“ผมไม่ได้บวชหรอกครับ ความจริงแล้วคือ ผมเป็นเนื้องอกที่ตับครับจะพูดให้ดีก็คือผมเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย เพราะผมได้รับคีโมก็เลยทำให้ผมร่วงครับ”
นาชาตกใจแทบสิ้นสติเมื่อฟังอชิพูดจบ นี่เธอฟังผิดไปหรือเปล่า ความคิดที่จะด่าทอและแดกดันเขาแทนเพื่อนรักถูกฝังกลบลงไป กลายเป็นความกังวลและห่วงใยเข้ามาแทนที่
“คุณหมายความว่าคุณป่วยเหรอคะ เลยต้องทิ้งกุ๊กไก่ไว้แบบนั้น”
เขาพยักหน้ารับ
“ผมก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้หรอกนะครับ แต่เพราะผมป่วยและไม่ต้องการให้กุ๊กไก่เป็นกังวลกับอาการของผม ถึงผมรู้ว่าผมทำให้เธอเสียใจ แต่ผมไม่มีทางเลือกครับ”
“คุณอชิ ฉันคิดว่าคุณหลอกกุ๊กเพราะแค่แค่อยากได้ที่ดินผืนนั้น แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกเหมือนกันค่ะ”
นาชาข่มอารมณ์สงสารจนแทบน้ำตาไหลเอาไว้
“ความจริงที่ดินนั้นที่ผมให้กุ๊กไก่ช่วยซื้อ ผมต้องการเอามาเป็นศูนย์มะเร็งเพื่อช่วยเหลือเด็กครับ ผมก่อตั้งมูลนิธิเอาไว้และงานก็ใกล้สำเร็จแล้ว มีคนมาสานต่อเรียบร้อย เงินทั้งหมดที่ผมหามาได้ผมยกให้มูลนิธิทั้งหมดและยังมีเงินประกันของผมอีกครับ ผมอยากให้กุ๊กไก่ได้เห็นว่าเธอช่วยผมทำอะไรบ้าง ความจริงผมแค่อยากจะเห็นหน้าเธอสักครั้งครับ”
“แต่คุณมีเงินขนาดนี้ ฉันคิดว่าคงมีทางรักษาสมัยนี้หมอเก่งมากนะคะ คุณอย่ายอมแพ้สิคะ”
นาชาเองกลับหัวตาร้อนผ่าว ท่าทางของเขาอ่อนแอเป็นอย่างมากเหมือนว่าเขาจะไม่รอดแล้ว
“หมดหนทางแล้วครับ ผมเอาชนะมันไม่ได้ ผมพบมันก็เมื่อสายเกินไปแล้วครับ มันยากมากครับเวลาผมมีน้อยแล้ว แต่ก่อนผมคิดว่าผมสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องบอกลาเธอ ผมแค่มีเธอในหัวใจก็พอกุ๊กไก่สำหรับผมมีค่ามากกว่าทุกสิ่งบนโลกใบนี้ครับ ผมไม่ต้องการครอบครองเธอ ผมผิดเองที่คิดว่าตัวเองจะรักษาตัวได้และรีบกลับมาหาเธอ แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายแบบนั้นแล้ว คุณนาชาพอจะช่วยผมได้หรือเปล่าครับ ช่วยผมสักครั้งนะครับ”
อชิพูดจบเขาควักแมสออกมาแล้วปิดปากของตัวเองเอาไว้ ทั้งสวมแว่นดำและวิกผมเหมือนเดิม นาชาในตอนนี้รู้สึกช๊อกกับเรื่องที่ได้ยิน ถ้าหากยัยกุ๊กรู้เรื่องนี้ล่ะ มันจะทำยังไงจริง ๆ แล้วมันลืมอชิในฐานะคนรักไปแล้ว แต่อชิในใจของกุ๊กไก่ก็คือเพื่อนของมันเสมอ
“คุณอชิคะ ฉันขอปรึกษาว่าที่สามีของกุ๊กไก่ก่อนนะคะ ว่าจะให้เธอเจอกับคุณหรือเปล่า ถึงฉันจะเป็นเพื่อนก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ และอีกอย่างฉันรู้สึกผิดจริง ๆ ที่ถ่วงเวลาคุณขนาดนี้ ยกโทษให้ฉันนะคะ”
อชิยิ้มเศร้า นาชาไม่เห็นใบหน้าของเขาแต่เธอเห็นหางตาของเขาขยับ เขาคงกำลังยิ้มอย่างเศร้าสร้อยออกมา
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำกับกุ๊กไก่ทิ้งเธอเอาไว้กลางทางแบบนั้นในฐานะเพื่อนที่รักเธอ คุณนาชาเกลียดผม ผมก็ไม่ได้แปลกใจเลยครับ ผมเดินทางมาเพราะอยากให้คุณเห็นใจผมครับ ผมอยากเจอเธอจริงๆ ก่อนตาย สักครั้ง”
“คุณอชิ สักครู่นะคะ ฉันจะโทรหากุ๊กไก่เดี่ยวนี้”
ก่อนที่นาชาจะได้ทันกดโทรศัพท์ อชิที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอก็ล้มลงจากเก้าอี้จนเกิดเสียงดังโครม
นาชาหวีดร้องด้วยความตกใจ บอดี้การ์ดของเธอรีบเข้ามาพยุงเขา ซึ่งในตอนนี้อชิเหมือนคนเบลอและไม่ค่อยมีสติ
“ผมไม่เป็นไรครับ”
เสียงของเขาแหบแห้งจนนาชาตกใจ ใบหน้าอิดโรยทั้งรอยดำคล้ำใต้ตาเมื่อดูใกล้ ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาปกปิดมันเอาไว้ด้วยคอนซีลเลอร์เพื่อไม่ให้ดูเหมือนเขาเป็นคนป่วยที่ใกล้ตาย
“พาเขาไปโรงพยาบาล เขาป่วยหนักเร็วเข้า”
นาชาส่งภาษาอังกฤษรัวเร็วบอกบอดี้การ์ดของเธอให้ติดต่อโรงพยาบาลที่ดีที่สุดและเตรียมรถด่วน อชิโบกมือห้ามอย่างเร่งร้อน เขาไม่ต้องการให้นาชายุ่งยากเพราะเขา
“คุณนาชาครับ ผมไม่เป็นไรแล้วครับ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อรักษาตัว ได้โปรดเถอะครับผมแค่อยากจะเห็นหน้ากุ๊กเป็นครั้งสุดท้าย แล้วผมจะไปเงียบ ๆ จริง ๆ ครับได้โปรดเถอะครับผมขอร้อง”
นาชาถึงกลับร้องไห้ออกมา ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเธอก็เป็นฝ่ายแกล้งเขาให้เขาบินตามเธอมาถึงที่นี่ ถึงจะคิดว่าเขาไม่มีทางทำเรื่องพวกนี้ก็ตามที แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
“คุณอชิไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะบอกกุ๊กมาเยี่ยมคุณค่ะ คุณไปโรงพยาบาลก่อนนะคะฉันขอร้องล่ะ”
อชิยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
“เมื่อกี้ผมแค่วูบไปเท่านั้นครับ ผมยังไหว ว่าแต่ว่าที่บอกจะให้พบได้เจอกุ๊กคุณนาชาไม่โกหกผมนะครับ”
“ไม่โกหกแน่นอนค่ะ คุณอชิไปโรงพยาบาลก่อนเถอะนะคะ ฉันว่าคุณไม่ไหวแล้วค่ะ”
เธอมองใบหน้าซีดเซียวของเขา เธอไม่รู้ว่าอาการของอชิอยู่ในขั้นในแล้วแต่สภาพของเขาตอนนี้ดูแย่มาก แย่จนเธอเองกลั้นน้ำตาไม่อยู่
“เชื่อผมสิครับ อาการป่วยของผม ผมรู้ดี”
“ผมขอร้องคุณอย่างหนึ่งได้หรือเปล่าครับ”
“คะ ว่ามาเลยค่ะ”
นาชาปากสั่น ในใจของเธออัดแน่นด้วยความรู้สึกมากมายจนเธอบรรยายไม่ถูก เธอสงสารผู้ชายคนนี้จับใจและหากลูกเกดรู้ละ เพื่อนของเธอจะทำยังไง
“อย่าบอกกุ๊กไก่ว่าผมป่วย ผมแค่อยากเจอเธอ ผมแค่อยากจะบอกเธอว่าผมมาลาผมสบายดีและอยากจะอวยพรให้เธอมีความสุขได้หรือเปล่าครับ ไม่ว่าจะที่ไหน เมืองไทย หรือที่ไหนในโลกผมจะบินไปหาเธอ และลาเธอด้วยรอยยิ้มในฐานะเพื่อนรักคนหนึ่งของเธอเท่านั้น ผมขอคุณนาชาแค่นี้ครับ”
นาชารับปากเขา และเธอสังเกตเห็นอชิว่าเขาดูเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก เธอจึงลองขอร้องเขาอีกครั้ง
“คุณอชิคะ คุณตรวจสักหน่อยดีหรือเปล่าคะ จริง ๆ มันเป็นความผิดฉันที่แกล้งคุณจนคุณต้องลำบากมาถึงที่นี่ ช่วยไปให้คุณหมอเช็กสักหน่อยได้หรือเปล่าคะว่าคุณยังสบายดี อย่างน้อยก็ในตอนนี้”
อชิส่ายหน้า
“ไม่ต้องกังวลครับ ความจริงการได้บินไปบินมาแบบนี้ก็ทำให้ผมได้ท่องเที่ยวก่อนที่จะกลับไปนอนในห้องของโรงพยาบาลเหมือนเคย ผมพูดจริงว่าผมเบื่อมากครับ คุณนาชาไม่ต้องกังวล แค่ได้รู้จักคุณไม่กี่ชั่วโมงผมก็ดูออกครับว่าคุณเป็นคนใจดีและอ่อนโยนแค่ไหน ผมไม่อยากทำให้คุณรู้สึกไม่ดีครับ”
“แต่ฉัน…”
อชิตัดบท
“แต่ผมมีเวลาน้อยจริง ๆ นะครับคุณนาชา”
“คุณอชิ”
นาชาตาแดงก่ำ เธอหยิบทิชชู่ที่วางอยู่บนโต๊ะกาแฟออกมาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุด
“ผมขอโทษนะครับที่การพบกันครั้งแรกของเราทำให้คุณลำบากใจ ผมไม่ปิดบังคุณนะครับครั้งนี้ผมขอออกจากโรงพยาบาลเพราะผมคงอยู่ได้อีกไม่กี่วันแล้วครับ ผมอยากใช้ชีวิตแบบที่คนทั่วไปปกติเขาทำกัน อย่างน้อยก็ขอมีความสุขเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต ผมไม่ได้โลภไปใช่หรือเปล่าครับ”
“ไม่มีทางรักษาเลยเหรอคะ”
“ไม่แล้วครับ ตลอดเวลาปีกว่าที่ผ่านมาผมพยายามมาทุกทางแล้วครับ ผมยิ้มรับกับมันแล้ว ผมไม่กลัวสักนิดครับ คุณนาชาได้โปรดอย่าร้องไห้กับผมเลยครับ”
เป็นอชิเสียอีกที่พยายามปลอบเธอ นาชามองเขาด้วยน้ำตาที่เอ่อล้นและร่วงลงมาราวกับสายน้ำ อชิเองก็ไม่รู้จะทำยังไงให้นาชาหยุดร้องไห้
ประตูคาเฟ่ถูกเปิดออก ร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ทันทีที่เห็นว่าภรรยาร้องไห้เขาก็รีบก้าวขายาวไปนั่งข้างเธอทันที แน่นอนว่าเรื่องที่นาชาและอชิคุยกันนั้นคนของเขารายงานให้ฟังทั้งหมดแล้ว เควิลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่เขาต้องมาจัดการด้วยตัวเอง
นาชาอ่อนแอเกินไปที่จะรับคำขอของอชิ
“ชาอย่าร้องเลยคนดี”
เขาโอ๋ภรรยาแล้วดึงเธอมากอด สั่งให้คนพาลูกน้อยของเขาออกกลับโรงแรมไปก่อนที่จะเห็นแม่ร้องไห้แล้วร้องตาม เด็กน้อยพยายามอ้าแขนขอให้พ่ออุ้ม สุดท้ายถูกพี่เลี้ยงหลอกล่อและพาออกไปได้ทันเวลาก่อนที่เด็กน้อยจะระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาก่อน
“ผมเควิลสามีนาชาครับ ยินดีที่ได้เจอกันจริง ๆ สักทีนะครับ”
อชิยื่นมือไปจับมือเควิลอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ ยินดีเช่นกันครับ ผมขอโทษนะคะครับที่มารบกวนคุณนาชา แต่ผมไม่มีหนทางจริง ๆ ที่จะติดต่อกุ๊กไก่ได้”
เควิลพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจครับแต่เรื่องอาการป่วยของคุณไม่ต้องการบอกกุ๊กไก่จริง ๆ เหรอครับ”
“ครับ ผมแค่อยากเห็นรอยยิ้มของเธอก่อนไป ไม่ต้องการให้เธอร้องไห้ ชีวิตนี้สิ่งที่ผมทนไม่ได้คือน้ำตาของกุ๊กไก่ แต่ผมกลับทำมันไม่ได้ผมทำให้เธอร้องไห้ ทำผมให้เธอเสียใจมามากพอแล้วครับ”
เควิลพยักหน้า
“ผมจะคุยกับเก่งเพื่อนของผมก่อน เขากำลังจะแต่งงานกับกุ๊กไก่ครับ คนรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”
อชิพยักหน้า
“รู้ครับ ผมมาพบเธอในฐานะเพื่อนและผมเองก็รู้ว่ากุ๊กไก่ในตอนนี้ก็มองผมเป็นเพื่อนคนหนึ่ง ขอเพียงคุณเก่งใจกว้างให้ผมได้พบเธอผมไม่มีอะไรตอบแทน นอกจากคำขอบคุณจริง ๆ ครับ”
“ผมเชื่อว่าเพื่อนของผมไม่ใช่คนใจแคบคับ อีกอย่างคุณมีเพียงความปรารถนาดีให้เธอไม่ใช่เหรอครับเขาคงไม่ขัดข้อง ผมจะติดต่อเก่งให้ตอนนี้กุ๊กไก่อยู่กับเก่งที่อเมริกา คุณแข็งแรงพอที่จะไปที่นั่นหรือเปล่าครับ”
อชิพยักหน้ารับ
“ความจริงโรงพยาบาลของผมก็อยู่ที่อเมริกาครับ ถ้าไม่ลำบากผมยินดีที่จะไปพบกุ๊กไก่ที่นั่น”
เควิลรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก คงไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุผลที่อชิไม่ติดต่อกุ๊กไก่มาอีกเลยตั้งแต่วันที่พวกเขาแยกกันเป็นเพราะเขากำลังพยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากโรคร้าย ที่ผ่านมาอชิคงพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะสู้กับมันได้ และนี่ก็คงเป็นเวลาช่วงสุดท้ายของอชิแล้วสินะ