“ไปที่เรือนของพี่หญิงใหญ่” สืออีเหนียงเอนตัวลงบนเตียงเตา นางรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
เยี่ยนหรงพยักหน้าเบาๆ “แต่อวี้ป่าน สาวใช้ของไท่ฮูหยินพาคุณชายน้อยสี่กลับไปแล้วเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงพยักหน้าเบาๆ “ประเดี๋ยวคุณชายน้อยสี่กลับมากับคุณชายน้อยห้า เจ้าเรียกข้าด้วย”
เยี่ยนหรงตอบรับ
สืออีเหนียงนอนลงด้วยความเหนื่อยล้า จากนั้นก็หลับไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นสวีซื่อเจี้ยก็กลับมา เยี่ยนหรงยิ้มแล้วถามเขา “คุณชายน้อยสี่ล่ะเจ้าคะ ทำไมไม่มาส่งคุณชายน้อยห้า!”
สวีซื่อเจี้ยยิ้มแล้วพูดว่า “พี่สี่บอกว่าเหนื่อย ตอนเย็นก็ทานข้าวต้มแค่ครึ่งชาม”
เยี่ยนหรงยิ้มแล้วส่งสวีซื่อเจี้ยกลับไปพักผ่อนที่เรือนปีก จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องปีกทางทิศตะวันตกเพื่อจะไปรายงานสืออีเหนียง มีเพียงโคมไฟทรงแตงเล็กๆ ที่ส่องแสงสว่างไสว เห็นสืออีเหนียงกำลังนอนหลับสนิท นางก็หยุดครุ่นคิด สุดท้ายจึงเดินออกมาเงียบๆ
วันต่อมาสวีซื่อจุนมาคารวะสืออีเหนียง สีหน้าของเขากลับมาสดใสเหมือนเดิม
สืออีเหนียงนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาถามถึงป้าเถา จึงถามด้วยรอยยิ้ม “ป้าเถาไม่ได้อยู่ฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างที่จวน เจ้าจะส่งคนนำบ๊ะจ่าแปดไส้ไปให้นางที่หมู่บ้านหรือไม่ ถือว่าเป็นน้ำใจของเจ้า…”
สวีซื่อจุนได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มหน้าบาน “ได้ขอรับ!” แล้วหันไปรีบบอกกับปี้หลัว “เจ้าพาอวี่ฮวานำบ๊ะจ่างไปให้ป้าเถาที่หมู่บ้าน”
ปี้หลัวยิ้มแล้วตอบรับ “เจ้าค่ะ” สืออีเหนียงก็พูดว่า “ให้ฉาเซียงและอวี่ฮวาไปเถิด! นางเป็นสาวใช้ใหญ่ อายุเยอะกว่า”
สวีซื่อจุนไม่ว่าอะไร เขายิ้มแล้วพยักหน้า กลับมายามเที่ยงก็ถามฉาเซียง “บ๊ะจ่างพร้อมแล้วหรือยัง”
“คุณชายน้อยสี่ดีกับป้าเถาเสียจริงเจ้าค่ะ!” ฉาเซียงยิ้ม “ฮูหยินให้ผู้ดูแลเฉาพาบ่าวไปที่หมู่บ้านพรุ่งนี้เช้า ท่านป้าในโรงครัวบอกว่า จะเริ่มนึ่งบ๊ะจ่างยามอิ๋น ไปถึงที่หมู่บ้านบ๊ะจ่างจะได้ร้อนอยู่!”
สวีซื่อจุนพอใจเป็นอย่างมาก เขาวิ่งไปพูดอะไรหน้ารูปหยวนเนียงตั้งนาน จากนั้นก็กลับไปนอนกลางวัน
ไท่ฮูหยินรู้เช่นนี้ก็ถอนหายใจ “ลำบากสืออีเหนียงแล้ว ต้องคิดรอบคอบทุกเรื่องเช่นนี้!” จากนั้นก็ถามถึงสุขภาพของสืออีเหนียง “ยังอาเจียนอยู่หรือ?”
ป้าตู้ยิ้มแล้วพูดว่า “บอกว่าอาเจียนแค่ช่วงเช้าและเย็นเจ้าค่ะ ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากเจ้าค่ะ” จากนั้นก็พูดว่า “โชคดีที่เป็นฮูหยินสี่ ไม่ว่าจะไม่สบายเช่นไร ก็ยังทานข้าวได้ หากเป็นคนอื่น คงจะทนไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ”
ไท่ฮูหยินพยักหน้า บอกให้ป้าตู้นำกล่องรังนกที่เหลือในห้องเก็บของไปให้สืออีเหนียง
“ท่านก็อายุมากแล้ว เหลือไว้ให้ตัวเองบ้างเถิดเจ้าค่ะ!” ป้าตู้ยิ้มแล้วเกลี้ยกล่อมไท่ฮูหยิน
“ของเหล่านี้ล้วนแต่เป็นของบำรุงร่างกาย ต้องทานวันละนิดวันละหน่อย หยุดทาน ก็เท่ากับว่าไม่ได้อะไรเลย” ไท่ฮูหยินส่ายหน้า “ส่งไปให้นางหมดเลยเถิด!” จากนั้นก็บอกว่า “เจ้าก็ดูด้วย หากใกล้จะหมดแล้วก็มาบอกข้า ข้าจะไปขอจากพระวังมาให้นาง”
ป้าตู้ยิ้ม แต่นางก็เหลือไว้ให้ไท่ฮูหยินสองสามกล่อง
ฉาเซียงนำบ๊ะจ่างไปที่หมู่บ้าน ป้าเถาซาบซึ้งเป็นอย่างมาก นางบอกให้สาวใช้ก่อไฟ แล้วทำขนมกุหลาบให้ฉาเซียงนำกลับมา
เยี่ยนหรงชิมไปก่อนชิ้นหนึ่ง
“ทั้งหอมทั้งกรอบ อร่อยกว่าที่ขายข้างนอกอีกเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงบอกให้นำไปให้สวีซื่อจุน
สวีซื่อจุนดีใจ ให้ฉาเซียงนำไปให้สวีซื่อฉินและสวีซื่อเจี่ยน แล้วยังชวนสวีซื่อเจี้ยมาทาน ให้รางวัลสาวใช้และบ่าวรับใช้ในเรือน แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้ไปบอกมารดา จึงพาสวีซื่อเจี้ยนำขนมกุหลาบไปที่รูปของหยวนเหนียง
สืออีเหนียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทุกคนฉลองเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างกันอย่างมีความสุข
ตระกูลอวี๋เริ่มมาพูดคุยปรึกษาเรื่องแต่งงานกับสกุลเดิมของไท่ฮูหยินสกุลกาน เหวินอี๋เหนียงเห็นว่าสวีลิ่งอี๋ไม่อยู่ที่จวน จึงมักจะมาขออ้างมานั่งที่เรือนของสืออีเหนียง ป้าตู้ไม่มีอะไรทำก็มักจะมาอยู่คุยเป็นเพื่อนสืออีเหนียงที่เรือน
สืออีเหนียงเรียกหู่พั่วมาคุยด้วย “…สตรีที่ต้องหาเลี้ยงค้ำจุนครอบครัวล้วนแต่ลำบาก เจ้าต้องคิดให้ดี”
“บ่าวมีอะไรดีกันเจ้าคะ” หู่พั่วก้มหน้าลง “คนอื่นพยายามขอร้อง ก็เพราะว่าฮูหยิน บ่าวคิดดีแล้วเจ้าค่ะ ยังมีฮูหยินอยู่ ก็มีบ่าวอยู่ แทนที่จะแต่งงานกับคนอื่นแล้วยังต้องรับใช้คนอื่น ไม่สู้อยู่เป็นป้ารับใช้ผู้ดูแลของฮูหยินดีกว่าเจ้าค่ะ เป็นอิสระ แล้วยังไม่ต้องคอยสังเกตดูสีหน้าของบุรุษ”
สืออีเหนียงเคารพการตัดสินใจของผู้อื่นเสมอ
“เช่นนั้นก็ได้!” นางยิ้ม มองหู่พั่วแล้วถอนหายใจ “ข้าจะหาคนที่เจ้าต้องการให้เจ้า”
หู่พั่วหน้าแดง
สืออีเหนียงให้ป้าซ่งไปบอกป้าตู้ “…ข้าจะให้หู่พั่วอยู่กับข้า ส่วนหงซิ่วมีพ่อมีแม่ อีกสองสามวันก็จะส่งนางออกไป ข้าเห็นว่าชิวหงไม่เลวเลยทีเดียว หากพวกเขาก็ถูกใจ ก็ให้ชิวหงแต่งออกไปเถิด”
ฝั่งป้าตู้ก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “ทุกอย่างล้วนแต่ขึ้นอยู่กับฮูหยินเจ้าค่ะ” แล้วก็พูดถึงอีกสองสามคน “พ่อบ้านไป๋บอกว่า ที่ห้องเก็บของมีคนที่ชื่อว่าก่วนชิง ปีนี้อายุประมาณยี่สิบสองยี่สิบสามปี ครอบครัวถูกน้ำท่วม บิดามารดาเสียชีวิตไปหมดแล้ว ลุงของเขาไม่มีลูกไม่มีหลาน จึงรับเขามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม พามาทำงานที่จวนด้วย หากฮูหยินคิดว่าดี ประเดี๋ยวจะพาเขามาให้ฮูหยินดูเจ้าค่ะ”
สืออีเหนียงตกใจ เล่าเรื่องของชิวหงให้เหวินอี๋เหนียงฟังก่อน
เหวินอี๋เหนียงสมปรารถนา แน่นอนว่านางต้องดีใจอยู่แล้ว เอ่ยขอบคุณสืออีเหนียงซ้ำๆ แล้วก็กลัวว่าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลง จึงมาพูดให้สืออีเหนียงฟังทุกวัน อยากจะกำหนดวันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ส่วนฉินอี๋เหนียงไม่รู้ว่าทำไมถึงขยันขันแข็งขึ้นมา ทุกครั้งที่เหวินอี๋เหนียงเพิ่งจะหย่อนกายนั่งลง นางก็จะปรากฏตัวขึ้น ไม่นำถุงเท้าเด็กทารกที่ตัวเองตัดมาด้วย ก็นำเสื้อผ้าและหมวกเด็กทารกที่ตัวเองตัดมาด้วย บอกว่าตัดมาให้คุณชายน้อยหกที่ยังไม่คลอด
เหวินอี๋เหนียงอดไม่ได้ที่จะสงสัย
หากบอกว่าฉินอี๋เหนียงอยากจะเป็นที่โปรดปราน แต่เมื่อสวีลิ่งอี๋กลับมานางก็ขอตัวออกไปพร้อมกับตน แต่หากไม่ได้อยากเป็นที่โปรดปราน งานปักพวกนี้ใช่ว่าวันสองวันก็ทำเสร็จ ในเมื่อทำมาเยอะขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่นำมาพร้อมกันทั้งหมดเลย เหตุใดถึงต้องวันนี้นำมาหนึ่งตัวพรุ่งนี้นำมาอีกหนึ่งตัว…
ฉินอี๋เหนียงจะรู้ความคิดของเหวินอี๋เหนียงได้เช่นไร ทุกครั้งที่มานางก็จะถามสืออีเหนียงว่า “ฮูหยินช่วงนี้รู้สึกเช่นไรเจ้าคะ คุณชายน้อยหกยังดื้อเหมือนเดิมหรือไม่เจ้าคะ”
ท่าทางดูเป็นห่วงเป็นใย
และคนที่กำลังจะเป็นแม่คนก็มักจะสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
เหวินอี๋เหนียงไม่กล้าพูดแทรก ทำได้แค่นั่งฟังอยู่ข้างๆ อย่างไม่สบายใจ
“ยังเหมือนเดิม!” สืออีเหนียงพูดอย่างนิ่งสงบ “แต่มีป้าเถียนและป้าว่านคอยดูแล รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย!” จากนั้นก็ถามเหวินอี๋เหนียง “งานปักของเจ้าเป็นเช่นไรแล้ว” ราวกับไม่สนใจคำพูดของฉินอี๋เหนียง
เหวินอี๋เหนียงดีใจที่สืออีเหนียงเปลี่ยนเรื่อง นางจึงรีบพูดถึงเรื่องของตัวเอง “งานปักของข้าท่านก็เห็นแล้ว ก็แค่ปักเล่นๆ ฆ่าเวลา จะนำออกมาให้ท่านดูได้เช่นไรกัน” พูดจบ นางก็เอนตัวมาข้างหน้า แล้วพูดเป็นนัย “ฮูหยิน ท่านคิดว่าหากอีกสองวันข้าไปสั่งสินสอดที่ร้านมงคลสมรส มันจะเร็วเกินไปหรือไม่”
สืออีเหนียงคิดในใจว่าก้มหน้าก็งานแต่งสาวใช้ เงยหน้าก็งานแต่งบุตรสาว เรื่องของชิวหงเช่นไรก็ต้องดูดีหน่อย รอให้ถึงฤดูใบไม้ร่วงแล้วค่อยปรึกษาหารือกัน แต่คิดไม่ถึงว่าเหวินอี๋เหนียงจะรีบร้อนเช่นนี้
แต่คิดดูแล้วก็พอจะเข้าใจ
นางยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เร็วเกินไป ไม่เร็วเกินไป สองวันนี้เจ้าก็สั่งของไว้เถิด บรรดาช่างปักต้องใช้เวลาสองสามวัน ถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วงจะได้ไปรับของพอดี”
เหวินอี๋เหนียงได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจ “เช่นนั้นข้าก็ทำตามที่ฮูหยินบอกเจ้าค่ะ!”
เรื่องนี้ก็แพร่กระจายออกไป
ทุกคนล้วนแต่ชื่นชมว่าเหวินอี๋เหนียงอยู่เป็น
ซิ่วหยวนหาโอกาสเล่าเรื่องนี้ให้เฉียวเหลียนฝังฟัง
เฉียวเหลียนฝังมีสีหน้าประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก้มหน้าลงเขียนคัมภีร์ของตัวเองต่อ
ซิ่วหยวนถอนหายใจ จากนั้นก็หันกลับไปหาปิ่นปักผมสีทองที่เฉียวเหลียนฝังเคยมอบให้นำไปเป็นของขวัญให้ชิวหง
เมื่อกำหนดวันแล้ว เหวินอี๋เหนียงก็อดไม่ได้ที่จะปิติยินดี มอบเสื้อผ้าแปดชุดให้ฝ่ายชายเป็นของขวัญ
สืออีเหนียงหยอกเย้านาง “เจ้าตั้งใจหักหน้าข้า”
บิดามารดาของหงซิ่วมารับนางกลับไปแล้ว ตอนนี้นางเหลือแค่หู่พั่วเท่านั้น
เหวินอี๋เหนียงย่อเข่าคำนับสืออีเหนียง “สินเดิมของแม่นางหู่พั่วข้าขอเป็นคนจัดการเองเถิด!”
สินเดิมของเจินเจี่ยเอ๋อร์นางก็เป็นคนจัดการ ตอนนี้ก็มาจัดการเรื่องของชิวหงและหู่พั่ว สืออีเหนียงหัวเราะ “ข้าคิดว่า ต่อไปเจ้าก็เป็นคนจัดการเรื่องพวกนี้เถิด!”
“หากฮูหยินเชื่อใจข้า ข้าก็กล้าจัดการเจ้าค่ะ” เหวินอี๋เหนียงตอบอย่างตรงไปตรงมา
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน พ่อบ้านไป๋บอกให้ก่วนชิงนำรายการสถานที่ที่ต้องซ่อมแซมของเรือนในตรอกจินอวี๋มาให้สืออีเหนียงดู
เหวินอี๋เหนียงเห็นว่าคนที่มาเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่าปี หน้าตาสะอาดสะอ้านดูสง่างาม นางก็สงสัย เมื่อเห็นสืออีเหนียงสำรวจมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า นางจึงเข้าใจ จากนั้นก็สำรวจมองก่วนชิงตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนสืออีเหนียง ทำเอาก่วนชิงหน้าแดงจนทำอะไรไม่ถูก
“ฮูหยิน ประเดี๋ยวข้าช่วยท่านไปสืบเอง” หลังจากที่ก่วนชิงออกไปแล้ว เหวินอี๋เหนียงก็พูดอย่างขยันขันแข็ง “ไม่มีทางให้แม่นางหู่พั่วเสียเปรียบแน่นอน”
สืออีเหนียงก็กลัวว่าหู่พั่วจะแต่งงานกับคนไม่ดี นึกขึ้นมาได้ว่าเหวินอี๋เหนียงนั้นรู้ข่าวเร็วตลอด นางจึงกำชับบอกให้เหวินอี๋เหนียงไปแอบสืบเรื่องอะไรบ้าง…
ตอนที่สวีลิ่งอี๋กลับมาก็เห็นสืออีเหนียงกำลังกระซิบกระซาบอะไรกับเหวินอี๋เหนียงอย่างมีความสุข
“มีเรื่องอันใด เจ้าถึงดีใจขนาดนั้น” ตกดึก สวีลิ่งอี๋เท้าแขนนอนพลางลูบท้องของนางเบาๆ ด้วยความเคยชิน เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
ฝ่ามืออบอุ่นวางตรงหน้าท้อง ทำเอานางรู้สึกเคลิบเคลิ้มง่วงงุน “เรื่องของหู่พั่วเจ้าค่ะ…” ตอบไปหาวไป จากนั้นก็เล่าให้สวีลิ่งอี๋ฟัง
“ไม่ต้องรีบร้อน” สวีลิ่งอี๋ลูบหน้าผากของนางเบาๆ “รอให้เจ้ารู้สึกดีขึ้นอีกสักหน่อยค่อยจัดการก็ไม่สาย”
“ไม่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ข้าไม่สบาย” สืออีเหนียงตอบกลับ จากนั้นก็ถามสวีลิ่งอี๋ “กำหนดวันหมั้นของเฉิงเกอแล้วหรือยังเจ้าคะ”
“กำหนดเรียบร้อยแล้ว!” สวีลิ่งอี๋ยิ้ม “กำหนดไว้วันที่สิบสี่เดือนห้า คุณหนูสี่มาถามข้าเรื่องเจ้า ถึงตอนนั้นก็อยากให้เจ้าไปร่วมสนุกด้วย ข้าไม่กล้าตอบตกลง ตั้งแต่เดือนหนึ่งเจ้าก็ไม่ได้ออกไปไหน ช่วงนี้อากาศดี หรือว่า เจ้าจะถือโอกาสออกไปเดินเล่น อี๋ชิงก็ไม่ใช่คนอื่น พาสาวใช้และป้ารับใช้ไปด้วยเยอะหน่อย นางมีบุตรตั้งสองคน เจ้ามีเรื่องอันใด นางก็จะได้ดูแลเจ้า…เจ้าคิดว่าเช่นไรบ้าง”
สืออีเหนียงไม่พูดไม่จา
สวีลิ่งอี๋มองนางด้วยความตกใจ
แต่กลับเห็นใบหน้าที่กำลังหลับตาพริ้มของสืออีเหนียง
เขาอดหัวเราะไม่ได้
ห่มผ้าให้นางอย่างเบามือ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหอมแก้มนางจากนั้นก็เป่าตะเกียงนอนหลับไป
*****
สืออีเหนียงไม่รู้ว่าสวีลิ่งอี๋เคยเสนอไปร่วมพิธีหมั้นของบุตรชายของซื่อเหนียงด้วยกัน นางมัวแต่นึกถึงเรื่องที่ไปแอบสืบนิสัยของก่วนชิง
เหวินอี๋เหนียงก็ตั้งใจเป็นอย่างมาก
นางมักจะรู้สึกว่า ตราบใดที่หู่พั่วได้แต่งงานกับคนดีๆ ชิวหงก็จะได้แต่งงานกับคนดีๆ เช่นกัน
เดิมทีที่เจอกันแค่ตอนคารวะเช้าเย็น แต่ตอนนี้ในหนึ่งวันพวกนางกลับเจอหน้ากันตั้งหลายครั้ง ทำเอาคนอื่นรู้สึกไม่สบายใจ