ยอดชายากับองค์หนูน้อยแห่งจวนอ๋องอี้ บทที่ 567 บอกเล่าความจริง
วันนี้นางจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับหนานหว่านเยียน!
กู้โม่หานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ประหลาดใจกับท่าทีที่เป็นมิตรของหยีเฟยที่มีต่อหนานหว่านเยียน แต่เขาก็สบายใจขึ้นไม่น้อย ขอเพียงเสด็จแม่กับหนานหว่านเยียนไม่มีความบาดหมางใจกัน เรื่องราวมากมายก็จะจัดการได้ง่ายอย่างยิ่ง
หยีเฟยเห็นเขาไม่เอ่ยอะไร จึงเอ่ยขึ้น “ตะ ตอบ”
ใบหน้างดงามสง่าของก็โม่หานเคร่งขรึมขึ้น “เสด็จแม่ ลูกเคยทำผิดมากมายหลายเรื่อง เคยทำร้ายหนานหว่านเยียน แต่ลูก……”
“ไม่มี แต่!” หยีเฟยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เจ้าเด็กบ้านี่รู้ว่าตัวเองรังแกคนด้วยสินะ “ข้า เคย สั่งสอน เจ้า ไม่ใช่ หรือ”
“ว่า อย่า หา ข้อแก้ตัว ให้ตัวเอง ทุกเรื่อง”
กู้โม่หานเม้มริมฝีปากบาง ก้มหน้าลง “ขอรับ”
คำสั่งสอนของเสด็จแม่ เขายังคงจดจำมันไว้ในใจเสมอ
แต่ก็มีหลายครั้ง ที่เขาอดกลั้นไม่ได้
เขาจงเกลียดจงชังจวนเฉิงเซี่ยงอย่างยิ่ง มันเป็นความผิดของเฉิงเซี่ยง ที่ทำให้เขาสูญเสียเสด็จแม่ไปตั้งสิบกว่าปี จนถึงขั้นเกือบสูญเสียไปตลอดกาล เขาจะทนได้อย่างไร!
เขาจะอดกลั้นได้อย่างไร
ดังนั้น ในตอนแรก เขาเองก็อดกลั้นความโกรธและความเคียดแค้นต่อหนานหว่านเยียนไม่ได้ จึงทำร้ายนางไปไม่น้อย……
หยีเฟยสูดหายใจเข้าลึกๆ “ก็ ดี”
“ลูกสะใภ้ บอก ข้า แล้ว ว่านาง ต้องการ หย่า กับเจ้า”
กู้โม่หานรู้สึกตกใจ และเงยหน้าขึ้นมาทันที ภายในใจรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย “แล้วท่านว่าอย่างไรหรือ?”
หนานหว่านเยียนบอกเรื่องที่พวกเขาจะหย่ากับเสด็จแม่แล้ว?!
นางอยากจากไปขนาดนี้เลยหรือ?
หยีเฟยเอ่ยอย่างไม่พอใจ “แน่นอน ว่า เห็นด้วย”
“เพราะว่า เรื่อง นี้ ก็ ก็คือ ความผิด ของเจ้า”
กู้โม่หานกัดฟัน “เสด็จแม่ เมื่อก่อนลูกถูกความแค้นบังตา แต่ตอนนี้จิตใจของลูกเปลี่ยนไปแล้ว”
“ลูกรู้ ว่าภายในใจของหนานหว่านเยียนนั้นเป็นทุกข์ แต่ลูกจะใช้เวลาชั่วชีวิตไปชดเชยให้นางอย่างแน่นอน ลูกสำนึกผิดแล้ว”
“ไม่มี โอกาส ชดเชย แล้ว”
“ในโลกนี้ มีเพียง ความรักความผูกพัน ที่ไม่สามารถ ทำให้ผิดหวังได้ เจ้าผิด ผิดแล้ว ก็ ต้องรู้จัก เคารพการตัดสินใจ ของกันและกัน”
ความรักที่มาช้าเกินไปนั้น ต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าหญ้า
เจ้าลูกโง่ของนาง เหตุใดถึงไม่เข้าใจหลักการข้อนี้กัน
กู้โม่หานได้ยินหยีเฟยพูดมากมายภายในรวดเดียวเช่นนี้ และเป็นการพูดเพื่อหนานหว่านเยียน ปกป้องนางทุกคำทุกประโยค ทันใดนั้นภายในใจก็รู้สึกน้อยใจเล็กน้อย
เขากำหมัดแน่น
แม้แต่เขาเองก็คิดไม่ถึง ว่าเสด็จแม่จะปฏิบัติต่อหนานหว่านเยียนอย่างลำเอียงเช่นนี้ และดูแคลนเขาลูกชายที่ให้กำเนิดมาว่าไม่มีอะไรดีสักอย่าง
“เสด็จแม่ ลูกไม่มีทางปล่อยมือเด็ดขาด!”
กู้โม่หานจ้องมองหยีเฟย เม้มปากแน่น
“เมื่อก่อนที่ลูกมุ่งเป้าไปที่นาง ทั้งหมดก็เป็นเพราะหนานฉีซาน”
“คนของจวนเฉิงเซี่ยง ล้วนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน พวกเขาทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หนานฉีซานเพื่อลาภยศของตัวเอง ถึงขั้นใช้ภรรยามาทำให้ตัวเองเจริญรุ่งเรืองมีชื่อเสียง เลี้ยงดูเล่าลูกสาวทุกคนเป็นเครื่องมือ เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็ว”
“และที่น่าเคียดแค้นก็คือ หากไม่ใช่หนานฉีซานทำการวางแผนลอบทำร้ายท่าน แล้วท่านจะกลายเป็นคนที่มีชีวิตอยู่แต่เหมือนกับตายหลายปีถึงเพียงนี้หรือ? ลูกยอมรับ ว่าไม่ควรทำร้ายผู้บริสุทธิ์จริงๆ ลูกรู้ตัวแล้วว่าผิด แต่จะให้ลูกปล่อยมือ ไม่มีทางเด็ดขาด”
เขาสำนึกผิดตั้งนานแล้ว
สำนึกผิดที่ทำเลวกับหนานหว่านเยียนเช่นนั้น เพราะความแค้นของตัวเอง
สำนึกผิดเพราะชายชู้ที่ไม่มีที่มานั่น ทำให้หนานหว่านเยียนได้รับการดูถูกเหยียดหยาม ด่าประจานมาตั้งหลายปี
สำนึกผิดที่ทุกครั้งในอดีต เพราะความอคติของเขา ทำให้ไม่สนใจเหตุและผลของเรื่องราวเลยสักนิดก็ทำร้ายหนานหว่านเยียนเสียแล้ว
และยิ่งสำนึกผิดเพราะความไม่สนใจของตัวเอง จึงทำให้หนานหว่านเยียนให้กำเนิดเจ้าหนูน้อยทั้งสองอย่างยากลำเค็ญอยู่คนเดียว และใช้ชีวิตมาอย่างยากลำบากเช่นนั้น
และสำนึกผิดที่บกพร่องด้านการเติบโตของลูกสาวทั้งสองคนของตนหลายปีถึงเพียงนี้……
และเรื่องอื่นๆ ก็เช่นกัน เขาเสียใจจริงๆ
บางครั้งเขาก็คิด ว่าเขาบิดเบือนข้อเท็จจริงไปมากเพียงใด ถึงได้ทำเรื่องไร้มนุษยธรรมมากมายกับหนานหว่านเยียนถึงเพียงนั้น
แต่ตอนนี้ จะให้เขาปล่อยหนานหว่านเยียนไป ไม่มีทางเว้นเสียแต่เขาจะตาย!
หยีเฟยเห็นตรงหว่างคิ้วของกู้โม่หานมีความระทมทุกข์ ก็อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดใจอยู่บ้าง
พอได้ยินคำพูดของกู้โม่หาน ดวงตาของนางก็เบิกกว้าง ที่แท้เด็กทั้งสองคนนี้ก็มีความขัดแย้งที่ใหญ่หลวงเช่นนี้
มิน่าเล่ากู้โม่หานเจ้าหนุ่มนี่ ถึงได้ทำตัวสุดโต่งถึงเพียงนี้
แต่ว่า……
“เฉิงเซี่ยง เลว แต่เขา ไม่ได้ ทำร้ายข้า”
รูม่านตาของกู้โม่หานหดลงทันที “เสด็จแม่ ท่านพูดอะไรกัน คนที่ทำร้ายท่านก็คือเขา คนสุดท้ายที่ท่านเห็นก็คือเขา หากไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นผู้ใด?”
ถ้าหากว่าไม่ใช่เฉิงเซี่ยงทำร้ายเสด็จแม่ แล้ว……แล้วความโกรธแค้นสิบกว่าปีนี้ของเขา ความเลวที่ทำกับหนานหว่านเยียน……
ควรจะทำอย่างไร?
พูดถึงเรื่องราวในอดีตที่น่ารังเกียจที่สุด อารมณ์ของหยีเฟยก็ค่อยๆ ปั่นป่วนขึ้นมา นางสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่ก็ต้องพูดความจริง
“คน ที่ ทำร้ายข้า คือ เสด็จพ่อ ของเจ้า!”
“เขา วาง พิษ ในเหล้า เฉิงเซี่ยง เป็นเพียง แพะรับ บาป ก็เท่านั้น”
ในตอนนั้น ไม่ได้มีเพียงเฉิงเซี่ยงที่พบนาง แต่ยังมีฮ่องเต้ด้วย
กู้จิ่งซานเป็นคนให้นางดื่มเหล้า ตอนที่นางพิษกำเริบขึ้นมา ก็ตื่นตกใจและโศกเศร้ายิ่งกว่าผู้ใด
แต่นอนมาสิบกว่าปีแล้ว นางปล่อยวางไปไม่น้อย แต่หากกู้จิ่งซานกล้าทำอะไรลูกชายของนาง นางจักต้องสู้กับกู้จิ่งซานให้ตายกันไปข้างหนึ่งเป็นแน่!
อะไรนะ?
เสด็จพ่อเป็นคนวางพิษ?!
หัวใจของกู้โม่หานเต้นรัว ทรุดลงกับพื้นด้วยความประหลาดใจ ราวกับถูกคนชกเข้าที่หน้าจังๆ สีหน้าขาวซีด “จะเป็นเสด็จพ่อ ได้อย่างไร……”
ศัตรูที่แท้จริงของเขา ก็คือกู้จิ่งซาน!
และศัตรูที่เขาคิดมาตลอด เป็นเพียงตัวหมากในมือเสด็จพ่อ ที่ใช้มารับโทษ ใช้มาเบี่ยงเบนความแค้นของเขาเท่านั้น
หลายปีนี้ ในใจของเขา ยังคงเคารพเลื่อมใสกู้จิ่งซาน
ต่อให้ช่วงนี้กู้จิ่งซานจะขัดขวางเขาตลอด จนเขาท้อแท้หมดกำลังใจ แต่ก็ยังปฏิบัติต่อกู้จิ่งซานอย่างมีเมตตาเสมอมา เพราะคิดว่าอย่างไรเสียก็เป็นบิดาผู้ให้กำเนิด หากเขาต้องการยึดอำนาจ ก็ไม่มีทางปลิดชีพกู้จิ่งซาน
ตอนนี้ เชือกเส้นสุดท้ายในใจเขา ได้ขาดลงแล้ว
ความรังเกียจ จงเกลียดจงชังพรั่งพรูออกมาจากก้นบึ้งหัวใจอย่างต่อเนื่อง นิ้วมือเรียวยาวของเขากำแน่นไม่หยุด “เสด็จแม่ จะเป็นเขาได้อย่างไร?”
เสด็จพ่อคือศัตรูของเขา แล้ว……ที่เขาโกรธแค้นเฉิงเซี่ยงมาสิบกว่าปีจะทำอย่างไร?
ที่เขาจงเกลียดจงชังหนานหว่านเยียนมาสิบกว่าปี……จะทำอย่างไร?
หยีเฟยเห็นท่าทางที่กู้โม่หานถูกกระหน่ำอย่างหนัก ก็นึกถึงครานั้นว่าตนเองก็เจ็บปวดทรมานแบบนี้เช่นกัน
นางถอนหายใจ แล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“ความจริงนั้น โหดร้าย ดังนั้น โม่หาน เจ้า จะถูก เขา หลอก อีก ไม่ได้”
นัยน์ตาดำขลับของกู้โม่หานเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมทันที “เสด็จแม่ เช่นนั้นท่านรู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดเสด็จพ่อถึงได้ทำร้ายท่าน?”
หยีเฟยงุนงง “ไม่รู้”
นางเองก็ไม่อยากจะเชื่อ เห็นได้ชัดว่ากู้จิ่งซานเองก็รักนาง แล้วจะลงมือได้อย่างไร
แต่ตอนนี้นางไม่อยากรู้แล้ว นางเหนื่อยแล้ว ไม่อยากพบเจอคนคนนี้อีกไปตลอดกาล
หยีเฟยค่อยๆ หลับตาลง เอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรงเล็กน้อย “โม่หาน ข้า เหนื่อยแล้ว อยาก พักผ่อน แล้ว”
กู้โม่หานเข้าใจ ว่าหยีเฟยไม่อยากพูดถึงเรื่องราวในอดีตที่น่าเจ็บปวดในตอนนั้น
เขาเองก็ไม่รบกวนอีกต่อไป ลุกขึ้นจากพื้น แล้วช่วยหยีเฟยสอดเก็บมุมผ้าห่มให้เรียบร้อย “ลูกขอตัวลาก่อน แล้วจะมาเยี่ยมเสด็จแม่ใหม่วันหลัง”
เขามองดูหยีเฟยที่งีบหลับอย่างลึกซึ้ง แล้วหันหลังเดินออกไป ในดวงตาที่โหดเหี้ยมอำมหิต สงบเงียบอย่างยิ่ง……
หลังกู้โม่หานไปแล้ว หยีเฟยก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น สีหน้าโศกเศร้า
โชคชะตาของลูกนางเหตุใดถึงได้ล้มลุกคลุกคลานเช่นนี้
หากหนานหว่านเยียนกับหลานสาวทั้งสองคนจากเขาไปอีก เขาจะทำอย่างไร……