Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 1093 เหตุการณ์แปลกประหลาดทั้งหลาย

ตอนที่ 1093 เหตุการณ์แปลกประหลาดทั้งหลาย

   นายน้อย!เชื่อที่ผมบอกเถอะครับ!  เป็นชายชราที่พูดขึ้น

   ท่านผู้อาวุโสท่านยังเห็นท่านนายน้อยอยู่ในสายตารึเปล่า?  เด็กหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้น ท่าทางเป็นคนหัวรุนแรง  นายน้อยแค่ถามว่ามันต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนเท่านั้นเอง ทั้งสามคนนั้นเป็นพระเจ้าหรือไง ทำไมถึงห้ามแตะต้องหรือแม้แต่พูดถึงก็ไม่ได้? อีกอย่างพวกเราต้องการกลับบ้านของพวกเราให้เร็วที่สุด จะให้มานั่งรอใครแบบนี้ได้ยังไง? แล้วอย่างที่ท่านนายน้อยพูด…ทำไมเราจะไปพูดคุยกับทั้งสามคนนั้นไม่ได้เลย? 

  คำพูดและท่าทางที่ดูน่าเชื่อถือของเด็กหนุ่มได้ชักจูงคนอื่นๆให้คล้อยตามจนเกิดเสียงโวยวายเห็นด้วยดังตามมาไม่หยุด

   ใช่แล้ว!อย่าหาว่ารังแกคนแก่เลยนะ แต่ท่านผู้อาวุโส การกระทำของท่านมันน่าละอายแค่เพราะสามคนนั้นเป็นคนนำทางให้เราแล้วเราต้องทำตัวหงอ เชื่อฟังทุกอย่างเหมือนเป็นใบ้เลยรึไง? 

   คำพูดและการกระทำของสามคนนั้นคือเด็ดขาดทุกอย่างต้องการจะเดินเมื่อไหร่ ต้องการจะหยุดเมื่อไหร่ ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของสามคนนั้นทั้งหมดตลอดหลายวันที่ผ่านมา แค่จะไปพูดคุยด้วยนิดหน่อยแค่นี้มันจะไม่ได้เลยเหรอไง? 

   แบบนี้มันช่วยพวกเรายังไง? 

   แถมมันก็ใกล้ถึงจุดหมายของพวกเราแล้วพวกเราแค่ต้องการจะเข้าไปแสดงความขอบคุณอย่างซาบซึ้งแก่ผู้แข็งแกร่งทั้งสาม ทำไมท่านผู้อาวุโสต้องมากันท่า ถ้าหัวหน้าหมู่บ้านยังมีชีวิตอยู่ละก็… 

   เงียบซะ! ในตอนนั้นเอง นายน้อยของทุกคนก็ตะคอกขึ้นมาเสียงดังด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว  ห้ามพูดถึงการตายของท่านพ่ออีก! 

  บรรยากาศเงียบสนิทไม่มีกล้าพูดทั้งนั้น  ชายชราส่ายหัวหน้าอย่างหมดหนทาง นายน้อย ท่านใจร้อนเกินไป แล้วลักษณะนิสัยแบบนี้จะนำพวกเราทั้งหมู่บ้านให้อยู่รอดได้อย่างไร? 

  นายน้อยไม่พูดอะไรตอบแต่เหลือบสายตามองไปทางซูเฟิงและฟานเจี้ยนที่อยู่ห่างออกไปก่อนจะลดน้ำเสียงลงในที่สุด กระซิบพูดกับชายชรา  ถ้าเช่นนั้น ท่านผู้อาวุโสคิดว่าทั้งสามคนนั้นอาจจะมุ่งร้ายต่อเรา? 

  ชายชราเงียบกริบไปพักหนึ่งก่อนแววตาจะมีประกายจ้า  นายน้อยเห็นคนที่ถือหอมด้ามยาวสีทองอยู่ในมือมั้ยครับ? 

  นายน้อยมองไปที่ซูเฟิงและพยักหน้ารับ

   อาวุธของเขาไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากโลกมนุษย์ ชายชราพูดเพียงแค่นั้นและไม่พูดอะไรต่ออีก

  นายน้อยชำเลืองมองซูเฟิงด้วยสายตาเหลือเชื่อจากนั้นมันก็มีความรู้สึกตื่นเต้นเกิดขึ้นในใจ มันดูน่าสนใจดี หลังจากผ่านไปพักใหญ่แววตาตื่นเต้นของนายน้อยก็สงบลง เหลือเพียงแต่ความนิ่งงันเหมือนก่อนหน้านี้และไม่พูดอะไรออกมาอีก ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

  ความชุลมันในครั้งนี้เกิดขึ้นในพื้นที่เล็กของกลุ่มคนป่าทุกอย่างรวมถึงบทสนทนาทั้งหมดนั้นอยู่ภายในวงล้อมของคนร้อยกว่าคนโดยที่ทุกคนเชื่อว่าทั้งสามคนที่อยู่ห่างออกไปจะไม่มีทางได้ยินและรับรู้อะไรทั้งนั้น

   ได้ยินมั้ย? ซูเฟิงมีสีหน้าแปลกๆ  นายน้อย? ท่านผู้อาวุโส? 

   ฉันได้ยินคำพวกนี้แต่ไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน ได้ยินแค่สองคำนี้  ฟานเจี้ยนไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลายออกมาเป็นแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะทำการคาดเดา  หรือพวกเขาเป็นชนกลุ่มน้อย? 

   อาจจะพวกเขาไม่ได้พูดอะไรมากแถมพวกเราก็อยู่ห่างไกลมาก ฉันได้ยินไม่ชัด แต่จากที่ฟังๆดูพอจะเดาได้ว่ามันไม่ได้มีแผนการร้ายอะไร  ซูเฟิงเองก็ไม่แน่ใจ  แต่ฉันเคยได้ยินมาว่าพวกชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มยังคงสืบทอดประเพณียาวนานหลายพันปีและบางชนกลุ่มก็มีเจ้าชายที่สืบทอดทางสายเลือด 

   ฉันก็กลัวว่าตัวเองจะหูแว่วไปเอง ฟานเจี้ยนตะลึง ตบหน้าอกตัวเองเพื่อเรียกสติ

  ชูฮันค่อนข้างแปลกใจเล็กน้อยกับนิสัยใจคอของกลุ่มคนด้านหลังบทสนทนาที่ได้ยินมันแปลกประหลาดอย่างมากและเขาอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดอยู่ในหัว…มีใครในโลกนี้อีกที่มีบรรดาศักดิ์การเรียกชื่ออย่างนายน้อยและท่านผู้อาวุโส?

   จริงสิหัวหน้า จู่ๆซูเฟิงก็ตะโกนเรียกชูฮัน  ผมยังไม่ได้ถามเลยว่าพวกเรากำลังไปไหนกัน? 

  ฟานเจี้ยนเองก็อยากรู้บนเส้นทางนี้พวกเขาต้องรีบตัดไม้เลื้อยที่กีดขวางตลอดทางจนเหนื่อยล้า พวกเขามุ่งหน้าไปเรื่อยๆแบบนี้มาเป็นเวลาหลายวันแล้วแต่ยังไม่รู้เลยว่าจุดหมายปลายทางที่ชูฮันต้องการไปคือที่ไหน!

   ท่าเรือหนานช้านายรู้จักที่นั่นมั้ย?    ซูเฟิงและฟานเจี้ยนต่างส่ายหัวปฏิเสธ

   สถานที่นี่ไม่อยู่ในแผนที่ ชูฮันพูดพร้อมนิ่วหน้า  ฉันรู้แค่ว่าต้องมองหามันจากชายฝั่งทะเล 

  ท่าเรือหนานช้าถูกค้นพบในชาติที่แล้วของโลกาวินาศมันมีถนนสายสั้นๆที่จะพาไปยังหุบเขาหยินหยาง ทุกอย่างลึกลับราวกับเวทมนต์

  เมื่อชาติที่แล้วชูฮันเคยไปเยือนท่าเรือหนานช้าเพียงแค่ครั้งเดียวทว่าความทรงจำมันช่างเลือนลางเหลือเกินเพราะในเวลานั้นเขาถูกกลุ่มคนกำลังไล่ล่าเอาชีวิตอยู่จนได้เผลอค้นพบเส้นทางสู่หุบเขาหยินหยางโดยไม่ได้ตั้งใจ

  และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็สามารถเรียกได้ว่าเวทมนต์…

  แต่ตอนนี้ตำแหน่งของท่าเรือหนานช้ามันเปลี่ยนไปจากชาติที่แล้วอีกทั้งช่วงเวลาของโลกาวินาศในชาตินี้กับชาติที่แล้วมีช่วงเวลาแตกต่างกันสามปี ถึงแม้จะเป็นสถานที่เดิมแต่ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย

  ด้วยความไม่แน่นอนทั้งหมดชูฮันค่อยๆละทิ้งความสนใจจากการโต้เถียงของกลุ่มคนด้านหลังออกไป เขาเองก็มีความคิดคล้ายๆกับซูเฟิงและฟานเจี้ยน ดั้งเดิมจีนมีชนกลุ่มน้อยอยู่จำนวนมากและหลายประเภท บางกลุ่มก็ไม่เคยได้ยินชื่อและมีประเพณีประหลาดๆเป็นของตัวเอง

  บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตที่แตกต่างไปทำให้คนพวกนี้สามารถหลีกเลี่ยงคลื่นซอมบี้ระลอกแรกหลังจากการปะทุได้!

  ถัดมาหลังจากนั้นอีกสองสามวันสถานการณ์ยังคงเงียบสงบอยู่ ยกเว้นแค่เมื่อคืนที่จู่ๆก็มีพายุเข้าอย่างรุนแรงทว่ามันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น กลุ่มของชูฮันและคนป่าก็เริ่มเดินทางเข้าใกล้ชายฝั่งทะเลมากขึ้นเรื่อยๆ

  และในตอนที่ทุกคนเดินเข้าสู่เขตพื้นที่ป่าบริสุทธิ์ต้นไม้พืชพันธุ์ทั้งหลายที่เปลี่ยนไปเนื่องจากสภาพอากาศทำให้มันกลายเป็นป่ารกทึบหนาที่ยากต่อการเดินทางกว่าเดิมราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด

  แต่แล้วในที่สุดหลังจากทุกคนสามารถผ่านป่าทึบหนาออกมาได้มันก็เริ่มมีกระท่อมเล็กๆไม่กี่หลังให้เห็นในระยะสายตา ดูเหมือนกับหมู่บ้านที่อยู่เรียบชายฝั่งทะเลในยุคศิวิไลซ์

   นี่คือหมู่บ้านข้างๆพวกเรา ชายชราที่ไม่รู้โผล่มาตอนไหน ยืนพูดอยู่ข้างๆชูฮัน  ตอนที่พวกเราจากมา ไม่มีใครหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้านนี้แล้ว ทุกคนกลายเป็นซอมบี้กันหมด ถ้าเราต้องเดินผ่านหมู่บ้านนี้จะต้องระวังตัวกันให้ดี! 

  ชูฮันสบตากับชายชรา หมู่บ้านของคุณอยู่ไกลจากที่นี้มั้ย? 

   ผมคิดว่าต้องใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งวันเต็มครับท่าน ชายชราตอบอย่างระมัดระวังในคำพูด  แล้วท่านผู้แข็งแกร่งทั้งสามจะมุ่งหน้าไปไหนกัน? หรือพวกท่านสนใจจะเดินทางไปด้วยกันกับเรา?    นี่มันไม่ต่างจากการคิดจะใช้พวกชูฮันเป็นคนคอยคุ้มกันให้เลย!

   ได้ ชูฮันตอบตกลง ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาใกล้สถานที่ของท่าเรือหนานช้าแล้วหรือยัง อีกอย่างในเมื่อคนพวกนี้อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มาหลายชั่วอายุ ดังนั้นพวกเขาอาจจะพอรู้เรื่องท่าเรือหนานช้าบ้างไม่มากก็น้อย

 

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads แทงบอลออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน