แต่ก็เหมือนครั้งที่แล้ว ไม่มีคนรับสาย
โม่เทียนยวี๋ได้ยินเสียงเหมือนเครื่องจักรข้างใน เขาโยนโทรศัพท์ออกไปด้วยความโกรธ สำหรับเขาแล้วโม่โยวตั้งใจไม่รับสาย
“ยัยชั้นต่ำ คิดว่ามีลู่จิ้นยวนแล้วจะทิ้งฉันเหรอ เฮอะ ฝันไปเถอะ”
วันต่อมา
หลังจากโม่โยวเลิกงาน เดินออกมาจากบริษัทตระกูลลู่ มีแสงสีแดงวาบตรงหน้า วินาทีต่อมา ใบหน้าหล่อของโม่เทียนยวี๋ก็ปรากฏตรงหน้าเธอ
ในมือเขาถือช่อดอกกุหลาบขนาดใหญ่ ยิ้มอย่างอ่อนโยนสุดๆ “เสี่ยวโยว นี่ให้เธอ”
โม่โยวเห็นเขาก็ตกตะลึง พูดตามตรง หลังจากจากลากันอย่างไม่พอใจที่ห้างคราวก่อน เธอก็ลืมโม่เทียนยวี๋ไปเลย
“เสี่ยวโยว ฉันรู้ เธอต้องโกรธฉันอยู่แน่ๆ ไม่ว่าจะเรื่องคราวก่อนที่ห้าง หรือสิ่งที่แม่ฉันทำร้ายเธอ ฉันขอโทษจริงๆ ”
“เธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันพูดเกลี้ยกล่อมแม่ฉันแล้ว เธอจะไม่ยุ่งเรื่องระหว่างเราอีก” ถึงโม่เทียนยวี๋จะพูดแบบนี้ แต่ในใจยากที่จะซ่อนความเกลียดชัง
เขาไม่ได้พูดผิด แม่เขาไม่สามารถก้าวก่ายเรื่องแต่งงานเขากับผู้หญิงคนนี้ได้ แต่ที่บอกว่าพูดเกลี้ยกล่อมอะไรบ้าๆ นั่น มันน่าตกใจจริงๆ
หลังจากออกมาจากห้องขังแล้วกลับไป แม่เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา ตกใจเพียงแค่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวเล็กน้อย
นอกจากตน ไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้ที่คอยดูแลเธอ แค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยทางร่างกาย ก็จะสะดุ้งตกใจกลัวร้องเสียงดัง ทั้งร้องไห้และขอโทษ เหมือนเป็นโรคประสาท
แม่แบบนี้ จะเหมือนเมื่อก่อนที่เข้ามายุ่งเรื่องอื่นๆ ได้ที่ไหนกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นั่นก็คือแม่ของเขา ตั้งแต่เล็กจนโตเป็นคนที่ดีกับเขามากที่สุด เห็นเธอเป็นแบบนี้ ตัวเองในฐานะลูกชายจะไม่ทุกข์ใจได้อย่างไร
และที่มาของทุกอย่าง ก็คือผู้หญิงตรงหน้านี้
เขาอยากจะบีบคอโม่โยวให้ตาย แต่ในใจยิ่งคิดแบบนี้ ใบหน้าก็ยิ่งยิ้มให้อ่อนโยนมากขึ้น
โม่โยวไม่ได้สังเกตสิ่งเหล่านี้เลย พวกเขายืนอยู่นอกประตูใหญ่บริษัทตระกูลลู่ในตอนนี้ มีคนเดินผ่านไปผ่านมาตอนเลิกงาน พฤติกรรมของโม่เทียนยวี๋ดึงดูดความสนใจผู้คนอย่างมาก
เธอกระอักกระอ่วนและอึดอัดมาก ไม่มีทางเลือก ต้องทำตามความคิดเขาโดยถือดอกไม้ขึ้นรถตามเขาไป
โม่โยวไม่ใช่ไม่รู้สึกวิกฤติ
แต่สำหรับโม่เทียนยวี๋ คนที่ช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อห้าปีก่อน คนที่ตั้งชื่อให้เธอเมื่อความจำเสื่อม ให้ที่หลบภัยเธอ จากนั้นก็ช่วยหางานให้เธอ จึงไม่มีความระมัดระวังอยู่แล้ว
ในใจเธอ คนตระกูลโม่เหมือนคนในครอบครัวเธอ ใครจะระวังครอบครัวตัวเอง?
โม่โยวถูกโม่เทียนยวี๋เอาตัวไปกะทันหัน เรื่องนี้คนที่คุ้มคองโม่โยวก็รีบรายงานลู่จิ้นยวนทันที และได้รับคำสั่งให้ติดตามไป
ภายในห้องทำงาน
สีหน้าลู่จิ้นยวนไม่พอใจอย่างมาก เขาไม่คิดจริงๆ ว่าคราวก่อนตัวเองพูดได้ชัดเจนแบบนั้น ไอ้แซ่โม่คนนั้นมันไม่จริงจังเอาเสียเลย และยังมารับเธอถึงหน้าประตูบริษัทอย่างโจ่งแจ้งอีก
เฮอะ ไม่มีใครกล้าต่อต้านเขามานานแค่ไหนแล้วนะ? โม่เทียนยวี๋ใจกล้าดีจริงๆ
ถ้าไม่ได้เห็นแก่หน้าโม่โยว เขาจะต้องให้โม่เทียนยวี๋ตายอย่างอนาถ แต่เขาไม่สามารถจัดการมันได้ตอนนี้ ถ้าตัวเองทำลงไป โม่โยวจะต้องไม่ยอมรับแน่ๆ
ทางนี้ โม่โยวจับรถไปที่ลานจอดรถใต้ดินห้างแห่งหนึ่ง เขามองโม่โยวข้างๆ อดไม่ได้ที่จะหรี่ตา
พูดตามตรง ผู้หญิงคนนี้หน้าตาไม่เลวจริงๆ ถึงขั้นสวยกว่าถังหว่านเอ๋อร์ด้วยซ้ำ
เมื่อก่อน เขาแค่มองหญิงคนนี้เป็นแค่ก้าวย่างสู่ความสำเร็จของเขา ถึงจะหลายปีผ่านไป ทั้งสองก็มีความสัมพันธ์คู่รัก ระหว่างเขากับโม่โยวนั้นไร้เดียงสาจริงๆ
คิดอย่างรอบคอบแล้ว โม่เทียนยวี๋รู้สึกเหลือเชื่อ หลายปีที่ผ่านมา เขาจับมือโม่โยวน้อยมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจูบหรือการก้าวไปอีกขั้น เป็นเรื่องแปลกจริงๆ
เมื่อก่อนน่ะ ต้องดูหมิ่นแน่ๆ แต่ตอนนี้……
“เสี่ยวโยว ไม่เจอกันตั้งหลายวัน ฉันคิดถึงเธอมากจริงๆ ”
เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาอ้อยอิ่ง พูดเสียงทุ้ม ร่างกายโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย ค่อยๆ โน้มลงไปเตรียมจะจูบเธอ
การกระทำแบบนี้ ในความสัมพันธ์ชายหญิงเป็นเรื่องปกติอย่างมาก แต่ไม่รู้ทำไมโม่โยวถึงเกิดความรู้สึกปฏิเสธอย่างรุนแรงในใจ
ความรู้สึกนี้ ไม่เหมือนห้าปีก่อนด้วยซ้ำ เธอเผลอถอยหลังทันที จากนั้นก็เบนศีรษะหนีแล้วพูดโพล่งออกไป
“ไม่เอา”
คำพูดรีบร้อนสองคำ ทำให้บรรยากาศในรถที่ยังไม่ทันคลุมเครือ ก็เย็นถึงจุดเยือกแข็งทันที
สีหน้าโม่เทียนยวี๋มืดมนกะทันหัน มองใบหน้าด้านข้างเธอที่เบนหนี แววตาก็แทบโกรธ
เธอปฏิเสธเหรอ? หญิงบัดซบคนนี้กล้าปฏิเสธเขาจริงๆ เหรอ?
ในด้านของผู้หญิง โม่เทียนยวี๋แทบไม่เคยพลาดเลย แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น? ยัยชั้นต่ำที่เขาไม่เคยชอบเลย ไม่คิดว่าจะกล้าปฏิเสธเขาจริงๆ เฮอะ
เขาแทบจะคำรามในใจ แต่การแสดงบนสีหน้าเขาสำรวมได้ดีมากในพริบตาเดียว เม้มริมฝีปาก
“เสี่ยวโยว เธอเป็นอะไร? ยังโกรธฉันอยู่ใช่ไหม? ”
โม่โยวใจเต้นเหมือนกลอง เธอก็รู้ว่าพฤติกรรมของตัวเองเมื่อครู่นี้มันแปลกมาก ยังไงแล้วตอนนี้โม่เทียนยวี๋ก็เป็นแฟนเธอ ถึงคราวก่อนจะทะเลาะจากลากันอย่างไม่พอใจที่ห้าง แต่ความสัมพันธ์ทั้งสองก็ยังคงอยู่
เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่โม่เทียนยวี๋พุ่งเข้ามา หัวสมองตัวเองก็ปรากฏหน้าลู่จิ้นยวนทันทีโดยไม่คาดคิด
ไม่ใช่แค่นี้ ตอนนั้นหัวใจเธอยังเกิดความรู้สึกผิด โม่โยวรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า
ยังไงแล้วตามหลักการ เธอที่สูญเสียความทรงจำ ความสัมพันธ์ของโม่เทียนยวี๋กับเธอ ก็ต้องใกล้ชิดมากกว่าลู่จิ้นยวนอยู่แล้ว ทำไมเธอต้องรู้สึกผิด?
สำหรับเรื่องที่ห้างที่โม่เทียนยวี๋พูด เธอหายใจเข้าลึกๆ “เทียนยวี๋ ที่ฉันโกรธไม่ใช่เพราะตัวฉัน แต่เป็นเพราะลูกชายฉัน”
“เขาสำคัญกับฉันมาก ฉันจะไม่ให้ใครทำร้ายเขา”
เธอไม่ได้พูดว่าโกรธหรือไม่โกรธ แค่พูดประโยคนี้ช้าๆ แต่โม่เทียนยวี๋กลับอ้าปากค้าง
ใช่แล้ว จะว่าไปแล้วคนที่เขาเกลียดมากในใจ นอกจากยัยชั้นต่ำคนนี้แล้ว ยังมีเด็กเปรตน่ารังเกียจที่ต้องนับด้วย
เขาไม่มีวันลืม เจ้าเด็กโง่เง่าคนนั้นวันนั้นหลอกลวงเขาอย่างไร หลอกเอาเงินก้อนโตไปจากตน และยัยผู้หญิงบัดซบคนนี้อีก ไอ้เด็กแสบก็ต้องปกป้องขนาดนี้ ผู้ใหญ่หนึ่งคนกับเด็กหนึ่งคนก็ชั้นต่ำกันหมด
“ฉันรู้ คราวก่อนฉันผิดเอง ฉันไม่ควรทะเลาะกับเด็ก เขาเป็นลูกชายเธอก็เป็นลูกชายฉันเหมือนกัน เธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะต้องดีกับเขาแน่นอน”
ไม่กี่คำสุดท้าย เขาพูดอย่างอ่อนโยน แต่ในใจเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม
โม่โยวผลุบตาลงไม่ได้พูดอะไร ไม่กี่วินาทีต่อมา วางดอกกุหลาบไว้ที่เบาะหลังรถแล้วเปิดประตูรถลงไป
ในใจเธอรู้ดี เสี่ยวอันหรานไม่อาจยอมรับโม่เทียนยวี๋เป็นพ่ออีกคนของเขาได้ และยังมีกรณีของลู่จิ้นยวนอีกด้วย