บทที่ 326 ผมสู้อาจารย์เฉินไม่ได้! (1)
เมื่อทุกคนเห็นกระบวนการเย็บและความเร็วในการเย็บของเฉินชางก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง!
ทุกคนเริ่มพึมพําขึ้นมา พากันถามถึงเฉินชาง
“นี่…หมอเฉินคงไม่ใช่แพทย์อินเทิร์นสินะ อาจจะเป็นแพทย์ที่เข้ามาศึกษาเพิ่มเติมก็ได้ หรือบางทีอาจจะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน!”
“ยังต้องพูดอีกเหรอ เคยเห็นนักเรียนคนไหนมีมือแบบนั้นหรือเปล่า ไม่ต้องพูดถึงนักเรียนเลย แม้แต่หมอของโรงพยาบาลเราก็เถอะ จะมีสักกี่คนกันเชียวที่ทำได้”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ต้องใช่แน่! อีกอย่าง…อย่างน้อยก็ต้องเป็นแพทย์เจ้าของไข้!”
“ผมเดาว่าคงเป็นหมอที่กลับมาจากต่างประเทศเหมือนหัวหน้าเมิ่งกับหัวหน้าจิ่งนะครับ มีทักษะสูงทีเดียว!”
“แต่เขายังหนุ่มเกินไป ยังมีผมบนหัวเยอะอยู่เลย!”
“ใช่แล้ว ระดับสูงมาก เทคนิคและความเร็วในการเย็บก็ไม่ใช่ธรรมดา ความสามารถแบบนี้หากเป็นสถาบันเล็กๆ ต้องฝึกออกมาไม่ได้แน่นอน!”
สามารถเย็บหลอดเลือดแดงใหญ่ให้สำเร็จได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งนาทีกว่า ความสามารถระดับนี้…ไม่ต้องพูดถึงนักเรียนเลย ต่อให้หมออัจฉริยะหรือแพทย์เฉพาะทางก็ใช่ว่าจะทำได้
มิน่าล่ะ ซย่าเกาเฟิงถึงให้เขามาเย็บ!
……
ความจริง…หากให้พูดกันตามตรง ซย่าเกาเฟิงก็ตกใจเช่นกัน นี่มันเหนือความคาดหมาย!
ไม่!
หากจะพูดให้ถูกต้อง ควรจะเป็นเซอร์ไพรส์มากกว่า!
เจ้าหนุ่มนี่ ตอนที่เย็บแบบจำลองในแผนกใช้เวลานานแค่ไหนนะ ประมาณสองนาทีใช่ไหม
แต่ว่า…คราวนี้เพิ่งจะใช้เวลาไปเท่าไหร่เอง แม้จะจำเวลาไม่ได้ แต่จะต้องเร็วมากแน่นอน
หรือตอนแข่งคราวที่แล้วเขาจงใจลดระดับตัวเอง
หรือจะบอกว่าแต่ไหนแต่ไรเฉินชางไม่เคยเห็นเก่อฮว๋ายเป็นคู่แข่ง จึงได้จงใจลดระดับตัวเองตั้งแต่แรก…
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของซย่าเกาเฟิงก็เต็มไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด ตกลงชายหนุ่มคนนี้เป็นคนอย่างไรกันแน่
น่ากลัวจริงๆ!
หากเวลาผ่านไปจะเติบโตได้ถึงระดับไหนกันนะ
ทางด้านเก่อฮว๋าย เมื่อเห็นภาพนี้ก็ตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกสักประโยคเดียว
เขารู้สึกเหลือเชื่อ ไม่กล้าเชื่อเรื่องนี้จริงๆ
มีคนที่เย็บได้เร็วขนาดนี้อยู่จริงๆ หรือ
คำถามและความสงสัยต่างๆ นานาดังขึ้นในหูอย่างต่อเนื่อง ปลุกให้เก่อฮว๋ายหมอที่อยู่ในความสับสนไม่รู้จักโตให้ตื่นขึ้นแล้ว ในครั้งนี้เก่อฮว๋ายทำเพียงยิ้มบางๆ บางสิ่งที่เรียกว่าความเฉียบคมเริ่มปรากฏให้เห็นในตัวเขาแล้ว
หมออายุสามสิบกว่าปีคนหนึ่ง นับเป็นช่วงเริ่มต้นของชีวิตหมอ เป็นปีที่ก้าวหน้าเร็วที่สุดของศัลยแพทย์ หากไม่มีความคิดเฉียบคมจะพัฒนาฝีมือได้อย่างไร!
เขารู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเองคล้ายกับจมอยู่ในความเสื่อมโทรม คุ้นชินกับงานและชีวิตเดิมๆ ตอนนี้เมื่อมองกลับไปแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองเหลวไหลมากจริงๆ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เก่อฮว๋ายก็รู้สึกว่าเลือดของตัวเองร้อนผ่าว
จู่ๆ ก็มีความกล้าแผ่กระจายออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขากำมือทั้งสอง รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากหัวใจ คล้ายจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่างบางอย่าง
……
การผ่าตัดยังคงดำเนินต่อไป เฉินชางยังไม่วางไหมสำหรับเย็บลงจากมือเพราะเขารู้ว่ายังมีเส้นเลือดเสียหายอีกมากมายที่ต้องเย็บซ่อมแซม และยังมีอีกหลายแห่งที่ต้องรักษา
เขาค่อยๆ ทำไปทีละขั้น หาหลอดเลือดแดงที่ได้รับความเสียหายเจอไปแล้วเจ็ดแปดแห่ง
ซย่าเกาเฟิงที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ตกตะลึงจนตาค้าง การผ่าเปิดเพื่อตรวจสอบและหยุดเลือดในครั้งนี้ทำให้พบจุดเล็กๆ ที่มีเลือดออกหลายแห่ง
นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความละเอียดและจริงจังของเฉินชางเท่านั้น แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจของเฉินชางที่มีต่อหลอดเลือดและระบบในช่องอก และยังเป็นการสะท้อนถึงความสามารถในการแยกแยะบาดแผลของเขาอีกด้วย
หากไม่มีประสบการณ์ทางด้านการผ่าตัดและประสบการณ์ทางด้านคลินิกเป็นเวลานานนั้นย่อมทำแบบนี้ไม่ได้แน่นอน!
หรือเสี่ยวเฉินจะเป็นหมอในวงการศัลยกรรมทรวงอก
ไม่ใช่แค่ซย่าเกาเฟิงที่จมลงสู่ความสงสัย กระทั่งเมิ่งซีที่สังเกตการณ์อยู่ข้างๆ อย่างละเอียดตั้งใจก็เช่นกัน หากว่ากันตามตรง เฉินชางทำให้เธอตกตะลึงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอมีความหวังขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
ณ เวลานี้ ในใจของเมิ่งซีเริ่มไตร่ตรองอย่างละเอียดถี่ถ้วน บางทีต่อไปนี้เธอควรฝึกชายที่อายุน้อยกว่าตนเพียงสามปีคนนี้ให้ดี! ต่อไปเธอควรให้โอกาสเฉินชางลงมือมากๆ
ขณะนี้ประตูห้องผ่าตัดเปิดออกแล้ว จิ่งหรานรองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทรวงอกเดินเข้ามา
ตอนนี้จิ่งหรานอาศัยอยู่ที่บ้านของเกิ่งเหยียนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เมื่อได้รับแจ้งข่าวเขาก็รีบวางถ้วยวางตะเกียบแล้ววิ่งมาทันที
เมื่อเดินเข้ามาแล้วพยาบาลประจำห้องผ่าตัดก็เข้ามาจะช่วยเขาเปลี่ยนชุด ทว่าเมื่อจิ่งหรานเงยหน้าขึ้นก็พบกับคนคุ้นเคยจนทำให้เขาชะงักไป!
เฉินชาง?
เมื่อเห็นเฉินชาง จิ่งหรานก็ผ่อนคลายลงโดยพลัน เส้นประสาทที่ขึงตึงก็เบาสบายขึ้น เขามองไปทางพยาบาลแล้วส่ายหน้า “ไม่ต้องสวมแล้วครับ”
พยาบาลตกใจ ไม่เปลี่ยนชุดแล้วหรือ ทำไมล่ะ?
จิ่งหรานมองไปทางเฉินชางที่กำลังยุ่งอยู่กับการผ่าตัด ความไม่สบายใจเริ่มหายลงท้องไปแล้ว
มีเฉินชางอยู่ จะต้องกังวลอีกหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จิ่งหรานก็เดินเข้ามาในฐานะผู้สังเกตการณ์เป็นครั้งแรก เขาค่อนข้างสนใจการผ่าตัดของเฉินชาง
เมื่อหมอแผนกศัลยกรรมทรวงอกเห็นจิ่งหรานก็รีบทักทายทันที “หัวหน้าจิ่ง”
กระทั่งเมิ่งซีและซย่าเกาเฟิงที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าให้
บุคคลที่มีความสามารถ ไม่ว่าไปอยู่ที่ใดก็มักจะได้รับความเคารพนับถือ
จิ่งหรานเพิ่งมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ไม่นาน แต่เขาก็ใช้ความสามารถที่แท้จริงของตนเองพิชิตคนในโรงพยาบาลได้สำเร็จจนได้รับคำเรียกขานว่าหัวหน้าจิ่ง
ซย่าเกาเฟิงชอบหัวหน้าแผนกที่ยังหนุ่มแน่นคนนี้มาก แต่เมื่อเห็นว่ารออยู่นานแล้วจิ่งหรานก็ไม่ยอมไปเปลี่ยนชุดเสียทีจึงอดถามไม่ได้ว่า “หัวหน้าจิ่ง ทำไมคุณไม่ไปเปลี่ยนชุดล่ะครับ”
จิ่งหรานยิ้มบางๆ “หัวหน้าซย่า มีหมอเฉินอยู่ ผมจะต้องเปลี่ยนชุดไปทำไมล่ะครับ แบบนั้นเป็นการทำเรื่องเกินความจำเป็นไม่ใช่หรือครับ”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา คำพูดแว่วเข้าหูคนมากมาย ต่างคนก็ต่างความคิด ส่วนคนที่มีความอดทนก็ค่อยๆ ทำความเข้าใจไปทีละน้อย คำพูดนี้ควรค่าให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนจริงๆ
ขณะนั้นเอง เมิ่งซีก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนเฉินชางผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจจึงผ่าเปิดช่องอกได้ดีเพียงนั้น หรือว่าเฉินชางจะเหมือนกับจิ่งหราน ถนัดการผ่าตัดในด้านศัลยกรรมทรวงอก
คงจะเป็นเช่นนี้แน่!
ซย่าเกาเฟิงก็มีท่าทีใคร่ครวญ อดพูดไม่ได้ว่า “ที่แท้หมอเฉินก็ถนัดเรื่องศัลยกรรมทรวงอกนี่เอง มิน่าล่ะ…มิน่าล่ะ…”
จิ่งหรานชะงักไป “หมอเฉินเป็นนักเรียนของหัวหน้าเมิ่งในแผนกศัลยกรรมหัวใจไม่ใช่หรือครับ พวกคุณยังไม่เข้าใจความสามารถของหมอเฉินอีกหรือ ความจริงจะพูดแบบนี้ก็ได้นะครับ ความสามารถและความเข้าใจในด้านการผ่าตัดเกี่ยวกับศัลยกรรมทรวงอกของเฉินชางไม่ได้แย่ไปกว่าผมเลย บางเรื่องอาจจะเก่งกว่าผมด้วยซ้ำ!”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนในนั้นก็อดสูดหายใจเอาอุณหภูมิยี่สิบสององศาและความชื้นสามสิบเปอร์เซ็นของห้องผ่าตัดเข้าไปในปอดไม่ได้!
เฉินชางเก่งขนาดนั้นเชียว!
ความสามารถทางด้านศัลยกรรมทรวงอกเหนือกว่าหัวหน้าจิ่ง และความสามารถในการเย็บหลอดเลือดซึ่งจัดอยู่ในแผนกศัลยกรรมหัวใจก็ยังเหนือกว่าทุกคนที่นี่ด้วย!
นี่…จะเว่อร์ไปหรือเปล่า
ทุกคนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังถ่ายละคร ดูไม่น่าเป็นความจริงได้เลย
บทที่ 319 มือลื่นหรือมือชา
เมิ่งซีคิดมาตลอดว่าเธอแสดงท่าทีกับนักเรียนทุกคนเหมือนกันหมด! นั่นก็คือให้น้อยแต่มาก ดีกว่าให้มากแต่ไม่มีคุณภาพ
เมิ่งซีมีความภาคภูมิใจสูง ความภาคภูมิใจนี้ฝังลึกไปถึงกระดูกแล้ว
ความภาคภูมิใจของเธอไม่ได้ทำให้เธอดูถูกคนรอบตัวหรือดูถูกโรงพยาบาลตงต้า แต่ตรงกันข้าม ความภาคภูมิใจของเธอมีไว้เพื่อตัวเอง เพื่ออาการป่วย และเพื่อการผ่าตัด
เธอตั้งเงื่อนไขกับตนเองไว้สูงลิบลิ่ว!
เธอหวังว่าตนเองจะพัฒนาไม่หยุดหย่อน ทำให้ตนเองดีขึ้นไม่หยุดหย่อน ทำให้เทคนิคทางการแพทย์ของตนยอดเยี่ยมขึ้นเรื่อยๆ
แม้เธอจะเป็นหมอของโรงพยาบาลตงต้า แต่ดวงตาของเธอก็จ้องมองไปที่เมืองหลวงอยู่ตลอด และจ้องมองไปยังสถานที่บางแห่งที่อยู่คนละฟากฝั่งของท้องทะเล
คู่ต่อสู้ของเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่อยู่ห่างออกไป
หากจะถามว่ามีแรงกดดันมากหรือไม่ก็ต้องบอกเลยว่ามาก! ดังนั้นเธอจึงไม่อนุญาตให้ตนเองย่อหย่อนเป็นอันขาด!
การปรากฏตัวของเฉินชางมิใช่เรื่องบังเอิญ แต่การแสดงออกของเฉินชางเรียกได้ว่าเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
การแสดงออกแต่ละครั้งทำให้เธอแปลกใจ มอบความหวังให้แก่เมิ่งซีครั้งแล้วครั้งเล่า
ถึงแม้ตนเองจะก้าวข้ามพวกเขาไม่ได้ แต่ถ้าหากนักเรียนของตนก้าวข้ามนักเรียนของพวกเขาได้ เช่นนี้ก็ดีไม่ใช่หรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้แเมิ่งซีก็รีบส่ายหน้า สลัดความคิดเชิงลบออกไปจนหมด
นั่นเป็นคู่ต่อสู้ของตัวเอง จะต้องใช้ความสามารถของตนไปพิสูจน์ ไม่ใช่ยืมมือคนอื่น
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เมิ่งซีก็อดกล่าวในใจไม่ได้ว่า
กลัวแล้วหรือ เสียใจแล้วหรือ
……
……
การผ่าตัดของเฉินชางกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว พยาบาลผู้ช่วยมองไปยังเฉินชางก่อนชะงักไปเล็กน้อย
ทำไมถึงให้นักเรียนมาผ่าตัดได้ล่ะ
แม้แต่วิสัญญีแพทย์ก็ยังสงสัย เขามองไปทางเมิ่งซีครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเมิ่งซีไม่มีปฏิกิริยาอะไรก็มองไปทางเก่อฮว๋าย พบว่าเก่อฮว๋ายก็ทำเหมือนมองไม่เห็น
วิสัญญีแพทย์จึงไม่สนใจและไม่เก็บไปใส่ใจอีก
มีอาจารย์แพทย์ที่มีอายุงานสูงอยู่คนหนึ่ง ทั้งยังมีรองหัวหน้าแผนกอยู่ด้วย การผ่าตัดเยื่อหุ้มหัวใจเช่นนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงไม่เกิดปัญหาหรอก
ตอนนี้ซย่าเกาเฟิงที่เพิ่งผ่าตัดโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดเคสเมื่อวานเสร็จเหนื่อยจนแทบตาย แต่เมื่อเขาเดินออกมาจากห้องผ่าตัดแล้วมองผ่านประตูห้องเข้าไปก็เห็นว่าด้านในกำลังผ่าตัดกันอยู่…ยิ่งไปกว่านั้นคนผ่าตัดก็คือเฉินชาง
เฉินชางเป็นศัลยแพทย์หลัก
ซย่าเกาเฟิงรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที นี่เป็นชายที่เขาถูกใจ!
ซย่าเกาเฟิงเดินเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง เขาก็อยากดูเหมือนกันว่าการผ่าตัดของเฉินชางจะเป็นอย่างไร ชายหนุ่มคนนี้นำความประหลาดใจมาให้เขามากมาย การผ่าตัดเย็บเส้นเลือดก็ทำได้เร็วกว่าเก่อฮว๋าย ทั้งเร็วและดี! ฝีมือของเขาจะต้องอยู่ในระดับเชี่ยวชาญแน่นอน
แต่ว่า…ตอนนี้เฉินชางกำลังจะผ่าตัดอะไรกันแน่?
ซย่าเกาเฟิงเดินเข้าไปช้าๆ
ชั่วขณะที่เฉินชางหยิบมีดขึ้นมาไม่มีอาการตื่นเวทีเลยสักนิด แม้จะไม่เคยทำมาก่อน แต่ประโยชน์จากการเรียนรู้แบบจำลองก็ทำให้เขากลายเป็นจักรพรรดิในด้านทฤษฎีไปแล้ว
เขาจำขั้นตอนการผ่าตัดทุกขั้นตอนได้ชัดเจน จำรายละเอียดเล็กๆ ทุกรายละเอียดระหว่างการผ่าตัดได้อย่างชัดเจน
ทุกขั้นตอนฝังแน่นอยู่ในหัว!
เฉินชางยกมีดขึ้น กรีดลงไปบริเวณเหนือกระดูกลิ้นปี่สองเซนติเมตร ปรากฏแผลกรีดบริเวณผิวหนังในแนวนอนประมาณสี่ถึงห้าเซนติเมตร
ในขั้นแรกเฉินชางให้คะแนนเต็มกับตนเอง!
ในเรื่องการผ่าเปิดอาจง่ายดาย แต่พื้นฐานการผ่าตัดทรวงอกอยู่ระดับใดกันล่ะ การผ่าเปิดทรวงอกและทักษะการห้ามเลือดของเขาอยู่ในระดับปรมาจารย์แล้ว
การผ่าเปิดครั้งนี้ทำให้หัวหน้าทั้งสองที่อยู่ในห้องผ่าตัดและอาจารย์หมอคนหนึ่งถึงกับตกตะลึงเล็กๆ
เดิมทีเก่อฮว๋ายอยากดึงเฉินชางเข้ามาเป็นสหายศึกมาช่วยประจบประแจงหัวหน้าเมิ่ง แต่ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว!
ไอ้หนุ่มนี่มันโกงผมแน่ๆ!
ยังจะบอกว่าทำไม่เป็นอีก แค่ผ่าเปิดก็ดีกว่าผมแล้ว
ช่างเถอะ ทนไว้ ก็แค่ทำดีกว่าผมไม่ใช่หรือ
ก็แค่ผ่าเปิดได้ดีไม่ใช่หรือ
อดทนไว้ตัวผม ยังไงซะวันนี้ก็แสดงได้ดี ห้ามพลาดเด็ดขาด!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เก่อฮว๋ายก็ส่งเสียงหัวเราะที่ดูปลอมเปลือกออกมา “เสี่ยวเฉิน คุณบอกว่าเพิ่งผ่าตัดกรีดเยื่อหุ้มหัวใจเป็นครั้งแรกไม่ใช่หรือครับ จะถ่อมตัวเกินไปหรือเปล่า”
ตอนที่เฉินชางผ่าตัดจะจริงจังมาก และไม่ชอบวุ่นวายกับคนอื่น นี่เป็นสาเหตุที่เขาชอบทำงานกับจิ่งหราน
จิ่งหรานเชื่อฟังและรู้ความ นอกจากนั้นยังมีสายตาดีเยี่ยม รู้ว่าตอนไหนสมควรทำอะไร แต่เก่อฮว๋ายในตอนนี้ไม่มีลักษณะของผู้ช่วยที่ดีแม้แต่น้อย แม้จะกล่าวชมเชยได้ไม่เลว แต่นั่นเป็นงานของฉินเยว่ ส่วนคุณเป็นผู้ช่วยจะต้องคอยดูให้ดีสิ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็อดพูดไม่ได้ว่า “อาจารย์เก่อ ห้ามเลือดครับ”
เก่อฮว๋ายหน้าแดงไปโดยพลัน รีบหยิบผ้าก๊อซไปห้ามเลือดทันที!
จากนั้นเฉินชางก็เริ่มกรีดบริเวณกล้ามเนื้อทางซ้ายของช่องท้อง ค่อยๆ จับแยกออกจากกัน จากนั้นก็จัดการนำกระดูกลิ้นปี่ออก ต่อมาก็ต้องแยกพังผืดตามแนวขวางของช่องท้องที่มีเส้นใยพังผืดติดกับกระบังลมออกอย่างระมัดระวัง
ขั้นตอนนี้ต้องทำอย่างประณีต หลังจากจัดการขั้นนี้เสร็จแล้วก็จะเห็นถุงเยื่อหุ้มหัวใจ!
เฉินชางทำได้อย่างคล่องแคล่วและมั่นใจ การขยับมือเป็นไปอย่างลื่นไหลเชี่ยวชาญ การดำเนินการเป็นไปอย่างชำนาญ คล้ายอุดมไปด้วยประสบการณ์มากมาย นี่เป็นมือใหม่หัดขับที่ไหนกัน เป็นนักซิ่งมือเก๋าชัดๆ!
เป็นมือเก๋าก็พอๆ กับนักซิ่งใน Initial D[1]เลยทีเดียว!
ยิ่งได้เห็น เก่อฮว๋ายก็ยิ่งสั่นสะท้าน ยิ่งได้เห็นก็ยิ่งรู้สึกขุ่นเคือง
เฉินชาง คุณเป็นพ่อหนุ่มเจ้าแผนการจริงๆ!
อยากแสดงให้เห็นความเจ๋งของตัวเองใช่หรือเปล่า
บอกว่าตัวเองเพิ่งเคยผ่าตัดเป็นครั้งแรก จากนั้นก็ทำให้พวกเราดู ฉีกหน้าพวกเราจนยับ ทำให้พวกเราตกใจไปถึงสวรรค์
เหอะ!
ผมมองออกหมดแล้ว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เก่อฮว๋ายก็ไม่พอใจ เทียบกับพ่อหนุ่มเจ้าแผนการตรงหน้านี้แล้ว ตัวเขาช่างไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ ตอนนี้เก่อฮว๋ายถึงกับอัดอั้นตันใจขึ้นมาแล้ว
ไม่ใช่เพียงเก่อฮว๋าย กระทั่งเมิ่งซีที่อยู่ข้างๆ ก็ยังถูกการขยับมือของเฉินชางทำเอาตกตะลึงจนนิ่งไปแล้ว
ตอนที่เฉินชางบอกว่าทำไม่เป็น เมิ่งซีเตรียมการช่วยเหลือต่างๆ นานาเอาไว้แล้ว แต่การแสดงออกของเฉินชางในตอนนี้กล่าวได้เพียงว่าอยู่ในระดับปรมาจารย์ของหมอแผนกศัลยกรรมเลยทีเดียว
นี่ยังต้องให้เธอคอยช่วยอีกหรือ หากกล่าวว่าช่วยตัวเองก็คงไม่เกินไป!
ซย่าเกาเฟิงใจเต้นตึกตัก รู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว ทำไมถึงได้พลาดเมล็ดพันธุ์ดีๆ แบบนี้ไปได้นะ
นี่มัน…จะน่าเสียดายเกินไปแล้ว
นักเรียนเช่นนี้ในหลายสิบปีได้พบคนหนึ่งก็ไม่เลวแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องฝึกเป็นผู้สืบทอดได้แน่นอน
เมิ่งซี…โชคดีจริงๆ เลย
นักเรียนคนแรกก็สุดยอดขนาดนี้แล้ว
ส่วนเฉินชางกำลังลนลาน เขาเห็นพื้นผิวเยื่อหุ้มหัวใจแล้ว
“กระบอกฉีดยา!”
เก่อฮว๋ายรีบส่งไปให้ ตอนนี้เขาทำงานอย่างจริงจัง
เฉินชางใช้กระบอกฉีดยาดูดของเหลวออกมา แต่ดูดไม่ออก!
แย่แล้ว ของเหลวเป็นหนองมากจริงๆ ด้วย
คุณสมบัติทางเคมีของน้ำหนองและของเหลวที่เกิดจากการอักเสบไม่เหมือนกัน หากมีหนองมากเกินไปจะทำให้ดูดไม่ออก ทำได้เพียงกรีดถุงเยื่อหุ้มหัวใจแล้ว
จะกรีดตรงไหนล่ะ
เฉินชางเข้าใจดี และรู้ดีว่าจะกรีดอย่างไร
แต่…จะต้องกรีดลึกหรือตื้นขนาดไหน ใช้แรงแค่ไหน ต้องยาวขนาดไหน…
เรื่องพวกนี้เฉินชางไม่มั่นใจเลย
จริงดังคาด เมื่อเขากดมีดลงไป คนทั้งสองที่อยู่ด้านหลังก็งุนงงอย่างหนัก!
เก่อฮว๋ายตื่นตะลึง คิดในใจว่า
ให้ตายเถอะ นี่คุณจงใจสินะ
จงใจใช้วิธีต่ำช้าแบบนี้มาบอกพวกเราว่านี่เป็นครั้งแรกของคุณสินะ
จะดูปลอมเกินไปแล้ว!
ส่วนเมิ่งซีและซย่าเกาเฟิงก็เงียบไป
นี่…เป็นอุบัติเหตุหรือเปล่า
การลงมีดในครั้งนี้จะไร้ระดับเกินไปแล้ว!
เฉินชางลงมีดครั้งแรกถึงกับกรีดเยื่อหุ้มหัวใจไม่ได้เชียว!
นี่…เป็นความผิดพลาดระดับต่ำเกินไป
เมื่อคิดถึงวิธีการผ่าเปิดช่องอกของเฉินชางเมื่อครู่นี้ ทั้งสองก็ได้แต่กลืนน้ำลาย
เฉินชางมือชาใช่หรือเปล่า
อืม!
จะต้องเป็นแบบนี้แน่
ก่อนและหลังผ่าตัดเหมือนกับเป็นคนละคน ระดับความแตกต่างขนาดนี้…มันชัดเจนเกินไป จะต้องมือลื่นแน่ๆ หรือไม่ก็มือชาสินะ
[1] Initial D – เป็นหนังเกี่ยวกับเรื่องราวเกี่ยวกับการแข่งรถและขับรถแต่ง ในเนื้อเรื่องจะเน้นแข่งกันบริเวณทางขึ้นและทางลงเขาเป็นหลัก โดยเน้นลักษณะการเข้าโค้ง หรือที่เรียกว่าดริฟท์