Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2326 มรรคกระบี่ของข้า

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2326 มรรคกระบี่ของข้า

ตอนที่ 2326 มรรคกระบี่ของข้า

ประโยคเดียวของหลินสวินทำให้พลังจิตสายนั้นของมหาจักรพรรดิอีกาทองเดือดพล่าน ราวกับทำลายที่ยึดเหนี่ยวสุดท้ายในใจเขา

เขาตะโกน “พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณทุกท่าน หรือพวกเจ้าจะปล่อยให้พวกเขาฆ่าข้าโดยไม่ทำอะไร พวกเจ้าลืมพันธสัญญาและกฎที่ตั้งไว้ในตอนแรกแล้วหรือ”

เสียงสะเทือนฟ้าดารา เผยความเดือดดาลและตื่นตกใจ

เพียงแต่ยังคงไม่มีคนตอบ

บรรยากาศที่ไม่มีคนตอบเช่นนี้ ทำเอามหาจักรพรรดิอีกาทองหมดหวังอย่างสิ้นเชิง

หลินสวินขังพลังจิตของเขาไว้ โยนให้อู้เชวียแล้วเอ่ยว่า “ให้เจ้าเป็นคนจัดการ”

“นายน้อย ขอบคุณมาก!” อู้เชวียจิตใจสั่นไหว สูดหายใจลึกคราหนึ่ง เงาร่างพริบไหว พาพลังจิตของมหาจักรพรรดิอีกาทองจากไป

ไม่นานเสียงที่เจ็บปวดเศร้ารันทดของมหาจักรพรรดิอีกาทองดังมาแต่ไกล ทำให้คนขนลุกซู่

หลินสวินสีหน้าปกติ เขารู้ดีที่สุดว่าอู้เชวียถูกกำราบอยู่ในหุบเขาตะวันคล้อยนั่นมาไม่รู้นานเท่าไหร่ ความทรมานและความอับอายที่ได้รับโหดร้ายเพียงใด

ตอนนี้ก็ควรให้อู้เชวียระบายความแค้นที่สั่งสมในใจมาหลายปีแล้ว

หนึ่งเค่อหลังจากนั้น

อู้เชวียหวนกลับ สีหน้าผิดหวัง เผยความเฉยชาที่ไม่บอกไม่ถูกอย่างหนึ่ง

“เป็นอะไร” หลินสวินถาม

“แม้ศัตรูจะตาย แต่สุดท้ายนายท่านก็ไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้…” อู้เชวียถอนหายใจยาว จากนั้นก็เผยรอยยิ้มเบิกบานพร้อมพูดว่า “แต่หลังจากฆ่าเจ้าสารเลวนั่นก็เหมือนทำลายเครื่องผูกมัดหนึ่งในใจข้า รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขอบคุณ… นายท่าน!”

ครั้งนี้เขาเรียกหลินสวินว่านายท่าน ไม่ได้เรียก ‘นายน้อย’ เหมือนก่อนหน้านี้

หลินสวินยิ้ม “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”

ครั้งนี้สามารถช่วยอู้เชวียขจัดความอาฆาตแค้นไปได้ ทำให้หลินสวินอดปลาบปลื้มใจไม่ได้

และวันนั้นเอง

หลินสวินและต้าหวงออกจากเขตแดนดาราทอดทิ้ง พวกบรรพจารย์จักรพรรดิหลีชางแห่งพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณต่างถอนหายใจอย่างไม่มีข้อยกเว้นขณะมองส่งพวกเขาจากไป

ต่อไปชื่อหลินเต้ายวนจะต้องเป็นเหมือนสุริยันดวงโต ส่องฟ้าดาราทั่วหล้าแต่เพียงผู้เดียว!

……

ยานขนส่งอวกาศโลดแล่นในฟ้าดารา เวลาผ่านไปเจ็ดวันอย่างรวดเร็ว

วันนี้เอง

จู่ๆ หลินสวินที่นั่งขัดสมาธิฝึกตกอยู่บนหัวยานก็ลืมตาขึ้น ยื่นนิ้วชี้ข้างขวากวาดวาดกลางอากาศ

ปราณกระบี่สายหนึ่งควบรวม นิ่งเหมือนน้ำ โปร่งแสงว่างเปล่า ล่องลอยราวกับไร้ตัวตน

ต้าหวงที่นอนกรนอยู่ห่างออกไปกลับเหมือนตกใจ ขนลุกไปทั้งตัว ลืมตาขึ้นกะทันหัน พลังขับเคลื่อนทั่วตัวแผ่ออกมา เกือบจะลงมือแล้ว

ทว่าหลังจากเห็นชัดแล้วถึงพลันโล่งอก สายตาถูกปราณกระบี่สะอาดนิ่งสงบสายนั้นดึงดูด

มันค่อยๆ เผยสีหน้าตกใจอย่างควบคุมไม่อยู่ นี่คือกระบี่อะไรกัน

ชะล้างปลือกนอกสิ้น หมื่นมรรคคืนสู่หนึ่ง ปรากฏปราณที่เรียบง่ายเป็นธรรมชาติที่สุด ดูปกติมาก แต่นัยเร้นลับมหามรรคที่สั่งสมอยู่ภายในทำให้มันรู้สึกถึงความตกตะลึงที่ตีหน้าเข้ามา จิตใจสะท้านไหว

“นี่คือเจตกระบี่ที่เจ้าหยั่งถึงใหม่หรือ” ต้าหวงอดถามไม่ได้

หลินสวินลูบลวกๆ ปราณกระบี่สายนี้ก็สลายไป พูดง่ายๆ ว่า “นี่ก็คือหมื่นกระบี่คืนหนึ่งของข้า เจ้าคิดว่าอย่างไร”

“หมื่นกระบี่คืนหนึ่งหรือ ชื่อที่ธรรมดามาก แต่… สุดยอดมากจริงๆ”

ต้าหวงจุ๊ปากชื่นชม

ด้วยมรรควิถีของมัน เคยเห็นพลังของจักรพรรดิกระบี่ชั้นเลิศมาไม่รู้เท่าไหร่ ทว่านัยเร้นลับแห่งกระบี่นี้ของหลินสวิน มันกลับมองตื้นลึกหนาบางไม่ออก ว่างเปล่าน่าทึ่ง เรียกได้ว่าหายากอย่างแน่นอน

“เจ้าดูกระบี่นี้อีกครั้ง”

ว่าพลางหลินสวินขับเคลื่อนความคิด ปราณกระบี่สายหนึ่งควบรวมกะทันหัน จากนั้นแบ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่… มากขึ้นเรื่อยๆ แยกตัวเป็นจำนวนที่ไม่มีสิ้นสุด

ให้ความรู้สึกเหมือนจักรวาลแรกกำเนิดอยู่รางๆ จากหนึ่งเกิดเป็นสอง ปราณขุ่นใสเปลี่ยนเป็นฟ้าดิน จากนั้นสรรพสิ่งถือกำเนิด หมื่นวิญญาณปรากฏ สุริยันจันทราวัฏจักร ภูผาธาราทะเลสาบ… ทุกสิ่งอย่างล้วนปรากฏออกมา

จนกระทั่งหลังจากนั้น ปราณกระบี่นั่นก็วิวัฒน์เป็นโลกใหญ่โคจร สี่ฤดูหมุนเวียน หมื่นลักษณ์เปลี่ยนแปลงเป็นต้น

ปราณกระบี่สายเดียวเท่านั้น กลับเผยลักษณ์วัฏจักรเวียนวน จากไม่มีเป็นมี!

เห็นภาพเหล่านี้ต้าหวงก็อึ้งตาค้างแล้ว กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเอ่ยว่า “กระบี่นี้… มีชื่อในลักษณะนี้ว่าอย่างไรอีก”

ฟุบ!

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ กระบี่นี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย “หนึ่งกระบี่สามารถก่อเกิดหมื่นมรรค หนึ่งกระบี่สามารถทำลายหมื่นวิชา เรียกได้ว่า ‘หนึ่งกระบี่เกิดดับ’”

ในใจต้าหวงราวกับสายฟ้าฟาดปั่นป่วน เอ่ยว่า “มีอีกไหม”

หลินสวินยิ้ม “กระบี่ที่สามนี้เหมือนมหามรรคไร้รูป ไร้นาม ไม่สามารถบรรยายด้วยชื่อได้ คงอยู่ทุกที่ ไปถึงทุกทาง”

พูดจบเสียงสวบดังขึ้นคราหนึ่ง เงาร่างของต้าหวงเคลื่อนย้ายหายไปจากที่เดิม

และตำแหน่งที่หมอบอยู่ก่อนหน้านี้ ห้วงอากาศแตกออกเป็นแนวยาว และปราณกระบี่นั้นหายไปนานแล้ว

ต้าหวงอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วพลันร้องเสียงหลง “กระบี่นี้นามว่าอะไร”

“ยังไม่ได้คิด เจ้าคิดว่าชื่อ ‘ล่วงกฎ’ เป็นอย่างไร” หลินสวินกล่าว

“ล่วงกฎหรือ”

ต้าหวงคิดเชื่อมโยง หนทางมหามรรค ทำตามอำเภอใจแต่ไม่เกินกว่ากฎ!

ทว่ากระบี่นี้กลับจะล่วงกฎ ความองอาจระดับนี้เหนือกว่าโดยแท้ เอาชนะกฎระเบียบ!

“พญาเผิงกางปีกยังชังว่าท้องฟ้าต่ำไป ต่อไป เมื่อข้าฝึกคัมภีร์จักรพรรดิของข้าให้ถึงขั้นสมบูรณ์ อานุภาพของกระบี่นี้ไม่เพียงเหนือกว่าสมบัติภายนอก ยิ่งจะก้าวพ้นกรอบแห่งมหามรรค กระโดดออกนอกกรง!”

ดวงตาดำของหลินสวินนิ่งสงบ เผยความปรารถนา

และในวันนี้เอง เขาหลอมมรดกกระบี่มรรคชั้นเลิศทั้งห้าอย่างคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน ไปไร้หวน กระบี่พิฆาตมรรคชั่วพริบตา คัมภีร์กระบี่มหาลมกรด คัมภีร์กระบี่จูคงเป็นหนึ่งเดียวกัน ใช้สิ่งนี้เป็นรากฐานแล้วสำแดงออกมาสุดจำกัด แปรสภาพและสร้างมรรคกระบี่ที่เป็นของตนอย่างแท้จริง

หมื่นกระบี่คืนหนึ่ง!

หนึ่งกระบี่ทลายมายา!

หนึ่งกระบี่ล่วงกฎ!

นัยเร้นลับของกระบี่ทั้งสาม กลายเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคอย่างแท้จริงแล้ว

ทว่า คัมภีร์เตาหลอมมหามรรคยังไม่ใช่คัมภีร์มรรคที่สมบูรณ์แบบ อย่างมรดกของหลินสวิน ยังมีอีกสิบกว่าอย่างที่ยังไม่ได้หลอมรวมอย่างสิ้นเชิง

อย่างเช่นคัมภีร์มหาครรภ์จุติ วิชาบัวเขียวหยั่งโลกของหลี่เสวียนเวย วิชาอริยะยุทธ์ของศิษย์พี่ใหญ่ ยอดนิรันดร์ไร้รั่วของศิษย์พี่เสวียนคง คัมภีร์กว้างใหญ่ของศิษย์พี่เสวี่ยหยาเป็นต้น

ทว่าหลินสวินไม่ได้เร่งรีบ ระดับจักรพรรดิขั้นเก้า ด่านหนึ่งสูงกว่าด่านหนึ่ง พร้อมกับการพัฒนาของมรรควิถีของเขา คัมภีร์เตาหลอมมหามรรคก็ถูกกำหนดให้สมบูรณ์ขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบ!

“เฮ้ย เจ้าช่างเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ”

จู่ๆ ต้าหวงก็ถอนหายใจยาว “ระดับจักรพรรดิขั้นสี่เท่านั้น กลับสามารถประชันกับบรรพจารย์จักรพรรดิ ทอดสายตามองไปตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้มองไปทั่วหล้า ก็หาพวกอย่างเจ้าไม่ได้”

เขาพูดจากความรู้สึกจริง

ระหว่างระดับจักรพรรดิขั้นสี่และบรรพจารย์จักรพรรดิ ห่างกันไม่เพียงแค่ระดับเดียว อัจฉริยะฟ้าประทาน วีรบุรุษชั้นเลิศหลายคน อย่างมากอาจจะเอาชนะได้หนึ่งขั้น สังหารคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าตน

แม้เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิยุคดึกดำบรรพ์ อย่างมากก็ข้ามได้เพียงสองถึงสามระดับพลังปราณเท่านั้น นี่ก็เรียกได้ว่าพลิกฟ้าหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว

แต่เมื่อเปรียบกับหลินสวิน…แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!

“เจ้าในตอนนี้ แม้เดินบนฟ้าดาราทั่วหล้าเพียงลำพัง นอกจากเจออันน่ากลัวที่ต้องห้ามพิเศษ ไม่เช่นนั้น แม้บรรพจารย์จักรพรรดิเคลื่อนไหว ก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้”

ต้าหวงถอนหายใจยาวอีกระลอกหนึ่ง

จู่ๆ เขาก็พบว่า เมื่อเปรียบกับพวกอย่างหลินสวิน เป็นใครก็คงรู้สึกหดหู่ แสงประกายของใครก็ตาม ล้วนหม่นแสงลงเมื่ออยู่ตรงหน้าเขา

นี่กระทบกระเทือนเกินไปจริงๆ

“เจ้าว่า หากพลังปราณของข้าทะลวงสู่ระดับ ‘สื่อวิญญาณ’ ของระดับจักรพรรดิขั้นห้า จะสามารถสยบบรรพจารย์จักรพรรดิในการประชันซึ่งๆ หน้าได้หรือไม่” หลินสวินถาม

“ไม่ได้”

ต้าหวงตอบอย่างมั่นใจ “ระดับบรรพจารย์ก็คือคูสวรรค์ที่สูงที่สุดของระดับจักพรรดิ ควบคุมนัยเร้นลับมหามรรคของระดับหวนกำเนิด แม้เป็นคนเหี้ยมพลิกฟ้าที่มีความสามารถล้นหลามในช่วงเริ่มแรกของยุคดึกดำบรรพ์ ก็ไม่สามารถทำลายคูสวรรค์นี้ได้”

หยุดไปครู่นี้ ต้าหวงเผยรอยยิ้มอย่างทะเล้น “อย่างว่าแต่ระดับจักรพรรดิขั้นห้า แม้เป็นด่านหก ด่านเจ็ด ด่านแปด…ก็อย่าคิดว่าจะทำได้ถึงขั้นนี้!”

“ไม่มีตัวอย่างก่อนหน้าเลยหรือ”

“ไม่มี”

แวบเดียวต้าหวงก็ดูออกแล้วว่าหลินสวินกำลังคิดอะไรอยู่ พลันพูดว่า “บางทีพลังของเจ้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับการพัฒนาของพลังปราณ แต่จะแตะธรณีประตูของระดับบรรพจารย์ แม้พลังจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์”

“คำว่าบรรพจารย์ ไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าจินตนาการ”

เห็นได้ชัดว่าหลินสวินไม่เชื่อ พูดอย่างเรียบเฉย “ตอนที่อยู่ในแดนหงส์เซียน ข้าเคยกำราบสังหารบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งด้วยตัวเอง”

“เจ้าหมายถึงผู้อาวุโสสามของเผ่าเสือขาวหรือ”

เห็นได้ชัดว่าต้าหวงนึกออกแล้ว พลันหลุดขำพูด “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนัยเร้นลับและความลับบางอย่างของระดับบรรพจารย์ เจ้าเฒ่านั่นแม้จะเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่ไม่ได้เปิดและควบคุมกฎเกณฑ์ต้นกำเนิดของมหามรรคข้อหนึ่งอย่างแท้จริง ถือว่าเป็นพวกที่ต่ำที่สุดในระดับบรรพจารย์”

หลินสวินเหมือนคิดอะไรอยู่ “ผู้ที่เปิดและควบคุมกฎเกณฑ์ต้นกำเนิดข้อหนึ่งอย่างแท้จริง จึงจะเรียกว่าเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิที่แท้จริงเช่นนั้นหรือ”

“ไม่ผิด และถูกเรียกว่าบรรพจารย์มรรค”

ต้าหวงพูดแล้วชี้จมูกตนเองพูดอย่างเย่อหยิ่ง “อย่างข้าก็เสียเลือดเนื้อและจิตใจไม่รู้เท่าไหร่ จึงเปิดกฎเกณฑ์ต้นกำเนิดมหามรรคข้อหนึ่งได้ เพราะนั้นตอนที่เล่นงานบรรพจารย์จักรพรรดิทั่วไป หนึ่งต่อสามก็ยังเรื่องเล็ก”

หลินสวินเพิ่งจะเข้าใจขึ้นบ้าง

“ความเป็นจริง ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิบนโลกนี้ คนที่สามารถเรียกว่าเป็นบรรพจารย์มรรค ในร้อยคนก็ไม่แน่ว่าจะเจอสักคน”

ต้าหวงถอนหายใจพูด “และเจ้าต้องรู้ว่า ในทางเดินโบราณฟ้าดารา ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิน้อยมากอยู่แล้ว แม้แข็งแกร่งอย่างสำนักเก่าแก่จรัสเทพ แดนกษิติครรภ์ ในแต่ละมหาสำนักก็มีระดับบรรพจารย์จักรพรรดิเพียงไม่กี่คนเท่านั้น”

“และบรรพจารย์มรรคที่แท้จริง…ร้อยคนก็ไม่มีหนึ่งคน!”

“ซีล่ะ?” จู่ๆ หลินสวินก็ถามขึ้น “นางอยู่ในระดับใด”

ต้าหวงเหลือบมองหลินสวินแวบหนึ่ง “เจ้าอย่าทะเยอทะยานเกินตัวเชียว ที่สูงส่งอย่างซี เหมือนอย่างนายท่านที่ก้าวออกจากธรณีประตูระดับบรรพจารย์จักรพรรดิแล้ว ระดับแบบนั้น…มีเพียงบรรพจารย์มรรคอย่างข้าจึงมีสิทธิ์ไปแสวง สำหรับเจ้า ฝึกปราณอย่างซื่อสัตย์ไปเถอะ”

ถึงตรงนี้ หลินสวินถอนหายใจระลอกหนึ่ง ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ สามารถยืนตระหง่านอยู่บนชั้นยอดที่สุดของฟ้าดาราทั่วหล้าแล้ว หากเหนือกว่าขอบเขตระดับบรรพจารย์ จะเป็นระดับที่เหลือเชื่อเพียงใด

ตอนที่ทั้งสองกำลังคุยกัน จู่ๆ คลื่นการเคลื่อนย้ายผ่านอากาศดังมาจากฟ้าดาราห่างออกไป

หลินสวินตบตากับต้าหวง ล้วนเก็บความคิด

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คนที่กล้าดำเนินการเคลื่อนย้ายลอดผ่านทางเดินโบราณฟ้าดาราอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ อย่างน้อยต้องมีพลังปราณระดับจักรพรรดิ

ไม่เช่นนี้หากไม่ประสบพิบัติเคราะห์ที่เหนือความคาดหมาย ก็จะหลงทางในฟ้าดาราที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน