ตอนนี้เทพตำราและเมฆาอสูรลงเรือลำเดียวกันแล้วดังนั้นเขาจึงแนะนำ
ข้าหวังว่าเจ้าจะลงมือโดยไม่ลังเลเพราะทุกความชักช้าของเจ้าจะนำปัญหามาให้เจ้าอีกมาก!เจ้านี่มีอุบายล้นเหลือ การสลายตัวของพันธมิตรเจ้าก็อาจจะเป็นแผนของมันก็ได้! ข้ากังวลเหลือเกินว่าการสลายพันธมิตรจะเป็นแค่ก้าวแรก อย่าให้มันได้ทำอะไรนอกเหนือไปจากนี้อีก!
เมฆาอสูรไม่ตอบแต่เดินออกไปจากห้องเงียบๆ แววตาเขามีแต่ข้อกังขา
เขาไม่รู้ว่าจะยอมแพ้หรือพยายามบุกตีเมืองต่อไปหรือเขาจะฟังเทพตำรา? เจ้านั่นน่ากลัวจริง ๆ รึ? เขาคิด
เขาคือเทพอันดับหนึ่งแห่งแดนจิงหยูเขาไม่ใช่คนไร้เหตุผล เขาจึงไม่จู่โจมเมืองชมทะเลโดยตรงตามคำพูดของเทพตำรา เขาตัดสินใจที่จะใช้เวลามากกว่านี้ในการไตร่ตรอง
เขาไม่รู้เลยว่าการตัดสินใจของเขาจะนำพาเขาสู่ความสิ้นหวัง!
ก้าวถัดไปของซือหยูนั้นเกิดขึ้นตามที่เทพตำรากล่าว
อสูรจันทร์ผ่องกลับตำหนักตนด้วยความผิดหวังไม่มีใครคิดว่าพันธมิตรจะสลายเช่นนี้ แม้เขาจะรู้สึกไม่ดี เขาก็ไม่เสียใจ
ท่านเจ้าเมืองมีแขกพิเศษมารอพบท่าน!
เมื่อกลับถึงตำหนักคนของเขาก็มาบอกว่าเขามีแขก เขาแปลกใจเล็กน้อย
แขกรึ?ผู้ใดกัน?
เจ้าเมืองชมทะเล!
อสูรจันทร์ผ่องชักสีหน้าทันที
อะไรนะ?เขารอข้าอยู่เรอะ?
เขาจำได้ว่าซือหยูกลับไปที่เมืองชมทะเลซือหยูจะมาถึงตำหนักก่อนเขาได้ยังไง? และเขาก็ไม่คิดว่าซือหยูจะกล้าพอที่จะมาพบเขา!
อสูรจันทร์ผ่องหรี่ตามองคนของเขา
จำไว้จะไม่มีใครได้เจอข้าในวันนี้!
ขอรับ!
คนของเขาตอบทันที
จากนั้นอสูรจันทร์ผ่องก็ก้าวพริบตาไปหาซือหยูหลังจากยืนยันตำแหน่งของเขาในตำหนักได้
ซือหยูกำลังถือถ้วยชาอย่างสบายอารมณ์
เมื่อสัมผัสแสงเทพได้เขาเงยหน้าและพูดด้วยความใจเย็น
อสูรจันทร์ผ่องข้ามารอเจ้าอยู่นานแล้ว!
อสูรจันทร์ผ่องหรี่ตาจ้องซือหยู
ข้าแปลกใจในความกล้าหาญของเจ้า!เจ้ามาตำหนักข้าทั้ง ๆ ที่รู้เรื่องพันธมิตรเจ็ดเทพอยู่แล้ว เจ้าไม่กลัวข้าฆ่าเจ้ารึ? หึหึ!ก็เพราะข้ารู้แผนของเจ้า ข้าเลยรู้ว่าข้าจะปลอดภัยที่นี่ยังไงล่ะ!
ซือหยูตอบพลางยิ้มเบาๆ
เจ้าคิดจะวางแผนควบคุมเทพอื่นโดยเก็บองค์หญิงไว้กับตัวใช่ไหม?มันซับซ้อนเกินไป ข้าจะให้องค์หญิงแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้รักษาการดูแลแดนจิงหยูอย่างเป็นทางการ มันไม่ดีกว่าแผนเสี่ยงรึ?
เพียงแต่เจ้าต้องกล้ารับฎีกานี้เท่านั้น!
ถ้าอสูรจันทร์ผ่องถูกแต่งตั้งให้เป็นรักษาการดูแลแดนจิงหยูเมฆาอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดจะยอมฟังคำสั่งเขารึ?
อสูรจันทร์ผ่องจะทำให้เมืองอื่นยอมรับได้รึ?หากเขาทำตามซือหยู เขาอาจจะกลายเป็นศัตรูของทุกคนก็ได้!
อสูรจันทร์ผ่องมองซือหยูพลางคิดหนัก
เจ้าทำให้องค์หญิงออกฎีกาได้จริงรึ?
ฎีกาพร้อมแล้วออกได้ทุกเมื่อ!
อสูรจันทร์ผ่องถามอีกครั้ง เจ้าทำให้เทพอื่นรับฎีกานี้ได้รึ?
ข้าทำได้!
อสูรจันทร์ผ่องจ้องซือหยู
เจ้าทำอะไร?
ก็แค่ฆ่าทุกคนที่ไม่ฟังฎีกา!มีแค่เมฆาอสูรที่เป็นภัยต่อเจ้า ถ้ามันตาย เจ้าก็จะกลายเป็นเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนจิงหยู จะไม่มีใครปฏิเสธการแต่งตั้งเจ้าให้เป็นรักษาการ
ซือหยูพูดด้วยความเยือกเย็นในแววตา
อสูรจันทร์ผ่องหายใจเข้าลึก
เจ้ากำลังจะเกลี้ยกล่อมให้ข้าฆ่าเมฆาอสูรสินะ?
เขาไม่ปฏิเสธว่าเมฆาอสูรคือศัตรูที่อันตรายที่สุด
หึหึ!เรามีศัตรูคนเดียวกัน! เจ้ากับข้าจะได้ประโยชน์เมื่อร่วมมือกัน
ซือหยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม
อสูรจันทร์ผ่องหรี่ตา ข้าคิดก็คิดว่าข้าจะได้ประโยชน์เช่นกันหากช่วยเมฆาอสูรฆ่าเจ้า!
แต่เจ้าแน่ใจรึว่าเจ้าจะเอาชนะเมฆาอสูรตอนเจ้าพยายามควบคุมองค์หญิงเก้าได้?เจ้ารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้…
ซือหยูตอบอย่างสุขุม
อสูรจันทร์ผ่องหรี่ตาพูดต่อไป
เจ้าแน่ใจรึว่าเจ้าฆ่าเมฆาอสูรได้ถ้าข้าช่วยเจ้า?
แน่นอน!ถ้าเจ้าร่วมมือกับมัน มันจะหาทางกำจัดเจ้าก่อนอยู่แล้ว เจ้าไม่มีโอกาสฆ่ามันแน่! แต่ถ้าข้าแอบร่วมมือกับเจ้าล่ะ? หากไม่ปล่อยให้มันได้ตั้งตัว โอกาสฆ่ามันก็จะสูงกว่า!
เมื่อพูดจบซือหยูรอให้อสูรจันทร์ผ่องตัดสินใจอย่างเงียบเชียบ
อสูรจันทร์ผ่องเองก็เงียบไปไม่แปลกเลย เขาเองก็อยากจะร่วมมือกับซือหยู
คำถามสุดท้ายเจ้ามีแผนสำรองหรือไม่?
อสูรจันทร์ผ่องถาม
เมฆาอสูรไม่ใช่ศัตรูที่เอาชนะได้ง่ายๆ ทั้งยังมีสหายที่เมืองหลวง หากขอความช่วยเหลือจากเมืองหลวง…เรื่องนี้จะยุ่งยากขึ้นไปอีก…
หึ!บังเอิญนัก! ข้าก็มีสหายในตระกูลราชวงศ์เหมือนกัน
อสูรจันทร์ผ่องเปลือกตากระตุกเขาแอบพูดในใจ ‘อสูนขนนกผู้นี้มีเบื้องหลังแปลกประหลาดอย่างที่คิด ไม่แปลกใจเลยที่จะอวดดีเช่นนี้!’
ผู้ใดกันล่ะ?
ซือหยูไม่พูดอะไรเขาเพียงขยับปากเท่านั้น หลังจากอ่านปากซือหยู อสูรจันทร์ผ่องพูดด้วยความตกใจ
อะไรนะ?ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะรู้จักคนผู้นั้น!
เอาล่ะขึ้นอยู่กับเจ้าแล้วว่าจะร่วมมือกับข้าหรือไม่…
ซือหยูพูดด้วยรอยยิ้มหลังจากเรียกฎีกาหลวงขององค์หญิงเก้าออกมา
อสูรจันทร์ผ่องจ้องฎีกาเพราะเขารู้ว่าตราขององค์หญิงเก้ามิอาจถูกลอกเลียนได้
ตอนนี้หากเขาปล่อยพลังเทพลงในฎีกา ทุกคนจะรู้เรื่องนี้
อสูรจันทร์ผ่องกลืนน้ำลายด้วยความละโมบฎีกานี้คือสิ่งที่เขาต้องการ
เมฆาอสูร…
อสูรจันทร์ผ่องพูดด้วยความมุ่งมั่นเมื่อคว้าฎีกาในมือ
เอาล่ะ!ข้าจะช่วยเจ้าฆ่ามัน! จากนี้ไป ข้าจะคอยรับใช้เจ้า!
หึ!ดี! โอกาสเอาชนะจะมากขึ้นแล้วถ้าเจ้าจัดการเทพคนอื่นได้!
อสูรจันทร์ผ่องทำใจแล้วหลังจากได้ฎีกา
ไม่ต้องห่วง!ข้าจะทำสุดความสามารถเพื่อซื้อใจพวกมันแม้เจ้าจะไม่บอกข้า ข้าไม่รู้ว่าจะเจรจากับฟางไซ่ได้หรือไม่ แต่ข้ามั่นใจว่าอีกสามคนที่สละตัวจากพันธมิตรจะต้องมาร่วมกับข้าได้แน่
ดี!เช่นนั้นก็รอจนให้ถึงวันนั้น
…
ซือหยูปิดประตูฝึกตนในทันทีที่กลับถึงเมืองชมทะเล
เขารู้ว่าเมฆาอสูรกำลังจะบุกเข้ามาในอีกไม่นานแม้เขาจะเป็นพันธมิตรกับอสูรจันทร์ผ่องแล้ว เขาก็ไม่รู้เรื่องพลังของเมฆาอสูรที่เป็นเทพอันดับหนึ่งในแดนจิงหยูเลย
เขาไม่แน่ใจว่าอสูรจันทร์ผ่องและเทพที่เหลือจะสังหารเมฆาอสูรได้หรือไม่
เขารู้ว่าเขามิอาจหวังเทพเหล่านั้นได้
เขาจะต้องเพิ่มพลังของตัวเองก่อน
ดังนั้นเขาจะต้องผ่านวิบัติของตัวเอง!
เมื่อเวลาผ่านไปพลังของวิบัติเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ สิบสองวันต่อมาพลังของวิบัติเพิ่มจนถึงจุดสูงสุด
ท้องนภาเหนือเมืองชมทะเลเต็มไปด้วยเมฆทมิฬพลังอสูรที่ปกคลุมดวงสุริยามีสายฟ้าปะทุออกมาเป็นระยะ ๆ
วิบัติเทพมาถึงแล้ว
