The king of War – บทที่ 2239 แดนอะไรกัน

The king of War - บทที่ 2239 แดนอะไรกัน

The king of War บทที่ 2239 แดนอะไรกัน

จ้องมองภาพด้านหลังของหยางเฉินกับนักบูโดแห่งสำนักเทียนไห่เดินจากไป กองยุทธการจงโจวกับพวกผู้แข็งแกร่งของทีมนักบูโด ใบหน้าล้วนเต็มไปด้วยความไม่ยอมแพ้

“ฉันจะพยายามบำเพ็ญเพียร ต้องมีสักวัน ติดตามรอยเท้าของนายได้ทัน!”

เซี่ยเหอกำหมัดเล็กแน่น กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น จากนั้นก็หันหลังกลับเดินจากไป

เมิ่งชิงหลันจ้องมองทิศทางที่เซี่ยเหอเดินจากไป ทำท่าราวกับครุ่นคิดอะไรอยู่ จากนั้นโบกมือใหญ่: “พวกเราก็กลับกันเถอะ!”

ตอนนี้เธอคิดแค่เพียงอยากจะรีบกลับไป พยายามบำเพ็ญเพียรรูปแบบของโลกใหม่นับวันจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น ม่านพลังของโลกบู๊โบราณกลางอีกไม่นานก็จะต้องแตกสลายลงแล้ว ระดับความเข้มข้นของชี่ทิพย์ของโลกใหม่นับวันจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ พละกำลังของนักบูโดที่เข้าสู่โลกมนุษย์นับวันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกัน

ในไม่ช้า คนของทีมนักบูโดก็จากไปแล้ว ทุกคนต่างก็รู้สึกถึงความกังวลและความกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน

ตอนนี้ พวกเขาเป็นนักบูโดที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกใหม่กลุ่มหนึ่ง แต่ว่าอีกไม่นานนัก นักบูโดที่เดินทางมาจากโลกบู๊โบราณกลางทั่วไปสักคนหนึ่ง ก็สามารถยับยั้งทีมนักบูโดทั้งหมดนี้ไว้ได้

เย่จางกั๋วเองก็ออกคำสั่ง พานักบูโดของกองยุทธการจงโจวจากไปแล้ว

จิ่วโจว เมืองเยี่ยนตู ศูนย์กลุ่มผู้อาวุโส

เมื่อครู่นี้เอง ผู้อาวุโสทั้งสามได้รับทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นของจงโจวแล้ว แต่ละคนสีหน้าเต็มไปด้วยความหนักใจ

“เจ้าหนุ่มนี่ ทำไมถึงได้ไปที่โลกบู๊โบราณกลางซะแล้วละ? หรือว่าเขาไม่ชัดเจน ว่าหน้าที่ที่ตนเองแบกรับเอาไว้บนบ่ายิ่งใหญ่แค่ไหน? ถ้าหากเกิดเรื่องไม่ว่าดีหรือร้ายขึ้น จะให้โลกมนุษย์ทำอย่างไร?”

ผู้อาวุโสสามกล่าวด้วยความโมโหเล็กน้อย

ผู้อาวุโสรองกล่าว: “หยางเฉินพูดแล้วไม่ใช่หรือ? ว่าที่เขาไปโลกบู๊โบราณกลาง ก็เพื่อโลกมนุษย์ อีกทั้งเป็นการไปพูดคุยเรื่องความร่วมมือกับสำนักเทียนไห่”

ผู้อาวุโสสามกล่าวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล: “สำนักเทียนไห่เป็นหนึ่งในกองกำลังระดับสุดยอดของโลกบู๊โบราณกลาง ผู้แข็งแกร่งทั่วไปสักคน ก็คือแดนนภาขั้นสี่ หรือแม้กระทั่งยังมีแดนนภาขั้นหกชั้นยอด แค่ความคิดหนึ่งของอีกฝ่าย ก็สามารถสังหารเขาได้แล้ว เขาก็คือเนื้อแพะเข้าปากเสือ!”

ผู้อาวุโสรองเองสีหน้าก็เผยให้เห็นความกังวล มองไปทางผู้อาวุโสใหญ่: “ผู้อาวุโสใหญ่ ทันทีที่หยางเฉินเกิดเรื่องไม่ว่าดีหรือร้าย เป็นไปได้ค่อนข้างมากที่พวกเราจะเป็นฝ่ายถูกกระทำ นักบูโดที่มาจากโลกบู๊โบราณกลางทั่วไปสักคน ก็สามารถยับยั้งทั่วทั้งโลกมนุษย์”

“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เขาคือเจ้าของกระบี่โอรสสวรรค์ และสิ่งที่สำคัญที่สุดของแผนการทำลายล้าง ก็คือกระบี่โอรสสวรรค์ ทันทีที่กระบี่โอรสสวรรค์ตกเข้าสู่สำนักชั้นยอดของโลกบู๊โบราณกลาง สำหรับโลกมนุษย์ ก็คือหายนะขั้นสูงสุด

ผู้อาวุโสสามลุกพรวดขึ้นมาทันที กล่าวด้วยความตื่นตระหนก: “ถ้าหากไม่ใช่ผู้อาวุโสรองเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ผมก็เกือบจะลืมเรื่องแผนการทำลายล้างไปแล้ว เจ้าหนุ่มนี่ยังไม่ได้เริ่มแผนการทำลายล้างก็ไปซะแล้ว แล้วนี่ควรจะทำอย่างไรละ?”

ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้ว กล่าวตำหนิ: “ลนลานอะไรกัน? หยางเฉินไม่ใช่เพิ่งจะจากไปหรือไง? เรื่องอะไรก็ยังไม่ได้เกิดขึ้น พวกคุณก็ร้อนใจเสียแล้ว?”

“อีกอย่าง ตี้ชุนทางด้านนั้นถึงแม้จะเรียกร้องให้หยางเฉินมาสือบทอดกระบี่โอรสสวรรค์ แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลของตี้ชุน ตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องทำ ก็คือพยายามยกระดับกองยุทธการและพละกำลังของสมาชิกของทีมนักบูโด พยายามดึงดูดนักบูโดชั้นยอดของโลกบู๊โบราณล่าง”

“ถึงแม้ว่าหยางเฉินจะจากไปแล้ว แต่อย่างน้อยก็โจมตีตู้อวี้ซานจนพ่ายแพ้ นี่ก็ถือว่าเป็นการเตือนพวกนักบูโดชั้นยอดของโลกบู๊โบราณล่างพวกนั้นอย่างหนึ่งแล้ว พวกเขาไม่มีทางทำอะไรโดยพลการ ในทางกลับกันก็เพื่อให้ได้ยาที่หยางเฉินกลั่น และเป็นฝ่ายแสวงหาเข้าร่วมทีมนักบูโดเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่ ผู้อาวุโสรองกับผู้อาวุโสสามถึงได้ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย

ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวเสียงขรึม: “ตอนนี้ พวกเราก็ต้องพยายามยกระดับพละกำลัง จะนำความกดดันทั้งหมดทิ้งให้แก่หยางเฉินไม่ได้ มีเพียงแค่พวกเราแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ถึงจะสามารถป้องปกคนธรรมดาได้มากขึ้นกว่าเดิม”

เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสทั้งสองใบหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจ พวกเขากุมอำนาจสูงสุดของจิ่วโจวเอาไว้ในมือ แต่ตอนนี้กลับทำได้แค่เพียงพึ่งพาหยางเฉิน พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้

ในเวลาเดียวกัน หยางเฉินได้ติดตามพวกนักบูโดของสำนักเทียนไห่เข้าไปสู่โลกบู๊โบราณกลางแล้ว

หลิวชิ่งยิ้มกล่าว: “คุณหยาง ที่นี่ก็คือโลกบู๊โบราณกลางแล้ว คุณคงจะสามารถสัมผัสได้ ระดับความเข้มข้นของชี่ทิพย์ของโลกกลาง ห่างไกลจากโลกมนุษย์มากใช่ไหมล่ะ?”

เขาอยากจะเห็นสีหน้าตื่นตะลึงจากบนใบหน้าของหยางเฉิน แต่เห็นได้ชัดว่า เขาต้องผิดหวังแล้ว

หยางเฉินพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเรียบเฉย: “เดิมทีก็เป็นความยิ่งใหญ่ของยุคโบราณกาล เพื่อผลประโยชน์ของแต่ละคน แบ่งแยกดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของการบำเพ็ญเพียรออกมา ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะพวกเขา จิ่วโจวในตอนนี้ คงจะมีบูโดอัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นมากกว่านี้”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวชิ่งมีความแปลกใจเล็กน้อย หยางเฉินช่างกล้าหาญล้นฟ้าจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะกล้าพูดคำพูดแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเหตุผลข้อนี้ แต่ต่อให้เป็นท่านเจ้าสำนักของสำนักเทียนไห่ ก็ไม่กล้าพูดคำพูดแบบนี้

แต่พวกเขาเองต่างก็ชัดเจน ที่หยางเฉินพูดก็คือเรื่องจริง

ถ้าหากไม่มีการแบ่งแยกโลกบู๊โบราณกับโลกมนุษย์ ระดับความเข้มข้นของชี่ทิพย์ทั่วทั้งจิ่วโจวก็จะเหมือนกัน และจำนวนคนของโลกบู๊โบราณก็จะน้อยกว่าที่โลกมนุษย์มาก ถ้าหากทุกคนได้รับแหล่งทรัพยากรในการบำเพ็ญเพียรที่เหมือนกัน ด้วยสรีระร่างกายอันมหึมาของโลกมนุษย์ จำนวนบูโดอัจฉริยะที่ปรากฏตัวขึ้น จะห่างไกลจากตอนนี้จริงๆ

ที่โลกมนุษย์ ยังมีเครื่องมือการคมนาคมของยุคสมัยใหม่อีกด้วย แต่ว่าที่โลกบู๊โบราณ กลับยังคงใช้วิธีการคมนาคมต่อเนื่องมาจากสมัยโบราณ โดยจะใช้ม้าเป็นหลัก

โลกบู๊โบราณให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญเพียร สำหรับเทคโนโลยียุคสมัยใหม่ของโลกมนุษย์ แทบจะกล่าวได้ว่าไม่มี

หลิวชิ่งยิ้มกล่าว: “ที่โลกบู๊โบราณ ไม่ได้มีเทคโนโลยีขั้นสูงเหมือนกับโลกมนุษย์เยอะแยะมากมายขนาดนั้น พวกผู้มีอิทธิพลของแต่ละกองกำลังทั้งหมดต่างเห็นพ้องต้องกัน มีเพียงแค่ตนเองแข็งแกร่งยิ่งใหญ่เท่านั้น ถึงจะเป็นความมั่นใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และเทคโนโลยีขั้นสูงถึงแม้จะให้ความสะดวกแก่มวลมนุษย์ แต่กลับทำได้แค่เพียงตอบสนองต่อความปรารถนาบางอย่างของมวลมนุษย์เท่านั้น”

“แต่หนทางของวิถีบู๊ เมื่อการบำเพ็ญเพียรถึงจุดสุดยอด เป็นไปได้ว่าจะอายุยืน ต่อให้การบำเพ็ญเพียรไม่สามารถไปถึงจุดสุดยอดได้ ผู้แข็งแกร่งแดนนภาทั่วไป ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ร้อยปีสบายๆ และที่โลกมนุษย์ สามารถมีชีวิตอยู่ได้เกินหนึ่งร้อยปี แต่ว่าแทบจะไม่มี”

“เทคโยโลยีขั้นสูงของโลกมนุษย์ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอาวุธปืนที่ใช้สำหรับการทำสงคราม ซึ่งสามารถทำลายล้างโลกได้ แต่ว่าอาวุธเหล่านี้ใช้สำหรับมุ่งเป้าไปที่นักบูโดภายใต้แดนนภาขั้นเก้าเท่านั้น เมื่อหลังจากที่พละกำลังบรรลุไปถึงแดนนภาขั้นเก้า พลังที่มีทั้งหมด สามารถบรรลุได้เช่นเดียวกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวชิ่ง หยางเฉินแอบพยักหน้าเงียบๆ เป็นแบบนั้นจริงๆ ด้วยพละกำลังของเขาในตอนนี้ ถึงแม้จะไม่สามารถต้านทานอาวุธปืนชั้นยอดได้ แต่อาวุธปืนทั่วไป ยังสามารถใช้ร่างกายต้านทานเอาได้

แต่ผลการบำเพ็ญเพียรของเขาในตอนนี้เป็นเพียงแค่ระยะสร้างรากฐานปราณเท่านั้น ถ้าหากเขาบรรลุถึงระยะรวมยาแล้ว พละกำลังยังจะพุ่งสูงขึ้นได้อีก เมื่อตอนที่เขาบรรลุถึงระยะบ่มเพาะปราณ ก็จะมีพละกำลังเที่ยบเท่ากับนักบูโดแดนนภาขั้นเจ็ดขั้นแปด เมื่อเขาบรรลุการเป็นเทพ ก็คงจะสามารถต้านทานอาวุธปืนของโลกมนุษย์ได้แล้ว

เมื่อคิดถึงแดน หยางเฉินมีความจนปัญญาเล็กน้อย เขาได้บรรลุถึงระยะสร้างรากฐานปราณมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว อีกทั้งมีความรู้สึกบางอย่าง เหมือนกับว่าได้บรรลุถึงสภาวะชั้นยอดของระยะสร้างรากฐานปราณ อาจจะบรรลุถึงระยะรวมยาได้ทุกเวลา

เพียงแต่ ยังรู้สึกเหมือนว่าขาดอะไรบางอย่างไป ไม่สามารถเข้าสู่การรวมยาได้

ทันใดนั้นหลิวชิ่งก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย: “คุณหยาง พละกำลังของคุณในตอนนี้ แท้ที่จริงแล้วเป็นแดนไหนกันแน่?”

ทันใดนั้น นักบูโดของสำนักเทียนไห่คนอื่นๆ ก็หันไปมองทางหยางเฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หยางเฉินมีพละกำลังที่สามารถยับยั้งพวกเขาได้อย่างเด็ดขาด แต่แท้ที่จริงแล้วคือแดนอะไร พวกเขาเองก็ไม่ชัดเจน แต่ว่าสิ่งที่พวกเขาสามารถมั่นใจได้ก็คือ หยางเฉินมีกำลังในการต่อสู้ อย่างน้อยก็แดนนภาขั้นสี่ชั้นยอด แม้กระทั่งมีความเป็นไปได้ว่าจะบรรลุถึงแดนนภาขั้นห้า

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ภายในดวงตาของนักบูโดของสำนักเทียนไห่ทุกคน มีความประหลาดใจเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน