พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” – ตอนที่ 87.1

ตอนที่ 87.1

อดีต1

ป.ล.ตอนแรกคนเขียนๆรวมในบทที่ 6 ตอนที่ 4 แต่เนื่องจากมันค่อนข้างจะยาวคนเขียนเลยแบ่งออกเป็นพาร์ทๆ

ซึ่งตอนนี้จะกล่าวถึงช่วงชีวิตในวัยเด็กของโนโซมุที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านออยล์ เป็นเรื่องราวของทั้งสามคนที่กลายเป็นเพื่อนกัน

(ใครอ่านแบบข้ามๆนี่โกรธมากเพราะมันอธิบายนิสัยของตัวละครไว้ได้ดีและเหตุใดตัวละครแต่ละตัวถึงเปลี่ยนไป และก็ตอนนี้ยาวมากและตั้งใจเก็บทุกรายละเอียดให้รู้ชัดๆ)

เริ่มได้

โนโซมุเริ่มพูดถึงเหตุการณ์สมัยที่พวกเขายังเด็กในตอนที่ยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านออยล์

「โนโซมุ~! เคน~! เร็วๆหน่อยสิ~!」

「รอเดี๋ยวก่อนสิลิซ่า! เคนยังตามมาไม่ทันเลย!」

「แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……」

เด็กชายและหญิงสาวรวม 3 คนกำลังวิ่งไปรอบๆทุ่งซึ่งมีลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน

แม้ว่าจะยังเด็กกันอยู่แต่เธอก็มีใบหน้าที่สวยงามและถ้าเธอได้ใส่ชุดดีๆก็เป็นสาวน้อยที่น่ารัก

อย่างไรก็ตาม โคลนที่เปื้อนแก้มผมที่ยุ่งๆของเธอนั้น สร้างความประทับใจให้คนส่วนมากมองเห็นเป็นผู้ชายเสียมากกว่า

มีเด็กชายสองคนที่ไล่หลังเธอมา

คนหนึ่งเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดีมีผมสีทองชื่อเคน อีกคนที่เป็นผู้หญิงนั้นมีชื่อว่าลิซ่า

หากโตขึ้นแล้วละก็คงจะเป็นชายรูปหล่อ อาจจะดึงดูดสาวๆมากมายเลยก็ได้

แต่ตอนนี้เขาเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มเป็นเหมือนสาวน้อยมากกว่าลิซ่า

เด็กชายอีกคนมีชื่อว่าโนโซมุ เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาที่พบได้ทั่วไป ลักษณะใบหน้าดาษๆและร่างกายก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร

อย่างไรก็ตามตัวเขาแข็งแกร่งกว่าเด็กผมบลอนด์ เขากำลังวิ่งอย่างสุดกำลังขณะหอบหายใจแรง

「โนโซมุ! เคน! เร็วๆหน่อยสิ! ถ้าไม่รีบละก็ เดี๋ยวโดนพวกมูจิรุยึดไปแน่ๆ!」

「รู้อยู่แล้วล่ะน่า แต่ว่าจะทิ้งเคนไว้แบบนี้เหรอ?」

「แฮ่ก แฮ่ก…ไม่เป็นไร เดี๋ยวตามไป」

โนโซมุและเคนหายใจหอบ และตามลิซ่าไป

พวกเขามุ่งหน้าไปยังเนินที่มีต้นไม้ซึ่งอยู่ไกลจากหมู่บ้านเล็กน้อย สถานที่ซึ่งใหญ่พอสมควรและไม่สร้างความวุ่นวายให้กับเหล่าผู้ใหญ่ เป็นสนามเด็กเล่นที่ดีเลย

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะเข้ากันได้ดี พวกเขาต่างแบ่งแยกเป็นกลุ่มๆ

แม้แต่เด็กที่มีจิตใจอ่อนไหวก็ไม่น่าจะปล่อยมือจากสนามเด็กเล่นแห่งนี้ได้แน่นอน

ในช่วงเวลาว่างจากการช่วยเหลือพวกชาวบ้าน การเข้าไปยึดพื้นที่ในสนามเด็กเล่นนั้นโปรดปรานที่สุด

เป็นผลให้เหล่าเด็กๆทะเลาะกันบ่อยๆ เป็นการแย่งชิงพื้นที่เล่น

ในขณะเดียวกันในหมู่เด็กๆ คนที่มีเรื่องกันเก่งที่สุดก็คือ ลิซ่าและมูจิรุ

มูจิรุ เกิดในหมู่บ้านนี้และเป็นหัวหน้าของเหล่าเด็กๆในหมู่บ้านนี้ จนกระทั่งลิซ่ามาถึง

เมื่อลิซ่ามาที่หมู่บ้านนี้ครั้งแรก เธอเติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านที่มีเพียงพื้นที่เพาะปลูก เนินเขาเล็กๆ และป่าไม้ และสำหรับมูจิรุ มนุษย์จากภายนอกอย่างลิซ่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในดึงความสนใจและเป็นสิ่งที่แก้เบื่อดีๆนั่นเอง

มูจิรุคิดว่าลิซ่าเป็นคนที่ใช่และพยายามตื้อเธอ

อย่างไรก็ตามมูจิรุที่ปากไม่ตรงกับใจก็โดนลิซ่าโต้กลับ และทั้งสองต่างก็ทะเลาะวิวาทกันครั้งใหญ่ หลังจากนั้นมาพวกเขาก็เหมือนหมากับแมว

สักพักทั้งคู่ก็ทะเลาะกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าและแย่งชิงดีกันในสนามเด็กเล่น แต่หลังจากพูดไปซักพักหนึ่งก็ได้มีการตั้งกฏขึ้นมา

กฏนั้นเรียบง่าย:ใครไปถึงคนแรกหลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นสูงสุดแล้วจะได้เล่นที่นั่นจนพระอาทิตย์ตกดิน

ลิซ่าวิ่งไปหาทั้งสองคนที่กำลังหอบแฮ่กๆ และช่วยกันพยุงเคนที่สภาพร่อแร่

อย่างไรก็ตาม เพราะเคนถ่วงแข้งถ่วงขาอาจจะทำให้พวกมูจิรุไปถึงยอดเขาก่อน

「โม่ววว ช่วยไม่ได้นะ!」

ลิซ่าทนไม่ไหวอุ้มเคนไว้บนหลังของเธอ

「ฮะ เฮ้……」

「พวกเรากำลังรีบ! ยังไงก็จะไม่ยอมแพ้มูจิรุเด็ดขาด!」

ทันใดนั้นลิซ่าก็วิ่งขึ้นเนินเขาโดยมีเคนอยู่บนหลังของเธอ

โนโซมุรีบวิ่งตามเคนและลิซ่าที่กำลังวิ่งด้วยสีหน้าเขินอาย

ทั้งสองวิ่งขึ้นไปบนเนินเขาเป็นทางยาวไปถึงโคนต้นไม้ ตอนนั้นยังไม่เห็นพวกมูจิรุและเพื่อนๆของเขาเลย

「ยัตต้า! ที่หนึ่ง~!」

「ไม่ใช่ที่หนึ่งหรอก ดูเหมือนพวกนั้นจะมากันก่อนแล้ว」

ลิซ่าเอนหลังให้เคนที่ยกมือขึ้นทำท่าดีใจ ดูเหมือนว่าจะมีความสุขที่มาถึงคนแรก แต่ไม่ใช่

เมื่อลิซ่าได้ยินคำพูดของเคน เขาชี้ไปยังที่ๆหญ้าที่ถูกตัดออกไปตรงเนินเขานั่น

บนพื้นดินของหญ้าที่ถูกถอนทิวทัศน์ของหมู่บ้านที่มองเห็นได้จากด้านบนของเนินเขาก็ถูกวาดขึ้นมา

「อุหวาาาาาา~! สุดยอด! เน่ เน่! โนโซมุ เคน ดูสิ」

โนโซมุจ้องมองไปที่ร่มเงาตามที่ลิซ่าบอก

「ว้าววววว~」

「หวาาาาา~」

ทั้งโนโซมุและเคนต่างตกตะลึงกับทิวทัศน์ตรงหน้า

หมู่บ้านออยล์ที่สร้างขึ้นอยู่ข้างๆแอ่งน้ำ

หลังคาบ้านเรือนที่มีแสงสาดส่องมาจากท้องฟ้า ทุ่งข้าวสาลีที่แตกหน่อ ถนนของทุ่งนา มีม้าเพียงไม่กี่ตัวในหมู่บ้านกำลังแทะเล็มหญ้าอยู่ข้างๆเกวียน

ภาพที่ดูเหมือนฉากในหนังสือ ในสายตาของโนโซมุ ม้าที่กำลังฉุนเฉียว พร้อมจะพยศได้ทุกเมื่อ

ขณะนั้นเองก็เห็นเงาคนหลังต้นไม้

เมื่อลิซ่ามองเข้าไปก็พบกับเด็กผู้หญิงอายุราวๆกับลิซ่าที่มีกระที่แก้มกำลังย่อตัวเพื่อซ่อนตัว

「อาเระ? เมจิรามาทำอะไรในที่แบบนี้?」

「อืมมม….นั่นเพราะว่า….กำลังวาดรูปอยู่น่ะ」

เด็กสาวคนหนึ่งชื่อเมจิรา(メヒリャ ขอบคุณท่านLolicxที่อุปการะประทานชื่อให้)

「เน่! นี่ภาพวาดของเมจิราจังงั้นเหรอ!」

ลิซ่ารีบวิ่งไปหาเมจิร่าด้วยท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่เหมือนก่อนหน้านี้เลยแหะ แต่ดูเหมือนว่าลิซ่าจะตื่นเต้นละอยากรู้เป็นพิเศษ

เมจิราตกใจเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้า

「จ้องกันแบบนี้ก็เขินหน่อยๆนะ……」

เมื่อเห็นว่าลิซ่าและเหล่าผองเพื่อนจ้องมองด้วยความประทับใจ เมจิราก็ยิ้มแก้มปริจนเป็นสีแดง แม้ว่าจะดูท่าทางขี้อาย แต่เธอก็ดูมีความสุข

ในขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงของใครบางคนส่งเสียงมาจากด้านหลังโนโซมุ เมื่อมองย้อนกลับไปก็พบกับเด็กประมาณ 5 คน

「ชิ มาถึงก่อนพวกข้างั้นเหรอ……」

หัวหน้ากลุ่มของเด็กพวกนั้นเอ่ยปากขึ้น เป็นมูจิรุนั่นเอง

เด็กชายผู้มีพลังงานเหลือล้นและกลายเป็นหัวหน้าแก๊งค์ของเด็กในหมู่บ้านนี้

ลิซ่าและมูจิรุต่างแข็งแกร่งและเกลียดชังความพ่ายแพ้ แต่เนื่องจากมีมุมมองคล้ายๆกัน พวกเขาก็สนิทกันเหมือนหมากับแมวนั่นละ

เนื่องจากร่างกายและศักดิ์ศรีที่แบกรับเอาไว้มูจิรุจึงเป็นเหมือนตัวแทนสำหรับเด็กๆจนกระทั่งลิซ่ามาที่หมู่บ้าน

เนื่องจากบุคลิกห้าวเป้งจึงใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยกำลังเสมอมา ทำให้เด็กบางคนกลัว

สำหรับเธอแล้ว เธอไม่กลัวมูจิรุเลย การเผชิญหน้ากันระหว่างเธอกับเขาและใบหน้าที่งดงามนั่น ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหลงเสียด้วยซ้ำ

ถึงยังงั้นลิซ่าก็เกลียดมูจิรุที่รังแกคนที่ไร้ทางสู้ และมูจิรุเองก็ชอบอวดเบ่งใส่ผู้หญิง

ส่งผลให้เด็กๆหมู่บ้านแห่งนี้แตกออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มลิซ่าและกลุ่มมูจิรุ

「อ่า เพราะฉะนั้นแล้วพวกแกก็กลับบ้านไปเลยวันนี้พวกเราได้ใช้ที่นี่」

「ชิ! ใครเป็นคนตัดสินเรื่องนั้นกัน! ข้าไม่เห็นจำได้เลยว่าเคยพูดเรื่องแบบนั้น!」

มูจิรุผิดคำสัญญาสร้างความยุ่งยากให้กับคนรอบๆ เมจิราที่ได้ยินมูจิรุตะโกนก็ตกใจกลัว

แน่นอนว่าเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่จนถึงตอนนี้ก็รุดหน้าสู้เสมอ หวังว่าจะยอมถอนตัวแต่โดยดี

「ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วพูดอะไรของแกออกมาน่ะ? ที่นี่คือหมู่บ้านของพวกเราและสนามเด็กเล่นแห่งนี้ก็เป็นของพวกข้าโว้ย」

แต่วันนี้ด้วยเหตุผลบางอย่างมูจิรุสู้ไม่ถอย ดูเหมือนว่าเขาพยายามอวดเบ่งจนถึงที่สุดอยู่

「ไม่เกี่ยวกันเลย! ไม่เห็นมีชื่อของนายสลักไว้ตรงไหนสักหน่อย!」

ลิซ่าพูดตอกกลับมูจิรุ ขณะที่จ้องหน้ากันราวกับขู่กันนั่นเอง พวกเขาก็สบถคำด่าใส่กัน

「ก็นะ คนที่มาคนแรกคือเมจิรา ไม่ใช่หมายเลขสองแบบพวกแก!」

ในคำพูดของลิซ่า มูจิรุจ้องไปที่เมจิราที่หลบซ่อนหลังต้นไม้

เมจิราจ้องเขม็งแล้วก็ส่ายหัว

เธอเกาะติดกับลำต้นของต้นไม้ราวกับสัตว์ตัวน้อยที่หวาดกลัว

「หุบปาก! ทีนี้ละรู้รึยัง!」

「อาาาาาา!」

มูจิรุที่เดินมาเตะรูปวาดของเมจิราลงพื้น

ภาพของม้าที่กำลังพยศโดนดินกลบกระจัดกระจายไปทั่วทั้งรูปภาพ

「เห้ย! ทำอะไรของแกน่ะ!」

ลิซ่าขึ้นเสียงสูง พยายามจับตัวมูจิรุแน่น แต่เขาก็โวยวายออกมา

「น่ารำคาญโว้ย! หุบปากไปเลย! อย่ามาออกคำสั่งกับข้า! เป็นอีแค่เด็กกำพร้าแท้ๆ!」

「หนอย!!」

คำพูดของมูจิรุทำให้ลิซ่าโกรธมากและดวงตามีน้ำตานองอยู่

มูจิรุพูดด้วยคำพูดเสียดแทงจิตใจ มีอารมณ์ฉุนเฉียวแบบเด็กๆ

แต่สำหรับเธอแล้วคำพูดนี้มันฝังลึกลงในจิตใจ

เมื่อลิซ่ามาถึงที่หมู่บ้าน พ่อของเธอก็เสียชีวิตไปแล้ว เหลือเพียงแม่และน้องสาว

เหตุผลที่เธอมายังหมู่บ้านแห่งนี้ตอนแรกก็เพราะพ่อของเธอเสียไป พ่อของเธอเป็นนักผจญภัยแถมเด็กสาวตัวกระจ้อยผู้เสียพ่อไปมันเป็นอะไรที่แสนสาหัสนัก

จนกระทั่งจนถึงตอนนี้ ไม่รู้ว่าเธอต้องแบกรับอะไรมากมายขนาดไหนเธอต้องเร่ร่อนไปทั่วและไปยังหมู่บ้านที่ไม่รู้จัก

「เป็นอะไรไปเล่า ไอ้คนแปลกหน้าเอ้ย!」

มูจิรุทำหน้าตาภาคภูมิใจที่เห็นลิซ่าตัวสั่นด้วยท่าทางหวาดกลัวและเดินเข้าหาลิซ่า

แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่ง จิตใจเข้มแข็ง แต่ก็มีด้านที่อ่อนแอเช่นกัน ไม่น่าแปลกใจที่ความทรงจำอันเจ็บปวดมันทำให้ตัวเธอสั่นคลอน

แต่ไม่ว่าด้วยวิธีใด คำพูดของเขาก็รุนแรงเกินไป

ในขั้นต้นการทะเลาะของเด็กก็เหมือนสัตว์กัดกันและคนที่อ่อนแอกว่าก็แค่อับอาย

「ถ้าเข้าใจก็รีบกลับบ้านไปได้แล้ว!」

「คิย๊ากกกกกกกห์!」

มูจิรุผลักไหล่ของลิซ่าอย่างแรง

เมื่อลิซ่าโดนผลักไปเธอก็ลงไปล้มนั่งก้นจ้ำเบ้า

เหล่าสหายที่ตามพวกมูจิรุมาก็กำลังส่งเสียงโห่ร้องว่า “กลับบ้านไปซะ กลับไปซะ”

「ฮึกก ฮึกก……」

น้ำตาของลิซ่าไหลริน ไม่ว่าเธอจะแข็งแกร่งและเข้มแข็งเพียงใด การตายของพ่อของเธอนั้นนำมาซึ่งความโศกเศร้า มันเป็นบาดแผลที่ยากเกินจะเยียวยา

อย่างไรก็ตามก่อนที่น้ำตาจะไหล่ โนโซมุก็หมดความอดทนพุ่งเข้าหามูจิรุทันที

「หนอยแน่!」

โนโซมุคว้าอกมูจิรุอย่างสุดกำลัง แม้จะเกิดเหตุการณ์กะทันหัน แต่เขาก็เตรียมรับมือ

「หนอย……」

มีเสียงโกรธออกมาจากปากลิซ่า นอกจากนี้เคนยังเข้าไปนัวกับมูจิรุและผลักลงไปบนพื้น

「บุฟุ!」

โนโซมุและเคนร่วมด้วยช่วยกันจัดการมูจิรุ มูจิรุที่โดนซัดอยู่ฝ่ายเดียวก็ร้องเสียงหลงออกมาและพยายามโต้กลับ

「หมอนี่!」

「ขอโทษลิซ่าเลยนะโว้ย!」

ทั้งสามคนนัวเนียกันขณะที่อยู่บนพื้น

ผู้ติดตามของมูจิรุต่างอึ้งกับภาพตรงหน้า

อย่างไรก็ตาม หลังจากนัวกันเสร็จแล้ว เหล่าผู้ติดตามก็พุ่งเข้ามาและพยายามหยุด

โนโซมุและเคนต่างไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นแต่อีกฝ่ายมีจำนวนมากกว่า สุดท้ายก็โดนจับแยก

「หนอยไอ้พวกนี้นี่ ทำได้ไม่เลวเลยนี่หว่า……」

มูจิรุยืนขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ

ตามที่คาดไว้ ทั้งสองคนซัดมันก็ได้ผลอยู่ จนมันเดินโซเซ

ถึงกระนั้นใบหน้าของหมอนั่นก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาเดินไปหาเคนและโนโซมุที่โดนจับไว้และซัดคืน

มูจิรุง้างหมัด แต่โนโซมุและเคนที่จ้องมองเขากลับไม่มีความหวาดกลัวแฝงอยู่เลย

ขณะที่กำปั้นนั่นกำลังเหวี่ยงลงไปที่ใบหน้าของโนโซมุนั้นเอง

「ปล่อยเพื่อนฉันเดี๋ยวนี้นะ! ไอ้จมูกพิน็อคคิโอ้นี่!!」

「อั่ก!!」

ขาของลิซ่าฟาดเข้าที่ใบหน้าของมูจิรุ

ลูกเตะอันรุนแรงฟาดเข้าที่หน้าอย่างจังจนกระเด็นล้มลงกับพื้น

โนโซมุและคนอื่นๆต่างตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เขาจ้องมองลิซ่าด้วยความตกใจ

「……ไอ้จมูกพิน็อคคิโอ้นี่」

「น่าาา เรียกแบบนั้นมันจะดีเหรอ」

เมื่อความเงียบเข้าครอบงำโนโซมุและเคนก็พูดหัวเราะเยาะ อันที่จริงใบหน้าของหมอนั่นใหญ่และมีจมูกที่ยืดยาวและดูเหมือนหมู จนตอนนี้โดนเตะจมูกบิดไปแล้ว

นอกจากนี้ สายตาของลิซ่าจ้องมองมูจิรุที่ล้มลงกับพื้นพร้อมกับจ้องไปที่ผู้ติดตามคนอื่นๆ

「หวาาาาาาาาา!」

เสียงหวาดกลัวดังเข้ามาที่หูของพวกโนโซมุ

ลิซ่ารีบวิ่งเข้าไปหาพวกเขาโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย

「อะ ย๊ากกกกกกกกก……」

คนรอบๆต่างหวาดกลัว ลิซ่ารีบวิ่งไปยังช่องว่างและเข้าไปไล่ตบเรียงตัว

「โอ้ย!」

「อ๊ากก!!」

ทัศนวิสัยมืดลงในทันใดหลังจากนั้นก็มีเสียงดังตามมา

「เจ็บ! เจ็บ!เจ็บ!เจ็บโว้ย!」

พวกนั้นที่โดนตบอย่างรุนแรงก็ปล่อยตัวโนโซมุและเคนออกมา

ลิซ่ายังคงไล่จัดการพวกที่เหลืออยู่

พวกนั้นต่างเจ็บปวดจากการโดนโจมตี ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก

「ฮะเห้ยยาฟุระ……」

ใบหน้าของเขายังคงบิดเบี้ยวเขาลุกขึ้นยืนด้วยความช่วยเหลือจากผู้ติดตามที่เหลืออยู่

「โฮโฮโกโฮโกนิบายู(รีบออกไปจากที่นี่ได้แล้ว)!」

มูจิรุและผู้ติดตามของเขารีบกลับไป

ลิซ่า โนโซมุและเคนต่างดูแลกันและกัน หลังจากนั้นการทะเลาะวิวาทอันดุเดือดก็จบลง

◇◆◇

ในท้ายที่สุดแล้ว การทะเลาะวิวาทก็จบลง

「อาจะกลับบ้าน วันนี้มาช้าเกินไป! ปล่อยยัยผู้หญิงบ้าเลือดนี่ไปเหอะ!」

อยข่างไรก็ตามพวกมูจิรุและอีกห้าคนไม่สามารถเอาชนะพวกลิซ่าที่มีแค่ 3 คนได้และพ่ายแพ้ไป

「หึหึ ถ้าคิดจะลองดีก็เข้ามา! ไอ้จมูกพิน็อคคิโอ้!」

「ละลิซ่าไม่เป็นไรใช่ไหม……」

「นั่นสินะ พวกเราน่ะขยับตัวไม่ไหวแล้ว ทำไมพวกเราถึงโกรธหนักขนาดนั้นกันนะ……」

โนโซมุหมดแรงแล้ว และเหนื่อยด้วยแต่ตัวลิซ่ายังคงโกรธและตอกกลับมูจิรุที่พ่ายแพ้กลับไป

「อ่าขอบคุณนะ……」

การทะเลาะวิวาทจบลงแล้ว เมจิราจึงดูท่าทางโล่งใจออกมาจากด้านหลังต้นไม้

「เอะ? ไม่ต้องกังวลหรอกเห็นงี้ฉันเองก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน」

ลิซ่าบอกปัดเช่นนั้นพร้อมกับเกาแก้มด้วยท่าทางเขินอาย

ขณะที่จ้องมองลิซ่า แก้มของเมจิราก็ปริ

「ถ้ามันมาทำอะไรแปลกๆกับเธออีกละก็มาบอกฉันได้เลยนะ จะจัดการให้น่วมเลยคอยดู!」

ลิซ่าทำใบหน้าโกรธจัดพร้อมกับชกหมัดออกมา

ลิซ่าเงยหน้าขึ้นทำตาเป็นประกาย ดูเหมือนเธอจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว

ใบหน้าของมูจิรุที่บวมเป่งแถมมีรอยเท้าประทับหน้าแค่นึกก็ขำแล้ว

ถึงงั้นก็เหอะนะมันไม่ใช่ท่าทางของสาวน้อยสักหน่อยนะเแบบนี้เนี่ย

โนโซมุทำได้แต่ยิ้มเจื้อนๆ

บางทีลิซ่าติดตลกมากเกินไป เมจิราเลยพยักหน้ารับแล้วกลับไปที่หมู่บ้าน

「ก็นานมาแล้วนะ……」

โนโซมุพึมพำขณะหันหน้ามองไปบนท้องฟ้าทิศตะวันตก ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีส้มแล้ว

อย่างที่คิด ไม่น่าจะมีเวลาพอให้เล่นสนุกแล้ว ถ้าช้ากว่านี้ไปไม่ทันมื้อเย็นมีหวังโดนดุแหงๆ

「ช่วยไม่ได้นะ กลับบ้านกันเถอะวันนี้」

โนโซมุพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเคน

อย่างไรก็ตามลิซ่ายังคงจ้องมองพระอาทิตย์ต่อไป

「ลิซ่า?」

ท่าทางของเธอดูเศร้าๆ

เธอที่มักจะเข้มแข็งอยู่เสมอ แต่พอเรื่องพ่อแม่ทีไรเธอกลับอ่อนแอและอ่อนไหวเป็นอย่างมาก

「……เฮ้อ」

เธอถอนหายใจพร้อมกับปั้นหน้ายุ่งยาก

รูปลักษณ์ของเธอดูอ่อนแรงจนเหมือนกับจะปลิวไปกับสายลม

มองดูท้องฟ้ายามพลบค่ำด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย ทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆต่างสั่นสะท้านกับใบหน้าเศร้าสร้อยที่ย้อมไปกับพระอาทิตย์ตกดิน

โนโซมุและเคนรู้สึกทึ่งกับท่าทางของเธอ

น่าแปลกที่ท่าทางตอนนี้ของเธอดูสมหญิงขึ้น

ไม่ว่าจะตกใจแค่ไหน เธอก็พูดออกมา

「นี่ สำหรับพวกนายแล้วฉันเป็นคนแปลกหน้ารึเปล่า?」

「เอ๊ะ?」

บางทีคงมีความรู้สึกซับซ้อนอยู่ภายในใจของเธอ

เธอเป็นลูกไม่มีพ่อ แม่ของเธอก็พาเธอมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ ถึงแม้จะเป็นคนต่างถิ่นแต่มันก็ต่างออกไป

แม้ว่าจะเป็นคนต่างถิ่นแล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ ตัวเธอที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ก็นับเป็นคนของหมู่บ้านนี้แล้ว

「พ่อของฉัน เป็นนักผจญภัยและฉันก็ถูกพาไปที่ต่างๆอยู่เสมอ เมืองทะเลสาบอบลูเรียส(アブリュエス)และเมืองการ์เซม(ガルセム)……」

ดวงตาของเธอจ้องมองไปยังหมู่บ้านที่อยู่เบื้องล่าง สำหรับพวกโนโซมุแล้วมันเป็นทิวทัศน์ที่ไม่เคยเห็น

「สำหรับฉันแล้วการเดินทางนั้นสนุกมาก มีหลายครั้งที่กินไม่อิ่ม แต่ก็ได้เห็นสิ่งต่างๆมากมาย」

หาดทรายที่ส่องประกายเหมือนกับแสงดาวที่ตกลงสู่พื้นดิน ผู้คนมากมายที่เดินตามเมือง

สิ่งนั้นมันคือเรื่องใหม่ๆสำหรับเธอ

แน่นอนตราบใดที่เป็นนักผจญภัย รายได้มันไม่คงที่ และมีบางวันที่ต้องอดกันบ้าง

ถึงกระนั้น พ่อกับแม่ก็ยังคงยิ้มเสมอ และทุกๆวันที่เต็มไปด้วยความสุข

「แต่พอพ่อฉันตายไป แม่ก็ไม่สามารถเลี้ยงฉันต่อไปได้….ก็เลยต้องมาที่หมู่บ้านแห่งนี้」

「อืมมม……」

การตายของพ่อเธอ การตายของเหล่านักผจญภัย ล้วนแต่มีเกียรติ

เพียงไม่กี่ปีก่อนการรุกราน สัตว์ประหลาดมุ่งหน้ามาจากทางใต้และไปทางเหนือ

ในช่วงเวลานั้นเองเหล่าสัตว์อสูรก็เริ่มกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ

จิตใจของผู้คนค่อยๆตกต่ำ และความกังวลที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจ จิตใจ ทุกอย่างเริ่มติดลบ

ในเวลานั้น แม่ของฉันไม่สามารถไปผจญภัยกับตัวเธอและน้องสาวของเธอได้

นั่นเป็นเหตุผลที่แม่ของลิซ่าตัดสินใจย้ายหมู่บ้านพร้อมกับลูกๆของเธอ

「ที่นี่ไม่อันตราย ฉันสามารถนอนบนเตียงอุ่นๆได้เสมอ และมันก็ไม่ได้หนาวขนาดนั้น แต่ว่า……」

อันที่จริง หมู่บ้านส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบมากมาย

บ้านถูกทำลาย โดนโจรบุก พืชผลก็ย่ำแย่ แต่ว่าก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานจากการขาดแคลนอาหาร

อย่างไรก็ตาม ที่หมู่บ้านแห่งนี้ ลิซ่ารู้สึกได้ถึงบางอย่างในใจ

มีบางอย่างขาดหายไป เป็นรูเล็กๆในจิตใจ และความรู้สึกร้อนรุ่มที่แน่นอยู่เต็มอก

ลิซ่ากำมือแน่นตรงหน้าอกราวกับพยายามปิดรูที่เปิดออก

ในเวลานั้น คำพูดของโนโซมุก็แล่นเข้าหูของเธอ

「ลิซ่า อยากจะเป็นเหมือนคุณพ่อสินะ?」

ลิซ่าพยักหน้าเล็กน้อยกับคำพูดของโนโซมุ

ความอบอุ่นตอนนอนไม่หลับเพราะกลัวความมืด เสียงหอนของสัตว์อสรูที่ดังระหว่างการเดินทาง ความร้อนรุ่มเหล่านั้นยังคงคลุกกรุ่นในใจ พร้อมกับภูมิประเทศมากมายที่พ่อพาไปดู

「……ไม่เป็นไรหรอกนะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าลิซ่าโตขึ้น เธอก็จะเป็นอิสระ และผมเองก็มั่นใจว่าแม่ของเธอจะไม่ต่อต้านเธอที่อยากเป็นนักผจญภัยแน่ๆ」

「อืม ถ้าแม่ของลิซ่าเป็นนักผจญภัย ข้าเองก็ไม่คิดว่าเธอจะคัดค้านหรอก」

โนโซมุและเคนพูดปลอบ

ไม่มีอะไรต้องตั้งแง่มากมายนัก แต่อย่างน้อยสำหรับตอนนี้สำหรับเธอไม่ใช่เหตุผลที่ชัดเจน แต่เป็นสิ่งที่คอยค้ำจุนเธอต่างหาก

「ใช่แล้ว ยังไงเธอก็เป็นเหมือนคุณพ่อได้……」

เพื่อบอกความรู้สึกที่มีในใจและโอกาสในก้าวแรก นี่คือสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างแรงบันดาลใจให้เธอ

ไฟร้อนรุ่มที่ถวิลหาถึงอดีตยังคงแผดเผา พร้อมกับแรงสนับสนุนจากเพื่อนทั้งสอง

「อืม ตัดสินใจได้แล้ว ฉันจะเป็นนักผจญภัย!」

ลิซ่าประกาศกร้าวอย่างชัดเจน เธอพูดออกมาดังๆราวกับการตัดสินใจอันหนักแน่น

อยากเห็นภาพแบบนั้นอีกสักครั้ง บางทีถ้ากลายเป็นนักผจญภัยแล้วละก็จะได้พบกับเหตุการณ์เหล่านั้นก็ได้

จะไม่ปิดบังความรู้สึกอีกต่อไปแล้ว แม้ว่ามันจะไร้เหตุผลแค่ไหนก็ตาม แค่ปล่อยตัวไปตามความรู้สึกก็พอแล้ว

「กิลด์นักผจญภัยมีที่ๆทุกคนจากทั่วทุกมุมโลกมารวมกัน และก็มีสถาบันขนาดใหญ่ที่สามารถให้เหล่านักเรียนได้เข้าร่วมกันด้วย!」

นับจากนี้ไปจะไปศึกษาต่อที่สถาบันโซลมินาติ

ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วและพื้นที่จะมืดในพริบตา ในตอนนี้พวกเราต้องรีบกลับบ้านแล้ว

ทั้งสามรีบวิ่งลงจากเนินเขาไปยังที่หมู่บ้าน

เมื่อกลับมาที่หมู่บ้าน มันก็มืดสนิท และกลับไปโดนเทศแน่ๆ

เมื่อวิ่งไปที่บ้านโนโซมุก็จ้องมองลิซ่า

แม้ว่าจะรู้สึกผิดที่ว่าอาจจะไม่ได้อยู่ด้วยกันสามคนอีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้มีความเศร้าอยู่บนใบหน้านั่น

โนโซมุลูบอกและรีบเดินกลับบ้าน

พอมาถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้าน กลิ่นอาหารโชยฟุ้งเรียกความอยากอาหารออกมา

โนโซมุที่หมดแรงก็เริ่มหิว

「หิวแล้วววววววว~。รีบกลับบ้านกันเถอะ!」

「อืมทั้งสองคนรอสักครู่!」

โนโซมุและเคนพยายามจะกลับบ้านโดยเร็ว แต่ขณะนั้นเองลิซ่าก็ทักขึ้น

เมื่อมองย้อนกลับไป ด้วยความสงสัย ลิซ่าหน้าแดงเล็กน้อยแล้วเบือนหน้าหนีโดยเอานิ้วเกี่ยาวก้อยกัน

ดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา ท่าทางดูเขินอายอย่างเห็นได้ชัด

ถึงกระนั้นเธอก็ส่ายหัวและสลัดความอายทิ้งไปพร้อมกับพูดออกมา

「ก็แบบว่า…ขอบคุณนะทั้งสองคน」

สุดท้ายแล้วก็พูดออกไปจนได้

เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าอก ความรู้สึกนี้ฉันจำได้เป็นอย่างดี

แม้ว่าจะไม่ใช่คำพูดที่น่าพอใจ แต่ฉันพยายามอย่างหนักเพื่อพูดออกไป โนโซมุและเคนเองก็หน้าแดงระเรื่อเหมือนกัน

「ป-เปล่า ไม่มีอะไร」

「ฮะฮะ」

อากาศยามพลบค่ำนั้นเริ่มเย็น แต่ว่าเหงื่อก็ดันไหลออกมา ความร้อนบนใบหน้าเริ่มเพิ่มขึ้น

「นี่พี่คะ….~อยู่ที่ไหนคะ~~?」

「อาเระ? รูรูดี้?!?」

ในเวลานั้นเองน้องสาวของเธอก็ปรากฏตัวขึ้นทั้งน้ำตา

เด็กคนนั้นมีผมสีแดงเข้มเหมือนกับลิซ่า

อายุน้อยกว่าพวกโนโซมุประมาณสองปี ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

รูรูดี้・เฮาวด์ (ルルディ・ハウンズ)

น้องสาวของลิซ่า อรุสรณ์สุดท้ายที่พ่อของเธอได้ทิ้งเอาไว้

เธอมีบุคลิกขี้อายและติดแม่กับพี่สาวอย่างมาก ต่างกับตัวลิซ่าเองและเห็นได้ชัดว่าเธอออกมาจากบ้านเพราะห่วงพี่สาว

「โม่วววว ทำอะไรอยู่เนี่ย」

ลิซ่ารีบวิ่งไปหารูรูดี้ด้วยน้ำเสียงตกใจ

ในบริเวณนั้นมันมืดไปแล้วมีแสงเดียวคือแสงจันทร์

「ก็เพราะว่า……。เพราะว่าพี่ไม่ยอมกลับมานี่คะ……」

นอกจากแสงจันทร์แล้ว ยังมีไฟจากบ้านอื่นๆสาดส่องอยู่ แต่ดูเหมือนรูรูดี้จะกลัวมาก

「กลัวพี่ไม่กลับมาก็เลยออกมาตามหา หนูกลัวความมืดแต่ก็อยากเจอพี่」

「เพราะงั้น~~」

เธอดูท่าทางกลัวมากและเธอวิ่งเข้าโอบกอดพี่สาวของเธอ

ลิซ่าลูบหลังเธอเพื่อปลอบน้องสาวที่กำลังร้องไห้

「เอาล่ะ ถ้างั้นกลับบ้านกันเถอะพี่เป็นห่วงแม่」

ขณะบอกเช่นนั้นกับรูรูดี้ที่เอาตัวฝังไปในอก เธอก็จับมือน้องสาวแน่น

「ถ้างั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้!」

เมื่อหันหลังกลับไป ลิซ่าก็มุ่งหน้ากลับบ้านพร้อมกับน้องสาวของเธอ เมื่อเธอหันกลับมา ใบหน้าของเธอก็แดงแจ๋แม้แต่แสงดาวน้อยๆยังส่องพอให้เห็นได้เลย

โนโซมุและเคนรู้สึกทึ่งกับท่าทางของเธอ แต่ไม่สามารถละสายตาเหล่านั้นได้เลย

「โนโซมุคิดอะไรอยู่?」

「เอ๊ะ?」

ทั้งสองไม่ได้คิดอะไรอยู่พักหนึ่ง แต่จู่ๆก็โดนเรียก

「พ่อของลิซ่าเสียชีวิตจากการเป็นนักผจญภัย แสดงว่าลิซ่าจะไปที่นั่นใช่ไหม……」

「…………」

คำพูดของเคนรู้สึกกลัวเล็กน้อย

อาจเป็นเพราะการตายของพ่อของเธอที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้

พ่อของลิซ่าตายระหว่างการผจญภัยอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ลิซ่าจึงจะต้องพบกับการเดินทางอันแสนยากลำบากแน่ๆ

มันเดาได้ไม่ยากเลยหากเธอมุ่งไปยังเส้นทางนั้นไม่สักวันเธอก็คงจะจบลงเหมือนพ่อของเธอ

โนโซมุและเคนมองหน้ากันเงียบๆ

พวกเราหยุดลิซ่าไม่ได้ ความเศร้ามันกัดกินจิตใจเธอ และเหนือสิ่งอื่นใดพวกเราอยากสนับสนุนความฝันของเธอ

ลิซ่าเป็นคนเข้มแข็งและซื่อตรงต่อสิ่งที่ทำ ทั้งสองคิดว่าเธอคงไม่ยอมอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้เธอเครื่องติดแล้ว

「เฮ้ เคน……」

「อืม รู้อยู่แล้วล่ะ」

ใช้ความฝันของเธอมาสนับสนุนการผจญภัยของพวกเรากันเถอะ

ทั้งสองพยักหน้ากันอย่างเงียบๆ แม้จะไม่มีคำพูดใดๆก็ตาม ความปรารถนาของพวกเขาที่จะปกป้องคนที่เขารักนั้นเป็นหนึ่งเดียว

ในวันนี้พวกเขาตัดสินใจแล้วว่าจะไปสถาบันโซลมินาติเช่นเดียวกับลิซ่า

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่โนโซมุและเคนมีเริ่มงอกงามในจิตใจ และความรักที่พวกเขามีต่อเธอก็เริ่มเพิ่มพูน

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้กับการที่โนโซมุกลับบ้านช้า ถูกพ่อที่หัวแข็งตีและบังคับไปรับฟังเทศฟังธรรมเป็นเวลานาน

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ” ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยนำบางส่วนมาจากนิยาย เรื่อง พันธนาการจ้าวมังกร เชื่อมใจ สู่ “หัวใจ”

บทนำ

สถาบันโซลมินาติ เป็นสถานที่รวมตัวของเหล่าคนหนุ่มสาวที่มีควาฝันทะเยอทะยานมากมาย มีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่เพื่อสนับสนุนความฝันของคนรัก อย่างไรก็ตาม ความสามารถของชายคนนั้นที่ไม่มีดีด้านไหนเลย ก็ถูกผู้คนต่างกลั่นแกล้ง คนรักก็ทอดทิ้ง ความหวังในชีวิตต่างสูญหาย ช่วงเวลาแห่งชีวิตมาถึงจุดเปลี่ยน ยังไงก็ตามเขาพบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่จะคอยเปลี่ยนแปลงเขาไปตลอดการ นี่คือเรื่องราวของชายผู้ที่ถูกทอดทิ้งจะกลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง

เรื่องย่อ

สถาบันโซลมินาติ สถานที่ๆคนหนุ่มสาวจากทั่วทุกดินแดนจะมารวมตัวกันเพื่อต่อยอดความฝันและความหวังของตัวเอง ความทะเยอทะยาน สำหรับคนที่ไม่มีอะไรดีสักด้านนั้นจะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามถูกปฏิบัติแบบไร้ซึ่งมนุษย์ธรรมโดยสมบูรณ์

เป็นเวลากว่าสองปีแล้วที่ชั้นอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ข้า โนโซมุ เบลาตี้ ซึ่งอยู่บนดาดฟ้าของโรงเรียนในช่วงพักกลางวัน

ข้ามาที่นี่เมื่อสองปีก่อน ออกมาจากบ้านเกิดกับเพื่อนสมัยเด็กสองคนเพื่อมายังที่แห่งนี้

คนแรกคือ เคน โนทิส เป็นเพื่อนที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ ลิซ่า เฮาวน์

สาวสวยผู้มีผมหางม้าสีแดง

เป็นคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตและเป็นคนรักของข้า

เธอเป็นคนที่เอาชนะคนอื่นได้เสมอ เธอเป็นเหมือนดั่งตัวร้ายที่คอยต่อต้านกับหัวหน้าหมู่บ้าน

ข้าพบกับเธอก็เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ ตอนที่ข้ากำลังตกปลาในแม่น้ำใกล้หมู่บ้าน

「อะ เอ่อ อืม ว่างหรือเปล่า?」

เป็นตอนนั้นเองที่เธอเข้ามาพูดกับข้า

ผมสีแดงตัดสั้น ท่าทางที่ดูมั่นใจ ใบหน้าของข้าค่อยๆร้อนรุ่ม…ข้าตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น

พ่อแม่ของเธออาศัยอยู่ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป แต่เมื่อพ่อของเธอเสียชีวิตระหว่างเดินทาง เธอจึงตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่บ้านเกิดของข้า

ตอนเธอยังเด็กมักจะเป็นเด็กที่ซุกซนและอารมณ์ฉุนเฉียว แต่ข้าก็ไม่ได้รังเกียจอะไร และเธอไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ

แล้วก็เด็กที่ทำให้เธอผิดหวังมากที่สุดก็คือนายพลกาคิกับผมด้วยเหตุผลบางอย่าง

เมื่อสามปีก่อนข้าสารภาพรักกับเธอเพราะว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

รักแรกที่ข้าชอบมาตลอด

เธอตกใจมากกับการสารภาพรักที่กระทันหันของข้า แต่เธอก็ยอมรับข้าและร้องไห้ทั้งน้ำตา

ตอนนั้นเองข้าจึงตัดสินใจที่จะไปสถาบันโซลมินาติกับเธอเพื่อสนับสนุนความฝันของเธอให้เป็นจริง

มันเป็นแรงบัลดาลใจให้ข้า ความฝันของเธอที่บอกข้าตอนยังเด็ก

「ฉันน่ะอยากจะเห็นโลกที่หลากหลายเหมือนกับคุณพ่อ」

ข้ารู้ว่าเธออยากออกไปท่องโลกกว้างเพราะเธอได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นมาจากมารดาของเธอ

ตอนนั้นเองเป็นตอนที่ข้าตัดสินใจไปที่สถาบันโซลมินาติ

หากคนที่ตัวเองรักอยากทำความฝันให้เป็นจริง ข้าก็ควรจะสนับสนุน

ด้วยคำพูดเช่นนั้นข้าตัดสินใจว่าจะสนับสนุนเธอตลอดมา

เธอกอดข้าทั้งน้ำตาพร้อมกับบอกว่า「ขอบคุณนะ……ฉันดีใจจริงๆ」

ท่ามกลางการหลับกลางวันของข้าก็ได้ยินเสียงระฆังที่ส่งเสียงบอกเวลาว่าหมดเวลาพักกลางวันแล้ว

ข้าลุกขึ้นพร้อมกับบิดตัวด้วยความขี้เกียจพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน

ถูกบังคับให้ไสหัวไปก็ตั้งหลายครั้ง ตัวข้าที่ไม่สามารถทำคำปฏิญาณนั่นได้

ชั้นเรียนของข้าคือ ชั้นเรียนที่สอง ระดับ 10 เป็นห้องที่ต่ำที่สุดในบรรดาชั้นเรียนที่สอง

ในหมู่พวกนั้นข้าเป็นคนที่อยู่ต่ำสุดเรียกได้ว่าเป็นพวกที่ห่วยของโครตห่วย

เมื่อข้าเข้ามาในชั้นเรียนก็โดนต้อนรับด้วยการหัวเราะเยาะเย้ยเป็นเรื่องปกติ

「ยังจะโผล่หัวมาอีกนะ ไอชั้นต่ำ」

「เมื่อไรมันจะหายๆไปสักทีวะ」

「หวังว่าจะลาออกไปไวๆน้า~」

เสียงที่ดูไร้หัวใจเหล่านั้นเสียดแทงเข้ามาในจิตใจของข้า ข้าทำได้แต่เมินต่อไปและนั่งลงบนเก้าอี้

เมื่อข้านั่งลงก็มีนักเรียนสามคนเข้ามาทางข้า

「แกจะมาทำไม ในเมื่อแกมาที่นี่มันก็ไร้ความหมายอยู่ดีไม่ใช่เหรอไงวะ ไอ้เศษเดนเอ้ย」

มาร์ที่ตัวค่อนข้างใหญ่พูดข่มขู่ข้า

「ยอมแพ้ไปสักทีเหอะวะแกไม่คิดว่ามันเสียเวลาชีวิตบ้างเหรอวะ」

「แกโดนแกล้งขนาดนี้ก็เหมาะกับแกดีนี่ เหมาะสมกับเศษสวะอย่างแก」

พวกนั้นก็ยังคงกรนด่าข้าไม่หยุด

「ช่ายๆ โดนเด็กผู้หญิงหัวแดงที่ท่าทางเหมือนเจ้าหญิงนั่นทิ้งแล้ว ไม่มีอะไรให้แกได้ฝันอีกต่อไปแล้วล่ะ」

พวกนั้นทั้งสามคนยังยืนหัวเราะและพยายามยั่วโมโหข้า ไม่มีใครคิดจะห้ามพวกมัน ในท้ายที่สุดพวกมันก็ไม่ยอมหยุดจนกระทั่งอาจารย์ประจำชั้นเข้ามาในห้อง

ใช่แล้วล่ะ ข้าถูกลิซ่าทิ้ง เธอน่ะเป็นนักเรียนห้อง 1 เลยนะ

ทันทีที่เธอทิ้งข้าไปหลังจากกล่าวลาไม่กี่คำ เธอก็ไม่เคยกลับมาพบข้าอีกเลย

ข้าไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตั้งแต่นั้นมาเธอก็มองข้าเหมือนเศษสวะ

เป็นเพราะข้าเอาแต่สร้างปัญหายังงั้นเหรอ

ลิซ่าเป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “เจ้าหญิงผมแดง” เพราะหน้าตาและความสามารถ

ในทางกลับกันตัวข้าที่ไม่มีอะไรดีเด่นหน้าตาบ้านๆ

ตลอดช่วงที่ข้าคบกับเธอ เธอมักจะโดนรังควาญอยู่เสมอ บางทีการที่ข้าโดนทิ้งก็เพราะสร้างความยุ่งยากให้เธออยู่เสมอก็ได้

ข้านั้นไร้ซึ่งเพื่อนและกลายเป็นหมาหัวเน่า

ถึงกระนั้นข้าก็พยายามอยากหนักไม่ละเลยสิ่งต่างๆตามหน้าที่ของตน

สักวันหนึ่งถ้าข้าสามารถรักษาคำสาบานที่ให้ไว้ได้ละก็……….ข้าคิดเช่นนั้น

ในขณะเดียวกันนั้นเองเธอก็ไปคบกับเพื่อนสมัยเด็กที่ข้าสนิทด้วยที่สุด

เธอดูมีความสุขราวกับเธอรักเขาจริงๆ

ในการฝึกซ้อมเป็นคู่พวกเธอสองคนเข้าขากันได้ดีมาก ข้าไม่มีที่ยืนเคียงข้าเธอเลย

ชั่วโมงที่สอง ในช่วงบ่าย

「เฮ้ออ!」

ด้านข้างของดาบจำลองนั่นถูกขว้างมาจากเครื่องยิงดาบจำลอง

เมื่อดาบจำลองที่ถูกยิงมาถูกปากลับไปและแทงเข้าไปที่คอของตุ๊กตา กลไกนั่นก็จะหยุดทำงานลง

หลังจากคาบบรรยายนี่ก็เป็นภาคฝึกปฏิบัติ

นอกจากสนามฝึกซ้อมแล้วยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สนามทดลองเวทมนตร์ในสถาบันแห่งนี้และนักเรียนที่สามารถศึกษาเรียนรู้ความสามารถของตนตามสถานที่ต่างๆ

สนามฝึกถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่เพื่อให้นักเรียกจากหลายๆชั้นมาเรียนที่เดียวกันได้

วันนี้เป็นการฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคลและแต่ละคนก็จะได้ต่อสู้กับหุ่นยนต์ที่มีดาบจำลองเป็นคู่ซ้อมทำการต่อสู้แบบอิสระ โดยใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อให้หุ่นยนต์นั้นทำงาน

อย่างไรก็ตามหุ่นยนต์สำหรับพวกห้อง 10 นั้นมีคุณภาพแย่และเคลื่อนไหวได้แค่บางส่วน

「อืม ต่อไปจะเป็นการต่อสู้เป็นคู่ เลือกคู่หูได้ตามใจชอบ~」

เมื่ออาจารย์อันริ วาร์ อาจารย์ประจำชั้นของพวกห้อง 10 เรียกออกมา หุ่นยนต์ก็หยุดทำงาน ดังนั้นทุกๆคนก็หยุดและรอการจับคู่

อาจารย์อันริมีผมหยักสีน้ำตาล ดวงตาที่ดูสมวัยและใบหน้าที่ออกไปทางดูดีอย่างมาก

อย่างไรก็ตามอาจารย์คนนี้เป็นบุคคลที่ไม่เหมาะกับโรงเรียนแห่งคุณธรรมแห่งนี้เลยเพราะเขาชอบพูดและทำท่าทางแปลกๆราวกับคนบ้า

เรียกได้ว่าคนที่รับผิดชอบนักเรียนห้อง 10 ถูกโยนมาแบบทิ้งขว้างเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามการที่เขาสามารถมาเป็นอาจารย์ได้ก็คงมีความสามารถพอตัว

ในที่สุดการจับคู่ก็ถูกตัดสินและแต่ละฝ่ายต่างเริ่มจำลองการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของตัวเอง แต่ว่าคู่ต่อสู้ของข้าดันเป็น……。

「เอ่อ สำหรับแกแล้ว น่าเสียดายหน่อยนะ」

เป็นมาร์นั่นเองที่กรนด่าข้าเมื่อตอนบ่าย

「มาเริ่มกันเลยดีกว่า เพราะว่าเศษสวะอย่างแกจะทำให้ชั้นเสียเวลา」

มาร์ดึงดาบใหญ่ออกมาจากด้านหลัง

มาร์เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ความสามารถของเขานั่นของจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังได้มาอยู่ในห้องห้อง 10 เช่นนี้เพราะชื่อเสียงแย่ๆนั่นละ

ผมเองก็ดึงดาบจำลองออกมาด้วยเช่นกัน

อาวุธของข้าเป็นดาบที่มาจากทางเกาะตะวันออก เรียกกันว่าคาตานะ เป็นดาบที่มีความคมเป็นอย่างมาก กล่าวได้ว่ามันสามารถตัดทุกอย่าไงได้หากใช้ได้อย่างชำนาญ

ยังไงก็ตาม มันใช้เทคนิตชั้นสูงและความหายากของมันเลยไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายนัก

มันเป็นอาวุธที่เหมาะกับข้าที่สุด สำหรับข้าที่ไร้ซึ่งพลัง

「ถ้าอย่างงั้นละก็ เริ่มได้~~~」

การต่อสู้นั่นเต็มไปด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยจากท่าทางของอาจารย์อันริ

「โฮ่ย่าาาาาาาาาาาห์」

มาร์เหวี่ยงดาบใหญ่พร้อมตะโกนก้อง

ผมป้องกันการโจมตีด้วยคาตานะ

ดาบของมาร์ถูกเบี่ยงวิธีและมันก็ฟาดลงทีพื้น

「ฮ่าๆ!」

ก้าวเข้าไปหลังจากมาร์เปิดช่องว่างเล็งไปที่ต้นคอและพยายามจะเอาสันดาบทุบ

「สายไปละโว้ย!」

มาร์เอาถุงมือที่แขนปกป้องดาบของผมไว้ ดาบเลียนแบบที่ไม่มีความคมของดาบดั้งเดิมเหลืออยู่ก็ถูกป้องกันด้วยถุงมือนั่น

มาร์รุดหน้าเข้ามาพร้อมกับยกถุงมือขึ้นป้องกันการโจมตี แต่ข้าก็ก้มลงเพื่อหลบการโจมตี

ข้าพยายามจะโจมตีไปอีกรอบ แต่มาร์นั้นเหวี่ยงดาบใหญ่มาด้วยมือข้างเดียว

ข้าถูกบังคับให้ถอยและกลับไปตั้งหลักใหม่

มาร์ที่ฟาดดาบใหญ่จนพื้นแตกกระจายพยายามมองระหว่างข้าและดาบใหญ่ของมันเอง……。

「อยากโดนหั่นเป็นชิ้นๆเหรอไงวะ」

มาร์พูดเช่นนั้นพร้อมกับรังสีกดดันที่เพิ่มมากขึ้น

“คิ”

เป็นสกิลของทางฝั่งตะวันออกที่จะเพิ่มพลังให้แก่ผู้ใช้งานให้เหนือขีดจำกัดยิ่งขึ้นไป

มาร์พุ่งเข้ามาในคราวเดียว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก

นั่นละคือผลลัพธ์จากการใช้ คิ

ราวกับจะจับเหยื่อตรงหน้าฟาดดาบใหญ่นั่นลงมาในทีเดียว

ข้าเองก็ใช้ “คิ”เช่นกันเพื่อหลบการโจมตีของดาบใหญ่นั่น เสียงของเหล็กดังกระทบกันสนั่นหู

「เหอะ!ลังเลอยู่งั้นเหรอ」

มาร์ที่รู้สึกหงุดหงิดนั่นดูมีท่าทีลังเลจึงไม่สามารถจะตัดสินใจจบการโจมตีในทีเดียวได้

เขาดึงดาบใหญ่ที่จมลงไปบนพื้นและเริ่มที่จะฟันมันมาอีกครั้ง

เขาฟาดฟันดาบใหญ่ไปรอบๆด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาลจาก “คิ”

เสียงของเหล็กปะทะกันดังสนั่นไปทั่วบ่งบอกถึงการต่อสู้อันดุเดือด แต่ว่ามีฝ่ายเดียวที่ได้เปรียบ

การเสริมพลังกายของมาร์มีพละกำลังมากกว่าข้า แต่ผลของการเสริมพลังกายของข้าเองก็ได้ผลเพียงครึ่งเดียวด้วยความสามารถของข้า

มาร์มันเป็นคนเก่งแต่เพราะทำแต่เรื่องแย่ๆเลยได้มาอยู่ในห้อง 10

ในทางตรงกันข้ามแม้หมอนั่นจะมีความสามารถสูง แต่มาร์มันกลับพอใจที่จะกดขี่คนที่ต่ำกว่านั่นมันโครตจะแย่

เทคนิคดาบชั้นสูงของมาร์ไม่สามารถใช้จัดการกับโนโซมุตามปกติได้ แต่ว่าพลังกายของโนโซมุที่ได้รับการเสริมแบบครึ่งๆกลางๆมันก็พอเป็นไปได้

พลังที่ได้มานั่นทำให้พอฟัดพอเหวี่ยงกับดาบของโจรสลัดเท่านั้นเอง

「แหลกไปซะเหอะมึง!!」

บางทีอาจจะเป็นเพราะข้าโดนกดดันจนถูกบดขยี้ในพริบตา แต่ว่าข้าก็กันการโจมตีนั่นได้ยิ่งทำให้มาร์มันหงุดหงิดจนพละกำลังมันเพิ่มมากขึ้นไปอีก

「เหอะ คิดว่าจะบดขยี้ข้าได้ง่ายๆงั้นเหรอ!」

ข้ากัดฟันแน่นเพื่อที่จะไม่เดินไปตามเกมส์ของศัตรู

แม้ว่าพลังในการโจมตีจะเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีของมันก็ซ้ำซากและจำเจ ทำให้รับมือได้ไม่ยากเย็น

อย่างไรก็ตามข้าไม่สามารถสวนกลับได้ทำได้เพียงแค่ยื้อเท่านั้น

และถ้าโต้กลับไม่ได้ผลมันก็รู้ๆกันอยู่

ในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัด

ข้าไม่สามารถรับการโจมตีของมาร์ได้อีกต่อไป การป้องกันของข้าถูกทำลายลงและไม่มีเวลามาตั้งท่าใหม่ ตอนนั้นเองทีข้าถูกดาบใหญ่นั่นฟาดเข้ามากระแทกกับคาตานะของข้าจนกระเด็น

「จะเหนียวได้สักแค่ไหนกันเชียววะ!」

รูปร่างของข้าบิดเบี้ยวเพราะการโจมตีนั่น ข้าตัวกระเด็นจนตัวไปกระแทกกับกำแพงของสนามฝึกซ้อม

ผลกระทบนั่นทำให้ข้าหายใจติดขัดและการมองเห็นของข้าก็มืดดับลง

「เป็นแค่เศษสวะแท้ๆ แต่ยังกล้าขัดขืน โดนดีไปซะเหอะมึง」

ข้าหมดสติไปพรัอมกับคำพูดของมาร์

「โอ้ยยยย เจ็บแหะ!」

ข้าลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับสติที่พร่ามัวลุกขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดไปทั้งตัว

ข้าก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในห้องพยาบาล

「เอ้าๆ รู้สึกตัวแล้วไม่ใช่เหรอไงเนี่ย?」

ผู้หญิงสวมชุดโค้ทสีขาวพร้อมกับใส่แว่นนั่นกำลังทำงานอยู่บนโต๊ะพยาบาล

ชื่อของเธอคือนอร์น อัลทิน่า เป็นหมอประจำโรงเรียนที่สวยเอามากๆ

เธอเดินมาทางนี้และขยับนิ้วมาตรงหน้าผมเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกาย

「อืมม ดูจากสภาพแล้วสติยังคงดีอยู่ แล้วรู้สึกปวดตรงไหนบ้างรึเปล่า?」

「ข้าปวดหลังนิดหน่อยและหัวเองก็ยังคงมึนๆ แต่ว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติแล้วล่ะ」

「อืมมเข้าใจแล้ว ฉันทายาไปที่หลังของนายแล้วล่ะ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนก็มาได้ตลอดเวลานะ มันจะดีกว่านะที่มาหาฉันมากกว่าที่จะทนเจ็บกับบาดแผลนั่น」


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน