ซ่งรั่วอวิ้นมองแผ่นหลังเธอ ในใจก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง
เธอคิดว่า ถ้าตัวเองยอมบริจาค หยงซือเหม่ยจะดีกับเธอขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ไม่ใช่ยโสจองหองขนาดนี้ ดูเหมือนว่า อาจจะคาดหวังมากเกินไป……
ซ่งรั่วอวิ้นเก็บสีหน้าที่ผิดหวัง แล้วนั่งรอผลตรวจอยู่ข้างๆ
นั่งอยู่ใกล้ทางเดิน ซ่งรั่วอวิ้นไม่มีอะไรทำเลยเหม่อ ทันใดนั้น เธอก็เห็นเงาที่คุ้นเคยเดินผ่าน
เวินหนิงถือดอกไม้ไว้ เธอมาเยี่ยมเย่ซือเยวี่ย
และที่บังเอิญคือ โรงพยาบาลที่หยงซือเหม่ยเลือกเป็นโรงพยาบาลเดียวกันกับเย่ซือเยวี่ย
โรงพยาบาลที่ไป๋หลินยวี่อยู่จะเชี่ยวชาญเรื่องระบบไหลเวียนเลือด แต่ที่นี่ดังเกี่ยวกับบริเวณศีรษะ เพราะฉะนั้น ทั้งสองคนเลยเจอกันที่นี่
พอเห็นเวินหนิง ใจซ่งรั่วอวิ้นก็เต้นเร็วมาก เธอคิดไปคิดมา เลยแอบเดินตามหลังเวินหนิง
เวินหนิงไม่ได้สังเกต เธอถือดอกไม้เข้าไปในห้องของเย่ซือเยวี่ย ถามอาการของเธอ
ทั้งสองคุยกันไปสักพัก เวินหนิงมองไปรอบๆ ไม่เห็นอันเฉิน เลยขมวดคิ้ว
หรือว่า อันเฉินยอมแพ้แล้ว?
เวินหนิงไม่กล้าถามเย่ซือเยวี่ย กลัวว่าจะสะกิดเรื่องเสียใจของเธอ
ไม่อยากให้เย่ซือเยวี่ยคิดมาก เวินหนิงเลยเล่าเรื่องที่เธอช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้น จากนั้นก็พูดอะไรเรื่อยเปื่อย เห็นว่าอารมณ์เย่ซือเยวี่ยดีขึ้น เธอค่อยวางใจแล้วลุกขึ้น
กำลังจะออกไป แต่กลับเห็นซ่งรั่วอวิ้นที่ยืนอยู่ไม่ไกล เหมือนกำลังเหม่อ
สิ่งที่เวินหนิงพูดเมื่อกี้ ซ่งรั่วอวิ้นได้ยินหมด
ตอนที่ได้ยินเธอเล่าว่าเธอเห็นเด็กผู้หญิงที่โดนทารุณ เลยพาเด็กคนนั้นกลับบ้านด้วย นี่เลยทำให้ซ่งรั่วอวิ้นตะลึงมาก
คนสมัยนี้เย็นชามาก ยอมทำอะไรที่อาจจะสร้างปัญหาให้ตัวเองมีน้อยมาก น้อยมากจริงๆ
เพราะตอนที่อยู่สถานรับเลี้ยงเด็กเธอก็เคยโดนรังแกเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ซ่งรั่วอวิ้นเลยรู้สึกดีกับเวินหนิง
“คุณหนูซ่ง ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่คะ?”
เวินหนิงแปลกใจที่เจอเธอ
“อ่อ ฉันมาตรวจร่างกายค่ะ ช่วงนี้……รู้สึกไม่ค่อยสบาย”
อยู่ดีๆซ่งรั่วอวิ้นก็พูดติดๆขัดๆ
เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์มาตั้งนาน เธอเก่งเรื่องพูดคุยอยู่แล้ว แม้แต่โกหกก็ยังมั่นใจว่าคนอื่นมองไม่ออกแน่นอน
แต่ไม่รู้ทำไม พอนึกว่าจะต้องโกหกคนดี เธอเลยไม่รู้สึกสบายใจ
“อย่างนี้นี่เอง แล้วผลเป็นยังไงบ้างคะ? ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
เวินหนิงอดถามไม่ได้ ถึงแม้จะไม่สนิทกัน แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเกลียดซ่งรั่วอวิ้น คิดว่าเข้ากันง่ายมากกว่าคุณหนูอย่างหยงซือเหม่ยอีก
“น่าจะไม่เป็นอะไรค่ะ”
ซ่งรั่วอวิ้นรีบตอบ เห็นว่าเวินหนิงจะเดินไป เลยอดถามไม่ได้ “คุณจะกลับไปดูแลแม่ของคุณเหรอคะ?”
เวินหนิงพยักหน้า ตอนนี้คุณแม่ใกล้จะได้ทำการผ่าตัดแล้ว เธอเลยยกเลิกงานทุกอย่าง ทุ่มแรงกายแรงใจดูแลท่าน
ตอนนนี้ใกล้เวลามื้อเที่ยงแล้ว เธอเลยจะกลับไป
“งั้นฉันไปเยี่ยมคุณน้าด้วยได้ไหมคะ?”
ถึงแม้จะกะทันหัน แต่ซ่งรั่วอวิ้นก็เอ่ยพูดออกมา
พูดจบ หูของเธอก็เริ่มแดงเพราะเกร็ง แล้วใจก็เต้นเร็วมากด้วย
“คุณมีน้ำใจขนาดนี้ฉันซึ้งมากเลยค่ะ ได้ค่ะ งั้นเราไปด้วยกัน”
เวินหนิงไม่ได้พูดอะไรมาก แค่คิดว่า อาาจะเป็นเพราะซ่งรั่วอวิ้นถูกสั่งสอนมาดี ได้ยินว่ามีคนป่วย เลยจะไปเยี่ยมเยียน
“ได้ค่ะ”
เห็นว่าเวินหนิงไม่ปฏิเสธ ซ่งรั่วอวิ้นก็โล่งใจไปที
เวินหนิงเห็นเธอเกร็งขนาดนั้น เลยรู้สึกแปลกใจ
ก็แค่ไปเยี่ยม ยังไงเธอก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ทำไมเธอต้องเกร็งขนาดนี้ด้วย……รู้สึกมีบางอย่างแปลกๆอย่างอธิบายไม่ถูก
แต่เวินหนิงก็ไม่มีเวลามาคิด เลยไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร
ทั้งสองขึ้นรถไปด้วยกัน ไม่นานรถก็แล่นไปจอดที่ลานจอดรถโรงพยาบาล
“เดี๋ยวฉันไปซื้อของก่อนนะคะ”
ซ่งรั่วอวิ้นจะขึ้นไปชั้นบนแล้ว แต่เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมซื้อของ เกือบจะไปมือเปล่าแล้ว
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้น”
เวินหนิงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มาก เพราะคุณแม่ก็ไม่ได้ขาดอะไร แต่ซ่งรั่วอวิ้นยืนยัน เธอก็ทำอะไรไม่ได้
ซ่งรั่วอวิ้นไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ เลือกซื้ออาหารเสริมที่แพงที่สุด เวินหนิงรออยู่ข้างนอก พอเห็นเธอถือของเต็มมือ เลยรีบเอ่ย “คุณไม่ต้องซื้อของแพงขนาดนี้ก็ได้……”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าเป็นน้ำใจของฉัน”
เมื่อกี้ซ่งรั่วอวิ้นตั้งใจเดินไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ บอกตัวเองว่าต้องใจเย็นๆ
เวินหนิงเห็นเธอดื้อดึงขนาดนี้เลยทำอะไรไม่ได้ เดินนำเธอขึ้นไปข้างบน พอถึงห้องพักฟื้น เวินหนิงก็แนะนำเธอ “แม่คะ นี่เพื่อนของหนู ชื่อซ่งรั่วอวิ้นค่ะ”
“อ่อ งั้นน้าเรียกหนูเสี่ยวซ่งแล้วกัน ถ้ามาไม่ต้องซื้อของอะไรมาก็ได้”
ไป๋หลินยวี่ได้ยินว่าเป็นเพื่อนเวินหนิง เลยเอ่ยอย่างดีใจ
ซ่งรั่วอวิ้นรวบรวมความกล้า มองใบหน้าของไป๋หลินยวี่ จากนั้นก็เหม่อไปชั่วขณะ
ผู้หญิงตรงหน้า ถึงจะผอมซูมเพราะอาการป่วย แต่ก็เห็นโครงหน้าที่สวยงามอย่างชัดเจน ตอนสาวๆต้องสวยแน่ๆ
ซ่งรั่วอวิ้นมองดวงตาของท่าน รู้สึกว่าตัวเองเหมือนท่านอย่างอธิบายไม่ถูก
พอไป๋หลินยวี่เห็นซ่งรั่งอวิ้น ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก พอมองอีกที ก็เห็นว่าดวงตาเธอเหมือนตัวเองมาก
อาจจะเพราะ พวกเธอถูกชะตากัน?
ในใจเลยรู้สึกดีกับเธอไปด้วย
“เสี่ยวซ่ง มานั่งเร็ว”
ไป๋หลินยวี่เรียกซ่งรั่วอวิ้นไปหา เวินหนิงเห็นทั้งสองถูกชะตากัน ก็รู้สึกดีใจไปด้วย
แต่ก่อนไป่หลินยวี่ชอบความครึกครื้นมาก ตอนนี้ต้องอยู่ในโรงพยาบาลทุกวัน ไม่ได้เจอคนภายนอก พอมีคนมาเยี่ยมท่าน มองออกเลยว่าท่านมีความสุขมาก
“งั้นคุยกับคุณแม่ไปก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปพบคุณหมอก่อน”
ซ่งรั่วอวิ้นพยักหน้า เวินหนิงเลยเดินออกไป
ซ่งรั่วอวิ้นแนะนำตัวเอง จากนั้นก็พูดอะไรเรื่อยเปื่อยกับไป๋หลินยวี่ ค่อยเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “คุณน้าคะ ที่บ้าน มีแค่เวินหนิง ลูกสาวคนเดียวเหรอคะ?”
“น้ากับสามีเก่ามีแค่หนิงหนิงคนเดียว ทำไมอยู่ๆถึงถามล่ะ?”
พอได้ยินคำตอบนี้ ซ่งรั่วอวิ้นก็รู้สึกผิดหวัง
เมื่อกี้คุยกับไป๋หลินยวี่ไปสักพัก เธอรู้สึกว่านี่แหละคือแม่ในจิตนาการของเธอ อ่อนโยนมีเมตตา ให้ความรู้สึกน่าเคารพมาก
แต่พอถามตอนนี้ ท่านมีแค่ลูกสาวคนเดียว เธอคงคิดไปเองสินะ