Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2900 อันตรายของตระกูลตู๋กู

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2900 อันตรายของตระกูลตู๋กู

ตอนที่ 2900 อันตรายของตระกูลตู๋กู

หลินสวินย่อมไม่ถือสาเรื่องพวกนี้

ถูกผู้อื่นทำให้เสียอารมณ์ไปแล้ว ตู๋กูโยวหรันจึงไม่มีความสนใจจะเดินเล่นอีก พูดอย่างห่อเหี่ยว “เทียนฉิน เจ้าพาพวกเราไปอาณาเขตตระกูล พวกเราจะกลับถ้ำสวรรค์หยกงามไปด้วยกัน”

ตู๋กูเทียนฉินนำทางอยู่ข้างหน้าพร้อมรอยยิ้ม.

อาณาเขตของตระกูลตู๋กูในเมืองพันบ่มตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หาง่ายมาก ที่นี่คนน้อย เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ยิ่งใหญ่ทุกแห่งหน

ในนั้นมีสิ่งก่อสร้างพันจั้งที่สะดุดตาอย่างที่สุดแห่งหนึ่ง เป็นอาณาเขตของตระกูลตู๋กูซึ่งกระจายอยู่ในเมือง

“หืม? ผู้คุ้มกันเฝ้าประตูหายไปไหน”

ตอนที่ตู๋กูเทียนฉินนำทางหลินสวินและตู๋กูโยวหรันมาถึงก็อดชะงักไม่ได้ ผู้คุ้มกันที่เดิมควรเฝ้าอยู่นอกประตูกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“สถานการณ์ผิดปกติหรือ”

ตู๋กูโยวหรันถาม

“เข้าไปดูหน่อย”

หลินสวินว่าพลางก็เดินเข้าประตูไปแล้ว

“พี่โยวหรัน เจ้าหมอนี่เป็นใครน่ะ เย่อหยิ่งขนาดนี้” ตู๋กูเทียนฉินขมวดคิ้วถาม

“รองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิด”

ตู๋กูโยวหรันว่าพลางเดินตามไป

“รองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิดหรือ”

ตู๋กูเทียนฉินอึ้งไป จากนั้นขำพรืดออกมา สถานที่อย่างลัทธิแรกกำเนิด รองหัวหน้าหอล้วนเป็นบุคคลชั้นเลิศปานนายเหนือหัว จะอายุน้อยขนาดนี้ได้อย่างไร

‘คนระดับนี้จะว่างเดินมาตลาดกับญาติผู้พี่อย่างท่านได้อย่างไร’

ตู๋กูเทียนฉินคิดพลางเดินเข้าไปภายในเช่นกัน艾琳小說

พื้นที่ภายในกว้างใหญ่โอ่อ่ามาก เทียบเท่าลานขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ตรงกลางมีค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณแห่งหนึ่งตั้งอยู่

ยามหลินสวินปรากฏตัว ก็เห็นบริเวณค่ายกลเคลื่อนย้ายมีเงาร่างยี่สิบกว่าสายยืนอยู่ มีทั้งชายและหญิง เด็กและแก่

คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนตระกูลตู๋กู

เพียงแต่ยามเห็นตู๋กูโยวหรันและตู๋กูเทียนฉิน สีหน้าคนตระกูลตู๋กูเหล่านี้เปลี่ยนไปทันที

มีคนตะโกนด้วยสีหน้าร้อนรนทันที “โยวหรัน เทียนฉินหนีไปเร็ว!”

เสียงเพิ่งดังขึ้น จู่ๆ ประตูทางเข้าด้านหน้าก็ปิดสนิท

จากนั้นเงาร่างกลุ่มหนึ่งพุ่งออกจากเรือนข้างสองฝั่ง

แต่ละคนอานุภาพทรงพลัง ทันทีที่พุ่งเข้ามา ไอสังหารที่ปลดปล่อยออกมาทั่วร่างก็ม้วนแผ่เข้าปกคลุมไปทางพวกหลินสวิน

ผู้นำของคนกลุ่มนี้คือชายวัยกลางคนชุดม่วงคนหนึ่ง พลังปราณแข็งแกร่งที่สุด เป็นขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์

เมื่อเห็นตู๋กูโยวหรัน ชายกลางคนชุดม่วงอึ้งไปก่อน จากนั้นใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม “เหอะๆ ที่แท้เป็นคุณหนูโยวหรัน เจ้าไม่ใช่กำลังฝึกปราณในลัทธิแรกกำเนิดหรือ เหตุใดจู่ๆ จึงกลับมาเล่า”

“เจ้าเป็นใคร”

ตู๋กูโยวหรันขมวดคิ้ว

ตู๋กูเทียนฉินเอ่ยด้วยสีหน้าไม่น่าดู “พวกเขาเป็นคนตระกูลอวิ๋น ผู้นำคืออวิ๋นเซี่ยวหง อาของอวิ๋นมู่เจอ!”

“คนตระกูลอวิ๋น…”

ตู๋กูโยวหรันคล้ายตระหนักได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้างามเย็นเยียบ “นี่พวกเจ้าจะทำอะไร”

รอยยิ้มของชายกลางคนชุดม่วงอวิ๋นเซี่ยวหงหายไป พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “พวกเรารับคำสั่งจากตระกูลตงหวง ครั้งนี้จะกำจัดคนตระกูลตู๋กูทั้งตระกูล!”

“อย่างพวกเจ้าเนี่ยนะ”

ตู๋กูโยวหรันเผยสีหน้าดูถูก

อวิ๋นเซี่ยวหงกลับไม่โกรธ พูดอย่างหยอกเย้า “แม่นางโยวหรัน เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ปิดบังเจ้า ครั้งนี้คนที่จะเล่นงานตระกูลตู๋กูของพวกเจ้า นอกจากตระกูลอวิ๋นของข้า ยังมีตระกูลหนาน ตระกูลกู้ ตระกูลลี่! สี่ตระกูลตงหวงล้วนเคลื่อนไหวพร้อมกัน เจ้าคิดว่ายังจะเอาตระกูลตู๋กูของพวกเจ้าไม่อยู่หรือ”

ตู๋กูโยวหรันหัวใจหล่นวูบ

ตระกูลตู๋กูกับตระกูลอวิ๋นความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยาวนาน แต่ตอนนี้ตระกูลอวิ๋นกลับพลิกหน้ากลายเป็นศัตรู เล่นงานตระกูลตู๋กูของพวกเขาพร้อมกับอีกเผ่าจักรพรรดิอมตะอีกสามตระกูล!

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ตู๋กูโยวหรันตั้งตัวไม่ติด เหนือคาดเกินไปจริงๆ

เมื่อมองดูบริเวณใกล้ๆ ค่ายกลเคลื่อนย้าย คนตระกูลตู๋กูยี่สิบกว่าคนต่างเผยสีหน้าเดือดดาล เห็นชัดว่าพวกเขาถูกควบคุมตัวไว้นานแล้ว ไม่อาจถอยหนี

สามารถพูดได้ว่าพื้นที่ของตระกูลตู๋กูในเมืองนี้ตกอยู่ในการควบคุมของศัตรูแล้ว

“การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของพวกเจ้าเป็นคำสั่งของตระกูลตงหวงจริงหรือ”

จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยขึ้น ดวงตาดำลุ่มลึก

เมื่อวานในลัทธิแรกกำเนิดเพิ่งดำเนินการชำระล้าง วันนี้ตระกูลตงหวงก็ออกคำสั่งให้สี่ตระกูลตงหวงลงมือพร้อมกัน เข้าเล่นงานตระกูลตู๋กู นี่จะเร็วเกินไปแล้ว

“เจ้าเป็นใคร”

อวิ๋นเซี่ยวหงขมวดคิ้ว เขามองหลินสวินไม่ออก อีกฝ่ายกลิ่นอายราบเรียบ ดูเหมือนเมฆคล้อยแผ่วจาง แต่กลับมอบความรู้สึกว่ามองไม่ออกให้กับผู้คน

“ข้าถามเจ้าอยู่”

หลินสวินกล่าวพลาง บนร่างพลันปลดปล่อยอานุภาพน่ากลัวสายหนึ่งออกมา

ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งตระกูลอวิ๋นอย่างพวกอวิ๋นเซี่ยวหงพลันตาพร่ามัว ร่างกายประหนึ่งถูกฟ้าดินกดข่ม คุกเข่าลงพื้นอย่างไม่อาจควบคุม

ปึงๆๆ!

เสียงหนักทึบดังขึ้นระลอกหนึ่ง ไม่ว่าพลังปราณจะสูงต่ำล้วนคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าหลินสวิน

ภาพนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งตระกูลตู๋กูตัวแข็งทื่อ อึ้งตาค้าง

แม้ตู๋กูโยวหรันยังอดตกใจไม่ได้ นางไม่ได้เจอหลินสวินมาหลายปีแล้ว แม้รู้ว่าหลินสวินในตอนนี้ก้าวสู่ขั้นหลุดพ้นแล้ว และกลายเป็นรองหัวหน้าหอของลัทธิแรกกำเนิด แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่เคยเห็นหลินสวินลงมือ

ทำให้ยามเห็นหลินสวินใช้เพียงอานุภาพบนร่างก็สามารถกำราบผู้แข็งแกร่งตระกูลอวิ๋นให้คุกเข่าลงพื้นได้ ความตะลึงในใจนาง แค่คิดก็รู้ว่ารุนแรงเพียงใด

ในที่นั้นเงียบกริบ

อวิ๋นเซี่ยวหงเองก็หน้าเปลี่ยนสี โกรธจนถลึงตา “สหาย นี่เจ้าจะเป็นศัตรูกับตระกูลอวิ๋นของข้าหรือ!”

เสียงเผยแววข่มขู่

ปัง!

ครู่ต่อมาร่างเขาระเบิดออก เลือดสดไหลนองเต็มพื้น

พลังจิตของเขาถูกหลินสวินคว้าจับกลางอากาศ ค้นวิญญาณโดยไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลง

ทุกคนในที่นั้นอกสั่นขวัญแขวน ตกใจกับภาพนองเลือดนี้

ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์คนหนึ่ง ในน่านฟ้าที่เจ็ดเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ประหนึ่งยักษ์ใหญ่แล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ที่ก้าวเดินบนมรรคาอมตะ ในสายตาของผู้คนมากมายไม่ต่างอะไรกับเทพบนสวรรค์

แต่ตอนนี้ถูกสังหารราวกับมดเช่นนี้!

นี่น่ากลัวเกินไป!

ยามมองไปยังหลินสวินอีกครั้ง สายตาของทุกคนต่างเปลี่ยนไปแล้ว

บรรยากาศเงียบกริบดำเนินอยู่ไม่นาน หลินสวินก็บีบพลังจิตในมือเป็นฝุ่นผงแล้ว

เขาผ่อนลมหายใจกล่าวว่า “พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสำนัก ที่เล่นงานตระกูลตู๋กูของพวกเจ้าครั้งนี้เป็นคำสั่งของตระกูลตงหวงทั้งหมด เป้าหมายก็เพื่อจับคนตระกูลพวกเจ้าไปข่มขู่รองหัวหน้าหอตู๋กูยง”

ตู๋กูโยวหรันกล่าว “ทั้งที่พวกเขาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในลัทธิแรกกำเนิด การทำเช่นนี้จะไม่ใช่เป็นการยั่วโทสะท่านปู่ของข้าหรือ”

หลินสวินเอ่ย “ในศึกมรรคอมตะ สิบยักษ์ใหญ่อมตะบาดเจ็บล้มตายรุนแรงเกินไป ทั้งน่าจะตระหนักได้ว่าหากลัทธิแรกกำเนิดรู้ว่าพวกเขาเคยส่งคนมาเล่นงานข้ากับรองหัวหน้าหอฟางเต้าผิง จะต้องไม่ยอมปล่อยไปเท่านี้แน่ พวกเขาจึงชิงลงมือก่อน จะได้บังคับรองหัวหน้าหอตู๋กูได้ทันทีที่ลัทธิแรกกำเนิดเปิดศึกกับพวกเขา”

ตู๋กูโยวหรันถึงได้กระจ่างแจ้ง อดพูดอย่างร้อนรนไม่ได้ “นั่นไมใช่หมายความว่า ตอนนี้ตระกูลตู๋กูของข้าไม่ปลอดภัยแล้วหรอกหรือ”

หลินสวินเอ่ยปลอบเสียงเบา “ไม่ต้องลนลาน การเคลื่อนไหวของสี่ตระกูลตงหวงครั้งนี้เป็นความลับยิ่ง พวกเขากระจายกำลัง แฝงตัวไปในอาณาเขตของตระกูลตู๋กู เพิ่งเริ่มเคลื่อนไหววันนี้ เวลาเพียงเท่านี้พวกเขาไม่มีทางกลืนทั้งตระกูลตู๋กูของพวกเจ้าได้”

ว่าพลางเขาพลันสะบัดแขนเสื้อ

ตูม!

บรรดาผู้แข็งแกร่งที่คุกเข่าเต็มพื้นสามสิบกว่าคน ล้วนสลายกลายเป็นฝุ่นผงไปในชั่วพริบตา ภาพการตายอันน่ากลัวนี้ ทำให้มีเสียงสูดหายใจสะท้านดังขึ้นระลอกหนึ่ง

“เวลาไม่คอยท่า พวกเราจะไปตระกูลของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้”

หลินสวินมุ่งหน้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ

ตู๋กูโยวหรันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนานแล้ว ได้ยินเช่นนี้พลันตามหลินสวินไปตามจิตใต้สำนึก

“ทุกท่าน รีบเปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ พวกเราไปด้วยกัน”

หลินสวินเดินเข้าไปสลายพลังผนึกบนร่างคนตระกูลตู๋กูยี่สิบกว่าคนนั้น

“เข้าใจแล้ว!”

ไม่มีใครปฏิเสธ เหมือนตะลึงกับความน่าเกรงขามของหลินสวิน แต่ละคนดูให้ความร่วมมืออย่างยิ่ง

ก็เป็นตอนนี้เองที่ตู๋กูโยวหรันพลันตระหนักได้ว่า หลายปีมานี้บางทีท่าทีที่หลินสวินมีต่อตนอาจจะไม่เปลี่ยนไป แต่มรรควิถีของเขาอยู่เหนือระดับอมตะส่วนใหญ่บนโลกแล้ว อานุภาพของเขาก็แข็งแกร่งถึงขั้นสามารถทำให้ทุกคนบนโลกทำได้เพียงแหงนหน้าชื่นชม!

สำหรับทุกคนในที่นั้น พวกอวิ๋นเซี่ยวหงเป็นพวกที่ทำให้ผู้คนสิ้นหวังแล้ว

แต่ในสายตาของหลินสวิน กลับไม่ต่างอะไรกับมด…

อันที่จริงสิ่งที่ตู๋กูโยวหรันคิดก็ไม่ผิด

หลายปีมานี้หลินสวินผ่านการเข่นฆ่านองเลือดมานับไม่ถ้วน สำหรับเรื่องเล็กที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่อยู่ในสายตาของเขานานแล้ว

วู้ม…

พร้อมๆ กับคลื่นสะเทือนระลอกหนึ่งกลางห้วงอากาศ ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณส่งเสียงอึงอล เงาร่างของพวกหลินสวินก็อันตรธานหายไป

……

แดนถ้ำสวรรค์หยกงาม

นี่คือหนึ่งในสิบสองถ้ำสวรรค์ที่ชื่อเสียงเลื่องลือ แดนลับชั้นปลายยอดแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด และเป็นอาณาเขตที่ตระกูลตู๋กูยึดครอง

เพียงแต่แดนถ้ำสวรรค์หยกงามที่ทิวทัศน์งดงาม ภูผาธาราราวภาพวาดมาโดยตลอด ในวันนี้กลับเต็มไปด้วยภาพซากปรักหักพังน่าสยดสยอง

สันเขาสูงตระหง่านถล่มทลาย พื้นดินแตกแยก ไร่นาโอสถมากมายถูกทำลายไหม้เกรียม พื้นที่มากมายยังหลงเหลือคราบเลือดแดงสด

ในห้วงอากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นไหม้แสบจมูก

เห็นได้ชัดว่าที่แห่งนี้เพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่น่าอนาถอย่างที่สุด

ใจกลางพื้นที่แห่งนี้

ที่นี่มียอดเขางดงามสามลูกตั้งเรียงกันสามมุม ตอนนี้ถูกพลังผนึกนับไม่ถ้วนปกคลุม ละอองแสงไหลเคลื่อน หมอกเทพพลุ่งพล่าน

ยิ่งมีพลังระเบียบวนเวียนทั้งบนล่างของสามยอดเขา

ที่นี่คือสถานที่สำคัญแกนหลักของตระกูลตู๋กู!

ตอนนี้บริเวณที่ห่างจากยอดเขาทั้งสามไม่ไกลนักมีเงาร่างยืนอยู่แน่นขนัด

ผู้นำคืออวิ๋นฉางคงผู้นำตระกูลอวิ๋น หนานเจิ้นหยวนผู้นำตระกูลหนาน ลี่ชิงเจิ้งผู้นำตระกูลลี่ กู้ซานสิงผู้นำตระกูลกู้

ทุกคนล้วนมีมรรควิถีขั้นดับเทพ!

ในน่านฟ้าที่เจ็ดเรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวอย่างแท้จริง คนระดับผู้นำที่เผ่าจักรพรรดิอมตะทั่วหล้าล้วนต้องเคารพสามส่วน

ด้านหลังพวกเขามีผู้แข็งแกร่งในตระกูลตนติดตาม มีทั้งระดับอมตะและระดับจักรพรรดิ สี่ตระกูลรวมกันแล้วมีมากกว่าพันคน!

กระบวนรบที่น่ากลัวนี้ สามารถกวาดล้างเผ่าจักรพรรดิอมตะทุกตระกูลในน่านฟ้าที่เจ็ดได้!

การต่อสู้ก่อนหน้านี้จบลงแล้ว พวกเขาสี่ตระกูลร่วมมือกันกวาดล้างในถ้ำสวรรค์หยกงาม บีบให้คนตระกูลตู๋กูทั้งหมดมาอยู่ในยอดเขาทั้งสามนี้

นี่คือพื้นที่สำคัญแกนหลักของตระกูลตู๋กู ปกคลุมด้วยพลังผนึกและพลังระเบียบนับไม่ถ้วน จึงต้านทานการจู่โจมของเผ่าจักรพรรดิอมตะสี่ตระกูลได้

แต่ทุกคนล้วนรู้ดีว่านี่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น!

“พี่ตู๋กู ยิ่งยื้อเวลานานเท่าไร ตระกูลตู๋กูของพวกเจ้าก็จะยิ่งไม่ปลอดภัย เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาระหว่างพวกเราสองตระกูล ข้าอวิ๋นฉางคงรับรองได้ว่า ขอเพียงเจ้านำคนในตระกูลยอมแพ้ จะไม่ฆ่าใครอีกแม้แต่คนเดียว!”

ตอนนี้อวิ๋นฉางคงผู้นำตระกูลอวิ๋นเอ่ยเสียงกังวาน ดังไปทั่วฟ้าดิน

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน