จอมเทพโอสถ – ตอนที่ 1414 เล่นไล่จับ
ตอนที่ 1414 เล่นไล่จับ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ชวิ้ง ชวิ้ง ชวิ้ง ชวิ้ง ชวิ้ง…
แสงคมดาบนับหลายสิบสายฉีกฟ้าสะบั้นดินโฉบวาบสาดประกายน่าทึ่ง
ไป๋เฉินรู้สึกเพียงว่าทัศนียภาพเบื้องหน้าพลันพร่ามัวเบลอหนัก แต่ยังคงกระหน่ำทะลวงทวนยาวทะลุอกศัตรูโดยหามิอุปสรรคใดมาขวางกั้น ไป๋เฉินไม่เวลามามัวชื่นชมยินดี เขากระชากทวนยาวออกมาพร้อมธารเลือดทะลักล้นดุจน้ำพุจากร่างคนนั้น แต่เมื่อหันขวับเตรียมสัประยุทธ์ต่อ กลับพบว่าสมรภูมิเบื้องหน้ากลายมาเป็นแอ่งเลือดบ่อใหญ่พร้อมไอโลหิตกลิ่นคาวฟุ้งกระจายไปทั่วเสียแล้ว
พวกที่ยังเหลือรอดโพล่งตาโตเท่าไข่ห่านอย่างไม่อยากจะเชื่อภาพฉากตรงหน้า เหล่ามิตรสหายของเขาตายตั้งแต่ตอนไหน แล้วตายได้อย่างไร?
ไป๋เฉินเองก็มีสภาพไม่ต่าง คู่ดวงตาแทบทะลักถลนออกมาคาเบ้า เขาเองก็ไม่เข้าใจแม้สักนิด ตนเพิ่งฆ่าไปได้คนเดียว แต่ศัตรูที่เหลือตายเกือบเกลี้ยง เห็นได้ชัดว่ามันมิได้เกี่ยวข้องอันใดกับเพลงทวนเมื่อครู่เลย
กระทั่งเหล่าศิษย์สาวกที่ติดตามไป๋เฉิน พวกเขายังต้องอ้าปากค้างขากรรไกรแทบร่วงกร้าว
ชวิ้ง ชวิ้ง ชวิ้ง…
เหล่าเซียนของฝ่ายวังเทวะพิรุณร่วงโรยถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในพริบตาเดียว เรียกได้ว่าตายยันชาติหน้า
“นี่…นี่เกิดอะไรขึ้น?”
“ขะ แข็งแกร่งยิ่ง!”
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! นี่คือยอดฝีมือขนานแท้!”
เหล่าศิษย์สาวกที่ติดตามไป๋เฉินมาต่างสูดไอเย็นแช่มลึกด้วยความตกตะลึง ก่อนเบนสายตาจับจ้องไปที่เย่หยวนพร้อมแววตาสะท้านความกลัวสุดขีด ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่เฉียบคมและไร้เทียมทาน แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือความน่ากลัวเกินพรรณนา!
ในเสี้ยวพริบตา ก็สามารถสังหารขุมกำลังระดับชั้นอาณาจักรปฐมพระเจ้านับหลายสิบได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในบรรดาพวกนั้นยังรวมไปถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าครึ่งขั้นอีกหนึ่งราย ความแกร่งกล้าชนิดนี้ พวกเขาไม่กล้าจินตนาการแม้แต่น้อย! ต่อให้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้ามากมาย ก็มิใช่ว่าจะถูกเย่หยวนฆ่าล้างจนหมดได้ในอึดใจเดียวเช่นกัน? สิ่งที่เขาฝากฝังไว้กับเหล่าเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าช่างน่าระทึกขวัญเกินไป เขาสามารถสับอีกฝ่ายเป็นชิ้นๆได้ประดุจหั่นเต้าหู้!
โม่หยุนหน้าถอดสีซีดขาวราวกับแผ่นกระดาษบาง ทั่วร่างสั่นเทาหนักไม่หยุดหย่อนด้วยความหวาดกลัว
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งทำอะไรลงไป? ตบฝ่ามือใส่เย่หยวนมิใช่รึ? นี่เขากำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตขนาดนั้นเขียว? ถึงมาหาเรื่องตายเล่น?
เซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าครึ่งขั้นที่กล่าวไปข้างต้นก็มิใช่ใครอื่นนอกจากชายวัยกลางคนผู้นั้นที่อยู่ข้างกายไป๋ชง ขุมพลังของอีกฝ่ายใกล้เคียงกับโม่หยุนมาก แต่เมื่อครู่กลับถูกเย่หยวนฆ่าทิ้งตอนไหนยังไม่ทราบ!
หากเย่หยวนมีเจตนาฆ่าเขาทิ้งไปด้วย กลับง่ายราวกับลูกไก่ในกำมือ!
สิ่งที่เย่หยวนได้สำแดงออกไปเมื่อครู่ได้สร้างความหวาดกลัวฝังลึกลงในใจของทุกคนเกินไป
โม่หยุนสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความกลัวสุดกำลัง ยามนี้เร่งก้มศีรษะให้เย่หยวนและกล่าวว่า
“โม่หยุนคนนี้ช่างโง่เขลา! มีตาหามีแววไม่! ท่านผู้สูงส่ง สิ่งที่เมื่อครู่ท่านได้ลงมือไปนั้น โม่หยุนคนนี้ซาบซึ้งในน้ำใจและรู้สึกขอบคุณอย่างไม่มีสิ้นสุด ท่านผู้สูงส่งโปรดอย่าได้ถือสาความกังขาใจของข้าเมื่อครู่ โปรด…โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ! แต่ถ้าหากท่านต้องการระบายความโกรธกับใครสักคน ก็โปรดลงกับข้าด้วยเถิด! ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเอง! อย่าง…อย่างน้อยก็เมตตาไว้ชีวิตนายน้อยไป๋เฉิน!”
ร่างของไป๋เฉินเองก็สั่นเทาไม่หยุด เขารีบคุกเข่าขอขมาต่อหน้าเย่หยวนและกล่าวว่า “ท่าน…ท่านผู้สูงส่ง เนื่องจากท่านอาจารย์โม่หยุนห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกศิษย์เป็นสำคัญ เช่นนั้นอย่าได้ถือโทษโกรธตำหนิ! ท่านผู้สูงส่งมากน้ำใจเมตตา โปรดไว้ชีวิตท่านอาจารย์ด้วยเถิด! ข้าไป๋เฉิน…ยินดีทำตามที่ท่านสั่งทุกประการ!”
โม่หยุนคนนี้เฝ้าดูแลเส้นทางการเติบโตของเขาตั้งแต่เยาว์วัยจวบจนตอนนี้ ถึงจะเป็นในฐานะอาจารย์แต่ความผูกพันดั่งพ่อคนหนึ่ง ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากล่าวได้ว่าเหนียวแน่นยิ่ง หากโม่หยุนปล่อยให้ไป๋เฉินรอดตายออกไปคนเดียว เจ้าตัวไม่มีทางยอมแน่นอน
สีหน้าของโมหยุนแปรเปลี่ยนทันทีและกล่าวว่า “นายน้อยไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือชีวิตของโม่หยุนคนนี้ เราก็แค่คนแก่คนชราคนหนึ่งอนาคตกลับไม่ไกลนัก สร้างความขุ่นเคืองกับท่านผู้สูงส่งนับเป็นการกระทำผิดร้ายแรง! แค่ท่านออกโรงช่วยเราสังหารพวกนั้นไปก็นับว่าใจกว้างเปี่ยมเมตตายิ่งแล้ว! นายน้อยไม่ต้องอ้อนวอนแทนโม่หยุนคนนี้เลย!”
เย่หยวนเหลือบมองสองศิษย์อาจารย์คู่นี้พลางอดรู้สึกตลกมิได้ แต่ในอีกมุมก็รู้สึกกินใจไม่น้อยเช่นกัน ไป๋เฉินคนนี้มีจิตใจที่บริสุทธิ์และหาได้หยิ่งผยองถือดีดั่งพวกนายน้อยหรือลูกหลานตระกูลใหญ่คนอื่นๆ ซึ่งคนประเภทนี้เย่หยวนรู้สึกชื่นชอบและให้ความสนใจไม่น้อย มิฉะนั้นแล้ว เมื่อครู่เขาคงไม่ออกโรงช่วยเหลือแน่นอน
ทันใดนั้นเย่หยวนก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “หากพวกเจ้ายังเถียงกันเช่นนี้ เกรงว่าสหายคนนั้นจะหนีไปแล้ว?”
โม่หยุนชะงักโดยพลัน ก่อนจะสังเกตพบว่าไป๋ชงยังไม่ตายและกำลังหนีตายออกไปโดยไวประดุจควันไฟ
เมื่อเห็นคู่ศิษย์อาจารย์กำลังถงเถียงชุลมุน และเย่หยวนดูไม่มีท่าทีหันมาสนใจแม้แต่น้อย ดังนั้นไป๋ชงจึงเร่งพลังปราณถึงขีดสุดพร้อมพุ่งหนีตายสุดชีวิตออกไปทันที โม่หยุนเค้นเสียงเย็นคำโต คู่เท้ากระตุกวูบร่างไสวโผทะยานออกไปดุจสายฟ้า ความแกร่งกล้าของเขาเหนือกว่าไป๋ชงมากก็จริง แต่ยามนี้ไป๋ชงก็ทิ้งห่างหลายช่วงตัวออกไปไกลแล้ว ไม่ว่าจะเร่งความเร็วอย่างไรโม่หยุนกลับไม่สามารถตามจับได้ทันเลย
สีหน้าการแสดงออกของไป๋เฉินดูเคร่งขรึมขึ้นทันตา หากไป๋ชงหนีไปได้เกรงว่าจะนำพาปัญหามาอีกในอนาคตนับไม่ถ้วน! ด้วยความวิตกกังวลสุดขีดและไร้ซึ่งหนทางอื่น เขาจึงมิอาจละเว้นบากหน้าเอ่ยปากขอร้องเย่หยวนได้
“ท่านผู้สูงส่ง!”
เย่หยวนเองก็มิได้นิ่งเฉยเช่นกัน ทันใดนั้นคลื่นคมดาบทรงจันทร์เสี้ยวขนาดยักษ์พลันฟาดฟันออกไปโดยตรง ต่อหน้าคมดาบนี้ ทุกคนต่างเห็นชัดเจนเป็นประจักษ์ ไป๋เฉินหน้าถอดสีหนัก ในขณะที่เหล่าศิษย์สาวกของเขาเองก็หน้าซีดขาวไปตามๆกัน ไม่ว่าใครต่างตกตะลึงยิ่งต่อคมดาบตรงหน้านี้
แต่เดิม เหล่าศิษย์สาวกเหล่านี้ยังคงเอ่ยร้องสรรเสริญเขาที่เป็นคนช่วยชีวิตเย่หยวนออกมา ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ที่เย่หยวนปล่อยให้สิงโตมายาเข้าโจมตี เพราะเขาค้านใจที่จะลงมือเอง!
ทันใดนั้นไป๋เฉินก็นึกขึ้นได้ว่า ไฉนสิงโตมายาในคราวนี้ถึงถูกปราบได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ แค่ถูกเพลงทวนไม่กี่กระบวนก็สามารถล้มมันได้แล้ว ปรากฏว่ามันกลัวเย่หยวนจนขวัญหนีดีฝ่อ!
คมเขี้ยวเสี้ยวคมดาบขนาดยักษ์ทั้งว่องไวและดุดันเด็ดขาด พุ่งตัดน่านฟ้าสะบั้นเมฆาจนแยกออกเป็นสองซีกคลื่นคมดาบถูกห่อหุ้มด้วยแรงผันผวนจนมิติห้วงอากาศบิดเบี้ยว ถึงคมดาบนี้เพิ่งปลดปล่อยออกไป แต่กลับพุ่งผ่านตัดเส้นทางหนีของไป๋ชงได้ในพริบตา
ขณะที่ไป๋ชงกำลังหนีตายอย่างบ้าคลั่ง จู่ๆ คมดาบพุ่งโฉบตัดหน้าฉีกกางเกงของเขาจนเปลือยท่อนล่าง เช่นนี้เขายังจะทะยานหนีได้อย่างไร? ด้วยอาการชะงักช้านี้ จึงทำให้โม่หยุนที่ปาดพุ่งเร็วจี๋ดุจสายฟ้าตามจับทันในท้ายที่สุด
ไป๋ชงตื่นตะลึงไม่คลายใจต่อการมาถึงของคมดาบเมื่อครู่ อย่าว่าแต่จะวิ่งหนีต่อ คู่เข่าของเขาหมดแรงลดฮวบ ขวัญผวาถึงขั้นนี้แล้วเขายังจะเป็นคู่มือของโม่หยุนได้อย่างไร? ทันทีที่โม่หยุนเข้าถึงตัวก็ใช้ดัชนีปิดผนึกทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาโดยไม่รีรอ และอุ้มกลับมาเสมือนจับไก่มารอเชือด
เห็นภาพฉากสถานการณ์แบบนั้น ไป๋เฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า
“ขอบพระคุณอย่างยิ่งสำหรับความช่วยเหลือนี้ท่านผู้สูงส่ง!”
เย่หยวนโบกมือปัดและกล่าวว่า “เอาล่ะ เรื่องทั้งหมดก็เป็นอันเสร็จสิ้น เช่นนั้นขอตัวลา”
เย่หยวนหมุนตัวกลับและกำลังจะจากไปทันที
ไป๋เฉินสีหน้าท่าทางผันเปลี่ยน เขารีบตะโกนขึ้นว่า “ท่านผู้สูงส่ง!”
“หื้ม? ยังมีอะไรอีกรึ?”
ไป๋เฉินเอ่ยถามขึ้นว่า “ผู้เยาว์สงสัยว่า…ท่านกำลังจะไปที่ไหนต่อ?”
เย่หยวนกล่าวตอบเสียงเรียบว่า “ท่องทั่วพิภพ ตอนนี้ข้ายังไม่มีที่ซุกหัวนอนเลย”
ไป๋เฉินรู้สึกดีใจอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนี้ ปรากฏว่าท่านเย่หยวนเป็นยอดฝีมือผู้รักสันโดษไร้ซึ่งฝักฝ่าย กระทั่งเขาเองก็มิได้คาดหวังว่า ตนจะโชคดีอะไรปานนี้ที่มีโอกาสพบเจอกับเขา มิฉะนั้นแล้ว คนที่ตายลงในวันนี้คงเป็นเขาจริงๆ
“เนื่องจากท่านไม่มีที่พักพิงแถมมิได้มีธุระเร่งด่วนอะไร แล้วเหตุใดถึงไม่ไปเป็นอาคันตุกะของวังเทวะรัตติกาลฉายเสียหน่อย? ท่านผู้สูงส่งมีพระคุณช่วยชีวิตไป๋เฉินไว้ คงหาสิ่งใดมาตอบแทนได้ไม่ อย่าน้อยที่สุดก็ให้ข้ามีโอกาสต้อนรับยังบ้านของข้าด้วยเถิด” ไป๋เฉินจ้องเย่หยวนตาปริบๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
เย่หยวนเองก็มิได้ต้องการจากออกไปเช่นกันโดยธรรมชาติ ภาพฉากเมื่อครู่เป็นแค่การแสดงฉากแมวกับหนูเล็กน้อยเท่านั้นและนั่นคือทั้งหมด เขาเห็นมาสักพักแล้วว่า สถานะของไป๋เฉินคนนี้หาใช่ชนชั้นธรรมดาทั่วไปในดินแดนนภาบรรพต นอกจากนี้ฝ่ายที่ไป๋เฉินสังกัดอยู่ยังถูกเรียกว่าวังเทวะรัตติกาลฉาย ในขณะที่กลุ่มอำนาจปกครองสูงสุดของดินแดนนภาบรรพตมีชื่อว่า วังนภาบรรพตศักดิ์สิทธิ์ บางทีทั้งสองฝ่ายนี้อาจมีความเกี่ยวพันกันก็เป็นได้
คล้อยหลังเข้าไปในวังเทวะรัตติกาลฉาย เขายังสามารถไถถามเกี่ยวกับข้อมูลของศิลาชีวิตนิจนิรันดร์ได้อีกด้วย เย่หยวนเองก็ทราบ ผู้ที่รับภารกิจเดินทางมาที่ดินแดนนภาบรรพตในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาก็มีจำนวนไม่น้อย ซึ่งเป้าหมายของพวกเขาคงหนีไม่พ้นของวิเศษเพียงไม่กี่ชิ้นพวกนี้วนเวียนกันไป ดังนั้นแล้ว เรื่องนี้จำต้องรอบคอบเป็นพิเศษ หากเย่หยวนเปิดเผยเป้าหมายของตนชัดเจนเกินไป อาจไปกระตุ้นความสงสัยของผู้คนได้ ต้องใจเย็นและสุขุมเท่านั้นเพื่อรอจังหวะอันดีจึงจะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เย่หยวนจงใจเงียบครู่หนึ่งคล้ายกำลังชั่งน้ำหนักความสนใจ ก่อนพยักหน้าตอบว่า “เอาล่ะ ข้าเองก็ว่างจริงๆ ไปเที่ยวชมสถานที่ของพวกเจ้าหน่อยนับว่ามิใช่เรื่องใหญ่”
ไป๋เฉินมีความสุขอย่างมากเมื่อได้ยิน เขาตื่นเต้นจนตอบวาจาซ้ำไปมา “ขอบคุณท่านผู้สูงส่ง! ขอบคุณที่สละเวลาอันมีค่า! ขอบคุณท่านอย่างมาก!”
ในเวลาเดียวกัน โม่หยุนก็พาไป๋ชงกลับมาถึงที่ อีกฝ่ายรีบวิ่งไปเกาะแข้งเกาะขาของไป๋เฉินทันที
สีหน้าท่าทางของไป๋เฉินมืดทมิฬลงเฉียบพลัน เขากล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวยิ่งว่า “ไป๋ชง ข้าปฏิบัติต่อเจ้าดั่งพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่งมาโดยตลอด! ทั้งยังให้ความเคารพเลื่อมใส แม้เจ้าจะไม่ชอบขี้หน้าข้าเพียงใด แต่ข้าก็ไม่เคยเอะอะอันใดสักคำ! แต่มาวันนี้เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับพวกวังเทวะพิรุณร่วงโรยและวางแผนลอบสังหารข้า! เจ้านี่มัน…ทำให้ความเชื่อใจของน้องคนนี้ไม่เหลือแม้แต่น้อย!”
ไป๋ชงกอดขาของไป๋เฉินแน่นพร้อมกล่าวว่า “น้องรักของข้า ข้า…ข้าผิดไปแล้ว! ข้าสำนึกในความผิดตนเองแล้ว! ข้า…ข้าแค่สับสนอยู่ชั่วครู่หนึ่ง โปรดไว้ชีวิตพี่ชายคนนี้สักครั้ง!”
ไป๋เฉินแสยะยิ้มเย็นและกล่าวว่า “ข้าทราบมาเสมอ พวกเจ้าแอบกล่าวลับหลังข้าว่า ตัวข้ามันทั้งอ่อนแอและไร้ความสามารถ ไม่คู่ควรกับตำแหน่งนายน้อยแม้สักนิด แม้จะเป็นแบบที่กล่าวจริงๆ แต่ข้าเองก็มิได้โง่! หาใช่พ่อพระเมตตาสรรพชีวิต!”
…………………………………………………..