เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย – บทที่ 296 หัวหน้าคนที่สามของกลุ่มกองเรือ

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

บทที่ 296 หัวหน้าคนที่สามของกลุ่มกองเรือ

ข่าวที่ว่าหัวหน้ากองเรือพาเหล่าครอบครัวของทหารมาส่งด้วยตัวเอง ทำให้บรรดาทหารที่เดิมเป็นกังวลอยู่นั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

คืนนี้ในที่สุดก็นอนหลับได้อย่างสนิทเสียที แม้แต่พวกผู้หญิงที่ยุ่งอยู่กับงานในโรงงานทั้งวันก็พลอยมีความสุขไปด้วย

ทุกคนล้วนมาจากที่เดียวกัน พูดกันตามตรง เพราะพวกผู้ชายร่วมเป็นร่วมตายในค่ายทหารเดียวกัน ทุกคนจึงปฏิบัติต่อกันเหมือนญาติพี่น้อง หากพวกเขารอดมาได้อย่างปลอดภัยแต่พวกนางยังมีภัยอยู่ สิ่งนี้สำหรับกองทัพทหารเกราะเหล็กแล้วถือเป็นความสะเทือนใจอย่างมาก

วันต่อมาเป็นวันที่อากาศดีอย่างมาก ท่านป้าพลิกดูปฏิทิน “เฮ้อ วันนี้อากาศดี ทุกอย่างราบรื่น ตอนที่พวกเจ้าไปรับคนอย่าลืมตั้งกระถางไฟปัดเป่าเคราะห์ร้ายด้วยล่ะ”

จี้จือฮวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้เจ้าค่ะ ข้าจะทำตามที่ท่านบอกเจ้าค่ะ”

ด้วยกลัวจะล่าช้า จี้จือฮวนกับเผยยวนจึงขี่ม้าตัวเดียวกัน คนห้าสิบคนตรงไปที่ท่าเรือในตำบลฉาซู่ ระหว่างทางจี้จือฮวนก็ได้เลี้ยวไปรับฮวาเซียงเซียงด้วย

เนื่องจากเรื่องครั้งก่อน ฮวาเซียงเซียงจึงไม่กล้าออกไปไหนมาไหนคนเดียวอีก นางรออยู่ในตำบลฉาซู่ แม้ว่าจี้จือฮวนจะบอกว่าตอนนี้ตำบลฉาซู่มีกองทัพทหารเกราะเหล็กลาดตระเวนอยู่ แต่ก็ไม่ได้เข้มงวดมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคนจากเมืองหลวงเข้ามาจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ จี้จือฮวนไปรับนางด้วยตัวเองจะดีกว่า

ฮวาเซียงเซียงขึ้นมาบนรถม้า แล้วจึงชะโงกหน้าออกมาพูดคุยกับจี้จือฮวน

“เรือของกองเรือพวกเราใหญ่มาก ไม่รู้ว่าจะสามารถเข้ามาได้หรือไม่ เส้นทางน้ำของที่นี่แคบมากเลย”

แต่เมื่อไปถึงท่าเรือ จึงพบว่าความกังวลของฮวาเซียงเซียงนั้นไม่จำเป็นเลย

เส้นทางน้ำที่เดิมคับแคบ เรือประมงขนาดเล็กสามารถผ่านได้เพียงสองสามลำ ทว่าขณะนี้กลับมีเรือประมงมากกว่าสิบลำกำลังเรียงแถวแล่นเข้ามา และมีชายชุดดำรูปร่างสันทัดคนหนึ่ง ท่าทางแข็งแรง มีดาบโค้งเล่มหนึ่งเสียบอยู่ที่เอว ใบหน้าดำคล้ำ ท่าทางจริงจัง ไม่ยิ้มแย้มยืนอยู่บนนั้น

“อาสามของข้าเอง!”

“อาสาม! อาสาม!” ฮวาเซียงเซียงกระโดดอยู่กับที่อย่างมีความสุข ผ้าเช็ดหน้าแทบจะถูกนางสะบัดจนปลิวออกไป

ชายที่เดิมมีสีหน้าเคร่งขรึมหรี่ตาลงเล็กน้อย จนเมื่อเห็นคนที่มาชัด ๆ แล้ว จึงเผยรอยยิ้มกว้างออกมา “เซียงเอ๋อร์!”

ฮวาเซียงเซียงรอไม่ไหวแล้ว นางเดินผ่านจี้จือฮวนและพุ่งไปที่ราวกั้นทันที จี้จือฮวนรีบดึงนางเอาไว้ด้วยความตกใจ “เจ้าหยุดกระโดดได้แล้ว ระวังจะตกลงไป”

แต่ไม่ใช่แค่ฮวาเซียงเซียงเท่านั้นที่ตื่นเต้น ครอบครัวทหารที่เดิมนั่งอยู่ในห้องโดยสารของเรือเมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังใกล้จะถึงแล้ว ต่างก็ชะโงกหน้าออกมาด้านนอก บางคนมองไม่ชัดทำได้เพียงมองไล่ไปทีละคน เกรงว่าจะคลาดกับญาติตัวเอง

แต่ว่าทหารห้าสิบคนที่เผยยวนเลือกมาในวันนี้ ล้วนเป็นญาติของพวกนาง

“พี่ใหญ่!”

“พี่เฉียว!”

“น้องชาย!”

เสียงเรียกของญาติค่อย ๆ ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางคนตื่นเต้นจนอยากจะกระโดดลงไปรับญาติของตัวเองเสียเดี๋ยวนั้น

ฮวาเซียงเซียงมองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นฮวาเส้าจง จึงเอ่ยด้วยความสงสัย “พ่อข้าเล่า? เหตุใดเขาไม่ออกมาพบข้ากัน”

โชคดีที่เวลานี้เรือเข้าฝั่งแล้ว

ฮวาเซียงเซียงรีบเข้าไปรับทันที “อาสาม ท่านพ่อข้าเล่าเจ้าคะ เหตุใดพวกท่านถึงนั่งเรือประมงมากัน? ด้านหลังยังมีเรือลำใหญ่มาด้วยใช่หรือไม่เจ้าค่ะ”

“อย่าเพิ่งรีบร้อน ข้าจะตอบคำถามเจ้าทีหลัง แต่ตอนนี้ให้อาสามดูก่อนว่าเจ้าผอมลงหรือไม่?”

ฉินต๋า หัวหน้าคนที่สามของกลุ่มกองเรือ คือคนที่เฝ้าดูฮวาเซียงเซียงเติบโตมาตั้งแต่เล็ก หลังจากพิจารณานางตั้งแต่หัวจรดเท้าไปหนึ่งรอบ ก็เอ่ยด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ “ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้ว”

ฮวาเซียงเซียงรีบคล้องแขนของเขาแล้วเอ่ยขึ้นมา “ท่านอาสาม ท่านรีบตอบข้ามาเถอะเจ้าค่ะ อย่าให้ข้าร้อนใจเช่นนี้เลย”

ฉินต๋าเอ่ย “พ่อเจ้าเป็นห่วงเรื่องของเจ้า จึงตรงไปที่เมืองหลวงแล้ว อีกเดี๋ยวเจ้าค่อยไปพร้อมกับข้า”

“ฮะ? ตรงไปที่เมืองหลวงแล้ว? เหตุใดเขารีบร้อนเพียงนั้นเล่าเจ้าคะ มาหาข้าก่อนสักนิดก็ไม่ได้หรือเจ้าคะ!” ฮวาเซียงเซียงขมวดคิ้ว

เรือที่อยู่ด้านหลังจอดเทียบท่าหมดแล้ว ฉินต๋าเอ่ยขึ้นมา “เรือใหญ่เข้ามาไม่ได้ จึงจ้างเรือประมงเหล่านี้ที่ปากแม่น้ำ คนไม่ขาดไปแม้แต่คนเดียวพากลับมาส่งให้พวกเจ้าหมดแล้ว”

ฮวาเซียงเซียงเองก็ไม่ลืมเรื่องสำคัญ เห็นกองทัพทหารเกราะเหล็กเข้าไปรับญาติของตัวเองแล้ว นางก็เอ่ยแนะนำขึ้นมา “นี่คือหย่งกวานโหว แม่ทัพเผย เผยยวน วีรบุรุษของต้าจิ้นของเรา ส่วนนี่เป็นฮูหยินของเขา และเป็นคนกวักเงินกวักทองของข้า จี้จือฮวน แม่นางจี้เจ้าค่ะ”

ฉินต๋าเป็นพวกที่นับถือวีรบุรุษอยู่แล้ว เมื่อเห็นชายหนุ่มรูปงามตรงหน้า และหญิงสาวข้างกายที่งดงามโดดเด่น ก็รู้ได้ในทันทีว่าไม่ใช่คนธรรมดา

“ฉินต๋าคารวะหย่งกวานโหว เคยได้ยินชื่อเสียงของท่านโหวมานาน วันนี้ได้พบกันนับเป็นบุญของฉินต๋า หลานสาวที่ทำให้คนเป็นห่วงของข้าคนนี้ ก็ต้องขอบคุณแม่ทัพเผยและแม่นางจี้ที่ช่วยดูแลให้ มิเช่นนั้นหากเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น ข้ากับพี่ใหญ่อยู่ห่างออกไปนับพันลี้ คงไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้โปรดรับการคารวะจากฉินต๋าด้วยขอรับ!”

“ท่านอาฉินไม่ต้องมากพิธีหรอกขอรับ ข้าเป็นผู้น้อย เถ้าแก่เนี้ยฮวากับฮูหยินของข้ารักกันเสมือนพี่น้อง ข้าก็ขอเรียกท่านว่าอาสามด้วยนะขอรับ” เผยยวนรีบจับข้อมือของเขาเอาไว้

ฉินต๋าเองก็ไม่ใช่คนเรื่องมาก “ตกลง พี่ใหญ่ของข้ายังให้ข้าฝากคำพูดมาบอกแม่ทัพเผยด้วย วันหน้าเรื่องของกองทัพทหารเกราะเหล็กก็คือเรื่องของกองเรือ ขอเพียงท่านเอ่ยปาก กองเรือของพวกเราจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน!”

ฮวาเซียงเซียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โอ๊ย เอาล่ะเจ้าค่ะ อาสามเดินทางมาไกล รีบกลับตำบลฉาซู่ดีกว่าเจ้าค่ะ จะได้ไปดูร้านของข้า ชิมอาหารของร้านเราด้วย!”

“ได้”

วันนี้เค่ออวิ๋นไหลไม่เปิดทำการ แต่ครัวกลับไม่ได้หยุดพัก ต่างปรุงอาหารพิเศษมากมายเพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาจากแดนไกลโดยเฉพาะ

ระหว่างทางที่ฉินต๋ามา ก็เห็นว่าตำบลฉาซู่มีผู้คนสัญจรผ่านไปมา แม้ตำบลแห่งนี้จะไม่ใหญ่แต่ก็มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก และมีกองทหารลาดตระเวนตลอดเวลา ไม่มีความวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย

ฉินต๋าพยักหน้าหงึก ๆ อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของฮวาเซียงเซียงที่นี่

ครอบครัวทหารของกองทัพทหารเกราะเหล็กได้พักผ่อนในกองเรือมาและได้รับการตรวจร่างกายจากหมอมาแล้ว ระหว่างทางที่มาพละกำลังก็ฟื้นฟูขึ้นมาไม่น้อย ความสุขที่ได้เห็นสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาเป็นสิ่งที่หาที่ใดเปรียบมิได้จริง ๆ

และมีเรื่องที่อยากจะพูดมากมาย

จี้จือฮวนลดฝีเท้าลงสอบถามพวกนางว่าอยู่ที่กองเรือสบายดีหรือไม่ ระหว่างทางเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ ทำให้พวกนางยิ่งตื้นตันใจอย่างมาก

“ฮูหยิน ท่านอย่าได้เกรงใจพวกเราเพียงนี้เลยเจ้าค่ะ พวกเรารับไม่ไหวหรอกเจ้าค่ะ”

“นั่นสิเจ้าคะ ระหว่างทางพวกพี่น้องกองเรือดีต่อพวกเรามากเลยเจ้าค่ะ ตอนที่บอกว่าจะพาพวกเรามาพบญาติ พวกเรายังไม่อยากจะเชื่อเลยเจ้าค่ะ”

ทหารเกราะเหล็กยิ้มออกมา ก่อนจะเอ่ยกับพี่สาวน้องสาวของตัวเอง “ฮูหยินเป็นคนไม่ถือตัว พวกเจ้าไม่ต้องกลัว คิดซะว่าเป็นพี่สาวน้องสาวของตัวเองก็พอแล้ว”

ฉินต๋าหันกลับไปมองเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยกับเผยยวนขึ้นมา “ครั้งนี้กองเรือสามารถสกัดครอบครัวของทหารกลุ่มนี้เอาไว้ได้ ถือเป็นความบังเอิญอย่างมาก ท่านแม่ทัพเผย ข้าขอพูดตามตรง มีคนสามารถยื่นมือเข้าไปในซีเป่ยได้ครั้งหนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สอง ท่านควรจะวางแผนล่วงหน้าเอาไว้บ้างนะขอรับ”

คำเตือนนี้ก็เพราะเห็นแก่ที่พวกเผยยวนช่วยฮวาเซียงเซียงเอาไว้ หากเป็นคนทั่วไปกองเรือคงอยากจะหนีให้ห่างจากเรื่องสกปรกของคนในราชสำนัก ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี

แต่ฮวาเซียงเซียงเป็นองค์หญิงน้อยของกองเรือพวกเขา เป็นไข่มุกที่อยู่ในใจของทุกคน และเผลอเข้าไปยุ่งกับเรื่องของราชสำนักเข้า ทำให้นางเกือบถูกลอบสังหาร ทุกคนในกองเรือก็พร้อมจะหยิบอาวุธขึ้นมาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองเหมือนทหารเหล่านี้เช่นกัน

ฮวาเส้าจงไม่แม้แต่จะหยุดพัก เขาตรงไปที่เมืองหลวงทันที เห็นได้ชัดว่าเรื่องครั้งนี้เขาโกรธมากเพียงใด หากราชสำนักไม่สามารถให้คำอธิบายกรณีที่สี่ขุนศึกสมรู้ร่วมคิดกับเป่ยป้าเทียนได้ ฮวาเส้าจงจะไม่มีทางรามือง่าย ๆ อย่างแน่นอน

แม้ว่าผู้นำของขุนศึกทั้งสี่นั้นจะถูกตัดหัวไปหมดแล้ว แต่ตามที่เขารู้มาคนอื่น ๆ ในตระกูลยังไม่ได้ถูกตัดหัวทั้งหมด ราชสำนักประวิงเวลาเพื่อคิดจะหลอกพวกเขาอย่างนั้นหรือ

ไม่มีทาง!

.

.

.

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย

Status: Ongoing
หน่วยสืบราชการลับ—จี้จือฮวนเกิดใหม่เป็นตัวประกอบในนิยายที่ได้แต่งกับเทพสงครามเป็นแม่เลี้ยงของ 3 วายร้ายแต่กลับต้องตายตั้งแต่ต้นเรื่อง ในเมื่อปฏิเสธชะตาไม่ได้ขอแค่ไม่ตายก็จะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม! จี้จือฮวน–หน่วยสืบสวนราชการลับระดับ S ในโลกล้ำยุค จู่ ๆ ก็ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นตัวประกอบหญิงในนิยายที่เคยอ่าน(แต่ไม่จบ) ซึ่งตายตั้งแต่ยังไม่พ้นสามบทแรก! เธอคนนี้แต่งงานกับเผยยวนได้รับสมญานาม ‘เทพสงครามแห่งความตาย’ และเป็นแม่เลี้ยงของเด็กแสบสามคน จี้จือฮวนปฏิเสธชะตากรรมนองเลือด ขอแค่มีชีวิตรอดปลอดภัย อยู่ต่อไปก็พอ แต่เรื่องกลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะตัวประกอบที่เธอกำลังเป็นอยู่ดันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกเลี้ยงทั้งสามกลายเป็นตัวมากเล่ห์ จอมมารร้าย ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปสู่จุดจบอันเศร้าสลดเมื่อทั้งสามโตขึ้น…นั่นก็คือความตายอย่างน่าอนาถ ในเมื่อเลือกไม่ได้ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ เธอจะเล่นบทนี้ให้อลังการกว่าเดิม! . โชคดีสวรรค์ยังมีตา เธอมีทักษะทุกอย่าง ทั้งงานฝีมือ ทักษะการเพาะปลูกและทำนาที่สามารถหาเงินเพื่อใช้เลี้ยงครอบครัวได้ ยิ่งกว่านั้น เธอมีของดีที่สุด คือมิติพิเศษที่ช่วยให่เธอหยิบยืมอะไรก็ได้จากโลกอนาคตติดตัวมาด้วย! . เอาล่ะ! ในฐานะอดีตสายลับระดับสุดยอด ใครหน้าไหนก็หยามกันไม่ได้! ต่อให้เป็นสวรรค์ก็เถอะ หากคิดจะฆ่าเธอทิ้ง เธอจะชิงสังหารสวรรค์ก่อน! . . ต่อมาลูกชายคนโตที่ตั้งแต่เด็กสุดแสนจะเงียบขรึมกลับได้ขึ้นเป็นกษัตริย์! นักรบจอมพลังซึ่งเป็นลูกสาวคนที่สองก็กลายเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี ผู้ที่ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดในใต้หล้า แม้แต่ลูกชายคนเล็กก็กลายเป็นแพทย์หนุ่มผู้เชี่ยวชาญสารพัดพิษ ร่างกายของเขาทนทานต่อพิษทั้งปวงอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ . . จี้จือฮวนรู้สึกว่าตนเองไร้ประโยชน์ในฐานะสาวงามที่ถูกราชสำนักและประชาชนผลักไสอย่างไร้ความปรานี เธอจึงจำต้องทำให้ตัวเองเป็นสตรีที่น่าเกรงขาม เป็นที่หวาดกลัวต่อราชสำนักและประชาชนเมื่อทุกคนนึกถึง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน