หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1419 สงครามพิโรธ

บทที่ 1419 สงครามพิโรธ

การถอนใจนั้นอัดแน่นไปด้วยความสับสน

ความจริงของโลกใบนี้แม้หวังเป่าเล่อจะไม่อยากคิดถึงมัน แต่มันกลับปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าจนเขาแทบจะหลีกหนีไม่พ้นแล้ว

 ร่างต้นแบบยังไม่รู้เรื่องทั้งหมด…  หวังเป่าเล่อเดินออกไปจากบ่อน้ำโบราณเงียบๆ แล้วไปปรากฏตัวอยู่บนท้องฟ้าด้านนอก เขาไม่สนใจต่อสีหน้าไม่อยากจะเชื่อและนิ่งงันของเหล่าเจ็ดอารมณ์ และไม่สนใจเหล่าศิษย์สายตรงของเจ้าปรารถนาทัศน์ที่มาที่นี่เพราะเห็นความผิดปกติ

เขายืนอยู่กลางอากาศมองไปทาง…ทิศที่ร่างต้นแบบอยู่

จู่ๆ หวังเป่าเล่อก็นึกอิจฉาร่างต้นแบบ

 บางทีไม่รู้อะไรเลยก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งกระมัง 

ท่ามกลางความสับสนและอารมณ์ในก้นบึ้งจิตใจ เหล่าเจ้าแห่งเจ็ดอารมณ์ต่างหวาดระแวง มีเพียงเจ้าแห่งสุขที่มองหวังเป่าเล่อด้วยดวงตาล้ำลึก

 เจ้าคือ…  เจ้าแห่งโกรธเอ่ยขึ้นเป็นผู้แรก น้ำเสียงดังก้องปานฟ้าร้อง

 เจ้าปรารถนาทัศน์  หวังเป่าเล่อกล่าวเสียงเบา ฉับพลันแม้เหล่าศิษย์สายตรงของเจ้าปรารถนาทัศน์ที่รีบมาจะประหลาดใจ แต่ก็ยังคงคุกเข่าคำนับหวังเป่าเล่อ

ศิษย์เหล่านี้ส่วนใหญ่ระดับการฝึกตนไม่ธรรมดา ล้วนฝึกฝนกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ไปถึงระดับหนึ่งแล้ว เทียบได้กับเจ้าสวาปามหรือเหล่ามหาศิษย์ของเมืองปรารถนาเสียง มีทั้งหมดเจ็ดคน หญิงสี่ชายสาม

ทั้งรูปร่างและหน้าแต่ละคนสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะศิษย์หญิงคนหนึ่งในนั้นที่หน้าตาโดดเด่นออกมาจากคนรอบข้าง หวังเป่าเล่อก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายสามารถเรียกได้ว่าเป็นสตรีที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

เพียงแต่ความสวยงามเช่นนี้มักให้ความรู้สึกไม่จริง

ศิษย์ผู้นี้ก็คือคนที่มีแววตากังวลมากที่สุดราวกับเป็นห่วงหวังเป่าเล่อมาก

หลังจากกวาดตามองเหล่าศิษย์แล้ว หวังเป่าเล่อจึงหันไปมองเจ้าแห่งโกรธ

สายตาของหวังเป่าเล่อนั้น แม้แต่เจ้าแห่งโกรธผู้แข็งแกร่งก็ยังใจกระตุก แท้จริงแล้วในสายตาที่ดูสงบนิ่งของหวังเป่าเล่อมีพลังบีบคั้นที่อธิบายไม่ได้ มันเป็นพลังที่ทำให้ในหัวเขานึกถึงความทรงจำอันเจ็บปวดเมื่อหลายปีก่อน

 เจ้าแห่งโกรธ เอาของที่ไม่ใช่ของเจ้าออกมาสิ  หวังเป่าเล่อมองเจ้าแห่งโกรธแล้วเอ่ยช้าๆ

ทันทีที่หวังเป่าเล่อกล่าวออกไป เจ้าแห่งสุข เจ้าแห่งโศก และเจ้าแห่งแค้นต่างหยุดชะงัก พวกนางหันไปมองเจ้าแห่งโกรธ ส่วนเจ้าแห่งโกรธก็ตกตะลึง จากนั้นเพลิงพิโรธก็ปรากฏในแววตา สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความขุ่นเคือง เขาข่มกลั้นความรู้สึกไม่สบายใจกัดฟันจ้องหวังเป่าเล่อเขม็ง

 เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร 

 ข้าบอกว่า…  หวังเป่าเล่อเดินไปหาเจ้าแห่งโกรธด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 เอาของที่ไม่ใช่ของเจ้า… 

 ออกมา  เมื่อเอ่ยจบหวังเป่าเล่อก็มาหยุดตรงหน้าเจ้าแห่งโกรธพอดี ปราณโลหิตทั่วร่างกลายเป็นแสงสีแดงฉานราวกับมันสามารถปกคลุมท้องฟ้าทั้งแปดทิศได้

พลังบีบคั้นที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาทำให้พวกเจ้าแห่งสุขสั่นไหว นอกจากเจ้าแห่งสุขแล้ว อีกสองเจ้าไม่มีทางจินตนาการได้ว่าเหตุใดหวังเป่าเล่อที่จัดการวิกฤตในบ่อน้ำโบราณถึงได้มีพลังปราณที่น่าเหลือเชื่อเช่นในตอนนี้

โดยเฉพาะพลังปราณนี้…ล้วนทำให้พวกเขาใจสั่น เพราะมันคือ…พลังปราณของมหาเทพ

 เจ้า!  สีหน้าเจ้าแห่งโกรธเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ความขุ่นมัวไม่ได้ลดลง กลับกันมันยิ่งรุนแรงขึ้นอีก เขาถอยหลังไปพร้อมคำรามเสียงต่ำ

 ไม่ ข้าจะเอาไปเอง  หวังเป่าเล่อยังคงสีหน้าเรียบเฉยตั้งแต่ต้นจนจบ มือขวายกขึ้นสะบัด ทันใดนั้นปราณโลหิตก็ระเบิดก่อตัวเป็นพายุกวาดไปทั่วทุกสารทิศ หากมองจากที่ไกลๆ มันดูเหมือนฝ่ามือยักษ์สีโลหิตข้างหนึ่ง

ฝ่ามือยักษ์สีโลหิตนี้อัดแน่นไปด้วยพลังปราณโลหิตของหวังเป่าเล่อ แต่นิ้วทั้งห้านั้นไม่ใช่ นิ้วโป้งมาจากกฎเกณฑ์ปรารถนารส นิ้วชี้มาจากกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียง นิ้วกลางมาจากกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์

กฎเกณฑ์ทั้งสามนี้ สำหรับปรารถนาทัศน์หวังเป่าเล่อเป็นต้นกำเนิดเพียงหนึ่งเดียวแล้ว ส่วนปรารถนาเสียงเป็นต้นกำเนิดครึ่งหนึ่ง และปรารถนารสแม้จะไม่ใช่ต้นกำเนิดหลัก แต่ก็เกือบจะถึงขีดสุดแล้ว

ดังนั้นนิ้วจากกฎเกณฑ์ทั้งสามจึงมีอานุภาพรุนแรงมาก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงอีกสองนิ้วที่เหลือซึ่งอัดแน่นไปด้วยกฎเกณฑ์แห่งเจ็ดอารมณ์ทั้งสี่ เช่นนั้นพลังของฝ่ามือนี้…จึงเหนือกว่าเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาทุกตน!

เมื่อเห็นฝ่ามือสีโลหิตมาถึง เจ้าแห่งโกรธก็หายใจถี่รัว เขาคำรามดังลั่นก่อนจะทำผนึกมุทราแผ่กฎแห่งโกรธออกมาก่อร่างเป็นมังกรพิโรธคำรามต่อต้านหวังเป่าเล่อ

แต่ก็เหมือนตั๊กแตนห้ามรถ เปราะบางเกินไป!

ยังไม่ทันที่เหล่าเจ้าแห่งสุขจะขัดขวาง เวลาต่อมาฝ่ามือยักษ์สีโลหิตจากกฎเกณฑ์ของหวังเป่าเล่อก็ปะทะกับมังกรพิโรธด้วยพลังอำนาจทำลายล้างที่สยบทุกสิ่ง ฉับพลันมังกรพิโรธส่งเสียงคำรามลั่น มันจะปริแตกและพังทลายลงราวกับว่าต่อหน้าฝ่ามือโลหิตนี้มันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะป้องกัน

หลังจากทำลายมังกรพิโรธได้แล้ว ฝ่ามือโลหิตก็ไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่น้อย พลังทำลายล้างพุ่งตรงไปเบื้องหน้าเจ้าแห่งโกรธที่หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ และจับตัวเขาไว้!

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ เจ้าแห่งโกรธผู้ยิ่งใหญ่เปราะบางราวกับมนุษย์ธรรมดา ถูกหวังเป่าเล่อสยบอย่างง่ายดาย!

หลังจากเจ้าแห่งโกรธถูกหวังเป่าเล่อจับตัวไว้ พวกเจ้าแห่งสุขถึงเพิ่งได้สติ แต่ละคนลนลานกล่าว

 เมตตาด้วย! 

 เจ้าปรารถนาทัศน์ ต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ 

เจ้าแห่งสุขวาบร่างมาปรากฏตัวตรงหน้าหวังเป่าเล่อ นางสูดหายใจเข้าลึก สีหน้าสับสน ก่อนจะโค้งคำนับหวังเป่าเล่อ

 ให้โอกาสเขาอีกครั้งได้หรือไม่ 

หวังเป่าเล่อสีหน้าเรียบเฉยไม่สนใจเจ้าแห่งโศกและเจ้าแห่งแค้น แต่มองไปทางเจ้าแห่งสุข จากนั้นครู่หนึ่งก็เอ่ยเบาๆ

 ได้ 

เอ่ยจบก็สะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นฝ่ามือยักษ์สีโลหิตที่จับตัวเจ้าแห่งโกรธอยู่ก็ค่อยๆ คลายออก ทำให้เจ้าแห่งโกรธรีบถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นเทิ้ม มองหวังเป่าเล่อด้วยความหวาดกลัว พริบตานั้นเขาสัมผัสได้ถึงความตายจริงๆ

โดยทั่วไปแล้วเจ็ดอารมณ์หกปรารถนานั้นไม่สามารถทำลายได้ แต่พลังปราณของมหาเทพที่อัดแน่นอยู่ในฝ่ามือโลหิตนั้น…สามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง

 เจ้าแห่งโกรธ เจ้ายังไม่เอาของออกมาอีก!  เจ้าแห่งสุขถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันไปถลึงตามองเจ้าแห่งโกรธ

เจ้าแห่งโกรธท่าทางขมขื่น เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือกดลงบนหว่างคิ้วของตน พริบตานั้นเงามายาที่ถูกปิดผนึกไว้หลายชั้นก็แผ่ออกมาจากหว่างคิ้วและถูกหวังเป่าเล่อคว้าไป

ผนึกบนร่างแตกเป็นชั้นๆ เผยให้เห็นรูปร่างเดิมของเงามายาข้างใน นั่นก็คือ…ร่างของเจ้าปรารถนาทัศน์คนก่อน

เรื่องที่รู้ว่าเจ้าแห่งโกรธซ่อนร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ไว้เป็นเพราะหลังจากหวังเป่าเล่อดูดซับเลือดมหาเทพแล้ว ร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์เหล่านั้นก็ไม่มีความลับอะไรกับสัมผัสเชื่อมต่อของหวังเป่าเล่ออีก

ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้ว่าในร่างเจ้าแห่งโกรธมีอยู่อีกหนึ่งร่าง

หลังจากคว้าไว้ได้แล้ว หวังเป่าเล่อก็บีบเบาๆ ร่างแยกในมือแตกสลายในทันที กลายเป็นปราณโลหิตหลอมรวมเข้าไปภายในกายหวังเป่าเล่อ แต่ในไม่ช้าเขาก็ต้องเลิกคิ้ว

 หืม? 

เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก่อนหน้านี้เมื่อดูดซับเลือดมหาเทพและสำรวจไปรอบๆ ก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณของร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์สองร่างด้านนอก กอปรกับดูดซับและทำลายไปในบ่อน้ำโบราณอีกสองร่าง

ดังนั้นเขาจึงคิดว่าร่างแยกสี่ร่างก็สมบูรณ์แล้ว

แต่ในเวลานี้หลังจากดูดซับร่างแยก หวังเป่าเล่อกลับสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ปริมาณปราณโลหิตในร่างนี้น้อยเกินไป…ไม่เหมือนกับร่างแยกที่บรรจุปราณโลหิตหนึ่งส่วน แต่เหมือนกับ…หนึ่งในร่างแยกของร่างแยกเกือบร้อยร่างที่ถูกเขาทำลายไปแล้ว!

 

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน