นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 502 ซวยซ้ำซวยซ้อน
ซูฉิงแม้จะได้ยินคำถามของโจเซฟแล้ว แต่ก็ไม่มีอารมณ์ที่จะตอบ เธอหันกลับไปสลัดข้อเท้า แล้วรีบฉุดแขนของโจเซฟมาแล้วเดินต่อไป
แต่ฝนพอพูดถึงก็ตกลงมา ทั้งที่พึ่งฟ้าร้องเพียงสามนาทีเท่านั้น ฝนเท่าเม็ดถั่วใหญ่ก็ตกลงมาจากนั้นก็กลายเป็นฝนตกหนัก ป๊อกแป๊กๆ ลงมาใส่ร่างทั้งสองคน
“ซู๊ด”โจเซฟสูดลมหายใจเข้ารู้สึกหนาวขึ้นมา วันนี้เขาสวมเสื้อตัวบาง เพราะได้ดูพยากรณ์อากาศไปเลยกล้าที่จะสวมชุดนี้ออกจากบ้าน เมื่อเช้าวันนี้อากาศปลอดโปร่งอยู่เลยนี่
ฝนตกลงมาใส่ตาและใบหน้าของซูฉิง จนรู้สึกแสบตา จนทำให้ม่านตาของเธอมองไม่ชัด ซูฉิงเลยยกมือขึ้นเช็ดน้ำฝนออกจากใบหน้า แล้วเหมือนจะมองเห็นถ้ำที่อยู่ตรงหน้า
เสียงทั้งลมทั้งฝนที่ตกลงแรงมาก เธอทำได้เพียงส่งเสียงตะโกนบอกผู้ชายที่อยู่ข้างๆ :”โจเซฟ นายทนหน่อยนะ ข้างหน้ามีถ้ำ พวกเราไปหลบฝนที่นั่นกัน”
โจเซฟพยักหน้า ทั้งสองเดินไปทางถ้ำอย่างความยากลำบาก
กว่าจะมาถึงที่ถ้ำได้ก็ทำเอาเหนื่อย ยังดีที่ภายในถ้ำยังแห้งอยู่ แต่ว่าอากาศก็ยังชื้นอยู่ ตอนนี้ซูฉิงรู้สึกหนาวไปทั้งตัว แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนล้วนเปียกไปทั้งตัว
เธอพยุงโจเซฟมานั่ง แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหาฮ่อหยุนเฉิง ไม่งั้นถ้าหากวันนี้ถูกขังอยู่ที่นี่ทั้งคืนคงแย่แน่ ไม่รู้ว่าเช้าวันต่อมาจะถูกนินทาอะไรบ้าง
แต่ผลปรากฏว่าหน้าจอมืด
ซูฉิงเห็นอย่างนั้นก็คิ้วขมวด ใช้มือเช็ดน้ำออกจากหน้าจอ แล้วลองกดดูอีกครั้ง ก็พบว่าตอนนี้หน้าจอก็แสดงแบตเตอรี่ไม่พอแล้วหน้าจอก็ดับไป
ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ เลย
ตอนนี้ในหัวของซูฉิงก็ผุดความคิดนี้ออกมา
“ในกระเป๋าของนายยังมีของกินมั้ย”ซูฉิงเก็บโทรศัพท์ลงอย่างเซ็งๆ แล้วหันไปมองโจเซฟที่นั่งอยู่ที่พื้น”โทรศัพท์ของฉันแบตหมด ตอนนี้พวกเราอยากจะต้องค้างที่นี่คืนนี้ ถ้าหากในกระเป๋าของนายไม่มีอาหารและน้ำดื่มละก็ อาจจะต้องหิวตาแน่”
โจเซฟพยักหน้า”มี ยังเหลือขนมปังกับน้ำดื่ม อะนี่ฉันให้เธอ”
หลังจากที่ซูฉิงนั่งลงข้างๆ เขาแล้วโจเซฟที่ทั้งพูดทั้งรูดซิปกระเป๋า โชคดีที่กระเป๋าของเขากันน้ำ เขาหยิบเอาขนมปังออกมายื่นให้กับซูฉิง โจเซฟถึงได้เอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง:”ซูฉิง ……..ฉันไม่รู้วันนี้จะกลายเป็นอย่างนี้ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ เธออย่าโกรธเลยนะ”
ซูฉิงเปิดถุงขนมปังออก แล้วกัดกินขนมปัง พอหลังจากได้ยินคำพูดของโจเซฟ เธอก็ส่ายหน้า ถึงแม้จะคิดว่าผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจ แต่ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
“ฉันรู้ว่านายไม่ได้ตั้งใจ และตอนนี้นายก็ได้รับบาดเจ็บ ฉันก็ไม่มีอะไรจะโทษนายหรอก แต่ว่า…..นายบอกฉันได้มั้ย ทำไมนายถึงได้ชอบฉัน”
โจเซฟนิ่งคิดอยู่สักพัก ดูท่าเหมือนกับกำลังคิด หลังจากนั้นก็เอ่ยพูดว่า:”เพราะว่าเธอสวย และพูดจามีมารยาท ตอนที่ฉันเจอเธอครั้งแรก เหมือนกับหัวใจก็เต้นแรง ดังนั้นเลยอยากจะตามจีบเธอ”
ภาพลักษณ์คือสิ่งแรกที่ทำให้สะดุดตาถือเป็นก้าวแรก ซูฉิงเข้าใจตรงจุดนี้ โดยเฉพาะเธอกับโจเซฟ ไม่ได้เรียนรู้อีกฝ่ายอย่างจริงจัง ที่โจเซฟรู้สึกชอบไม่แน่อาจจะเป็นเพราะความคึกคะนองของเด็กก็ได้
“ฉันจะบอกอะไรนายให้นะ ฉันกับฮ่อหยุนเฉิงจะแต่งงานกันแล้ว และอาทิตย์หน้าก็จะจัดงานหมั้นกันแล้ว ฉันรักเขา เขาก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ดังนั้นฉันคิดว่า นายไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลากับฉัน”
ทันใดนั้นโจเซฟก็นิ่งเงียบทันที ได้แต่คิ้วขนมปังของตัวเองไปเงียบๆ อยู่นานถึงได้เอ่ยขึ้น:”ซูฉิง เธอกับฮ่อหยุนเฉิงจะหมั้นกันแล้ว คือยังไม่ได้หมั้น และฉันที่ฉันเธอก็เป็นเรื่องของฉัน ทำไมเธอรีบร้อนที่จะผลักไสฉันจังเลย ฉันยอมรับไม่มีอะไรที่ฉันจะเทียบเขาได้เลย”
ซูฉิงส่ายหน้า โจเซฟเป็นลูกหลานเชื้อพระวงศ์ ไม่เคยมีประสบการณ์ถูกปฏิเสธ บางทียี่สิบกว่าปีมานี้น่าจะไม่เคยเขาเลยไม่เข้าใจ
สุดท้ายเธอได้แต่พูดออกมาว่า:”รอให้นายเจอคนที่นายชอบเขาจริงๆ นายก็จะเข้าใจเอง”
ฮ่อหยุนเฉิงที่คืนนี้นำงานจนถึงสองทุ่มถึงกลับบ้าน ระหว่างทางเขาก็รู้สึกแปลกๆ หรือว่า
วันนี้ซูฉิงทำงานอยู่ที่บริษัท ผลปรากฏว่าพอไปที่สตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์พนักงานกลับบอกกับเขาว่า ซูฉิงไม่ได้มาที่บริษัท
และหลังจากที่ฮ่อหยุนเฉิงกลับมาถึงบ้านแล้วฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่เห็นซูฉิงเลย
เขาคิ้วขมวด ทันใดนั้นหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ในใจเริ่มว้าวุ่น เมื่อก่อนซูฉิงจะไม่อยู่บ้านดึกขนาดนี้ และวันนี้ก็ไม่ได้ไปที่บริษัทอีก
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาซูฉิงและก็ได้ยินเสียงตอบกลับว่า:”สวัสดีค่ะ โหมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนนี้ กรุณารอสักครู่แล้วติดต่อใหม่………”
ท่าไม่ดีแล้ว หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ!
หลังจากที่เขาคิดว้าวุ่นเหมือนคนบ้า แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ฮ่อหยุนเฉิงกัดเม้มริมฝีปาก โทรหาซูฉิงหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ได้ยินแต่เสียงอัตโนมัติตอบกลับมา
เขาเริ่มกังวล จนต่อสายโทรหาหลินเหยียนเฟิง”ฮัลโหล ซูฉิงหายตัวไป ตอนนี้ยังไม่กลับถึงบ้าน ฉันเธอหาเธอก็ไม่ติด และวันนี้เธอก็ไม่ได้ไปที่บริษัทด้วย นายช่วยฉันสืบหน่อยว่าวันนี้เธอไปเจอใครบ้างและไปที่ไหนแล้วส่งคนตามสืบ!”
หลินเหยียนเฟิงได้ยินอย่างนั้นก็ตอบรับทราบทันที แล้วรีบส่งคนไปตามสืบ อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็โทรหาฮ่อหยุนเฉิง “ท่านประธานครับ ผมสืบได้แล้วครับ! นายหญิงวันนี้ไปเจอกับโจเซฟคนฝรั่งเศส ทั้งสองไปที่จุดชมวิวทางตะวันออก จากนั้นก็ไม่เห็นว่าออกมาเลย…….”
“อะไรนะ!”ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินอย่างนั้น อารมณ์ที่ควบคุมไว้ก็คลายออกทันที แล้วก็เดินออกไปข้างนอก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ซูฉิงจะอยู่กับโจเซฟนั่น อีกทั้งยังไม่กลับมา และไม่เคยไปเที่ยวด้วย
จะรอไม่ได้แล้ว หลังจากที่วางสายไปฮ่อหยุนเฉิงก็รีบออกจากบ้านไป แล้วนำบอดี้การ์ดไปด้วยหลายคนขับรถตรงไปที่จุดชิมวิว ยี่สิบนาทีต่อมาในที่สุดก็ถึงจุดเป้าหมาย
ระหว่างทางเขาร้อนใจมาก กลัวว่าซูฉิงจะเจออันตราย
ฮ่อหยุนเฉิงที่เป็นคนมีหน้าตาทางสังคมและมีอำนาจ หลังจากรอให้มาถึงหน้าประตูจุดชมวิวแล้ว ก็ให้คนรับผิดชอบมาเปิดประตู แล้วนำบอดี้การ์ดบุกเข้าไปตามหาซูฉิงโดยรอบ
และเรื่องอย่างนี้ทำให้เป็นที่จุดสนใจของพวกนักข่าว ทุกคนล้วนมารอทำข่าวที่หน้าประตู
มีนักข่าวคนหนึ่งไปสัมภาษณ์คนที่รู้เรื่องแล้วก็นำไปเขียวข่าวเติมแต่งเข้าไปอีก
“คุณนายตระกูลฮ่อในอนาคตหายตัวไปพร้อมกับราชวงศ์ฝรั่งเศสใกล้จะครบ12ชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง ส่งใสทั้งสองจะหนีตามกัน!”