หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 7

ตอนที่ 7

หลังจากนั้นยี่สิบนาที เคลวินก็มาถึงกองถ่ายเรื่องคมมีดอาชา

จ่านหยางนั่งรออยู่ในรถแล้ว พอเห็นเขาโบกมือให้กู้เซียง คนในกองถ่ายก็ปลื้มปริ่มไปตามๆ กัน

“วันนี้ไอดอลน่ารักจังเลย ระทวยไปหมดแล้ว”

“คนอะไรหล่อลากดิน!”

กู้เซียงชินกับการมีแฟนปลอมๆ แล้ว หลังกล่าวลาเพื่อนร่วมงานก็ขึ้นรถไปนั่งข้างจ่านหยาง

“เฮอะ ตั้งใจใส่ชุดคู่รักให้เข้ากับเคลาส์สินะ!” เคลวินประชดประชัน

กู้เซียงหันมองจ่านหยาง แล้วพบว่าเขาก็ใส่สเวตเตอร์สีเทาทับชุดกีฬาเหมือนกัน

จ่านหยางยื่นช็อกโกแลตให้กู้เซียง “เดี๋ยวจะไม่มีเวลากินข้าว รองท้องไว้ก่อน”

“เคลาส์ ผู้หญิงเขาไม่กินข้าวเย็นกันหรอก เดี๋ยวอ้วน…”

เคลวินพูดยังไม่ทันจบ กู้เซียงก็ฉีกห่อช็อกโกแลตแล้วใส่ปากไปหนึ่งชิ้น

“อร่อยจัง ขอบคุณมาก” เธอขอบคุณจ่านหยาง

“เซียงเซียงของฉันไม่เคยต้องลดน้ำหนักค่ะ!” เหวินจิ้งแซะเคลวิน “ว่าแต่คุณน่ะ ออกกำลังกายบ้างหรือเปล่า ยังหนุ่มยังแน่นพุงย้อยเชียว!”

เวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกัน ไม่วายต้องปะทะฝีปากตลอด เหมือนแม่สองคนที่แข่งกันชมลูกของตัวเอง

“ทำไมถึงเชิญแค่เราสองคนล่ะ? ต่อให้อยากได้กระแสคู่จิ้นเพิ่ม ก็ควรเรียกนักแสดงคนอื่นๆ มาร่วมด้วย สองคนแบบนี้ดูไม่เหมือนการโปรโมทหนังเลย” กู้เซียงถาม

“เพราะคุณนั่นแหละ” จ่านหยางตอบ ก่อนจะสอดสองมือไว้ใต้ท้ายทอยแล้วเอนตัวไปด้านหลัง “ถางรุ่ยกำลังคิดจะเซ็นสัญญากับคุณ ในเมื่อหนังเรื่องคมมีดอาชาเริ่มถ่ายทำแล้ว จะสัมภาษณ์เดี่ยวหรือสัมภาษณ์คู่ ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกันหรอก”

กู้เซียงนิ่งไปเล็กน้อย

“ไม่ใช่เพราะคุณซะทีเดียวหรอก” จ่านหยางเหลือบตามองเธอ “ครึ่งปีหลัง ผมจะรับภาพยนตร์อีกเรื่อง เลยวอร์มเครื่องไว้ก่อน”

กู้เซียงเริ่มยิ้มออก กระแสของจ่านหยางดีมากอยู่แล้ว แม้จะหยุดรับงานไปนานหลายปี แต่กระแสก็ไม่เคยตก

“ฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องการสัมภาษณ์แบบคู่รัก ต้องทำยังไงบ้างคะ?”

ชาติที่แล้วตอนสัมภาษณ์คู่กับเหลียงจี้ พวกเขาต้องท่องบทล่วงหน้า จริงจังยิ่งกว่าตอนเล่นละครเสียอีก แต่เมื่อต้องสัมภาษณ์คู่กับจ่านหยาง กลับไม่มีแม้แต่คำถามของพิธีกรให้ดู

“ผมก็ไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน” จ่านหยางตอบ “พูดตามๆ กันไป ไม่น่ายากหรอก”

รายการสัมภาษณ์ดาราประจำสัปดาห์ของเว็บไซต์เพลิคในหัวข้อ ‘คู่รักเปิ่นเป๋อจากภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่’ เริ่มขึ้นเวลาสองทุ่มตรง

ในห้องเรียนภาคค่ำ ตู้หยู่กับเสี่ยวหมิ่นแอบตั้งโทรศัพท์ไว้หน้ากองหนังสือที่เรียงเป็นกำแพง พร้อมใส่หูฟังอย่างแนบเนียน

พิธีกรคือสาวสวยนางหนึ่ง พอเห็นจ่านหยางเดินเข้ามาก็แทบละสายตาจากเขาไม่ได้ จนเกือบลืมที่จะทักทายกู้เซียง

“พวกคุณนัดกันใส่เสื้อคู่หรือเปล่าคะ? เหมือนเด็กวัยรุ่นเลย หนังรักในรั้วมหาวิทยาลัยต้องเข้าแล้วแหละ”

การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้คอมเมนต์ในไลฟ์สดแทบแตก

กู้เซียงแต่งหน้าบางเบาเพื่อให้ดูใสซื่อบริสุทธิ์ ยิ่งเธอไม่เคยอดอาหารเหมือนอย่างดาราคนอื่นๆ เลือกกินแต่ของมีประโยชน์ ผิวพรรณจึงเปล่งปลั่งแลดูสุขภาพดี

จ่านหยางไม่ค่อยปรากฏตัวในรายการประเภทนี้ พอสวมชุดลำลองซึ่งต่างจากบทบาทในภาพยนตร์ที่เคยเล่น จึงดูเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัยที่กำลังคบหากัน

ตู้หยู่กระดกดื่มนมเปรี้ยวแล้วหันไปบอกเสี่ยวหมิ่น “แคปไว้ด้วย แคปไว้ด้วย โคตรเหมาะสมกันเลย!”

“เน็ตรายเดือนฉันจะหมดแล้ว เดือนหน้าจ่ายให้ด้วยนะ”

“สบายมาก” ตู้หยู่ส่งป๊อปคอร์นในมือให้เพื่อน “เพื่อไอดอลที่รัก เงินแค่นี้ไม่สะเทือนหรอก!”

พิธีกรเริ่มชวนคุยถึงภาพยนตร์เรื่องน้องใหม่ สนทนาตั้งแต่เนื้อเรื่องไปจนถึงความสนุกสนานในกองถ่าย

จ่านหยางเป็นคนอ่อนโยนและอัธยาศัยดีอยู่แล้ว ส่วนกู้เซียงก็เป็นคนสนุกสนาน เมื่อทั้งสองเข้าขากันได้ดี บรรยากาศการสัมภาษณ์จึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาคุยเรื่องความรักกันต่อ

“ความรักของพวกคุณน่าสนใจมาก โดยเฉพาะตอนที่คุณเคลาส์บอกรัก คุณกู้ในฐานะนางเอกรู้สึกยังไงบ้างคะ?”

กู้เซียงค่อยๆ ปรับอารมณ์ เพื่อให้เข้าถึงบทบาท

“ฉันประทับใจทุกอย่างที่เป็นเขา รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เจอคนที่เหมาะสมในวงการบันเทิง” เธอยิ้มตาหยี

หลังตอบคำถามอย่างมั่นใจ กู้เซียงก็นึกขึ้นได้ว่าต้องเลิกกับจ่านหยาง มีหวังถูกแฟนคลับเอาประโยคนี้มาตอกกลับแน่นอน

“ดีใจด้วยนะคะ คุณโชคดีมากๆ เลย” พิธีกรถามต่อ “พวกคุณมีกิจกรรมที่ชอบทำร่วมกันบ้างไหมคะ?”

จ่านหยางเอียงคอครุ่นคิด ปกติเขาจะปรากฏตัวด้วยภาพลักษณ์จริงจัง แต่วันนี้กลับสวมชุดลำลอง สีหน้าท่าทางผ่อนคลาย ยิ่งทำให้ดูหล่อและมีเสน่ห์กว่าเดิมมาก

“พวกเราเป็นคนง่ายๆ สบายๆ เธอทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้อยู่กับตัวเอง ไม่ต้องพิธีรีตองมากมาย ว่างก็หาอะไรกิน เล่นเกม ทำกับข้าว เดินเล่น เหมือนคู่รักทั่วไปน่ะครับ”

กู้เซียงแอบตกใจที่เขาเล่าเรื่องเป็นตุเป็นตะด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าไม่มีประสบการณ์อีก

“สวีตจังเลยค่ะ” พิธีกรเขินแทนกู้เซียง “แสดงว่าคุณเคลาส์ต้องประทับใจในตัวคุณกู้มากๆ เลย”

จ่านหยางเหมือนจะกินยาผิดมา เพราะตอบคำถามได้จริงจังและเกินจริงมาก

“เธอเป็นคนที่พิเศษมากครับ ทั้งกระตือรือร้น มุ่งมั่น และหนักแน่นในการทำงาน แต่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุข” เขาลูบศีรษะแก้เขิน “นักแสดงส่วนใหญ่พอเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานก็มักไม่ใส่ใจชีวิตประจำวัน เดือนๆ หนึ่งได้นอนแค่วันละสามสี่ชั่วโมง ทำให้เครียดและหงุดหงิดง่าย แต่เธอไม่เป็นแบบนั้น ตอนทำงานจะตั้งใจมาก พอมีเวลาว่างก็ออกกำลังกายอย่างจริงจัง ไม่ก็ฝึกทำอาหารเมนูใหม่ๆ”

“คุณเคลาส์ชอบคุณกู้เพราะอยู่ด้วยแล้วมีความสุขใช่ไหมคะ?” พิธีกรพูดเสริม

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แค่รู้สึกว่า…” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง “ชอบทุกอย่างที่เป็นเธอ”

“แม่เจ้า โคตรเท่เลย คนโสดตายแน่จังหวะนี้! ไม่ได้การ ฉันต้องรีบหาแฟนแล้ว!” ตู้หยู่ยกมือทาบอก

“ยังมีผู้ชายแบบนี้อยู่ในโลกอีกเหรอ? หรือเขาเตี๊ยมกันไว้ก่อน?” เสี่ยวหมิ่นโยนป๊อปคอร์นทิ้งด้วยความโมโห

กู้เซียงอึ้งไปชั่วขณะ—ให้ความร่วมมือขนาดนี้ คงลืมเรื่องเลิกกันไปแล้วสินะ!

พิธีกรออกอาการเขินอย่างเห็นได้ชัด “คนโสดอย่างฉันเริ่มอิจฉาตาร้อนแล้วนะคะ” พูดจบก็หันไปทางกู้เซียง “คุณกู้ชอบอะไรในตัวคุณเคลาส์คะ?”

“ฉันรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเวลาที่อยู่กับเขา แทบไม่ต้องกังวลอะไรเลย เหมือนมีที่พึ่งให้คอยปรึกษา แถมยังมีโมเมนต์น่ารักๆ ให้หัวเราะตลอดอีก” เธอตอบด้วยรอยยิ้ม

ใบหน้าของจ่านหยางเกร็งไปชั่วขณะ

“โอ้โฮ ไม่เกรงใจกันเลยนะคะ”

ตู้หยู่หัวเราะจนเพื่อนทั้งห้องได้ยิน

“เบาๆ หน่อยสิ!” เสี่ยวหมิ่นสะกิด

“ไม่เคยเห็นคุณเคลาส์ในโมเมนต์นี้เลย” พิธีกรมองกู้เซียงด้วยแววตาอิจฉา “พวกคุณมีคำเรียกเฉพาะเวลาอยู่ด้วยกันไหมคะ?”

จ่านหยางชิงตอบก่อน “ผมเรียกเธอว่าเซียงเซียงครับ”

กู้เซียงรู้สึกมวนท้องขึ้นมาทันที—หยางหยาง เสี่ยวจ่าน หรือเคลาส์ดีนะ?

“ซูเปอร์สตาร์จ่านค่ะ!” เธอตอบ

“ซูเปอร์สตาร์จ่าน?” ตู้หยู่เผลอพ่นนมใส่โต๊ะ

“ที่นี่ห้องเรียนไม่ใช่โรงหนัง ตามไปห้องพักครูเดี๋ยวนี้!” ครูประจำชั้นตะโกนอย่างเหลืออด

หลังการสัมภาษณ์คู่รักคู่หวานจบลง จ่านหยางก็เดินทางกลับอะพาร์ตเมนต์พร้อมกู้เซียง

“แกล้งเป็นคู่รักครั้งแรกสนุกจังเลย ฉลองกันหน่อยดีไหม?” จ่านหยางถาม

กู้เซียงไม่ปฏิเสธ แต่เมื่อไปถึงอะพาร์ตเมนต์แล้วลองเปิดตู้เย็น เขาก็นิ่งไปครู่หนึ่ง

“มีแต่คุกกี้ที่คุณเอามาให้เมื่อวาน กินได้หรือเปล่า?”

“กินได้ค่ะ” กู้เซียงเริ่มหิวแล้ว

“เอาเหล้าไหม?” เขาถามต่อ

“เบียร์ก็พอค่ะ”

เธอดื่มเหล้าไม่เป็น ไวน์ก็ไม่สะใจพอ เลยชอบดื่มเบียร์เพราะรสชาติกำลังดี เหมือนได้กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง

“ตอนเรียนหนังสือ ฉันชอบแอบไปกินเบียร์กับเพื่อนที่โรงยิม พอเข้าวงการก็ถูกบริษัทหัวเซินสั่งห้าม หวังว่าบริษัทเซิ่งถางจะไม่เรื่องมากขนาดนั้นนะ”

“ไม่หรอก” จ่านหยางมองกู้เซียงหัวจรดเท้า “คุณไม่กังวลเรื่องหุ่นเลยเหรอ?”

“คนเราเกิดมาครั้งเดียว ต้องมีความสุขไว้ก่อน” กู้เซียงเท้าคางพูด “เล่นหนัง กินข้าว นอน”

“ถ่ายหนังอยู่อันดับแรกเลย” จ่านหยางหรี่ตามองอีกฝ่าย “ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า?”

“ทำไมเหรอ?”

“เซนส์มันบอก”

กู้เซียงเปิดเบียร์อีกกระป๋องแล้วชนแก้วกับจ่านหยาง

“ชีวิตฉันไม่ค่อยได้ดั่งใจ พูดไปคุณก็ไม่เข้าใจหรอก คุยเรื่องอื่นกันดีกว่า เห็นบอกว่าจะรับเล่นหนังช่วงครึ่งปีหลัง แล้วได้อ่านบทหรือยัง?”

“อยากเห็นเหรอ?” จ่านหยางเลิกคิ้วถาม

“จะได้ช่วยดูให้” กู้เซียงยิ้มตอบ

เธอรู้ดีที่สุดว่าหนังเรื่องไหนจะดัง จ่านหยางช่วยเธอไว้หลายครั้ง หากมีโอกาสก็อยากจะตอบแทนเขาบ้าง

จ่านหยางหยิบบทภาพยนตร์สามสี่เรื่องมาให้เธอดู “อีกสองสามปีข้างหน้า หนังพวกนี้จะได้รับความนิยม ลองเลือกดูแล้วกัน”

“รู้ขนาดนั้นเลย?” เธอเลิกคิ้วถาม

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน เบียร์ในลังหมดเกลี้ยง กู้เซียงยังคงมีสติรู้ตัว แต่จ่านหยางฟุบลงบนโต๊ะแล้ว

เธอมองอีกฝ่ายพลางถอนหายใจเบาๆ—ดื่มไม่เก่งก็ยังจะพยายาม!

กู้เซียงลุกขึ้นประคองจ่านหยางไปที่เตียง สัมผัสของเธอทำเขางัวเงียตื่น

จ่านหยางทิ้งน้ำหนักกว่าครึ่งลงบนตัวเธอ แถมเขายังรูปร่างสูงใหญ่อีก กู้เซียงจึงทุลักทุเลไม่น้อย

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท