Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi – ตอนที่ 135

ตอนที่ 135

การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 135
“สงบสุขจังเลยนะ”

“ข้านึกไม่ถึงเลยนะครับว่าคนที่พึ่งจะเกือบตายมาจะพูดแบบนี้ออกมาได้”

ในตอนที่ฉันพึมพำกับตัวเองในขณะที่มองออกไปข้างนอกหน้าต่างของปราสาท เซบาสก็พูดแทรกขึ้นมา

มันผ่านมาสองสามวันแล้วตั้งแต่ที่พวกเราไปบ่อน้ำพุร้อน

ฉันจบลงด้วยการจมน้ำ มันเป็นครั้งที่สองในชีวิตของฉัน อย่างไรก็ตาม สำหรับฉันมันก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่เลวร้ายขนาดนั้น บางคนบอกว่าแค่ดูร่างเปลือยของผู้หญิงมันไม่มีอันตรายอะไรหรอกแต่ผู้หญิงต่างหากที่เป็นคนตัดสินใจเรื่องพวกนั้น

หลังจากนั้นมา ทั้งสามคนก็มีท่าทีอึดอัดใจในตอนที่อยู่ใกล้กับฉันแต่สถานการณ์ก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ ซึ่งฉันรู้สึกโล่งใจมาก

และสิ่งที่ฉันโล่งใจยิ่งกว่าก็คือไม่มีใครมาพยายามพาฉันออกไปข้างนอกเลย บางทีพวกเขาคงพิจารณาว่าเพราะฉันเกือบจมน้ำก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไง มันก็เป็นช่วงสองสามวันที่สงบสุขมาก

“เอาเถอะ ข้าหมดสติในน้ำนี่นะ เข้าไปในห้องน้ำหญิงที่มีผู้กล้าอยู่ โดนแค่นั้นก็ยังถือว่ารับได้อยู่นะ ถ้าไม่ใช่ข้าอาจจะโดนฟันไปแล้วก็ได้”

“แบบนั้นก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่ครับ”

“แถมมันก็ไม่ใช่แค่ข้าที่ตอนนี้กำลังสงบสุข”

ในขณะที่พูด ฉันก็ชำเลืองมองไปทางเมือง

หลังจากการกบฏของดยุคครูเกอร์ เมืองหลวงจักรวรรดิก็ซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้ความมีชีวิตชีวากำลังค่อยๆกลับมา

เครือข่ายการขนส่งที่เคยเป็นอัมพาตไปเล็กน้อยกำลังเริ่มฟื้นตัวและสิ้นค้าต่างๆกับผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลกันเข้ามาอีกครั้ง

“ห่วงโซ่แห่งความวุ่นวายได้โจมตีจักรวรรดิ มันไม่มีเวลาให้พวกเราได้ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างเต็มที่เลยเนื่องจากมันเกิดปัญหาขึ้นไม่หยุดหย่อน ข้าคิดว่าการสงบศึกแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

“แต่ว่า มันก็เป็นความจริงเหมือนกันนะครับที่กระแสที่พวกเรามีเริ่มหายไป”

ฉันถอนหายใจให้กับคำพูดของเซบาส

มันเป็นความจริง

ลีโอคลี่คลายปัญหาในเหตุการณ์ต่างๆ ชื่อเสียงของเขาเพิ่มมากขึ้นและผู้คนก็เริ่มติดตามเขามากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นมันก็มีการสงบศึกนี้ขึ้นมา

มันเป็นโอกาสของพวกเราในการไล่ตามเอริค แต่จังหวะเวลามันแย่เกินไป

“กระแสของพวกเราหายไปก็จริงแต่เอริคไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่พวกเราจะชนะได้ด้วยกระแสอย่างเดียวหรอก ในกรณีของเขา เมื่อไหร่ที่พวกเราเคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์กับเขา เขาก็จะบอกว่ามันเป็นผลกระทบกับชีวิตของผู้คนและสร้างสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาอยู่ดี ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราก็จะกลายเป็นผู้ร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงยังไงพวกเราก็เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด”

“ถ้าเป็นองค์ชายเอริคหล่ะก็เรื่องแบบนั้นคงเป็นไปได้จริงๆ เขาสังเกตดูสถานการณ์อยู่ห่างๆและแสดงทัศนคติที่บ่งบอกว่าเขาจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของจักรวรรดิมาก่อน อย่างน้อยก็ที่ภายนอก แต่ว่า ข้าไม่สามารถทำความเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของเขาได้เลย มันอาจจะเป็นความหยิ่งผยองของผู้แข็งแกร่งแต่เขาไม่เคยพยายามจะทำลายคู่แข่งเลย และมันอาจจะพูดได้ด้วยว่าเป็นเพราะเขาสงครามผู้สืบทอดถึงรุนแรงขึ้นขนาดนี้”

มันเป็นอย่างที่เซบาสว่าจริงๆ สงครามผู้สืบทอดคงจะไม่รุนแรงถึงขั้นนี้ถ้าเอริคที่เป็นขุมอำนาจที่ใหญ่ที่สุดยอมแพ้แล้วทำอะไรซักอย่างกับคู่แข่งของเขา ไม่ว่าจะเป็นกอร์ดอนหรือซานดร้า พวกเขาก็เป็นแค่แมลงตัวเล็กๆในสายตาของเอริค และแน่นอนว่ารวมทั้งพวกเราด้วย

อย่างไรก็ตาม เอริคไม่เล่นงานคู่แข่งของเขาเลย เขารักษาความเหนือกว่าเอาไว้และจะตอบโต้ก็ต่อเมื่อถูกยั่วยุและหายากมากที่เขาจะเป็นฝ่ายรุกด้วยตัวเอง

ผู้สังเกตการณ์ที่แข็งแกร่งที่สุด นี่คือความเข้าใจที่ฉันมีต่อเอริค

“ฉันไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรแต่ฉันมั่นใจว่าเขาเป็นตัวปัญหาในฐานะศัตรู ถ้าพวกเราหาทางเล่นงานเขา สงครามผู้สืบทอดก็มีแต่จะรุนแรงขึ้น มันไม่ใช่ความคิดที่แย่เลยในการให้เวลาจักรวรรดิได้ฟื้นตัวบ้าง ถ้าเขาเห็นผู้คนเจ็บปวด ลีโอก็คงจะหยุดอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ฉันอยากหลีกเลี่ยง”

“สรุปก็คือครั้งนี้พวกเราจะไม่เคลื่อนไหวอะไรใช่ไหมครับ?”

“อา อย่างน้อยพวกเราก็จะไม่เป็นฝ่ายเริ่มหล่ะนะ”

ท่านพ่อห้ามไม่ให้พวกเราเคลื่อนไหว แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีหลายสิ่งที่พวกเราสามารถทำได้โดยที่เขาไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตาม มันคงจะไม่มีประโยชน์อะไรถ้าความเป็นอยู่ของประชาชนแย่ลง

ปล่อยเอาไว้จนกว่าเทศกาลครบรอบ 25 ปีจะจบลงและการยับยั้งถูกยกเลิกแล้วกัน

แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่ควรทำอะไรเลย

“แล้ว? ถึงแม้ว่าข้าจะเอ้อระเหยอยู่ มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะเพลิดเพลินกับช่วงหยุดพักใช่ไหม? เจ้าได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาบ้างรึเปล่า?”

“ครับท่าน มีข้อมูลที่น่าจะดึงดูดความสนใจของท่านอยู่”

การรวบรวมข้อมูลคืองานของเซบาส ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงสงบสุข เซบาสก็ยังคงทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

ในแง่ของขนาด ไม่ต้องพูดถึงเอริคเลย ขุมอำนาจของพวกเรายังด้อยกว่ากอร์ดอนด้วยซ้ำ ตอนนี้พวกเราสูญเสียกระแสที่สร้างมาไปแล้ว พวกเราอาจจะอับจนหนทางได้ถ้าพวกเราไม่รวบรวมข้อมูลใหม่ๆแล้วไปหวังเอาดาบหน้า

“ไหนว่ามาซิ”

“เรื่องแรก เกี่ยวกับเฮยลุ้งที่พวกเราไปมาครับ ที่นั่นควรจะถูกจองเอาไว้เพื่อพวกเราแต่ดูเหมือนว่าจะมีลูกค้าบางส่วนอยู่ในเรือนเสริมครับ”

“ว่าไงนะ? ทั้ง ๆที่บ้านผู้กล้าหาญจองเอาไว้เนี่ยนะ?”

นี่มันเป็นการกระทำที่ค่อนข้างหาญกล้าจริงๆ ขนาดบ้านผู้กล้าหาญเช่าที่แห่งนั้นเอาไว้ให้ฉันกับลีโอที่มาจากราชวงศ์จักรวรรดิ ฟีเน่ที่เป็นที่ชื่นชอบของท่านพ่อ และเอลน่าว่าที่หัวหน้าตระกูลคนต่อไปนะเนี่ย ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยชื่อเสียงของเฮยลุ้งได้ตกฮวบแน่

“ครับ ลูกค้าที่เข้าใช้มาด้วยกันกับอัศวินหลวงคนนึงให้ถูกกว่านี้ก็คือหัวหน้าหน่วยสองของภาคีอัศวินหลวงครับ”

“หัวหน้าหน่วยสองหรอ?”

หัวหน้าหน่วยหนึ่งถึงสามของภาคีอัศวินหลวงนั้นมีความแข็งแกร่งที่โดดเด่น เพราะเหตุนั้นเอง งานที่ถูกมอบหมายให้พวกเขาจึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในตอนนี้ที่เอลน่าไม่ได้อยู่ในนั้น ความสำคัญของหัวหน้าทั้งสองคนนี้จึงเพิ่มขึ้นไปอีก

“หัวหน้าคนนั้นคงจะไม่ได้ไปผ่อนคลายที่นั่นแล้วเขาก็ไม่ได้ถูกมอบหมายให้มาปกป้องพวกเราด้วยสินะ”

“ครับ คนๆนั้นไปเพื่อทำหน้าที่คุ้มกันใครซักคนที่นั่นอย่างแน่นอน”

“แบบนี้ก็แสดงว่ามี VIP ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้หัวหน้าหน่วยสองสินะ ได้กลิ่นปัญหายังไงไม่รู้สิ”

เป็น VIP จากประเทศของเราหรือต่างประเทศกันนะ? แต่ไม่ว่ายังไง ถ้าคนๆนั้นค้างคืนที่นั่น จุดหมายของพวกเขาก็น่าจะอยู่ใกล้เมืองหลวง ฉันคิดว่าฉันคงต้องสืบดูสินะว่าใครเป็นคนที่มาเยี่ยมท่านพ่อ

เนื่องจากข้อมูลถูกปิดกั้นอย่างสมบูรณ์ คนๆนั้นต้องเดินทางมาที่นี่โดยไม่เปิดเผยตัวตนแน่ ดังนั้นมันต้องเป็นกรณีที่ VIP คนนี้จะมีปัญหาเอาได้ถ้าตัวตนของเขาถูกค้นพบ

“ข้าจะไปรวบรวมข้อมูลมาเพิ่มครับ”

“อา ฝากด้วยนะ แล้วมีอะไรอีกไหม?”

“มีข้อมูลที่เป็นปัญหาอีกเรื่องนึง ท่านอาร์โนลด์ ท่านรู้จักสนธิสัญญานกนางนวลไหมครับ?”

“จะบอกว่ารู้ก็คงไม่ได้หรอกแต่ถ้ามันพูดถึงนกนางนวลก็น่าจะเกี่ยวข้องกับฟีเน่ใช่ไหม?”

“ครับ สนธิสัญญานกนางนวลเหมือนกับสนธิสัญญาไม่รุกรานระหว่างเหล่าสุภาพบุรุษของจักรวรรดิ พูดอีกนัยนึงก็คือ พวกเขาทุกคนสาบานว่าจะไม่แตะต้องท่านฟีเน่ครับ”

“พวกเขามีสนธิสัญญาแบบนั้นด้วยหรอ?….พวกเขานี่ว่างกันมากสินะ”

“มันจะดูสมเหตุสมผลครับถ้าท่านจินตนาการถึงสถานการณ์ที่พวกชายโสดทุกคนมาขอแต่งงานกับท่านฟีเน่พร้อมกัน”

“นั่นสินะ”

ถ้าพวกเขาแห่กันมาขอในตอนที่ฟีเน่มาถึงเมืองหลวง ฟีเน่อาจจะหนีกลับดินแดนของเธอด้วยความหวาดกลัว ถ้ามองในแง่นี้ มันก็ฟังดูมีเหตุผลจริงๆ

“ต้องขอบคุณสนธิสัญญานี้ จึงไม่มีใครเข้ามาขอท่านฟีเน่แต่งงานโดยตรงหรือพยายามจะเข้ามาคุยจีบเธอ แต่ว่า ดูเหมือนสนธิสัญญานี้กำลังจะล่มแล้วหล่ะครับ”

“ทำไมหล่ะ?”

“ต้นเหตุก็คือท่านครับ ช่วงนี้ชื่อเสียงของท่านกำลังพัฒนาขึ้น ท่านลีโอนาร์ดก็ว่าไปอย่าง แต่สำหรับพวกเขาแล้วการที่ท่านฟีเน่ถูกท่านอาร์โนลด์พรากไปคงจะเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุด สำหรับพวกขุนนางทั้งหลาย คงจะไม่มีใครบ่นอะไรถ้าเธอลงเอยกับท่านลีโอนาร์ดแต่ศักดิ์ศรีของพวกเขาคงไม่ยอมถ้าปล่อยให้เธอถูกท่านพรากไปครับ”

“งี่เง่าชะมัด….”

ฉันพึมพำออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ มันเป็นเรื่องไร้สาระที่พวกเขายอมยกให้ถ้าเป็นลีโอไม่ใช่ฉัน

ถ้าเพื่อฟีเน่หล่ะก็สำหรับลีโอแล้วเขาคงจะยอมแพ้ไม่ว่าเธอจะเลือกใครก็ตาม

เจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน ผู้เป็นที่ชื่นชอบของจักรพรรดิ ความสวยที่ไร้ซึ่งผู้ทัดเทียม ท่านหญิงแห่งบ้านไคลเนลต์ พวกเขาส่วนใหญ่น่าจะหมายตาเธอสำหรับข้อพิเศษพวกนี้ นี่คือสาเหตุที่พวกเขาจะไม่ยอมให้เธอลงเอยกับฉัน

พวกเขาน่าจะไม่ยอมให้คนที่พวกเขาดูถูกขึ้นไปเหนือพวกเขาสินะ ถ้าลีโอแต่งงานกับฟีเน่ จุดยืนของเขาก็คงจะไม่เปลี่ยนแต่ถ้าเป็นฉันมันจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่พวกเขายอมรับไม่ได้ พวกเขาต้องน่าสมเพชขนาดไหนกันถึงมาประท้วงเอาตอนนี้

“จนถึงตอนนี้พวกเขาใช้วิธีเข้าหาแบบส่งมอบของให้ครับแต่ถ้าพิจารณาจากเหตุการณ์ในช่วงนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่ท่านอาร์โนลด์กับท่านฟีเน่จะหมั้นกัน แต่ก็แน่นอนว่าผู้คนส่วนใหญ่ยังคงมองว่าท่านลีโอนาร์ดเป็นตัวเต็ง”

“แล้วตอนนี้พวกเขาก็กำลังอิจฉาอยู่สินะ? พวกเขาจะยอมตัดใจถ้าเป็นลีโอแต่พวกเขาจะไม่พอใจถ้าเป็นเจ้าชายไร้ค่าหรอ? ไร้สาระชะมัด”

“นั่นก็จริงครับ ข้าอยากจะให้พวกเขาได้เรียนรู้จากดยุคไรน์เฟลด์จริงๆ”

“ให้ตายเถอะ คนๆนั้นก็ไม่รู้จักยอมแพ้บ้างเลยนะ”

ฉันพึมพำด้วยความรู้สึกรำคาญเล็กน้อย

คนที่คิดถึงฟีเน่และมีจิตใจที่ไม่มีวันยอมแพ้อาจจะได้เฉลิมฉลองกับฟีเน่แต่พวกที่เข้าร่วมสนธิสัญญางี่เง่านั้นแล้วกลับคำด้วยเหตุผลที่โง่กว่าคงจะไม่สามารถทำมันได้หรอก

“แล้วไง? ใครเป็นหัวหน้าของเจ้าพวกนั้น?”

“มีคนนึงประกาศถอนตัวจากสนธิสัญญาแล้วครับ ชื่อของเขาคือมาร์ควิสลอว์เรนซ์ ฟ็อน ไวท์โทลิ่ง”

“มาร์ควิสไวท์โทลิ่งหรอ….?”

ฉันซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเขา

ไม่นึกเลยว่าคนอย่างเขาจะเห็นด้วยกับสนธิสัญญาแบบนั้น

“เนื่องจากเขาถอนตัวจากสนธิสัญญา เขาก็น่าจะเข้าหาท่านฟีเน่ในอนาคตอันใกล้นี้ เขาน่าจะเอาไปขอโดยตรงกับฝ่าบาทครับ”

มาร์ควิสไวท์โทลิ่งเป็นขุนนางหนุ่มอายุ 20 ปี

เขาคือผู้สืบทอดมาร์ควิสไวท์โทลิ่งผู้มีชื่อเสียง ที่สร้างความสำเร็จในตระกูลและกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของสังคมชั้นสูงเนื่องจากหน้าตาที่สะอาดเรียบร้อยของเขา

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่เขาเป็นที่สนใจนั้นไม่ใช่แค่หน้าตาอย่างเดียว มันยังรวมถึงพี่สาวสองคนของเขาด้วย

“มาร์ควิสไวท์โทลิ่งมีพี่สาวสองคน คนโตแต่งเข้าราชวงศ์และพี่สาวคนรองตอนนี้เป็นผู้บัญชาการของภาคีอัศวินหลวงหน่วยที่หนึ่ง เขามีอิทธิพลที่โดดเด่นประมาณนึงเลยสินะ”

ตัวปัญหาในที่นี้ก็คือพี่สาวของคนโตของเขา

คนที่เธอแต่งงานด้วยตายไปแล้ว

พูดอีกนัยนึงก็คือ เธอเป็นภรรยาของพี่ชายคนโตของฉัน มงกุฎราชกุมาร

“นี่มันชักจะเป็นปัญหาแล้วสิ…..”

“เนื่องจากถ้ามองเผินๆเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวข้องกับสงครามผู้สืบทอด ฝ่าบาทก็คงจะไม่เข้ามาแทรกแซงเหมือนกันครับ”

“แต่เจ้าทำให้มันดูเหมือนกับว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสงครามผู้สืบทอดหรอ?”

“ในสนธิสัญญานี้ มีท่านไรเนอร์จากบ้านดยุคฮอร์วาธอยู่ด้วยครับ ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างสนิทกับมาร์ควิสไวท์โทลิ่งด้วย”

“เข้าใจหล่ะ….น้องชายของกีโด้สินะ ไม่เหมือนกับพี่ชาย เขาน่าจะเป็นคนที่น่านับถือกว่าไม่ใช่หรอ?”

นี่อาจจะไม่ใช่คำแนะนำจากเอริค

แสดงว่ามันคงเป็นความตั้งใจของดยุคฮอร์วาธสินะ

ดูเหมือนว่าจักรวรรดิจะสามารถรักษาความสงบสุขเอาไว้ได้แต่ฉันคิดว่าวันวานอันแสนสงบสุขของฉันคงจบแล้วหล่ะ

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Status: Ongoing

ชื่อเรื่อง: การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง ชื่อ ENG: The Strongest Dull Prince Battle For The Throne ชื่อ JPN: 最強出がらし王子の暗躍帝位争い(Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) ชื่อผู้แต่ง: Tamba ผู้แปล ENG: GRAVEROBBERTL ผู้แปลไทย: HouRen Fanpage ผู้แปลไทย: Hou Ren Fanpage เรื่องย่อ จักวรรดิอาเดรเชียในทวีปโฟเกล ที่นั่นมีการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ของจักวรรดิ์ที่ครอบครองทั้งกำลังทหารที่แข็งแกร่งและแผ่นดินที่กว้างขวาง   ด้วยความที่ยังไม่มีใครได้รับเลือกเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์, เหล่าบุตรของจักรพรรดิจึงกำลังจ้องที่จะขยายอำนาจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม, มีเจ้าชายอยู่องค์นึงที่ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาจะไม่ได้เป็นจักรพรรดิ์อย่างแน่นอน   ซึ่งเจ้าชายองค์นั้นก็คือเจ้าชายลำดับที่เจ็ด, อาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์ ชายหนุ่มผู้ที่ด้อยกว่าน้องชายฝาแฝดของเขาในทุกๆด้าน, เจ้าชายไร้ค่า   ไร้ความสามารและเฉื่อยชา, อาร์โนลด์ได้ใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการเที่ยวเล่น อย่างไรก็ตาม, เบื้องหลังนั้น, เขาคือนักผจญภัยที่ชื่อว่า ซิลเวอร์, หนึ่งในนักผจญภัยแรงค์ SS ที่มีอยู่เพียง 5 คนเท่านั้น   พอเห็นความรุนแรงของการต่อสู้ชิงบัลลังก์แล้วเขาก็ตัดสินใจว่า [ฉันไม่อยากตายเพราะงั้นฉันจะทำให้น้องชายของฉันได้เป็นจักพรรดิ….]   นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนบ้าๆบอๆของเจ้าชายผู้ซึ่งไม่สนใจในตำแหน่งจักพรรดิ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท