หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1355 หวนกลับ

บทที่ 1355 หวนกลับ
คำพูดของอีกฝ่ายก่อให้เกิดการจู่โจมรุนแรงมาทางหวังเป่าเล่อ จิตใจของเขาก้องกังวาน ร่างถอยไปหลายก้าวอย่างควบคุมไม่อยู่ ยังดีที่การแผ่กระจายของกฎเกณฑ์ปรารถนารสของเขา รวมทั้งคุณสมบัติจากร่างต้น ทำให้เขาที่อยู่ที่นี่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้
ทว่าดวงตาของเขานั้น กลับแดงก่ำเต็มไปด้วยเลือด เพราะการจู่โจมและการปะทุของดวงจิตในที่แห่งนี้ หวังเป่าเล่อจ้องไปที่ร่างนั้นนิ่งๆ เอ่ยเสียงแหบพร่า
“ท่านดูให้ดี ข้าคือมหาเทพหรือ”
ร่างที่ลอยอยู่กลางอากาศ เวลานี้ดวงตาแดงก่ำเช่นกัน เขาจ้องมองหวังเป่าเล่อ ในแววตาแสดงถึงความเจ็บปวด แต่ท้ายที่สุดก็สามารถสังเกตเห็นชัดเจน หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จึงส่งเสียงหัวเราะออกมา
“เจ้าไม่ใช่ ฮ่าๆ เจ้าไม่ใใช่…ช่างน่าสนใจ ช่างน่าสนใจนัก”
“กล่าวให้ชัดเจน!” หวังเป่าเล่อไม่เข้าใจ เขาเน้นย้ำคำอีกรอบ
“เจ้าเข้ามานี่หน่อย ข้าจะบอกเจ้า” ร่างนี้มองหวังเป่าเล่อ แล้วฝืนยิ้มออกมา ขณะเดียวกันสีหน้าก็บิดเบี้ยว
หวังเป่าเล่อเวลานี้ปวดศีรษะรุนแรงมาก เจ็บปวดราวจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เขามองร่างตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน คำรามเสียงเย็น แล้วหันกายจากไปโดยไม่สนใจอีก
แต่ในตอนที่เขากำลังจะจากไป ร่างที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ส่งเสียงคำรามออกมา พุ่งตามหวังเป่าเล่อไปทันที แต่เห็นได้ชัดว่าร่างกายถูกพันธนาการไว้ที่นี่ เช่นนั้นแล้วจึงพุ่งออกไปได้เพียงไม่กี่จั้ง หนวดเหล่านั้นที่อยู่บนร่างเขาก็ตั้งตรงขึ้นทั้งหมดคล้ายกับโซ๋ พันธนาการเอาไว้ ทำให้ไม่อาจพุ่งออกต่อไปได้ จึงทำได้เพียงส่งเสียงคำรามดิ้นรนไปมา
“ทรยศหักหลัง ต่ำช้าไร้ยางอาย!”
หวังเป่าเล่อฝีเท้าหยุดชะงัก หันศีรษะกลับไปทันที มองร่างที่ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งนั้นอย่างเย็นชา เขาสามารถรับรู้ได้อย่างเลือนรางว่า ภายใต้ตำแหน่งนี้ อุโมงค์บนพื้นที่เช่นนี้ มีอายุเกือบร้อยปี แท้จริงแล้วในใจของเขาก็ได้คาดเดาท่าทีของอีกฝ่ายไว้แล้วไม่มากก็น้อย
หลังจากมองคนผู้นั้นอย่างลึกซึ้ง หวังเป่าเล่อก็ไม่หันกลับมาอีก เขาจากไปอย่างเฉยชา มุ่งตรงไปบนพื้น ตอนที่มานั้นเชื่องช้า แต่ตอนกลับนั้นด้วยความอ่อนแอของทะเลดวงจิต ดังนั้นจึงเร็วบ้าง
ก็เป็นเช่นนี้ ไม่นาน ขณะที่เสียงสะท้อนก้องบนโลกาชั้นแรกดังกังวาน หวังเป่าเล่อก็พุ่งออกมาจากใต้ดินแล้ว เขายืนอยู่กลางอากาศ ก้มหน้าลงมองผืนแผ่นดิน นัยน์ตาฉายประกายล้ำลึก
“รูปลักษณ์มหาเทพเว่ย เป็นพิมพ์เดียวเหมือนกับข้า…และคนผู้นี้ยังบอกว่าข้าคือมหาเทพ…เรื่องนี้ช่างน่าสนใจ…” หวังเป่าเล่อหรี่ตา หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็แค่นเสียงหัวเราะออกมา
“อย่าเพิ่งไปคิดถึงคำพูดของคนบ้านั่นเลย ท่าทางของคนผู้นี้…เห็นได้ชัดว่ามีสติเหลืออยู่ไม่มาก แล้วร่างกายก็ยังถูกผนึกไว้ ดูเหมือน…จัดไว้เพื่อเป็นแหล่งอาหาร” คำพูดของสหพันธรัฐลอยเข้ามาในจิตใจของหวังเป่าเล่อ
ตัวจ่ายพลัง
ท่าทีของคนบ้านั่น เมื่อหวังเป่าเล่อมองไปก็แยกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นตัวจ่ายพลังตัวหนึ่ง หนวดเหล่านั้นบนร่างเขารับอาหารจากร่างของคนผู้นั้นอยู่ตลอดเวลา หากมองเช่นนี้ เป็นไปได้ว่าอุโมงค์อื่นที่อยู่ลึกลงไปอาจมีผู้แข็งแกร่งเช่นคนผู้นี้คนแล้วคนเล่า
และมีความเป็นไปได้มากว่า…พวกเขาก็เป็นตัวจ่ายพลังเช่นเดียวกัน
ส่วนที่มาของอาหารนั้นเดาได้ไม่ยาก คงจะเป็นมหาเทพ
“ผู้เยี่ยมยุทธ์ 108 คนที่เคยอยู่ใต้อาณัติ ล้วนถูกผนึกกลายเป็นตัวจ่ายพลัง สนับสนุนตนเองในการรักษาและต่อต้านตะปูไม้ดำ…”
“ดังนั้น ผู้ที่เคยเป็นมิติแห่งเต๋าต้นกำเนิด จึงได้เปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้”
“ถ้าอย่างนั้น หากสามารถตัดขาดการจ่ายพลังได้ จะสามารถตัดขาดการรักษาของมหาเทพได้หรือไม่” หวังเป่าเล่อตกอยู่ในห้วงความคิด แต่สุดท้ายล้มเลิกความคิดนี้ไป
เหตุเพราะเรื่องนี้มีสิ่งที่ไม่แน่นอนอยู่สองข้อ ข้อแรกคือมีความเป็นไปได้อย่างมากว่ามหาเทพจะตื่นก่อน และข้อสองคือท่าทีที่คนบ้านั่นมีต่อตน
หากมีคนผู้เดียวเป็นเช่นนี้ก็ช่างเถอะ แต่หวังเป่าเล่อกังวลว่า ผู้เยี่ยมยุทธ์อื่นที่ถูกผนึกไว้เหล่านั้น จะเป็นเช่นนี้ด้วยหรือไม่ เพราะเวลานี้แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจมั่นใจได้สักเรื่อง
“มหาเทพกับข้า ที่แท้แล้วมีความสัมพันธ์กันเช่นไร…ข้าคือมหาเทพหรือ” หวังเป่าเล่อใคร่ครวญ ไม่ว่าอย่างไร เขาก็รู้สึกว่านี่ไม่อาจเป็นไปได้
และงานเลี้ยงล่าสัตว์ในครั้งนี้ ดูเหมือนเขาจะได้รับเบาะแสมากมายด้วย แต่ก็มีข้อสงสัยมากขึ้นในเวลาเดียวกัน
ไม่นาน หวังเป่าเล่อก็ส่ายศีรษะ เขายังต้องการเบาะแสอีกจำนวนหนึ่ง จึงจะสามารถเชื่อมโยงทั้งหมดเข้าด้วยกันและได้มาซึ่งคำตอบ เวลานี้หลังจากเก็บความคิดทั้งหมดไว้ในใจแล้ว จึงเงยหน้ามองไปรอบด้าน ร่างสั่นวูบตรงไปยังความว่างเปล่าไกลแสนไกล
ในไม่ช้า เขาก็หาพวกเฉิงหลิงจื่อพบ ส่วนนิ้วที่หลบหนีไปนั้น หวังเป่าเล่อเดิมทีคิดจะค้นหา แต่สัมผัสเชื่อมต่อที่ตนเองเหลือไว้ที่อีกฝ่าย เมื่อนิ้วหลอมรวมกับฝ่ามือก็ได้สูญหายไปแล้ว
ตอนนี้เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร หาอย่างไรก็หาไม่พบ ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงได้แต่ปล่อยวาง หลังจากได้รวมกับพวกเฉิงหลิงจื่อแล้ว เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วกระจายกฎเกณฑ์ปรารถนารสของตนออกมา ทำให้ดวงจิตบรรจบเป็นหนึ่ง พุ่งขึ้นไปบนทางท้องนภา
นี่เป็นการออกมาจากโลกาชั้นแรก เป็นวิธีให้กลับไปยังเมืองปรารถนารส แม้สาวกเนื้อแต่ละคนจะอยู่ในกำมือแล้ว แต่มีเพียงเจ้าแห่งสวาปามเท่านั้น ที่จะแสดงพลังนี้ออกมาได้
มิฉะนั้นแล้ว ก็ได้แต่รอให้เมืองปรารถนารสเปิดออกเอง พวกเขาจึงจะกลับเข้าไป
ตอนหลังจากหวังเป่าเล่อรวบรวมกฎเกณฑ์ปรารถนารสแล้วส่งออกมา ไม่ช้าไอหมอกบนท้องนภาก็เคลื่อนตัวเข้ามา เสียงดังก้องส่งมาอย่างเชื่องช้า ยิ่งกว่านั้นภายในเสียงนี้ ยังเคลื่อนมาพร้อมกับไอหมอกที่กำลังก่อตัวหมุนวนกลายเป็นวังวนขนาดยักษ์ภายในปลายวังวันสามารถเห็นโครงร่างของเมืองปรารถนารสได้อย่างเลือนราง
เมื่อโครงร่างนี้ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น แรงสูบก็กระจายออกมาจากภายใน เวลาเดียวกันก็สะท้อนกับกฎเกณฑ์ปรารถนารสบนร่างหวังเป่าเล่อ และลากกฎเกณฑ์ปรารถนารสที่อยู่ภายในร่างสาวกเนื้อคนอื่นๆ ทำให้ร่างของพวกเขาลอยออกไปจากพื้นเองโดยไม่จำเป็นต้องควบคุม
รวมกับพลังบนร่างตน เวลานี้ทั้งแปดคนกลายเป็นสายรุ้งแปดสาย ตรงไปที่วังวนบนท้องฟ้า และภายในพริบตาก็เข้าสู่ภายในวังวนแล้ว
วังวนนี้ค่อยๆ ปิดลงท่ามกลางเสียงร้องคำราม แต่ในขณะที่มันกำลังปิดลงนั้นเอง แผ่นดินสีดำก็เกิดระลอกคลื่น หลกกหลายใบหน้าปรากฏออกมาจากพื้นที่แห่งนั้นอย่างไร้สุ้มเสียง
จำนวนนับสิบ พวกเขาไม่กล่าววาจาใดออกมาสักคำ ปรากฏออกมาบนพื้นดิน แล้วแหงนหน้ามองไปทางวังวนที่ปิดลง ตอนนั้นเองที่วังวนกำลังจะสลายไป หวังเป่าเล่อที่อยู่ด้านในคล้ายจะมีสัมผัสเชื่อมต่อ ก้มหน้าลงมองไปทางแผ่นดินนั้น ประสานสายตากับใบหน้าที่ปรากฏอยู่บนพื้น
เขาหรี่ตาทันที พยายามเพ่งมองให้ชัดเจน แต่วังวนที่อยู่ได้ห่อหุ้มเขาไว้แล้ว ทันใดนั้นร่างกายก็สลายไปบนท้องนภาเช่นเดียวกับวังวน
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง…ก็อยู่กลางอากาศของเมืองปรารถนารสในโลกาชั้นที่สองแล้ว
ตอนที่หวังเป่าเล่อปรากฏตัว กลิ่นอายของเจ้าสวาปามที่สะเทือนฟ้าสะท้านดินรอบตัวเขาก็แผ่กลิ่นอายกฎเกณฑ์ปรารถนารสที่ยิ่งกว่าบ้าคลั่ง เหนือกว่าเจ้าสวาปาม เหนือกว่าสรวงสวรรค์
“ขอต้อนรับการกลับมา เจ้าสวาปามลำดับเก้า!” เสียงกระหึ่มคล้ายฟ้าร้องดังก้องไปทั่วโลกาชั้นที่สอง โลกตรงหน้าของหวังเป่าเล่อค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น เขาเห็นสีหน้าที่ไม่น่าดูของถัวหลิงจื่อ และยังเห็นความตระหนกของโจวฮั่ว รวมทั้งสายตาวาววับของผู้อื่น ในที่สุดหวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่กลางอากาศก็เงยหน้าขึ้น มองไปทางร่างภูเขาเนื้อของเจ้าปรารถนา ที่อยู่ด้านหลังเจ้าสวาปามเหล่านี้
“น้อมพบเจ้าปรารถนา!” หวังเป่าเล่อประสานหมัดโค้งคำนับ
…………………………………
หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน