ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 697 ใฝ่หา (กลาง)

ตอนที่ 697 ใฝ่หา (กลาง)

ภายใต้​การ​ดูแล​อย่างใกล้ชิด​ของ​บุตรชาย​และ​ลูกสะใภ้​ ​อาการป่วย​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ค่อยๆ​ ​ดีขึ้น​ตามลำดับ​ ​สามารถ​ลุก​มา​เดินเหิน​ได้​คล่องตัว​ขึ้น​ ​ตอนนี้​ก็​ย่างกราย​เข้าสู่​กลางเดือน​สอง​แล้ว

วัน​ถัดมา​เหล​ยก​งกง​ที่​ได้รับ​คำสั่ง​ให้​มา​เยี่ยม​อาการป่วย​ของ​ไท่ฮู​หยิน​อีกครั้ง​ก็​ถอนหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​หันไป​จ้องมอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​ผ่ายผอม​ไป​ไม่น้อย​ ​ยิ้ม​พลาง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​หากว่า​อาการป่วย​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ยัง​ไม่ดี​ขึ้น​ ​เกรง​ว่า​พวก​ข้า​คงจะ​รั้ง​ฮองเฮา​ไว้​ไม่อยู่​เป็นแน่แท้​!​”

หลาย​วัน​มานี​้​หมอ​หลวง​ของ​วัง​ได้​เข้าออก​จวน​สกุล​สวี​ราวกับว่า​เป็น​สำนัก​หมอ​หลวง​หลัง​ที่สอง​อย่างไร​อย่างนั้น

“​รบกวน​เหล​ยก​งกง​ช่วย​กราบทูล​ฮองเฮา​ด้วย​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​สุขุม​และ​จริงจัง​ ​“​อาการป่วย​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ดีขึ้น​มาก​แล้ว​ ​ขอ​ฮองเฮา​อย่า​ทรง​เป็นกังวล​ไป​”

“​หย่ง​ผิง​โหว​วางใจ​เถิด​ ​ข้า​จะ​ช่วย​กราบทูล​ฮองเฮา​อย่างแน่นอน​”

ทั้งสอง​พูดคุย​กัน​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เดิน​ออก​ไป​ส่ง​เหล​ยก​งกง​ที่​ประตู​ลาน​สวน​ ​แล้วจึง​ค่อย​ย้อนกลับ​มาที​่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน

ฮู​หยิน​สอง​นั่ง​อยู่​ที่​ขอบ​เตียง​ ​สือ​อี​เหนียง​และฮู​หยิน​ห้า​นั่ง​เก้าอี้​ไม้​ที่อยู่​ข้าง​เตียง​ ฮู​หยิน​สาม​นั่ง​เก้าอี้​ไม้​ที่อยู่​ปลาย​เตียง​ ​ส่วน​เจียง​ซื่อ​ ​ฟัง​ซื่อ​ ​จิน​ซื่อ​และ​เซี่ยง​ซื่อ​ก็​พากัน​ยืน​อยู่​หน้า​ซุ้ม​ไม้​แกะสลัก

“​งานเลี้ยง​เทศกาล​ซาน​เย​่ว​์​ซาน​ของ​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​เรา​จะ​จัด​…​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​พึ่ง​จะ​หาย​จาก​อาการป่วย​ ​ร่างกาย​จึง​ค่อนข้าง​อ่อนแอ​ ​น้ำเสียง​จึง​แผ่วเบา​เป็นอย่างมาก​ ​“​พอ​ข้า​ล้ม​ป่วย​ ​บรรยากาศ​ใน​จวน​ก็​อึมครึม​หม่นหมอง​ไป​หมด​ ​ต้อง​จัดงาน​เลี้ยง​ฤดูใบไม้ผลิ​เสียหน่อย​ ​บรรยากาศ​จะ​ได้​ครึกครื้น​ขึ้น​…​”

“​เช่นนั้น​ก็​จัดงาน​เลี้ยง​เถิด​!​”​ ฮู​หยิน​สอง​หันไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​ ​“​คนใน​บ้าน​มากมาย​ ​หาก​บรรยากาศ​ครึกครื้น​ขึ้น​ ​ท่าน​แม่​เห็น​แล้วก็​จะ​เบิกบานใจ​และ​หายป่วย​เร็ว​ๆ​”

ทุกคน​ต่าง​ก็​พากัน​หันไป​มอง​สือ​อี​เหนียง​ตามฮู​หยิน​สอง​ ​รอคำ​ตอบ​จาก​นาง

ไท่ฮู​หยิน​ล้ม​ป่วย​ใน​ครั้งนี้​เพราะ​ตรอมใจ​ ​หาก​บรรยากาศ​รอบ​ๆ​ ​ครื้นเครง​และ​มีชีวิตชีวา​ขึ้น​ ​อารมณ์​จิตใจ​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​จะ​ดีขึ้น​ตาม​ ​เมื่อ​สภาพ​จิตใจ​ดีขึ้น​แล้ว​ ​ร่างกาย​ก็​จะ​ดีขึ้น​ตามลำดับ

“​พี่สะใภ้​สอง​พูด​มีเหตุผล​”​ ​สือ​อี​เหนียง​หันไป​มอง​ไท่ฮู​หยิน​ ​“​ท่าน​แม่​ ​เช่นนั้น​ข้า​จะ​ส่ง​เทียบ​เชิญ​เหมือนเช่น​ปี​ที่​ผ่านๆ​ ​มานะ​เจ้า​คะ​”

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​พลาง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​หลับตา​ลง​ด้วย​ความเหนื่อย​ล้า

สือ​อี​เหนียง​เห็น​แล้วก็​ลุกขึ้น​พร้อมกับ​หันไป​ส่งสายตา​ให้​คนที​่​อยู่​ใน​ห้อง​ ​นอกจากฮู​หยิน​สอง​ที่​ต้อง​อยู่​ดูแล​ไท่ฮู​หยิน​แล้ว​ ​คนอื่นๆ​ ​ก็​พากัน​ถอย​ออกจาก​ห้อง​ชั้นใน​ตาม​สือ​อี​เหนียง​ไป​อย่างเบามือ​เบา​เท้า

“​เรื่อง​นี้​ก็​ให้​ภรรยา​ของ​จุน​เกอ​เป็น​คน​จัดการ​ก็แล้วกัน​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​หันไป​พูด​กับ​เจียง​ซื่อ​ ​“​ปี​ที่แล้ว​เจ้า​เป็น​คน​จัดงาน​เลี้ยง​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​ทุกคน​ต่าง​ก็​ออกปาก​ชม​เป็น​เสียง​เดียวกัน​ว่า​จัด​ได้ดี​มาก​ ​เพียงแต่ว่า​สถานการณ์​ของ​ปีนี​้​ไม่​เหมือนกัน​ ​ไท่ฮู​หยิน​ไม่​สามารถ​ฝืน​ร่างกาย​จน​เกินไป​ ​เพราะฉะนั้น​เรื่อง​งานเลี้ยง​ฤดูใบไม้ผลิ​ควร​จัด​ให้​เรียบง่าย​หน่อย​จะ​เป็นการ​ดีกว่า​”

เจียง​ซื่อ​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​หมุนตัว​กลับ​ไป​ ​กวาดสายตา​มอง​ทุกคน​ที่อยู่​ใน​เรือน

“​พี่สะใภ้​สาม​ ​น้อง​สะใภ้​ห้า​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ ​“​ที่ผ่านมา​เรา​ทั้ง​สาม​เป็น​คนดู​แล​ช่วง​กลางวัน​ ​ส่วนกลาง​คืน​ก็​เป็น​พี่สะใภ้​สอง​ที่​ดูแล​ ​มิเช่นนั้น​ ​มี​แขก​มากมาย​มา​เยี่ยมเยียน​เช่นนี้​ ​เรา​คงจะ​ยุ่ง​กัน​หัวหมุน​ทั้งวันทั้งคืน​มิได้​พัก​หายใจ​หาย​คอ​อย่างแน่นอน​ ​ถึงแม้ว่า​ตอนนี้​อาการป่วย​ของ​ท่าน​แม่​จะ​ดีขึ้น​แล้วก็​ตาม​ ​แต่​อย่างไร​เสียนา​งก​็​อายุ​มาก​แล้ว​ ​ไม่ว่า​อย่างไร​ก็​ควรจะ​ต้อง​มี​คน​คอย​ปรนนิบัติ​ดูแล​อยู่​ข้าง​กาย​จึง​จะ​ถูก​ ​แต่​หาก​จะ​ปล่อย​ให้​พี่สะใภ้​สอง​ดูแล​คนเดียว​ก็​ไม่ไหว​ ​ข้า​ก็​เลย​อยาก​จะ​ให้​ภรรยา​ของ​จุน​เกอ​รับหน้าที่​เป็น​คนดู​แล​จัดการ​เรื่อง​งานเลี้ยง​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​ส่วน​พวกเรา​ก็​กลับ​ไป​ผลัดเปลี่ยน​กัน​ดูแล​ท่าน​เหมือนเช่น​เดิม​ ​ให้​พี่สะใภ้​สอง​ได้​พักผ่อน​บ้าง​ ​ทุกคน​คิดเห็น​อย่างไร​”

ไม่มีใคร​เห็น​ต่าง​แม้แต่​คนเดียว

“​ถ้าอย่างนั้น​ก็​ตกลง​ตาม​นี้​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เริ่ม​เรียงลำดับ​รายชื่อ​จาก​ผู้อาวุโส​ไปหา​ผู้น้อย​ ​“​…​ช่วงนี้​ทุกคน​คง​ต้อง​เหนื่อย​หน่อย​แล้ว​ ​วันนี้​ก็​รีบ​กลับ​ไป​พักผ่อน​เร็ว​ๆ​ ​หน่อย​!​ ​พรุ่งนี้​จะ​ได้​มี​เรี่ยวแรง​มาดู​แล​ท่าน​แม่​กัน​”

อาการป่วย​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ค่อยๆ​ ​ดีขึ้น​อย่างเห็นได้ชัด​ ​ทุกคน​ต่าง​ก็​พากัน​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​ความ​โล่งอก

หลาย​วัน​มานี​้ฮู​หยิน​ห้า​คอย​ช่วย​สือ​อี​เหนียง​ต้อนรับ​แขก​ที่มา​เยือน​ ​สีหน้า​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​ความเหนื่อย​ล้า​ ​เมื่อ​ได้ยิน​แล้ว​นาง​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​พี่สะใภ้​สี่​ ​เช่นนั้น​ข้า​ขอตัว​กลับ​ไป​ก่อน​ก็แล้วกัน​!​ ​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​รีบ​มา​เปลี่ยน​เวร​กับ​ท่าน​แต่เช้า​ตรู่​”

ตาม​การ​จัดวาง​ตาราง​เวร​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​คืนนี้​สือ​อี​เหนียง​จะ​ต้อง​เป็น​คน​อยู่​เฝ้า​ไท่ฮู​หยิน​ ​พรุ่งนี้​เช้าฮู​หยิน​ห้า​จะ​ต้อง​มารับ​ช่วงต่อ​จาก​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​รับรู้​เบา​ๆ

ส่วนฮู​หยิน​สาม​เอง​ก็ได้​แสดงออก​ว่า​จะ​มาดู​แล​ไท่ฮู​หยิน​ตามที่​สือ​อี​เหนียง​จัดวาง​ไว้​ ​จากนั้น​ก็​พาลูก​สะใภ้​ขอตัว​ลาก​ลับ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​เดิน​ไป​ส่ง​เหล​ยก​งก​งก​็​กลับมา​พอดี

“​ท่าน​แม่​เล่า​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ถาม​ขึ้น​ด้วย​ความเป็นห่วง​ ​“​ใคร​อยู่​ดูแล​ท่าน​แม่​หรือ​”

ยัง​ไม่ทัน​ที่​สือ​อี​เหนียง​จะ​ได้​ตอบ​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มีสาว​ใช้​น้อย​เปิดม่าน​ออกมา​จาก​ห้อง​ชั้นใน

“​ท่าน​โหว​ ฮู​หยิน​!​”​ ​สาวใช้​น้อย​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ ​“​ไท่ฮู​หยิน​มีเรื่อง​จะ​พูด​กับฮู​หยิน​สี่​เจ้าค่ะ​!​”

เมื่อครู่นี้​นาง​รู้สึก​อ่อนเพลีย​ก็​เลย​นอน​พัก​ไป​แล้ว​ไม่ใช่​หรือ

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​ชั้นใน​พร้อมกับ​สวี​ลิ่ง​อี๋

ไท่ฮู​หยิน​กำลัง​หลับตา​อยู่​ ​ราวกับว่า​กำลัง​นอนหลับ​อย่างไร​อย่างนั้น

เส้น​ผม​ของ​นาง​ขาวโพลน​ ​ผิวพรรณ​เหลือง​ซีด​ไร้​ซึ่ง​เลือดฝาด​ ​พลอย​ทำให้​รอย​เหี่ยว​ย่น​บน​ใบหน้า​ยิ่ง​เด่นชัด​มากขึ้น

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​บีบ​หัวใจ​อย่าง​บอก​ไม่​ถูก​ ​เขา​ค่อยๆ​ ​คุกเข่า​ลง​บน​ขั้นบันได​ที่​หน้า​เตียง

ฮู​หยิน​สอง​เห็น​แล้วก็​รีบ​ลุกขึ้น​มาทัน​ที

“​ท่าน​แม่​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กุมมือ​ของ​ไท่ฮู​หยิน​อย่างเบามือ

ไท่ฮู​หยิน​ค่อยๆ​ ​ลืมตา​ขึ้น​ ​“​เจ้า​มา​แล้ว​หรือ​!​ ​สือ​อี​เหนียง​เล่า​”​ ​พูด​จบ​ก็​กวาดสายตา​มอง​ไปร​อบ​ๆ

สือ​อี​เหนียง​เห็น​แล้วก็​รีบ​เข้าไป​คุกเข่า​ลง​บน​ขั้นบันได​ที่​หน้า​เตียง

“​สือ​อี​เหนียง​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยื่นมือ​ที่​สั่นเทา​ไป​กุมมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ไว้​ ​“​ข้า​อยาก​ให้​เจ้า​…​หา​คน​ไป​…​ไป​ช่วย​เจี​้ย​เกอ​สู่ขอ​ภรรยา​…​ที่​อวี​๋​หัง​!​”

สือ​อี​เหนียง​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

แม้ว่า​เรื่อง​นี้​จะ​ได้​ปรึกษาหารือ​กัน​แล้ว​ ​แต่​เพราะ​ไท่ฮู​หยิน​ล้ม​ป่วย​ ​เรื่อง​นี้​ก็​เลย​ถูก​เลื่อน​ออก​ไป

“​ปีนี​้​เจี​้ย​เกอ​อายุ​สิบ​หก​ปี​ ​อีก​สอง​ปีก​็​อายุ​สิบ​แปด​ปี​แล้ว​ ​ตัว​เขา​เอง​ไม่เป็นไร​ ​แต่​จะ​ปล่อย​ให้​อิง​เหนียง​รอ​เช่นนี้​ไม่ได้​ ​หาก​มี​คน​ซุบซิบนินทา​พูดจา​ไม่ดี​เข้า​ ​เด็ก​คน​นั้น​จะ​เอาหน้า​ไป​ไว้​ที่ไหน​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ ​หาก​ต้อง​เกิดเรื่อง​เช่นนี้​ขึ้น​ ​สู้​เรา​ไป​สู่ขอ​และ​หมั้น​หมาย​ให้​เสร็จสรรพ​จะ​เป็นการ​ดีกว่า​!​”

ครั้งนี้​ ​ไท่ฮู​หยิน​พูดจา​เร่งรีบ​และ​ดูใจ​ร้อน​เป็นอย่างมาก

เพราะ​กลัว​ว่า​หาก​นาง​จาก​โลก​นี้​ไป​แล้ว​ ​ลูกหลาน​ก็​จะ​ต้อง​พากั​นมา​ไว้ทุกข์​ให้​นาง​ ​พลอย​จะ​ทำให้​ทุกอย่าง​ถูก​เลื่อน​ออก​ไป​จน​ล่าช้า​ไป​หมด​ ​พลอย​ทำให้​เลยเวลา​อัน​เหมาะสม​ไป

“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​อย่า​คิดมาก​ไป​เลย​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​รีบ​ปลอบโยน​นาง​ ​“​รอ​อีก​สักหน่อย​ ​หลังจากที่​ท่าน​หาย​ดี​แล้ว​ ​เรา​ค่อย​ไป​สู่ขอ​ด้วยกัน​!​”

“​ไม่ได้​!​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เด็ดเดี่ยว​และ​หนักแน่น​เป็นอย่างมาก​ ​“​พรุ่งนี้​…​พรุ่งนี้​เจ้า​ก็​ไป​สู่ขอ​เลย​!​”

สือ​อี​เหนียง​กำลังจะ​โน้มน้าว​ไท่ฮู​หยิน​ว่า​อย่า​ท้อแท้​และ​สิ้นหวัง​เช่นนี้​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​พูดแทรก​ขึ้น​ว่า​ ​“​ถ้าอย่างนั้น​ ​พรุ่งนี้​ก็​ไป​ที่​ตรอก​กง​เสียน​สักประเดี๋ยว​ก็แล้วกัน​”

เมื่อ​ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้ว​ ​สีหน้า​ก็​ดู​โล่งใจ​อย่างเห็นได้ชัด​ ​“​เจ้า​อย่า​ลืม​เชียว​ล่ะ​ ​อย่า​ได้​ลืม​เชียว​!​”​ ​น้ำเสียง​ของ​นาง​ค่อยๆ​ ​แผ่วเบา​ลง​ ​จากนั้น​ก็​หลับตา​ลง​อย่าง​ช้าๆ

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​แล้วก็​ตกใจ​เป็นอย่างมาก​ ​สือ​อี​เหนียง​เอง​ก็​ใจเต้น​รัว​ไม่​เป็นจังหวะ​ ​เหมือน​หัวใจ​แทบจะ​กระเด็น​ออกมา​อย่างไร​อย่างนั้น​ ฮู​หยิน​สอง​รีบ​ยื่นมือ​ไป​อัง​ที่​จมูก​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ผ่าน​ครู่หนึ่ง​ ​จึง​ค่อย​หันมา​ส่ายหน้า​ให้​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​สือ​อี​เหนียง​เบา​ๆ

ทั้ง​สาม​จึง​พากัน​ถอนหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่​ด้วย​ความ​โล่งอก

สือ​อี​เหนียง​และ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พากั​นอ​อก​ไป​คุย​กัน​ข้างนอก

“​ข้าว​่า​เรื่อง​นี้​รีบ​จัดการ​ให้​เสร็จ​จะ​เป็นการ​ดีกว่า​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เคร่งขรึม​ ​“​หากว่า​เจิ​้น​ซิ่ง​ออก​ไป​ประจำการ​อยู่​นอก​เขตเมือง​หลวง​แล้ว​ ​เรื่อง​นี้​ก็​จะ​ยุ่งยาก​เข้าไป​ใหญ่​!​”

“​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​ ​“​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​ไป​ที่​ตรอก​กง​เสียน​เลย​!​”​ ​จากนั้น​ก็​หมุนตัว​เดิน​ออก​ไปนอก​เรือน​ ​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​เรือน​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

ที่​สำนัก​ศึกษา​ได้​หยุด​การเรียน​การสอน​ตั้งแต่แรก​แล้ว

สวี​ซื่อ​เจี​้​ยกำ​ลัง​นั่ง​คัดตัว​อักษร​อยู่​บน​โต๊ะ​หนังสือ​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​มารดา​มาหา​ ​เขา​ก็​รีบ​วาง​พู่กัน​ใน​มือ​ทันที

“​ท่าน​มา​ได้​อย่างไร​กัน​”​ ​เขา​รีบ​เข้าไป​ประคอง​สือ​อี​เหนียง​ไป​นั่ง​ที่​เตียง​เตา​ใหญ่​ริม​หน้าต่าง​ ​จากนั้น​ก็​ลงมือ​ชง​น้ำชา​มา​ให้​นาง​ด้วยตัวเอง​ ​“​ท่าน​ย่านอ​นพัก​แล้ว​หรือ​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ยก​ถ้วย​น้ำชา​ขึ้น​มา​จิบ​ ​“​ชา​อะไร​หรือ​ ​รสชาติ​ไม่เลว​ทีเดียว​”

“​ชา​หวง​ซาน​เหมา​เฟิง​ขอรับ​”​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตอบกลับ​มารดา​ ​“​หาก​ท่าน​แม่​ชอบ​ ​ประเดี๋ยว​ข้า​จะ​ให้​บ่าว​รับใช้​ส่ง​ไป​ให้​ที่​เรือน​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​เป็น​ชา​ที่หวัง​อวิ​่น​ให้​พี่​สี่​มา​ขอรับ​”

“​ข้า​ไม่​ค่อย​สันทัด​เรื่อง​ชา​สัก​เท่าไร​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​แยกแยะ​รสชาติ​และ​คุณภาพ​ของ​ชา​ไม่​ออก​ ​เจ้า​เก็บ​ไว้​เอง​เถิด​!​”​ ​พูด​จบ​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​ก็​เต็มไปด้วย​ความลังเลใจ

สำหรับ​คนที​่​เรา​ใส่ใจ​ ​ย่อม​ต้อง​ดูออก​เป็นธรรมดา

ในเมื่อ​มารดา​ไม่​สะดวก​ใจ​ที่จะ​พูด​ ​เช่นนั้น​เขา​เป็น​คน​เริ่ม​ก่อน​ดีกว่า​!

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​มีเรื่อง​จะ​พูด​กับ​ข้า​ใช่​หรือไม่​”

“​แม่​มีเรื่อง​จะ​คุย​กับ​เจ้า​”​ ​สือ​อี​เหนียง​จ้องมอง​ไป​ยัง​ใบหน้า​ที่​อ่อนเยาว์​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่จริง​จัง​ว่า​ ​“​หาก​แม่​พา​อิง​เหนียง​มา​อยู่​ด้วยกัน​กับ​เรา​ ​เจ้า​คิดเห็น​อย่างไรบ้าง​”

“​ดี​ขอรับ​!​”​ ​ไม่รู้​ว่า​เป็น​เพราะอะไร​ ​หลังจากที่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ได้ยิน​แล้วก็​รู้สึก​ดีใจ​อย่าง​บอก​ไม่​ถูก​ ​“​น้อง​หญิง​ใหญ่​นิสัยใจคอ​ร่าเริง​แจ่มใส​ ​อีกทั้ง​ยัง​มีความรู้​เรื่อง​พันธุ์​ดอกไม้​ ​มีนา​งคอ​ยอยู​่​ข้าง​กาย​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​เอง​ก็​จะ​ได้​มี​คน​เคียงข้าง​…​”​ ​เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​หยุดชะงัก​ไป

เด็กผู้หญิง​ที่​โต​แล้ว​ ​ย่อม​ต้อง​แต่งงาน​ออกเรือน​เป็นธรรมดา​ ​ท่าน​แม่​กลับ​จะ​ให้​นาง​มา​อยู่​ข้าง​กาย​ตลอดไป​ ​ดูเหมือน​เรื่อง​นี้​ไม่​ค่อย​จะ​สมเหตุสมผล​เท่าไร​นัก​…​แต่​ท่าน​แม่​ก็​ไม่ใช่​คนที​่​พูดจา​เรื่อยเปื่อย​อย่างไร​้​ต้นสายปลายเหตุ​…

เมื่อ​ความคิด​นี้​แล่น​ผ่าน​เข้ามา​ใน​หัว​ ​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​นึก​อะไร​บางอย่าง​ขึ้น​มา​ได้

ใบหน้า​ของ​เขา​พลัน​แดงก่ำ​ขึ้น​มาทัน​ที

“​…​ท่าน​แม่​”​ ​เขา​จ้องมอง​ไป​ยัง​ใบหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​พูด​อะไร​ไม่​ออก​แม้แต่​คำ​เดียว

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​เขา​เข้าใจ​ใน​เจตนา​ของ​ตน​ ​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ถาม​เขา​พลาง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​ดี​หรือไม่​”

คราวนี้​แก้ม​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ยิ่ง​แดงก่ำ​กว่า​เดิม

เขา​รีบ​ก้มหน้า​ลง​ต่ำ​ ​ไม่กล้า​จ้องหน้า​สือ​อี​เหนียง​ ​พลัน​ทำตัว​ไม่​ถูก​ไป​หมด​ ​แต่​แล้ว​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​…​ข้า​ไป​ชง​น้ำชา​ให้ท่าน​แม่​ดีกว่า​”​ ​พูด​จบ​ก็​รีบ​ยก​ถ้วย​น้ำชา​ของ​สือ​อี​เหนียง​แล้ว​เดิน​ออก​นอก​ประตู​ไป​ทันที

สือ​อี​เหนียง​เห็น​แล้วก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​ขึ้น​มา

วัน​ถัดมา​ก็ได้​เดินทาง​ไป​ยัง​ตรอก​กง​เสียน

“​เรื่อง​ของ​พี่ใหญ่​เป็น​อย่างไรบ้าง​แล้ว​เจ้า​คะ​”​ ​หวัง​อี๋​เหนียง​เชื้อเชิญ​สือ​อี​เหนียง​ไป​ยัง​ห้อง​หนังสือ​ด้วย​ความ​นอบน้อม

“​กำลัง​รอทา​งก​ระ​ทรวง​ขุนนาง​เรียกตัว​”​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​สวม​ชุด​เสื้อแขนยาว​ผ้าแพร​หังโฉว​ ​ช่วย​ขับ​ใบหน้า​ที่​อ้วน​กลม​เล็กน้อย​ให้​ขาว​กระจ่าง​และ​ดู​สะอาดสะอ้าน​ยิ่งขึ้น​ ​ดู​สงบสุขุ​มอย​่าง​ที่​คน​วัยกลางคน​พึงมี​ ​พลอย​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ตอนที่​นาง​เข้า​เมืองหลวง​เป็นครั้งแรก​ ​รูปร่างหน้าตา​ของ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ที่มา​รับ​นาง​ที่​ท่าเรือ​ทง​โจว

หล่อเหลา​และสง่า​ผ่าเผย​…​กาลเวลา​ก็​ผ่าน​ร่วง​เลย​ไป​ไม่น้อย

จู่ๆ​ ​นาง​ก็​เข้าใจ​ถึง​สาเหตุ​ที่​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​อยาก​จะ​ไป​ประจำการ​ที่​นอก​เขตเมือง​หลวง​ขึ้น​มา​!

“​ท่าน​อา​สอง​กับ​ท่าน​อาสาม​ว่า​อย่างไรบ้าง​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​เรื่อง​นี้​ถือเป็น​เรื่องใหญ่​ของ​สกุล​หลัว​ ​ย่อม​ต้อง​ปรึกษาหารือ​กับ​ท่าน​อา​ทั้งสอง​คนที​่​เป็น​ขุนนาง​อยู่​แล้ว

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ไม่ได้​สังเกต​สีหน้า​ท่าที​ของ​น้องสาว​เท่าไร​นัก​ ​“​ท่าน​อา​สอง​บอกว่า​ควรจะ​ระมัดระวัง​และ​รอบคอบ​กว่านี​้​ ​ส่วน​ท่าน​อาสาม​คิด​ว่า​ไม่เลว​ทีเดียว​”​ ​เขา​ไม่​คุ้นชิน​กับ​การ​พูด​เรื่อง​เหล่านี้​กับ​สตรี​สัก​เท่าไร​นัก​ ​ถึงแม้ว่า​สตรี​ผู้​นี้​จะ​เป็น​น้องสาว​ของ​ตัวเอง​ก็ตาม​ ​เขา​จึง​อธิบาย​อย่าง​เรียบง่าย​แล้ว​เปลี่ยนไป​คุย​เรื่อง​อื่น​แทน​ ​“​ได้ยิน​มา​ว่า​ไท่ฮู​หยิน​สามารถ​ลุก​มา​เดินเหิน​ได้​แล้ว​หรือ​”

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​เขา​ไม่​อยาก​ที่จะ​พูดถึง​ ​จึง​ไม่ได้​ซักไซ้​ต่อ​แต่อย่างใด​ ​ถือโอกาส​นี้​พูดถึง​เรื่อง​อาการป่วย​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ให้​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ฟัง​ ​จากนั้น​ก็ได้​พูดถึง​เรื่อง​ที่​ไท่ฮู​หยิน​เป็นห่วง​เรื่อง​งานแต่ง​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ขึ้น​มา

“​เจ้า​ให้​แม่สื่อ​มาสู่​ขอ​เถิด​!​”​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พูด​ขึ้น​ ​“​ปรึกษาหารือ​และ​กำหนด​เรื่อง​งานแต่ง​ให้​เสร็จ​ก่อน​ปลายเดือน​สาม​จะ​ดีที​่​สุด​ ​เพราะ​ถึงแม้ว่า​ข้า​จะ​ไปรับ​หน้าที่​แล้ว​ ​เวลา​นั้น​เจ้า​เอง​ก็​สามารถ​เดินทาง​ไปรับ​เจ้าสาว​ที่​อวี​๋​หัง​ด้วยตัวเอง​ได้​เลย​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​กล่าว​ขอบคุณ​ ​จากนั้น​ก็​ไป​ที่​จวน​หย่ง​ชัง​โหวต​่อ

“​เจ้า​คง​ไม่​คิด​จะ​ให้​ข้า​ไป​เป็น​แม่สื่อ​หรอก​กระมัง​”​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​หยอกล้อ

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​หัวเราะ​ออกมา​ด้วย​ความขวยเขิน

“​เจ้า​จะ​ให้​ข้า​ไป​เป็น​แม่สื่อ​จริงๆ​ ​น่ะ​หรือ​”​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​ถาม​ขึ้น​ด้วย​ความประหลาดใจ​ ​“​แต่​ครั้งนี้​เจ้า​ต้อง​รับปาก​ข้า​ให้​เรียบร้อย​ ​จะ​ต้อง​ทำ​รองเท้า​ให้​ข้า​เป็น​เท่าตัว​ถึง​จะ​ได้​!​”

“​พี่​หญิง​เรียก​เยอะ​จริง​เชียว​!​”

“​อย่างน้อย​ๆ​ ​ก็​ต้อง​ให้​สมฐานะ​ข้า​หน่อย​”

ทั้งคู่​พูดคุย​หยอกล้อ​กัน​อยู่​ครู่ใหญ่​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ค่อยๆ​ ​เล่า​รายละเอียด​ของ​เหตุการณ์​ที่เกิด​ขึ้น​ให้​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​ฟัง

“​ดีจริง​!​”​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​พูด​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​เกี่ยวดอง​ใน​หมู่​เครือญาติ​ ​สายสัมพันธ์​ยิ่ง​แน่นแฟ้น​”​ ​หลังจากที่​ได้​นัดแนะ​วันที่​จะ​ไป​สู่ขอ​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ขอตัว​ลาก​ลับ

ออกจาก​ตรอก​องค์​หญิง​มา​แล้ว​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​รีบ​ตรง​ไป​แจ้ง​ข่าว​นี้​ให้​กับ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ทันที​ ​เพื่อ​ที่ว่า​เขา​เอง​ก็​จะ​ได้​เตรียม​หา​แม่สื่อ​ด้วย

ผ่าน​ไป​เพียง​ไม่​กี่​วัน​ ​ทั้งสอง​ตระกูล​ก็ได้​แลก​หนังสือ​บันทึก​วัน​เดือน​ปีเกิด​ของ​คู่หมั้น​ทั้งสอง​ฝั่ง​ ​ถัดมา​อีก​สาม​วัน​ก็ได้​เขียนหนังสือ​สมรส​และ​กำหนด​วัน​ ​อาการป่วย​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​ค่อยๆ​ ​ดีขึ้น​ตามลำดับ​ ​ตอน​เทศกาล​วัน​ไหว้​บ๊ะ​จ่าง​ ​ไท่ฮู​หยิน​ได้​ออก​ไป​ลอย​ประทีป​ที่​แม่น้ำ​กับ​เด็ก​ๆ​ ​ด้วย​ ​ทุกคน​จึง​ค่อย​กล้า​เฉลิมฉลอง​กัน​อย่างเต็มที่​ ​บรรยากาศ​ของ​จวน​สกุล​สวี​จึง​กลับมา​ครึกครื้น​เหมือนเช่น​เดิม​อีกครั้ง

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท