ดวงตากะพริบปริบๆมองตามหลังเจาเยี่ยที่เดินจากไป จนกระทั่งลับสายตาจึงเลิกมอง หลานอันก้มหน้าครุ่นคิด เจาเยี่ยในชาตินี้ ช่างเเตกต่างกับชาติที่เเล้วจริงๆ เทียบกับชาติที่เเล้ว ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีความรู้สึกร้ายกาจ ดูจริงใจมาก เเต่ความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้านี้ช่างน่าปวดใจเหลือเกิน
เจาเยี่ย ตกลงแล้ว นายผ่านอะไรมากันเเน่? เมื่อนึกถึงข่าวทอล์คออฟเดอะทาวน์ในช่วงนี้ กู้หลานอันประสานนิ้วทั้งสองข้างไว้ด้วยกันเเล้วบีบมือเเน่น เมื่อชาติที่เเล้วเจาเยี่ยที่ไม่เเสดงออกทางสีหน้าว่ามีความสุขหรือโกรธเป็นคนที่เริ่มเข้าหาเขาก่อน จู่ๆก็พูดออกมาประโยคหนึ่งว่าฉันจะอยู่เคียงข้างนายไม่ว่านายจะเป็นคนยังไงก็จะคอยดูแลเขาอย่างดี น้อยมากที่เขาจะเห็นเจาเยี่ยเย็นชาต่อเขา หรือเห็นอีกด้านที่ไม่มีความสุขของเจาเยี่ย เขาเองก็ไม่เคยที่จะไปคิดหรือไปสงสัยว่าอดีตของเจาเยี่ยเป็นอย่างไร ไม่เคยคิดเลย เขาผิดพลาดไปมากมายจริงๆ ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจจริงๆ
เจาเยี่ย โชคดีเหลือเกินที่มีชาตินี้ ทุกอย่างยังเเก้ไขได้ทัน ฉันยังมีโอกาสที่จะเข้าใจในตัวนาย ฉันยังมีความกล้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็จะเข้าไปใกล้ชิดนาย เข้าใจนาย ให้ความอบอุ่นกับนาย เขาได้ตัดสินใจเงียบๆในใจของตัวเองและดึงสติกลับมา เมื่อเห็นเวลาใกล้ถึงเเล้ว จึงรีบเดินไปยังกองประกวดโดยเร็ว
เมื่อไปถึงกองประกวด ผู้ช่วยผู้กำกับกำลังสุ่มเลือกเพลงสำหรับการประกวด ถึงจะบอกว่าเป็นการสุ่มเพลง เเต่ก็เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น แท้จริงแล้วมันเป็นการเลือกเพลงด้วยเงินต่างหาก ในตอนที่กู้หลานอันไปถึง ก็เป็นตอนคิวของฟู่ซีพอดี เขาเห็นรอยยิ้มพึงพอใจของฟู่ซีที่เดินผ่านไป
ไม่เสียเเรงที่จ่ายเงินไป ได้บทเพลงที่ร้องง่ายมาอยู่ในมือ ฟู่ซีเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา เขาหมุนตัวมาด้วยความดีใจ ปรากฎว่าสายตาดันเจอเข้ากับคนที่อยู่ตรงหน้าประตู กู้หลานอัน ฟู่ซีหยุดชะงักไปชั่วครู่ ความสุขที่มีหายวับไปทันที รูปลักษณ์ที่เเท้จริงของกู้หลานอันปรากฏอยู่ตรงหน้า ฟู่ซีเคยเห็นรูปร่างหน้าตานี้ตอนรอบคัดเลือกระดับภูมิภาคมาก่อน และเพราะว่าเขาเคยเห็นนั่นเเหละ ถึงจัดให้กู้หลานอันเป็นคู่เเข่งอันดับหนึ่งที่น่ากลัวที่สุดของเขา และเพื่อเเอบจัดการเขาเเบบเงียบๆ จึงได้ยอมลดตัวไปใกล้ชิดสนิทสนมและยอมเป็นเพื่อนด้วย พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้เขาไม่มีวันเปล่งประกาย จนกระทั่งวันนี้ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้สำเร็จ แต่ในช่วงที่ใกล้ถึงเวลาที่สำคัญที่สุด มันกลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิงอย่างนั้นหรือ
ในขณะที่ฟู่ซีสำรวจตัวเขา กู้หลานอันเองก็สำรวจฟู่ซีเช่นกัน เห็นเขากัดฟันเเน่น ก็หัวเราะเสียงต่ำออกมา ทำไมตอนนี้ถึงดูไม่มีความสุขล่ะ? อีกเดี๋ยวนายจะได้ลิ้มรสความทุกข์มากกว่านี้นะ ฟู่ซี
กู้หลานอัน เมื่อได้ยินผู้ช่วยผู้กำกับเรียกตนเอง กู้หลานอันยกมือขึ้นขานตอบ เขาเดินผ่านผู้ชมมากมายไปเลือกเพลง เมื่อได้เเล้วก็เดินไปมุมนึง ก้มหน้าลงดู เป็นไปตามที่คาดไว้ มันยังคงเป็นเพลงนั้นในรอบตัดสินครั้งสุดท้าย《มิได้ประสบแต่หวังจะได้พบกันอีก》
เพลงนี้คือผลงานคลาสสิคของนักร้องหญิงชื่อหลี่ชิงเหลียน ในปีนั้นเธอร้องเพลงนี้ให้แก่สามีผู้ล่วงลับ บทเพลงเช่นนี้ ตามความจริงแล้วน่าจะเป็นบทเพลงทรงคุณค่าให้คนรุ่นหลัง เเต่เพราะนักร้องท่านนั้นได้ใส่อารมณ์ในการร้องมากเกินไป และยิ่งเป็นการเเสดงโดยการร้องสด การไปร้องด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและผิดหวัง มันยากเกินไปสำหรับคนรุ่นหลังจริงๆ ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่มีใครกล้านำเพลงนี้มาทำการแสดงอีกเลย
ชาติที่เเล้วหลังจากสุ่มได้เพลงนี้ คิดทบทวนไตร่ตรองอย่างดีสุดท้ายก็ขึ้นไปร้อง ผลปรากฎว่านอกจากจะไม่ติดอันดับอะไรเลย แถมยังกลายเป็นเรื่องตลกขบขันให้ผู้ชมหัวเราะเยาะ กล่าวว่าเเท้จริงแล้วเขาร้องเพลงไม่เป็น แม้จะอยากเเย้งว่าไม่จริง เเต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เเต่โทษตัวเองว่าโชคไม่ดีที่สุ่มได้เพลงนี้ขึ้นมา ไม่เคยคิดเลยว่า จะมารู้ความจริงภายหลังจากปากของฟู่ซีในตอนที่พวกเขาเเตกคอกันที่ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ฟู่ซีใช้เงินซื้อมันมา ถึงเเม้จะเป็นเพลงรักที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองเมื่อเทียบกับเพลงอื่น เเต่ว่าผู้ช่วยผู้กำกับประเมินความสามารถของเขาสูงเกินไป ฟู่ซีไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกของเพลงนี้ออกมาได้ หลังจากที่เขาดูผ่านๆอย่างรีบร้อน ก็ให้ผู้ช่วยผู้กำกับสลับบทเพลงง่ายๆให้เเก่เขาแทน และทำตามความปรารถนาของคนที่จ่ายเงินให้แก่การแข่งขันในครั้งนี้อย่างเขา โดยการสับเปลี่ยนเพลงนี้ให้คนอื่น ซึ่งคนอื่นทีว่านั่นก็คือกู้หลานอัน คนที่ฟู่ซียุยงให้ผู้ช่วยผู้กำกับเกลียดเขาตั้งเเต่เเรกนั่นเอง