พี่ จริงๆ แบบนี้ก็ไม่เลวเลยนะ เหยียนลิ่วหยวนยิ้ม ผลยาเป็นยังไงก็ช่าง เรายังได้เงินอยู่ดี
เริ่นเสี่ยวซู่ฟังแล้วก็ไม่ใคร่ยินดี กระซิบว่า นี่มันเกี่ยวกับหาเงินที่ไหนเล่า ทำแบบนี้จะได้รับคำขอบคุณจากใจจริงขนาดไหนกันเชียว
เริ่นเสี่ยวซู่เข้าใจดีว่าหากพึ่งผลยาในทางนี้ โอกาสที่จะได้รับคำขอบคุณอย่างใจจริงจากผู้อื่นจะลดน้อยลงไปด้วย แล้วจะมีแต่คนอย่างเหล่าหวังที่อยากให้ต้นไม้ตายกลับมาชูชันอีกครา ถึงจะแสดงการขอบคุณอย่างใจจริงได้
เรื่องเงินน่ะเหรอ ไม่ เขายังอยากได้คำขอบคุณมากกว่า เพราะถ้าไม่มีคำขอบคุณ ก็ไม่มียาดำเช่นกัน
เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างรำคาญใจนิดหน่อยว่า ถ้าฉันรักษาคน ช่วยชีวิตคนได้ ไม่ว่าฉันไปไหนคนในเมืองก็จะมองฉันด้วยความเคารพ ดูอย่างเจ้าหมอนั่นที่คลินิกสิ ถึงจะมีคนตายมากมายภายใต้การรักษาของเขา แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ทำไมเป็นอย่างนั้นได้ ก็เพราะว่าเขาเป็นหมอคนเดียวในเมืองไง!
พี่พูดถูก เหยียนลิ่วหยวนเห็นด้วย ความจริงคือเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย เขารู้อยู่อย่างเดียวว่า พวกตนจะรวยเละกันแล้ว!
และที่สำคัญสุดนะ เริ่นเสี่ยวซู่พูด ถ้าฉันรักษาคน ช่วยชีวิตคนได้ ไม่ว่าฉันไปไหนคนในเมืองก็จะเรียกฉันว่า ‘หมอเริ่น’ แต่ถ้าฉันไม่รักษาคน ไม่ช่วยชีวิตคน รู้ไหมพวกเขาจะเรียกว่าไง ‘เฮ้ย นั่นมันคนขายยานี่หว่า…’
ดูก็รู้ว่าสถานะทางสังคมของทั้งสองอาชีพนี้มันคนละเรื่องกันเลย!
เหยียนลิ่วหยวนกลั้นขำไม่ไหว หัวเราะลั่นกระท่อม แล้วพูดว่า โธ่พี่ จินตนาการล้ำเกิ๊น!
ทว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่ทันคิดเลยว่า เหล่าหวังไม่ได้ใช้ยาที่ซื้อจากตนไป เพราะอย่างไรเสียเหล่าหวังก็ยังไม่มีคนรัก
ภาชนะใส่ยาดำไม่ได้มีอะไรผิดแผกแปลกไปเป็นพิเศษ เป็นขวดกระเบื้องหน้าตาธรรมดา ขนาดเล็กจิ๋ว สามารถเจอได้ทั่วไปในเมือง ก่อนหน้านี้ขวดยาดำทำจากแก้ว เป็นชิ้นงานชั้นเยี่ยม เริ่นเสี่ยวซู่กลัวว่าคนในเมืองจะสงสัยที่มาของยาอีก เพราะขวดยาแบบนี้ไม่มีทางหาได้ในเมือง
หวังฟู่กุ้ยส่งขวดยาจิ๋วไปให้ผู้ดูแลคนหนึ่งของเมือง เขาเป็นหนึ่งในคนที่ทางป้อมปราการส่งออกมา
เหล่าหวังคิดว่าเริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้จักคุณค่าที่แท้จริงของยานี้เลย แต่เขารู้…
แล้วสถานที่แบบไหนกันถึงต้องนำยาดำไปใช้แบบภายใน พวกผู้ชายในเมืองเหรอ ไม่ใช่หรอก
ถึงแม้พวกผู้ชายในเมืองจะขาดแคลนอาหารการกิน บางคนก็ผอมแห้งติดกระดูก ทว่าทุกคนล้วนทำงานใช้แรงงาน ต่อให้ผอมแห้งขนาดไหน สุขภาพก็นับว่าดีมาก
ออกกำลังกายพอเหมาะ ระดับเมแทบอลิซึม[1]และการทำงานของอวัยวะต่างๆ ก็ปกติ แบบนี้คนในเมืองจึงไม่ต้องการยาดำอะไรนัก
คนที่ต้องการใช้ยาดำส่วนใหญ่แล้วก็คือพวก ‘ชนชั้นสูง’ ในป้อมปราการ
หวังฟู่กุ้ยลอบส่งยาดำไปให้ผู้ดูแลที่ทางป้อมปราการส่งมา ผู้ดูแลเมืองคือผู้ที่จะรู้ทุกการเคลื่อนไหวของเมือง งานปกติคือการคอยสอดส่องดูการเคลื่อนไหวผิดปกติในเมือง ดังนั้นผู้ดูแลนี้ย่อมทราบเรื่องเถี่ยโถวเลียยาดำเมื่อคืน
ทว่าผู้ดูแลก็ไม่ได้เอาไปใช้เองเช่นกัน หลังจากเลิกงาน ก็ส่งยาไปเป็นของขวัญให้เจ้านายตัวเอง
ไม่มีใครรู้ว่าขวดยากระเบื้องนี้จะไปลงเอยตรงไหนกันแน่
เรื่องวันนี้เริ่นเสี่ยวซู่ไม่ทราบเลย เขาใช้เหรียญคำขอบคุณแลกยาดำมาอีกขวด จากนั้นก็ให้เสี่ยวอวี้ไปซื้อผ้าป่านสีขาวจากในเมือง และให้เสี่ยวอวี้ใช้ด้ายดำปักคำว่า ‘คลินิก’ รวมไปถึงคำที่ว่า ‘รักษาแผลจากมีด แพทย์ใจงาม’ รวมแปดคำ
และแล้วคลินิกก็เปิดทำการด้วยเหตุนี้เอง
ขณะเสี่ยวอวี้กำลังปักตัวอักษรอยู่นั้น เธอก็ถามเริ่นเสี่ยวซู่ว่าอยากให้ปักคำว่า ‘มือมหัศจรรย์ ไม้ผลิกลับคืน’ ด้วยไหม เริ่นเสี่ยวซู่รีบปรามเธอทันที ตอนนี้เขารู้สึกหวั่นๆ กับคำว่า ‘ใบไม้ผลิ[2]’ อยู่หน่อยๆ
ถึงตอนนี้กิจการเขาจะยังไม่มีลูกค้า แต่เขาก็ยังไปไหนไกลไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้ามีคนไข้มาหาหมอ เสี่ยวอวี้ต้องรับมือคนเดียวไม่ไหวแน่
เขาก็อยากไปนั่งเรียนในชั้นเรียนอันโอ่โถงสว่างสดใสกับเหยียนลิ่วหยวนอยู่หรอก แต่หากเขาไปโรงเรียน จะเกิดอะไรขึ้นกับเหยียนลิ่วหยวนแล้วก็เสี่ยวอวี้
ในครอบครัวนี้ ต้องมีคนพร้อมยอมเสียสละปณิธานส่วนตน!
วันต่อมา เริ่นเสี่ยวซู่นั่งพักผ่อนอยู่ในบ้าน ม่านประตูเปิดออกกว้าง เสี่ยวอวี้นั่งเย็บปักชุนผ้าอยู่ข้างหลังเขา เสี่ยวอวี้บ่นเป็นพักๆ ว่าสองพี่น้องช่างไม่รู้จักเย็บเสื้อผ้าตนเองบ้างเลย นี่สะสมรูโหว่มากมายขนาดไหนกันเนี่ย
ตอนนั้นเอง ก็มีคนวิ่งผ่านมาจากอีกฝั่งของถนนดิน แขนเลือดไหลอาบ
เริ่นเสี่ยวซู่ตาทอประกาย ถ้าไม่รักษาตอนนี้จะถึงตายได้นะ
แต่ว่าชายคนนั้นไม่เหลือบแลอะไรเริ่นเสี่ยวซู่เลย ทุกคนย่อมมุ่งตรงไปยังคลินิกรักษาที่ได้รับการรับรองจากในป้อมเป็นธรรมดา แถมในสายตาทุกคน เริ่นเสี่ยวซู่ยังคงเป็น ‘เจ้าคนขายยา’ มากกว่าจะเป็น ‘คนที่รักษาแผลจากมีด’ ด้วยอีก
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่รอคอยมานานดังจากพระราชวังในห้วงจิต
[ภารกิจ : รักษาผู้ป่วยหนึ่งราย]
เริ่นเสี่ยวซู่ยืนขึ้น พูดอย่างเสียใจว่า ขอโทษนะ
จากนั้นเสี่ยวอวี้ก็เห็นเริ่นเสี่ยวซู่วิ่งออกจากกระท่อมไป ไม่ถึงนาทีให้หลัง เธอก็เห็นเริ่นเสี่ยวซู่แบกร่างชายคนนั้นกลับมา
เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างเมตตากับเขาว่า หมอที่คลินิกนั่นมันมิจฉาชีพ ที่ฉันแบกนายกลับมา คือช่วยชีวิตนายอยู่นะรู้ไหม
ชายผู้นี้เลือดไหลมาพักใหญ่แล้ว จึงไม่มีแรงจะมาตอบโต้ ตอนที่เริ่นเสี่ยวซู่ไปคว้าตัวก็แทบจะล้มคาที่แล้ว
ตอนนั้นเองก็มีชายอีกสองคนวิ่งมาจากฝั่งตรงข้ามของถนนดิน พอเห็นร่างพวกเขามีเลือดเปรอะไปหมด เริ่นเสี่ยวซู่ก็นิ่งไป พวกนายสู้กันเหรอไง
ชายที่กำลังพยุงตัวเองลงกับพื้นอธิบาย ไม่ใช่ เครื่องกำเนิดไอน้ำที่โรงงานมันระเบิด! อาการบาดเจ็บพวกเรายังเบา เลยพอวิ่งกลับมาได้ แต่ฉันกลัวว่าจะมีคนไม่น้อยที่ต้องตายคาที่
เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้าอย่างเงียบงัน ในปัจจุบันนี้ ไม่มีใครจิตใจดีขนาดไปช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงงานหรอก ภาวนาไม่ให้ตัวตายแล้วมีคนไปฉกชิงทรัพย์สินตัวเองได้ก็บุญขนาดไหนแล้ว
มา พี่เสี่ยวอวี้ เอาเข็มไปฆ่าเชื้อหน่อย เริ่นเสี่ยวซู่ว่า ถึงเขาไม่ได้กังวลเรื่องอาการอักเสบ แต่ต่อหน้าคนไข้ก็ต้องแสร้งเป็นหมอหน่อยใช่ไหมล่ะ พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกอีกรอบ คราวนี้กลับมาพร้อมกับคนอีกสองคน
เริ่นเสี่ยวซู่ใช้ทั้งมือทั้งเท้าพยายามยื้อทั้งสามให้นอนลง ทั้งสามหมดหวังจะต้าน ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขามีอาการบาดเจ็บแต่เดิม เริ่นเสี่ยวซู่คงปราบพวกเขาไม่ไหวแล้ว
จริงๆ แล้วพวกเขาก็ทราบแหละว่าตนเองมารักษาที่เริ่นเสี่ยวซู่ได้ แต่ก็ยังวิ่งไปที่คลินิกตามสัญชาตญาณเดิม ตอนนี้พอโดนกดลงแบบนี้ เลยเลิกต่อต้านกันหมด
จากนั้นพวกเขาก็เห็นเสี่ยวอวี้วางงานเย็บปักของตน แล้วหยิบเข็มที่ใช้ปักผ้าไปลนไฟ เพราะเข็มยาวอยู่ไม่น้อย ไฟเลยไม่ลวกมือเธอ
ฉันต้องเย็บแผลให้พวกเขาเหรอ เสี่ยวอวี้ถามเสียงค่อย
ใช่ เย็บแบบที่เย็บผ้านั่นแหละ เริ่นเสี่ยวซู่ยิ้ม เรียบง่ายเพียงนั้น
เสี่ยวอวี้พยายามปลุกขวัญตนเอง และเริ่มเย็บแผลให้ผู้ป่วยทีละคน ทว่ากลับเกิดเสียงดังฉ่า กลิ่นเนื้อไหม้ลอยมาทันควัน
ชายผู้นั้นตัวสั่น ถามออกมาว่า ฉันเข้าใจนะว่าใช้ไฟฆ่าเชื้อ แต่อย่างน้อยรอเข็มให้เย็นลงก่อนเย็บแผลไม่ได้เหรอ!
[1] เมแทบอลิซึม (Metabolism) ผลรวมของกระบวนการสร้างเสริม (anabolism) และกระบวนการแยกสลาย (catabolism) เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ
[2] มือมหัศจรรย์ ไม้ผลิกลับคืน (妙手回春) สามารถสื่อว่า ย้อนกลับสู่ความเยาว์วัยของหนุ่มสาว หรือกลับคืนมามีชีวิตสดใสอีกครา นอกจากนี้คำว่าใบไม้ผลิ (春) สามารถแปลความหมายถึงชีวิตเซ็กส์ได้ด้วย