ตอนที่ 289 เปิดเทอมใหม่ บรรยากาศใหม่ (2)
อู๋ขุยซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ตอนนั้นไม่ได้ตึงเครียดขนาดนี้ ดังนั้นพวกเราจึงมีเวลาให้พวกนักศึกษาค่อยๆ เดินไปทีละก้าว เติบโตอย่างช้าๆ แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน นายก็รู้ดี ในถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ทัพทหารของเมืองตงขุย นั่นคือจุดพลิกเปลี่ยนครั้งใหญ่! ถ้ำใต้ดินอื่นๆ ปัจจุบันก็มีแนวโน้มเป็นแบบนี้ คณบดีหวง นายคิดว่าถ้ำใต้ดินยังมีเวลาให้พวกเราเยอะขนาดนั้นเหรอ? หนึ่งร้อยปี? แปดสิบปี? ไม่สิ ในความคิดฉันบางทีอาจจะไม่กี่ปีนี้!”
อู๋ขุยซานถอนหายใจเบาๆ “ในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข นายว่าพวกนักศึกษาต้องใช้เวลาเติบโตเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางนานเท่าไหร่? ยังไม่พูดถึงระดับกลางก็ได้ ขั้นหนึ่งถึงขั้นสามต้องใช้เวลาเท่าไหร่ล่ะ? พวกเรา…ไม่มีเวลาแล้ว!”
“งั้นก็ต้องช่วงชิงเวลาเพื่อพวกเขา!” หวงจิ่งโต้แย้งออกมาอีกครั้ง
“ช่วงชิงเวลา…” อู๋ขุยซานเอ่ยประชดกับตัวเอง “จะช่วงชิงได้นานเท่าไหร่? นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ไม่ว่าจะด้านสติปัญญาหรือพรสวรรค์ล้วนอยู่ในจุดที่สุดยอด ตอนนี้พัฒนาไปอย่างช้าๆ เพราะพวกเขาไม่มีแรงกดดัน นายเห็นหรือเปล่าว่านักศึกษาที่เข้าถ้ำใต้ดินไปแล้วจะก้าวหน้าอย่างว่องไว ไวกว่าผู้ฝึกยุทธ์จากหน่วยทหารซะอีก แต่นักศึกษาที่ไม่ได้เข้าถ้ำกลับหยุดอยู่ในสามระดับล่างเป็นเวลานาน! พวกเราสามารถต้านไว้ช่วงหนึ่งได้ หรือจะต้านได้ตลอดไป? อย่างน้อยก็ควรให้พวกเขารับรู้ถึงแรงกดดัน รับรู้ถึงความผิดหวัง ไม่อย่างนั้นฉันกังวลว่าจะรอไม่ถึงวันที่พวกเขาเติบโตแล้ว”
หวงจิ่งขมวดคิ้ว ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ยว่า “ถ้านายยืนหยัดอย่างนั้น เทอมนี้จะประกาศเรื่องถ้ำใต้ดินให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองทั้งหมดรับรู้ก็ได้ แต่ว่าจะเข้าไปหรือไม่ ให้พวกเขาเลือกเอง แม้ว่าจะเข้าไป ฉันคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองไม่มีความจำเป็นต้องออกนอกเมือง สัมผัสกับสภาพแวดล้อมในเมืองความหวังเสียหน่อยก็น่าจะพอแล้ว ก่อนหน้านี้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองจากคลาสฝึกพิเศษเข้าไปในถ้ำ มีแค่พาความกดดันและความกังวลมาให้พวกเราเท่านั้น ไม่ได้เกิดผลลัพธ์ที่ควรจะเกิด ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง นอกจากเฝ้าเมืองช่วงที่ทำสงครามแล้ว ก็แทบจะเป็นการออกนอกเมืองไปตายทั้งสิ้น”
หวงจิ่งนับว่าถอยให้ก้าวหนึ่ง อู๋ขุยซานฟังจบก็ไม่พูดอะไรอีก พยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็เอาตามความคิดของนายเถอะ”
อู๋ขุยซานเอ่ยออกมาอีกครั้ง “ถ้ำใต้ดินของเซี่ยงไฮ้เปิดแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่ของเซี่ยงไฮ้พวกนี้ควรจะเริ่มภารกิจในถ้ำใต้ดินได้แล้วเช่นกัน คนที่ควรไปถ้ำใต้ดินก็ควรไปได้แล้ว”
หวงจิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ประสงค์ของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์นั้น ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามตอนปลายไม่ให้เข้าถ้ำ ช่วงนี้ฟางผิงกำลังเตรียมพร้อมกับการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ เวลานี้อาจจะไม่มีคนลงถ้ำใต้ดินเสมอไป”
อู๋ขุยซานขมวดคิ้วเล็กน้อย เงียบไปพักใหญ่ก่อนเอ่ยว่า “งั้นรอดูอีกสักหน่อย เจ้าเด็กคนนี้…ก่อเรื่องอยู่บ้าง ฉันได้ยินว่าเขาให้ฉินเฟิ่งชิงและเซี่ยเหล่ยไประดมเงินลงทุนข้างนอก เด็กสองคนนั้นก็หัวรั้นไม่น้อย ไปแล้วไม่คิดจะกลับมาง่ายๆ เงินน้อยก็ไม่ยอมมา นี่นับว่าเป็นการบังคับแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าชื่อเสียงของเซี่ยงไฮ้คงจะเสื่อมเสีย…”
หวงจิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “เสื่อมเสียก็เสื่อมเสียสิ พูดตามตรง บางคนก็ควรต้องเสียเงินบ้าง ผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลางหลายคนที่มาจากคลาสฝึกศิลปะการต่อสู้ ฉันไม่สนใจ จากมุมพวกเขา ถ้ำใต้ดินนั้นเป็นเรื่องเสี่ยงชีวิต ไม่ยินดีเผชิญกับอันตรายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่นักศึกษาที่จบจากเซี่ยงไฮ้ เข้าสู่ระดับกลางกลับรักตัวกลัวตาย เอาแต่หาเงินหาทอง ความมั่นคั่งกลายเป็นเรื่องของตัวเลข กระทั่งการฝึกวิชาของตัวเองยังทำใจจ่ายไม่ได้ คนประเภทนี้เก็บเงินนิดหน่อยจะเป็นไรไป?”
“คนมีหลากหลายประเภท นายไม่อาจหวังให้ทุกคนทุ่มเทจิตวิญญาณได้ทั้งหมดหรอก”
อู๋ขุยซานกลับคิดว่าเป็นเรื่องปกติ นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แล้วยังไง คนพวกนั้นก็มีทั้งกลัวตายและไม่กลัวตายเหมือนกัน
“ดังนั้นฉันเลยไม่คาดหวังพวกเขา แต่ว่าพวกเขาจบจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ เวลานั้นเพื่อบ่มเพาะพวกเขา มหาวิทยาลัยให้เงินสนับสนุนไปไม่น้อยเช่นกัน ในเมื่อพวกเขาไม่ยินดีลงแรงกับถ้ำใต้ดิน ตอนนี้มีกำลังเหลือพอ ออกเงินนิดหน่อย หรือไม่สมควรกัน? พวกเขาเปิดกิจการ ได้ลดหย่อนภาษี ถึงกระทั่งอาศัยชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เปล่งประกายในพื้นที่นั้นๆ คนพวกนี้จ่ายเงินออกมาบ้าง ไม่เหมาะสมอย่างนั้นเหรอ?”
อู๋ขุยซานไม่เอ่ยแย้งอีก พูดแค่ว่า “คอยดูไปละกัน เซี่ยงไฮ้หลังจากนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือเปล่า”
“ฉันคิดว่าได้”
หวงจิ่งหัวเราะ ก่อนสุดท้ายจะเอ่ยว่า “ฟางผิงยื่นคำร้องขอยกเลิกคำสั่งห้ามของหลู่เฟิ่งโหรวมาที่สำนักงาน”
“เดาไว้แล้ว”
อู๋ขุยซานไม่แปลกใจเช่นกัน เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “นายคิดว่าควรยกเลิกหรือเปล่า?”
“ยกเลิกเถอะ ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่สอดคล้องกับกฏอยู่แล้ว”
อู๋ขุยซานจมดิ่งในความเงียบ
หวงจิ่งเอ่ยต่อว่า “หลู่เฟิ่งโหรวกลายเป็นปรมาจารย์ยังต้องใช้เวลาสักพัก แม้ว่าจะไปห้องคุมอานุภาพ ไม่ใช่ว่าจะทะลวงได้ในปีสองปีนี้ เหมือนกับที่นายพูดนั่นแหละ ตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายลงแล้ว ศัตรูของพวกเราไม่ใช่แค่เมืองเทียนเหมินเพียงแห่งเดียวอีกต่อไป มีปรมาจารย์เพิ่มขึ้นมาอีกคน สามารถคลายความกดดันให้พวกเราได้เยอะ”
“อันที่จริงห้องคุมอานุภาพเป็นแค่เรื่องรอง…”
อู๋ขุยซานเอ่ยเสียงเบา “เธอให้ฟางผิงชิงตำแหน่งประธานผู้ฝึกยุทธ์ เกรงว่าเป้าหมายจะไม่ได้อยู่ที่ห้องคุมอานุภาพ แต่เป็น…แผนที่กระจายแหล่งแร่ของถ้ำใต้ดิน”
หวงจิ่งขมวดคิ้วขึ้นทันที
“ตอนนี้ฟางผิงยังจัดการสมาคมไม่เข้าที่เข้าทาง ไม่ก็เขาอาจจะไม่สนใจ แต่ไม่ใช่กับหลู่เฟิ่งโหรวแน่นอน เธอเข้าห้องคุมอานุภาพนั่นเป็นแค่ก้าวแรก ฉันสงสัยว่าเธออยากจะเข้าไปในถ้ำ หาแร่พลังงานเพื่อทะลวงขั้นเจ็ด”
เวลานี้หวงจิ่งขมวดคิ้วแน่น ผ่านไปสักพักจึงเอ่ยว่า “อันตรายเกินไปแล้ว…”
“ใช่แล้ว อันตรายเกินไป ให้เธอฝึกวิชาค่อยเป็นค่อยไป เธอยินยอมหรือไง?”
อู๋ขุยซานยิ้มเฝื่อนๆ “เธออยากได้แผนที่แหล่งแร่ของเซี่ยงไฮ้มาโดยตลอด ถึงกระทั่งแทรกซึมเข้าไปในเขตทางใต้หลายครั้งเพื่อจะขโมยแผนที่ ทางหน่วยทหารเธอไม่กล้าไป หน่วยทหารไม่ใช่ของเล่น แต่ทางเซี่ยงไฮ้มีข้อมูลการกระจายตัวของแหล่งแร่อยู่ไม่น้อยเช่นกัน…ฟางผิง มีคุณสมบัติเข้าไปได้”
“งั้นก็ไม่ให้ฟางผิงเข้าไป!”
หวงจิ่งขมวดคิ้ว เขาหวังให้หลู่เฟิ่งโหรวทะลวงด่านได้ แต่ไม่อยากให้เธอทะลวงในถ้ำ ไปหาแร่พลังงานนั่นเป็นทางลัดในการทะลวงขั้น
ท่ามกลางแร่พลังงาน อนุภาคพลังงานจะเข้มข้นจนน่าตกใจ
แต่นี่ก็หมายถึงอันตรายอย่างถึงที่สุดเช่นกัน
แร่พลังงาน หากไม่เหนือความคาดหมาย จะมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงครองอาณาเขตอยู่ ทั้งความสามารถยังไม่แน่นอน ขั้นเจ็ดขั้นแปดขั้นเก้าเป็นไปได้ทั้งนั้น บางครั้งยังไม่ได้มีแค่ตัวเดียว
ทุกปีจะมียอดฝีมือขั้นหกสูงสุดช่วงชิงโอกาสอันริบหรี่ไปค้นหาแร่พลังงาน เข้าไปฝึกวิชาใกล้กับแร่พลังงาน
แต่อัตราการเสียชีวิตก็สูงจนน่าตกใจเช่นกัน
แน่นอนว่าค้นหาเอง ย่อมเป็นไปอย่างช้าๆ จุดหมายค่อนข้างเลื่อนลอย ไม่อาจหาเจอเสมอไป
แต่หน่วยทหารและมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ลงลึกไปในถ้ำใต้ดินหลายปีจึงเจอการกระจัดการจายของแหล่งแร่อยู่บางส่วน เพียงแค่ไม่อาจครอบครองได้ ตอนนี้ทำได้แค่ทิ้งไป รอมีโอกาสแล้วค่อยไปช่วงชิงใหม่
หากหลู่เฟิ่งโหรวได้แผนที่แหล่งแร่ไป นั่นมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะลงลึกไปในถ้ำ ค้นหาแร่พลังงาน
อันตรายอย่างมาก!
แม้จะเป็นอู๋ขุยซานก็ไม่กล้าพูดเช่นกันว่าเขาสามารถปกป้องได้ หากง่ายขนาดนั้นจริงๆ แร่พลังงานพวกนั้นคงถูกปรมาจารย์ขั้นเก้าในประเทศกวาดเรียบไปแล้ว
“ไม่ให้ฟางผิงเข้าไป…”
อู๋ขุยซานส่ายหัวเบาๆ พูดเหมือนง่าย สมาคมผู้ฝึกยุทธ์เดิมทีก็มีอำนาจอยู่แล้ว
ไม่ให้ฟางผิงเข้าไป เจ้าเด็กนี่สมองเลอะเลือนขึ้นมา เรียกตัวสมาชิกเก่าพวกนั้นกลับมาจะทำยังไง?
หากไม่ใช่เพราะวันนั้นรู้สึกว่าเฉินเหวินหลงอาจกำราบฟางผิงไม่ได้เสมอไป อู๋ขุยซานคงไม่ให้ฟางผิงเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์หรอก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฟางผิง แต่เป็นหลู่เฟิ่งโหรว
ถึงกระทั่งไม่ใช่แค่หลู่เฟิ่งโหรว ยังรวมถึงหลี่ฉางเซิง
แน่นอน หลี่ฉางเซิงจะเป็นอันตรายหรือเปล่า…อันที่จริงอู๋ขุยซานไม่สนใจเท่าไหร่ หลี่ฉางเซิงตัดสินใจจะไปถ้ำใต้ดินตั้งนานแล้ว เขาไม่เป็นฝ่ายร้องขอแผนที่แหล่งแร่ มหาวิทยาลัยก็จะเอาให้เขาอยู่ดี
บางทีหลี่ฉางเซิงอาจจะมีโอกาสริบหรี่ หาของดีบางอย่างที่ฟื้นฟูพลังจิตใจขึ้นมาได้?
คนที่อู๋ขุยซานกำลังป้องกันอย่างแท้จริงคือหลู่เฟิ่งโหรว ผู้หญิงคนนี้เขาเข้าใจดี
หากได้รับแผนที่ ไม่นานเธอต้องไปถ้ำใต้ดินเพื่อหาโอกาสทะลวงด่านแน่
แต่ในความคิดของอู๋ขุยซาน หลู่เฟิ่งโหรวไม่มีความจำเป็นต้องส่งตัวเองไปตาย เป็นปรมาจารย์ไม่ได้จะสักเท่าไหร่กันเชียว?
ช่วงเวลาสั้นๆ นั้นทั้งสองคนต่างตกอยู่ในความเงียบ เซี่ยงไฮ้ในตอนนี้ พอไม่มีอธิการเฒ่าก็วุ่นวายไปอยู่บ้าง
———————-