เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ – บทที่ 464 มีเสี่ยวเฉินอยู่ด้วยคงไม่มีปัญหาอะไรมาก!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

บทที่ 464 มีเสี่ยวเฉินอยู่ด้วยคงไม่มีปัญหาอะไรมาก!

ถึงแม้ฉินเสี้ยวหยวนจะไม่ใช่หมอที่ประจำแผนกส่องกล้อง แต่ประสบการณ์ด้านคลินิกหลายปีของเขาก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เมื่อได้ยินคำพูดเซียวเหอ เขาก็ขมวดคิ้วทันที

เซียวเหอกล่าวต่อไป “ผู้อำนวยการฉิน ผมกังวลว่าอาจเป็นแผลทะลุที่หลอดอาหาร แต่…ไม่ทราบว่าจะลามไปถึงหลอดเลือดแดงใหญ่หรือเปล่า ดังนั้นกันไว้ก่อนดีกว่า!”

นี่เป็นหนึ่งในอาการเริ่มต้นของเนื้องอก ซึ่งปกติจะมีอาการค่อนข้างซับซ้อนเช่นนี้เอง ยิ่งเป็นฉินเสี้ยวหยวนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอกมาตลอดชีวิตก็ยิ่งรู้เรื่องนี้ดี

แรกเริ่มเดิมทีแผนกเนื้องอกวิทยาของโรงพยาบาลอันดับสองถูกเรียกว่า ‘แผนกอายุรศาสตร์ครอบคลุม’ เพราะเนื้องอกเกี่ยวพันกับระบบต่างๆ ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าเป็นแผนกอายุรศาสตร์ครอบคลุม ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นแผนกเนื้องอกวิทยาอย่างเป็นทางการ และค่อยๆ แตกออกมาเป็นแผนกเนื้องอกหนึ่ง เนื้องอกสอง…

อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องคุยกับผู้ป่วยจะเรียกว่า ‘แผนกอายุรศาสตร์ครอบคลุม’ เช่นเดิม ไม่ใช่ ‘แผนกเนื้องอกวิทยา’ เพราะครอบครัวผู้ป่วยไม่อยากให้ผู้ป่วยรู้ว่าตัวเองเป็นเนื้องอก

ดังนั้นหากเป็นคนวงในของโรงพยาบาลจะเรียกว่าแผนกเนื้องอกวิทยา แต่เมื่อพูดกับผู้ป่วยจะเรียกว่าแผนกอายุรศาสตร์ครอบคลุม

เมื่อฉินเสี้ยวหยวนได้ยินเซียวเหอกล่าวว่าเป็นแผลที่หลอดอาหารก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที เพราะเมื่อหลอดอาหารเป็นแผล หรือเกิดการทะลุขึ้นมา จะส่งผลไปทำลายถึงหลอดเลือดแดงใหญ่ได้ง่ายมาก และอาจทำให้หลอดเลือดแดงเป็นแผลไปด้วย!

หากหลอดเลือดแดงเสียหาย สถานการณ์ก็จะอันตรายขึ้นไปอีก

คิดแล้วฉินเสี้ยวหยวนก็รีบกำชับหวงเหว่ยเหยียนว่า “เหว่ยเหยียน ทำเรื่องแอดมิดก่อนเลย ไปที่แผนกศัลยกรรมหัวใจนะ เดี๋ยวพวกเราจะตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง”

หวงเหว่ยเหยียนเห็นฉินเสี้ยวหยวนกล่าวด้วยท่าทางหนักอึ้งเช่นนั้นก็ปฏิบัติตามอย่างจริงจัง

จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงจริงๆ เมื่อครู่นี้ยังสบายๆ อยู่เลย ไม่ทันไรก็ทำท่าว่าจะป่วยเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมาเสียแล้ว!

คิดแล้วหวงเหว่ยเหยียนก็ไม่กล้าหย่อนยาน เขารีบพยักหน้ารับแล้วตามฉินเสี้ยวหยวนไปทำตามขั้นตอนทันที ส่วนจี้หรูอวิ๋นก็อยู่เป็นเพื่อนหวงหย่งอี้

ขณะเดินไปทำเรื่อง ฉินเสี้ยวหยวนก็ถือโอกาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบอกให้เถามี่และเฉินชางรีบมาที่โรงพยาบาล

เถามี่อาศัยอยู่ที่ตึกพักอาศัยสำหรับบุคลากรจึงไม่ยุ่งยาก ไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงห้องโถงของแผนกฉุกเฉินแล้ว

ส่วนเฉินชางกำลังเล่นมือถือดูทีวีอยู่ด้วยกันกับฉินเยว่ เมื่อได้รับโทรศัพท์จากฉินเสี้ยวหยวนก็รีบเปลี่ยนชุดทันที กระทั่งฉินเยว่ก็ยังตามไปด้วย

ตอนที่เฉินชางมาถึงโรงพยาบาล หวงหย่งอี้ทำเรื่องแอดมิทเสร็จแล้ว และถูกส่งตัวไปตรวจต่อที่แผนกรังสีวิทยาแล้ว

ฉินเยว่เห็นมารดายืนรออยู่นอกแผนกรังสีวิทยาก็เดินเข้าไปหา

ส่วนเฉินชางเมื่อเห็นเซียวเหอก็รีบยื่นหน้าเข้าไปถามทันที “หัวหน้าเซียว อาการเป็นยังไงบ้างครับ”

เซียวเหอมองเฉินชาง เขาพิจารณาครู่หนึ่งก่อนตอบ “อาจบาดเจ็บที่หลอดอาหาร และทะลุไปถึงหลอดเลือดแดงใหญ่ครับ”

เมื่อเขากล่าวออกมาเช่นนี้ กระทั่งเฉินชางก็ยังตกใจ!

นี่ไม่ใช่อาการป่วยเล็กๆ เลย หากถึงขั้นทำให้มีเลือดออกที่ระบบทางเดินอาหารส่วนบนเป็นจำนวนมาก อาจมีอันตรายถึงชีวิต!

ปกติถ้าตรวจเจอจะต้องรีบผ่าตัดทันที ดังนั้นเมื่อเฉินชางได้ยินเช่นนี้จึงให้ความสำคัญขึ้นมาทันที “วินิจฉัยหรือยังครับ”

เซียวเหอส่ายหน้า “ส่งไปเอ็กซเรย์แล้วครับ”

เฉินชางได้ยินดังนั้นก็ตรงไปยังห้องปฏิบัติการของแผนกรังสีวิทยาทันที

หลายวันมานี้เฉินชางคุ้นเคยกับหมอที่แผนกรังสีวิทยาขึ้นมาก เพราะทั้งสองแผนกอยู่ชั้นหนึ่งเหมือนกันจึงเจอหน้ากันบ่อยๆ ดังนั้นเมื่อเห็นเฉินชางเข้ามา หยางหลินผู้เป็นหมอของแผนกรังสีวิทยาก็ไม่ได้ใส่ใจนัก

เฉินชางเดินเข้าไปหาแล้วพูดว่า “เหล่าหยาง รบกวนดูหน่อยครับว่าหลอดเลือดแดงใหญ่เสียหายหรือเปล่า”

หยางหลินพยักหน้า

ภาพเอกซเรย์มีความสำคัญต่อการวินิจฉัยและการตรวจพบอาการบาดเจ็บที่หลอดอาหารจนทะลุไปถึงหลอดเลือดแดงใหญ่เป็นอย่างมาก

เมื่อผลเอกซเรย์ออกมาแล้ว หยางหลินก็ขมวดคิ้ว “โอ้โห ชางเอ๋อร์ คุณอาจจะเดาถูกจริงๆ ก็ได้! ดูสิ ประจันอก[1]บวมมาก ช่องอกด้านซ้ายมือบริเวณระหว่างหัวใจกับกระบังลมหนาขึ้น การไหลเวียนโลหิตที่หลอดเลือดแดงใหญ่ก็หายไป…”

เฉินชางใจเต้นตึกตักขึ้นมาโดยพลัน!

เขามั่นใจถึงแปดเก้าส่วนแล้ว จะต้องรีบผ่าตัดให้เร็วที่สุด!

คิดแล้วเฉินชางก็ยืดตัวขึ้น เพิ่งเดินออกไปก็เจอพวกจี้หรูอวิ๋นทั้งสามคนเข้าพอดี

เฉินชางรีบพูดขึ้นว่า “คุณน้าครับ หลอดอาหารเป็นแผลทะลุไปถึงหลอดเลือดแดง ต้องรีบเตรียมผ่าตัดทันที”

หวงเหว่ยเหยียนเห็นเฉินชางเคร่งเครียดเช่นนั้นก็ตกใจมาก อดถามไม่ได้ว่า “หมอครับ อาการของคุณพ่อผมเป็นยังไงบ้างครับ”

เฉินชางไม่ได้พูดอะไร แต่หันไปมองฉินเยว่ “คุณอธิบายทีนะครับ เดี๋ยวผมจะไปที่แผนกศัลยกรรมหัวใจ จะไปหาหัวหน้าเถา ให้เขาเตรียมผ่าตัดให้เร็วที่สุด”

กล่าวจบก็ไม่สนใจอยู่อธิบาย เดินจากไปทันที ปล่อยให้หวงเหว่ยเหยียนยืนอึ้งอยู่คนเดียว สุดท้ายจึงต้องมองจี้หรูอวิ๋นแล้วถามว่า “พี่จี้ ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ”

จี้หรูอวิ๋นไม่ได้แตะงานด้านคลินิกมานานหลายปีแล้วจึงไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ฉินเยว่เป็นหมอประจำแผนกฉุกเฉินรู้จักโรคอันตรายอยู่บ้าง เธอรีบพูดขึ้นว่า “อาหวงคะ อันตรายมากค่ะ หากปล่อยให้เวลายืดเยื้อไปหนึ่งนาทีก็อาจมีเลือดออกมากขึ้น พอเลือดออก อาการก็จะ…อันตรายขึ้น”

จี้หรูอวิ๋นหันมามองฉินเยว่ “เกิดขึ้นได้ยังไงน่ะลูก”

ฉินเยว่อธิบายอย่างละเอียด “ภาวะหลอดอาหารทะลุไปถึงหลอดเลือดแดงเป็นอาการที่ต้องอาศัยกระบวนการเกิดอย่างค่อยเป็นค่อยไปค่ะ หลอดอาหารของคนเราอยู่ใกล้หลอดเลือดแดงเอออร์ต้ามาก พอหลอดอาหารมีอาการผิดปกติ จะเริ่มด้วยการเกิดพังผืดที่หลอดอาหาร ทำให้เนื้อเยื่อขาดเลือดและตาย สุดท้ายอาการจะค่อยๆ ขยายไปยังผนังหลอดอาหาร จากนั้นก็จะไปทำลายหลอดเลือดแดงทีละนิด ทำลายเยื่อหุ้มหลอดเลือดแดงจนเสียหาย ถึงตอนนั้นหลอดเลือดแดงก็จะมีเลือดออก”

“หากเป็นระยะแรกเริ่มจะมีเลือดออกน้อย เลือดที่ออกมาปริมาณน้อยพวกนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าช่องอกมีบางอย่างผิดปกติ หรืออาจจะไม่มีอาการเตือนเลยก็ได้ แต่เมื่อหลอดเลือดเกิดความเสียหายแล้วก็จะทำให้เลือดออกมากจนส่งผลถึงชีวิต!”

“ดังนั้นตอนนี้จะต้องป้องกันให้ดีที่สุด หากมีเลือดออกเล็กน้อยก็ต้องให้ความสนใจแล้ว!”

เมื่อเธออธิบายออกมาเช่นนี้ ทั้งสองก็หน้าซีดด้วยความหวาดผวา!

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่า เพราะเหตุใดเฉินชางจึงรีบร้อนและกระวนกระวายถึงเพียงนั้น

……

……

ขณะเดียวกัน ฉินเสี้ยวหยวนและเถามี่ก็อยู่ในห้องหัตถการแล้ว กำลังรอด้วยความกระวนกระวายใจ

เฉินชางถือฟิล์มเอกซเรย์เดินเข้ามาอย่างเร่งร้อน

เมื่อเห็นทั้งสองคน เขาก็รีบเข้าไปทักทาย จากนั้นจึงเดินถือฟิล์มเอกซเรย์เดินไปข้างเถามี่ “หัวหน้าเถา นี่ฟิล์มเอกซเรย์ครับ วินิจฉัยได้ว่าผู้ป่วยอาจเป็นแผลที่หลอดอาหารและทะลุไปถึงหลอดเลือดแดงแล้ว! ต้องรีบเตรียมการผ่าตัดทันที”

เถามี่ได้ยินคำพูดของเฉินชางก็หน้าถอดสี กระทั่งฉินเสี้ยวหยวนก็ยังเครียดตามไปด้วย!

เขารีบรับฟิล์มเอกซเรย์มาตรวจดู ทันใดนั้นก็ต้องขมวดคิ้ว

สถานการณ์ไม่ดีจริงๆ!

สถานการณ์เช่นนี้เรียกได้ว่าเดินอยู่บนขอบเหว มีชีวิตเป็นเดิมพัน! ไม่มีใครรู้ว่าเลือดจะออกมากเมื่อไหร่ เพราะไม่เห็นสภาพหลอดเลือดแดงว่าเสียหายมากแค่ไหน ใครก็รับประกันไม่ได้ว่าอาการของผู้เฒ่าหวงเป็นอย่างไรกันแน่

คิดแล้วเถามี่ก็รีบยืดตัวขึ้น ขณะนั้น พยาบาลและจี้หรูอวิ๋นก็เข็นผู้เฒ่าหวงเข้ามา

เถามี่ออกไปเรียกจางเหวินฟู่ซึ่งเป็นหมอเวรและบอกให้เขาเตรียมการผ่าตัดทันที

ฉินเสี้ยวหยวนมองเถามี่ “หัวหน้าเถา ต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญคนอื่นมาหรือเปล่าครับ”

เถามี่ชะงักไปเล็กน้อย เข้าใจคำพูดของฉินเสี้ยวหยวนเป็นอย่างดี “ไม่ต้องหรอกครับ มีผมกับเสี่ยวเฉินอยู่ คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”

เมื่อได้ยินเถามี่กล่าวเช่นนี้ ฉินเสี้ยวหยวนก็มองเฉินชางด้วยความแปลกใจ

ไอ้หนูนี่เก่งขนาดนั้นเลยหรือ

[1] ประจันอก อวัยวะที่คั่นอยู่ระหว่างปอดทั้งสองข้าง

บทที่ 458 เวลาไม่พอแล้ว!

ยิ่งไปกว่านั้น เฉินชางยังพบว่าที่อยู่อีเมล์แนบท้ายมานั้นเป็นอีเมล์ส่วนตัว! เขาถึงกับชะงักไปเล็กน้อย…หรือว่าวารสารระดับสูงเช่นนี้จะต้องติดต่อกับบรรณาธิการด้วย

เฉินชางยังไม่ทันตอบกลับก็มีข้อความฉบับหนึ่งส่งมาจากอีเมล์ไม่คุ้นเคยอีกครั้ง!

“สวัสดีครับคุณเฉินชาง ผมคือถังเซิน บรรณาธิการของวารสาร BJS ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ต่อไปพวกเราจะติดต่อกับคุณอย่างต่อเนื่องนะครับ…”

เฉินชางเงียบไป นี่คือวารสารระดับไฮเอนด์ ทั้งยังมีบริการส่วนตัวแนบมาด้วย มาพร้อมกับบรรณาธิการที่ใช้ภาษาจีนอีก…นี่มันจะดีเกินไปหรือเปล่า

เมื่อคิดถึงวารสารการปลูกถ่ายตับ เฉินชางก็ต้องส่ายหน้า จากนั้นก็นอนหลับต่อไป!

……

……

เช้าวันต่อมา เฉินชางตื่นแล้วก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อย สิ่งเดียวที่ขาดไปก็คือสูทเพียงตัวเดียวของตนที่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว!

วันนี้คงต้องใส่ชุดลำลองไปก่อน

ทว่าทันใดนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เฉินชางชะงักไปเล็กน้อย

ใครมาเคาะประตูแต่เช้าแบบนี้เนี่ย

เมื่อเขาเปิดประตูออกไป ก็พบว่าฉินเยว่วิ่งถือสูทชุดหนึ่งเข้ามาในห้อง!

เฉินชางชะงักไปทันที

“คุณบอกว่ายังหลับอยู่ไม่ใช่เหรอครับ”

ฉินเยว่หัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไร เพียงเปิดถุงสูทใบใหญ่ในมือออกแล้วพูดว่า “เร็ว ลองสวมดูหน่อยค่ะ! พอดีตัวหรือเปล่า…”

พูดพลางก็หยิบสูทออกมาจากถุงสำหรับใส่สูท ตัวสูทเรียบกริบและเป็นสีกากีเหมือนเดิมราวกับซื้อมาใหม่!

เฉินชางชะงักไปทันที “คุณไปเอามาจากไหนครับ”

ฉินเยว่หน้าแดง “ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ ยังไงก็ใส่แค่วันเดียว! ลองก่อนเถอะค่ะว่าพอดีตัวหรือเปล่า”

จู่ๆ เฉินชางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “คงไม่ใช่ว่าคุณ…เอาสูทของพ่อคุณมาหรอกนะครับ”

ฉินเยว่เห็นว่าตนเองถูกจับได้แล้วจึงยิ้มกระอักกระอ่วนออกมาทันที “ยังไงวันนี้พ่อก็ไม่ต้องใส่ เดี๋ยวคุณใส่แล้วฉันจะซักคืนให้เขาเองค่ะ แล้วว่างๆ ฉันจะไปซื้อสูทกับคุณสักชุด!”

ฉินเยว่ไม่เหมือนเฉินชาง เธอมีความละเอียดอ่อน พิจารณารอบคอบ

เธอคิดว่าวันนี้เฉินชางจะต้องใช้สูทแน่นอน แต่เมื่อวานดึกเกินไป และเธอเห็นว่าเฉินชางเหนื่อยมากแล้วจึงไม่ได้พาเขาไปเดินซื้อสูท และไม่ได้เลือกซื้อมามั่วๆ ขณะนั้นเธอก็คิดถึงสเวตเตอร์ของพ่อที่เฉินชางใส่ได้พอดี ทั้งสองมีรูปร่างต่างกันไม่มาก ดังนั้นสูทก็น่าจะสวมด้วยกันได้

คิดแล้ว เมื่อคืนเธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อเอาสูทมาให้ได้

……

……

ฉินเสี้ยวหยวนกำลังนอนอยู่บนโซฟา วันนี้เป็นวันพักผ่อนที่หาได้ยากยิ่งของเขา เขาจึงนอนยาวสักหน่อย ทว่า…เมื่อคิดถึงท่าทางแปลกประหลาดของฉินเยว่เมื่อครู่นี้ เหล่าฉินก็เกิดแปลกใจขึ้นมาทันที รีบถามขึ้นว่า

“ที่รัก ผมใส่สูทตัวนั้นไปเมื่อไหร่นะครับ ทำไมผมไม่เห็นจำได้ว่ามันจะสกปรกตรงไหนเลย”

จี้หรูอวิ๋นขมวดคิ้ว “ฉันก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกันค่ะ ฉันจำได้ว่าคุณสวมสูทตัวนั้นครั้งเดียวเอง คุณสวมตอนไปร่วมงานสัมมนาที่เมืองหลวงของปีนี้ ส่วนตอนอื่น…ฉันก็จำไม่ได้นะคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนยิ้ม “เฮ้อ…ลูกสาวโตแล้วจริงๆ รู้ความกับเขาบ้างแล้ว รู้จักเอาเสื้อผ้าของผมไปซักให้แล้ว!”

จี้หรูอวิ๋นพูดยิ้มๆ “ฝันหวานไปแล้วค่ะ! ลูกเอาไปส่งร้านซักรีดต่างหาก! ฉันสิ ซักผ้าให้คุณมาทั้งชีวิตแล้ว ไม่เห็นพูดอะไรบ้างเลย”

ฉินเสี้ยวหยวนยิ้มเล็กน้อย หันไปกอดจี้หรูอวิ๋นแล้วพูดขึ้นว่า “สวรรค์ดีกับผมจริงๆ มอบภรรยาสวยๆ ให้ผม แล้วยังมอบลูกสาวดีๆ ให้ผมอีก จริงสิ…แล้วก็มีลูกเขยที่เก่งกาจตั้งแต่ยังหนุ่มด้วย! คุณว่าเป็นบุญวาสนาตั้งแต่ชาติปางไหนของผมกันครับ”

จี้หรูอวิ๋นเห็นฉินเสี้ยวหยวนแสดงออกมาเช่นนี้ก็อดพูดไม่ได้ว่า “บอกแล้วว่าฉันเป็นภรรยาที่ดี! คุณควรขอบคุณฉันนะคะ! จริงสิ เสี่ยวเฉินเป็นยังไงบ้างคะ เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”

จี้หรูอวิ๋นได้ยินข่าวของเฉินชางแล้วก็แปลกใจ จึงรีบถามขึ้นทันที

ฉินเสี้ยวหยวนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เธอฟังอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ตั้งแต่การกู้ชีพจนถึงคำวิจารณ์ของทุกคนตอนเย็นของเมื่อวาน!

จี้หรูอวิ๋นฟังแล้วก็ตื่นเต้นราวกับมีคลื่นซัดสาดอยู่ในใจ!

ฉินเสี้ยวหยวนพูดจบก็ถอนใจออกมา “เฮ้อ ตอนนี้ผมพอใจเจ้าเด็กนี่ขึ้นทุกวันแล้วละครับ”

……

……

เฉินชางมองฉินเยว่ “คุณหันไปก่อนสิ!”

ฉินเยว่หัวเราะออกมาทันที “ฉันยังไม่รังเกียจคุณเลย แล้วคุณจะมาอายทำไมคะ”

เฉินชางกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ในห้องกันสองต่อสองเช่นนี้มันเกิดเรื่องไม่คาดคิดได้ง่ายๆ เลยนะ! แต่เมื่อเห็นท่าทางซุกซนของฉินเยว่ เฉินชางก็ได้แต่ยิ้มออกมาแล้วถอดเสื้อและกางเกงออก…

ฉินเยว่อยากจะหันหนีไป แต่หากหันไปแล้วจะดูเหมือนว่าตัวเองขี้ขลาด เธอคือลูกหลานตระกูลฉินผู้สง่างามสูงส่ง เรื่องทรยศบิดาก็ยังกล้าทำมาแล้ว กับอีแค่เรื่องดูคนเปลี่ยนเสื้อผ้าทำไมจะไม่กล้าล่ะ

เพียงแต่เมื่อเห็นเฉินชาง…ฉินเยว่ก็หน้าแดงหูแดง ลมหายใจกระชั้นถี่!

เจ้าหมอนี่จะหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!

เปลี่ยนจริงๆ ซะด้วย…

เฉินชางถูกฉินเยว่มองเช่นนี้ก็รู้สึกใจวาบหวิว บางสิ่งบางอย่างเริ่มเกิดปฏิกิริยาไม่หยุดหย่อน จากเดิมที่ควบคุมได้ จู่ๆ ก็กลายเป็นมีปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณ…

ฉินเยว่เห็นดังนั้นก็ต้องเบิกตากว้าง!

รู้สึกหายใจลำบากเข้าไปใหญ่!

เฉินชางรีบยืดตัวขึ้น ดึงฉินเยว่เข้ามาในอ้อมกอด

ฉินเยว่ถูกเฉินชางดึงเข้ามาก่อนเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงจนได้ยินเสียงตึกตัก ใบหน้าแดงก่ำ

กล่าวตามตรง ตอนนี้เฉินชางก็เริ่มรู้สึกอะไรขึ้นบ้างแล้ว ส่วนฉินเยว่…เธอรู้สึกว่าเธอควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นกัน

มือของทั้งสอง…เริ่มไม่อยู่นิ่ง

ขณะที่สถานการณ์กำลังแปรเปลี่ยนไปในทางที่ยากจะอธิบาย โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทั้งสองชะงักไปทันที

ฉินเยว่รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พบว่าเป็นสายของฉินเสี้ยวหยวน เธอรีบสงบอารมณ์ของตนก่อนจะกดรับโทรศัพท์แล้วพูดไปว่า “ฮัลโหล พ่อคะ มีอะไรคะ”

ฉินเสี้ยวหยวนพูดยิ้มๆ “ลูกพ่อ ลูกซักสูทให้พ่อใช่ไหม พ่อส่งซองแดงให้ลูกทางวีแชทแล้วนะ…อย่าลืมล่ะ ลูกยังหาเงินได้ไม่มาก พ่อไม่ยอมให้ลูกออกค่าซักผ้าเองหรอก คืนนี้ก็กลับช้าหน่อยก็ได้ ไปกินอะไรอร่อยๆ กับเสี่ยวเฉินสักหน่อยเถอะ!”

“อีกอย่าง อย่าใช้เงินเสี่ยวเฉินนะลูก ฟังพ่อนะ ลูกสาวบ้านเราต้องยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ไม่มีเงินก็มาขอพ่อ”

พูดจบก็วางสายไป

ทั้งสองถูกโทรศัพท์สายนี้ขัดจังหวะ ทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนไปบ้าง…

ฉินเยว่ดูเวลา พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว เธอจ้องเฉินชาง กล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เอ่อ…ใกล้ถึงเวลาแล้ว คุณรีบสวมเสื้อผ้าเถอะค่ะ จัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วรีบไปกันเถอะ”

เฉินชางพยักหน้า แต่ไม่นานก็ต้องชะงักไป!

ไม่ถูกสิ

การประชุมเริ่มแปดโมงครึ่ง ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมง ใช้เวลาเดินทางยี่สิบนาที ต่อให้ใช้เวลาไปทำนู่นทำนี่ก็ยังเหลือเวลาอีกห้าสิบกว่านาที…

ยัยตัวร้าย…เธอจะหวังมากเกินไปหรือเปล่า!

คิดแล้วเฉินชางก็อดกลืนน้ำลายไม่ได้ บอกกับตัวเองว่าต่อไปคงต้องฟิตร่างกายให้ดีซะแล้ว ไม่สิ…ฟิตร่างกายแล้วจะมีประโยชน์อะไร จะต้องพยายามหาหินเสริมแกร่งที่เพิ่มความอดทนต่างหาก…มิฉะนั้น…คงปรนนิบัติยัยขี้ประจบฉินนี่ไม่ไหวแน่

คิดแล้วเฉินชางก็อดถอนหายใจไม่ได้

ภาพฉินเยว่ในสายตาเฉินชางแปรเปลี่ยนไป กลายเป็นนางปีศาจถือแส้อยู่ในมือ…

เฉินชางถึงกับเสียวสันหลังวาบ…และเพราะประโยคนี้ของฉินเยว่ ทำให้เฉินชางรู้สึกกดดันไปตลอดทาง

ฉินเยว่มองเฉินชาง คิดว่าอีกฝ่ายตื่นเต้น จึงพูดปลอบไปว่า “ไม่ต้องกดดันไปค่ะ! คุณเก่งที่สุดแล้ว!”

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท