Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2890 ตอบแทนบุญคุณ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2890 ตอบแทนบุญคุณ

ตอนที่ 2890 ตอบแทนบุญคุณ

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น

ยอดเขาที่เก้า

“นี่เป็นถึงต้นกำเนิดระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้า มูลค่าไม่อาจประเมิน เจ้าเก็บไว้เองเถอะ”

ผู้นำยอดเขาฉินอู๋อวี้ตกใจมาก หลินสวินมาเยี่ยมเยียนแต่เช้า ต้องการมอบต้นกำเนิดระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าสายหนึ่งแก่เขา ทำให้เขามึนงงอยู่บ้าง

“ผู้นำยอดเขา ครั้งนี้ข้าได้ประโยชน์จากแดนมารสิบทิศค่อนข้างมาก ทั้งไม่ขาดสมบัติแบบเดียวกัน ท่านโปรดรับไว้เถอะ”

หลินสวินยัดกล่องสำริดใส่มือฉินอู๋อวี้โดยไม่ให้พูดแทรกใดๆ จากนั้นก็หันหลังจากไป “ผู้นำยอดเขา ข้ายังต้องไปเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสเซียวเหวินหยวน ไม่อาจอยู่ต่อนานนัก”

เมื่อฉินอู๋อวี้ตอบสนอง เงาร่างของหลินสวินก็เดินไปไกลแล้ว

เขามองกล่องสำริดในมือ ใจกระเพื่อมไหวทันที รู้สึกอบอุ่นใจ หลินสวินนี่รู้บุญคุณคนจริงๆ

หอแรกพิสุทธิ์

เซียวเหวินหยวนอึ้งงันไปนานเช่นกัน กว่าจะกล้าเชื่อว่าหลินสวินคิดมอบพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าสายนั้นให้ตนจริงๆ

เขาเงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “หลินสวิน ตอนนี้เจ้าเป็นผู้อาวุโสหอแรกนภาแล้ว ทั้งสร้างผลงานโดดเด่นในศึกมรรคอมตะให้พวกเรา ได้รับการยกย่องจากสำนัก ข้าขอพูดตามตรง ต่อให้เจ้าไม่นำสมบัตินี้มา ภายหน้าเมื่อเจ้าคว้าตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ ข้าย่อมสนับสนุนเจ้าสุดความสามารถเช่นกัน”

หลินสวินยิ้มกล่าว “ผู้อาวุโส นี่คือน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ไม่ว่าภายหน้าท่านจะสนับสนุนข้าไปคว้าตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์หรือไม่ ตอนนี้ข้าแค่อยากตอบแทนบุญคุณ”

“ตอบแทนบุญคุณ?”

“ใช่”

หลินสวินพยักหน้า

เขาไม่มีทางลืม ปีนั้นยามเพิ่งเข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิด ผู้อาวุโสทั้งสองอย่างเซียวเหวินหยวนกับหลีเจินเคยสนับสนุนตนอย่างไร

ทั้งไม่มีทางลืมว่าหลายปีนี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เซียวเหวินหยวนกับเหล่าคนใหญ่คนโตคนอื่นล้วนยืนอยู่ข้างตนโดยไม่ลังเล

นี่ก็คือบุญคุณ!

“ได้ เช่นนั้นข้าจะรับสมบัตินี้ไว้”

เซียวเหวินหยวนรับกล่องสำริดที่หลินสวินมอบให้ด้วยสองมือ ในใจไม่วายทอดถอนใจ

ด้วยฐานะของหลินสวินตอนนี้สามารถทัดเทียมกับเขาได้แล้ว ถึงขั้นว่าหากพูดถึงบารมีในสำนัก ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาเทียบได้นานแล้ว

แต่หลินสวินกลับรำลึกบุญคุณเก่าก่อน มอบสมบัติล้ำค่าหายากนี้ให้ตน นี่ทำให้เซียวเหวินหยวนซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง

หลังจากบอกลาเซียวเหวินหยวน หลินสวินไปเยี่ยมผู้นำยอดเขาที่ห้าอวี๋เซี่ยงถิง ผู้นำยอดเขาที่หกเหวินตงเหมียน ผู้นำยอดเขาที่เจ็ดเถียนอู๋ชั่ว ผู้นำยอดเขาที่แปดชางฉงเสวี่ยต่อ

ทั้งมอบต้นกำเนิดระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าให้พวกเขาตามลำดับ

ผู้นำยอดเขาสี่คนถึงขั้นมีความรู้สึกว่าดีใจและแปลกใจ เพราะตอนแรกที่หลินสวินเข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิด พวกเขาวางตัวเป็นกลางมาตลอด

ช่วงหลายปีก่อนเพิ่งเปลี่ยนภาพจำที่มีต่อหลินสวิน เริ่มมีความคิดสนับสนุนเขา

ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เคยคิดว่าวันนี้เวลานี้ หลินสวินจะมอบสมบัติล้ำค่าเช่นนี้ให้พวกเขา!

เหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว

ทั้งทำให้พวกเขาชื่นชมและทอดถอนใจไม่หยุด

อย่างน้อยทุกอย่างนี้ล้วนพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่ได้มองหลินสวินผิด เจ้าหนุ่มที่มาจากคีรีดวงกมลคนนี้มีคุณสมบัติทำให้คนเลื่อมใสมากมาย

ภายหน้าถ้าเขามาดูแลหอแรกพิสุทธิ์ ย่อมทำให้ผู้คนนับถือเชื่อมั่นได้เช่นกัน!

หลินสวินไปพบเถาเหลิ่งต่อ

“ผู้ดูแลเถาเหลิ่ง คารวะผู้อาวุโสหลิน”

เมื่อเจอหน้าหลินสวิน เถาเหลิ่งก็ประสานมือคารวะ สีหน้าเคร่งครัด

หลินสวินกล่าวไม่สบอารมณ์ “พอแล้ว ระหว่างท่านกับข้ายังต้องมากพิธีเช่นนี้ด้วยหรือ”

เถาเหลิ่งพลันแสยะยิ้ม “ตามกฎเกณฑ์สำนัก ตำแหน่งของผู้อาวุโสหลินสูงกว่าข้า ทั้งสูงกว่าผู้นำเก้ายอดเขา ข้าจะไม่เคารพได้อย่างไร”

หลินสวินกล่าวขบขัน “คิดไม่ถึงว่าพี่เถาจะเป็นคนเคร่งขรึมจริงจังเช่นนี้ ช่างล้อเล่นเก่งจริงๆ”

ขณะกล่าวเขามอบกล่องสำริดที่เตรียมไว้แล้วให้เถาเหลิ่ง “พี่เถา สมบัติชิ้นนี้ท่านโปรดรับไว้ หากกล้าปฏิเสธถือว่าไม่ไว้หน้าข้าหลินสวิน”

หลายปีมานี้ความสัมพันธ์ของเขากับเถาเหลิ่งแน่นแฟ้นที่สุด เถาเหลิ่งช่วยเขาไว้มาก ทั้งสนับสนุนเขาในเรื่องสำคัญมากมาย

เถาเหลิ่งยิ้มพลางรับกล่องสำริดมา “ให้ข้าลองดูก่อนว่าเป็นสมบัติอะไร บอกเจ้าเลยว่าของทั่วไปไม่อาจซื้อข้าได้… เอ่อ นี่มัน…”

เมื่อเปิดกล่องสำริดและเห็นสมบัติในนั้นชัดเจน เถาเหลิ่งอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ตกตะลึงอ้าปากค้าง

“เป็นอย่างไร ซื้อท่านได้หรือไม่” หลินสวินหยอกล้อ

เถาเหลิ่งพึมพำ “ชีวิตข้าคู่ควรกับระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าสายหนึ่งหรือ”

เขาตกตะลึงเกินไปจริงๆ

สมบัติเช่นนี้สามารถตั้งตระกูลเป็นเผ่าจักรพรรดิอมตะชั้นสูงแห่งหนึ่งได้ หลังผ่านการตกตะกอนเป็นเวลานาน ถึงขั้นไปงัดข้อกับสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดได้ มูลค่ามหาศาล สามารถทำให้เหล่ายักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดนั้นคลุ้มคลั่ง

แต่ตอนนี้หลินสวินกลับจะมอบสมบัตินี้ให้ตน!

เถาเหลิ่งรู้สึกว่าตนต้องสงบสติให้หายตกใจสักหน่อย

เห็นเขาสติหลุดเช่นนี้ หลินสวินเริงร่าทันที ตบบ่าเขาพลางกล่าวหยอกล้อ “จำไว้ ข้าซื้อท่านได้แล้ว”

พูดจบก็ขอตัวจากไป

ครู่ใหญ่เถาเหลิ่งจึงสงบสติลงแล้วกล่าวพึมพำ “อย่าว่าแต่ซื้อตัวข้าเลย ต่อให้ข้าขายชีวิตให้เจ้า เกรงว่าคงเทียบมูลค่าของระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าสายหนึ่งไม่ได้…”

เมื่อกลับมาถ้ำสถิตของตน ต้นกำเนิดระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าบนตัวหลินสวินเหลือแค่สองสาย หลังจากคิดดูครู่หนึ่งก็ยกให้อู๋ซวงทั้งหมด

อู๋ซวงดีใจมาก ดวงตาโตเปี่ยมความยินดีและตื่นเต้น ตบหน้าอกกล่าว “นายท่าน คราวนี้ซวงเอ๋อร์ต้องฟื้นคืนพลังแปดส่วนยามรุ่งโรจน์ได้แน่!”

“แปดส่วนหรือ” หลินสวินอึ้งงัน艾琳小說

หลายปีนี้อู๋ซวงหลอมพลังระเบียบระดับปฐพีและระดับสวรรค์ไปนับไม่ถ้วน ในแดนมารสิบทิศยิ่งหลอมระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าไปสายหนึ่ง

ตอนนี้เมื่อได้รับต้นกำเนิดระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าอีกสองสาย สุดท้ายจึงฟื้นฟูพลังได้เพียงแปดส่วนเองหรือ

เช่นนั้นตอนนางอยู่สภาพสมบูรณ์จะเป็นพลังระเบียบระดับใด

อู๋ซวงกล่าวระมัดระวัง “นายท่าน หากให้ซวงเอ๋อร์หลอมน้ำเต้าม่วงเขียวคู่นั้นด้วย ต้องฟื้นคืนสภาพยอดเยี่ยมได้แน่”

“ฝันไปเถอะ”

หลินสวินปฏิเสธอย่างไม่สบอารมณ์

อู๋ซวงหัวเราะคิกคัก นางคิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ ได้รับต้นกำเนิดระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้ามาสองสายนางก็พอใจมากแล้ว

หลังจากนั้นหลินสวินเริ่มใคร่ครวญ ว่าควรลงมือจากตรงไหน ถึงจะจัดการเหล่าศัตรูในลัทธิแรกกำเนิดให้สิ้นซากในคราเดียว!

หากทำตามกฎต้องช้ามากแน่ ทั้งยังเปลืองเวลาด้วย ไม่ง่ายเท่าใช้กระบองฟาดศัตรูให้ตาย

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยฐานะของเขาตอนนี้ แม้เรียกได้ว่าโดดเด่น แต่ถึงอย่างไรก็ยังด้อยกว่ารองหัวหน้าหอเก้าคนนั่น

หากยังทำตามกฎในสถานการณ์เช่นนี้ คิดจะกำจัดพวกรองหัวหน้าหออย่างฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิวนั้นแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แต่หากละเมิดกฎก็จะชักนำให้เกิดการต่อต้านและขัดแย้งทั่วลัทธิแรกกำเนิด

ถึงอย่างไรในใจทุกคนในลัทธิแรกกำเนิด กฎเกณฑ์ย่อมยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง

เหมือนหลายปีก่อนหน้านี้ แม้พวกฝูเหวินหลีแทบอยากจะฆ่าเขา แต่ถูกจำกัดด้วยกฎของลัทธิแรกกำเนิด ถึงไม่กล้าเคลื่อนไหวตามอำเภอใจโดยสิ้นเชิง

สำหรับหลินสวินก็เป็นแบบเดียวกัน

ดังนั้นจึงต้องหาวิธีอื่น!

ในถ้ำสถิตแห่งหนึ่ง

หยวนฉางเทียนสีหน้าอึมครึม เหม่อลอยไม่เอ่ยวาจา

หลินสวินรอดชีวิตกลับมา สำหรับเขาถือเป็นข่าวร้ายโดยไม่ต้องสงสัย

ที่แย่ยิ่งกว่าคือตอนนี้ทั่วลัทธิแรกกำเนิดเริ่มขัดแย้งและต่อต้านการมีอยู่ของเขาแล้ว

ปัจจุบันไม่ว่าเขาเดินไปทางไหน สิ่งที่พบเจอตลอดทางมักเต็มไปด้วยสายตารังเกียจ เหยียดหยาม มองเป็นศัตรู เรื่องที่ได้ยินก็เต็มไปด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์และสบประมาทที่มีต่อเขา

ความรู้สึกนี้ก็เหมือนหนูข้ามถนน ขาดแค่ผู้คนร้องด่ารุมตีแล้ว!

“นายน้อย”

ไม่นานเงาร่างของหยวนซีหลิวก้าวเข้ามาในถ้ำสถิต

“สืบข่าวว่าหลินสวินรอดชีวิตกลับมาอย่างไรได้ไหม” หยวนฉางเทียนถาม

หยวนซีหลิวสีหน้าอึมครึมลง กล่าวว่า “จากข่าวที่ทางตระกูลส่งกลับมา รูปจำลองเจตจำนงของผู้อาวุโสซวีคุนถูกบุคคลระดับเดียวกันสังหาร ผู้ลงมือไม่ใช่ผู้อาวุโสของลัทธิแรกกำเนิด แต่เป็นคงเจวี๋ยสหายสนิทของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล อาจารย์อาของผู้สืบทอดคีรีดวงกมล”

ตอนนั้นแม้ว่าคงเจวี๋ยจะสังหารรูปจำลองเจตจำนงของหยวนซวีคุน แต่กลับปล่อยกระบี่วิญญาณยอดสยบหนีไปได้ เผ่าเทพตระกูลหยวนจึงรู้ความจริงบางส่วนที่เกิดขึ้นในการต่อสู้จากกระบี่นี้

“คงเจวี๋ย?”

หยวนฉางเทียนอึ้งไป “เขาก็เป็นระดับนิรันดร์หรือ”

“ไม่ผิด”

หยวนซีหลิวบอกข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับคงเจวี๋ยทันที “ก่อนแจ้งมรรคนิรันดร์ ระดับความเชี่ยวชาญบนมรรคาอมตะของคงเจวี๋ยแทบไร้คู่ต่อกร ทำให้เหล่าขุมอำนาจยักษ์ใหญ่แห่งน่านฟ้าที่แปดหวั่นเกรงอยู่สามส่วน แต่เนื่องจากสภาวะจิตของคงเจวี๋ยเกิดปัญหา กระทั่งเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอยโง่งม ไม่รู้เรื่องรู้ราว แม้แต่พลังปราณทั้งตัวยังสลายหายไป ดังนั้นช่วงหลายปีนี้จึงเงียบหายไปกลางหมู่ชน ไม่มีใครเหลียวแล”

“แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าตอนนี้เขากลับแจ้งมรรคนิรันดร์แล้ว!”

เมื่อฟังจบหยวนฉางเทียนหมดคำพูดไปพักหนึ่ง นี่ก็คือตัวแปร! หากไม่ใช่ว่าเพราะตัวแปรคนนี้ หลินสวินมีหรือจะรอดชีวิตกลับมาลัทธิแรกกำเนิด

“ปัจจุบันคงเจวี๋ยผู้นี้อยู่ที่ไหน” เขาเอ่ยถาม

“ไม่แน่ใจ”

หยวนซีหลิวส่ายหัว เมื่อก้าวสู่นิรันดร์ก็เท่ากับยืนอยู่เหนือปวงสวรรค์ ร่องรอยของบุคคลเช่นนี้จะเป็นสิ่งที่ใครๆ สามารถตรวจสอบได้โดยง่ายได้อย่างไร

“ทำอย่างไรดี…”

หยวนฉางเทียนหน้านิ่วคิ้วขมวด “สถานการณ์ตอนนี้ข้าเสียเปรียบมาก ทุกคนทั้งลัทธิแรกกำเนิดแทบอยากสังหารข้าแล้ว ภายหน้าจะให้ข้าไปคว้าตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ได้อย่างไร”

หยวนซีหลิวกล่าวเสียงเบา “นายน้อย ทางตระกูลส่งข่าวมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ให้ท่านยืนหยัดอยู่ที่นี่ต่อช่วงหนึ่ง”

หยวนฉางเทียนขมวดคิ้ว “นี่เป็นเพราะเหตุใด”

หยวนซีหลิวกล่าว “ทางตระกูลบอกว่าระเบียบระดับเทพนั้นไม่อาจสูญเสียไปได้ ไม่ว่าอย่างไรต้องให้นายน้อยชิงระเบียบระดับเทพมาไว้ในมือ ขอเพียงทำสำเร็จก็เป็นผลงานครั้งใหญ่ พร้อมตั้งนายน้อยเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลทันที!”

เมื่อได้ยินคำสัญญานี้หยวนฉางเทียนกลับไม่เผยสีหน้ายินดีสักนิด แค่นหัวเราะกล่าว “พลังระเบียบระดับเทพสายหนึ่ง มูลค่ามหาศาลระดับใด มีหรือจะเป็นสิ่งที่ตำแหน่งว่าที่ผู้นำตระกูลเทียบได้ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้หลินสวินยังหลบอยู่ในลัทธิแรกกำเนิด มีสัตว์ประหลาดเฒ่าของลัทธิแรกกำเนิดพวกนั้นคอยปกป้อง ใครจะกล้าลงมือกับเขา”

หยวนซีหลิวกล่าว “นายน้อย นี่คือคำสั่งของตระกูล ไม่อาจขัดขืน”

หยวนฉางเทียนหรี่ตา จมสู่ความเงียบงัน

“นายน้อยวางใจ ทางตระกูลจะทุ่มพลังทั้งหมดมาช่วยท่าน ขอแค่ถ่ายทอดคำสั่งให้พวกฝูเหวินหลี พวกเขาย่อมช่วยนายน้อยกระทำการแน่”

แววตาหยวนฉางเทียนไหววูบ กล่าวว่า “ได้ เรื่องนี้ข้ารับปาก แต่ท่านไปบอกทางตระกูลว่าหลังจากเสร็จเรื่อง ข้าจะกลับตระกูลเพื่อครองอำนาจผู้นำตระกูลคนต่อไปทันที!”

หยวนซีหลิวยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “ขอรับ”

…………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน