหนูโทคิวะไดนั่นยิ่งคลุ้มคลั่งกว่าใครเพื่อน มีตั้งแต่คนที่อยากจะ
กระโดดลงมาจากหอตัวเอง ที่บ้ามากกว่านั้นคือพึมพำหลอกตัวเองไม่หยุดว่านี่คือ
ความฝัน………
จะไม่ให้พวกเธอบ้าได้ยังไง? ผู้ชายที่เป็นแค่ขยะและเป็นอันตพาลชั้นต่ำในสายตา
ของพวกเธอ คนที่พวกเธอดูถูกดูแคลน คนที่มาขโมยหัวใจของมิโคโตะซามะกับโช
คุโฮซามะที่พวกเธอเทิดทูนไปคนนั้น กลับกระโดดขึ้นมาเป็นเลเวล5ที่พวกเธอต้อง
แหงนหน้ามอง แม้กระทั้งชนะคาคิเนะ เทอิโทคุ ขึ้นมาเป้นอันดับ3!
แล้วนี่จะให้พวกเธอบางคนที่คิดแต่จะตัดตอนแยกส่วนวู่หยานอยู่ทุกวี่วันทนได้
ยังไง? โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตขาวดำตัวชูโรง……
“ม่ายยยย! นี่มันต้องไม่ใช่เรื่องจริง! ไอ้เจ้าขยะนั่น! มันจะไปเป็นเลเวล5ได้ยังไง
กัน! แถมยังเป็นเหมือนกับคุณพี่ที่เอาชนะ Dark Matter แถมยังจะได้อันดับเดิม
ของคุณพี่ไปอีก นี่มันช่าง……ช่างน่าอิจฉาเกินไปแล้วค่ะ!! คุณพี่ของหนูยิ่งห่างไกล
ออกไปอีกแล้ว!! กรี๊ด!!คุณพี่ค่าาา!!”
หลังจากนั้น สิ่งมีชีวิตขาวดำของเราก็ถูกผู้ดูแลหอจับตัวไปมัดแขวนที่หน้าประตู
หอ ในข้อหาทำลายความสงบของโทคิวะได…….
ตอนที่เรือเหาะรายงานข่าว โชคุโฮนั่นกำลังอยู่ที่หอตัวเอง หลังจากเธอเห็นข่าวนี้
เธอก็ได้ยกมือปิดปากขณะที่หัวเราะคิกคักออกมา
“Ara เรื่องมันชักจะน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ…….”
มาทางฝั่งมุกิโนะ ตอนที่เธอเห็นข่าวนี้ เธอกำลังเดินออกมาจากซอยแห่งนึง
เธอมองดูเรือเหาะด้วยความตะลึงปากและตาเบิกกว้าง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่อยาก
เชื่อข่าวนี้หรือเป็นเพราะเธอกำลังคิดว่ามีการออกข่าวผิด……
“อันดับสาม……”
มุกิโนะก้มหัวลงแล้วเผลอนึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลานี้ก่อนหน้านี้ ตัวเองได้เข้าไป
ท้าทายคาคิเนะด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่กลับถูกอีกฝ่ายบดขยี้อย่างไร้หนทาง
โต้กลับ จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด……..
มุกิโนะเชื่อไม่ลงว่าคาคิเนะคนนั้นที่เกือบจะฆ่าเธอ กลับพ่ายแพ้ให้กับไอ้หมอนั่น
คนที่เธอเกลียดสุดๆไปได้……
ไม่สิ! เมื่อเห็นชื่อของคาคิเนะถูกลบหายไปจากตารางอันดับ เธอก็สงสัย สงสัยว่า
บางทีคาคิเนะอาจจะโดนวู่หยานฆ่าไปแล้ว!!!
ถ้าไม่งั้น คาคิเนะก็สมควรถูกลดอันดับลงมาที่4ส่วนเธอก็ลดมาเป็นที่5แทน
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มุกิโนะก้าวเท้าเดินต่อไปอย่างยากลำบาก ถ้ามีคนสังเกตุ
เธอล่ะก็จะเห็นว่าในแววตาคู่นั่นมันกำลังแสดงความรู้สึกไม่ยินยอมอย่างมากอยู่
………
ณ บ้านวู่หยาน เมื่อเห็นข่าว ฮินางิคุกับมิโคโตะก็ช็อค ใกล้ๆกันอิคารอสนั่นมองดู
เฉยๆโดยไม่พูดอะไร มีเพีนงแค่แอสเทรียที่ตะโกนโหวกเหวก ว่า ‘มาสเตอร์ออก
ทีวีล่ะ!’
เมื่อได้สติ มิโคโตะกับฮินางิคุก็หันมามองหน้ากัน
“ทำไมหยานถึงกลายเป็นอันดับสามไปได้?” มิโคโตะตบแก้มตัวเองเบาๆขณะที่
พูดออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ใครจะไปรู้ล่ะ…..” ฮินางิคุขมวดคิ้ว “ตอนเขากลับมา ค่อยถามล่ะกัน…….”
ตอนที่พูดประโยคนี้ ฮินางิคุไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนที่วู่หยานกลับมา เขายังนำ ‘บิ๊ก
เซอร์ไพร์’ มาฝากพวกเธอด้วย……
ขณะที่ทั้งเมืองกำลังครึกโครม วู่หยานก็สงบสติได้แล้ว
คินุฮาตะ เฟรนด้า และ ทาคิสึโบะ หันไปมองศพคาคิเนะที่เหลือแต่ขี้เถ้า พวกเธอ
ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ที่วู่หยานขึ้นเป็นอันดับสาม เพราะยังไงเขาก็เป็นคนที่
สามารถฆ่า ‘Dark Matter’ ได้ ถ้าไม่ขึ้นเป็นอันดับสามสิถึงจะน่าแปลก
ถึงวู่หยานจะใจเย็นลงแล้ว แต่เขาก็ยังขมวดคิ้วอยู่
การที่เขาเลื่อนเป็นอันดับสาม บ่งบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ได้ถูกรู้แล้ว!
ถ้าจะให้ถูกควรบอกว่า อเลสเตอร์ รู้แล้ว!
คิดถึงตรงนี้วู่หยานก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม นี่มันเพิ่งผ่านไปนานแค่ไหนกันเชียว?
หลังจากตอนฆ่าคาคิเนะไปมันก็เพิ่งผ่านมาแค่ครึ่งชั่วโมง แค่ครึ่งชั่วโมง อเลสเตอร์
เอ็งรู้แล้วเหรอ?
UNDER LINE สมควรจับภาพตัวเองไม่ได้นี่นา…….
แต่ว่าด้วยวิธีอันมากมายของอเลสเตอร์ วู่หยานก็เข้าใจได้อยู่ถ้ามันจะรู้เร็วแบบนี้
แต่ว่าข่าวที่ออกมา เอ็งจะทำเพื่อ? หรือว่าคิดจะผูกตูเข้ากับเมืองแห่งการศึกษา?
มันน่าจะรู้นี่หว่าทำแบบนี้ไปมันไม่ได้ส่งผลอะไรเลย……….
หรือว่า อเลสเตอร์ มันกำลังบอกตัวเองเป็นนัยๆอยู่ว่า ตนเองกำลังจับตามองอยู่?
เมื่อคิดยังไงก็ไม่เข้าใจ วู่หยานก็เลิกคิด เขาเข้าใจตัวเองดี ด้วย Night of Meteor
เขาจึงพอจะกดดันอีกฝ่ายได้ไม่มากก็น้อย แต่ถ้าให้เทียบกันด้านสมอง แค่คิดจะ
เทียบก็แพ้แล้วเอาตรง……
อย่างน้อยวู่หยานก็ไม่ใช่คนหลงตัวเองที่คิดว่าสมองจะเทียบอเลสเตอร์ได้…..
วิธีที่ดีที่สุดสำหรับรับมืออเลสเตอร์ก็คือใช้สิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุด อีกอย่าง เขาก็
ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวด้วย……..

บทที่ 261 สเปเชียลไอเท็มอันที่สอง! เป็นศพของคาคิเนะล่ะ!
มองดูคินุฮาตะที่ลงไปคุกเข่าที่พื้นด้วยสีหน้าซีดๆของคนที่ไร้ซึ่งความหวัง วู่หยาน
ก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้ เขาเข้าไปเอามือตบไหล่เธอแล้วพูดปลอบ
“คินุฮาตะจังอย่าเศร้าไปเลย อยู่กับฉันมันก็ไม่ได้แย่อะไรเลยนะ อยากกินอะไรก็
ได้กินหมด ไม่ว่าจะเป็นอาหารรสเผ็ด รสหวาน ฉันก็ทำให้ได้ทั้งนั้น แถมไม่ต้องไป
ทำงานสกปรกอีกแล้วด้วย และฉันยังสามารถเลี้ยงเธอได้ดีกว่าตอนอยู่กับมุกิโนะ
อีกนะ เพราะงั้นร่าเริงเข้าไว้สิ คินุฮาตะจัง………”
คินุฮาตะตัวสั่นระริก แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ทว่าสีหน้าซีดขาวของเธอดูเหมือนจะ
ซีดหนักกว่าเดิมอีก……….
วู่หยานส่ายหัวแล้วพึมพำว่า “ดูเหมือนว่าฉันคงต้องฝึกเธออีกหน่อย…..”
เขาหันตัวไปอีกทางโดนเมินเฟรนด้ากับทาคิสึโบะที่เดินเข้ามาเช็คสถานการณ์ วู่
หยานมองตรวจสอบศพคาคิเนะ
คุกเข่าลง แล้วจ้องศพคาคิเนะ ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เขามีความสนใจเกี่ยวกับศพงั้นเหรอ? นั่นก็เป็นไปไม่ได้เลย เขาไม่ใช่คนบ้าแบบ
นั้น เหตุผลที่เขามองขึ้นๆลงๆศพคาคิเนะแบบนี้มันมีเหตุผลอยู่ คือตอนวินาทีที่ฆ่า
คาคิเนะไป ในใจเขาก็มีเสียงดังขึ้น…….
“ปิ๊ป! ตรวจพบสเปเชียลไอเท็ม! ตรวจพบสเปเชียลไอเท็ม!”
“ปิ๊ป! ไอเท็มนี่ยังอยู่ในสถานะUnknow! ไม่สามารถเก็บได้!”
“ปิ๊ป! จากการตัดสินของระบบ! ไอเท็มนี่ได้อยู่ในตัวศพใกล้ตัวยูสเซอร์! ระบบ
สามารถกลั่นสเปเชียลไอเท็มจากตัวศพได้! ขอแนะนำให้ยูสเซอร์เก็บมัน”
เป็นเพราะเสียงของระบบ วู่หยาจึงได้เข้าไปจับตัวคาคิเนะไว้แทนที่จะปล่อบให้
ร่วงลงไปตัวแตก!
เขานั่นคุ้นเคยกับพวกไอเท็มพิเศษ ก่อนหน้านี้ในอดีตระบบมันก็เคยแจ้งเตือน
แบบนี้อยู่สองครั้ง ครั้งแรกคือ คริสตัลสีขาวในงานประมูลที่เขาเอาดาบคุซานางิ
ไปประมูลท ทำให้เขาได้แต้มอัญเชิญมาสองแสนแต้ม ครั้งที่สองเป็นมันสมองใน
แท๊งค์น้ำที่ตอนนี้ยังคงอยู่ในแหวนมิติเขา
ทุกครั้งที่ระบบมันแจ้งเตือน มันก็มักจะเป็นไอเท็มที่มีประโยชน์ ถ้ามันไม่มี
ประโยชน์โดยตรงกับเขา มันก็อาจจะมีความเกี่ยวกับการปลดผนึกคริสตัลลึกลับก็
ได้ แน่นอนว่าวู่หยานจะไม่ปล่อยมันไป
ศพของคาคิเนะน่าจะเป็นไอเท็มพิเศษที่ระบบพูดถึง
เพราะยังไงซะระบบมันก็แจ้งเตือนออกมาทันทีที่คาคิเนะตาย ถ้าไม่ใช่ศพคาคิเนะ
แล้วจะเป็นศพไหนได้?
วู่หยานถอนหายใจ แล้วเพ็งพินิจศพ ที่ถอนหายใจนี่คือถอรให้กับชะตากรรมของ
คาคิเนะ
ไอ้คาคิเนะ ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษเอ็งไปลบหลู่เทพองค์ไหนไว้ หรืออาจเป็นเพราะเอง
ทำเรื่องชั่วเยอะเกิน ในเนื่อเรื่องเดิม หลังจากโดนแอคเซราเรเตอร์ฆ่าตาย ศพยัง
ถูกเอาไปใช้ต่ออีก
แล้วที่นี่ตอนนี้ คาคิเนะก็ได้ถูกฆ่าโดยตัวเขา แถมศพยังต้องมาโดนกลั่นเอาของอีก
……….
ตามที่ว่ามาทั้งหมด ในโลกนี้ยังจะมีใครโชคร้ายได้เท่ามันไหมวะ? ถึงโทวมะมันจะ
บ่ว่าโชคร้ายๆอยู่เป็นประจำก็เถอะ แต่อย่างน้อยข้างกายมันก็ยังมีแม่ชีโลลิผมเงิน
อยู่นี่นะ………
มือสัมผัสศพคาคิเนะ ทันใดนั้นใจใจก็มีเสียงระบบดังขึ้นทันที……..
“ปิ๊ป! ตรวจพบสเปเชียลไอเท็ม! ตรวจพบสเปเชียลไอเท็ม! ขอแนะนำให้ยูสเซอร์
เก็บมัน!”
“ปิ๊ป! ต้องการให้ระบบกลั่นศพหรือไม่?”
ได้ยินคำถาม วู่หยานก็ตอบตกลงไปอย่างมั่นใจ เขาไม่ได้สนใจพวกคินุฮาตะที่
กำลังมองอยู่เลย พวกเธอคงกำลังงุนงงว่าเขาทำอะไรอยู่ละมั้ง
“ปี๊ป! กลั่นศพพิเศษ! มีค่าใช้จ่าย 100,000แต้มไอเท็ม! ตกลงหรือไม่?”
วู่หยานหน้าสั่น มือที่จับศพคาคิเนะอยู่ก็สั่นตาม เขาแทบจะสำลักน้ำลายตัวเอง
ตูมันโง่จริงๆ ที่ไปคิดว่าระบบมันจะทำให้ฟรีๆ คิดไปได้ไงวะ เฮ้ออ……
ถอนหายใจเฮือกนึงแล้วส่ายหน้า หันไปมองแต้มไอเท็มที่อยู่แค่300,000 ในใจ
รู้สึกไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ตอบตกลงไป…..
คิดถึงถึงวันเก่าๆจังเลยแฮะ ตอนนั้น…จำได้ว่าตูมีแต้มไอเท็มตั้งเกือบสิบล้านแน่ะ
……
“ปี๊ป! ยูสเซอร์ยืนยันค่าใช้จ่าย100,000แต้มไอเท็ม! เริ่มทำการกลั่น……”
เสียงนิ่งๆดังตอบออกมา ทันใดนั้นมือวู่หยานข้างที่จับศพคาคินะอยู่ก็เปร่งแสงสี
แดง ก่อนที่จะเข้าไปปกคลุมศพคาคิเนะ!
ถึงวู่หยานจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เขาก็อดประหลาดใจไม่ได้อยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
อีกสามสาวที่มองอยู่……
พวกเธอมีการตอบสนองที่แตกต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันคือความฉงนสงสัยว่า
กำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่
บางทีพวกเธออาจจะเดาไว้ก่อนแล้วว่าวู่หยยานจะทำอะไรบางอ่างกับศพ แต่ที่
พวกเธอไม่รู้แน่ๆคือสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมาจากส่วนลึกในดวงวิญญาณของวู่หยาน
ระบบอันลึกลับ…….
แสงสีแดงเข้มขึ้นและเข้มขึ้นภายใต้การจ้องมองของตาสี่คู่ ไม่นานนักแสงสีแดงก็
สั่นไหวก่อนที่จะเปลี่ยนกลายเป็นเปลวสีแดงที่ลุกโชนสว่างไสว!
วู่หยานประหลาดใจ มองดูมือตัวเองที่จับศพคาคิเนะอยู่ จนกระทั่งแน่ใจว่าไม่รู้สึก
เจ็บเขาก็โล่งอก ส่วนสาวสาวนั่นได้นิ่งอึ้งค้างไปแล้ว……
ไฟเผาไหม้ศพคาคิเนะ เห็นได้ชัดว่ามันร้อนมาก เขายังได้ยินเสียง ‘แคร๊ก’ ของ
เนื้อที่ถูกเผาเลย แต่ที่แปลกคือมือของวู่หยานกลับไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย แม้แต่สาม
สาวเองก็ไม่รู้สึกคลื่นความร้อนที่ปกติสมควรจะมีด้วย
ทว่าไฟที่ไม่มีความร้อนนี่กลับสามารถเผาศพคาคิเนะได้อย่างรวดเร็วจนตาเปล่ายัง
เห็นได้ชัดว่าศพกำลังลดขนาดลง…….
จนสุดท้ายทั้งศพก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นขี้เถ้าบนพื้น……..
เวลานี้ไฟก็ได้หายไปเอ ทำให้วู่หยานรู้สึกว่ามันลึกลับมาก ไม่คิดเลยว่าระบบมันมี
พลังอะไรแบบนี้ด้วย……….
แต่แค่ตัวระบบมันก็เป็นอะไรที่เขาไม่เข้าใจอยู่แล้ว ดังนั้นวู่หยานจึงไม่ทำร้ายเซลล์
สมองตัวเองโดยการเสียเวลาคิด………..
เมื่อไฟหายไป ศพกลายเป็นขี้เถ้าวู่หยานจึงเห็น ตรงจุดที่เคยเป็นศพของคาคิเนะ
มันมีหินสีดำนอนอยู่………..
“ปิ๊ป! ตรวจพบสเปเชียลไอเท็ม! ‘คริสตัลDark Matter’! ตามการตัดสินของระบบ
สามารถเอาไปปลดผนึก ‘คริสตัลลึกลับ’ ได้! ขอแนะนำให้ยูสเซอร์เก็บมัน!”
สเปเชียลไอเท็มสำหรับปลดผนึกเว้ยเฮ้ย!
วู่หยานมีสีหน้ามีความสุข เขาเก็บคริสสีดำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยิ้มออกมา
สัญชาติญาณได้บอกเขาว่า ไอ้ ‘คริสตัลลึกลับ’ มันจะนำบิ๊กเซอร์ไพรส์มาให้!
ทว่าวู่หยานดีใจได้ไม่นาน บิ๊กเซอร์ไพรส์ที่เขาไม่คาดคิดก็ได้มาถึง………..
จู่ๆก็มีเสียงดนตรีไพเราะดังขึ้นมาจากบนฟ้า ดึงดูดความสนใจของวู่หยาน คินุฮา
ตะ เฟรนด้า ทาคิสึโบะ แน่นอนว่ารวมไปถึงคนทั้งเมืองแห่งการศึกษาด้วย!
ต้นเสียงที่เพลงดังออกมาก็คือเจ้าเรือเหาะที่บินวนอยู่เหนือเมืองแห่งการศึกษา!
สิ่งที่ตามมาหลังจากเสียงเพลงก็คือภาพนึง รวมถึงข่าวใหม่ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ตัวเรือเหาะ ทำให้ทุกคนที่เห็นตะลึง……
คนที่ตะลึง มีตั้งแต่เหล่าคุณหนูโทคิวะได มิโคโตะ ฮินางิคุ และสาวๆคนอื่นที่อยู่
บ้านกัน รวมไปถึง หยาน คินุฮาตะ เฟรนด้า และทาคิสึโบะ!
“อันดับสามแห่งเมืองการศึกษา ‘Dark Matter’ คาคิเนะ เทอิโทคุ ได้พ่ายแพ้
ให้กับเลเวล5คนใหม่ ‘Lightning Flash(ประกายแสง)’ วู่หยาน! ด้วยเหตุนี้จึงทำ
การปรับเปลี่ยนอันดับใหม่ ‘Lightning Flash(ประกายแสง)’ วู่หยาน ได้ขึ้นมา
เป็นอันดับสาม แทนที่ ‘Dark Matter’ คาคิเนะ เทอิโทคุ!!”

Shoujo Grand Summoning ไปจีบสาวที่โลกอนิเมะกันเถอะ

Shoujo Grand Summoning ไปจีบสาวที่โลกอนิเมะกันเถอะ

Status: Ongoing
  นี่คือเรื่องราวของ ‘วู่หยาน’ ผู้ที่เดินทางไปยังโลกต่างๆ เพื่อไขว่คว้าพลังอันเป็นที่สุดในโลกที่ผู้แข็ง
แกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอและเพื่อสนองกิเลสสมัยที่ตนเองยังเป็นโอตาคุผู้ชื่นชอบตัวละครสาวๆ ในอนิเมะ
เขาจะคว้าพวกเธอเอาไว้ให้ได้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท