หิวแสง Give me the Spotlight – ตอนที่ 23

ตอนที่ 23

ตอนนั้นเธอพยายามแสดงมาดอย่างผู้วิเศษ โชคดีที่มีพื้นฐานด้านศิลปะป้องกันตัว แค่เสริมท่าทางและอารมณ์เข้าไปเล็กน้อยก็ผ่านฉลุย

อย่างการตีลังกา เธอก็ทำเพื่อให้ดูน่าสนใจมากขึ้น คิดไม่ถึงว่าซ่งจูเสียนจะเล่นนอกบท ทั้งที่เป็นถึงนักแสดงบู๊มืออาชีพ แต่ฉากเมื่อครู่กลับทำเหมือนคนไร้ประสบการณ์ ทุกอย่างจึงกลับตาลปัตรในพริบตาเดียว

“นิดหน่อยค่ะ ศาสตร์แห่งการป้องกันตัวของจีนลึกซึ้งมาก ฉันรู้แค่ผิวเผินเท่านั้น” เธอตอบสเก็ตเชอร์สด้วยรอยยิ้ม

“มันมหัศจรรย์และสวยมากด้วย” เขายังคงทึ่งไม่หาย

ศาสตร์แห่งการป้องกันตัวคือความงามในแบบของจีน แม้แต่การสังหารในบทกลอนและภาพวาดก็ยังมีนัยแอบแฝง คล้ายทิ้งช่องว่างให้ผู้คนได้จินตนาการอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

สเก็ตเชอร์สมองกู้เซียงด้วยความลังเล ก่อนจะหันไปมองเฝิงเหวินด้วยสีหน้าลำบากใจ

ในฐานะผู้กำกับ เขาต้องเลือกนักแสดงที่เหมาะสมที่สุด ฝีไม้ลายมือของกู้เซียงเมื่อครู่ เรียกได้ว่าเกินมาตรฐานของเจ้าสาวนักฆ่าไปมาก

สำหรับสเก็ตเชอร์ส ไม่มีประเทศไหนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและยิ่งใหญ่เท่าประเทศจีน

ตอนแรกเรื่องไล่ล่าฆ่าเบคกำหนดให้นางเอกเป็นชาวจีน ทว่าไม่มีใครเหมาะสมกับบทนี้ เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนเชื้อชาติของตัวละครไปเลย

มาวันนี้กลับได้เจอคนที่เหมาะสม แล้วเขาควรต้องทำยังไง?

เมื่อเฝิงเหวินเห็นแววตาลังเลของสเก็ตเชอร์ส เธอก็หน้าถอดสีหนักกว่าเดิม

“บทนี้… ผมว่าเราต้องหารือกันใหม่” สเก็ตเชอร์สพูด

“ให้เธอแสดงเถอะค่ะ” เฝิงเหวินพูดขึ้น

“เฝิง!” แอนนาทำหน้าตกใจ

ถึงกู้เซียงจะแสดงได้ดี แต่เธอไม่มีฐานแฟนคลับในอเมริกา ไม่มีชื่อเสียงในระดับสากล แล้วจะต้องยกโอกาสนี้ให้ทำไม

“เธอแสดงดีกว่าฉัน” เฝิงเหวินเอ่ยเสียงเบา

กู้เซียงมองอีกฝ่ายด้วยความซาบซึ้ง เฝิงเหวินอาจมีความคิดที่ประหลาด แต่กลับเป็นคนที่มีความยุติธรรมอย่างมาก ไม่ใช้วิธีสกปรกเพื่อแก่งแย่งชิงดี แม้จะต้องสูญเสียทั้งงานและคนรักก็ตาม

การตัดสินของสเก็ตเชอร์สเหนือความคาดหมายมาก เขารั้งแขนเฝิงเหวินแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม

“หนังเรื่องนี้ตั้งใจจะให้คุณแสดงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในเมื่อคุณเอาหยกชิ้นงามมาให้ผม ผมก็ไม่สามารถทิ้งไข่มุกล้ำค่าอย่างคุณได้เช่นกัน”

เฝิงเหวินชักมือกลับ “แต่นางเอกมีได้แค่คนเดียว”

นางเอกในภาพยนตร์มีได้แค่คนเดียว นางเอกในชีวิตจริงก็มีได้แค่คนเดียวเช่นกัน

เธอกับกู้เซียงมีมุมที่คล้ายกัน ไม่มีใครยอมเป็นที่สอง เพราะที่สองแปลว่าแพ้

สเก็ตเชอร์สต้องตัดสินใจเลือกระหว่างดาราเก่าที่มีประสบการณ์ด้านการแสดงหนังบู๊อย่างโชกโชน กับดาราจีนหน้าใหม่ที่แสดงได้เข้าถึงอารมณ์จนผู้ชมไม่อาจละสายตา

จะเลือกใครก็ยากไปหมด ขณะกำลังครุ่นคิด เขาก็ลืมซ่งจูเสียนที่สวมชุดขาวไปเสียสนิท

ถ้าได้ลองกินอาหารเลิศรส แล้วกลับมากินข้าวกล่อง คงรู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน เมื่อมีเฝิงเหวินและกู้เซียงอยู่ตรงหน้า ซ่งจูเสียนก็เหมือนนักแสดงที่อ่านบทส่งเดช ไม่คู่ควรกับการแสดงด้วยซ้ำ

พอรู้ตัวว่าถูกมองข้าม ซ่งจูเสียนจึงขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยความหงุดหงิด

สเก็ตเชอร์สไม่สนใจว่าเธอจะไปไหน เพราะกำลังพยายามรักษาทั้งเฝิงเหวินและกู้เซียงเอาไว้ ไม่อยากเสียใครไปแม้แต่คนเดียว

“ผมอยากทดสอบหน้ากล้องอีกครั้ง ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจ”

ผู้กำกับออกปากขนาดนี้ ถ้ายังปฏิเสธก็เท่ากับไม่มีมารยาท

แม้เฝิงเหวินจะหยิ่งทระนงเพียงใด ก็ยังให้เกียรติสเก็ตเชอร์สด้วยการพยักหน้าเห็นด้วย

ตอนกู้เซียงไปล้างมือที่ห้องน้ำ เฝิงเหวินได้เดินตามไปพูดบางอย่างกับเธอ

“ฉันจะขอถอนตัวออกจากบทนี้”

“ไม่จำเป็นหรอก รอดูผลการทดสอบหน้ากล้องรอบสองก่อนดีกว่า”

“ฉันยอมรับว่าสู้เธอไม่ได้” เฝิงเหวินตอบ

“นี่คือเหตุผลงั้นเหรอ?”

กู้เซียงรู้สึกสลดใจกับผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง การที่เฝิงเหวินใช้ความเป็นนักแสดงเพื่อเข้าใกล้ความรัก เรื่องนี้กู้เซียงไม่อยากก้าวก่าย แต่เธอไม่ควรใช้ความคิดนี้กับคนทั้งโลก

“การจะรักใครสักคนไม่เกี่ยวกับฝีมือการแสดงเลย”

“แล้วเธอดีกว่าฉันตรงไหน?” เฝิงเหวินเลิกคิ้วถาม

“คงเป็นความชอบส่วนตัวของจ่านหยางละมั้ง” กู้เซียงยักไหล่ “หรือเธอจะเด่นเกินไป เขาเลยกลัวว่าจะเอาไม่อยู่”

คำพูดหยอกล้อนี้ไม่ได้ทำให้เฝิงเหวินรู้สึกตลกไปด้วย

วันนี้เธอผิดหวังกับตัวเองมาก ทั้งผลการคัดตัวนักแสดงที่เหนือความคาดหมาย และเรื่องที่พ่ายแพ้ให้กับสิ่งที่ถนัดที่สุด

“ฉันจะไม่ปล่อยเขาไปแน่นอน!” เฝิงเหวินจ้องตากู้เซียงเขม็ง

“แล้วแต่” เธอยักไหล่ “ขอแนะนำว่าอย่าทิ้งบทนี้ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสม เธอยังมีโอกาสแสดงฝีมืออีกมาก พลาดแล้วจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้นะ”

“พูดอย่างกับเป็นดาราแถวหน้า” เฝิงเหวินค่อนแคะ

“แค่ฉากเดียวก็วัดความสามารถของฉันได้แล้ว” กู้เซียงยกยิ้มมุมปาก “อยากลองอีกสักตั้งไหมล่ะ?”

กู้เซียงสะบัดน้ำในมือทิ้งแล้วเดินจากไปโดยไม่หันมองอีก

เฝิงเหวินยืนอึ้งอยู่กับที่ ก่อนจะเดินตามออกไป

จู่ๆ ประตูห้องน้ำห้องหนึ่งก็ถูกเปิดออก ซ่งจูเสียนเดินออกมาหยุดยืนที่หน้าอ่างล้างมือ มองเงาตัวเองในกระจกด้วยแววตาเหม่อลอย

ที่แท้สองคนนี้ไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน แต่เป็นศัตรูหัวใจ…

“ทะเลาะกันให้เต็มที่เลย ผลประโยชน์จะได้ตกเป็นของฉัน!”

ดึกมากแล้ว แต่จ่านหยางเพิ่งถ่ายภาพยนตร์เสร็จ

ช่วงนี้คิวถ่ายของเขาค่อนข้างถี่ พอกลับถึงอะพาร์ตเมนต์ก็พบกับถางรุ่ยที่นั่งอ่านเอกสารสัญญาอยู่

“ฉันมีข่าวดีจะบอกนาย วันนี้กู้เซียงแคสต์งานผ่านด้วยแหละ” ถางรุ่ยเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อืม” จ่านหยางตอบ

กู้เซียงส่งข้อความสั้นๆ มาบอกข่าวดีกับเขาแล้ว

เธอเป็นคนเรียบง่ายไม่หวือหวา แถมบุคลิกยังอ่อนโยนอีก แต่กลับทำให้สเก็ตเชอร์สลังเล แปลว่าฝีมือการแสดงต้องตื่นตาตื่นใจมาก

เขาเปิดโทรศัพท์ดูคลิปที่เหวินจิ้งส่งมา เป็นภาพตอนที่กู้เซียงแสดงในกองถ่าย เหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่จ่านหยางก็ดูวนไปกว่าสิบรอบ

“เฝิงคงรู้สึกแย่มาก” ถางรุ่ยส่ายหน้า “กู้เซียงเป็นเหมือนศัตรูคู่แค้น เธอถึงได้วางแผนนี้ขึ้นมา”

“ในธุรกิจไม่มีคำว่าพ่อลูกหรอกนะ” จ่านหยางตอบ

“นายนี่ใจดำจริงๆ” ถางรุ่ยยืดแขนบิดขี้เกียจ “หนังใกล้จบแล้วใช่ไหม จะไปเยี่ยมกองถ่ายไล่ล่าฆ่าเบคหรือเปล่า?”

“ที่บ้านเพิ่งโทรมา”

“อะไรนะ?” ถางรุ่ยขมวดคิ้ว

“บอกว่าให้พากู้เซียงกลับไปดูตัวด้วย”

“นายรับปากไปหรือยัง?”

“ต้องลองถามเธอก่อน”

แม้การคบกันของเขากับกู้เซียงจะเต็มไปด้วยความจริงใจ แต่สายตาของคนที่บ้านกลับมองว่าเขาจงใจสร้างสถานการณ์เพื่อขัดคำสั่ง

การจะพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่ามันคือความรักแท้นั้นไม่ง่าย ยิ่งแสดงละครมากขึ้น ก็ยิ่งไม่มีใครเชื่อ

‘จ่านฉางเฟิง’ สวมแว่นตาแล้วเสิร์ชหาคลิปวิดีโอที่เกี่ยวกับกู้เซียงในอินเทอร์เน็ต

ดาราสาวหน้าใหม่ไฟแรง เปี่ยมไปด้วยความสามารถ เรียบร้อยช่างพูด อนาคตไกล แถวหน้าวงการภาพยนตร์คนต่อไป

เขาไล่ดูพาดหัวข่าวพร้อมภาพประกอบ ผู้หญิงคนนี้สวยและดูดีทุกมุม หากชายใดได้เจอคงตกหลุมรักแบบหัวปักหัวปำ เหมือนครั้งที่เขาตกหลุมรักแม่ของจ่านหยาง

“พ่อยังดูอยู่อีกเหรอคะ?” จ่านลู่โบกโทรศัพท์แล้วเดินมาหา “เดี๋ยวพี่ก็พาเธอมาแล้ว ดูไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ จะได้รู้ว่าตัวจริงผิวขาวขนาดนี้หรือเปล่า”

‘จ่านลู่’ คือลูกติดของภรรยาคนปัจจุบันของจ่านฉางเฟิง เธอสนิทกับจ่านหยาง สนิทยิ่งกว่าผู้เป็นพ่อกับลูกชายเสียอีก

“เพ้อเจ้ออะไรของลูก”

‘จ้าวจวน’ ภรรยาคนปัจจุบันของจ่านฉางเฟิงเดินถือจานผลไม้เข้ามา

“แม่ดูวิดีโอแล้ว เธอสวยมากจริงๆ”

“สวยแล้วกินได้เหรอ?”

จ่านลู่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย หน้าตาดีไม่แพ้จ่านหยาง แต่อาจเทียบไม่ได้กับดาราในวงการบันเทิง

“ไม่รู้ไปศัลยกรรมมาหรือเปล่า หน้าเล็กขนาดนั้นต้องเคยเหลาคางแน่นอน หนูชอบแบบเฝิงเหวินมากกว่า ทั้งเท่ทั้งสวย แถมยังเก่งอีก ดีกว่าใช้หน้าตาหากินเป็นไหนๆ”

เรื่องที่เฝิงเหวินหลงรักจ่านหยาง คนที่บ้านต่างรู้ดี

จ้าวจวนวางจานผลไม้ แล้วนั่งลงบนโซฟา

“ดีขนาดไหนพี่ชายลูกก็ไม่ชอบหรอก เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้”

“แม่ชอบเข้าข้างพี่ตลอดเลย” จ่านลู่เบ้ปาก

“ถึงเขาจะชอบกับสากกะเบือ แม่ก็เชียร์อยู่ดี” จ้าวจวนตอบ

“ไม่ได้หรอก ต้องดูนิสัยใจคอด้วย” จ่านฉางเฟิงขยับแว่นสายตาให้เข้าที่

สามวันต่อมา สเก็ตเชอร์สประกาศผลคัดตัวที่เหนือความคาดหมายมาก

เขาชื่นชมฝีมือการแสดงของทั้งกู้เซียงและเฝิงเหวิน แต่การแสดงของกู้เซียงทำให้บทบาทของตัวละครต่างไปจากเดิม

ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งใจนำเสนอวัฒนธรรมตะวันออก ยกย่องศิลปะการป้องกันตัวของจีน แม้จะเป็นแค่การไล่ล่าสังหาร แต่การล้างแค้นในแต่ละฉากต้องแสดงให้เห็นถึงความงดงามของวัฒนธรรมที่แตกต่างได้ รูปร่างหน้าตาแบบตะวันตกของเฝิงเหวินจึงไม่เหมาะกับบทสาวตะวันออก

ก่อนหน้านี้สเก็ตเชอร์สเคยปรับบทให้นางเอกเป็นสาวลูกครึ่งชาวญี่ปุ่น แต่กู้เซียงกลับแสดงเหมือนจอมยุทธ์โดยสมบูรณ์ ถือเป็นมิติใหม่แห่งวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูด

สเก็ตเชอร์สชอบสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เป็นผู้กำกับที่กล้าออกนอกกรอบ เมื่อได้เจอกับกู้เซียงที่เหมาะกับบทบาทอย่างที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก จึงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ

หิวแสง Give me the Spotlight

หิวแสง Give me the Spotlight

Status: Ongoing

หลอกให้รัก แล้วผลักลงนรก?

ชาติที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์อย่างฉัน ‘กู้เซียง’ มีตาแต่ไร้แวว

ฉันถูกเศษสวะอย่าง ‘เหลียงจี้’ ดาราชายสุดหล่อหลอกให้รัก

สร้างเรื่องฉาว ดึงออกจากวงการบันเทิง และกำจัดทิ้ง

ทั้งหมดทั้งสิ้น เขาทำเพื่อเปิดทางให้ผู้หญิงในดวงใจ ‘เฉียวอิ้งฉิง’

ก้าวขึ้นมาคว้าแสงแฟลชทั้งหมดที่เคยเป็นของฉัน

เมื่อถูกโลกใบนี้ทอดทิ้ง ฉันแค้น… แค้นมันทั้งคู่

ฉันกระโดดตึกตายในวันที่สารเลวทั้งสองประกาศแต่งงานกัน!

หากย้อนวันเวลาได้อีกครั้ง กลับไปยังจุดสตาร์ตได้อีกหน

อดีตเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิงอย่างฉันจะไม่ยอมให้พวกมันมีที่ยืน

คืน ‘แสง’ ของฉันมา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท