บ่วงแค้นแสนรัก – บทที่ 606 เธอไม่ใช่เด็กกำพร้า

บทที่ 606 เธอไม่ใช่เด็กกำพร้า

หลังจากที่ซ่งรั่วอวิ้นจากไปไม่นานนัก เวินหนิงก็ให้เหอจื่ออันเข้ามาหา

เธอและเหอจื่ออันคอยปรึกษากันและกันในเรื่องที่เกี่ยวกับแม่มาโดยตลอด ดังนั้นหลังจากที่รู้เรื่องว่าความสอดคล้องเนื้อเยื่อของหยงซือเหม่ยกับแม่ไม่ตรงกัน เวินหนิงก็บอกเขาทันทีที่ทราบถึงเรื่องนี้

“จื่ออัน ช่วยฉันทำการตรวจสอบดีเอ็นเอความเป็นแม่ลูกของหยงซือเหม่ยกับแม่ได้ไหม”

ตอนแรกเพราะว่าเนื้อเยื่อสอดคล้องเข้ากันได้ เวินหนิงเลยไม่ได้ทำเรื่องนี้ไป ในเมื่อการที่คนแปลกหน้าสามารถปลูกถ่ายไขกระดูกให้กันได้มีความเป็นไปได้น้อยมา ดังนั้นเธอก็เลยนึกว่าหยงซือเหม่ยคือเด็กทารกคนที่โดนสลับตัวไปในตอนแรกนั้น

ตอนนี้เมื่อมาคิดดูแล้ว ดูท่าแล้วจะมีอะไรคลาดเคลื่อน

สิ่งนี้จึงทำให้เวินหนิงตัดสินใจอย่างเงียบๆ ว่า เดิมที ถ้าหากว่าหยงซือเหม่ยเป็นลูกสาวแท้ๆ ของไป๋หลินยวี่ การที่เวินหนิงคิดที่จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ในเมื่อเธอไม่อยากที่จะทำร้ายเลือดเนื้อเชื้อไขของไป๋หลินยวี่

แต่ถ้าหากว่าเดิมทีแล้วหยงซือเหม่ยไม่ใช่ลูกสาวของไป๋หลินยวี่ เวินหนิงก็จะคิดบัญชีที่เธอได้วางยาเด็กทั้งสองคนไว้อย่างแน่นอน

“มีอะไรเหรอ

หรือว่าเธอเจอเรื่องอะไรใหม่ๆ เข้า”

เหอจื่ออันไม่เข้าใจเล็กน้อย

เวินหนิงพยักหน้า แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง อีกทั้งยังส่งผลการตรวจร่างกายที่ซ่งรั่วอวิ้นเอามาด้วยส่งไปให้เหอจื่ออันอ่านดู

“ฉันสงสัยว่า หยงซือเหม่ยไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ถูกสลับตัวไปในตอนแรก……..”

เหอจื่ออันมองดูเอกสารนี้ แล้วเว้นไปช่วงระยะเวลาหนึ่งเพราะไม่รู้ว่าควรเอ่ยอะไรออกมา ไม่คิดเลยว่าหยงซือเหม่ยจะมาโกหกกันได้

งั้นก็หมายความว่า เวินหนิงก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามที่ตกลงกันไว้แต่แรกกับหยงซือเหม่ยแล้ว และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเลิกกับลู่จิ้นยวนแล้วอีกต่อไป

เมื่อคิดได้ดังว่า เหอจื่ออันก็อดที่จะกำผลการตรวจร่างกายในมือจนแน่นไม่ได้

“จื่ออัน นายเป็นอะไรไป”

เวินหนิงเห็นว่าเหอจื่ออันทีท่าทางผิดปกติไป จึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย

“ไม่มีอะไร ฉันจะให้คนรีบมาตรวจสอบเรื่องนี้ดูนะ”

เหอจื่ออันดูความห่วงใยของเวินหนิงที่ได้มอบมาให้ ก็อดที่จะก้มหน้าลงต่ำไม่ได้

เขากลับมีความรู้สึกที่ไม่กล้ามองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นของเวินหนิงขึ้นมา มองดูความห่วงใยและเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมนั้นของเธอ ทำให้จิตใจของเขาไม่สงบขึ้นมา

ทั้งสองคุยกันอย่างจริงจังมาก ต่างคนจึงไม่มีใครสังเกตได้ว่าคำพูดที่ทั้งสองคนคุยกันนั้นถูกซ่งรั่วอวิ้นได้ยินเข้าอย่างชัดเจนไม่มีตกหล่น

ซ่งรั่วอวิ้นเป็นคนฉลาด ได้ยินทั้งสองคนพูดคุยกันถึงเรื่องสลับตัวเด็กทารกขึ้นมา การตรวจสอบดีเอ็นเอหาความเป็นแม่ลูก ทันใดนั้นก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งถึงเรื่องราว

หรือว่าบางที ตอนแรกเวินหนิงกับเด็กผู้หญิงอีกคนจะถูกสลับตัวอุ้มไปผิดคน และเบาะแสที่พวกเขาหาเจอก็คือหยงซือเหม่ย ถึงได้ยอมเดินทางไปไกลเป็นพันลี้เพื่อที่จะไปจิงเฉิง

เพียงแต่ไม่คิดเลยว่า คนที่มีความสอดคล้องของเนื้อเยื่อจะเป็นตัวเธอเอง

นี่เป็นความบังเอิญอะไรกัน และเป็นความผิดพลาดอย่างไม่คาดคิดแบบไหนกัน

ใจของซ่งรั่วอวิ้นสับสนปั่นป่วนไปชั่วขณะ แต่นอกจากนั้นแล้ว ยังมีความรู้สึกตื่นเต้นเจือมาด้วย

บางที ไป๋หลินยวี่อาจจะเป็นแม่แท้ๆ ที่ตนตามหามานานแสนนานก็ได้

ถ้าพูดตามนี้ ก็มีโอกาสสูงมาที่หลังจากเด็กสองคนถูกอุ้มผิดจนสลับตัวกัน คนตระกูลนั้นรู้เรื่องว่ามีอะไรไม่ถูกต้องถึงได้ทอดทิ้งเธอไป

งั้นเธอก็ไม่ใช่เด็กกำพร้าที่ไม่มีใครต้องการแล้วน่ะสิ

ทันทีที่คิดได้ดังว่า ซ่งรั่วอวิ้นก็ตื่นเต้นเสียจนร่างกายสั่นระริกขึ้นมาเล็กน้อย เธอล้มเลิกที่จะไปหาความเห็นจากเวินหนิง แล้วหมุนตัวกลับไปหาคุณหมอที่ทำการตรวจสอบหาความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อเมื่อสักครู่นี้

“คุณหมอ ฉันมีเรื่องที่จะขอร้องคุณหมอเรื่องหนึ่งค่ะ…….ช่วยฉันตรวจสอบดีเอ็นเอหาความเป็นแม่ลูกกับผู้ป่วยคนนั้นได้ไหมคะ เรื่องนี้สำคัญกับฉันมาจริงๆ ค่ะ”

เนื่องจากว่าทั้งสองคนพึ่งที่จะทำการเจาะเลือดมา ดังนั้นถ้าหากว่าต้องการที่จะทำการตรวจสอบดีเอ็นเอ ก็สามารถทำได้พอดีเลย

“เรื่องการตรวจสอบดีเอ็นเอ จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย หมอไม่สามารถเอาเลือดของคนไข้มาทำการตรวจสอบให้คุณได้หรอกนะ”

“คุณหมอคะ ฉันรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นการยากที่จะฝืนใจกัน แต่ว่า ตั้งแต่เด็กฉันก็เป็นเด็กกำพร้า คอยตามหาแม่แท้ๆ ของตัวเองมาโดยตลอด ขอร้องล่ะค่ะคุณหมอ ช่วยฉันด้วยเถอะค่ะ…….”

ได้ยินคำร้องขออ้อนวอนที่ละทิ้งซึ่งศักดิ์ศรีเช่นนี้ของซ่งรั่วอวิ้น จิตใจของคุณหมอเองก็ทนต่ออีกไม่ไหว

“โอเคโอเค ในเมื่อเธอพูดมาเสียขนาดนี้แล้ว หมอจะยอมแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ”

กล่าวจบ คุณหมอก็นำส่งเลือดของทั้งสองคนไปให้แผนกตรวจสอบดีเอ็นเอ

ผ่านไปไม่นานนัก ผลการตรวจสอบก็ออกมาแล้ว

“ผลการตรวจสอบดีเอ็นเอความเป็นแม่ลูกออกมาแล้ว คุณกับไป๋หลินยวี่ อัตราความเหมือนของดีเอ็นเออยู่ที่ 99.99% มีความสัมพันธ์เป็นแม่ลูกกันอย่างแน่นอน”

เมื่อได้ยินคำที่คุณหมอพูดจบ ความกังวลของซ่งรั่วอวิ้นที่อยู่ภายในใจมาโดยตลอด ในที่สุดก็สามารถคลายมันลงได้แล้ว

เธอกังวลมาโดยตลอดว่า ถ้าหากว่าเป็นเรื่องผิดพลาดเรื่องหนึ่งเท่านั้น และเธอยังคงหาแม่แท้ๆ ของตัวเองไม่เจอ แล้วจะทำอย่างไรดี

ยังดีที่ผลลัพท์ที่ออกมาไม่ทำให้เธอผิดหวัง

“ขอบคุณมาค่ะ คุณหมอ”

ซ่งรั่วอวิ้นรับผลการตรวจสอบดีเอ็นเอนั้นมา แล้วก็เอามันมาใส่ไว้ในเสื้อที่บริเวณอกอย่างระมัดระวัง

ตอนนี้เธอไม่อาจที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย คิดที่อยากจะไปพบไป๋หลินยวี่ในทันที

เมื่อคิดเช่นนั้น ซ่งรั่วอวิ้นก็ทำตามความคิดเลย

หัวใจที่อยู่ในอกเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ซ่งรั่วอวิ้นเดินไปถึงหน้าห้องของไป๋หลินยวี่ แล้วเคาะประตูห้องเบาๆ

“เข้ามาได้”

เสียงอันอ่อนโยนของไป๋หลินยวี่ดังลอดออกมา ขอบเบ้าตาของซ่งรั่วอวิ้นก็กลับพลันขึ้นสีแดง

เมื่อก่อนเธอเพียงแค่รู้สึกชอบไป๋หลินยวี่คนคนนี้เท่านั้น กลับไม่เคยคิดที่จะหาเหตุผลนั้นเลย

ตอนนี้เมื่อมามองดูแล้ว ก็เป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่น่าพิศวงและไม่อาจที่จะมองข้ามได้ระหว่างสองแม่ลูก ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างมีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน

“หนูเองค่ะ”

ซ่งรั่วอวิ้นเดินเข้ามาในห้อง มองดูใบหน้าที่ซูบผอมของไป๋หลินยวี่ ก็พลันรู้สึกปวดใจขึ้นมา เธอรู้สึกเสียใจที่ตนไม่รู้จักตัดสินใจให้เร็วกว่านี้ ไม่อย่างนั้นการผ่าตัดก็คงจบลงไปนานแล้ว และตอนนี้ก็คงฟื้นฟูสภาพร่างกายจนตัวเองกลับมาแข็งแรงแล้ว

“เสี่ยวซ่ง?

มาแล้วเหรอ

พอดีเลย ป้ามีข่าวดีอยากจะบอกหนู ในที่สุดก็หาคนบริจาคไขกระดูกให้ได้แล้วนะ ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

ไป๋หลินยวี่มีความรู้สึกดีใจจากใจจริง แม้ว่าจะป่วยมาเป็นระยะเวลานานมากก็ตาม ปากก็คอยเอาแต่พูดถึงเรื่องปลงสังขาร แต่ว่าตอนนี้มีความหวังครั้งใหญ่ที่จะกลับมาแข็งแรงได้ จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะรู้สึกดีใจ

เมื่อได้เห็นท่าทางที่ดีใจของไป๋หลินยวี่ ภายในใจของซ่งรั่วอวิ้นก็กลับรู้สึกผิดขึ้นมา

ถึงขนาดที่ว่าเธอไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากพูดถึงเรื่องที่ว่าตนเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเธอได้อย่างไร………

ซ่งรั่วอวิ้นก็เลยดูแลไป๋หลินยวี่และคอยอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนตลอดทั้งบ่าย จนพอถึงตอนเย็น เวินหนิงเข้ามาถามไป๋หลินยวี่ว่าอยากกินอะไร ทั้งสองคนเลยหยุดพูดคุยกัน

“ที่แท้เธอก็อยู่ที่นี่คอยดูแลแม่มาโดยตลอดนี่เอง ถ้าอย่างงั้นเย็นนี้เรามากินข้าวด้วยกันเถอะ”

เวินหนิงมองดูซ่งรั่วอวิ้น และก็กลับไม่ได้ต่อต้านอะไรเหมือนตอนแรก เพราะว่าเธอยินยอมที่จะปลูกถ่ายไขกระดูกให้แม่ อีกทั้งยังรู้สึกสนิทสนมมากขึ้นอีกด้วย

“โอเค”

ซ่งรั่วอวิ้นพยักหน้า เธอเองก็อยากคว้าโอกาสที่จะได้ใช่ร่วมกับแม่แท้ๆ ของตัวเองให้มากกว่านี้

“งั้นเธออยากจะกินอะไรเหรอ

เดี๋ยวฉันจะออกไปซื้อ”

“พวกเราไปด้วยกันเถอะ”

ซ่งรั่วอวิ้นไม่ได้เป็นคนเลือกทานอะไร แต่ว่าตอนนี้เธออยากที่จะทำความเข้าใจว่าโดยปกติแล้วไป๋หลินยวี่ชอบทานอะไร อีกทั้ง เธออยากที่จะลองบอกเวินหนิงถึงเรื่องที่ตนเป็นลูกแท้ๆ ของไป๋หลินยวี่เพื่อดูท่าทีก่อน เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องใหญ่

เวินหนิงได้ยินดังว่าก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร ทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

ทันใดนั้นซ่งรั่วอวิ้นรู้สึกลังเลขึ้นมา จึงค่อยๆ ขยับปากแล้วเอ่ยออกไป “เวินหนิง ฉันมีเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่งที่จะต้องบอกเธอ”

บ่วงแค้นแสนรัก

บ่วงแค้นแสนรัก

Status: Ongoing

ของขวัญวันเกิดอายุ18ปีของเวินหนิง คือเธอต้องติดคุก10ปี เพื่อการแก้แค้นเธอจึงตอบตกลงคำขอร้องของปีศาจ เธอต้องแต่งงานกับสามีที่นอนอยู่ในสภาพเหมือนผัก แต่คิดไม่ถึงว่า…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท