ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 216 สงครามป้องกันมอลต์ ① ทหารอาสาออกศึก

ถนนสู่อาณาจักร

216 สงครามป้องกันมอลต์ ① ทหารอาสาออกศึก

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

ผมเปิดจดหมายที่นำมาหาเราโดยผู้ส่งสาส์นด่วนและกางออกบนโต๊ะหน้าเราขณะเราทำการประชุมตอนเที่ยงคืน

คนเหล่านั้นที่เข้าร่วมคือลีโอโพลต์, ไมล่า, อิริจิน่า, ลูน่า, และซีเลียในฐานะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ

「เจ้าบ้าทริสตันยังไม่มาที่นี่อีกเหรอ!? ซีเลีย ไปเตะก้นเขา」

「……ทริสตันอยู่ระหว่างสร้างป้อมปราการที่พรมแดนชาติ」

ผมรู้นั่น

แน่นอนว่าผมรู้

「ผมทำการติดต่อและออกคำสั่งเพื่อเป็นการระวังล่วงหน้าแล้ว」

ลีโอโพลต์ให้ข้อมูลผมในเสียงที่ไร้อารมณ์

ด้วยน้ำเสียงของเสียงเขา เขาทำให้มันฟังดูเหมือมันคืองานที่ผมลืมทำ

「พี่ลืมโดยสิ้นเชิงเลย ไม่ใช่เหรอ?」

「เพราะทั้งหมดความสามารถและเจี๊ยวหัวหน้าใหญ่」

「วะฮ่าฮ่าฮ่า! หนูก็ลืมอย่างสิ้นเชิงด้วย」

ไมล่า, ลูน่า…… และแม้แต่อิริจิน่าบื้อหัวเราะเยาะผม

「มาเริ่มการประชุมเถอะ!!」

ผมกระแทกโต๊ะเพื่อตัดการเยาะเย้ยให้สั้น

ดูเหมือนผมสามารถหลบกระสุนได้

「แวนโดเสียก็ข่มขู่อาณาจักรมอลต์คล้ายกันกับที่เขาพยายามข่มขู่พวกเรา」

ผมคิดว่าพวกเขาจะบ่นเกี่ยวกับน้ำในแม่น้ำถูกใช้หรือบางอย่างแต่ในท้ายที่สุดพวกเขาใช้คำพูดที่เราได้ยิน ขอดินแดนและส่งพวกมัน

「ไม่เพียงแค่นั้น มันดูเหมือนพวกเขาต้องการส่วนใหญ่ของดินแดนมากกว่าที่ทำกับเรา」

「หืมม มันดูเหมือนการคุยเกี่ยวกับการร่วมมือป้องกันไม่ได้มีผลใดๆ」

แผนจูโน่ไม่ได้ดูเหมือนได้ผล

「ไม่พวกเขาน่าจะโจมตีเพราะพวกเขาสงสัยเกี่ยวกับมันตรงๆ แบบนี้ พวกเขาจะเจอว่าใครตอบจริงและใครแสร้งทำ」

แวนโดเลียโจมตีด้วยการทำให้ตัวเองเด่นมากกว่าที่ผมคิดอย่างคาดไม่ถึง

มันดูเหมือนพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะหยุดเพราะมีบางอย่างทำให้เรากังวล

「ถ้ามอลต์ไม่ยอมรับความต้องการของเขา เขาน่าจะเริ่มบุกไม่นาน กองทัพมอลต์ที่ด้อยกว่านั้นชัดเจน สถานการณ์นี้ต่างจากถ้าเราเผชิญหน้ากับแวนโดเลียเอง」

ผมเห็นด้วยกับลีโอโพลต์

ไม่มีใครจะยั้งมือกับชาติที่อ่อนแอ

「นั่นเป็นส่วนยาก」

ผมเปิดจดหมายที่ผมได้จากอีริชเมื่อวันก่อนอีกครั้ง

「มันไม่จำเป็นอย่างสิ้นเชิงที่จะยอมความขัดแย้งบนพรมแดน ถ้าการคุยเสื่อมลงถึงการต่อสู้ทางกองทัพ กองทัพหลวงจะวิ่งมาสนับสนุนนาย….. นี่ดี ถูกมั้ย?」

ถ้ากองทัพหลักของโกลโดเนียออกศึก เราจะไม่แพ้

ไม่มีทางที่แวนโดเลียสู้สงครามกับเราระหว่างต้องกังวลเกี่ยวกับศัตรูอีกคนได้

ปัญหาคือประโยคต่อไป

「อาณาจักรจะไม่เข้าร่วมกับความขัดแย้งระหว่างสามชาติ ลิบาติส, มอลต์และแวนโดเลีย ดังนั้นพื้นฐานแล้วเขาบอกฉันว่าอย่าเสนอการช่วยเหลือไม่จำเป็นเหรอ……?」

สุดท้ายแล้วนั่นหมายถึงกองทัพคนโกลโดเนียจะไม่ทำอะไรยกเว้นว่าดินแดนของผมถูกบุก ไม่สนใจสักนิดเกี่ยวกับมอลต์

「นั่นเป็นที่คาดไว้แล้ว เพราะทั้งหมดโกลโดเนียไม่มีเหตุผลที่ต้องหลั่งเลือดสำหรับมอลต์ อาณาจักรที่ไม่มีความน่าสนใจทางใต้ไกลๆ」

ในสายตาโกลโดเนีย แวนโดเลียพร้อมกันกับอัลแตร์, มอลต์, และลิบาติส เป็นชาติเดียวเท่าเทียมกัน

ถ้าพวกเขาจะไม่สู้กับกัน มันดีกว่าที่จะปล่อยพวกเขาไว้

「อาณาจักรอาจไม่มีเหตุผล แต่ฉันมี」

ผมต้องปกป้องเซเลสติน่าผู้น่ารักและประเทศของเธอ

「แต่เราแค่แสดงออกกล้าๆไม่ได้ว่ามอลต์อยู่ใต้การปกป้องของเรา」

「นั่นก็อีกปัญหานึง」

พวกเขาป้องกันการรุกรานเมื่อพี่ชายโง่เง่าของเซเลสติน่าโจมตีและได้รับอนุญาติจากอาณาจักรระหว่างเวลากับผู้คลั่งไคล้มากราโด

แต่ครั้งนี้อาณาจักรพูดไว้ชัดเจนว่าพวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมอลต์

ผมส่งกองทัพเพื่อช่วยมอลต์ไม่ได้ด้วย

ระหว่างเวลาที่มีปัญหา ผมพึ่งพาลีโอโพลต์

「คิดวิธีส่งกองกำลังโดยไม่ทำให้อีริชโกรธ」

「ถ้าเรายั่วยุแวนโดเลียมารุกรานเรา เราโจมตีสวนได้ด้วยกองทัพอาณาจักร อย่างไรก็ตาม นั่นจะทำแผนลิบาติสเสีย เพิ่มเติมนั้น อาณาจักรจะรู้ว่ามอลต์อยู่ใต้การปกป้องของเรา」

ถ้าเราสู้อย่างดุเดือดกับแวนโดเลีย อัลแตร์จะเข้มแข็งขึ้น

ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือเราขับไล่ศัตรูที่รุกรานมอลต์อย่างโหดร้ายได้และทำให้พวกเขาล้มเลิกการโจมตีมากกว่านั้น

「มันจะเป็นวิธีไม่ธรรมดา」

มาฟังมันถ้านายมีความคิดดีๆ อะไรก็ได้หมด

「ระยะพร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างมอลต์และดินแดนของเราค่อนข้างใกล้ มีการจราจรไปมาจากทั้งสองชาติจากผู้คนเหมือนพ่อค้าและคนเหล่านั้นที่ทำงานนอกประเทศ ถูกมั้ย?」

ผมแน่ใจว่ามี

โสเภณีที่ผมทำให้ร้องเมื่อวานพูดว่าเธอมาจากมอลต์

เธอเป็นผู้หญิงน่ารักผู้ร้องเสียงแหลมทุกครั้งที่ผมแทงเจี๊ยวเข้าไปสู่เธอ

「ถ้าอย่างนั้นมันเป็นไปได้ว่าคนเหล่านั้นผู้ทิ้งครอบครัวไว้ในมอลต์จะหยิบอาวุธและสู้ ถูกมั้ย?」

ผู้ชายที่มีความกล้าน่าจะทำ

「ลอร์ดฮาร์ดเลตต์ไม่มีความสามารถควบคุมการกระทำของแต่ละคน พูดอีกอย่าง พวกเขาเป็นทหารอาสา」

「ฟุมุ……」

「แต่จะเจอกี่คนแม้ว่าเราหา…… ถ้าเราคิดเกี่ยวกับกองกำลังกองทัพมอลต์ ไม่ใช่นั่นแค่หยดน้ำในลำธารเหรอ?」

เหมือนที่ไมล่าพูดทุกอย่าง มอลต์มีทหารประมาณ 3000 คน ผู้ถูกสอนให้กำจัดมอนสเตอร์และโจรเพียงเท่านั้น ดังนั้นกองทัพค่อนข้างติดอุปกรณ์แย่

「ไม่เพียงแค่นั้นเท่านั้น ทหารของพวกเขาอ่อนแอ」

「ใช่…… นั่นเป็นธรรมชาติพวกเขา นายเปลี่ยนนั่นด้วยการฝึกและวินัยไม่ได้」

ทหารของมอลต์ทั้งหมดอ่อนแอเป็นส่วนใหญ่

ผมสมควรว่าหน่วยฝึกถูกตีแตกพ่ายในการฝึกต่อสู้

ไม่มีทางอื่นพูดได้มากกว่าพูดว่าพลเมืองไม่ถนัดไปทางต่อสู้

ถ้าคนหนึ่งคิดแบบนี้การทำศึกสนามด้วยจำนวนเท่ากันกับศัตรูเป็นไปไม่ได้ และคนหนึ่งแค่สงสัยว่าเขาจะกันการล้อมเมืองในกำแพงได้กี่วัน

คนหนึ่งเริ่มสงสัยมากขึ้นเมื่อพวกเขาดูแวนโดเลีย ผู้กองกำลังเป็นหมื่นๆ

「คิดว่าผู้คนจะตรวจเบื้องหลังของทหารอาสาแต่ละคนทุกคนเหรอ?」

ไมล่าจ้องกลับ ณ ลีโอโพลต์อย่างคมเมื่อเขาพูดในน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

อย่ายั่วเธอ ไมล่าค่อนข้างเลือดร้อน

「เราแค่ต้องส่งทหารฝึกแล้วออกไปและให้พวกเขาแกล้งเป็นอาสา มอลต์อ่อนแอ นั่นทำไมแวนโดเลียก็จะประเมินพวกเขาต่ำไปด้วย ถ้าเราส่งกองกำลังระดับสูงไปที่นั่น มันควรมอบความตกใจให้พวกเขาเยอะ」

「นั่นฟังดูดี มาทำมันเถอะ」

มันเป็นแผนมหัศจรรย์เพื่อช่วยมอลต์โดยอีริชไม่โกรธ

「ได้เลย ถ้าอย่างนั้นผมจะเลือกผู้บัญชาการและหน่วยที่จะถูกส่งออกไป……」

ลีโอโพลต์ พูดเกี่ยวกับอะไร?

「ไม่ใช่มันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะนำกองทัพโดยตรงเหรอ?」

นี่คือเหตุการใหญ่เกี่ยวกับเซเลสติน่าผู้สำคัญ ผมไม่สามารถใจเย็นถ้าไม่ได้ไปเอง

「「「……」」」

「มีอะไร?」

「เราทำให้มันดูเป็นธรรมชาติได้ด้วยทหารอาสา แต่ถ้าคุณไปไกลขนาดนั้นและทำบางอย่างกล้าๆเช่นนั้น พวกเขาจะประท้วง」

「เล่นมันแบบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ฉันอยู่บนเตียงเพราะป่วย」

ลีโอโพลต์ถอนหายใจและดำเนินการเลือกกองกำลังที่จะถูกปล่อยไว้ในดินแดนของผม

ทหารจำนวนหนึ่งควรถูกทิ้งไว้ให้ทริสตันเผื่อไว้ถ้าแวนโดเลียตัดสินใจรุกราน

หลังจากนั้น เราจะคิดบางอย่าง

「ติดต่อชาติภูเขาด้วยเหมือนกัน บอกพวกเขามันได้เวลาสงครามอีกแล้ว」

「ได้เลย! หัวหน้าสู้ตลอดเวลาและมันไม่มีวันเบื่อเลย!」

ไม่นานหลังจากนั้น แวนโดเลียโกรธที่การตอบสนองของมอลต์เกี่ยวกับพรมแดนชาติและจะเดินทัพกองทัพเพื่อรับมือกับผู้คนที่พยายามทำให้พลเมืองเป็นอิสระจากผู้ปกครองเผด็จการของพวกเขา

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

  ไม่นานหลังจากนั้น

ภายในดินแดนอาณาจักรมอลต์ กองทัพแนวหน้ารุกรานของแวนโดเลีย

「พวกเขาอ่อนแอกว่าที่เราคาด ผู้บัญชาการ」

「ใช่ มันเกือบเหมือนพวกเราฉีกกระดาษ」

เคอร์นี่ ผู้นำทหาร 2000 คนของกองทัพแนวหน้ารุกรานอาณาจักรมอลต์ ค่อนข้างตกใจกับความอ่อนแอของทหารศัตรู

แค่เมื่อวันก่อน หน่วยแนวหน้าของเขาได้รับชัยชนะท่วมท้นกองทัพอาณาจักรมอลต์ด้วยจำนวนกองกำลังเกือบเท่ากัน

「ฉันได้ยินว่าพวกเขาอ่อนแอ…… แต่ถ้าพวกเขาอ่อนแอขนาดนี้ เรารับมือกับทุกอย่างได้」

「เรามี 2000 คน กองทัพหลักมี 10,000 คน…… นั่นมากเกินไป เบียโดอยู่หน้าเราแล้ว」

แวนโดเลียกะประมาณว่ามอลต์มีทหาร 3000 คน ถึง 5000 คน แต่มันดูเหมือนความต่างระหว่างความแข็งแกร่งกองทัพนั้นเห็นได้ชัด

「เมื่อฉันถาม ฉันได้ยินว่าการเก็บเกี่ยวปีนี้ของเราค่อนข้างแย่หนัก แม้ว่าพวกเขาให้ความสำคัญในการส่งมอบอาหารให้กองทัพก่อน……」

นั่นก็เป็นเหตุผลสำหรับการรุกรานนี้ด้วย เพราะแวนโดเลียไม่เคยพิจารณาว่ามอลต์เป็นศัตรูอันตรายตั้งแต่แรก

พวกเขาแค่คิดว่าการเสริมความแข็งแกร่งในประเทศสำหรับเตรียมต่อสู้กับคู่อริของพวกเขา, ชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์, โดยหวังว่ามอลต์ยอมเสียดินแดนจำนวนหนึ่งให้พวกเขาหรือเป็นเมืองขึ้นของพวกเขาถ้าสถานการณ์อนุญาต

「ดูเหมือน เหมือนกันก็เกิดขึ้นกับอัลแตร์ ถ้าอย่างน้อยเราลงมือกับมอลต์ได้ เราจะนำหน้าในบริเวณนั้น…… มันน่ารำคาญที่จะรับมือด้วย แต่มันไม่เหมือนว่าการสู้กับพวกบ้าคลั่งเหล่านั้นจะจบวันนี้หรือพรุ่งนี้ การเก็บเกี่ยวที่แย่ปีนี้อาจไม่แม้แต่ไปต่อสู่ปีต่อไปหรือปีต่อไปหลังจากนั้น แน่นอนว่าฉันอยากได้ผลผลิตอาหารอุดมสมบูรณ์ของมอลต์」

เคอร์นี่และคนอื่นๆหยุดสงสัยว่าไม่ชนะแล้ว

สิ่งเดียวเท่านั้นในใจพวกเขาคือความเร็วการจบศึก พร้อมกับทำให้แต่ใจว่าพื้นที่เหมาะสมแกการเพาะปลูกหรือหมู่บ้านไม่ได้ถูกทำลายในท้ายที่สุด

「พยายามอย่าทำลายนามากเท่าที่เราทำได้ ถ้าเราทำลายพวกมัน ถ้าอย่างนั้นเหตุผลที่เราโจมตีจะเป็นอะไร」

「ครับท่าน! เราก็จะให้ความสำคัญในการหาข้าวสาลีเก็บเกี่ยวแล้ว!」

ทันทีที่เคอร์นี่พยักหน้า ทหารม้าเบาสอดแนมวิ่งมาเต็มความเร็ว

「เจอบางอย่างมั้ย!?」

「กองทัพที่ส่งอีกฝั่งของแม่น้ำอยู่หน้าเราตรงๆแล้ว! จำนวนพวกเขามากกว่า 3000 คน!」

ทหารม้ารายงานระหว่างหายใจไม่ทัน อย่างไรก็ตามเคอร์นี่และลูกน้องเขาไม่ได้ดูเหมือนลนลานเป็นพิเศษ

「3000 คน…… มันต้องเป็นกองกำลังหลักของมอลต์」

「มากำจัดพวกเขาตรงๆแล้วรีบไปเบียโดเถอะ มันจะดีที่สุดที่เราจะเข้าร่วมกับกองทัพหลักเราที่นั่นแล้วกวาดล้างพวกเขาทั้งหมดพร้อมกัน」

ด้วยการต่อสู้ง่ายๆที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ มันคิดไม่ได้ว่าพวกเขาจะดิ้นรนแม้ว่าจำนวนกองกำลังศัตรูใหญ่

แนวหน้าหวังว่าพวกเขาเอาชนะกองทัพนี้เพื่อให้กองทัพหลักรุกรานได้เร็วกว่านี้

「อืมแต่คือ…… พวกเขาไม่ใช่กองกำลังของกองทัพมอลต์」   

「อะไร? อย่าบอกฉันนะว่ามันเป็นลิบาติส!? ฉันได้ยินว่าพวกเขาเสริมกำลังความสัมพันธ์หลังๆ……」   

ถ้าลิบาติสเข้าร่วมการต่อสู้ มันจะเป็นการต่อสู้ต่างกัน ‘อารมณ์ชนะง่ายๆ’ จะถูกเป่ากระเด็นไปในพริบตา

「พวกเขามีธงไม่เหมือนกันหลายๆผืนที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน…… พวกเขาน่าจะเป็นทหารอาสา」

ไหล่ของเคอร์นี่และลูกน้องหล่น จ้องหน่วยสอดแนม

「อย่าพูดชวนเข้าใจผิดสิ! ทหารอาสายิ่งเป็นกลุ่มปนมั่วๆยิ่งกว่ากองทัพมอลต์ มาแค่ขยี้พวกเขาเร็วๆ」   

และดังนั้น ทั้งสองกองทัพเผชิญหน้ากันในแม่น้ำสูงเท่าข้อเท้า

「ทหาร…… อาสา?」   

「ไม่ใช่นั่นเล่นโกงเหรอ!?」   

ไม่มีใครโทษเคอร์นี่และคนอื่นๆได้ที่พูดเบาๆในความตกใจ

ทหารอาสาควรเรียงแถวใส่ชุดเกราะโทรมๆและถืออุปกรณ์ทำนาหรืออาวุธทำมือในมือพวกเขา

อะไรที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาต่างกันอย่างสิ้นเชิง

「ค-คนเหล่านี้เป็นทหารม้าหนัก!!」   

「มีแถวพลธนูสามแถวเรียงอยู่!」   

ทหารม้าหนักใส่เกราะเหล็กเงางามและยืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ ถือโล่และดาบดูน่าประทับใจคล้ายกัน พลธนูเคลื่อนที่อย่างลื่นไหลในแบบที่ฝึกมา ดึงสายธนูและพร้อมที่จะยิงชุดการยิงลูกธนูพร้อมกันเวลาไหนก็ได้

แม้แต่ทหารราบและทหารม้าที่เสริมการป้องกันด้านข้างมีอาวุุธและชุดเกราะดีกว่ากองทัพของเคอร์นี่

「ด-เดี๋ยว คนเหล่านี้เป็นใคร!?」   

มันเกิดขึ้นขณะเคอร์นี่ที่ลนลานหาคำตอบจากลูกน้องของเขา

「พลธนู ปล่อยชุดยิงแรก!!」   

กองทัพทหารอาสาที่ไม่รู้ที่มายิงธนู กองทัพแนวหน้าจากแวนโดเลียยกอาวุธอย่างไม่เต็มใจ

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

เรื่องราวข้างเคียง: การค้นพบใหม่

「อาา…… หน้าอกหนูน่าทึ่งเลย พวกมันนุ่มและรู้สึกเหมือนร่างกายพี่จมโดยพวกมัน」

「ขอบคุณ อ๊านน! มาก…… ฮืันนน!」   

ผมกอดนนน่าอย่างแน่นขณะผมกระแทกสะโพก

อย่างที่คาด เธอชอบมากที่สุดเมื่อผมรัดแขนรอบเธอระหว่างผมแทง

「อ๊าา…… น๊าาาาาาาาาา!! ฮฮฮฮฮิ๊……」   

นนน่าได้ความเสียวมากพอแต่เธอดูเหมือนทุกข์เล็กน้อย

มันไม่น่าตกใจ เพราะเจี๊ยวผมใหญ่ขึ้นและแข็งกว่าปรกติตอนนี้

ถ้าผมยดให้นานขึ้น มันจะเริ่มทำให้รูเธอเจ็บ นั่นทำไมผมควรนำมันออกเร็วๆนี้

「นนน่า! จะแตกแล้ว…… พี่จะเทน้ำเชื้อพี่ข้างใน」   

「ด-ได้เลย โอ้วววว–!!」   

ผมโอบกอดนนน่าแรงขึ้นและน้ำแตกอย่างรุนแแรงนมมหึมาของเธอที่ขยี้ผมรู้สึกน่าทึ่ง

ไม่เพียงแค่นั้น เธอมีน้ำนมแม่ ดังนั้นผมรู้สึกอุ่นจากนมที่เล็ดมาหน้าอกผมได้

「โอออออ้ มันไม่หยุด มันยังมาอีก」   

「อาา…… อาาาาาาา…… ฮาฟฟุ……」   

ขณะการน้ำแตกของผมดำเนินต่อไป นนน่าหมดสติในแขนของผม

กระนั้น เจี๊ยวผมไม่หยุดเต้น

「อุโอออออ้! พี่ยังแตกอยู่! กุ่โออออออ้! อุ้ย นี่ไม่ดีแล้ว」   

หลังจากเห็นท้องนนน่าขยายพอที่จะทำให้เธอดูเหมือนท้อง ผมรีบดึงออก ยิงอสุจิที่เหลือสู่อ่าง

ผมเกือบทำภรรยาผมระเบิดแล้ว

……อ่างน้ำเกือบเต็มและการน้ำแตกของผมยังแรงกล้าอยู่

ผมต้องการอีกอ่าง

「จำนวนนี้ทำให้แม้แต่พี่ตกใจ」   

ผมไม่ได้ใช้ยาหรืออะไรแบบนนั้นครั้งนี้

ผมแค่อยากจะมีความสุขกับหน้าอกนนน่าและดื่มด่ำกับกายเปลือยของเธอ

ถ้าเล่นๆ ผมอยากให้เธอใส่สร้อยทองไร้แนวที่เธอซื้อในลิบาตติสระหว่างเธอเปลือย

「ฉันไม่คิดว่าสร้อยไร้รสนิยมนี้จะเหมาะดีมาก」   

บางอย่างส่องสว่างจะไม่เหมาะกับชุดธรรมดา

แต่เมื่อร่างกายเปลือยนนน่า พร้อมด้วยผิวขาวที่แดงเล็กน้อยถูกแต่งเติมด้วยของนี้ มันทำให้ผมตื่นเต้นจริงๆ

มากกว่านั้น สร้อยนั้นพักอยู่บนหน้าอกยักษ์ของเธอ ส่องสว่างอย่างลามกทุกครั้งที่เธอทำการเคลื่อนไหว

ผมเก็บมันไว้ข้างในไม่ได้เมื่อผมเห็นและกระโจนใส่เธอ ถึงจุดสุดยอดสามครั้งติดกัน

「พี่คิดว่ามันดีถ้าหนูใส่นี่ครั้งหน้าที่เรามีเซ็กส์กันด้วย มันดูดีกับผู้หญิงหน้าอกใหญ่」   

หลังจากฉีดอสุจิจำนวนสองอ่าง ความรู้สึกเหนื่อยแบบดีๆเอ่อขึ้นมาภายในผมและผมหลับไม่นานหลังจากนั้น

ผมจะโอบกอดนนน่าในฝันของผมด้วย

「ฟุ…… ฟุฟุฟุ…… พอมาคิดว่าเขาจะมีไฟขนาดนี้…… นั่นหมายถึงมันคุ้มที่จ่ายราคาสูง」   

ผ-ผมคิดว่าผมได้ยินบางอย่าง…… อะไรก็ช่าง มานอนสำหรับตอนนี้

「ถ้าพี่ชอบเครื่องประดับนี้ ถ้าอย่างนั้นบางทีพี่ชอบอันนี้…… หรืออันนั้น…… หรืออันนั้น」   

เสียงหายใจเข้ากระทันหัน

「ถ้าฉันใช้ยาหลังจากแต่งตัว เขาจะ…… อะไรจะเกิดขึ้นกับฉัน?」   

ผมหลับระหว่างฟังการหัวเราะอ่อนๆ

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย ลอร์ดศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 163,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4500

กองทัพ: 12 000 คน

ทหารราบ: 8000 คน (รอพร้อมภายในดินแดน: 2000 คน), ทหารม้า 1000 คน, พลธนู: 1000 คน, ทหารม้าธนู: 2000 คน

ปืนใหญ่: 30 กระบอก, ปืนใหญ่มาก: 10 กระบอก

ทรัพย์สิน: 1070 ทอง (ออกศึกทหารอาสา -3000)

คู่นอน: 226, ลูกเกิดแล้ว: 48 + ปลา 555 ตัว

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน