The King of the Battlefield – ตอนที่ 250

ตอนที่ 250

บทที่ 250 ตัวตนเหนือธรรมชาติ (1)

“…….”

แค่หมัดเดียวก็ทำให้พวกมันไม่อยากต่อสู้อีกต่อไป

ภูเขาถล่มลงมาราวกับของเหลว พื้นแตกออกราวกับเศษกระดาษ ผืนฟ้าฉีกขาดยับเยินจากพลังงานขนาดใหญ่ แผ่นดินเคลื่อนกระทบกันขึ้นจนเกิดเป็นปล่องภูเขาไฟขนาดมหึมา ทั่วทั้งวิหารสั่นสะเทือนราวกับจะล่มสลายได้ทุกเมื่อ

ถ้าหากไม่มีกำแพงป้องกันของเกรโมรี่ วิหารคงจมลงไปกองกับดินทรายเบื้องล่างแล้ว

คลืน คราก!

เสียงดังกระหึ่มจากผลกระทบอันรุนแรงทำให้ผมบนหัวลุกตั้งชัน!

ปีศาจหลายสิบตัวที่ดาหน้าเข้ามาที่มูยองหายวับไปกับตาราวกับร่างกายของพวกมันระเหยไปในอากา

เหล่าราชาปีศาจต่างหยุดการเคลื่อนไหว ส่วนพวกปีศาจธรรมดานั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

กระทั่งมูยองก็ยังตกใจ

“ฉันไม่คิดว่ามันจะรุนแรงขนาดนี้”

แม้จะไม่เท่าพลังแห่งเทพที่มาจากเลราเจ แต่อย่าลืมว่าพลังยิ่งใหญ่ที่เห็นเป็นเพียงพลังที่ออกมาจากหมัดของมูยองเท่านั้น แถมเลราเจยังมีร่างกายใหญ่โตถึง 50 เมตรซึ่งต่างจากมูยองอีกด้วย

ระดับพลังเกิน 1,000 เลเวล

ด้วยระดับดังกล่าว พูดได้เลยว่านี่เป็นระดับเดียวกันตัวตนเหนือธรรมชาติ เขาอยู่ในระดับที่มนุษย์ไม่สามารถเอื้อมถึงไปแล้ว

“กรุณาหยุดมือ”

เกรโมรี่ปรากฏกายออกมาอยู่กลางทางเข้าวิหารที่ซึ่งมีเวทกำแพงป้องกันหนาแน่น

มูยองรู้สึกว่าเกรโมรี่คงคาดการณ์ไว้แล้วถึงเหตุการณ์เช่นนี้ เธอจึงสามารถสร้างกำแพงป้องกันวิหารได้อย่างทันท่วงที

เมื่อตระหนักถึงพลังของมูยอง ทำให้เธอไม่ขัดอะไรที่มูยองจะแสดงมันออกมา และมูยองก็พิสูจน์มันด้วยเพียงหมัดเดียว หมัดเดียวก็ทำให้ปีศาจนับแสนทำได้เพียงยืนนิ่งเท่านั้น

ความเป็นศัตรู? ความอาฆาตพยาบาท? ทั้งหมดทั้งหลายหายไปจนหมดสิ้น แม้ปีศาจจำนวนมากจะถูกสังหารไปก็ไม่มีใครคิดแค้นอะไรมูยอง เนื่องจากเหล่าปีศาจไม่ได้รักพวกพ้องดังเช่นมนุษย์เท่าไหร่

“ท่านเกรโมรี่”

ปีศาจที่อยู่แถวหน้ารวมถึงมูยองคุกเขาลงอย่างช้าๆ

มูยองพยายามแสดงความเคารพในแบบของตัวเอง เพราะไม่ว่าอย่างเขาก็เป็น ‘ราชาปีศาจแห่งกองพันที่ 27’ ของเกรโมรี่ และเหนือยิ่งสิ่งใดเกรโมรี่ก็เป็นแกนกลางสำคัญในแผนของมูยอง แม้ทุกอย่างจะเป็นเพียงการแสดงแต่อย่างน้อยก็ต้องทำอย่างเหมาะสมที่สุด

เกรโมรี่เดินเข้ามาอย่างช้าๆและยืนอยู่ถัดจากมูยอง เธอยื่นมือซ้ายออกไปข้างหน้า และมูยองก็จูบลงบนมือของเธอ

เหมือนเป็นการกระทำง่ายๆในการแสดงความภักดี แต่มูยองก็ไม่เคยทำเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน ยังไงก็ตามสายตาของราชาปีศาจตนอื่นและปีศาจทั้งหลายต่างสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง

“เขาเป็นคนที่ข้ามอบชื่อให้ แม้จะต่างเผ่าพันธุ์และมาจากดินแดนภายนอก แต่นับจากที่เขากลายเป็นลอร์ดแห่งกองพันที่ 27 ข้าขอห้ามให้ทุกคนทำสงครามกับเขาด้วยความรู้สึกส่วนตัว”

เกรโมรี่กล่าวอย่างชัดเจน เธอไม่อยากให้เกิดเรื่องอย่างเมื้อกี้ขึ้นอีก เธอรู้ว่าสิ่งใดสำคัญในอนาคต เธอต้องป้องกันการขัดแย้งกันเองภายในกองกำลังของเธออย่างสุดความสามารถ

นอกจากนั้น การกระทำของมูยองก็ทำให้เธอสามารถตัดสินใจได้โดยง่าย แม้มูยองจะดูหยิ่งยโสในสายตาผู้อื่น แต่ตราบใดที่เขาสามารถพิสูจน์พลังของตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็นปีศาจหรือเทพปีศาจก็ไม่สามารถทำอะไรกับมูยองได้ นั่นเป็นเพราะว่า‘พลัง’คือสิ่งสำคัญที่สุดในหมู่ปีศาจ

“ข้าจะเรียกประชุมด่วน มูยอง มูรุมูระ โพเนียส ซิทรี และแอสโมดาย ระดมพลมาเข้าร่วมให้เร็วที่สุด

สำหรับปีศาจฝ่ายปฏิปักษ์เกรโมรี่มีอำนาจมากที่สุด

ตั้งแต่เฮอเรสและเลราเจสิ้นชีพก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจใครอีก กลยุทธ์คือต้องเคลื่อนไหวก่อนที่เหล่าเทพปีศาจฝ่ายพันธมิตรจะทำสิ่งอื่นใด และเป็นไปได้สูงมากที่มูยองจะได้เป็นผู้นำและทำงานยากๆทั้งหมด

‘เกรโมรี่ไม่เคยถามถึงเป้าหมายของฉันเลย’

ที่เธอไม่เคยถามเขา เพราะยังไงซะการกระทำของเขาจะเป็นตัวตัดสินทั้งหมดเอง เกรโมรี่ไม่ใช่คนใจดีขนาดที่จะเชื่อถือคนอื่นง่ายๆ โดยเฉพาะมูยองที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นเธอจึงตั้งใจตัดสินมูยองจากสงครามที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนือง

เหนือสิ่งอื่นใดมันไม่สำคัญต่อมูยอง

เป้าหมายของมูยองคือการกำจัดเทพปีศาจ! ค้นคว้าความจริงเกี่ยวกับโลกใบนี้ และกลับสู่โลกใบเดิมพร้อมกับมนุษย์ที่ยังเหลือรอด

มูยองอยากเป็นผู้นำทางให้กับคนเหล่านั้น

‘ในอดีตฉันถูกชักจูงโดยคนอื่นตลอด’

ตอนเป็นนักฆ่า มูยองคือหุ่นเชิดสังหารที่ทำตามคำสั่งผู้อื่น เขาไม่มีกระทั่งความลังเลหรือรู้สึกผิดใดๆ

ยังไงก็ตาม ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขามุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตตามวิถีทางของตนเอง

จริงๆเขาจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและทำตนเป็นเพียงผู้รับชมก็ได้ แต่เขาไม่ได้เลือกเส้นทางแบบนั้น หัวใจของเขาปฏิเสธต่อการกลายเป็นคนขี้เกียจและอ่อนแอ และจากการเลือกเส้นทางที่ยากลำบาก เขาก็ได้เดินทางมาอย่างยาวไกล หากเขาใจอ่อนกับตัวเองแม้เพียงครั้งเขาก็คงเดินมาไม่ถึงจุดนี้

‘เดินหน้าต่อไป ฉันจะไม่หยุด ฉันจะไม่ยอมหันหลังกลับไป ‘

ตอนนี้พูดได้ว่าเขาเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว

เหล่าราชาปีศาจต่างระดมพลเพื่อเตรียมสู้กับเทพปีศาจฝ่ายตรงกันข้าม พวกเขาจากไปพร้อมกับกองทัพของตน ยังไงก็ตามมูยองยังไม่ไปไหนเขากำลังยืนมองร่างอันใหญ่โตค้ำฟ้าของสกายลอร์ด

‘มันไม่กระดุกกระดิกเลย’

หลังจากต่อสู้กับเลราเจ สกายลอร์ดก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ หรือมันตายแล้ว?

“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับสกายลอร์ดหรือเปล่า?”

เกรโมรี่ก็จ้องมองไปที่สกายลอร์ดเช่นกัน เพราะยังไงซะเกรโมรี่ก็ไม่ได้เป็นผู้ร่วมในการสร้างสกายลอร์ดขึ้นมา สกายลอร์ดเป็นผลงานชิ้นเอกที่ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยฝ่ายพันธมิตร

เกรโมรี่ส่ายหัว

“ข้าก็เพิ่งได้ยินว่ามีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้ บางที…นี่อาจเป็นผลงานของบาอัล”

“บาอัลงั้นเหรอ?”

The King of the Battlefield

The King of the Battlefield

ในตอนที่มนุษยชาติอยู่ในสภาวะที่ใกล้ล่มสลาย มูยองมือสังหารอันดับหนึ่งของ ‘ป่าแห่งความตาย’

กำลังนั่งคุกเขารอรับความตายเนื่องจากเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากแก่การรักษา เขากวาดสายตามองไปรอบๆตัวซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยซากศพมากมาย เขาเคยทำงานอย่างหนักเพื่อคนพวกนี้

และในวันนี้เขาก็เป็นคนจบทุกอย่างด้วยมือของตนเอง แต่เมื่อมูยองลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าปาฏิหาริย์นั้นมีจริง ตัวเขายังไม่ตาย! นอกจากนี้มูยองยังพบว่าตัวเองได้ย้อนเวลากลับมายัง 40 ปีที่แล้ว

เขาเลือกที่จะเดินสู่หนทางใหม่ และต่อสู้กับเหล่าเทพปีศาจทั้ง 72 ตน….

Show more

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท