เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 423 จัดการไอเทม

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 423 จัดการไอเทม

ต่งเฉียงเซิงเห็นพ่อถูกส่งตัวออกมาก็รู้ได้ทันทีว่าการผ่าตัดเป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้เขาผ่อนคลายลงได้แล้ว!

แต่ทำไมผ่านไปนานแล้วยังไม่เห็นหัวหน้าโจวและหัวหน้าแผนกคนอื่นๆ กลับมาอีกล่ะ ด้วยเหตุนี้จึงเดินไปถามพยาบาลว่า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่า…พวกหัวหน้าโจวล่ะครับ”

พยาบาลยิ้มตอบ “หัวหน้าแผนกมีผ่าตัดเคสอื่นต่อค่ะ อีกเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”

เวลาประมาณสิบเอ็ดโมง ในที่สุดทุกคนก็กลับมา

โจวหงกวงอธิบายกับต่งเฉียงเซิงอยู่นาน สุดท้ายก็พูดว่า “ท่านรองต่ง อาการของพ่อคุณค่อนข้างพิเศษนะครับ เป็นโรคถุงน้ำดีอักเสบโดยมีภาวะท่อน้ำดีผิดปกติร่วมด้วย นี่ทำให้อาการหนักยิ่งขึ้น ผมแนะนำให้คุณดูแลคุณพ่อให้ดีและจัดหาที่พักดีๆ ให้ท่านสักหน่อย ถึงตอนนี้อาการของคุณพ่อจะทรงตัวแล้ว แต่หลังจากนี้ก็ยังต้องรักษาตัวกันต่อไป…”

ต่งเฉียงเซิงพยักหน้า รับคำหนักแน่นแล้วเดินไปรับตัวบิดา

โจวหงกวงไม่ได้คิดปิดบังความจริง เขาเล่าเรื่องการกระทำทั้งหมดของเฉินชางให้ต่งเฉียงเซิงฟังรอบหนึ่งแล้วพูดว่า “คุณต้องขอบคุณเขานะครับ ขอบคุณหมอเฉินชางคนนี้ให้ดี โชคดีที่มีเขาอยู่ ไม่อย่างนั้นคุณพ่อของคุณคงอันตรายมาก”

ต่งเฉียงเซิงได้ยินดังนั้น แม้จะไม่เข้าใจรายละเอียดปลีกย่อยของเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่ก็พอสัมผัสได้จากความนัยที่แสดงผ่านน้ำเสียงของโจวหงกวง ทำให้รู้ว่ามันอันตรายเพียงใด

สุดท้ายเขาจึงมองเฉินชางแล้วพูดว่า “หมอเฉิน ขอบคุณมากนะครับ ต่อไปถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาได้เลย”

ต่งเฉียงเซิงแลกเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อกับเฉินชางแล้วกล่าวอย่างจริงใจ

เฉินชางพยักหน้ายิ้มๆ

การเป็นหมอก็มีข้อดีอยู่บ้าง ได้รู้จักกับผู้คนอย่างกว้างขวาง ได้สัมผัสกับผู้คนมากมาย ในส่วนนี้เรื่องของเจิ้งกั๋วถานเป็นตัวอย่างที่ดีเลยทีเดียว

คอนเนคชันดีๆ เช่นนี้เฉินชางย่อมไม่ปฏิเสธ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นสังคมมนุษย์ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเปลี่ยนแปลง ขอเพียงทำตามกฎระเบียบและไม่ต่อต้านกระแส เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

มีชีวิตอยู่ในโลกธรรมดาเช่นนี้ เฉินชางไม่ใช่นักบวช จึงละเลยแนวคิดนี้ไม่ได้เป็นธรรมดา

……

……

ตอนเที่ยง ต่งเฉียงเซิงเชิญเฉินชางไปกินข้าวด้วยกันและเชิญหวังหย่งไปด้วย เขาที่มีฐานะเป็นถึงรองหัวหน้าเขตถึงกับยกน้ำชาขออภัยหวังหย่ง นี่ทำให้หวังหย่งอึดอัดเล็กน้อย

ตอนบ่ายมีธุระกันต่อจึงไม่ได้ดื่มสุรา การกินข้าวร่วมกันมื้อนี้ทำให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น

ทุกคนพูดคุยสนทนา เฉินชางนั่งว่างไม่มีอะไรทำจึงตรวจดูแจ้งเตือนของระบบ กดเปิดหน้าจอเสมือนขึ้นมาดู

เฉินชางแปลกใจเล็กน้อย เขาพบว่าทักษะการผ่าตัดซ่อมแซมตับที่เสียหายเวอร์ชันไม่สมบูรณ์ของตนมีรายละเอียดแจ้งอยู่ด้วย

[ติ๊ง! คุณมีส่วนร่วมในการสังหารมอนสเตอร์บอสกลายพันธุ์ นับเป็นการสังหารร่วมกัน ได้รับรางวัลดังต่อไปนี้:

1. แคปซูลความจำ

2. ตำราทักษะหายาก 1 เล่ม!]

ใบหน้าของเฉินชางพลันเต็มไปด้วยความยินดี!

ตอนแรกยังกังวลคิดว่าตนเป็นแค่ผู้ช่วย ไม่นึกเลยว่าจะนับเป็นการสังหารร่วมกันด้วย แถมยังดรอปไอเทมให้อีก

คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็กระตือรือร้นขึ้นมาแล้ว

[แคปซูลความจำ: ความจำ +3 (ถาวร)]

เฉินชางดวงตาเป็นประกาย นี่เป็นของดี!

ความจำ +3 ถาวร สำหรับคนเป็นหมอแล้ว นับเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมไปเลย เพราะหมอต้องอ่านหนังสือหนาๆ มากมาย ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรในการอ่าน ยังไม่ต้องพูดถึงพวกระบบเส้นเลือดและเส้นประสาททั่วทั้งร่างกายเลย แค่ ‘ประสาทวิทยา’ เล่มเดียวก็ทำให้เฉินชางปวดหัวแล้ว

เฉินชางเก็บตำราทักษะหายากเอาไว้แล้วกดเปิดดูรายละเอียดทักษะที่ขโมยเรียนมาได้

[ทักษะการผ่าตัดซ่อมแซมตับที่เสียหาย (เวอร์ชันไม่สมบูรณ์): ระดับปรมาจารย์

รายละเอียด: การผ่าตัดซ่อมแซมตับที่เสียหายเป็นการผ่าตัดระดับสี่ ในที่นี้หมายรวมถึงวิธีการเย็บซ่อมแซมตับ การทำความสะอาด การเย็บเชื่อมหลอดเลือดแดงต่ำ การตัดตับ และการห้ามเลือด ทักษะการผ่าตัดซ่อมแซมตับที่เสียหายเวอร์ชันไม่สมบูรณ์จะไม่มีทักษะการตัดตับส่วนบนที่ติดกับหัวใจ ระดับการผ่าตัดจึงกลายเป็นระดับสาม สามารถเรียนรู้ได้! (ตั้งแต่เลเวล 40 ขึ้นไป สามารถจ่ายคะแนนทักษะเพื่อทำให้ทักษะสมบูรณ์ได้)]

หลังอ่านการแจ้งเตือนของระบบเสร็จแล้ว เฉินชางก็เข้าใจกระจ่างขึ้นมาทันที นี่…บางทีอาจไม่เลวร้ายอะไรก็ได้

อย่างน้อยก็เรียนรู้ได้เอง!

ไม่ว่าทักษะจะยอดเยี่ยมเพียงใด แต่หากไม่มีประโยชน์ก็ไม่ได้ใช้

ถึงตอนนี้แม้ทักษะจะเป็นทักษะเวอร์ชันไม่สมบูรณ์ แต่ก็เพิ่งใช้ไปเมื่อสักครู่!

เมื่อเห็นรางวัลที่ได้รับ จู่ๆ เฉินชางก็รู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ช่างหอมหวานจริงๆ เขาโยนแคปซูลความจำเข้าปาก อืม…รสชาติไม่เลวเลย!

แต่…ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยนะ

เฉินชางบ่นกับตัวเอง ทำไมไม่มีเอฟเฟคอะไรเลยล่ะ ส่องแสงสว่างประกายเจิดจ้าอะไรก็ไม่มี แค่รู้สึกสมองโล่งเองอะ หรือจะเป็นของปลอมหว่า

……

……

ระหว่างที่เฉินชางนิ่งไป จู่ๆ เฉียนเลี่ยงก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมากะทันหัน นึกถึงบางเรื่องขึ้นมาได้!

สุดสัปดาห์นี้มีงานสัมมนาประจำปีของสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีแห่งมณฑลตงหยาง ซึ่งงานนี้จะเชิญคนใหญ่คนโตในวงการมาบรรยายหลายคน แล้วโจวหงกวงที่อยู่ข้างหน้าไม่ใช่ตัวอย่างที่จับต้องได้หรือ

คิดถึงตรงนี้เฉียนเลี่ยงก็พูดว่า “หัวหน้าโจว วันเสาร์นี้คุณว่างหรือเปล่าครับ”

โจวหงกวงชะงักไปเล็กน้อย “หัวหน้าเฉียนมีอะไรหรือเปล่าครับ”

เฉียนเลี่ยงยิ้ม “งานสัมมนาประจำปีของสมาคมศัลยกรรมแห่งมณฑลตงหยางน่ะครับ งานจะจัดขึ้นสุดสัปดาห์นี้แล้ว ผมอยากเชิญหัวหน้าโจวไปร่วมงานด้วยกัน และถือโอกาสให้คุณขึ้นบรรยายด้วยเลย”

โจวหงกวงยุ่งมาก โดยเฉพาะปลายปีที่ต้องเตรียมการเรื่องตำแหน่งนักวิชาการ

โจวหงกวงใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง “หัวหน้าเฉียน ผมไม่กล้ารับประกันเลยครับ เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวผมขอกลับไปดูตารางก่อนว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า แล้วผมจะให้คำตอบคุณอย่างช้าคืนพรุ่งนี้!”

วันนี้เป็นวันอังคาร พรุ่งนี้ก็คือวันพุธ เฉียนเลี่ยงพิจารณาดูแล้วพบว่ายังทันเวลาจึงรีบยิ้มตอบไปว่า “ได้ครับ ลำบากหัวหน้าโจวแล้ว”

จะอย่างไรระหว่างโจวหงกวงและเฉียนเลี่ยงก็ยังมีระยะห่างกันอยู่ แม้เฉียนเลี่ยงจะมีหน้ามีตาในสมาคมตับและถุงน้ำดีของมณฑลตงหยาง แต่เวทีที่ได้แสดงความสามารถนั้นแตกต่างกันแน่นอน นั่นเป็นเพราะว่าแผนกศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีของโรงพยาบาล 301 และโรงพยาบาลตงต้าห่างชั้นกันมาก

ความจริงเฉียนเลี่ยงเห็นโจวหงกวงชิงได้รับตำแหน่งนักวิชาการไปก่อนเช่นนี้ ในใจก็อิจฉาจนทนไม่ไหว แต่ตำแหน่งนักวิชาการยังห่างจากเขาอีกไกล สิ่งที่ต้องมีก็คือวิทยานิพนธ์และหัวข้อการวิจัย ที่สำคัญที่สุดก็คือรางวัลหนึ่งชิ้น แต่เพราะขอบเขตและเวทีสำหรับแสดงผลงานมีจำกัด เขาจึงจนปัญญา

คิดถึงตรงนี้ เฉียนเลี่ยงก็ถอนใจยาว อยู่ดีๆ ก็รู้สึกท้อแท้

ในตอนนี้เอง จางโหย่วฝูพูดขึ้นว่า “หัวหน้าเฉียน ผมลืมบอกคุณไปเลยครับ คราวนี้เสี่ยวเฉินอยากเข้าร่วมสมาคมศัลยกรรมตับและถุงน้ำดีด้วย”

เฉียนเลี่ยงได้ยินดังนั้น ดวงตาพลันเปล่งประกาย “เป็นข่าวดีจริงๆ! ยินดีต้อนรับเลยครับ”

เฉินชางยิ้ม “ขอบคุณครับ”

จางโหย่วฝูกล่าวต่อไป “หัวหน้าเฉียน เอ่อ…เสี่ยวเฉินอยากเป็นคณะกรรมการของสมาคม เขาเตรียมวิทยานิพนธ์ไว้แล้วสองเล่ม เล่มหนึ่งส่งตีพิมพ์กับวารสาร ‘การปลูกถ่ายตับ’ อีกเล่มหนึ่งส่งตีพิมพ์กับ ‘นิตยสารศัลยกรรมแห่งประเทศอังกฤษ’ ใช่หรือเปล่าเสี่ยวเฉิน เล่มสองมีข่าวมาหรือยัง”

เฉินชางส่ายหน้า “ยังเลยครับ!”

แต่วารสาร ‘การปลูกถ่ายตับ’ มีชื่อเสียงโด่งดัง กระทั่งโจวหงกวงก็ยังต้องเหลือบตามอง “อ้อ เสี่ยวเฉินส่งผลงานไปที่วารสารการปลูกถ่ายตับหรือครับ”

เฉียนเลี่ยงตะลึงพรึงเพริด วารสารการปลูกถ่ายตับเลยหรือ!

เฉินชางพยักหน้า “ใช่ครับ ได้รับการรับรองแล้ว พรุ่งนี้คงส่งไปรษณีย์มา”

เฉียนเลี่ยงพิจารณา “แค่วิทยานิพนธ์ที่ส่งไปวารสารการปลูกถ่ายตับก็คงพอแล้วละครับ ถึงตอนนั้นผมจะช่วยพูดให้คุณเอง จริงสิ มีการแข่งขันประกวดผ่าตัดด้วย คุณก็ไปร่วมแข่งด้วยนะครับ ทางที่ดีเอาให้ได้รางวัลสักรางวัลหนึ่ง แบบนี้ผมจะได้มีอะไรไปพูด”

เฉินชางดีใจขึ้นมาโดยพลัน “ได้ครับ ขอบคุณมากครับหัวหน้าเฉียน”

โจวหงกวงที่อยู่ข้างๆ ถามด้วยท่าทีครุ่นคิด “เสี่ยวเฉิน คุณจะบรรยายการผ่าตัดอะไรครับ”

เฉินชาง “ผมเตรียมไว้สองเคสครับ โดยจะอิงตามวิทยานิพนธ์ทั้งสองของผม จะเอาวิธีพวกนั้นไปใช้ผ่าตัด หนึ่งก็คือการผ่าตัดไส้ติ่งแบบแผลเล็กฉบับปรับปรุง อีกหนึ่งก็คืองานวิจัยวิธีการผ่าตัดแผลเล็กแบบบาดเจ็บน้อย เป็นการผ่าตัดสองอย่างนี้ครับ”

โจวหงกวงพิจารณาครู่หนึ่งแล้วจึงเงยหน้ามองเฉียนเลี่ยง “หัวหน้าเฉียน คุณนับโควต้าผมไปด้วยเลยครับ วันเสาร์ผมจะไปแน่นอน ถึงตอนนั้นผมจะพานักเรียนของผมไปด้วย ให้พวกเขาไปดูงานด้วยกัน ผมว่าความคิดของเสี่ยวเฉินเป็นความคิดที่ดีเยี่ยม ควรให้พวกเขาเรียนรู้บ้าง! ทางที่ดีให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตาพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรมและความคิดทางคลินิกใหม่ๆ ด้วย”

เฉียนเลี่ยงได้ยินดังนั้นก็ดีใจมาก คิดไม่ถึงว่าเฉินชางจะสร้างผลงานอีกแล้ว!

บทที่ 415

ชายคนนั้นเห็นหวังหย่งไม่พูดอะไรจึงคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีเหตุผล ด้วยเหตุนี้จึงไม่ไว้หน้าเข้าไปใหญ่! คำด่าก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น! ถึงกับยกเอาเรื่องตลกร้ายเกี่ยวกับหมอบนอินเทอร์เน็ตมาด่าเลยทีเดียว บ้างก็ว่าถ้าไม่จ่ายสินบนก็จะไม่ยอมทำเรื่องผ่าตัดให้ หนักกว่านั้นก็จำพวกเลี้ยงไข้ผู้ป่วยอะไรพวกนั้น

พอหวังหย่งเอ่ยปากพูดก็ถูกเสียงตะโกนของเขากลบจนมิด

หวังหย่งเห็นว่าอธิบายไปก็ไร้ผลจึงหมุนตัวเดินหนีทันที คิดจะก็ไปติดต่อหัวหน้าแผนก

แต่ในตอนนั้นเอง ชายคนนั้นก็ดึงหวังหย่งเอาไว้ “ทำไม จะหนีเหรอ ผมจะบอกอะไรให้ ถ้าวันนี้คุณไม่อธิบายให้ชัดเจน คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น! แล้วถ้าพ่อผมเป็นอะไรไป คุณรอขึ้นศาลได้เลย!”

“หมอขยะ เศษสวะเอ๊ย!”

เฉินชางสีหน้าเปลี่ยนไปทันที รีบเดินไปเบื้องหน้าโดยพลัน

หวังหย่งเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา และถือเป็นเพื่อนกันด้วย ในบางความหมายก็ถือเป็นลูกศิษย์ของเขาอีกต่างหาก เมื่ออีกฝ่ายเจอเรื่องเช่นนี้เ ฉินชางย่อมเข้าไปปกป้องโดยไม่แม้แต่จะคิด

แต่ว่า…คิดไปคิดมา เฉินชางก็สวมถุงมือก่อนแล้วค่อยเดินไป เพราะถ้าไม่สวมถุงมือก็จะไม่ได้รับการเสริมพลังกาย…ถ้ามีเรื่องตบตีกันขึ้นมาคงเสียเปรียบแย่

พลังบวกห้าเท่ากับพละกำลังเพิ่มขึ้นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เดิมทีเฉินชางก็มีรูปร่างสูงเพรียวอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การทำงานอยู่ในแผนกฉุกเฉินก็ต้องใช้พลังมหาศาล ถือเป็นการฝึกฝนร่างกายไปในตัว ต่อให้เป็นชายร่างใหญ่คนนี้ก็ไม่แน่ว่าจะสู้ได้

เฉินชางเดินเข้ามาเอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ปล่อยมือก่อนครับ มีอะไรก็พูดกับผมได้ หรือถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษาของพวกเรา คุณจะร้องเรียนหรือแจ้งตำรวจก็ได้ทั้งนั้น!”

ชายร่างใหญ่เห็นเฉินชางก็พูดโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีสักนิด “กองหนุนหรือไง”

เฉินชางส่ายหน้า ดวงตาจับจ้องไปที่ชายคนนั้น “ไม่ใช่กองหนุนครับ นี่ไม่ใช่การวิวาท ที่นี่คือโรงพยาบาล คุณปล่อยมือก่อนเถอะ”

ชายคนนั้นชะงักไป เขาปรายตามองมาที่เฉินชาง “คุณไปเรียกหัวหน้าแผนกของพวกคุณมาเถอะ ผมไม่พูดกับคุณหรอก! วันนี้ถ้าไม่มีคำอธิบายให้ผม ผมจะไม่ยอมปล่อยเขาแน่”

เฉินชางวางมือตนเองลงบนข้อมืออีกฝ่ายจากนั้นก็ออกแรงบีบ ทันใดนั้นเรี่ยวแรงอันมหาศาลก็แผ่ออกมาจนเขาต้องรีบปล่อยหวังหย่ง

ชายคนนั้นตะลึงพรึงเพริดไปทันที!

พละกำลังของเฉินชางเมื่อครู่นี้ทำให้เขาตกใจจริงๆ!

เขาไม่คิดเลยว่า…หมอน้อยคนนี้จะมีเรี่ยวแรงมากมายขนาดนี้

การกระทำของเฉินชางทำให้คนที่ล้อมดูอยู่รอบๆ ตกใจไปเช่นกัน อย่างไรเสียเช้าวันจันทร์ก็เป็นช่วงที่แผนกฉุกเฉินวุ่นวายที่สุด หากเกิดเหตุการณ์ที่สอดรู้สอดเห็นได้เช่นนี้จึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่มาชมดู

ความจริงผู้ป่วยจะได้รับความเห็นใจจากผู้ป่วยด้วยกันง่ายกว่า ในการรักษาพยาบาล หลายคนมักรู้สึกว่าผู้ป่วยเป็นผู้อ่อนแอ ดังนั้นในฐานะที่เป็นผู้ป่วยเหมือนกัน ทำให้เชื่อคำพูดของชายคนนั้นไปตามสัญชาตญาณ

การกระทำนี้ของเฉินชางทำให้คนรอบๆ ตกใจกันหมด

เฉินชางเหมือนวางมือบีบลงไปตามใจก็ทำให้ชายร่างสูงใหญ่คนนี้ตกใจจนต้องรีบปล่อยมือแล้ว เรื่องตะลึงพรึงเพริดเช่นนี้ดูจะเหลือเชื่อเกินไป!

หมอน้อยคนนี้มีแรงมหาศาลขนาดนี้เชียว! ถึงกับหยุดชายรูปร่างสูงใหญ่ที่มีความสูงถึงร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรเอาไว้ได้ในเวลาเพียงพริบตาเดียว นี่…ต้องใช้แรงขนาดไหนกัน

ชายคนนั้นเห็นเฉินชางแข็งแรงเพียงนี้ก็ชะงักไป เฉินชางจึงฉวยโอกาสช่วงหยุดชะงักพูดกับหวังหย่งว่า “เอาประวัติคนไข้เตียงสิบเอ็ดมาให้ผมทีครับ”

หวังหย่งสูดหายใจลึก ส่งสายตาขอบคุณให้เฉินชางพร้อมพยักหน้าแล้วเดินไปข้างๆ

ชายคนนั้นอยากพูดอะไรบางอย่างแต่กลับถูกเฉินชางจ้องเขม็ง “ผมขอดูประวัติผู้ป่วยก่อนนะครับ อีกเดี๋ยวคุณค่อยพูด”

เฉินชางเป็นคนมีเหตุผล ช่วงเวลาสำคัญก็ใช้กำลังได้ นี่ทำให้ชายคนนั้นพูดอะไรไม่ออก

ไม่นานหวังหย่งก็เดินถือประวัติคนไข้เข้ามา จากนั้นก็ถ่ายประวัติอาการมาให้ฉบับหนึ่ง ด้านบนมีบันทึกประวัติอาการเจ็บป่วยเอาไว้อย่างละเอียด

เฉินชางอ่านจบก็ต้องขมวดคิ้วทันที

หวังหย่งมองชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มเย็นชา กล่าวเสียงดังว่า “ผู้ป่วยเป็นโรคถุงน้ำดีอักเสบ อาการกำเริบเมื่อสามวันก่อน ปล่อยเวลาผ่านไปเกินเจ็ดสิบสองชั่วโมงแล้วถึงค่อยส่งตัวมาที่โรงพยาบาล ตอนแอดมิทสภาพร่างกายของผู้ป่วยย่ำแย่มาก ผมตรวจเลือดดูแล้วพบว่า TSB[1] ในเลือดสูงมาก! AST[2] ALP[3] อะไรพวกนี้ก็ไม่ปกติ

ถึงจะประเมินออกมาแล้วว่าค่าการทำงานของหัวใจตับและไตยังอยู่ในระดับปกติ แต่ผู้ป่วยอายุแปดสิบปีแล้ว โรคถุงน้ำดีอักเสบกำเริบมามากกว่าเจ็ดสิบสองชั่วโมงแบบนี้อาจจะมีการติดเชื้อในช่องท้องร่วมด้วย ตอนนี้อุณหภูมิร่างกายของผู้ป่วยค่อนข้างสูง เห็นได้ชัดว่าผู้ป่วยติดเชื้อ ต้องให้ผู้ป่วยอยู่ห้อง ICU เพื่อติดตามอาการก่อน รอให้สภาวะร่างกายฟื้นตัวเป็นปกติก่อนค่อยผ่าตัด แต่เขาบอกว่าผมไม่ยอมผ่าตัดให้”

พูดถึงตรงนี้หวังหย่งก็ถามชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณหาว่าผมรับสินบนหรือ ได้ งั้นผมถามคุณหน่อย ตอนพ่อคุณแอดมิท คุณมีเงินไม่พอ ใครทำเรื่องค้างชำระให้คุณ ถ้าคุณคิดสักหน่อยจะรู้ว่าพ่อคุณทำแบบนี้ไม่ไหวแน่!”

“คุณบอกว่าผมไม่มีจรรยาบรรณแพทย์ งั้นผมถามคุณหน่อย พ่อคุณอาการกำเริบมาสามวันแล้ว โรคประเภทนี้จะแสดงอาการชัดเจน ทำไมคุณเพิ่งพาเขามาส่งโรงพยาบาลวันนี้ล่ะครับ ผมจะบอกคุณให้ หลังอาการกำเริบ ต่อให้คุณส่งตัวมาวันถัดไป พ่อของคุณก็คงถูกส่งไปผ่าตัดนานแล้ว ตอนนี้อาการคงเสถียรรอฟื้นตัวไปนานแล้ว!”

“ยังมีหน้ามาว่าผมอีกเหรอ!”

หวังหย่งยังอายุน้อย ถูกคนชี้หน้าด่าแบบนี้ย่อมไม่พอใจ!

แต่ละประโยคที่กล่าวออกมาล้วนมีเหตุมีผล ทำให้ชายคนนั้นเถียงไม่ออก!

ผู้ป่วยรอบๆ ได้ยินดังนั้นก็พากันแสดงท่าทีดูถูก

ตอนแรกก็นึกว่าเป็นคนดีอะไรซะอีก ที่แท้ก็เป็นคนแบบนี้นี่เอง

ชายคนนั้นเห็นสถานการณ์ก็พูดอะไรไม่ออก ใบหน้าแดงก่ำ เกร็งจนคอเป็นเอ็น อยากเถียงกลับจริงๆ เพราะจะอย่างไรเรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หากคนอย่างเขาจะสร้างเรื่องให้ใหญ่ขึ้นอีกจะมีอะไรน่ากลัวล่ะ

แต่ในตอนนี้เองก็มีคนสามคนวิ่งเข้ามาจากรอบนอก เป็นชายสองคนและหญิงหนึ่งคน ดูจากลักษณะแล้วอายุมากกว่าเขาอยู่เล็กน้อย ทั้งสามได้ยินบทสนทนาระหว่างเฉินชางและหวังหย่งเมื่อครู่นี้แล้วก็โมโหจนมือสั่น!

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งโกรธจนมือสั่น ชี้หน้าชายร่างใหญ่คนนั้นแล้วตะโกนด่า “เจ้าสี่ โรคถุงน้ำดีอักเสบของพ่อกำเริบมาสามวันแล้ว แกเพิ่งจะพาพ่อมาส่งโรงพยาบาล นี่แกอยากให้พ่อตายหรือไง”

คำถามประโยคนี้ทำให้ทุกคนเข้าใจขึ้นมาทันที ที่แท้ก็เป็นครอบครัวกันนี่เอง!

ผู้หญิงคนนั้นรีบวิ่งเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยเพื่อไปดูอาการพ่อของตน

ชายอีกคนหนึ่งทอดถอนใจ เขาจะไม่รู้นิสัยน้องชายคนนี้ของตนได้อย่างไร วันๆ เอาแต่เล่นเกมเล่นมือถือ ไม่ทำงานทำการ

พี่ชายสองคนและพี่สาวหนึ่งคนทำงานอยู่ข้างนอกก็ยุ่งมากแล้ว แถมยังให้เงินเขาเพื่อให้เขาคอยดูแลพ่อ เขาก็ยินดีมาก ถึงอย่างไรมีพ่อแก่ขนาดนี้แล้ว ทั้งสามคนคิดตรงกันว่าหากจะจ้างคนดูแล สู้ให้น้องชายแท้ๆ ของพวกตนดูแลยังจะใส่ใจมากกว่า และเป็นการลดภาระให้พวกเขาพอดี

ผู้สูงอายุจะใช้เงินมากแค่ไหนกันเชียว

เงินที่มีคงเอาไปให้น้องชายคนนี้ใช้ทั้งหมด

แต่จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าโรคถุงน้ำดีอักเสบของพ่อกำเริบมาสามวันแล้ว แต่พวกเขาสองสามีภรรยาก็ยังไม่รู้ตัว

นี่จะเป็นไปได้อย่างไร! ถ้าดูแลอย่างใส่ใจจะเป็นเช่นนี้หรือ

ถุงน้ำดีอักเสบเป็นโรคแบบไหนกัน ทุกคนต่างเข้าใจดี! นอกจากนี้พ่อของพวกเขาก็มีประวัติเคยเป็นโรคนี้อยู่แล้ว

ปกติพวกพี่ชายพี่สาวให้เงินเขาไม่น้อย จะไม่มีเงินสำหรับหาหมอและผ่าตัดเชียวหรือ ยิ่งไปกว่านั้นสองวันก่อนยังโทรคุยกันอยู่เลยว่าพ่อมีอาการถุงน้ำดีอักเสบกำเริบ พวกเขาสามคนจึงโอนเงินกลับมาคนละห้าพันหยวน แต่กลับกลายเป็นว่าทำเรื่องแอดมิทก็ยังค้างชำระหรือ

นี่หมายความว่าอย่างไร ทำไมพวกเขาจะไม่รู้

เจ้าสองรีบพูดกับเฉินชางและหวังหย่งว่า “คุณหมอ เป็นความผิดของพวกเราเองครับ ขอโทษคุณด้วยนะครับ พวกคุณอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยไปเลย น้องชายผมไม่รู้ความ คุณต้องช่วยพ่อผมด้วยนะครับ!”

ตอนนี้ลูกสาวก็เดินออกมาแล้ว “หมอคะ โปรดช่วยพ่อของฉันด้วยนะคะ!”

ตอนนี้คนที่มุงดูอยู่รอบๆ ยังอดส่ายหน้าไม่ได้ พากันถอนใจออกมา

แต่ละครอบครัวก็มีลูกหลานที่สั่งสอนยากอยู่ทั้งนั้น! เจอคนแบบนี้ชีวิตคงวุ่นวายจริงๆ ทำให้เสียไปทั้งบ้าน!

เฉินชางถอนใจ ตอนนี้ช่วยชีวิตผู้ป่วยก่อนค่อยว่ากันอีกครั้งแล้วกัน เขาจำได้ว่า…ตอนอยู่ในมิติฝึกฝนตนเคยผ่าตัดคล้ายๆ เคสนี้อยู่ด้วย…

เฉินชางหันไปสะกิดหวังหย่ง มองเขาครู่หนึ่ง “ใจเย็นหน่อยนะครับ”

หวังหย่งส่ายหน้า “ผมไม่เป็นไร!”

[1] Total Serum Bilirubin (TSB) การตรวจค่า TSB จะใช้ในการตรวจการทำงานของตับเพื่อหาความผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นกับตับและเม็ดเลือดแดง

[2] Aspartate Aminotransferase (AST) เป็นเอนไซม์ที่ตับสร้างขึ้นมา แต่พบได้จากอวัยวะหลายส่วนในร่างกาย เช่น หัวใจ ไต สมอง และกล้ามเนื้อ เพียงแต่จะมีปริมาณน้อยกว่าตับ

[3] Alkaline Phosphatase (ALP) เป็นเอนไซม์ที่ถูกอวัยวะผลิตขึ้นผ่านโปรตีน เมื่ออวัยวะเกิดความผิดปกติจะพบได้มากในตับ และกระดูก การตรวจ ALP จะทำให้แยกอาการผิดปกติระหว่างตับกับกระดูกได้

บทที่ 408 ความโปรดปรานของแม่ยาย

เฉินชางถอนหายใจ ตอนแรกเขาคิดว่าที่ฉินเยว่บอกว่าแม่เธอต้องการพบเป็นเรื่องล้อเล่นเสียอีก! คิดไม่ถึงว่าเวลาพบหน้าจะมาถึงเร็วขนาดนี้!

ดูท่าทาง…ต่อจากนี้ห้ามพูดล้อเล่นกันมั่วๆ แล้ว หากเป็นจริงขึ้นมาจะทำอย่างไร

คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็รู้สึกกระอักกระอ่วน เคร่งเครียด สับสนมึนงง

ให้เดินไปหาก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี!

แต่ถ้าไม่เดินไปหาก็ไม่เหมาะสม!

ถึงอย่างไร…นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เฉินชางพบเหล่าฉินในฐานะแฟนฉินเยว่ พอคิดเช่นนี้แล้วก็… คาดหวังอยู่เหมือนกัน!

เฉินชางเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นแววหยอกล้อในดวงตาของฉินเยว่ก็หัวร้อนขึ้นมาทันที!

ขี้ขลาดอะไรกัน! ไปก็ไปสิ!

เฉินชางยิ้ม ยืดอกขึ้น ก้าวเดินไปด้านหน้า

“สวัสดีครับผู้อำนวยการฉิน! สวัสดีครับคุณน้า”

เฉินชางเดินยิ้มเข้าไปทักทาย

นี่เป็นครั้งแรกที่จี้หรูอวิ๋นเห็นเฉินชางในระยะใกล้ ก่อนหน้านี้ต้องแอบมองผ่านหน้าต่างจึงเห็นเพียงคร่าวๆ ยังไม่เคยเจอเฉินชางระยะประชิดเช่นนี้มาก่อน

ความรู้สึกในการพบหน้าครั้งแรกไม่เลวเลย รูปร่างสูงเพรียว ดูมีเสน่ห์ ให้ความรู้สึกมั่นคง

จี้หรูอวิ๋นยิ้ม “เฉินชางสินะจ๊ะ ฉันได้ยินเยว่เยว่พูดถึงเธอบ่อยๆ วันหน้ามานั่งเล่นที่บ้านสิจ๊ะ!”

เฉินชางยิ้ม “แน่นอนครับ วันหน้าผมจะไปเยี่ยมเยียนถึงบ้านแน่ ผมก็ได้ยินฉินเยว่พูดถึงคุณน้าอยู่บ่อยๆ บอกว่าคุณทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมากมาย แล้วยังบอกด้วยว่าตอนสาวๆ คุณสวยมาก วันนี้เห็นแล้วก็ยังดูมีเสน่ห์มากเลยครับ”

คำประจบประแจงเช่นนี้ทำให้จี้หรูอวิ๋นสบายไปทั้งตัว “วันหน้าก็มาที่บ้านสิจ๊ะ เดี๋ยวน้าจะทำอะไรอร่อยๆ ให้กิน”

จากนั้นจี้หรูอวิ๋นก็ยิ้ม “เสี่ยวเฉิน เธอโชคดีจริงๆ เลย!”

“เป็นแบบนี้ก็ไม่มีภาระอะไรแล้วสินะ! ซื้อห้องก็มีแพ็คเกจแต่งห้องแถมมาด้วย จริงสิ เธอซื้อบ้านขนาดเท่าไหร่เหรอจ๊ะ”

เฉินชางมองฉินเยว่ “คราวที่แล้วผมกับฉินเยว่ถูกใจห้องชุดอยู่ห้องหนึ่งนะครับ ขนาดประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบตารางเมตร แต่ตอนนั้นอีกฝ่ายยังไม่มีแผนขายห้อง แต่จู่ๆ สองวันก่อนก็โทรหาผม บอกว่าจะขายแล้ว วันนี้ผมก็เลยรีบมาดู”

เฉินชางซ่อนเรื่องที่เขาคุยกับเจิ้งกั๋วถานในตอนนั้นเอาไว้

“ฉินเยว่ชอบมากเลยครับ ตอนแรกผมตั้งใจจะซื้อก่อนแล้วทำเซอร์ไพรส์ให้เธอ ผลกลายเป็นว่ามาเห็นเขาจัดกิจกรรมกันก่อนเลยไปจับฉลากดูบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะได้รางวัลพิเศษ ผมคาดไม่ถึงจริงๆ ไม่ต้องจ่ายเงินแล้วยังได้ของแถมด้วย!”

“อีกอย่างคิดไม่ถึงด้วยครับว่าจะเจอพวกคุณ”

กล่าวจบทุกคนก็หัวเราะ

ฉินเสี้ยวหยวนมองเฉินชางด้วยความอิจฉา “เจ้าหนู โชคดีจริงๆ นะ ไม่ทันไรก็ลดภาระไปได้ยี่สิบปีแล้ว!”

เฉินชางกล่าวต่อ “ครับ พวกเราไปดูกันเถอะ! เป็นห้องพร้อมขายนะครับ”

ฉินเยว่พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ใช่ค่ะ พ่อคะ แม่คะ เดี๋ยวหนูจะพาไปดูเอง ห้องนี้หนูเห็นครั้งแรกก็ถูกใจเลยค่ะ”

ฉินเยว่และเฉินชางอายุไม่น้อยแล้ว ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นจึงอยากให้พวกเขาแต่งงานกันเร็วๆ

แม้ทั้งสองคบหากันไม่นานเท่าไหร่ แต่ก็รู้จักกันมาสามปีกว่า เวลาสามปีมานี้ก็แอบสร้างความสนิทสนมกันอยู่เรื่อยๆ อาจมีความชอบพอกันมานานแล้ว เพียงแต่ต่างคนต่างไม่พูดออกมาเท่านั้น ดังนั้นเมื่อมั่นใจในความสัมพันธ์แล้ว พวกเขาเชื่อว่าทั้งสองจะแต่งงานมีลูกกันได้แน่นอน

ฉินเสี้ยวหยวนและจี้หรูอวิ๋นคิดเช่นนี้ พวกเขาตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของเด็กๆ ไปนานแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับหัวใจของเด็กๆ ด้วย

แม้จี้หรูอวิ๋นจะพบหน้าเฉินชางเป็นครั้งแรกแต่ก็รู้สึกดีกับเฉินชางจริงๆ แม้กระนั้นก็ต้องใช้เวลาสานสัมพันธ์กันบ้าง

คนเป็นพ่อเป็นแม่ แม้จะรีบร้อนเรื่องแต่งงาน แต่ความคาดหวังสูงสุดก็คืออยากเห็นเด็กๆ มีชีวิตครอบครัวที่ดี

ไม่ได้จะบอกให้ฉินเยว่หาคนมีเงิน หรือคนมีความสามารถสูง แต่อย่างน้อยก็ต้องหาคนที่ดีต่อเธอ พึ่งพาได้และมั่นคง

เห็นฉินเยว่อยู่กับเฉินชางด้วยท่าทางเบิกบานใจเช่นนั้น จี้หรูอวิ๋นและฉินเสี้ยวหยวนก็พอใจมาก

เมื่อเข้าไปในห้อง ทั้งสองก็พบว่ารูปแบบและทิศทางของห้องไม่เลวเลย

ทั้งสองเดินวนดูรอบห้อง เห็นฉินเยว่และเฉินชางเดินไปเดินมาอยู่ในห้องอันว่างเปล่า คิดซ้ำๆ ว่าจะตกแต่งห้องในอนาคตนี้อย่างไร ฉินเยว่วางท่าคล้ายกับเป็นเจ้าของห้องไปแล้วด้วยซ้ำ คิดอยากใช้ชีวิตอยู่ในบ้านเล็กๆ ของเธออย่างมีความสุข

ทันใดนั้นพวกเขาก็คิดว่าเป็นเช่นนี้ช่างดีจริงๆ

……

……

ตอนเที่ยงฉินเสี้ยวหยวนเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าว คนทั้งสี่ไปกินข้าวด้วยกัน

อันที่จริงฉินเสี้ยวหยวนพอใจในตัวเฉินชางมาก เพียงแต่…ตอนอยู่โรงพยาบาลเขาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาล จึงต้องวางมาดบ้าง แต่ขณะนี้เขาดูไม่แตกต่างอะไรจากคนธรรมดา

พูดคุยสนทนา ยิ้มแย้ม คีบอาหาร กินข้าวด้วยกัน

ดูแล้วเป็นครอบครัวที่อบอุ่น

เฉินชางและฉินเยว่นั่งข้างกัน จี้หรูอวิ๋นและฉินเสี้ยวหยวนนั่งข้างกัน

เมื่อกินข้าวเสร็จ จี้หรูอวิ๋นก็มองฉินเยว่และเฉินชาง พูดยิ้มๆ ว่า “เฮ้อ แก่แล้วจริงๆ ลูกโตขนาดนี้แล้ว!”

ฉินเยว่พองแก้ม พูดด้วยรอยยิ้มว่า “แม่คะ แม่ไม่แก่เลย!”

จี้หรูอวิ๋นยิ้มตอบ “ไม่แก่ที่ไหนกันล่ะ ดูสิ มีรอยเต็มหน้าเลย เพราะพ่อของลูกทำให้แม่โมโหนั่นแหละ!”

ฉินเยว่ได้ยินดังนี้ก็รีบปลอบใจ “แม่คะ ใครบ้างไม่มีรอยเหี่ยวย่น! เดี๋ยววันหน้าพวกเราไปทำกันเถอะ”

พูดถึงตรงนี้ฉินเยว่ก็สะกิดเฉินชางเบาๆ “ตอนนี้คุณไปคลินิกศัลยกรรมอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่หรือคะ คุณผ่าตัดลบริ้วรอยอะไรพวกนั้นเป็นหรือเปล่า”

เฉินชางชะงักไปโดยพลัน!

ให้ตายเถอะ!

เข้าใจแล้ว!

ในที่สุดก็เข้าใจแล้วว่าระบบให้ทักษะภาษาลดริ้วรอยแบบ SMAS มาทำไม!

เตรียมปรนนิบัติแม่ยายนี่เอง!

เฉินชางเข้าใจกระจ่างขึ้นมาโดยพลัน ช่วงนี้เขาอ่านข้อมูลจำพวกที่ว่าจะเอาใจแม่ยายอย่างไร อืม ไม่เสียเปล่าจริงๆ ซึมซับลึกไปถึงคลังทักษะของระบบแล้วสินะ

ไม่เลว ไม่เลว!

เฉินชางลังเลเพียงพริบตาเดียวก็กดเลือกกระตุ้น

[การผ่าตัดลบเลือนริ้วรอยแบบ SMAS ระดับปรมาจารย์ ต้องการเข้าสู่การอบรมพิเศษหรือไม่]

ต้องการ!

เพียงชั่วพริบตาเฉินชางก็มาปรากฏในมิติฝึกฝนแล้ว…

เวลาผ่านไปอีกชั่วพริบตา เมื่อมองใบหน้าของแม่ยาย ก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น!

เฉินชางพบว่าตอนที่รวม [ทักษะการผ่าตัดลบเลือนริ้วรอย] และ [ดวงตาแห่งความงาม] เข้าด้วยกัน ทำให้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายมหาศาลเกิดขึ้น!

คิดถึงตรงนี้ เฉินชางก็กระตือรือร้นขึ้นมาแล้ว!

ครึ่งนาทีผ่านไป เฉินชางก็มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้คร่าวๆ แล้ว

ฉินเยว่เห็นเฉินชางจ้องมองใบหน้าของจี้หรูอวิ๋นอยู่นานจึงสะกิดเขาแล้วพูดว่า “คุณจ้องแม่ฉันแล้วเหม่อทำไมคะ พูดอะไรบ้างสิ!”

กระทั่งฉินเสี้ยวหยวนก็อดบ่นในใจไม่ได้ ไอ้หนูนี่คิดจะทำอะไรน่ะ!

จี้หรูอวิ๋นถูกเฉินชางจ้องอยู่นาน แต่เธอกลับสงบนิ่งมาก เธอดูออก ในดวงตาของเฉินชางเต็มไปด้วยความครุ่นคิดพิจารณา มีความเป็นมืออาชีพและสุขุม เหมือนหมอกำลังตรวจคนไข้

พอเธอหันไปมองฉินเสี้ยวหยวนก็ต้องกลอกตาใส่

เฉินชางค่อยๆ พูดขึ้นว่า “คุณน้าครับ ความจริงรอยย่นบนใบหน้าคุณน้ากำจัดออกได้ทั้งหมดนะครับ เมื่อรวมกับการใช้กรดไฮยาลูรอนแล้วจะทำให้ผิวเต่งตึงอย่างเหมาะสม มีความเปลี่ยนแปลงมากอย่างแน่นอนครับ!”

เมื่อเขาพูดออกมาเช่นนี้ จี้หรูอวิ๋นก็มีสีหน้าดีอกดีใจ “จริงหรือจ๊ะเสี่ยวเฉิน รอยพวกนี้กำจัดได้ด้วยเหรอ”

เฉินชางพยักหน้า “ใช่ครับ กำจัดได้ทั้งหมดเลย แล้วก็ไม่เหลือรอยแผลเป็นด้วยครับ ดูเป็นธรรมชาติมาก!”

เฉินชางตรวจดูทักษะในปัจจุบัน

[ทักษะผ่าตัดลบเลือนริ้วรอยแบบ SMAS: ระดับปรมาจารย์

คุณสมบัติพิเศษ: 1. ไร้รอยแผลเป็น 2. เป็นธรรมชาติ]

คุณสมบัติพิเศษทั้งสองอย่างนี้ยอดเยี่ยมมาก แม้จะดูธรรมดา แต่นำไปใช้งานได้จริง

ลูกค้าที่มาเข้ารับบริการผ่าตัดลบเลือนริ้วรอยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีอายุประมาณสี่สิบห้าสิบปีขึ้นไป ซึ่งถือว่าอายุมากแล้ว คนอายุเท่านี้ไม่ชอบให้มีการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้ามากนัก สิ่งเดียวที่ต้องการก็คือกำจัดริ้วรอย จะให้ดีที่สุดก็ต้องให้คนอื่นมองไม่เห็นริ้วรอยพวกนั้น หลังจากผ่าตัดแล้วก็ต้องดูเป็นธรรมชาติ ไม่มีความรู้สึกว่าผ่านมีดหมอมา

ดังนั้นคุณสมบัติพิเศษของเฉินชางจึงเป็นประโยชน์มาก!

จี้หรูอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็ใจเต้น “เสี่ยวเฉิน เธอผ่าตัดได้หรือเปล่าจ๊ะ”

เฉินชางพยักหน้า “ได้ครับ ค่อนข้างเชี่ยวชาญเลยละครับ”

เมื่อเฉินชางพูดออกมาเช่นนี้ จี้หรูอวิ๋นก็ดีใจมาก!

สายตาที่ใช้มองเฉินชางก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท