ต่อให้เขาเป็นนักพยากรณ์เขาก็ไม่มีคิดว่าเทพกาลกิณีจะทิ้งพลังสุดยอดเอาไว้หลังจากความตาย
แต่ในตอนนี้เทพตำราต้องหลบอย่างรวดเร็วด้วยก้าวพริบตา
เคราะห์ร้ายที่พลังกาลกิณีหาใช่การจู่โจมโดยตรงมันสามารถปล่อยพลังเทพติดตามไปได้ทุกที่
คลื่นพลังทมิฬเข้าใกล้เทพตำราราวกับเงาและแฝงเข้าร่างของเขาอย่างง่ายดาย
รอยดำปรากฏที่หน้าผาก
เทพตำราเรียกพลังเทพออกมาขับพลังกาลกิณีออกไปด้วยความสะพรึงกลัว
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วแน่นใบหน้าเขาดำมืดราวกับวารีลึก
เป็นดั่งตำนานเล่าขานโชคร้ายเลี่ยงได้แต่มิอาจหายไป แม้จะหลบเลี่ยงได้ แต่ก็ไม่นาน
เทพตำรารู้ทุกสิ่งบนโลกต้องขอบคุณความรู้มากมายของเขา เขารู้ว่าพลังกาลกิณีนี้แทบจะลบล้างไม่ได้นอกจากจะใช้วิธีร่วมกัน
เทพกาลกิณีจากโลกเสี้ยววิญญาณรึ?แปลกจริง มันตายไปแล้วไม่ใช่รึ? ทำไมพลังสุดยอดของมันยังเหลืออยู่บนโลกได้?
องค์หญิงหกถามด้วยความแปลกใจ
นางสุขุมเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลาไม่ตกใจแม้ว่าเทพตำราจะถูกพลังของเทพกาลกิณี
เทพตำราสีหน้าหม่นหมองในแววตามีแต่ความชิงชัง
จะเป็นใครไปได้นอกจากเทพขนนกเล่า?
อะไรนะ?องค์หญิงหกที่ใจเย็นในทีแรกเลิกคิ้ว
ฝีมือเขารึ?
ความเยือกเย็นแผ่เข้าสู่แววตาสดใสดั่งแก้วของนางนางไม่มีวันลืมว่าซือหยูคนเดียวจัดการสายลับทั้งหมดในโลกอสูรที่โลกเสี้ยววิญญาณของนางไป!
และนางก็ไม่ลืมว่าซือหยูทำต่อตกลงกับเทพแห่งความตายที่ทำให้เขาตกมาสู่โลกอสูรผ่านแหวนผนึกเก้าเทพอสูร
หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอสูรนางกับองค์ชายเจ็ดผู้เป็นน้องของนางก็คงจะตายไปแล้ว
หากไม่นับสองเรื่องนี้…ตอนนี้ซือหยูกำลังขัดขวางแผนการใหญ่ของนางอีกครั้ง!
เทพขนนก!อสูรขนนก!
องค์หญิงหกหัวเราะอย่างขมขื่นเสียงหัวเราะนางเยือกเย็นจนน่ากลัว
ในจักรวาลเจ้าทำลายแผนการข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในโลกอสูร เจ้ายังขัดขวางข้าอีกครั้งและอีกครั้ง ทำลายแผนข้าไม่รู้จบสิ้น! ผิดพลาดนักที่ข้าไว้ชีวิตเจ้า!
เทพตำราโศกเศร้าที่โลกเสี้ยววิญญาณ เขาแทบจะเอาตัวไม่รอดจากอุบายของซือหยู ใครจะไปคิดเล่าว่าเขาจะตกเป็นเหยื่ออุบายซือหยูอีกครั้งในโลกอสูรและถูกคำสาปของเทพกาลกิณี!
เทพตำราข้าครองตำแหน่งองค์หญิง มิอาจยุ่งเกี่ยวเรื่องในดินแดนจิงหยูและสั่งให้เทพภายใต้อำนาจข้าให้จัดการเองได้ มิเช่นนั้นจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ และเราจะถูกจักรพรรดิอสูรลงโทษ!
แต่เจ้าเป็นเทพจากต่างแดนต่อให้เจ้าพลิกทั้งแผ่นดินจิงหยู มันก็ไม่เกี่ยวกับข้า! ข้าจะทิ้งเทพขนนกให้เจ้าจัดการ!
เทพตำรานิ่งเงียบหากองค์หญิงหกจัดการเรื่องนี้ นางจะถูกลงโทษ แต่เขาเป็นคนนอกไม่ใช่รึ? เขาจะถูกลงโทษที่น่ากลัวกว่านางไม่ใช่รึยังไงกัน?
ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้ากำลังคิดแต่สิ่งที่เจ้าต้องทำก็แค่จัดการเทพขนนก ตราบที่องค์หญิงเก้าไม่รู้ จักรพรรดิอสูรก็จะไม่รู้เช่นกัน
เทพตำราครุ่นคิด สบายใจได้ถ้าเจ้าจับเทพขนนกทั้งเป็นได้ ข้าจะให้ท่านพ่อช่วยเจ้ากำจัดพลังเทพกาลกิณี! คนเดียวที่จะแก้ไขพลังนั้นได้ก็คือสุดยอดแห่งจักรวาล จักรพรรดิอสูร!
เมื่อได้รับข้อเสนอที่ปรารถนาเทพตำราจึงพยักหน้า
มียอดฝีมือเพียงหยิบมือเดียวที่จะขจัดพลังของเทพกาลกิณีได้และหนึ่งในนั้นก็คือจักรพรรดิอสูร
ไม่แปลกเลยที่องค์หญิงหกจะเพียงนั่งมองเทพตำราถูกพลังของเทพกาลกิณีนางกำลังรอให้นางมีข้อต่อรองให้เขารับใช้นั่นเอง
ข้าลงมือได้แต่ข้าฆ่ามันได้ไหม?
ความพยาบาทระหว่างเทพตำรากับซือหยูนั้นมิอาจพูดได้เพียงคำพูด
ไม่ได้!ข้าต้องการมันทั้งเป็น มีสภาพสมบูรณ์แบบ!
ไม่ว่าจะยังไงนางก็ต้องได้พลังสุดยอดของซือหยูในการคืนชีพมาครอง เทพตำราเก็บความโกรธแค้นไว้ในใจศัตรูอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่เขาทำได้แค่จับตัวงั้นรึ? น่าเศร้านัก
แต่ใบเบื้องหน้าของเทพตำรานั้นไม่แสดงออกอะไรนัก
ย่อมได้!
เมื่อพูดจบเทพตำราหายตัวไปจากห้องลับราวกับหมอกควัน
เมืองชมทะเลในแดนจิงหยูที่มีเทพเก้าคนคอยปกป้องยังคงเต็มไปด้วยผู้คน
การค้าขายประชากร และในทุกด้านกำลังพัฒนาและเติบโต
เทียบกับพันธมิตรบูรพาแล้วแดนจิงหยูนั้นเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่า
ข่าวลือว่ากันว่าแดนอสูรเต็มไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวายและความป่าเถื่อนในทั่วทุกมุมเมือง…
แต่จากที่เห็นมันคือความสงบสุข เป็นความรุ่งเรืองอันตระการตา ซึ่งเหนือกว่าพันธมิตรบูรพามากมายนัก
เพียงเมืองชมทะเลเมืองเดียวก็มีทรัพยากรเกือบครึ่งของพันธมิตรบูรพาแล้ว
อสูรเจ้าดินแดนในเมืองเดียวทั้งแปดสิบเอ็ดคนยังเป็นว่าที่เทพในพันธมิตรบูรพามีว่าที่เทพมากเพียงใดน่ะรึ? ไม่ถึงสองร้อยคนด้วยซ้ำไป
ซือหยูมองเมืองชมทะเลและรู้ซึ้งถึงความต่ำต้อยของพันธมิตรบูรพาและประจิม
เผ่าอสูรไม่ต้องการทัพอสูรจากทั้งโลกอสูรเลยไม่ว่าจะองค์ชายหรือองค์หญิงคนใดก็สามารถนำทัพมาบุกที่พันธมิตรบูรพาได้อย่างง่ายดาย
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หากโลกอสูรต้องการทำลายพันธมิตรบูรพา พวกมันก็ทำได้มาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงต้องระแวดระวังมาหลายร้อยปีกัน?
ซือหยูสงสัยมากยิ่งขึ้นมีเพียงอสูรราชวงศ์เท่านั้นที่จะตอบคำถามเขาได้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องช่วยเจ้าหมาฟื้นคืนพลังเพื่อที่จะพูดคุยกันได้ง่ายขึ้น
ซือหยูมีว่าที่เทพหลายสิบคนในมือเขาได้พำนักในตำหนักเจ้าเมือง
ตำหนักนี้เป็นของเจ้าเมืองคนก่อนไม่เพียงจะถูกตกแต่งไปด้วยภาพเขียนของเทพ แต่มันยังมีสมบัติในตำหนักเหลืออยู่ด้วย
ซือหยูตรวจสอบพวกมันและต้องตกใจที่พบว่าทุกอย่างสามารถใช้ได้เมื่อเป็นเทพแล้วเท่านั้นมันอาจจะไม่มีประโยชน์นักกับซือหยูในตอนนี้ แต่มันจะมีประโยชน์อย่างมากกับเทพปีศาจและเทพกิเลน
แน่นอนว่ามีหลายอย่างที่ซือหยูใช้ได้เช่นกันโดยเฉพาะสิ่งที่จะทำให้เขากลายเป็นเซียน
เมื่อผ่านการต่อสู้ครั้งก่อนซือหยูรู้สึกได้ว่าวิบัติต่อมากำลังอยู่อีกไม่ไกล
เขามีเวลาว่างน้อยมากเขาจึงต้องใช้โอกาสนี้ทะลวงพลังเป็นเซียน หากเขาได้เป็นเซียนโอรสสวรรค์จ้องนภาและจิตวิญญาณเทพของเขาจะเติบโตขึ้นอีก เขาจะก้าวกระโดดขึ้นอีกครั้ง
ปัญหาเดียวก็คือซือหยูเป็นมนุษย์หากเขากลายเป็นเซียนและสร้างปรากฏการณ์ประหลาดต่อเผ่าอสูร นั่นจะเป็นภัยพิบัติอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาต้องหาทางปกปิดวิบัติที่จะมาถึงในระหว่างทะลวงพลัง
ขณะที่ซือหยูกำลังคิดอยู่นั้นเองชาเอ๋อก็เดินมาหาเขาจากด้านหลัง
เฉียนจุนนำทัพจู่โจมเจ้าดินแดนที่ขัดคำสั่งซือหยูชาเอ๋อต้องมาทำหน้าที่รับคำสั่งซือหยูชั่วคราว อสูรอื่น ๆ นั้นเห็นนางเป็นคนที่ซือหยูไว้ใจ
ท่านเจ้าเมืองเจ้าดินแดนเมฆาอสูรส่งทูตมาพบท่าน
เมืองเมฆาอสูรเป็นหนึ่งในเก้าเมืองใหญ่ในแดนจิงหยูอสูรเจ้าดินแดนนั้นเป็นเทพตัวจริง
พาไปในที่รับรอง…
ซือหยูพุดเขาเพิ่งจะส่งคำสั่งไปถึงเจ้าดินแดน และซือหยูก็คิดว่าเจ้าดินแนดคนอื่นจะมา
เขาไม่แน่ใจว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นมิตรหรือศัตรู
เขามิอาจมั่นใจได้ว่าอสูรเจ้าดินแดนที่เป็นเทพเหล่านี้จะยังคงภักดีต่อองค์หญิงเก้าหรือไม่
พวกเขาเหล่านั้นอาจจะภักดีต่อนางในยามที่นางมีพลังสุดยอดแต่ด้วยสภาพนางในตอนนี้ เทพเหล่านั้นจะยังสนับสนุนนางอยู่หรือ
เมื่อชาเอ๋อออกไปซือหยูเรียกองค์หญิงเก้าออกมาลูบหัว
เจ้าหมาเจ้าคิดว่าข้าเชื่อใจเทพคนใดได้บ้าง?
ซือหยูถามแม้จะรู้อยู่ว่ามิอาจเชื่อใจใครได้
เจ้าหมาคิดหนักก่อนจะส่ายหน้า ไม่มีสักคนเลยรึ?เจ้าหมาเข้าใจสถานการณ์ดี เวลานี้มิอาจมีใครเชื่อใจได้อีกแล้ว
ซือหยูขมวดคิ้วเมื่อรู้ความจริงว่าจะไม่มีเทพคนใดช่วยเขาศัตรูคือองค์หญิงหกที่มีเทพตำราและเทพหลายคนอยู่ในมือ การที่เทพขององค์หญิงเก้ายังภักดีอยู่นั้นไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ไม่มีอะไรให้ข้าใช้เพื่อทำให้พวกมันยอมภักดีเลยหรือ?
เจ้าหมาส่ายหน้า
มีทางหนีหรือทางหยุดไม่ให้เรื่องเหมือนในวันนี้เกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่?
เจ้าหมาส่ายหน้าอีกครั้ง
ซือหยูเส้นเลือดปูดโปนเขาจ้องนางและถาม
องค์หญิงอย่างเจ้าทำอะไรกันแน่?
กิน!
เจ้าหมาพูดออกมาด้วยความยากลำบาก อะไรอีก?
ดื่ม!
เจ้าทำอะไรอีก?
เล่น!
พอทีเจ้าองค์หญิงไร้ประโยชน์!
ซือหยูปวดขมับนางเป็นราชวงศ์แท้ ๆ แต่กลับไม่รู้เรื่องความโหดร้ายของการแก่งแย่งบัลลังก์ที่เหนือกว่าคนธรรมดารับรู้ได้ยังไง?
หากเป็นการแข่งขันคนทั่วไปย่อมชนะหรือพ่ายแพ้
แต่หากเป็นในตระกูลราชวงศ์แพ้ชนะหมายถึงความเป็นความตาย!
แม้โลกอสูรจะกว้างใหญ่ไพศาลราชวงศ์ที่มาจากจักรพรรดิอสูรก็มีอยู่เพียงเก้าคน พี่น้องของจักรพรรดิอสูรหายไปที่ใดหรือ?
แน่นอนว่าทุกคนย่อมนอนจมกองเลือดไปแล้ว
เจ้าหมาแยกเขี้ยวใส่นางอยากจะบอกซือหยูว่าจะกัดเขาถ้าเรียกนางว่าไร้ประโยชน์อีก
ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่ได้ควบคุมเทพทั้งเก้าภายใต้เจ้าหรือวิธีที่จะใช้งานพวกมันเลย
ซือหยูปวดสมองอย่างหนักมีเทพอยู่ถึงเก้าคนที่เขายังไม่รู้จัก หากใครก็ตามคิดร้าย เรื่องร้ายแรงใหญ่จะมาถึงแน่นอน
จากสถานการณ์ตอนนี้ทูตเมืองเมฆาอสูรดูเหมือนจะไม่ได้มาดี
เพียงไม่นานในที่รับรอง…
ทูตจากเมืองเมฆาอสูรเป็นว่าที่เทพขั้นกลางและที่หายากไปกว่านั้น…เขาเป็นอสูรเลือดบริสุทธิ์!
ข้ามาจากเมืองเมฆาอสูรมาที่นี่เพื่อคารวะอสูรขนนก…
เขามองตาซือหยูอย่างเรียบเฉยไม่อวดดี ไม่ถ่อมตน
ชาเอ๋อขมวดคิ้วนางตะโกน
อวดดีนัก!เจ้าต้องคุกเข่าหนึ่งข้างเมื่อคารวะเจ้าเมือง ราชาอสูรต่ำต้อยอย่างข้ายังรู้ เจ้าไม่รู้ได้ยังไงกัน?
ทูตควรจะรู้ดีกว่าใครในเรื่องของมารยาท
เขาแววตาไม่สั่นคลอน
เมืองเมฆาอสูรชื่นชมวีรษบุรุษจากกำลังเท่านั้นหากต้องการความเคารพนับถือ ย่อมต้องแข็งแกร่งให้เทียบเท่าตำแหน่งนั้นด้วย
คำพูดของเขาหมายถึงซือหยูผู้ที่เป็นเพียงอสูรเนรมิตรไม่คู่ควรกับมารยาทระดับเทพ
ชาเอ๋อตะโกน
หยาบช้า!กล้าดียังไงมาดูหมิ่นเจ้าเมืองของเรา!
ข้าแค่พูดความจริงถ้าเจ้าคิดจะลงโทษข้า ข้าก็ไม่มึอะไรจะพูด
เขาพูดอย่างไม่แยแส
ชาเอ๋อหัวเราะด้วยความโกรธทูตผู้นี้หยาบคายเกินไป เขาไม่นับถือซือหยูแม้แต่น้อย
แม้เรื่องซือหยูถูกแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองคนใหม่จะแพร่กระจายออกไปแล้วข่าวเรื่องที่เขาล้างสังหารที่เมืองอสูรปราดเปรียวและสังหารว่าที่เทพขั้นกลางถึงสามคนนั้นยังไม่ถึงหูแดนไกล นั่นก็เพราะเรื่องเพิ่งจะเกิดขึ้นภายในวันนี้เอง
หากทูตผู้นี้รู้เขาจะไม่มีวันมาหาซือหยูอย่างหยาบคายเช่นนี้
ชาเอ๋ออยากจะเถียงต่อแต่ซือหยูก็ยกมือขึ้นหยุดนาง
นั่นเป็นแขกเราข้าไม่เคยให้ความสำคัญกับเรื่องมารยาทมากนัก บอกข้ามา เจ้าดินแดนเมฆาอสูรส่งเจ้ามาทำไม?
ทูตมองซือหยูและหยิบตราเหล็กดำออกมา
มันคือตราประจำตัวของเจ้าดินแดนเมฆาอสูร!
เห็นตรานี่ก็หมายถึงท่านเมฆาอสูรมาด้วยตัวเอง!
ทูตถือตราในมือและเปล่งเต็มเสียงเขาจ้องซือหยูรอให้ซือหยูตอบรับ
ซือหยูนั่งโดยไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยเขากล่าว
เมฆาอสูรส่งเจ้ามาที่นี่เพื่อเอาตราให้ข้าดูหรือ?
ทูตเก็บตรากลับไปเขาตอบด้วยความนอบน้อม
ข้ารับคำสั่งจากท่านเมฆาอสูรเพื่อเป็นตัวแทนในการหารือกับเจ้าเมืองชมทะเล
ฮื่ม!ซือหยูเลิกคิ้วเล็กน้อย เมฆาอสูรผู้นี้ไม่ให้ความเคารพเขาเลย!
เขาเป็นเจ้าเมืองแต่เมฆาอสูรกลับส่งลูกน้องของตนมาหารือแทน นั่นหมายความว่าเขาไม่ได้มองซือหยูแตกต่างไปจากว่าที่เทพขั้นกลาง
ชาเอ๋อไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เมฆาอสูรทำเกินไปแล้ว! เจ้าหมากระพริบตา
เมฆาอสูรร้ายนักมันโอหังเสมอตอนที่ข้าไม่อยู่ เมินคำสั่งข้างั้นรึ?
